31.12.51

ฉลองส่งท้ายปี 51 @ Giants

ฉลองเล็กๆ กับก๊วนคาราโอเกะไปแล้ว ก็ต้องหาโอกาสฉลองกับคนดีสักหน่อย ... วางแผนล่วงหน้าไว้เรียบร้อย เพราะร้านโปรดที่เลือกไว้ฉลองคราวนี้ ฮอตฮิตติดลมมากขึ้นเรื่อยๆ คนเยอะขึ้นเรื่อยๆ โทร.จองโต๊ะล่วงหน้าไว้ก่อน อุ่นใจที่สุด


เพราะปาร์ตี้กับก๊วนคาราโอเกะค่อนข้างดึก เช้าวันที่ 31 วันหยุดวันแรก เลยขอตื่นสายสักหน่อย ... เก้าโมงกว่าๆ งัวเงียลุกขึ้นมาอาบน้ำ แต่งตัว ไม่รีบร้อน เพราะนัดร้านไว้ตอนเที่ยง มีเวลาเอ้อระเหยเหลือเฟือ


ออกจากบ้านเกือบสิบเอ็ดโมง ถนนโล่ง รถวิ่งฉิว แป๊บเดียวถึงอาคารซิตี้ รีสอร์ท วนขึ้นที่จอดรถปุ๊บ ก็เจอที่ว่างให้จอดพอดี ... สะดวก สบาย เวลาเหลือเพียบ เพราะร้านยังไม่เปิด เลยลงมาเดินเล่นชั้นล่างดูของจุกจิก และของใช้ในซุปเปอร์มาร์เก็ต ... ใกล้เที่ยงก็ขึ้นไปยืนรอหน้าร้าน ลูกค้ามายืนรอเพียบ แจ้งชื่อ กับ รหัสจอง ก็ได้เบอร์โต๊ะมา รอเวลาร้านพร้อมให้บริการ


เที่ยงเป๊ะ ร้านเปิดให้ลูกค้าเข้าไปประจำโต๊ะที่แจ้งไว้ และสั่งอาหารได้ทันที ... ไม่ได้มาทานนานมากกกกกกกกกกก มีเมนูเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย แต่ราคาเท่าเดิม 450 บาทถ้วน ราคารวมอาหารและเครื่องดื่มไว้แล้ว นั่งทานได้เต็มที่ภายในเวลา 2 ชั่วโมง ... เมนูที่เพิ่ม เป็นเนื้อวัวให้เลือกอีก 1 แบบ เห็ดออรินจิ และเครื่องดื่มจากเดิมที่มีโค้ก กับ ชาบาร์เล่ย์ ก็มีเป็บซี่ เป็บซี่แม๊กซ์ น้ำเปล่า เป็นทางเลือกเพิ่มเติม


มากันสองคนก็ต้องสั่งแบบประมาณตัว แต่ก็เลือกครบทุกประเภท เนื้อหมู เนื้อไก่ กุ้ง แซลมอน จานใหญ่สำหรับ 2 คน อย่างละ 1 ... เนื้อสัน ปลาหมึก เนื้อหมู จานเล็กสำหรับคนเดียว อย่างละ 1 ... ส่วนผักเครื่องเคียงก็สั่งครบ ทั้งผักกาดหอม ผักยำ กิมจิ และเห็ดออรินจิ ที่อร่อยถูกใจเราทั้งคู่ อร่อยขนาดสั่ง 2 จานใหญ่ กับ 1 จานเล็ก ... ข้าวผัดกระเทียม คนละถ้วย และซุปสาหร่าย 2 ถ้วย ของคนดี


ของที่สั่งทยอยมาวางจนครบ แต่ เตายังไม่มา ... ทางร้านเกิดปัญหากับตัวเป่าถ่าน เตาเลยทยอยออกมาส่งได้แค่บางโต๊ะ มีอีกหลายโต๊ะที่ต้องชะเง้อชะแง้คอรอดูว่าเตาจะมาเมื่อไหร่ ... ครึ่งชั่วโมงผ่านไป เตาก็ยังไม่มา คนดีที่หิวมากเริ่มหงุดหงิดเล็กๆ เราก็หิวมากเหมือนกัน พยามยามทำใจร่มๆ ปรับตัวไปอยู่โหมดประหยัดพลังงาน นั่งนิ่งๆ ... สักพักก็มีเจ้าหน้าที่มาเดินแจ้งปัญหา พร้อมขอโทษ และจะต่อเวลาให้



พอเตามาเท่านั้นหล่ะ เราสองคน คีบ วาง ย่าง ปิ้ง จิ้ม และส่งเข้าปาก เป็นสเต็ปต่อเนื่องไม่ขาดตอน ... กินกันหนุบหนับ แทบจะไม่ได้พูดกัน ... ชั่วโมงนิดๆ เริ่มอิ่ม สเต็ป และ สปีดก็เริ่มช้าลง สุดท้ายก็ยอมแพ้ วางตะเกียบ


หันไปสั่งขนมหวานประจำร้านนี้ ... ไอซ์ เยลลี่ ที่เปลี่ยนจากเยลลี่หนึบๆ ชิ้นเล็กๆ เป็นเยลลี่วุ้นมะพร้าว ชิ้นโตแทน ... แอบคิดถึงเยลลี่ชิ้นเล็กๆ หนึบๆ จัง


อิ่มครบสูตร ก็เรียกเช็คบิล ... เติมพลังอิ่มเต็มท้องเรียบร้อย ก็ได้เวลามุ่งหน้ากลับบ้าน เตรียมตัวเริ่มการทาสีห้องใหม่ ... ที่กินเข้าไปมื้อนี้ เดี๋ยวก็คงย่อยเรียบ
คนดีขาขอบคุณนะคะ ที่เป็นเจ้ามือมื้อนี้ ... เดี๋ยวมื้อหน้าวันเกิดคนดี เราเป็นเจ้ามือเอง จะพาไปหม่ำที่ร้านไหนดีน้า

30.12.51

คาราโอเกะปาร์ตี้ ส่งท้ายปีชวด

ก๊วนคาราโอเกะกลับมารวมตัวอีกครั้ง อำลาปีชวดค่ะ เป็นปาร์ตี้ย่อมๆ ส่งท้ายวันทำงานวันสุดท้ายของปี 51 ... เป็นไอเดียริเริ่มของสมาชิกก๊วนคาราโอเกะที่ลาออกไปแล้ว ไม่รู้ว่าเกิดเหงา คันปาก หรืออยากเฮฮา เลยส่งเสียงตามสายมาชวนกันไปเกะ


ตอนแรกจะนัดวันที่ 29 ธันวา ... สมาชิกท้วงติงว่าวันรุ่งขึ้นยังต้องทำงานอีกวัน กระเถิบมาเป็น 30 ธันวาแล้วกัน จะได้เฮฮาได้ดึกๆ ดื่นๆ เต็มที่ ... ว่าแต่จะมีคาราโอเกะที่ไหนว่างเหรอ ??? ... สมาชิกบอก "ไม่มีปัญหา รุ่นน้องเจอคาราโอเกะใหม่ รู้จักกัน เช็คแล้วว่ามีห้องว่างแน่นอน" ... เอ้า ว่าไงก็ว่าตามกัน ลองเสี่ยงดู


วันที่ 30 วุ่นวายเคลียร์งาน เคลียร์เอกสารเตรียมรับปีใหม่ พอเลิกงานสมาชิกก๊วนลงมานั่งรอเป็นแถว กดดันกันน่าดู รีบจับเอกสารลงกระเป๋า ... ราวๆ ห้าโมงครึ่งก็พุ่งออกจากออฟฟิศ คนดีแวะทำธุระที่คาร์ฟูร์ สาวๆ ที่เหลือก็เดินเล่นรอนิดหน่อย ... เสร็จธุระก็ตรงดิ่งไปที่หมาย Hip Karaoke ที่ Hip Hotel


ไม่มีใครเคยไปที่นี่ ต่างคนก็ต่างสงสัยว่าอาหารจะเป็นยังไง ระบบเครื่องเสียงจะเป็นยังไง ... ไปถึงก็อึ้งๆ งงๆ เพราะเป็นโรงแรมที่เพิ่งรีโนเวทใหม่ ไม่รู้ว่ากิจการเดิมทำอะไร แต่โดยรวมก็ดูสดใสดี ไปถึงห้องคาราโอเกะก็วี๊ดว๊าย กรี๊ดกร๊าด เพราะห้องกว้างใช้ได้ เบาะนั่งตัวยาว นั่งสบาย แถมมีห้องน้ำในตัวด้วย ... เจ้ารุ่นน้องที่จองห้องให้บอกว่า กิจการเดิมเป็นอ่าง มิน่าเล่า ถึงมีห้องน้ำในตัวเสร็จสรรพ แต่ก็สะดวกดี


ระบบเสียงก็ใช้ได้ มีไฟกะพริบแบบเธคอีกต่างหาก ลองเปิดเล่นกันแป๊บเดียว เพราะเปิดนานแล้วตาลาย มึนหัว ... ระบบคอมฯ ทันสมัย เลือกเพลงง่ายดี มีเพลงทั้งเก่า ใหม่ หลากหลายแนวให้เลือกเยอะ ... ส่วนเรื่องสำคัญคือ อาหารค่ะ อาหารรสชาติใช้ได้ ลองสั่งมาชิมกันหลายเมนู สมาชิกส่วนใหญ่บอกว่าอร่อย ราคาก็คบได้ ... สมาชิก 9 คน กินกันเต็มที่ ร้องกันเต็มพิกัด ค่าห้องกับค่าอาหารเบ็ดเสร็จแล้ว เกือบๆ สี่พันบาท


ร้องไป กินไป ตั้งแต่ทุ่ม จนเกือบๆ ตีหนึ่ง ... เป็นปาร์ตี้เรียกน้ำย่อยเล็กๆ ส่งท้ายปีแบบเฮฮา รื่นเริง ก่อนสมาชิกจะแยกย้ายสลายตัวไปปาร์ตี้อำลาปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ตามแผนของแต่ละคน ... แต่คาดว่าก๊วนคาราโอเกะคงจะนัดรวมตัวกันที่นี่อีกแน่ๆ เพราะคนไม่เยอะ เป็นทางเลือกสำหรับวันที่อยากร้องคาราโอเกะแบบฉุกเฉิน

27.12.51

นครนายก ... พักผ่อน ตะลอนชิม

ตั้งใจจะหาที่เที่ยวพักผ่อน รับอากาศเย็นๆ ส่งท้ายปีเก่า แต่คนดีบอกว่าคนเยอะ รถเยอะ เหนื่อยกับการขับรถ ... เลยขอกระเถิบมาเป็นเสาร์-อาทิตย์ ก่อนลาปีเก่าแล้วกัน


โจทย์ คือ เที่ยวใกล้ๆ ขับรถไม่ไกล ไปง่ายๆ อากาศเย็นสบายนิดหน่อย ... สรุปลงตัวที่ "นครนายก" เพราะมีที่พักที่หมายตาเอาไว้แล้ว แต่ยังหาโอกาสไปไม่ได้สักที ... นี่แหละ เหมาะเจาะลงตัวที่สุด


ได้ที่พักแล้ว ก็ต้องวางโปรแกรมสถานที่ท่องเที่ยว และร้านอาหาร ... คว้าหนังสือคู่มือนำเที่ยวประจำตัว กับจิ้มหาข้อมูลจากเทวดากูเกิ้ล ... จัดการเองเสร็จสรรพ คนดีรู้ข้อมูลก่อนออกเดินทาง 1 วัน


เย็นวันศุกร์คนดีต้องไปทำธุระให้ที่บ้าน เราเลยเก็บเสื้อผ้า หอบไปนอนค้างที่บ้านคนดี ตกลงกันว่าจะออกจากบ้านคนดีราวๆ 7.30 น. เพราะคนดีต้องแวะทำธุระสักหน่อยก่อน ... กะว่าจะเข้านอนแต่หัวค่ำ แต่คนดีมีงานต้องเตรียมสติกเกอร์ส่งให้ซัพพลายเออร์ไปผลิตต่อ งานนี้ยากเกินที่เราจะช่วยได้ ทำได้แต่ให้กำลังใจ และหลับผล็อยไป


หลับๆ ตื่นๆ อยู่ตลอด ลืมตาไม่เจอคนดีนอนข้างๆ สักที ยังนั่งเคลียร์งานไม่เสร็จ ... จนนอนอิ่มเต็มตา ตื่นมาราวๆ เจ็ดโมง เลยเดินหาคนดี ... ยังนั่งทำงานไม่เสร็จเลยค่ะ ตายแล้ว ไม่ได้นอนเลยทั้งคืนเหรอเนี่ย


เราอาบน้ำแต่งตัวแล้วก็นั่งรอ พอคนดีจัดการงานเสร็จก็อาบน้ำแต่งตัว เก็บของ เตรียมออกเดินทาง ... สายจากที่ตั้งใจไว้ราวๆ 2 ชม. ออกจากบ้านตอน 9.30 น.ได้ ... ตรงดิ่งไปรังสิตทันที เพราะคนดีแวะหาซัพพลายเออร์แถวนั้น พอส่งงานเรียบร้อยก็ได้เวลาเริ่มต้นทริปแล้ว


ใช้นโยบายกองทัพต้องเดินด้วยท้องเหมือนเดิม เพราะออกเดินทางตอนสายๆ เลยเหมารวบมื้อเช้า+กลางวันไว้ด้วยกันซะเลย ... ผ่านรังสิต ก็ต้องกิน 'ก๋วยเตี๋ยวเรือรังสิต' ซิ


เลือก เรือ "สวัสดี" เพราะอยู่ต้นทาง เคยมาชิมแล้ว และมีอาหารให้เลือกหลายอย่าง ... หมี่น้ำตกหมูทุกอย่าง เล็กน้ำตกชิ้นตับ ไก่สอดไส้แฮมชีส และเฟรนช์ฟราย ... อยากกินก๋วยเตี๋ยวเรือแต่ก็กลัวไม่อยู่ท้อง เลยต้องมีเนื้อๆ มาถ่วงให้อิ่มเต็มที่ ... ได้บลูมะนาวโซดา หวานๆ เปรี้ยวๆ ล้างปากแทนขนมหวาน


อิ่มแล้วก็เริ่มเที่ยวได้ แต่กว่าจะไปถึงจุดหมายต่อไปก็ลำบากน่าดู เพราะคนดีที่อดนอน แล้วเพิ่งกินอิ่มๆ เจอกับแดดที่เริ่มแรง ตาเลยพาลจะปิดซะให้ได้ ... บ่นกระปอดกระแปดว่าง่วง อยากให้เราขับแทน แต่เราไม่ยอม เพราะถ้าเราขับ คงไม่มีคนช่วยดูทาง แล้วอีกไม่ไกลก็จะถึงแล้ว


สุดท้ายคนดีก็ฝืนตาขับมาถึง องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ต.คลองห้า อ.คลองหลวง ... ลดอายุย้อนวัยมาเป็นเด็กๆ อีกครั้ง จ่ายค่าเข้าชมคนละ 70 บาท ก็เริ่มสำรวจพิพิธภัณฑ์กันได้เลยค่ะ




เริ่มที่ "พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์" ที่ตัวอาคารเป็นทรงลูกบาศก์ 3 ลูก เกาะเกี่ยวกันอยู่ ... ภายในมี 6 ชั้น ให้เราได้ 'เรียนรู้วิทยาศาสตร์ในบรรยากาศแปลกใหม่ ทันสมัย เพลินเพลินกับการทดลอง และค้นพบด้วยตัวเอง' ... แต่ละชั้นมีเรื่องราวต่างๆ ให้ได้เรียนรู้และทดลอง เพลินดีค่ะ


คนเข้าชมไม่ค่อยเยอะ ไม่พลุกพล่านวุ่นวาย ออกจะโล่งๆ เกินไปจนดูเหงาไปสักหน่อย แต่ก็เดินได้เพลินๆ ดี ... คนดีที่ทั้งง่วงจัด อิ่มจัด เจอแอร์เย็นๆ บรรยากาศเงียบๆ เลยง่วงงุน จนเผลอนั่งหลับสัปหงกอยู่หน้าบอร์ดนิทรรศการ ... บอกให้คนดีออกไปงีบหลับรอในรถก่อนก็ได้ เดี๋ยวจะรีบเดินสำรวจคนเดียวแบบเร็วๆ แต่คนดีไม่ยอม บอกเสียดายค่าตั๋วที่ซื้อเข้ามา ... พอดูชั้นบนๆ ขึ้นไปเรื่อยๆ คนดีก็ค่อยๆ ตื่น เพราะมีอะไรให้ดู ให้ทดลองเล่นเยอะ สนุกดี ชั้นโปรดของเราสองคน คือ ชั้น 3 ค่ะ ... ถ้าอยากรู้ว่าชั้น 3 มีอะไรก็ต้องลองไปชมนะคะ


เดินเพลินจนเริ่มเมื่อย ใช้เวลาไปร่วมๆ 2 ชั่วโมงแล้ว ... เลยเปลี่ยนใจไม่ไปดู "พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา" ที่อยู่อีกตึกหนึ่ง ขอติดเอาไว้ครั้งหน้าแล้วกัน ... ตอนนี้คนดีทั้งเหนื่อย ทั้งเพลีย ทั้งง่วง


ออกจาก คลอง 5 มุ่งหน้าไปคลอง 6 ... ก่อนจะเดินทางต่อก็ต้องแวะเติมพลังอีกหน่อย มีเจ้าถิ่นแถวคลองรังสิตแนะนำให้มาชิมเค้กที่ร้าน "a cup of trees"


ร้านขนาดกะทัดรัด บรรยากาศสบายๆ มีมุมต่างๆ ให้เลือกนั่ง เหมือนนั่งอยู่ในห้องรับแขกบ้านเพื่อน ... คนดีสั่ง โกโก้เย็น กับ Blueberry Crumble Cheesecake ... ส่วนเราสั่ง Lime Peppermint Frost กับ Truely Deeply Chocolate Cake ... อร่อยทุกอย่างค่ะ แต่ที่ชอบใจมากๆ ก็คือ Lime Peppermint เป็นน้ำมะนาวปั่น เปรี้ยวนิดๆ แต่มีกลิ่นกับรสเป๊บเปอร์มินท์ หอมๆ เย็นๆ ติดอยู่ปลายลิ้น ดื่มแล้วสดชื่นดีค่ะ


ท้องอิ่ม พุงตึงอีกรอบก็เดินทางกันต่อ คราวนี้ยิงยาวตรงไปที่พักเลย ... คนดีขอแวะเข้าห้องน้ำที่ปั๊มหน่อยนึง จัดการธุระเรียบร้อยก็เดินมาเคาะหน้าต่างฝั่งข้างคนขับ ให้เราสลับที่ไปขับ ส่วนคนดีจะขอหลับ ... เราก็ค่อยๆ ขับไปแบบโดดเดี่ยว เพราะย้ายที่นั่งปุ๊บ คนดีก็หลับปั๊บ ปล่อยให้เราดูทาง และดูแผนที่ไปเอง


ถนนสายหลักค่อนข้างดี ขับไม่ยาก แต่พอเข้าสายรองที่จะไปที่พักคนดีก็ตื่นมาช่วยดูทาง ช่วยหาจุดสังเกต เพราะแผนที่ไม่ค่อยละเอียด ... แล้วก็มาถึง "บ้านกล้วย กล้วย รีสอร์ท" โดยสวัสดิภาพ


ที่พักกว้างขวาง ต้นไม้เยอะ ร่มรื่น เลือกห้องพักเป็นบ้านไม้ มีระเบียงอยู่ติดริมน้ำ ทีวี แอร์ เครื่องทำน้ำอุ่น ครบถ้วน ห้องกว้างขวาง สะดวกสบายใช้ได้ ... พอเจอที่นอน กับ แอร์เย็นๆ เลยแข่งกันหลับ


ตื่นมาเกือบๆ หกโมง ล้างหน้าล้างตา ออกไปเดินถ่ายรูป ยืดแขนเก็บรูปคู่ตามธรรมเนียมสักหน่อย ... อากาศสบาย ไม่ร้อน แค่เย็นๆ ไม่ถึงกับหนาว ทำเอาเราสองคนผิดหวังนิดหน่อย เพราะกะว่าน่าจะเย็นชุ่มฉ่ำกว่านี้


ตั้งใจจะมาพักผ่อน เลยฝากท้องมื้อเย็นไว้ที่รีสอร์ท ... มีรายการอาหารให้เลือกพอสมควร เราสองคนกะจะสั่งเบาๆ ง่ายๆ เลือกไปเลือกมา ข้าวราดผัดกะเพราหมูสับ ไก่คั่วเกลือ เห็ดผัดน้ำมันหอย ยำทูน่า ... กินแล้วอิ่มท้องตึง พุงเต่ง ไม่เบาอย่างที่ตั้งใจเลย


อิ่มแล้วก็กลับเข้าห้อง ไปนอนผึ่งพุงดูทีวี นอนอ่านหนังสือ ... สุดท้ายก็หลับผล็อยไปจริงๆ


ตื่นเกือบแปดโมง เดินรับลมเย็นๆ พัดมาวูบๆ ไปหม่ำมื้อเช้ากันต่อ ... มีให้เลือก 2 ชุด ระหว่างอเมริกันเบรคฟาสต์ หรือ ข้าวต้ม ตกลงเลือกเหมือนกัน อิ่มกำลังสบาย ... อิ่มแล้วก็กลับเข้าห้อง ดูทีวี แล้วก็ผล็อยหลับไปอีก ก่อนจะตื่นมาอาบน้ำ เก็บของ เตรียมตัวกลับ


ออกจากที่พักใกล้ๆ เที่ยง ก็ต้องแวะเติมพลังมื้อเที่ยงกันก่อน ไม่รู้จะเลือกร้านไหนดี คว้าคู่มือท่องเที่ยวมาอ่าน ... คนดียกอำนาจการตัดสินใจให้เต็มที่ เลยเลือกร้านที่อยู่ใกล้ๆ จุดหมายต่อไปดีกว่า เพราะมีส้มตำที่คนดีบ่นอยากกิน


ตอนแรกไม่มั่นใจ เพราะคู่มือเที่ยวค่อนข้างเก่า ไม่แน่ใจว่าเปลี่ยนแปลงรึยัง แต่พอเห็นรถจอดเป็นแนวก็มั่นใจ ... ว่าแต่มีร้านอยู่ติดๆ กัน 2 ร้านจะเลือกร้านไหนดี ลังเลอยู่พักเดียวก็เลือกร้าน "ไก่ย่าง ดีดี" เพราะมีทั้งไก่ย่าง ส้มตำ ครบสูตร


ตำไทยใส่ปู ตำหอยดอง ไก่ย่าง ข้าวเหนียว ... ส้มตำรสชาติใช้ได้ ไก่ย่างอร่อย ข้าวเหนียวดำอร่อยกว่าข้าวเหนียวขาว ... หลังจากนั่งสังเกต ก็รู้สึกว่าเลือกร้านถูก เพราะมีลูกค้าเดินเข้าร้านมาเรื่อยๆ ทั้งคน ทั้งรถ เยอะมาก อิ่ม อร่อย กำลังสบาย


อิ่มแล้วก็ไปต่อค่ะ จุดหมายอยู่ไม่ไกล "โรงเรียนนายร้อย จปร." เพราะตั้งใจจะแวะมายิงปืนที่สนามยิงปืนค่ะ ... เคยมายิงปืนที่นี่ครั้งนึงแล้วติดใจ พอผ่านมานครนายก ก็เลยตั้งใจว่าจะแวะให้ได้


จ่ายตังค์ซื้อเป้าและกระสุน คนละชุด เริ่มต้นที่ .38 ก่อน ... มีเจ้าหน้าที่พร้อมให้คำแนะนำ และยืนดูแลระหว่างยิง ตอนเล็งเป้าไม่ยาก แต่ตอนเหนี่ยวไก "เบา แต่เร็ว" นี่ซิคะ ยากจัง ... ผลคะแนน เราได้ 60 คนดีได้ 66




ย้ายไปลองปืนยาว .22 เพราะติดใจตั้งแต่ครั้งก่อน ... ปืนยาวยิงง่ายกว่า เพราะไม่ต้องถือ เหนี่ยวไกง่าย แต่เล็งลำบากหน่อย เพราะเป้าอยู่ไกล ... ผลคะแนน คนดีได้ 99 ส่วนเราได้ 100 เต็ม เย้ เย้ เย้ ... ยิงได้คะแนนสูง เลยได้โค้กกระป๋องเป็นรางวัล


พักผ่อน ตะลอนเที่ยว ตะลอนชิม ได้ครบตามโปรแกรมที่ตั้งไว้ ... ก็มุ่งหน้ากลับเข้ากรุงเทพฯ ผ่านบ้านตัวเอง ตรงไปบ้านคนดี เพราะมีงานปาร์ตี้ปีใหม่กับพี่ๆ น้องๆ ของคนดีรออยู่


ปาร์ตี้หมูกระทะ กับพี่ๆ น้องๆ ของคนดี สนุก เฮฮา อิ่ม อร่อย ... ระหว่างที่กิน ก็มีเสียงน้องๆ บ่นอยากไปเที่ยว คนดีเลยหันมามอบหมายหน้าที่ ให้เราหาข้อมูลว่าจะยกขบวนสมาชิกที่บ้านไปเที่ยวไหนดี ... จะจัดทริปนำขบวนไปไหนดีน้อ

23.12.51

ดึกๆ ดื่นๆ

ปกติคนดีเป็นเด็กอนามัย กินง่าย หลับง่าย อิ่มปุ๊บ ง่วงปั๊บหลับได้ทุกที่ ทุกสถานการณ์ ถ้าไม่มีอะไร 4-5 ทุ่ม ก็หลับผล็อยไปแล้ว ... ตั้งแต่ทำงานเอง ต้องเคลียร์งานนั่นนู่นนี่ เลยจำใจจะต้องนอนดึก เที่ยงคืน ตีหนึ่ง เรื่อยไปจนถึง ตีสามก็มี


เวลาเข้านอนเปลี่ยน เวลาตื่นก็เปลี่ยน ... จากที่เคยตื่น ตี5 ก็เลื่อนมาตื่นราวๆ 8-9 โมง ยกเว้นวันไหนที่มีธุระออกมาแต่เช้า ก็ตื่นตี 5 แล้วมาแวะงีบที่บ้านเราต่อ


เมื่อศุกร์ที่ผ่านมา บรรยากาศ ดึกๆ ตื่นๆ ก็เข้าครอบงำที่บ้านเราด้วย ... เพราะคนดีต้องทำแผ่นป้ายอะคริลิค ส่งต่อไปให้ซัพพลายเออร์ ที่จะเอาแผ่นป้ายไปประกอบกับตุ้ เพื่อจะส่งลูกค้าวันอังคาร ... คนดีมาหาตั้งแต่เช้า แวะมาส่ง แล้วออกไปเช็คงานที่โรงงานนึง แล้วก็วนกลับเข้ามาออฟฟิศเราต่อ มาปักหลัก ประดิษฐ์ป้ายอะคริลิค ตั้งแต่ช่วงบ่ายๆ


อุปกรณ์ที่เห็น ... ป้ายอะคริลิคแผ่นใหญ่ ป้ายอะคริลิคแผ่นเล็ก ตลับเมตร ดินสอ ปากกา กาวเชื่อมอะคริลิค พู่กัน


ขั้นตอนการทำ ... ลอกสติกเกอร์อะตริลิคแผ่นใหญ่ออก 1 ด้าน ลอกสติกเกอร์แผ่นเล็กออก 1 ด้าน ใช้ตลับเมตรวัดระยะ ก่อนจะติดอะคริลิคแผ่นเล็กซ้อนด้านหลังแผ่นใหญ่ ทากาวเชื่อม ... เสร็จเรียบร้อย


คนดีนั่งประกอบชิ้นงานไปเรื่อยๆ ตั้งแต่บ่ายต้นๆ จนเย็น เราเข้าใจว่าคนดีทำแค่นี้ ก็เรียบร้อย ส่งต่อให้ซัพพลายเออร์ได้ ... แต่คนดีก็บ่นว่า ต้องยกกล่องอุปกรณ์อะคริลิคมาประกอบที่บ้านเราต่อ ... ฟังแล้วก็สงสัยว่าจะต้องทำอะไร ต้องทำกี่ชิ้น แต่ก็ไม่ได้ถาม เพราะมัวแต่จะรีบออกไปดูหนัง


พอกลับถึงบ้าน ก็ตามเจ้าน้องชายมาช่วยยกกล่องใบใหญ่เบ้อเริ่มลงจากรถ ... เราเข้าห้องได้ก็รีบอัพบล็อก บอกให้คนดีลุยงานไปก่อน อัพบล็อกเสร็จแล้วจะหันมาช่วย ... พออัพบล็อกเสร็จหันมาดูคนดี เห็นสมบัติที่กองตรงหน้าแล้วก็อึ้ง ว่าทำไมถึงได้มีกองอะไรเยอะแยะนัก


สรุปคือ คนดีต้องทำงานส่งซัพพลายเออร์วันพรุ่งนี้ 25 ชิ้น ที่คนดีนั่งประกอบมาครึ่งวันนั่น แค่งานขั้นต้น ... ยังมีขั้นปลาย รายละเอียดเพิ่มเติมอีก ได้แก่ ตัวหนังสืออะคริลิค 7 ตัว วงกลมใหญ่ วงกลมเล็ก สามเหลี่ยมเล็ก และครึ่งวงกลมเล็ก ซึ่งทุกชิ้น ต้องแกะสติกเกอร์ทั้ง 2 ด้านออก ก่อนจะเชื่อมให้ติดกัน ... จากนั้น เอาสติกเกอร์โลโก้ และสติกเกอร์ตัวหนังสือ แปะทับบนตัวอะคริลิค ถึงจะเสร็จเรียบร้อยจริงๆ


โรงงานนรค ที่มีพนักงาน 2 คน เลยเปิดตอนเวลาสี่ทุ่มกว่าๆ เรารับหน้าที่ลอกสติกเกอร์ออก แล้วให้คนดีทากาวเชื่อม ... ลอกสติกเกอร์ ค่อนข้างลำบาก เพราะตัวหนังสือไม่ใหญ่มาก แรกๆ ก็ใช้เล็บสะกิดให้ลอกออกง่าย แต่ชัดจะเจ็บเนื้อ เลยคว้าเอาแหนบมาช่วยดึง ... ส่วนคนดีก็เรียงตัวหนังสือ ทากาวประกอบเชื่อมไปเรื่อยๆ


นั่งทำงานกันไป คุยกันบ้าง ฟังทีวีบ้าง ... ทั้งเมื่อยตา เมื่อยตัว แต่ก็ไม่หยุดมือ แกะเรียบร้อย ประกอบติดเรียบร้อย 25 ชิ้น ตอนตี 2 นิดๆ ... ไม่ไหวแล้ว ชวนกันไปอาบน้ำ มานอนก่อนดีกว่า คนดีบอกว่า ที่เหลือติดสติกเกอร์ ไว้ค่อยติดตอนเช้าก็ได้ ขอนอนพักก่อน ... 2 คน หลับเหมือนสลบ


เช้าวันเสาร์ เสียงมือถือที่ตั้งไว้ 8.30 ดัง ก็ปลุกให้คนดีลุกมาติดสติกเกอร์ต่อ ... ส่วนเราตื่นมานั่งงัวเงียสักพัก พอตั้งสติได้ก็คว้าตะกร้าผ้ามาแยกผ้า ไปเข้าเครื่องซักส่วนนึง แล้วลงไปอุ่นข้าวผัดปลาทู ที่หม่ามี้ทำไว้ให้ ตักเข้าปากตัวเอง สลับกับป้อนคนดีที่ง่วนกับสติกเกอร์ ... ราวๆ 10 โมงกว่าๆ ก็เสร็จเรียบร้อย อาบน้ำแต่งตัว คนดีเอางานไปส่งซัพพลายเออร์ ส่วนเราไปเดินดูของที่เซ็นทรัล


ราวๆ บ่ายสองโมง คนดีวนรถมารับ มุ่งหน้ากลับบ้าน ... เพราะยังต้องประกอบอะคริลิคแบบเดิมอีก 35 ชิ้น ซึ่งจะต้องส่งงานวันรุ่งขึ้น ... โรงงานนรกเปิดอีกแล้ว สาหัสซะด้วย เพราะยังไม่ได้เริ่มต้นทำอะไรเลย


ถึงบ้านปุ๊บ คนดีนั่งลอกสติกเกอร์ของอะคริลิคแผ่นใหญ่ กับแผ่นเล็ก ส่วนเรารับผิดชอบลอกตัวหนังสือ และชิ้นงานเล็กๆ ทั้งหมด ... นั่งลอกไป คุยกันไป ฟังทีวีกันไปเหมือนเดิม ราวๆ บ่ายสามโมงครึ่ง ก็ต้องพักงาน ออกไปรับสาวกวางที่บ้าน แล้วมุ่งหน้าไปบ้านนาย ที่นัดปาร์รี้รวมพลอดีตพนักงาน ... เราติดเอาตัวหนังสือไปนั่งลอกบนรถด้วย พอรับสาวกวางขึ้นรถ ก็ได้แรงงานช่วยลอกสติกเกอร์วงกลมใหญ่เพิ่ม


กิน ดื่ม เม้าท์ ฮา สังสรรค์กันจนห้าทุ่มกว่า ก็ขอตัวกลับ เพราะเรายังมีงานรออยู่ ... กลับถึงบ้านปุ๊บก็เริ่มลุยงานกันทันที คนดีทากาวเชื่อมอะคริลิค ส่วนเราก็ลอกสติกเกอร์ชิ้นงานเล็กๆ ทุกชิ้น ลอกเสร็จพอดีกับที่คนดีใกล้จะเชื่อมงานชิ้นใหญ่เสร็จ เราก็เรียงตัวหนังสือ กับ ชิ้นงานเล็กๆ ลงช่องไว้ให้คนดีหยอดกาวเชื่อม ... พอเราเรียงเสร็จ ก็คว้าพู่กัน จุ่มกาว ช่วยเชื่อมตัวหนังสือต่อ ไม่มั่นใจฝีมือตัวเอง เชื่อมเสร็จก็ส่งให้คนดีตรวจเช็ค


ทำงานไป คุยกันไป ฟังเสียงทีวีไป และเริ่มง่วงงุนขึ้นเรื่อยๆ ก็เชื่อมชิ้นงานทั้งหมดเรียบร้อย หันไปดูนาฬิกา ตี 3 แล้ว ... เลยบอกคนดีว่าไม่ไหวแล้ว ง่วงจัง ขอไปอาบน้ำก่อน ระหว่างนั้นคนดีก็ติดสติกเกอร์วงกลมเล็ก ... อาบน้ำเสร็จ ก็ขึ้นมาช่วยแกะสติกเกอร์ให้คนดีติดวงกลมใหญ่ ก่อนจะไล่คนดีไปอาบน้ำนอน แล้วค่อยมาแปะสติกเกอร์ตัวหนังสือต่อพรุ่งนี้ ... ตี3 กว่าใกล้ ตี 4 ก็สลบเป็นตาย


เช้าวันอาทิตย์ เสียงมือถือที่ตั้งไว้ดังปลุกเหมือนเดิม คว้าส่งให้คนดีแบบไม่รู้ตัว แล้วก็หลับต่อ ... พักใหญ่ถึงได้ฟื้นขึ้นมา แล้วก็จัดแจงหาขนม มื้อเช้ามารองท้องตัวเองกับคนดี ก่อนจะเผอลหลับไปอีกรอบ ... ใกล้ๆ เที่ยง คนดีมาปลุกบอกว่าเสร็จแล้ว จะออกไปส่งงาน เดี๋ยวจะกลับมารับไปเดินจตุจักร ฟังแบบหลับๆ ตื่นๆ


นอนดึกๆ 2 คืนติดๆ กัน ทำเอาเหนื่อยๆ พิกล คืนวันจันทร์เลยเข้านอนค่อนข้างเร็ว ... คืนวันอังคารก็ยังไม่ดีขึ้น ห้าทุ่มกว่าก็ตาจะปิดแล้ว แต่ยังปิดไม่ลง เพราะห่วงคนดี ... วันอังคารคนดีมีงานออกไปติดตั้งงานให้ลูกค้า ที่ร้านที่พัทยา 3 ร้าน ตะลอนติดตั้งงานตั้งแต่ 11 โมงกว่า จนจะเที่ยงคืนโทรไปหา ก็ยังติดตั้งงานไม่เรียบร้อยดี ... ตายแล้ว จะเสร็จกี่โมง แล้วจะขับรถกลับยังไง


ฝืนตาจนรอรับสายจากคนดีว่าติดตั้งงานเรียบร้อย กำลังจะกลับ มีพี่อีกคนนั่งกลับมาด้วย ... โล่งอก สบายใจ หลับได้ซะที ... ก่อนวางสายบอกคนดีว่าถึงบ้านแล้วโทรหาด้วย แต่ไม่ได้ยินเสียงใดๆ ตื่นเช้ามาก็เจอ sms ที่คนดีส่งมารายงานว่าถึงบ้านปลอดภัย สบายดี เหลือดูเวลา ตี 3 นิดๆ ... โธ่ ดึกอีกแล้ว น่าสงสารจัง


ผลของการนอนดึกๆ ดื่นๆ อยู่บ่อยๆ เริ่มทำให้คนดีกังวล เพราะขอบตาเริ่มคล้ำ และผิวหน้าเริ่มมีริ้ว ... เนื่องจากคนดีผิวแห้งมาก แห้งแล้วลอกเป็นขุย ผิวเป็นริ้วรอยง่าย นอกจากใช้ครีมฉ่ำๆ แล้ว การได้นอนอิ่มๆ ก็ช่วยให้แก้มตึง หน้าเด้งได้ ... หลังๆ นอนดึกบ่อยๆ เริ่มกังวล แล้วมีอาการต่อมสาวแตกเล็กๆ เลยยิ่งกังวลหนัก


เจอหางๆ นอนดึกไปด้วยแค่ 2 คืน ยังแย่เลย ... แล้วคนดีที่เคยนอนอิ่ม กลายมานอนดึกบ่อยๆ คงทั้งเหนื่อย ทั้งเพลีย ... คนดีจ๋า เดี๋ยว เสาร์-อาทิตย์นี้พาไปเที่ยวพักผ่อน จะปล่อยให้หลับให้เต็มอิ่มเลยนะคะ

22.12.51

กิจวัตรที่เปลี่ยนไป

หลังจากที่คนดีลาออกจากบริษัท แล้วมาทำงานเอง ... กิจวัตรหลายๆ อย่างที่เคยเกิดขึ้นก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ... ตอนนี้เริ่มคุ้นแล้ว


กิจวัตรเดิม ... คนดีมาหาที่บ้านแต่เช้า แวะงีบหลับ ขับรถไปส่ง โทรหากันบ้างระหว่างวัน บ่ายๆ เย็นๆ เจอกัน แวะเดินเล่น ทานข้าว และมาส่งที่ทำงาน กลับถึงบ้านคนดีโทรรายงานตัว ... ค่ำวันศุกร์ คนดีจะมาค้างด้วยเพราะเช้าวันเสาร์ต้องตื่นไปทำงาน บ่ายๆ เจอกัน ดูหนัง เดินเล่น ช้อปปิ้ง ไปตามประสา


กิจวัตรใหม่ ... เราตื่น และเดินไปทำงานเอง ถึงออฟฟิศโทรรายงานตัวให้คนดีรู้ว่าถึงออฟฟิศแล้ว ระหว่างวันโทรหาเป็นครั้งคราว ... ถ้าคนดีมีธุระต้องออกมาทำงานก็จะแวะมาหาบ้าง ... บ่ายๆ เย็นๆ เจอกันบ้าง ไม่เจอกันบ้าง ถ้าคนดีไม่แวะมาหาเลิกงานก็เดินกลับบ้านเอง หรือ อาจจะแวบไปช้อปปิ้ง


กิจวัตรที่เปลี่ยนไป ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก ก็เหมือนกับตอนก่อนที่จะได้เจอคนดี ก่อนที่จะคบกัน ... เดินไปทำงาน - เดินกลับบ้านเองเป็นประจำอยู่แล้ว คิดว่าได้เดินออกกำลังกาย ... ช่วงนี้อากาศเย็น สบายดี เดินเพลินๆ แป๊บเดียวก็ถึง


วันไหนที่คนดีแวะมาหา พอเจอหน้าก็สดชื่น ยิ้มได้ หัวใจฟู ... วันไหนที่ไม่มา ก็ไม่เป็นไร เก็บความคิดถึงไว้บอกกันผ่านโทรศัพท์


แต่มีคำถามนึงที่ต้องเจอทุกวัน เป็นคำถามจากสาวๆ ในออฟฟิศ "วันนี้พี่นกมารับมั้ย?" "วันนี้ Big Bird จะมารึเปล่า?" ... มีสาวๆ ในออฟฟิศผลัดกันถามทุกวัน ไม่รู้คนดีไปหว่านเสน่ห์อะไรเอาไว้ สาวๆ ถึงได้ถามถึงประจำ ... ถ้าคำตอบว่า "ไม่มา" ก็จะมีคำถามต่อว่า "ไปไหน" "ไปทำอะไร"


คนดีขา ที่เค้าถามเป็นประจำว่าวันนี้คุณจะไปไหนบ้าง ไปทำอะไรบ้าง ไม่ใช่อยากรู้แค่คนเดียวนะคะ ... เอาไว้ตอบสาวๆ ของนกเน็ทเวิร์คที่อยู่ในออฟฟิศด้วย ... เพราะฉะนั้น รายงานตัวให้ครบถ้วน ชัดเจนทุกวันนะคะ


เพราะถึงกิจวัตรจะเปลี่ยน แต่คนไม่เปลี่ยน ใจไม่เปลี่ยนค่ะ ... และไม่ยอมให้คุณเปลี่ยนด้วย

19.12.51

Happy Birthday - สัญญานะว่าจะดูแลกันตลอดไป

Happy Birthday ... หนังรักโรแมนติค ดราม่าในแบบ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง...ของขวัญจากคนมือบอน 2 คน กับความรักในแบบของพวกเขา


เรื่องราวความรักของชายหนุ่ม "เต็น" และหญิงสาว "เภา" ที่บุพเพสันนิวาสชักนำให้พวกเขาได้มารู้จักกันผ่านตัวหนังสือ ... ในหนังสือท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยข้อความที่ถูกเขียนส่งต่อให้กันและกัน โดยที่พวกเขาไม่เคยแม้แต่พบหน้ากัน แต่มันกลายเป็นสื่อกลางที่ทำให้คนมือบอน 2 คนได้มาพบและรู้จักกัน


"จีบได้เปล่า?" "คิดจะจีบ ดีพอแล้วเหรอ" คำถามที่ เภา ทิ้งไว้ให้ เต็น ในระหว่างที่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่กำลังคืบหน้าไปอย่างช้า ๆ ... กระทั่งถึงวันครบรอบวันเกิดของเต็น เภาเดินทางนำของขวัญวันเกิดมามอบให้แก่เต็น ทว่าของขวัญชิ้นนั้นกลับไปไม่ถึงมือของเต็น ... มีเพียงข้อความที่เภาเขียนทิ้งไว้ในการ์ดอวยพรวันเกิดให้กับเต็นว่า "สัญญานะว่าจะดูแลกันตลอดไป" ... และนี่คือจุดเริ่มของการพิสูจน์คำสัญญาที่ "เต็น" มีต่อ "เภา"


ไม่แน่ใจว่า อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้อยากดูหนังเรื่องนี้ ... เพราะอนันดา เพราะได้ดู Me Myself เพราะอยากรู้เนื้อเรื่องและบทสรุปของหนัง หรือ เพราะเสียงพูดถึงหนัง การโปรโมทหนัง และ สกู๊ปพิเศษ ... แต่ที่แน่ๆ ตั้งใจว่าจะดูให้ได้


จัดการมัดมือชก จองตั๋ว แล้วนัดคนดี เลิกงานปุ๊บก็รีบออกไปทันที ... เลือกหม่ำทาโกะยากิเจ้าโปรด อร่อย เหมือนเดิม อิ่มแล้วก็เตรียมตัวเข้าโรงหนัง

ดูหนังจบแล้ว บอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง เป็นหนังรักที่ดูแล้วเกิดคำถามว่า จะมีผู้ชายแบบนี้สักกี่คน ... เตรียมพกกระดาษทิสชู่ไป เผื่อซึ้งมาก น้ำตาท่วมเอ่อ ... ที่ไหนได้ น้ำตาไม่หยดสักแหมะ กลายเป็นคนดีที่น้ำตาหยดเปาะแปะไปหลายหยด หลายช่วงอยู่


เป็นหนังโรแมนติค ดราม่า ที่ภาพสวย มุมกล้องสวย และฝีมือการแสดงของอนันดา สุดยอดดดดดด ... ผู้ชายอาไร้ มองเพลินจริงๆ

18.12.51

บันทึกการตัดผม

ตัดผม ทำผมแบบจริงจังครั้งล่าสุดก็ราวๆ กลางปี ... ผ่านไปราวๆ 2 เดือน เมื่อกันยาก็ไปเล็มผมมาอีกหน่อย ตัดเหมือนไมได้ตัด เพราะช่างไม่ยอมตัดให้ เล็มจิ๊ดเดียวจริงๆ ... เพราะยังเป็นทรงดีอยู่ จะให้เลี้ยงผมยาวไว้ก่อน อีก 3-4 เดือนค่อยมาเจอกันใหม่


สัปดาห์ก่อน คนดีบ่นว่าผมเริ่มจะยาวแล้ว อยากจะตัดผม ... เราเลยโทรไปเช็คที่ร้านว่าพี่ช่างประจำอยู่รึเปล่า ปรากฎว่า พี่เค้าไปอังกฤษ ยังไม่กลับ ราวๆ วันที่ 20 ให้ลองโทรเช็คอีกที ... วันก่อนโฉบผ่านไปแถวนั้น เลยแวะไปถามว่าจะกลับรึยัง อ๊ะอ้า กลับมาแล้ว ... คนดีเลยนัดคิวตัดผมซะเลย


เราเองก็อยากตัด เพราะรู้สึกว่าผมเริ่มไม่เป็นทรงแล้ว แต่ไม่แน่ใจว่า สระ-ไดร์เสร็จแล้ว จะได้ตัดรึเปล่า ... เลยอาศัยติดสอยห้อยตามไปด้วย ถ้าไม่ตัด ก็คิดว่ามาสระ-ไดร์แล้วกัน


ไปถึงร้าน เราได้สระผมก่อน เพราะผมยาว ใช้เวลามากกว่า ... สระผมเสร็จ ไดร์เรียบร้อย ก็นั่งรอพี่เค้าว่างจากลูกค้ารายอื่น สักพักพี่เค้าโฉบมาดู แล้วสรุปว่า จะคงความยาวเอาไว้ สไลด์ช่วงกรอบหน้า แล้วปล่อยให้ยาวไปเรื่อยๆ ค่อยมาตัดสินใจอีกทีว่าจะทำอะไรต่อ ... งดทำเคมีใดๆ กับผมทั้งสิ้น ไม่ทำสี ไม่ไฮไลท์ ไม่ยืด ปล่อยให้ผมแข็งแรง และรอให้ยาวอย่างที่กะไว้ก่อน ค่อยมาเลือกอีกทีว่าจะดัดลอนสวยๆ หรือ จะยืดผมเงาๆ


ฟังพี่เค้าอธิบายไป เราก็พยักหน้าหงึกหงักไป เพราะตามใจช่างอยู่แล้ว ... ช่างว่ายังไง ก็ว่ายังงั้น พี่จะทำอะไรให้ ทรงไหน ก็ได้ค่ะ เชื่อฝีมือ ... พี่เค้าเริ่มจับปอยผมจากข้างแก้ม ขยับกรรไกร สไลด์ฉับๆ นั่งดูไปเรื่อยๆ เอ๊ะ เอ๊ะ บอกสไลด์นิดเดียว ทำไมผมร่วงเยอะจัง ... สรุปว่าโดนสไลด์ผมไปไม่น้อย ผมข้างหน้าสั้นๆ ปัด ส่วนข้างหลังก็สไลด์ความหนาออกไป ผมบาง เบาหัวดี


ตัดผมเราเสร็จ พี่เค้าก็ย้ายไปตัดผมคนดีต่อ แอบนั่งดู นั่งลุ้นว่าจะได้ทรงอะไร ... คราวนี้ซอยผมออกไปเยอะพอสมควร แต่ยังมีจอนยาว บางๆ ไว้พรางแก้ม แต่ที่แปลกตา และน่าหวาดเสียวคือ ผมข้างหน้าที่ค่อนข้างสั้น เหมือนม้าเต่อ แต่เพราะซอยสไลด์ปลายเบาๆ เลยดูไม่ค่อยเหมือนผมหน้าม้าสักเท่าไหร่ ... เพราะถ้าเป็นม้าเต่อหล่ะก็ คงหน้าตาเหมือนชินจังแน่ๆ เลย


ตัดผมเสร็จก็แวะทำธุระต่อ กล้องก็ไม่ได้ติดมา กว่าจะถึงบ้านก็ปาไปสี่ทุ่มกว่า เลยไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้เลย ... ไม่มีรูป ก็มาบันทึกลงบล็อกเอาไว้ จะได้จำได้ว่าตัดผมล่าสุดเมื่อไหร่ เพราะพี่เค้านัดอีกที 3-4 เดือนนู่น ... ตัดผมแต่ละครั้ง นาน จนลืม

15.12.51

15-12-51

ทุกวันที่ 15 เราสองคนมักจะหาอะไรพิเศษเล็กๆ น้อยๆ เติมให้วันธรรมดาพิเศษขึ้นสักหน่อย ... เพราะวันที่ 15 เป็นวันพิเศษของเราสองคน


เรื่องพิเศษเล็กๆ น้อยๆ ที่ใช้ประจำคือ หาร้านอาหารอร่อยๆ ที่ไม่ได้ทานบ่อยๆ ... แต่เดือนนี้พิเศษกว่าเดือนที่ผ่านๆ มาตรงที่ไปต่างจังหวัดด้วยกัน ได้อยู่ด้วยกันทั้งวัน และได้ทานของอร่อย จากหลายๆ ร้านโดยที่ไม่ต้องควักกระเป๋าด้วย อิ่มจัง ตังค์อยู่ครบ


ถึงแม้จะไม่ได้อยู่กันสองต่อสอง ไม่ได้เดินหนุงหนิงกันตลอดเวลา แล้วยังต้องแวบไปจัดการนั่นโน่นนี่อยู่เรื่อยๆ ... แต่แค่มีคนดีอยู่ข้างๆ หันมาเห็นหน้าก็พอแล้ว ดีที่สุดแล้ว พิเศษที่สุดแล้ว


เอ จะว่าไปแล้ว วันที่ 15 ของเดือนนี้ เราสองคนได้อยู่ข้างๆ กัน 24 ชั่วโมงเต็มๆ เลย ... ตั้งแต่ 00.00 - 23.59 น. จะว่าไปนี่ก็พิเศษน้า


คนดีขา ขอบคุณนะคะที่อยู่ข้างๆ กันมา 81 เดือนแล้ว ... อยู่ข้างๆ กันแบบนี้ไปนานๆ นะคะ


- รักคนดีที่สุดค่ะ -

13.12.51

หัวหิน...เฮฮา...บ้าบอ

(คำเตือน : บล็อกนี้ยาววววววววนะคะ ... เพราะย่อ 3 วัน มารวมอยู่ในหน้าเดียว)

ทริปท่องเที่ยวประจำออฟฟิศ จากเดิมนายจะพาไปเกาหลีช่วงตุลา แต่ติดงาน ติดเรื่องตั๋ว ติดนั่น ติดนู่น ติดนี่ ... ทริปเลยเลื่อนมาธันวา แต่ก็หวั่นเรื่องอากาศหนาวจัด และยังมีงานเป็นขบวนอีก ... สุดท้าย ทริปท่องเที่ยวเลยเลื่อน และเปลี่ยนมาเป็น "หัวหิน" แทน


เรามาเที่ยวหัวหินบ่อยมาก ปีนี้มา 2 ครั้งแล้ว แต่ก็ยังไม่เคยมาเที่ยวหัวหินหน้าหนาว แล้วยังไม่เคยมาเที่ยวเป็นหมู่คณะแบบนี้ด้วย ... ในฐานะที่เที่ยวบ่อย และมาหัวหินบ่อยกว่าคนอื่นๆ ก็ต้องรับหน้าที่จัดโปรแกรม แหม ให้คนตะลอนชิมทั่วหัวหินจัดโปรแกรม ก็มีคิวแวะร้านอาหารมากกว่าสถานที่ท่องเที่ยวซิ


หลังจากนายสรุปสถานที่และวันว่างของสมาชิกส่วนใหญ่แล้ว ... เราก็ส่งรายชื่อโรงแรม ให้น้องในออฟฟิศช่วยเช็ควันว่าง นำเสนอนายพิจารณาเรียบร้อย ก็ให้น้องจองห้องพักให้ ... ส่วนโปรแกรม กิน-เที่ยว จัดการเอง ... แต่ลองนึกๆ ดู ไปเที่ยวกลางเดือนธันวาแบบนี้ เลี้ยงส่งท้ายปีเก่าไปเลยแล้วกัน


13-15 ธันวา เลยเป็นทริปท่องเที่ยวพักผ่อนประจำปีของบริษัท ควบกับปาร์ตี้ส่งท้ายปีเก่า ในคอนเซปท์ Colorful Party ... โจทย์คือ ขอให้สมาชิกแต่งตัวด้วยสีสันสดใสแบบไม่จำกัดสไตล์ มีข้อแม้นิดนึงว่า ต้องมีสีม่วง สีประจำออฟฟิศติดตัวอยู่ด้วย


ที่พักพร้อม โปรแกรมพร้อม เสบียงพร้อม ปาร์ตี้พร้อม คอนเซปท์พร้อม ... ก็ออกเดินทางกันได้


13 ธันวา ... นัดรวมพล 8.30 น. สมาชิกทยอยมา 9.05 ล้อรถบัสก็หมุนพาสมาชิกสาวๆ มุ่งหน้าไปหัวหิน ... หลับๆ ตื่นๆ งีบเอาแรงกันเป็นส่วนใหญ่ เพราะเมื่อคืนมีงานเลี้ยงของลูกค้า


สิบเอ็ดโมงกว่าๆ ก็ถึงจุดหมายแรก "ร้านป้าสังเวียนซีฟู้ด" กองทัพต้องเดินด้วยท้องฉันใด สาวๆ ออฟฟิศนี้ก็ต้องการพลังฉันนั้น ... เราโทรจองโต๊ะ และสั่งอาหารบางส่วนล่วงหน้าไว้แล้ว นั่งรอแป๊บเดียว อาหารก็ทยอยมาเสิร์ฟ


ข้าวผัดปู ข้าวผัดกุ้ง ส้มตำทะเล ปลากระพงทอดน้ำปลา ปูม้านึ่ง กุ้งแชบ๊วยอบเกลือ หอยแครงลวก หอยแมลงภู่อบ ... จานใหญ่ และ จานใหญ่มาก ที่ทยอยมาเสิร์ฟ ก็ค่อยๆ โดนกำจัดให้หายไปเรื่อยๆ ... พอสาวๆ มีช้อนส้อมเป็นอาวุธประจำตัว ก็โดดลงสมรภูมิจัดการอาหารตรงหน้าอย่างรวดเร็ว ไม่มีโอกาสที่จะคว้ากล้องมาเก็บภาพไว้เลย


อิ่มเสร็จเรียบร้อย ก็พักยืดเส้นยืดสาย เดินถ่ายรูปริมหาด เข้าห้องน้ำ ... พร้อมแล้วก็ออกเดินทางต่อ ที่หมายต่อไปอยู่ไม่ไกล "พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน" ค่ะ


แจ้งสาวๆ ไว้ล่วงหน้าแล้ว ว่ามีโปรแกรมเข้าชมวัง ช่วยแต่งตัวเรียบร้อย สาวๆ ก็ให้ความร่วมมือดีมาก ... แต่ที่น่าปวดหัวนิดหน่อย ก็ตรงที่พอเจอบรรยากาศสวยๆ อากาศดีๆ กลุ่มก็แตก แยกย้าย สลายตัว ไปถ่ายรูปทางใครทางมัน ไปเป็นคู่บ้าง เป็นกลุ่มบ้าง ... อาจจะดูวุ่นวายนิดหน่อย แต่ก็รักษาเวลากันดี เพราะคอยเหลือบตามองกันและกันอยู่ตลอด


ชื่นชมความงาม และโพสท่าถ่ายรูปกันสนุกสนานแล้ว เหงื่อชักซึม เข้าที่พักดีกว่า ... ที่พักประจำทริปนี้ "บ้านทะเลดาว" แถวเขาตะเกียบ

- เสื้อทีมประจำทริปนี้ -


ถึงที่พักก็แยกย้ายกันเข้าห้องใครห้องมัน จัดของเสร็จเรียบร้อย ก็ออกมารวมตัวกันริมหาด ... ถ่ายรูปเล่น ลงน้ำทะเล เดินสำรวจหาด เดินเลาะหาดไปสั่งอาหาร ... พอใกล้ถึงเวลานัดหม่ำมื้อค่ำ สมาชิกก็มารวมตัวกันอย่างพร้อมเพรียง


"ร้านเจ๊เขียวซีฟู้ด" อยู่ไม่ไกล เดินเลาะหาดมาสั่งอาหารล่วงหน้าไว้แล้ว มาถึงร้านพักเดียวก็ได้หม่ำตามเคย ... เนื้อปูผัดผงกะหรี่ ปลากระพงทอดน้ำปลา ผัดโป๊ยเซียนทะเล แกงส้มผักรวมทะเล แกงส้มไข่ปลาริวกิว ปลาหมึกแดดเดียว ไข่เจียวหอยนางรม ห่อหมกปิ้ง แกงป่าปลาทราย


จานหลักๆ มาอย่างละ 3 ชุด แต่ก็มีบางจานที่เสริมมาแค่อย่างละ 1 แต่ส่วนใหญ่ก็เรียบ เกลี้ยงในเวลาอันรวดเร็ว ... เรา คนดี กับสาวๆ อีก 5 คน จัดอยู่ในชุดที่มีแกงส้มไข่ปลาริวกิว กินเสร็จแล้ว ก็สรวลเสเฮฮากว่าชุดอื่นๆ ไม่แน่ใจว่าเพี้ยนเป็นกลุ่ม หรือว่าไข่ปลาริวกิวมีสารพิเศษที่ไปกระตุ้นต่อมเพี้ยนเข้า


อิ่มแล้วยังไม่เข้าที่พักค่ะ ต้องไปที่หมายสำคัญที่ไม่ควรพลาดเวลามาหัวหิน "ตลาดโต้รุ่งหัวหิน" ... เป้าหมายของใครๆ เป็นยังไงไม่รู้ แต่เป้าหมายของเราอยู่ที่ร้านไอติมเจ๊นิ ร้านโปรดที่ต้องลุ้นว่าวันนี้จะเข้าวังรึเปล่า ถ้าเข้าวังก็อด ... โชคดีที่วันนี้มาขาย เลยได้ไอติมชาเย็นใส่มัน เดินตักทานเพลินๆ ชมตลาด


เดินชมตลาด ซื้อของใช้ ของกินเพิ่มครบถ้วนตามต้องการแล้ว ... ก็ได้เวลาพักผ่อนตามอัธยาศัย กลับเข้าที่พัก บางห้องนั่งดูทีวี บางห้องยืมวีซีดีจากหน้าฟร้อนท์เข้าไปดู บางส่วนก็ไปนั่งรับลมริมหาด กินเหล้าตบ นั่งเม้าท์ ขำ ฮา บ้า เพี้ยน ... พออากาศเย็นขึ้นเรื่อยๆ ก็อพยพเข้าห้องพัก แยกย้ายกันไปอาบน้ำ ก่อนจะมารวมตัวชวนกันคิดเลข ... ได้บ้าง เสียบ้าง พอสมควรก็แยกย้ายกันเข้านอน เพราะวันรุ่งขึ้นยังมีทริปต่อ


14 ธันวา ... ทยอยกันตื่นมาจัดการมื้อเช้า เราจัดการมื้อเช้าเสร็จ ก็แต่งตัวเตรียมไปจัดการอาหารมื้อต่อไป ... หนีบสาวๆ ติดไป 2 คน เพราะมีคนนึงได้รับคำสั่งจากที่บ้านให้ซื้อหอยเสียบมาฝาก ... แวะตลาดแตรไชยเรียบร้อยแล้ว ก็ตรงไปจุดหมายต่อไป "ร้านครัวกรรณิการ์"


เรากันน้องๆ มาสั่งอาหาร และจัดโต๊ะรอไว้ก่อน เลยเป็นมื้อเดียวที่ถ่ายรูปเก็บไว้ได้ ... ส่วนสมาชิกที่เหลือ ให้คนดีเป็นหัวขบวนบอกทางมาร้าน ... ราวๆ สิบเอ็ดโมงครึ่ง รถบัสจอดหน้าร้าน สมาชิกทยอยลงมา เดินเข้าร้าน นั่งโต๊ะปุ๊บก็หม่ำได้ทันที


อาหารร้านนี้ทุกอย่างทำจากไก่ เลยเหมาะกับทุกศาสนา ... แต่อาจจะลำบากตรงที่มีเมนูให้เลือกไม่มากนัก ไก่ทอด ปีกไก่ยัดไส้ ขนมจีนน้ำยาไก่ ลาบไก่ ก็สร้างความประทับใจให้สมาชิกได้ไม่น้อย เราคนแนะนำเลยโล่งอก


อิ่มแล้วก็เที่ยวกันต่อค่ะ มุ่งหน้าไป "วัดห้วยมงคล" ไหว้พระ ทำบุญ เป็นมงคลกับตัวสักหน่อย ... แต่สาวๆ ออฟฟิศนี้ ถึงจะเข้าวัดก็ยังสามารถโพสท่าถ่ายรูปกันได้


ไหว้พระแล้ว ไปเที่ยวกันต่อ พี่ในออฟฟิศแนะนำมาว่ามีไร่องุ่นที่หัวหิน เจ้านายก็ชอบดื่มไวน์งั้นก็น่าจะแวะมาเที่ยวดู ... "หัวหินฮิลส์ไวน์ยาร์ด" เป็นไร่องุ่นท่ามกลางทิวเขา แดดแรง แต่ลมเย็นสบายดี มี The Sala เป็นจุดศูนย์กลางที่ให้บริการอาหารและเครื่องดื่ม ชิมไวน์ และจำหน่ายไวน์


สาวๆ ออฟฟิศนี้ ไม่ถนัดไวน์ แต่ถนัดถ่ายรูป เลยกระจายตัวถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน ... เสียดายอยู่นิดนึง ที่องุ่นเพิ่งลงปลูก ยังไม่เขียวครึ้ม และมีพวงองุ่นให้เก็บภาพด้วย ... แต่สาวๆ ก็ยังสนุกสนานกับการถ่ายรูปเดี่ยว รูปคู่ รูปหมู่ได้อยู่ ... คนดีเองก็สนุกสนาน เพราะเหมือนมีฮาเร็มส่วนตัว มีสาวๆ ห้อมล้อมตลอด


นายชิมไวน์เรียบร้อย ซื้อไวน์เรียบร้อย สาวๆ ก็ถ่ายรูปไปเยอะจนชักเบื่อแล้ว มุ่งหน้ากลับเข้าที่พักดีกว่า ... ถึงที่พักก็ตั้งวงจัดการไก่ทอดที่เหลือจากมื้อกลางวัน พร้อมกับขนมที่ตุนเสบียงมาเพียบ ... อิ่มแล้วก็แยกย้ายกันพักผ่อน ลงสระ ลงทะเล ตั้งวงนับเลข และแยกย้ายไปเตรียมแต่งตัวปาร์ตี้


คนดีไม่ได้เป็นสมาชิกของออฟฟิศ แต่ติดสอยห้อยตามมาด้วยในฐานะคนคุ้นเคย เลยโดนไหว้วานให้เป็นพิธีกร ... คนดีอิดออดนิดหน่อย แต่สุดท้ายก็นึกสนุก เล่นตามน้ำไปด้วย นึกคอนเซปท์ให้ตัวเอง และตามหาเสื้อผ้าสีสดมาร่วมปาร์ตี้


ในภาพที่เห็นเป็นการทดลองชุดของน้องคนนึงที่เตรียมมา ... เพราะเดรสชุดใหญ่พอสมควร และคนดีอยู่ท่ามกลางสาวๆ มากไป ต่อมสาวเลยแตก ยอมให้สาวๆ จับแต่งตัวเหมือนเป็นตุ๊กตายักษ์ ... ใส่เสร็จแล้วก็ยังโพสท่า แ ร ด สุดขีด เหลือเกินจริงๆ


แต่ชุดจริงที่คนดีเตรียมมาก็ไม่ใช่เล่นๆ ... ตอนบอกให้เราฟัง ได้ยินแล้วเราตาโตว่าคนดีกล้ามากๆ แรงงงงง รับรองว่าถ้าทำได้จริงๆ อย่างที่คิด สาวๆ เห็นแล้วต้องเฮ แน่ๆ ... หลังจากคิดแล้วก็ตามหาเสื้อผ้า และพร็อพประกอบ


ผลออกมาอย่างที่เห็นนี่หล่ะค่ะ ... เดินออกจากห้องลงมางาน ในลุคเด็กเกาหลีกับเสื้อสีสด ... แต่พองานเริ่มไปได้สักระยะ คนดีก็ย่องเข้าห้องน้ำไปเติมพร๊อพ วิกแอฟโฟร กับ ชายกางเกงสีจี๊ด ... สาวๆ เห็นแล้ววี๊ดว๊าย กรี๊ดกร๊าด เฮฮา กันถ้วนหน้า


ส่วนเราเลือก Maxi dress ตัวยาวลายดอกสีสด เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศริมทะเล ... เสริมด้วยตุ้มหู กับ สร้อยคอดอกลีลาวดี เติมกำไลไม้ และที่หนีบผมดอกกล้วยไม้สีสดดอกโต ... สาวๆ เห็นแล้วบอกว่า เหมือนนางไม้


บรรยากาศพร้อม สมาชิกพร้อม ปาร์ตี้ก็เริ่มต้น ... หลังจากอิ่มเรียบร้อยก็เล่นเกมเรียกเสียงเฮกันสัก 4-5 เกม ก่อนจะเข้าช่วงประกวดแต่งกาย ที่เฮไม่แพ้กัน ... ปิดท้ายด้วยจับฉลากแลกของขวัญ ที่ใครๆ ก็ลุ้นอยากได้รางวัลของนายเหมือนเดิม


ปาร์ตี้เลิกราวๆ สี่ทุ่มกว่า ... แยกย้ายกันไปเก็บของ บางส่วนเก็บของเสร็จก็อาบน้ำต่อ บางส่วนเก็บของเสร็จก็ออกมารวมตัวตั้งวงนับเลขทันที ... ราตรีนี้เลยยาวไปจนเกือบตีสอง แต่มีสี่สาวหลายวัยนั่งบวกเลขยาวไปจนเช้า


15 ธันวา ... ทยอยตื่นมาจัดการมื้อเช้า แล้วจัดการธุระส่วนตัวตามสะดวก เพราะนัดรวมตัวออกเดินทางกลับตอน 11 โมง ... สมาชิกพร้อม ก็วนเข้าตลาดหัวหิน เริ่มต้นที่ร้าน "เจ๊กเปี๊ยะ" เลือกอาหารจานเดียว ทานง่ายๆ มื้อกลางวันตามชอบใจ


อิ่มแล้วก็เคลื่อนขบวนไปอุดหนุน "ข้าวเหนียวมะม่วงป้าเจือ" ... เพราะข้าวเหนียวมูล กับมะม่วงอร่อยมาก สมาชิกขนซื้อกันขนานใหญ่ เลยต้องยกขบวนไปหาที่นั่งรอข้าวเหนียวที่กำลังนึ่งเพิ่มสุก


เราพาซอกแซกไป "eighteen below ice cream" ไปบ่ายวันจันทร์ไม่มีลูกค้าวุ่นวาย สาวๆ เลยสนุกสนานกับการโพสท่าถ่ายรูปตามมุมต่างๆ ระหว่างรอไอติม ... นายชอบใจ สาวๆ ชอบใจ เราก็โล่งอก นั่งเล่น นั่งหม่ำ ฆ่าเวลาได้พักใหญ่ ก็ยกขบวนกลับไปรับข้าวเหนียวมะม่วงที่สั่งไว้


อิ่มเรียบร้อย ได้ของครบถ้วน ก็อำลาหัวหิน มุ่งหน้าจุดหมายต่อไป "เทศกาลปลาทู" ที่สมุทรสงคราม ... นายจะแวะซื้อปลาทู สาวๆ เลยได้เดินชมตลาด ซื้อของกิน ของฝาก ติดไม้ติดมือเพิ่มเติม


ถึงกรุงเทพฯ ตอนทุ่มนิดๆ แยกย้ายกันกลับบ้าน ... จัดเป็นทริปตะลอนชิม ที่อิ่มอยู่ตลอด และเป็นทริปที่มีเสียงเฮ เสียงหัวเราะ อยู่ตลอดเหมือนกัน ... สาวๆ หลายคนสร้างสีสันให้ทริปตามคอนเซปท์ colorful จริงๆ

10.12.51

Beverly Hills Chihuahua

เหมือนไม่ได้เข้าโรงหนัง ไม่ได้ดูหนังนานมาก ... แล้วช่วงนี้ก็มีหนังที่น่าสนใจทยอยเข้าโรงมาเรื่อยๆ แต่ก็ยุ่งนุงนังจัดสรรเวลามาดูลำบาก ... วันนี้วันหยุด ได้โอกาสดูหนังแล้ว


ล่อหลอกให้คนดีมาค้างด้วยเมื่อวาน เพื่อที่จะได้ตื่นแต่เช้าพาหม่ามี้กับพ่อไปดูหนังด้วยกัน ... "Beverly Hills Chihuahua - คุณหมาไฮโซโกบ้านนอก" เป็นหนังที่ต้องยกขบวนไปดูกันทั้งบ้าน เนื่องจากมีชิวาว่าในบ้าน ... แล้วกิซโม่ก็หว่านเสน่ห์จนทั้งมี้และพ่อหลงไปเรียบร้อยแล้ว


ตื่นแต่เช้า อาบน้ำแต่งตัว ตรงดิ่งไปเอสพละนาด ... ไปถึงตั้งแต่เพิ่งเปิด คนยังน้อย จองตั๋วสบาย จองตั๋วเป็นคิวแรกๆ เลยเจอระบบเอ๋อ จ่ายค่าตั๋วแพงกว่าปกติ ต้องมาทำเรื่องปรับลดกันทีหลัง ... เพราะมาแต่เช้า เลยต้องซื้อป๊อบคอร์นเข้าไปรองท้องในโรงหนังด้วย


- เรื่องย่อ -

วิเวียน เจ้าของที่ทั้งรักและเอ็นดูสุนัขพันธุ์ชิวาว่า โคลอี้ ออกปากขอให้ ราเชล หลานสาวของเธอช่วยดูแลโคลอี้ระหว่างที่เธอเดินทางไปทำธุระ ... สาวน้อยผู้ดูแลไม่เต็มใจนัก และตัดสินใจพาโคลอี้มุ่งหน้าไปเที่ยวพักผ่อนวันหยุดที่เม็กซิโก แล้วเรื่องวุ่นๆ ก็เกิดขึ้นเมื่อโคลอี้หายตัวไป


โคลอี้เป็นชิวาว่าสาวจากเบเวอร์ลี่ฮิลล์ส ที่สวมเพชรเม็ดโตและดื่มด่ำกับวิถีชีวิตชั้นสูงของเธอ จนไม่เคยแยแส ปาปิ ชิวาว่าหนุ่มที่คลั่งไคล้เธอหัวปักหัวปำ ... แต่ตอนนี้ โคลอี้ต้องประสบเคราะห์กรรม เธอหลงทางในเม็กซิโก มีเพียงเยอรมันเชฟเพิร์ดกร้านโลก เดลกาโด้ คอยช่วยเธอหาทางกลับบ้าน


ราเชลขอความช่วยเหลือจาก แซม คนสวนที่วิเวียนไว้วางใจ ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของปาปิด้วย ... แซมและปาปิจึงมุ่งหน้าลงใต้มาช่วยโคลอี้ พร้อมความร่วมมือจากสุนัข 3 ตัว มอนเต้ ชูโช และ ราฟา ... แล้วยังมีหนูเจ้าเล่ห์ กับอีกัวน่าขี้วิตก ชิโก้ รวมขบวนด้วย


หนังน่ารักมากค่ะ ... ใครที่ชอบชิวาว่า และเลี้ยงชิวาว่า ไม่ควรพลาด รับรองว่าดูไปยิ้มไปแน่ๆ ... ชิวาว่าในเรื่องจะหว่านเสน่ห์ให้ยิ่งหลงรักค่ะ


หลังจากดูหนังจบ ก็พามี้กับพ่อลงมาหม่ำทาโกะยากิเจ้าอร่อย ... หม่ามี้เรียกร้องอยากจะหม่ำ ส่วนพ่อไม่เคยลอง เลยได้ลองชิมเป็นครั้งแรก ก็ชอบใจ ... อิ่มเรียบร้อย ได้เวลากลับบ้าน


หมดไปอีก 1 วัน ... วันหยุดสบายๆ ที่เหมือนพาเด็กๆ ไปดูหนัง เพราะมี้กับพ่อเดินสำรวจนู่นนี้กันสนุกสนาน ... เรื่องหน้าจะชวนไปดูหนังเรื่องอะไรดีน้า



8.12.51

Things to Do Before You Die

เคยนั่งนึกว่าถ้ารู้ว่าจะตายเมื่อไหร่ แล้วมีอะไรที่อยากจะทำก่อนตายบ้าง ... เลยลองจิ้มกูเกิ้ลหาข้อมูลดูว่า มีอะไรบ้างที่ควรจะทำก่อนตาย

แล้วไปเจอเว็บ BBC 50 Things To Do Before You Die ที่รวบรวมข้อมูลจากผู้ชม และทำลิสท์รายการที่ควรจะทำก่อนตายเอาไว้ 50 ข้อ
1. Swim with dolphins

2. Scuba dive on Great Barrier Reef, Australia

3. Fly Concorde to New York, New York, USA

4. Go whale-watching

5. Dive with sharks

6. Skydiving

7. Fly in a hot air balloon

8. Fly in a flighter jet

9. Go on Safari

10. See the Northern Lights

11. Walk the Inca trail to Machu Picchu, Peru

12. Climb Sydney Harbour Bridge, Sydney, Australia

13. Escape to a paradise island

14. Drive a Formula 1 Car

15. Go white water rafting

16. Walk the Great Wall of China

17. Bungee jumping

18. Ride the Rocky Mountaineer train, Canada

19. Drive along Route 66, USA

20. Fly in a helicpoter ove the Grand Canyon, Colorado, USA

21. Take the Orient Express from Venice to London

22. See elephants in the wild

23. Explore Antarctica

24. Ride a motorbike on the open road

25. Have a go at cowboy ranching

26. Climb Mount Everest

27. Wonder at a waterfall

28. Travel into space

29. Explore the Galapagos Islands

30. Trek through a rainforest

31. Gallop a horse along a beach

32. Ride a camel to the Pyramids, Egypt

33. Take the Trans-Siberian Railway from Moscow to Vladivostok

34. Catch sunset over Uluru (Ayres Rock), Northern Territories, Australia

35. Go wing-walking

36. Climb Mount Kilimanjaro, Africa

37. Fly over a volcano

38. Drive a husky sled

39. Hike up a glacier

40. Ride a rollercoaster

41. Fish for blue marlin

42. Go paragliding

43. Play a round of golf at Augusta, Georgia, USA

44. Watch mountain gorillas

45. See tigers in the wild

46. Do the Cresta Run, Switzerland

47. Visit Walt Disney World, Florida, USA

48. Visit Las Vegas, Nevada, USA

49. See orang-utans in Borneo

50. Go polar bear watching


ในแต่ละหัวข้อจะมีลิงค์ให้เข้าไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ค่ะ ... แต่แค่ดูหัวข้อยังไม่ต้องอ่านเพิ่ม ก็มีหลายข้อที่คิดว่ายากเกินจะเป็นจริง ยากเกินจะทำได้ ... แต่ก็มีหลายข้อที่ตรงใจ และตั้งใจว่าถ้ามีโอกาสจะลองทำสักครั้ง ... ทายถูกมั้ยคะ ว่าอยากจะทำอะไร


Skydiving - Bungee jumping - Paragliding : เป็น 3 เรื่องตื่นเต้นที่เป็น wish list ในใจอยู่แล้ว ว่าถ้ามีโอกาสก็อยากจะลองทำสักครั้งหนึ่งในชีวิต ... ล้วนแต่เป็นกิจกรรมเอ็กซ์ตรีมมากๆ





(Credit All picture : www.beforeyoudie.co.uk)
ที่แน่ๆ Bungee Jumping เนี่ย จะต้องลองให้ได้ เพราะถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้ อาจจะหัวใจวายกลางอากาศได้


อย่าง Hot air Balloon กับ Walt Disney World, Florida ก็น่าสนใจ ... เดินบนกำแพงเมืองจีน ก็น่าไปลอง ... ดูปลาวาฬ ว่ายน้ำกับปลาโลมา ก็ไม่เลว


ว่าแล้วก็ต้องมาลองทำรายการ Things to Do Before Die ของตัวเองดีกว่า ... อาจจะไม่ถึง 50 ข้อ อาจจะไม่เหมือนของ BBC อาจจะทำได้สำเร็จ หรือ ทำไม่สำเร็จอย่างที่ตั้งใจ ... แต่ก็จะลองนึกเอาไว้


ไปลองนึกลิสท์สัก 20 Things to Do Before Die แล้วส่งเป็น Tag ... ดีมั้ยน้อ

6.12.51

ช้อปปิ้ง - ช้อปปิ้ง - ช้อปปิ้ง

วันหยุดต่อเนื่อง 3 วัน มีโปรแกรมตะลุยช้อปปิ้งกันสนุกสนานเลยค่ะ ... ซื้อกระหน่ำ ช้อปกระจาย


เริ่มจากวันแรก 5 ธ.ค. ... หลังจากกอดๆ หอมๆ พ่อแล้ว ก็ออกตะลุยช้อปปิ้งเลยค่ะ ... เก้าโมงนิดๆ เรากับคนดีโฉบไปรับสาวกวางจากบ้าน แวะทักทาย สวัสดี คุยกับคุณแม่แป๊บนึง ก็ฉกตัวลูกสาวขึ้นรถมุ่งหน้าไปเซ็นทรัลเวิลด์


จอดรถเรียบร้อยก็ย้ายขบวนไปแพลทตินั่มก่อนค่ะ มีนัดกับหมวยบีอีกคนค่ะ ... ภารกิจที่นี่คือมาซื้อเสื้อให้เจ้าน้องชาย กับหาชุดไปปาร์ตี้ปีใหม่ของออฟฟิศค่ะ ... เดินวน วน วน กันพักใหญ่ๆ ได้ของติดไม้ติดมือมากันคนละหน่อย


เราได้เสื้อให้เจ้าน้องชาย 5 ตัว กระโปรงสีสด 2 ตัว เดรสยาว 1 ตัว ตุ้มหู 3 คู่ และมีเสื้อมาฝากลูกหมาโม่ 2 ตัวด้วย ... ส่วนคนดีได้เสื้อยืด 2 ตัว กับ กางเกงอีก 1


เดินวนตั้งแต่สิบโมงกว่า จนบ่ายนิดๆ ทั้งเมื่อย ทั้งหิว ... ย้ายขบวนกลับเซ็นทรัลเวิลด์ แวะเอาของเก็บที่รถ แล้วพักเติมพลังที่ร้านสีฟ้า เลือกอาหารจานเดียวคนละจาน ทานง่ายๆ เร็วๆ


อิ่มท้องแล้วก็ไปจุดหมายต่อไป ... ร้าน forever21 เป็นร้านที่สาวๆ ในออฟฟิศกำลังฮิต และเห่อกันมาก เพราะช้อปใหญ่โตมโหฬาร กว้างขวาง เดินเข้าไปครั้งแรกแล้วงง ตาลาย ไม่รู้จะตั้งต้นเดินตรงไหนก่อนดี ... ขนาดมาเดินสำรวจไปรอบนึงแล้ว ก็ยังตื่นตาตื่นใจอยู่


สมาชิก 4 คน เดินเข้าร้านได้ก็แยกย้ายสลายตัว ... คนดีเฉาไปหน่อย เพราะมีเสื้อผ้าผู้ชายให้เลือกน้อย ส่วน 3 สาว เดินเลือก เดินลองกันสนุกสนาน เพราะเสื้อผ้าร้านนี้มีให้เลือกหลายแบบ หลายสไตล์ เหมาะกับหลายโอกาส ทั้งใส่เล่น และใส่ทำงาน ... ที่สำคัญเป็นไซส์ฝรั่ง เหมาะกับสาวตัวโตจริงๆ


3 สาว ได้มาคนละถุง ส่วนคนดีไม่มีสักชิ้น ... เราได้กางเกงใส่ทำงาน 1 ตัว เดรสเกาะอก 1 ตัว และเลกกิ้ง 2 ตัว


วันแรกเดินกันจนเหนื่อยเมื่อยล้าไปแล้ว เราสองคนยังไม่เข็ด ... วันต่อมา 6 ธ.ค. ควงกันตะลอนต่อ คราวนี้จุดหมายอยู่ที่ สวนจตุจักร


ไปถึงเที่ยงนิดๆ เติมพลังกันก่อน พอท้องอิ่มแล้วก็ตะลุยช้อปปิ้งกันได้ ... ภารกิจหลักของวันนี้คือ หาเสื้อสีสดๆ ให้คนดีสำหรับใส่ไปปาร์ตี้กับออฟฟิศเราค่ะ แล้วก็หาของขวัญเล็กๆ น้อยๆ สำหรับแจกตอนปีใหม่ค่ะ


เดินวน วน วน วน และ วน กันจนเมื่อย กว่าจะได้เสื้อแบบที่คนดีต้องการ ก็เสียตังค์ซื้อของรายทางไปหลายชิ้น ... พกกระเป๋าผ้าไปใส่ของช้อปปิ้งโดยเฉพาะ กระเป๋าผ้าแน่นตุง และหนักอึ้ง


เราได้เสื้อยืดคู่กับคนดี 1 ตัว เสื้อยืดคอวี 2 ตัว เสื้อกล้าม 1 ตัว ผ้าพันคอ 1 ผืน ตุ้มหู 1 สร้อย 1 กิ๊บ 1 กำไล 3 ... และของขวัญปีใหม่สำหรับเจ้าน้องชาย 1 เซ็ท และสำหรับคนรู้จักอีก 2 ชิ้น


ส่วนคนดีได้มาเพียบ ... เสื้อยืดคอวีใส่เล่น 2 ตัว เสื้อยืดคอกลมสีสด 1 ตัว เสื้อยืดคู่กับเรา 1 ตัว เสื้อเชิ้ต 3 เสื้อคลุมกันหนาวตัวบาง 1 ตัว ผ้าพันคอ 1


เดินช้อปกันตั้งแต่ เที่ยงนิดๆ จนเกือบหกโมงเย็น เมื่อยขา เจ็บเท้า สุดๆ ... ได้ของครบอย่างที่อยากได้ทั้งคู่ รวมถึงของขวัญเล็กๆ น้อยๆ สำหรับปีใหม่ก็ได้มาเรียบร้อย ... เฮ้อ งดช้อปปิ้งไปอีกนาน

3.12.51

ภารกิจโละสมบัติ

ช่วงนี้มีภารกิจส่งท้ายปีค่ะ เป็นปฏิบัติการสร้างความสดใสรับปีใหม่ให้ห้องนอนตัวเองค่ะ


เรื่องมีอยู่ว่า เพิ่งจะมีห้องนอนส่วนตัวเมื่อ 7 ปีก่อน เพราะก่อนหน้านั้น ทั้งเราและเจ้าน้องชายอาศัยนอนห้องหม่ามี้บ้าง ห้องคุณพิไลบ้าง ... สงสัยคุณพิไลจะเบื่อที่เราสองคนไปช่วยทำให้ห้องรก เลยจัดการต่อเติมห้องนอนเล็กๆ 2 ห้องเพิ่ม สำหรับเรากับเจ้าน้องชาย


แรกๆ ก็เป็นห้องโล่งๆ มีตู้เสื้อผ้ามรดกที่เห็นมาตั้งแต่จำความได้ กับฟูกนอนแค่นั้น ... แต่ผ่านมา 7 ปี ห้องรกมาก มีอะไรต่อมิอะไรเพิ่มเข้ามาเยอะไปหมด โดยเฉพาะหนังสือที่มีอยู่ทุกมุม ... นั่งมองห้องรกๆ ของตัวเองแล้วก็หงุดหงิดหัวใจ เบื่อกับห้องแบบเดิมๆ เลยคิดว่าจะจัดการตกแต่งห้องใหม่ รับปีใหม่


พอเอาแผนนี้มาปรึกษาคนดี ก็ได้รับการสนับสนุน ... วางแผนคร่าวๆ ว่าจะต้องทำอะไรบ้าง เริ่มต้นด้วยภารกิจโละสมบัติค่ะ ... ชิ้นไหนที่ไม่ค่อยได้ใช้ก็จะถูกโละออกจากห้อง เพื่อส่งไปบริจาคต่อ ... ไม่ว่าจะเป็นตู้ ชั้นวางของ เสื้อผ้า กระเป๋า หนังสือ ที่ตัดใจโละยากที่สุดก็หนังสือนี่หล่ะค่ะ


ที่ต้องโละสมบัติเพราะว่าจะต้องเคลียร์ห้องให้โล่ง เพื่อจะทาสีห้องใหม่ ... ซึ่งช่างทาสีก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คนดีนั่นเอง ... หลังจากทาสีเรียบร้อย ก็จะย้ายเฟอร์นิเจอร์ใหม่ที่ลงตัวเหมาะกับการใช้งานเข้ามาแทน


หวังว่าปีใหม่จะมีห้องนอนใหม่ สดใส โปร่งสบายตาให้ได้ใช้ ... เฮ้อ เป็นภารกิจที่หาเรื่องยุ่ง และหาเรื่องเสียตังค์ให้ตัวเองจริงๆ

1.12.51

ฝันสีช็อคกิ้งพิงค์

สงสัยจริงๆ ว่าเรื่องราวในฝันของแต่ละคนมาจากไหน เกิดจากอะไร ??? ... เพราะคนดีมีฝันแปลกๆ อยู่เรื่อย


เมื่อเช้าคนดีแวะมาหาแต่เช้า มาถึงก็นอนงีบหลับ พอตื่นมาคนดีก็บ่นเรื่องฝันอีกแล้ว ... ได้ยินก็เตรียมใจไว้ว่าจะได้ยิน ฝันร้ายของคนดี ต่อเนื่องจากครั้งก่อนรึเปล่า ... แต่ปรากฎว่าเป็นเรื่องใหม่ค่ะ


คนดีบอกว่าโดนเราบังคับให้ใส่เสื้อชีฟองสีชมพูช็อคกิ้งพิงค์ เป็นเสื้อสีสด แขนสีส่วนพองๆ ... คนดีเห็นแล้วกลุ้มใจว่าไม่เข้ากับตัวเองอย่างแรง แต่เราก็ยังยืนยันว่าเหมาะ กว่าเสื้อที่ใส่มา ให้ใส่ไปเถอะ แถมให้สอดชายเสื้อไว้ในกางเกงด้วย ... ถึงแม้คนดีจะลองใส่แล้วบ่นว่า ใส่แบบนี้ทำให้ชายเสื้อกล้ามที่ใส่อยู่ย่นยู่กองอยู่รอบพุง เราก็ยังไม่เปลี่ยนใจ ... สุดท้ายคนดีก็จำใจต้องใส่เสื้อชีฟองสีช็อคกิ้งพิงค์ตัวนั้น เพราะไม่อาจขัดใจ อาร์ทตัวย่า อย่างเราได้


ได้ยินฝันของคนดีแล้วก็ขำ ไม่เข้าใจว่าคนดีฝันแบบนี้ได้ยังไง ... แล้วพอนึกภาพคนดีใส่เสื้อชีฟองสีชมพูช็อคกิ้งพิงค์สดใส แขนพองสี่ส่วน โดยมีเสื้อกล้ามอยู่ข้างใน กับกางเกงยีนส์ขาเดฟนิดๆ ... โอ๊ย ตายแล้ว ไม่เข้ากันอย่างแรง นึกไปก็ขำก๊ากไปด้วย


ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมฝันแต่ละเรื่องของคนดี ถึงได้แปลกประหลาดเหลือเกิน ... เฮ้ออออออออ