31.10.52

กิจวัตร

เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ชีวิตประจำวันเปลี่ยนไปนิดหน่อย ... ส่งผลให้กิจวัตรให้แต่ละวันเปลี่ยนไปด้วยค่ะ


สาเหตุหลักมาจาก "คนดี" ... เพราะตลอดเดือนตุลาคม คนดีมีงานวุ่นวาย นั่น นู่น นี่ โน่น ของลูกค้าหลายรายที่ต้องจัดการเคลียร์ และดูแล ทั้งทำแบบ คุมงานช่าง ติดต่อลูกค้า เช็คงานซัพพลายเออร์ รวมถึงทำเรื่องจดทะเบียนบริษัท


ความวุ่นวายของคนดี ไม่ได้ส่งผลให้ชีวิตเราวุ่นวายตามไปด้วย ... ตรงกันข้าม ทำให้ชีวิตสงบ เงียบ ราบเรียบ ยิ่งกว่าเดิมค่ะ


เพราะคนดีวุ่นวาย ตะลอนไปนู่น มานี่ ตลอดทั้งวันเกือบทุกวัน ... นานๆ จะแวะเข้ามาหา มาทักทาย ให้เห็นหน้าเห็นตากันบ้าง จากเดิมที่เคยไปไหนด้วยกันตอนเย็นๆ หลังเลิกงาน ก็หดหาย


กิจวัตรเดิม คือ มาทำงาน เลิกงานก็ควงกันตะลอนทัวร์ไปไหนมาไหน ... กิจวัตรในช่วงนี้ คือ มาทำงาน เลิกงานเดินกลับบ้าน ชีวิตเจอแค่เพื่อนร่วมทางเท้า กับ รถบนถนน


แล้วบ้านกับที่ทำงานอยู่ไกลกันมากกกกกกกกกกกกกกก (ประชดตัวเองนะคะ) เดินประมาณ 15 นาทีถึง ... ไม่มีห้าง ไม่มีมอลล์ ให้แวะเดินเล่น ถ้าจะไปคือต้องตั้งใจไปเดินเลย ซึ่งมีตัวเลือกแค่ เซ็นทรัลลาดพร้าว หรือ โรบินสันรัชดา


เพราะชีวิตเรียบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ส่งผลให้กิจวัตรประจำวันอย่างการเขียนบล็อก อัพบล็อก ก็เปลี่ยนไปด้วยค่ะ เพราะไม่รู้จะเอาอะไรมาเขียน


เดินมาทำงาน ทำงานจนเย็น เลิกงานเดินกลับบ้าน ... ถึงบ้านเปิดคอมฯ เล่นเกม และเปิดอีกหน้าต่างจะเขียนบล็อกไปด้วย แต่นั่งนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่าจะเอาเรื่องอะไรมาเขียนดี ครั้นจะเขียนว่าเล่นเกมใน facebook ยังไง ก็ไม่ได้ชำนาญขนาดนั้น ... สุดท้ายเลยปิดหน้าต่างบล็อก เล่นเกมจบ ก็ปีนขึ้นเตียงมุดผ้าห่มหลับดีกว่า


โดยเฉลี่ยแต่ละเดือนจะเขียนบล็อกประมาณ 20 หน้า ... เดือนตุลานี้ ต่ำกว่ามาตรฐาน ไม่ถึง 15 ด้วยซ้ำ แย่จริงเชียว

หวังว่าเดือน พฤศจิกา และ ธันวา จะกลับสู่สภาวะปกติ ... เพราะไม่ได้เขียนบล็อกก็เหงาๆ เฉาๆ มือเหมือนกันนะเนี่ย



ล.ป. (ลืมไป) ... ตอนแรกตั้งใจจะเขียนถึงกิจวัตรที่เปลี่ยนไป แต่รู้สึกว่าไม่มีอะไรน่าสนใจเลยไม่เขียน ... แต่เห็นคุณต้า tar la la ท้วง ทวง ถาม ทิ้งไว้ใน shoutbox เลยได้ทีเอามาอธิบายถึงเหตุที่บล็อกเงียบไปซะเลยค่ะ

30.10.52

เข้าใจมั้ย..อกหัก

ผ่านร้อน ผ่านฝน ผ่านหนาว มา 30 ปีนิดๆ อยู่มาได้สบายๆ ชิลด์ ชิลด์ ... อกหักรักคุดกับปั๊บปี้เลิฟไปหน จากนั้นก็ลั้ลลารื่นเริงสบายใจดี แต่จู่ๆ ก็เพิ่งจะเข้าใจความรู้สึกคนอกหัก


ทีแรกเสาร์-อาทิตย์นี้มีนัดกับบุพการี จะไปพัทยา ไปทำความสะอาดคอนโด และตะลอนกินของอร่อย ... จู่ๆ หม่ามี้ก็เปลี่ยนแผนกระทันหัน เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าไปไหว้พระกับเพื่อนๆ ที่เคยทำงานด้วยกัน ตะลอนไหว้พระภาคเหนือ ... วงที่นัดกันไว้เลยสลายตัวค่ะ เราเลยหอบเสื้อผ้าไปข้างบ้านคนดี


เพราะคนดีบอกว่า วันเสาร์โซ้ยอี้จะทำข้าวคลุกกะปิของโปรดเรา ให้มาหม่ำด้วย ... ไหนๆ ก็คิวว่างแล้ว ไปค้างซะตั้งแต่วันศุกร์เลยแล้วกัน แต่มีข้อแม้ว่า คนดีต้องเสนอร้านอาหารอร่อยๆ สำหรับมื้อเย็นวันศุกร์มาให้พิจารณา ถ้าถูกตาต้องใจ จะเก็บเสื้อผ้าไปค้างด้วย


คนดีเสนอทางเลือกทั้งอาหารญี่ปุ่น จีน ฝรั่ง ตัวเลือกน่าสนใจหลายอัน แต่สรุปลงตัวที่ อาหารฝรั่ง ... เพราะร้านที่เสนอมาเคยไปแล้วครั้งนึง ติดใจทั้งอาหาร และบรรยากาศ แต่ไม่ได้ไปอีกเลย ... อยากกิ๊น อยากกิน แค่นึกว่าจะได้ไปก็ตื่นเต้นดีใจ


ปกติจะจัดการหาเบอร์โทรศัพท์ และโทรจองโต๊ะเอง แต่คราวนี้ขอให้คนดีจัดการ เพราะอยากรู้สึกพิเศษค่ะ ... รู้ทั้งรู้ว่าคนดีงานยุ่ง แต่ขอแค่เจียดเวลาจากงานสักแวบโทรไปจองโต๊ะให้หน่อยเถอะนะคะ เพราะถ้าโทรจองเองเหมือนทุกที มันรู้สึกเหมือนเป็นคนบงการ จัดการทุกอย่าง ทำอ่ะทำได้ แต่มันไม่พิเศษไง


ตามสไตล์คนดีที่ยุ่งวุ่นวายมาก ได้เบอร์โทรจากเราไปแล้วก็ทำเฉย จนพอเราท้วง ก็ส่งข้อความผ่านเอ็มมาว่าให้เราจองเองได้มั้ย ... เลยต้องอธิบายกันสักหน่อยว่า จองเองมาสารพัด ทั้งตั๋วหนัง ตั๋วละครเวที ตั๋วเครื่องบิน ห้องพัก และอีกสารพัดแล้ว นานๆ ขอให้จองให้สักครั้งเพราะอยากรู้สึกพิเศษ อยากรู้สึกว่าคนดีตั้งใจทำ ตั้งใจเตรียม ตั้งใจเลือกไว้ให้ จะได้มั้ย เข้าใจมั้ย


คนดีเข้าใจ และยอมโทรจองโต๊ะให้โดยดี ... โทรจองเสร็จ ส่งข่าวบอกว่าเบอร์ที่เราให้ไปอ่ะ เค้าเปลี่ยนแล้วนะ ... อ๋อ เหรอ อืมมมม แต่จองเรียบร้อยใช่มั้ย


18.30 ของวันศุกร์ เป็นเวลาที่เฝ้ารอ คิดเมนูที่อยากกินไว้ล่วงหน้า แล้วตื่นเต้นดีใจตั้งแต่ค่ำวันพฤหัส เพราะอยากไปมากกกกก และอยากกินมากกกกกก ... เลิกงานปุ๊บรีบเก็บของออกจากออฟฟิศอย่างรวดเร็ว


ฝ่าการจราจรไปแบบเรื่อยๆ รถไม่ติดมาก แต่ก็หนาแน่น ... หาที่จอดรถได้เรียบร้อย ก็จูงมือกันเดินไปถึงร้าน เวลายังเหลือ เดินไปถึงคงตรงเวลานัดพอดี


แต่ ............................................................................................................................................


พอเดินไปถึงที่หมายแล้ว กลับพบว่า ... ร้านย้ายไปอยู่อีกที่นึงแล้ว


พอได้ยินพนักงานร้านใกล้เคียงบอกข่าว เราก็ช็อค นิ่ง อึ้ง ตะลึง งุนงง ... ในหัวโล่งงงงงงงงงงงงงง ว่างงงงงงงงงงง คิดอะไรไม่ออก เซลล์สมองเสียหายชั่วคราว ก่อนจะชวนคนดีเดินผละออกมา


คนดีบอกว่า หน้าเรา เหวออออออออออออออออออออ อย่างเห็นได้ชัด เหวอแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ... หน้างงมาก


งง จริงๆ ค่ะ สมองโล่ง คิดอะไรไม่ออก ครั้นจะกลับตัวไปจุดหมายที่ร้านย้ายไปก็คงไม่ทันเวลานัดแน่ๆ ... พอรู้ว่าร้านย้ายไปแล้ว จากที่หิวมากกกกก ตื้อขึ้นมาเลยค่ะ อึ้ง มึน งง


คนดีถามว่าจะเปลี่ยนไปกินร้านไหนดี ก็นึกอะไรไม่ออก ทั้งที่ละแวกนั้นมีร้านอาหารหลายร้าน ... แต่มึนค่ะ เพราะตั้งใจมากินร้านนี้จริงๆ ไม่ได้เหลียวแลร้านอื่นเป็นทางเลือกไว้เลย พออดแบบนี้ ก็ไปไม่ถูก ไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว


คนดีเสนอชื่อมาให้หลายร้าน แต่ก็ยังไม่ใช่ เพราะไม่ได้นึกอยากกิน ... จนมาลงตัวที่ร้านนึง อาหารใกล้กัน แต่บรรยากาศคนละแบบ เคยกินแล้ว ถูกใจใช้ได้ เอาหล่ะ ร้านนี้ก็ได้ พอจะแทนกันได้


แต่ แต่ แต่ .........................................................................................................................................


พอไปกินแล้ว อาหารไม่อร่อยเหมือนเคย ... เพราะฉะนั้นแทนที่กินแล้วจะหายมึน งง กลับยิ่งแย่หนัก เพราะอดกินของอร่อยแบบไม่น่าเชื่อแล้ว ยังต้องมากินของที่เคยอร่อย แต่ตอนนี้ไม่อร่อยเหมือนเคยด้วย ... โอ้โห รู้สึก "อกหัก" อย่างแรงค่ะ


มันอึกๆ จุกๆ อยู่ข้างใน หัวโล่งๆ คิดอะไรไม่ออก ตื้อๆ มึนๆ งงๆ ทั้งเสียดาย และเสียใจ ... คนดีได้ยินแล้วขำ ว่าอกหักเพราะอดกินของอร่อยเนี่ยนะ ... อืมมมมมมม อกหักจริงๆ


คนดีบอกว่าตอนโทรไปจองโต๊ะ มีระบบอัตโนมัติแจ้งว่าให้ติดต่อเบอร์ใหม่ เห็นว่าเบอร์ก็คล้ายกันเลยไม่ได้ถามอะไร ทางร้านเองก็ไม่ได้บอกว่าย้ายไปที่ใหม่แล้ว ... เราเองได้แต่รำพึงว่า ปากหนักกันทั้งคนดี และทางร้าน เราเลยอด ... แล้วก็สะท้อนมาว่า ถ้าโทรจองเองคงได้กินแล้ว เพราะคงสงสัย และถามไปว่าทำไมถึงเปลี่ยนเบอร์ ... เฮ้อออออออออออออออออออออ จัดการเองอย่างที่เคยซะก็แล้ว


จนกลับถึงบ้านคนดี ก็ยังเศร้า แซด รำพึงเป็นระยะ ว่าอกหัก อกหัก อกหัก ... เศร้าจนน้ำตาหยดเลยค่ะ ร้องไห้กระอืด กระอือ อยู่พักนึง คนดีเสนอช็อคโกแลตของชอบมาให้ยังไม่นึกอยากกินเลย เส้า เศร้า ... คนดีทั้งสงสาร ทั้งขำ


ก็มันผิดหวังอย่างรุนแรงนี่นา ... คนดีบอกว่าไว้จะพาไปกินให้ได้นะ ขอผลัดไว้ก่อน ติดไว้ก่อน


อืมมมมมม ก็ได้ แต่ถ้าครั้งหน้าพลาดอีกนะ ... อาละวาดแน่ๆ ... เรื่องกินเรื่องใหญ่ แล้วเรื่องกินของอร่อยเนี่ย เรื่องใหญ่มากกกกก โดยเฉพาะของอร่อยที่ไม่ได้กินน้านนานเนี่ย จัดเป็นเรื่องใหญ่พิเศษสุดเลยค่ะ

23.10.52

ฝันร้าย ฝันตลก กับ ผม

เว้นวรรค เว้นว่าง จากการเข้าร้านทำผมมาราวๆ 2-3 เดือน ... คนดีผมเริ่มยาวมาก ดูหัวโตเหมือนสวมหมวกกันน็อค ส่วนเราก็รู้สึกอยากทำอะไรกับผมตัวเองสักหน่อย ... เลยนัดกันจูงมือเข้าร้านทำผมดีกว่า


ได้ข่าวจากสาวๆ ในออฟฟิศที่เพิ่งไปตัดผมกันมา ว่าพี่หนึ่ง ณ แฮร์โอลิมปิค ช่างประจำ จะไม่อยู่ช่วงหนึ่ง รู้สึกจะไปแข่งที่ต่างประเทศ ... เลยต้องเช็คคิวล่วงหน้า นัดวันเรียบร้อย 13.00 น. วันที่ 23


นัดซอยผม 2 คน คือ คนดี กับ หม่ามี้ ... ส่วนเราแค่ไปสังเกตการณ์ และจะปรึกษาช่างว่า อยากทำทรีทเม้นท์ อยากทำโลว์ไลท์ อยากยืดผม ช่างจะอนุมัติให้ทำอันไหนรึเปล่า


เพราะตั้งอกตั้งใจจะไปทำผมจนเก็บเอามาฝันค่ะ เป็นฝันร้าย ฝันตลก ... ฝันว่าคนดีแวบไปตัดผมเอง และกลับมาพร้อมกับผมทรงโมฮอค ที่ข้างๆ โดนไถเกลี้ยงจนโล้นเลี่ยน แถมผมที่เหลือกลางหัว ก็ถูกทำสีเป็นสีฟ้า ... เห็นแล้วตกใจ ว่าทำไมพี่หนึ่งถึงตัดทรงนี้ให้ แล้วตามมาด้วยแอบขำ เพราะหน้าตาแปลกมาก แต่ก็ต้องปลอบใจคนดี ... ก่อนจะตื่นมาโล่งอกว่าดีที่เป็นแค่ฝัน


ตอนแรกคนดีจะมารับ แต่ติดเคลียร์งาน เลยเปลี่ยนไปเจอกันที่ร้าน ... เราควงหม่ามี้ไปก่อน ส่งหม่ามี้ถึงมือช่างแล้ว ก็เปิดนิยายนั่งอ่านรอไปเพลินๆ ... พอดีที่พี่หนึ่งหันมาเจอพอดี เลยทักทายกันนิดหน่อยว่าจะทำอะไรรึเปล่า บอกความต้องการไปเรียบร้อย พี่เค้าก็เข้ามาเช็คผม แล้วบอกว่า ยืดได้ และ ทำวันนี้ได้เลย ... โอเคค่า


สระ

ไดร์

พี่หนึ่งซอยผมบางส่วนออก

ลงน้ำยายืด

อบผม

ล้างผม

เป่าแห้ง

หนีบผม

ลงน้ำยาอีกรอบ

ล้างผม

เป่าแห้ง

พี่หนึ่งซอยผมด้านหน้าอีกหน่อย

ไดร์จัดทรงปิดท้าย


รวมเวลาในการยืดผมรอบนี้ ราว 3 ชั่วโมงได้ ... เพราะเริ่มสระผมตอนบ่ายนิดๆ เสร็จสรรพทุกขั้นตอนก็สี่โมงกว่า นั่งกันเมื่อย รากจะงอก อ่านนิยายไปได้ร่วม 300 หน้า ได้ผมตรงสลวยแบบ


ระหว่างที่เรากำลังจะอบผม คนดีก็มาถึงพอดี ทักทายคุยกับพี่หนึ่งเรียบร้อย ก็เริ่มขบวนการแปลงโฉมค่ะ ... ไม่รู้ว่าพี่หนึ่งคุยตกลงอะไรกับคนดี แต่ที่แน่ๆ โดนดัดผม แล้วพี่หนึ่งมายืนม้วนให้เองครึ่งหัวเลย ก่อนจะส่งให้ลูกมือรับไปจัดการต่อ


คนดีเองก็ต้องผ่านหลายขั้นตอน ลุกๆ นั่งๆ จากเก้าอี้อยู่หลายรอบ หยอดน้ำยาเติมน้ำยาอีกหลายตัว นานไม่แพ้กัน ... หม่ามี้ที่ตัดผมเสร็จ เซ็ทเป็นทรงสวยเรียบร้อย ก็ออกไปเดินเล่นดูของระหว่างรอเราสองคน ที่วุ่นวายกับผมอีกพักใหญ่


พอดีติดกล้องไป และได้นั่งเก้าอี้ข้างกันพอดี เลยแอบเก็บภาพคนดีที่มีแกนดัดผมเต็มหัวมาเป็นที่ระลึก ... เพราะคนดีดัดผมมาหลายรอบแล้ว แต่ไม่เคยได้เก็บภาพระหว่างดัดไว้สักที


ผลที่ออกมา เป็นลูกเงาะ ที่มีปอยตุ้งแช่อยู่ 1 ข้าง ... น่ารัก สวย หวาน ที่สุดเท่าที่เคยตัดผมกับพี่หนึ่งมา ... ผมเป็นลอนสวย แต่ลูบแล้วรู้สึกเหมือนกำลังลูบขนหมาพุดเดิ้ล


แต่เอาเถอะ ยังไงก็ดีกว่า โมฮอค สีฟ้า อย่างที่เห็นในฝัน ... ขืนได้ทรงนั้นมา คงขำกลิ้งงงงงงงงงง แน่ๆ

21.10.52

กินเจที่เยาวราช

กินเจมาร่วม 10 ปี แล้วค่ะ ... แรกๆ ลำบากในการหาอาหารเจทาน แต่หลังๆ ก็สะดวกขึ้นเรื่อยๆ เพราะมีอาหารเจขายมากขึ้น ... คนดีเองก็กินเจ เลยมีเพื่อนคู่หูไปโดยปริยาย


พอมีคู่หูเลยชวนกันไปตะลอนชิมค่ะ ... 2-3 ปีก่อน ไปลองชิมอาหารเจที่ตลาดสวนหลวง แล้วก็ลองไปเยาวราช ... ติดใจที่เยาวราชเพราะมีอาหารหลากหลายชนิด มากมายหลายร้านให้เลือก ถึงเมนูอาจจะซ้ำกันบ้างแต่ก็ทำให้ตื่นตาตื่นใจ ... จนวางแผนกันไว้เลยว่า พอถึงเทศกาลเจเมื่อไหร่ จะต้องหาวันแวะไปเยาวราช 1 ครั้ง


ไปกัน 2 คนก็ไม่สนุกค่ะ เลยชวนสาวๆ ในออฟฟิศ พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ไปด้วย ... แต่ละปีก็มีสมาชิกติดสอยห้อยตามมากบ้าง น้อยบ้าง


ปีนี้พอเข้าเทศกาลกินเจ ก็เล็งไว้เลยว่าจะไปวันไหน แต่เพราะคนดียุ่งมากเลยยังไม่ได้คุยกัน ... จนมีหนุ่มคนนึงส่งข้อความมาชวน พี่เค้าเคยทำงานที่ออฟฟิศ เป็นหนุ่มที่ไม่กินเจ แต่ร่วมขบวนไปกินอาหารเจที่เยาวราชด้วยกัน 2-3 ครั้งแล้ว ... ตอนนี้พี่เค้าไปทำงานที่ดีแทค ออฟฟิศย้ายจากตึกชัยไปจามจุรีสแควร์ ไม่ไกลเยาวราชนัก เลยส่งข้อความมาถามว่าปีนี้จะมากินเจที่เยาวราชรึเปล่า


รีบตอบทันทีว่าไปแน่ๆ แต่ยังไม่รู้เมื่อไหร่ ขอเช็คคิวคนดีก่อน ... แล้วรีบล็อคคิววันพุธเอาไว้ ก่อนจะบอกคนดีให้ทำตัวให้ว่าง


แหม เลือกวันฤกษ์ดีจริงๆ ฝนตกตลอดทั้งวัน ทำเอาหวั่นใจว่าจะได้ไปรึเปล่า ... สุดท้ายฟ้าฝนเป็นใจ ตกเบาบางก่อนจะจางไป เราก็มุ่งหน้าไปหม่ำได้ตามตั้งใจ ... เสียนิดเดียวที่ปีนี้ สมาชิกร่วมทริปน้อย เพราะติดภารกิจกันไปคนละทาง


เรากับคนดีมุ่งหน้าไปเยาวราช ไปเจอพี่เค้าที่นั่นเลย ... หาที่จอดรถได้ก็เริ่มช้อปของกินเลยค่ะ จุ๋ยก้วยเจ ลูกชิ้นเห็ดหอม ฮื่อก้วยเจ เป็นของว่างรองท้อง


เดินเข้าไปร้านอาหารตามสั่ง ร้านประจำที่แวะมากินทุกปี ... ตอนแรกว่าจะเลือกร้านใหม่ดูบ้าง แต่คนเยอะ แล้วไม่มั่นใจว่าฝนจะเทลงมาอีกมั้ย ... เลยเลือกร้านเดิมดีกว่า เพราะมีหลังคา และเพิ่งเปิดร้าน กำลังตั้งโต๊ะ คงรอไม่นาน


พอได้โต๊ะนั่งแป๊บเดียว หนุ่มที่เราสองคนรอก็มาถึง สั่งอาหารและนั่งถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันเพลินๆ อาหารก็มาส่งค่ะ ... ผัดกะเพรารวมมิตรเจ ผัดแขนง เส้นหมี่ผักกระเฉด ยอดมะระไฟแดง ลาบเห็ด ... หน้าตาอาหารคล้ายๆ กัน ตอนมาเสิร์ฟก็งงๆ ว่านี่คืออะไร แต่รสชาติใช้ได้ค่ะ ยกเว้นลาบที่เปรี้ยวโดไปหน่อย


กินอิ่มกำลังสบายท้อง แถมสบายกระเป๋าด้วย เพราะมื้อนี้พี่เค้าอาสาเป็นเจ้ามือ ... อิ่มจังตังค์อยู่ครบแบบนี้ เลยบรรจงไหว้ขอบคุณอย่างสวยงามที่สุดตอบแทน


ตอนแรกกะว่าจะไปเติม บัวลอยน้ำขิง ตบท้ายล้างปาก แต่ของคาวที่จัดการไปทำเอาท้องตึง ... เลยยอมยกธง ยกเว้นบัวลอยน้ำขิงเจ้าอร่อย เปลี่ยนไปเดินย่อย ชมร้านรวง ดูอาหารเจต่างๆ เผื่อจะได้อะไรติดมือกลับมาบ้าง


คนดีได้ กาหนาฉ่าย ส่วนเราได้ แคบหมูเจ (ฟองเต้าหู้ทอด) แล้วที่แวะซื้อเหมือนกันคือ ฮื่อก้วยเจ กับ ลูกชิ้นเห็ดหอมเจ ติดมือกลับไปฝากสมาชิกเจที่บ้าน


อิ่มท้อง ได้ของติดมือครบ ก็ชวนกันกลับค่ะ ... คนดีวนรถไปส่งพี่เค้าที่ตึก แล้วขอแวะไปศูนย์หนังสือจุฬาบนชั้น 4 ไปดูงาน วัดพื้นที่ให้ลูกค้าสักหน่อย มีเจ้าถิ่นพาเดินวนไปส่งถึงที่ ... ทำธุระเรียบร้อยก็เตรียมแยกย้าย พี่เค้าถามว่าสนใจจะไปลองเล่นสไลเดอร์ของดีแทคก่อนกลับรึเปล่า ... ก็สนใจนะคะ แต่ขอโอกาสหน้าแล้วกัน วันนี้นุ่งกระโปรงมา ไม่พร้อมค่า


ถ้าแวะเล่นสไลเดอร์ คงได้สนุกเพิ่มจาก อิ่ม อร่อย สบายกระเป๋า ... แล้วเทศกาลกินเจปีหน้า จะมีเจ้ามือแบบปีนี้อีกรึเปล่าน้อ

17.10.52

งานบุญ กับ งาน BIG

วันเสาร์ วันพักผ่อน แต่เราสองคนก็มีโปรแกรมตะลอนทัวร์อีกแล้ว ... งานแรกมีเหตุมาจากคนดี งานสองมีเหตุมาจากเรา ตกลงกันได้ก็ควงกันตะลอนทัวร์ทั่วกรุงค่ะ


วางแผนออกจากบ้านตั้งแต่ 6 โมงเช้า แต่กว่าจะตื่นกันทั้งคู่ก็ปาไป 8 โมง กว่าจะอาบน้ำ แต่งตัว ออกจากบ้านกันได้ก็เกือบ 10 โมง ... ย้วย ยืด ยาด แย่สุดๆ


ขึ้นรถได้สักพัก ความง่วงก็มาเยือน เลยขอเอนไปหนุนตักคนดีงีบหลับ เพราะเส้นทางนี้คนดีคุ้นเคย ไว้ค่อยตื่นไปช่วยตอนใกล้ๆ ... มาตื่นก็ตอนคนดีแวะปั๊มน้ำมัน หาเสบียงมื้อเช้าลงท้อง ... ได้ แยมโรล กับ นมสด และ ชาเขียว ช่วยสยบเสียงท้องที่เริ่มโครมคราม


ตรงดิ่งไป จ.ราชบุรี จุดหมายอยู่ที่สำนักสงฆ์ ถ้ำสติ แถวเขาช่องพราน ... ไม่เคยไปกันทั้งคู่ ไม่รู้จักเหมือนกัน แต่ที่ไปที่นี่เพราะลูกค้าที่คนดีคุ้นเคยบอกบุญมาว่ามีกฐินสามัคคี และเป็นสำนักสงฆ์ที่กำลังจะยกฐานะเป็นวัด ... คนดีเลยสนใจและรีบรับคำ เพราะการไปทอดกฐินเป็นการบ้านข้อหนึ่งที่ได้รับจากพี่หมอดู


เราเสิร์ชหาข้อมูลเส้นทางนิดหน่อย แล้วกะไปถามเอาดาบหน้า แต่ก็โชคดีที่ไม่หลง แค่เจอแยกไม่แน่ใจนิดเดียว ดีที่มี่คุณจราจรอยู่แถวนั้นพอดี เลยได้ถามทาง ... แล้วเลยไปนิดเดียวก็ถึงที่หมายค่ะ


ทางเข้าเล็กนิดเดียว แต่พอเข้าไปด้านใน คนเยอะมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ... เป็นงานกฐินสามัคคีที่เราสองคนไม่รู้จักใครเลย แต่ก็ไม่เป็นปัญหาค่ะ มีกองอำนวยการประกาศข่าวเป็นระยะ ไปสอบถามและทำบุญตรงนั้นได้เลย


ร่วมอยู่ในพิธีแบบ งงๆ ด้วยกันทั้งคู่ เพราะห่างเหินจากการทอดกฐินพอกัน ... นั่งฟังเทศน์ แล้วทำไปตามลำดับพิธีการ ราวๆ บ่ายสองโมงก็เสร็จเรียบร้อยค่ะ ... รับพรเสร็จปุ๊บก็รีบชิ่งกลับทันทีค่ะ เพราะร้อนและหิวกันทั้งคู่


คนดีคิดถึงก๋วยเตี๋ยวไข่เจ้าอร่อย เลยชวนกันวนเข้าเมืองไปกิน ... ไปถึงร้านตอนก็บ่ายแก่ คนโล่ง นั่งสบาย ไม่พลุกพล่านวุ่นวาย


คนดีเลือก วุ้นเส้นต้มยำ กับ บะหมี่แห้ง ส่วนเรา เลือกบะหมี่ต้มยำ ... ก่อนจะปิดท้ายด้วยลอดช่อง หอมๆ เส้นนุ่ม หวาน เย็น ชื่นใจ


อิ่มท้องเรียบร้อยก็ตรงดิ่งกลับเข้ากรุงเทพฯ ค่ะ ไปจุดหมายต่อไป ... ระหว่างทางเราก็งีบหลับไปอีกตามเคย มารู้ตัวก็เข้าถนนบรมราชชนนีแล้ว ตื่นมาคุยกับคนดีพักนึง ก็งีบหลับไปอีก ... หลับเยอะ หลับสนิท หลับมากจนคนดีงง ว่าเกิดอะไรขึ้น


มาตื่นลืมตาได้เต็มที่ก็ถึงจุดหมายแล้วค่ะ ... เมืองทองธานี เพราะเราสองคนจะมาเดินงาน BIG&BIH ค่ะ


ถึงแล้วก็เดิน วน วน วน วน วน ไปตามบูธต่างๆ ได้ของติดไม้ติดมือมานิดหน่อย แต่ของที่ตั้งใจอยากจะได้จริงๆ กลับไม่ได้ค่ะ ... เดินจนเริ่มล้า เตรียมตัวกลับ ก็ขอไปแวะงาน Homepro Expo อีกนิดนึง คนดีจะแวะดูโคมไฟตั้งโต๊ะ


ได้ของเรียบร้อยตามต้องการ ก็เตรียมกลับค่ะ เพราะท้องร้องโครกครากสุดๆ แล้ว ไปหาอาหารเจหม่ำกันดีกว่า ... ก่อนจะออกจากฮอลล์ได้กลิ่นอาหารลอยมา เลยขอเดินไปโฉบดูสักหน่อยว่ามีอะไรกินได้รึเปล่า ... แล้วเทวดาก็ประทาน สปาเกตตี้ขี้เมาเจ ของร้านนารายณ์พิซเซอเรีย กับ ก๋วยเตี๋ยวหลอดเจ ของ H&C มาให้


ท้องอิ่มเรียบร้อย นั่งรอคนดีที่ขอตัวไปช่วยพี่ชายที่ตามมางานเลือกซื้อโคมไฟหน้าบ้านอีกสักหน่อย ... ราวๆ สี่ทุ่มก็ได้เวลากลับบ้านค่ะ


ถึงบ้านปุ๊บ คนดีที่ตะลอนขับรถมาทั้งวันก็หลับเหมือนสลบ ส่วนเรา นั่งตาแป๋วเล่นเกม ดูทีวี ไปเรื่อย ... คนขับรถตะลอนทั้งวันสลบ ส่วนคนหลับตลอดทางตาสว่างแป๋วแหวว ... คนดีจ๋า ไว้ชาติหน้าเค้าจะขับรถให้ตัวนั่งบ้างนะ

16.10.52

Law Abiding Citizen

เมื่อวานดูหนังโรแมนติคคอมเมดี้ ขำ ฮา กุ๊กกิ๊ก น่ารัก ... วันนี้ก็ยังเลือกดูหนังอีกวัน แต่เปลี่ยนอารมณ์แบบพลิกจากหน้ามือเป็นหลังเท้า เป็นหนังแนวแอ็คชั่น บู๊ล้างผลาญ


Law Abiding Citizen : ขังฮีโร่ โค่นอำนาจ ... ไม่รู้ชื่อไทยเกี่ยวกับชื่ออังกฤษตรงไหน แต่ที่เลือกดูเพราะหนังตัวอย่าง เพราะเจอร์ราด บัทเลอร์ และ เจมี่ ฟ็อกซ์


เรื่องย่อ (ไม่สปอยล์)


เมื่ออาชกรบุกรุกบ้านของ ไคลด์ ปล้น และฆ่าภรรยาและลูกสาวของเขา ไม่นานอาชกรที่บุกบ้านเขาก็ถูกจับได้ แต่ด้วยช่องโหว่ของกฎหมาย รวมถึงอำนาจต่อรองของ รูเพิร์ท อัยการเขต หนุ่มไฟแรง ทำให้ฆาตกรคนนึงถูกปล่อยตัวเป็นอิสระ ... ไคลด์ ไม่ยอมปล่อยให้ฆาตกรลอยนวล สิบปีให้หลังเขาตัดสินใจล่าและสังหารฆาตกรโหดด้วยตัวเอง พร้อมกับเตือนให้รูเพิร์ทแก้ไขระบบยุติธรรม ก่อนผู้เกี่ยวข้องในคดีจะตายทุกคน

(เรื่องย่อและภาพ จาก http://www.majorcineplex.com/ )


หนังเปิดตัวด้วยฉากสะเทือนใจค่ะ เป็นฉากสาเหตุของเรื่องที่อาชญากรบุกบ้าน เราสองคนดูแล้วรู้สึกเหมือนกันคือ หดหู่ ใจเหี่ยว ... แต่หลังจากนั้นก็ตื่นตาตื่นใจและตามลุ้นไปกับฉากตามล้างแค้น


เจอร์ราด บัทเลอร์ ที่ดู Ugly Truth เมื่อสัปดาห์ก่อน เป็นหนุ่มอารมณ์ดี ขี้เล่น น่ารัก ... แต่เจอร์ราด บัทเลอร์ ในเรื่องนี้ เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว และเคียดแค้น


เราสองคนดูแล้วชอบนะคะ สนุก มันส์ สะใจ ... แต่ไม่ดูก็ไม่ได้พลาดอะไรไปค่ะ

15.10.52

รถไฟฟ้ามาหานะเธอ

วันนี้อายุความรักเพิ่มขึ้นอีกเดือน ก็ควรจะฉลองสักหน่อย ไหนๆ ก็ตรงกับวันพฤหัสพอดี มีหนังใหม่เข้าฉาย งั้นเลือกฉลองด้วยการดูหนังแล้วกัน ... แล้ววันนี้จะมีหนังเรื่องไหนเหมาะไปกว่า "รถไฟฟ้ามาหานะเธอ"


ตั้งใจโทรจองตั๋วตั้งแต่ 10.00 น. แต่โทรไปเพื่อได้ยินว่า ตั๋วหนังสำหรับจองทางโทรศัพท์เต็มแล้ว ... ไรเนี่ย อะไรกันเนี่ย เอาไงดี ถ้าคืนไปเข้าคิวซื้อเคยสงสัยจะไม่ได้ดูรอบที่อยากดู ... เลยแวะซื้อตั๋วหนังตอนกลับจากประชุม แล้วค่อยกลับเข้าออฟฟิศ ได้ตั๋วหนังมาถือไว้อุ่นใจ


นัดเจอคนดีที่เอสพละนาดเลย เราถึงก่อนเลยโทรเช็คว่าวันนี้จะหม่ำอะไรดี ... บะหมี่หมายเลขแปดเป็นทางออกของวันนี้ เราไปนั่งหม่ำ สั่งอาหารรอก่อนที่ร้าน สักพักใหญ่ๆ คนดีก็ตามมาถึง ... จัดการของคาวแล้ว แต่ยังท้องโหวงๆ เลยเติม แมคโคนดิพอีกคนละอัน เต็มท้องพอดี


ขึ้นไปแวะประทับบัตรจอดรถ ก็เจอคนเข้าคิวรอซื้อตั๋วหนังยาววววววววว มากกกกกกกกกก ... เมื่อบ่ายที่แวะมาซื้อก็ว่าคนเยอะแล้ว ตอนเย็นคนเยอะกว่ามากกกกก ... มาดูหนังวันพฤหัส วันแรกที่เข้าฉายก็บ่อย แต่ไม่เคยเจอคนเยอะขนาดนี้มาก่อน


รถไฟฟ้ามาหานะเธอ : Bangkok Traffic Love Story ... เรื่องย่อ (ไม่สปอยล์ค่ะ)


สภาพจราจรใจปี 2552 ยังเป็นปัญหาหนักอกของคนกรุงเทพฯ ด้วยแม้จะมีถนน สะพาน ทางด่วนใหม่ๆ ผุดขึ้นหลายต่อหลายสาย ผิวจราจรเหล่านั้นก็ยังติดขัดและไม่เพียงพอต่อความต้องการ ... ถนนในกทม. ก็เหมือนหนุ่มหล่อแสนดี ที่มีน้อยและไม่เคยเพียงพอต่อความต้องการ


"เหมยลี่" สาวอายุ 30 ที่มีพฤติกรรมป่วนประจำตัวอย่างหนึ่ง คือ การเมาในงานแต่งงานเพื่อน เพราะมันช่างตอกย้ำซ้ำเติมชีวิตโสดสนิทไร้ชายใดมาแผ้วพานของลี่ ... วันหนึ่งหลังจากลากสังขารกลับจากการส่งเพื่อนสาวสุดซี้เข้าห้องหอ ลี่ขับรถเสยเข้ากับแผงโจ๊กในตลาดโต้รุ่ง ส่งผลให้รถเก๋งคันงามของเธอถูกป๊าผู้ต่อต้านแอลกอฮอลล์ทุกชนิดขายทิ้ง โทษฐานเมาแล้วขับ


ชีวิตที่ไม่มีชายหนุ่มคอยไปรับไปส่ง ลี่จึงต้องออกผจญการจราจรสุดโหดของเมืองบางกอกเพียงลำพัง ... แต่ละวันลี่ต้องปากกัดตีนถึบ ขึ้นมอเตอร์ไซค์ ต่อรถตู้ โบกแท๊กซี่ โหนรถเมล์ โดดลงเรือ ฯลฯ สารพันความเมื่อยล้าจากการเดินทางแบบเมก้าฮิตทำให้เวลานอนของลี่แปรปรวน


คืนหนึ่งลี่ตื่นมากลางดึกและแอบขึ้นไปกินเบียร์บนดาดฟ้า โชคดีปนร้าย ลี่บังเอิญไปเจอลูกจ้างชายหญิงกำลังแสดงหนังสดกันอยู่ ... กลายเป็นคดีอื้อฉาวกลางดึกที่นำพาให้ลี่ได้พบกับ "ลุง" วิศวกร Maintenance แห่งรถไฟฟ้าบีทีเอส


การได้พบกับผู้ชายชื่อแปลกคนนี้แบบไม่เมา ในคืนต่อมาทำให้ลี่เริ่มรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมาเป็นครั้งแรกในสามสิบฝน ... ในหัวลี่อัดแน่นด้วยคำถาม "ผู้ชายที่ทั้งขาว ทั้งหล่อ ทั้งเท่ ไหงถึงมาซ่อนตัวทำงานรถไฟฟ้ากะดึกอยู่อย่างนี้" ... ลี่รู้สึกราวกับลุง คือ ขุมทรัพย์ที่เธอบังเอิญไปพบลายแทงเข้า หากเธอไม่ลงมือทำอะไร ไม่ทำในสิ่งที่ใจต้องการ เธออาจกลายเป็นหญิงโสดคนสุดท้ายในกรุงเทพมหานคร


ลี่ตัดสินใจทำในสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนเคยคิดแต่ไม่กล้าลงมือ นั่นคือ การจีบผู้ชายก่อน


แต่ทุกอย่างมันก็ไม่ง่ายสำหรับมือใหม่หัดจีบอย่างลี่ไหนจะเวลาไม่ตรงกันจนเหมือนอยู่คนละโลกของเขากับเธอ ... ไหนจะถูก เพลิน สาวน้อยข้างบ้านหักหลัง แปรพักตร์จากครูไปเป็นคู่แข่งความรัก ... แต่ไม่ว่าจะต้องผจญอุปสรรคไหนๆ ลี่ก็ไม่คิดถอดใจ ตั๋วรักรถไฟ(ฟ้า)เที่ยวสุดท้ายใบนี้ ลี่สาบานว่าจะไม่ยอมให้หลุดมือเด็ดขาด

(เรื่องย่อจาก http://www.rodfaifahmovie.com/ รูปโปสเตอร์จาก http://www.majorcineplex.com/ )



เป็นหนังไทย สไตล์โรแมนติคคอมเมดี้จริงๆ ค่ะ ... หนังกุ๊กกิ๊กน่ารัก ขำเป็นระยะ และที่สำคัญคือ พระเอกที่โผล่มาเมื่อไหร่ เรียกเสียงกิ๊วก๊าวจากสาวๆ ได้ตลอด พระเอกคนนี้ "หล่อทะลุแป้ง" จริงๆ ค่ะ (ถ้าอยากรู้ว่าเป็นยังไงต้องดูไหนหนังค่ะ) ... แค่ 2 ฉากแรกที่เคนปรากฎตัว เสียงฮิ้วววววววว หูยยยยยยยยย ฮึมมมมมมมม จากสาวๆ ดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน


หนังสนุก นักแสดงหลัก นักแสดงประกอบน่ารัก และฮา แล้วยังมีละครในหนังที่ก็ฮาไม่แพ้กัน ... ใครที่ชอบหนังสไตล์โรแมนติคคอมเมดี้ ไม่ควรพลาดค่ะ








ต้องการเพลงใหม่ๆ ใช่มั้ย คลิกที่นี่

: 91 เดือน :

ผ่านไปอีก 1 เดือน เวลาเดินเร็วจัง วันที่ 15 อีกแล้ว ... อายุความรักบวกเพิ่มอีก 1 = 91 เดือน ใกล้ 100 เข้าไปทุกที ดูเหมือนเยอะจัง แต่ก็รู้สึกเหมือนเพิ่งผ่านมาแป๊บเดียว


ช่วงนี้รู้สึกว่าเวลาเดินเร็ว ป๊อบแป๊บหมดวันอีกแล้ว ... หรือเป็นเพราะช่วงนี้คนดียุ่งวุ่นวายกับงานที่รุมเร้าเข้ามาในเดือนนี้ ไปนั่น ไปนี่ ไปนู่น วุ่นวายไปหมด จนเรารู้สึกวุ่นวายตามไปด้วย และคิดว่าเวลาเดินเร็ว


แต่ไม่ว่าเวลาจะเดินคงที่เหมือนเดิม เดินช้าลง หรือเดินเร็วขึ้น ... ความรักยังคงอยู่ ยังห่วงเหมือนเดิม ยังรักเหมือนเดิม ยังอยากอยู่ใกล้ๆ อยากเดินข้างๆ จับจูงมือกันไว้เหมือนเดิม


ถึงแม้เวลาจะผ่านไป บางอย่างจะเปลี่ยนไป ... ไม่ได้เจอกันเกือบทุกวันเหมือนเดิม ไม่ได้โทรคุยกันบ่อยๆ ไม่มีมอร์นิ่งคอลล์ กู๊ดไนท์คอลล์ที่เคยมีประจำ ก็หลงๆ ลืมๆ กันบ้าง ... ก็ไม่เป็นไร


กลายมาเจอกันผ่านเอ็มเอสเอ็นแทน ... มาเจอกันทางใหม่ที่แต่ก่อนไม่ค่อยได้ใช้ทางนี้ เห็นหน้าผ่านเว็บแคม คุยกันผ่านตัวหนังสือ บางทีไม่ได้คุยกันมากนัก แต่เห็นออนไลน์อยู่ก็อุ่นใจ


ความวุ่นวายกับงาน กับธุรกิจที่กำลังเริ่มต้นของคนดี ไม่เคยทำให้เรารู้สึกว่า คนดีรักน้อยลง ใส่ใจน้อยลง ดูแลน้อยลง หรือ ห่วงใยน้อยลง ... ถึงจะห่างกันบ้าง แต่ความผูกพันและความรู้สึกดีๆ ที่ส่งมายังวนอยู่รอบตัวเสมอ และเห็นว่าคนดีพยายามจะส่งมาให้มากขึ้นด้วยซ้ำ


เราซะอีก ที่ช่วยอะไรคนดีไม่ได้เลย ไม่รู้จะช่วยเรื่องงานยังไง ... ทำได้แค่ส่งกำลังใจ กับ เสนอความเห็น ... ดีไม่ดีความเห็นที่เสนอไป อาจจะทำให้คนดียิ่งเครียด กลุ้มใจ และปวดหัวหนักขึ้นด้วยซ้ำ ... เฮ้อ แย่จริง


คนดีจ๋า ... ถึงเค้าจะเกเรไปบ้าง งอแงหลายครั้ง งี่เง่าหลายที ก็ยังรักเหมือนเดิม ห่วงเหมือนเดิมนะคะ ... ทุกครั้งที่มองหน้ายังใจกระตุก เวลาอยู่ใกล้ๆ ก็หัวใจพองฟู จับมือกันก็ยังอุ่นใจไม่เคยเปลี่ยน และไม่เคยลดลงเลย


"รักคนดีที่สุดค่ะ"


10.10.52

แก๊งค์ลูกหมู รีเทิร์น @ แปดริ้ว-พัทยา

แก๊งค์ลูกหมู รีเทิร์นมารวมตัวออกทริปเฉพาะกิจอีกครั้งแล้วค่ะ ... ครั้งนี้เป็นการรวมตัวแบบมีหลายปัจจัยค่า


เริ่มจากเรากับคนดีที่นึกอยากไปเที่ยว อยากพักผ่อน อยากไปที่ไหนก็ได้ใกล้ไกลไม่เกี่ยง ... ส่วนสาวฝนเปรยว่าอยากกินก๋วยเตี๋ยวปากหม้อที่เคยพูดถึง ... ส่วนหมวยบีมีภารกิจที่จะต้องปิดทองพระพุทธรูปปางต่างๆ


เลยเกิดทริป แปดริ้ว-พัทยา ทริปนี้ขึ้นค่า ... จริงๆ เคยคุยกันจะจัดขบวนตะลอนทัวร์แปดริ้วนานแล้ว แต่ยังไม่ได้จัดทริปสักที ... พอดีที่เราสองคนอยากพักผ่อน เลยขอค้างคืนสักหน่อย


คิดได้ก็จัดการเช็ควันว่างของคนดี แล้วหาห้องพัก พอได้ห้องอย่างที่หมายตา ก็จัดการจองห้องทันทีค่ะ ... ขั้นต่อมาก็ต้องไปล็อคคิวสมาชิกให้เตรียมตัวร่วมขบวน ตอนแรกน้องๆ ก็อิดออดเพราะกลัวอาการภาวะทรัพย์จางอักเสบเรื้อรัง ... เราสองคนยื่นข้อเสนอว่า ห้องพักพร้อม รถรับ-ส่งพร้อม ทำตัวให้ว่างแล้วเตรียมเฉพาะค่าอาหารไปเท่านั้น


7.45 น. เริ่มต้นออกเดินทางจากบ้านคนดี วนไปรับหมวยบีที่พระราม 2 แล้วมุ่งหน้าไปพัฒนาการ สอยตัวสาวฝนที่จัสโก้ ... สมาชิกครบก็ตรงดิ่งไปฉะเชิงเทรา


จุดหมายแรกอยู่ที่วัดหลวงพ่อโสธร ตั้งใจไหว้พระให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยตะลอนทัวร์ ... แต่ทางผ่านมาร้านก๋วยจั๊บกระเพาะปลาที่มีป้ายอวดอ้างความอร่อย สมาชิกเลยสนใจ ขอลองแวะพิสูจน์สักหน่อย


กระเพาะปลา 2 ก๋วยจั๊บ 1 ของ ร้านตั๊กม้อ เลยถูกสั่งมาลองชิม ... เรารองท้องมาแล้ว เลยขอแค่ชิมนิดหน่อย ทั้ง 2 อย่าง รสกลมกล่อมไม่ต้องปรุงเพิ่มเลยค่ะ


เติมพลังแล้วก็เดินทางต่อได้ ไปจุดหมายหลัก ไปไหว้หลวงพ่อโสธรค่ะ ... คนเยอะ วุ่นวาย ตาลาย เวียนหัว ทั้งโบสถ์หลังเก่า และหลังใหม่ ... ที่นี่ปล่อยให้หมวยบีได้ปิดทองพระปางต่างๆ อย่างสบายใจ สมาชิกที่เหลือก็นั่งดูคนเดินผ่านไปมาตาลายดีค่ะ


ภารกิจเรียบร้อย ก็มุ่งหน้าออกเดินทางต่อค่ะ จุดหมายอยู่ที่ อ.พนมสารคาม ... แต่ขอแวะซื้อของฝากระหว่างทางที่ ร้านตั้ง เซ่ง จั้ว ได้ขนมติดมือมากันคนละ 2-3 กล่อง


ท้องเริ่มประท้วงต้องรีบหาเสบียงค่ะ ตรงไปแวะซื้อ ขนมกุ่ยช่าย เจ๊อิม เกาะขนุน ... ขนมกุ่ยช่ายแป้งบาง ไส้ล้น เจ้าดัง เจ้าอร่อยของเมืองแปดริ้ว


ไปถึงร้านต้องรอสักหน่อย เพราะมีลูกค้าคนอื่นรอคิวอยู่ค่ะ ยืนรอไม่มีปัญหา แต่กลิ่นกุ่ยช่ายที่นึ่งเสร็จร้อนๆ กลิ่นหอมฉุยยั่วน้ำลายเหลือเกินค่ะ


ได้กุ่ยช่ายแล้วก็ตรงไปร้านอาหารที่เล็งไว้ ก๋วยเตี๋ยวปากหม้อ ค่ะ ... ตอนแรกจะลองชิมเจ้าใหม่ในตลาด แต่ผ่านไปดูแล้วลูกค้านั่งเต็มไม่มีที่ว่าง เลยวนไปเจ้าเดิมที่เรามาชิมกันครั้งก่อน


ไส้เต้าหู้ ไส้ถั่วฝักยาว ไส้ถั่วงอก ไส้กุ่ยช่าย ไส้หวาน ไส้หน่อไม้ เลือกสั่งได้ตามชอบใจ ... เราเลือกไส้หวานเป็นหลักค่ะ มีไส้เต้าหู้มาเสริมนิดหน่อย กินกับน้ำซุปที่ไส้ลูกชิ้นลูกโต ... กินกันไปคนละ 10-12 ตัว แกล้วกุ่ยช่ายอีก 3 กล่อง อิ่มพุงตึง


จริงๆ แผนแรกกะว่าจะกินก๋วยเตี๋ยวปากหม้อ ต่อด้วยข้าวมันไก่ ... แต่ร้านข้าวมันไก่ปิดค่ะ สาวๆ เลยอดชิม ไว้กลับมาลองครั้งหน้าแล้วกัน


อิ่มแล้วเดินทางต่อค่ะ มุ่งหน้าไปพัทยา ลองเลาะไปอีกทางนึง แต่รู้สึกว่าทางย้าวววววว ยาวกว่าจะถึง ... กว่าจะเข้าโรงแรม เข้าห้องพักได้ก็ บ่ายสามโมงค่า เป็นการเดินทางมาพัทยาที่ใช้เวลาน้านนาน


ห้องพักของทริปนี้เลือกใช้บริการที่ Bella Villa Metro โรงแรมที่คุณกี้กับคุณผึ้งเคยแนะนำ ... เลือกพักที่นี่เพราะมีห้องพักแบบพักได้ 4 คน ในราคาไม่สะเทือนกระเป๋ามากนักค่ะ ได้ห้องพักแบบ Family Suite ที่มี 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ พร้อมห้องนั่งเล่น กว้างขวาง สะดวกสบายค่ะ


เก็บของเข้าห้องพัก นั่งพักสักหน่อย ก็ออกตะลอนกันต่อค่ะ ตรงไป ตลาดน้ำ 4 ภาค จุดหมายที่คนดีอยากมาเหลือเกิน ... เดินชมวิว ชิมอาหารไปเรื่อยๆ เริ่มจาก ทอดมัน ขนมครกชาววัง ลูกชิ้นปลาระเบิด ข้าวเกรียบว่าว ชิมอย่างละนิดอย่างละหน่อย รองท้องพอให้มีแรงค่ะ


เดินเล่นไปเรื่อยๆ ชมบรรยากาศ ถ่ายรูป เสียทรัพย์ไปอีกหน่อย ... เหงื่อเริ่มซึม แดดเริ่มจาง พระอาทิตย์ใกล้จะลาฟ้าเต็มที รีบไปจุดหมายต่อไปกันดีกว่าค่ะ


ไร่องุ่นซิลเวอร์เลค ... หมวยบีกับสาวฝนยังไม่เคยมา เราสองคนเลยพามาชมบรรยากาศ มาถ่ายรูปเล่นกัน ได้น้ำองุ่นหวานกำลังดี เย็นชื่นใจช่วยเรียกพลัง ... จากที่เดิน นั่ง ยืนถ่ายรูปกันธรรมดา สักพัก 2 สาวก็ชวนกันกระโดดถ่ายรูปท่ามกลางประชาชีอีกมากมาย แล้วมิใช่การโดดธรรมดา มีออกแอ็คติ้งท่าทางหลายแบบด้วย (ตามไปดูได้ที่ บล็อกของหมวยบี ค่ะ)


โดดจนเหงื่อซึม พลังตก ฟ้าเริ่มมืด ก็ได้เวลาหม่ำอีกแล้วค่ะ ... เดินทางไปแค่นิดเดียวก็ถึงบ้านอำเภอ เราเลือก ร้านศรีนวล ร้านประจำที่กินมาตั้งแต่เรียนมหา'ลัย


หมึกผัดไข่เค็ม อร่อยเด็ดไม่เคยเปลี่ยน ... ผักกาดแก้วผัดน้ำมันหอย รสกลมกล่อม หอม อร่อยค่ะ ... เกยตื้น รวมอาหารทะเลลวก ... ปลากระพงทอดน้ำปลา เนื้อปลาฟู อร่อย ... ข้าวผัดปู ก็โอเค ... ต้มยำกุ้งน้ำข้น ก็พอไหวค่ะ ถ้ารสจัดเข้มข้นกว่านี้ก็แจ่มเลยค่ะ


จัดการของคาวอิ่มแล้ว แต่ไม่สามารถจัดการให้เรียบวุธได้เหมือนเคยค่ะ เหลือข้าวผัดปูกับเกยตื้นนิดหน่อย ห่อใส่กล่องเก็บไว้ก่อนค่ะ ... มุ่งหน้าไปหาของหวานล้างปากกันต่อ


La Baguette ร้านเบเกอรี่หน้าโรงแรม Woodland ... Royal Chocolate Mousse, Layer Cake และ ไอติม Chocolate Lover ... เค้กร้านนี้อร่อยค่ะ แต่รสชาติซับซ้อนเพราะมีส่วนผสมเยอะ สาวๆ เลยไม่ปลื้มเท่ากับเค้กร้านละเลียดที่พวกเราโปรดปราน


คาวหวานครบถ้วน ก็วนเข้าห้องพัก ไปพักผ่อนเอกเขนกรอฝนซาค่ะ ... สาวๆ นั่งดูทีวี ส่วนเรานั่งเล่นเน็ท คนดีงีบหลับ รอเวลาจะออกไปฮาร์ดร็อค เพราะหมวยบีเคยมางานลูกค้าแล้วไปแวะฟังเพลงที่ฮาร์ดร็อค ก็เพลินๆ ดี เลยชวนไปลองดู


แต่พอไปถึง มีแต่ลูกค้าต่างชาติ วงที่ขึ้นเล่นก็เป็นวงเดิมที่หมวยบีเคยเจอ แต่วันนี้เล่นเพลงจังหวะหนักแน่น ร็อคจ๋าๆ ร็อคจัดๆ ร็อคถึงขั้น heavy metal ฟังแล้วใจสะเทือนค่ะ ... 4 สาว จัดการโค้กคนละแก้ว กับเฟรนช์ฟรายอีก 1 หมด ก็ต้องขอจรลีลี้กลับมาห้อง แพ้ภัย ร็อคแบบheavy ค่า


ถึงห้องพักทยอยอาบน้ำ เตรียมเข้านอน แต่มีสาวคนนึง สามารถเปิดกล่องข้าวผัดอุ่นทาน จัดการจนเกลี้ยงได้ ... ลองทายดูซิคะ ว่าใคร


แยกย้ายกันเข้านอน นัดเจอกันใหม่มื้อเช้า ... เราสองคนหลับสนิท หลับเป็นตาย เพราะได้ห้องนอนที่ไม่มีหน้าต่าง ไม่มีแสงจากข้างนอกลอดเข้ามา นอนหลับกันยาว ตื่นมาก็ 8.30 ... งัวเงียออกมาชะโงกดูน้องๆ ว่าลุกรึยัง เจอหมวยบีนอนรอหม่ำข้าวอยู่


ล้างหน้า แปรงฟัน ยกขบวนลงไปหม่ำมื้อเช้า ... เป็นมื้อเช้าที่วุ่นวายและน่าเวียนหัว เพราะแขกจากทั้ง 2 โรงแรม คือ Bella Villa Metro กับ Best Western ใช้ห้องอาหารร่วมกัน โต๊ะเต็ม คนเยอะ อาหารเกือบเกลี้ยง ... แต่ก็นั่งหม่ำไปเรื่อยๆ รองท้องตุนไว้ก่อน


อิ่มแล้วกลับขึ้นห้อง อาบน้ำ ดูทีวี เอกเขนก งีบพัก ตามชอบใจ ... จนราวๆ เที่ยงครึ่งก็ขนของออกจากห้อง เช็คเอาท์ค่ะ


เช็คเอาท์เรียบร้อย ก็เช็คสาวๆ ว่าหิวรึยัง เพราะจะไปหม่ำมื้อกลางวัน มื้อส่งท้ายของทริปนี้ ... สองสาวบอกว่ายังไม่หิวเลย แต่ไม่มีทางเลือกเพราะเราจัดโปรแกรมไว้แล้ว


ร้านส้มตำปูม้าเจ๊มาลี ย้ายจากแถววงศ์อมาตย์ ออกมาอยู่ติดริมถนนสุขุมวิท ตรงข้ามวัดช่องลม ... ตอนเห็นว่าย้ายที่ก็ใจหาย กลัวว่าจะอด แต่พอไปถึงทำเลใหม่ก็สบายใจ ร้านอยู่ติดริมถนนหาง่าย ได้หม่ำของอร่อยเหมือนเดิม


ส้มตำปูม้า ส้มตำไทย ยำไข่ปู หอยแมลงภู่อบตะไคร้ น่องไก่ทอด หมูแดดเดียว อร่อยถูกปากค่ะ ... ที่ถูกใจมาก็ น้ำจิ้มแจ่ว กับ น้ำจิ้มซีฟู้ดของร้านนี้ค่ะ หน้าตาธรรมดา แต่รสเด็ด แจ่มแจ๋ว


อิ่มเรียบร้อยก็ตรงดิ่งยิงยาวกลับเข้ากรุงเทพฯ ... แต่เราขอให้แวะ ร้านป้านงค์ ร้านขนมหวานชื่อดังแถวบางปะกงสักหน่อย เพราะทองหยิบ ฝอยทอง ร้านนี้อร่อยเด็ดค่ะ ... ได้ของอร่อยสมใจก็ปิดทริปได้ค่ะ


วนส่งสาวฝนที่อ่อนนุ แล้วก็วนไปส่งหมวยบีที่พระราม 2 ก่อนที่เราสองคนจะมุ่งหน้าไปแถวราชวัตร เพราะคนดีมีนัดปาร์ตี้เล็กๆ กับลูกค้า ... ปิดทริปแก๊งค์ลูกหมูตะลอนกินแบบสมบูรณ์ค่ะ ทริปหน้าที่แก๊งค์ลูกหมูจะรวมตัวกันอีก ก็ธันวาเลยค่ะ

8.10.52

The Ugly Truth

วันพฤหัส วันที่มีหนังใหม่ลงโรง วันนี้มีหนังที่รอดูลงโรงพอดีค่ะ ... ไม่รอช้ารีบเช็คคิวคนดีแล้วลงคิวจองเวลาไปดูหนังด้วยกันทันที


ช่วงนี้คนดียังวุ่นวายกับการเข้างานดูร้านลูกค้าที่กำลังจะเปิด ไม่ค่อยได้เจอหน้าค่าตา เจอะตัวกันบ่อยเหมือนเคย เพราะคนดีวุ่นวายมากกกกกกกกกกกกกก ... เมื่อพฤหัสที่แล้ว หนังเรื่อง G-force ลงโรง ตั้งใจว่าจะไปดู แต่คนดีก็ไม่ว่าง เลยเว้นไป ไม่เป็นไรรอดูแผ่นก็ได้


แต่สัปดาห์นี้ The Ugly Truth หนังที่เราทั้งสองคนอยากดู ถ้าคนดีไม่ว่างดูด้วยกันวันนี้ ก็คงต้องอด เพราะคงจัดสรรเวลาไปดูยากแล้ว เดี๋ยวพฤหัสหน้าหนังใหม่เข้าอีก จะหารอบเวลาดูยากขึ้น ... เพราะฉะนั้นถ้าคนดีไม่จัดคิวไปดูหนังกับเราวันนี้ เราก็จะไปดูหนังคนเดียว เราไม่มีปัญหาที่จะไปดูหนังคนเดียว แต่คนดีมีปัญหาเพราะถ้าเราไปดูคนเดียว คนดีก็จะไม่มีเพื่อนดูหนังเรื่องนี้ด้วย


โชคดีที่วันนี้คนดียังพอจัดสรรเวลาได้ เราเลยได้ไปดูหนังเรื่องนี้ด้วยกัน ไม่ต้องแยกกันไป ... พอได้คำยืนยันแน่นอน เราก็เช็ครอบหนัง จองตั๋วเสร็จสรรพ


เลิกงานปุ๊บก็รีบออกปั๊บ เช็คสาวๆ ว่าจะมีใครติดรถไปลงรัชดารึเปล่า แล้วรับผู้โดยสารออกไปด้วยกัน ... มีสาวฝนที่ติดสอยห้อยตามไปเอสพละนาดด้วย เพราะน้องบ่นอยากกินทาโกะยากิอยู่พอดี ซึ่งเป็นมื้อเย็นที่เราหมายตากันไว้แล้ว


ไหนๆ น้องก็ติดตามมากินทาโกะยากิด้วยแล้ว เลยชักชวนแกมบังคับให้น้องดูหนังด้วยกันเลย ซื้อตั๋วมาเผื่อเสร็จสรรพ ... น้องบ่นอุบอับนิดหน่อย เพราะกลัวดึก กลับบ้านลำบาก แล้วก็ไม่เคยดูหนังแนวนี้


จัดการทาโกะยากิรองท้องเรียบร้อย ก็เตรียมตัวเข้าไปดูหนังรอบ 18.40 น. ... The Ugly Truth - ญ.หญิงรักด้วยใจ ช.ชายรักด้วย...


เรื่องย่อ (แบบไม่สปอยล์)


แอ็บบี้ ริชเตอร์ โปรดิวเซอร์สาวสุดมั่นแห่งรายการทอล์คโชว์ยามเช้า ผู้เพียบพร้อมด้วยความสามารถในการแก้ปัญหาได้ทุกสถานการณ์ ยกเว้นเรื่องหัวใจ ... ได้มาร่วมงานกับ ไมค์ แชดเวย์ ผู้ประกาศข่าวพิเศษที่ถูกจ้างให้มากอบกู้เรตติ้งรายการของเธอที่กำลังตกฮวบ ด้วยนิสัยยียวนกวนโมโหของไมค์ ทำให้แอ็บบี้ไม่ชอบขี้หน้าเขาอย่างมาก


แต่เมื่อแอ็บบี้ไปปิ๊งหนุ่มในสเปค เธอจึงต้องขอความช่วยเหลือจากไมค์ เพราะต้องการรู้ความคิดของผู้ชาย ... ไมค์ตกลงปลงใจที่จะช่วยให้เธอประสบความสำเร็จในความรัก แต่หลังจากที่แอ็บบี้ทดลองใช้ทฤษฎียั่วยวนเพศตรงข้ามของไมค์แล้ว ทั้งคู่ก็ได้เรียนรู้ถึงบางอย่างที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน


(เรื่องย่อ และภาพจาก http://www.majorcineplex.com/ )



หนังแนวโรแมนติคคอมเมดี้อย่างที่ชอบ สนุก และฮาดีค่ะ ความยาวราวๆ ชั่วโมงครึ่ง แต่ครบรส ลงตัวพอเหมาะพอดี ... เจอร์ราด บัทเลอร์ หล่อ ขี้เล่น ชวนมองมากค่ะ น้องฝนถึงกับเอ่ยปากชมว่าเป็นผู้ชายที่เซ็กซี่มาก ... ส่วนสาวแคทเธอรีน ก็น่ารักค่ะ เล่นได้น่ารักมาก


ถ้าใครชอบหนังโรแมนติคคอมเมดี้ แนะนำให้ไปดูค่ะ

6.10.52

Farewell Party@Craft Cafe

วาระปาร์ตี้ที่คราฟท์คาเฟ่เกิดขึ้นอีกแล้วค่ะ คราวนี้เป็นงานเลี้ยงส่งคุณเกษกับคุณสร เพื่อนของคุณกี้กับคุณผึ้ง ... ทั้งสองคนจะเดินทางกลับไปตั้งรกรากที่เนเธอร์แลนด์วันเสาร์นี้


ในฐานะที่ทั้งคู่เป็นสมาชิกที่เคยมาร่วมปาร์ตี้ด้วยกันที่คราฟท์ ... สมาชิกที่เหลือเลยลงมติว่าจัดวาระเลี้ยงส่ง พร้อมหาของที่ระลึกติดมือกลับไปด้วย จะได้ไม่ลืมกัน และเผื่อจะกระตุ้นให้ทั้งคู่อยากกลับมาเยี่ยมเยียม มาปาร์ตี้ด้วยกันอีก


พอเลิกงานปุ๊บเราก็รีบตรงดิ่งไปที่ร้านทันที สมาชิกอยากจะเริ่มปาร์ตี้เร็วหน่อย จะได้กลับไม่ดึก เพราะเป็นวันธรรมดา วันรุ่งขึ้นต้องทำงานกันถ้วนหน้า ... ครั้งนี้เลือกฝากท้องไว้ที่ร้านส้มตำป้าฟ้า ร้านส้มตำรถเข็นที่มาขายอยู่หน้าร้านพอดี ... พอไม่ต้องแวะซื้อเสบียง ก็ตรงดิ่งมาถึงร้านตั้งแต่ยังไม่ 18.00 น.


วันนี้ไม่มีแคส ไม่มีลูกค้ากลุ่มใหญ่ พอใกล้ๆ ทุ่มก็เริ่มเก็บของปิดร้านได้ ... พอดีกับที่ป้าฟ้าทยอยส่งส้มตำและอาหารอื่นๆ ที่สั่งล่วงหน้าเอาไว้มาให้ ... ตำปูปลาร้า ตำซั่วปูปลาร้า ตำป่า ตำไข่เค็ม เนื้อย่าง หมูย่าง น้ำตกหมู และลาบหมู ... อาหารหน้าตาน่าทาน กลิ่นก็ยั่วน้ำลายเหลือเกิน สมาชิกยังมาไม่ครบก็ได้แต่นั่งดมกลิ่น กลืนน้ำลายเอื๊อก และสุดท้ายก็ขอแอบชิมหน่อยนึง



สักพักคุณแพทตี้ก็มาถึง พร้อมกับเสบียงเพิ่มเติม ตามมาติดๆ ด้วย คุณเกษกับคุณสร แขกคู่สำคัญของปาร์ตี้วันนี้ ... สักพัก คุณกี้กับคุณผึ้งก็มาถึง และอีกพักเดียว คุณนุกับคุณอัพก็ตามมาสมทบ ... สมาชิกครบก็เริ่มถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนานค่ะ งานนี้มีพร็อพพิเศษ เป็นแบ็คดรอปใหญ่อลังการ


ทุกคนเลยพากันแอ็คท่าประหนึ่งเป็น เซเลบริตี้ เดินเข้างาน ... ห่วงถ่ายรูปกันจนลืมหิว ปล่อยส้มตำ ลาบ น้ำตก เซ็งงงงงงงไปก่อน


ถ่ายรูปจน ถึงได้ย้ายมารุมกันที่่โต๊ะอาหารต่อ เพราะนอกจากส้มตำ ลาบ น้ำตกแล้ว ... ยังมีอาหารจาก ซ้ง ที่คุณแพทตี้แวะรับมาเพิ่มด้วย ข้าวผัดปู ปลากระพงทอดน้ำปลา เป็ดพะโล้ พร้อมไส้และเลือด หมูสับผัดไข่เค็ม หมูสับผัดหนำเลี้ยบ ผัดผักบุ้ง และซุปเปอร์


พอมารุมที่โต๊ะอาหาร ก็กินกันไป คุยกันไป หนุบหนับหมุบหมับ กำลังเพลินๆ น้องเมี่ยวก็มาถึงพร้อมกับพีเจ ... ร่วมวงหม่ำ เม้าท์ กันอย่างเพลิดเพลิน คราวนี้อาหารเยอะมากกกกกก กินกันอิ่มพุงตึงถ้วนหน้า


ท้องอิ่มแล้วก็ถึงเวลามอบของที่ระลึกค่ะ เป็นโปสเตอร์หนังพร้อมกรอบรูปป้ายไฟดีไซน์พิเศษ รับประกันว่ามีชิ้นเดียวในโลกแน่ๆ ... คุณเกษกับคุณสรเห็นแล้วชอบใจ รับปากว่าจะเอากลับไปติดในห้องน้ำที่บ้าน คนฟังได้ยินแล้วงงว่าทำไมถึงติดในห้องน้ำ ทั้งคู่เฉลยว่า ที่เนเธอร์แลนด์ ห้องน้ำถือเป็นห้องสำคัญที่สุดในบ้าน ที่จะเอากรอบรูปของสมาชิกในครอบครัวไปติดไว้


ถึงเวลาของหวาน วาฟเฟิลสุดอร่อย ... พี่จุ๊บสั่งแป้งเตรียมไว้สำหรับงานนี้ 1 ถุงเต็มๆ ทยอยทำออกมา 4-5 ชิ้น ช่วยกันจัดการคนละหลายคำ แป๊บเดียวเกลี้ยง


นั่งเม้าท์ นั่งคุยกันอีกพักใหญ่ ก่อนจะร่ำลา เพราะนาฬิกาเดินเข้าวันใหม่ เลยเที่ยงคืนไปแล้วค่ะ ... ที่ตั้งใจกันว่าจะปิดงานตอน 4-5 ทุ่ม ก็เพลินยาวเลยเวลามาจนได้ ต้องปิดปาร์ตี้แยกย้ายกันแล้ว


ยินดีที่ได้รู้จักคุณเกษ+คุณสรค่ะ ขอให้เดินทางปลอดภัยนะคะ ... จะทยอยหยอดตังค์ลงกระปุกเป็นค่าตั๋วเครื่องบินไปเที่ยว ไปเยี่ยมนะคะ ... แต่ถ้าทั้งคู่จะบินกลับมาเยี่ยมเพื่อนๆ ก่อนก็ยินดีมากเลยค่ะ


แล้วปาร์ตี้ครั้งหน้าจะเนื่องในโอกาสอะไร วาระอะไร เมื่อไหร่ ที่ไหน ... รอลุ้นและติดตามกันต่อไปค่ะ

4.10.52

ห่าง แต่ไม่หาย

ขึ้นเดือนใหม่เดือนตุลาคม คนดีออกปากเลยว่า เดือนนี้มีงานยุ่งวุ่นวายอีรุงตุงนังมากมายเยอะแยะ ... มีงานเยอะ แสดงว่าลูกค้าแยะ เงินก็จะหมุนมาหา ซึ่งก็ดี แต่ความเหนื่อย ความเครียด ความวุ่นวาย ก็วนอยู่รอบๆ ตัว เหมือนกัน


เปิดประเดิมสัปดาห์แรกของเดือน มีงานติดตั้งร้านลูกค้าที่จะเปิดร้านใหม่ เป็นงานหลัก ... แล้วยังมีงานรองของลูกค้ารายอื่นๆ ที่ต้องไล่ตามจัดการ ทั้งทำแบบ สั่งงาน สั่งของ รับของ เช็คของ ติดตั้ง รวมไปจนวางบิล-รับเช็ค ... คนดีทำหัวหมุนอยู่คนเดียวเป็นหลัก กระจายงานให้คนอื่นช่วยดูบ้างนิดๆ หน่อยๆ ... ส่วนเราได้แต่ให้กำลังใจ


จากเดิมที่คนดีจะมาค้างด้วยคืนวันศุกร์ แต่เพราะลูกค้าจะเปิดร้าน ต้องเข้าไปดูงาน คุมงาน ... ที่นัดกันว่าอาจจะไปดูหนัง คนดีก็ไม่กล้ารับปาก ขอเป็นว่าถ้าเคลียร์งานเสร็จแล้วมาหา มาดูรอบค่ำหน่อยจะได้มั้ย ... ค่ำของคนดีคือราวๆ 2 ทุ่ม ซึ่งดูงานอยู่แถววงเวียนใหญ่


ได้ฟังแล้วก็ปฏิเสธดีกว่า ... เพราะมาหา มาดูหนัง ก็คงพะวักพะวงกับงาน แล้วร้านที่ต้องดูก็อยู่ไม่ไกลบ้านคนดีด้วย ... เราเลยบอกไปว่า ศุกร์นี้ไม่ต้องมาค้างด้วยก็ได้ ไม่เป็นไร เพราะถ้ามาค้าง เช้าวันเสาร์ก็ต้องขับรถกลับไปแถวนั้น สู้ขับรถกลับไปนอนบ้านดีกว่าใกล้ดี สะดวกกว่าเยอะ ... ไปจัดการเคลียร์งานให้เรียบร้อยเถอะ


เช้าวันเสาร์ ตื่นมาตอนสายๆ แบบอืดอาดยืดยาด มึนๆ งงๆ เพราะไม่มีโปรแกรมในหัว ... ตั้งสติได้ก็คิดว่า เข้าไปเคลียร์งานที่ออฟฟิศ แล้วบ่ายแก่ๆ เลยไปเดินเล่นเซ็นทรัลลาดพร้าวสักหน่อย


สลัดตัวขี้เกียจออกจากบ้านไปถึงออฟฟิศราวๆ บ่ายสอง ก่อนออกจากบ้านก็โทรรายงานตัวกับคนดีหน่อย ... ถึงออฟฟิศ เจอนาย กับ น้องอีก 2 คน เข้ามาเคลียร์งานเหมือนกัน นั่งทำงานไป ฟังเพลงไป เพลินๆ สบายๆ


บ่ายสามนิดๆ ก็มีสายจากคนดีโทรมาหา ถามว่า "งานเสร็จรึยัง จะไปไหนต่อ เปลี่ยนจากเซ็นทรัลลาดพร้าว มาเซ็นทรัลเวิลด์มั้ย"


"ทำไมเหรอจ๊ะ" "เผื่อจะได้เจอกัน กินข้าวกัน ดูหนังด้วยกันไงจ๊ะ" ... หูย ได้ยินแล้วชื่นใจ ถึงงานยุ่งก็ยังไม่ลืมกันเนอะ


สุดท้ายคนดีตัดสินใจขับรถมาหา มารับถึงออฟฟิศ แล้วมุ่งหน้าไปเซ็นทรัลลาดพร้าว ... หิวโหยกันทั้งคู่ค่ะ เพราะได้ทานข้าวกันคนละมื้อแค่นั้น ท้องร้องโครกครากแข่งกัน ... ถึงแล้วก็ไปจัดการธุระกันให้เสร็จเรียบร้อยก่อน แล้วก็ไปฝากท้องไว้ที่ซูกิชิ ... อิ่มหนำสำราญแล้ว คนดีก็วนมาส่งที่บ้าน อยู่ด้วยสักพักก็กลับไปดูงานต่อ


ได้เจอกัน 4-5 ชั่วโมงแค่นี้ก็พอแล้วค่ะ ... ชื่นใจแล้ว


เช้าวันอาทิตย์คนดีก็ยังวุ่นวายกับงานต่อ ต้องไปหาของ ซื้อของ แล้วก็เข้าไปดูงานติดตั้งร้านอีก ... ส่วนเรานอนตื่นสาย เอกเขนกสบาย แล้วก็ซักผ้าตามกิจวัตร


ใกล้ๆ เที่ยง คนดีก็ส่งเสียงตามสายมาถามว่ากินอะไรรึยัง อยากกินอะไรรึเปล่า เสร็จธุระแล้วจะแวะมาหามากินข้าวด้วย ... หูย ได้ยินแล้วชื่นใจ จะได้เจอกันอีกแล้ว


รอไม่นานคนดีก็มาถึง หิ้วเสบียงจาก A&W มาฝาก ... นั่งกินด้วยกัน อร่อย อิ่มท้อง อิ่มใจ


คนดีกินอิ่ม เอกเขนกดูทีวี แล้วก็งีบหลับอีกหน่อย ก่อนจะกลับไปทำงานต่อ ... เจอหน้ากันแป๊บเดียว อยู่ด้วยกันแป๊บเดียว น้อยกว่าเมื่อวานอีก แต่ชื่นใจไม่แพ้กันค่ะ


จริงๆ เตรียมใจไว้แล้วว่าคนดีคงวุ่นมากๆ คงไม่ได้เจอกันบ่อยๆ อาจจะห่างๆ กันบ้าง ... ก็ห่างไปบ้างนะคะ แต่ไม่หายไปเลยอย่างที่เผื่อใจไว้ ... คนดีขา ขอบคุณนะคะ ที่ยังจัดสรรเวลามาให้ ขอบคุณที่ไม่ยุ่งกับงานจนลืมเค้าไป ขอบคุณที่แวะมาอยู่ใกล้ๆ ให้ชื่นใจค่า

2.10.52

เสื้อเชิ้ตแม้นแมน

เสื้อเชิ้ตสีขาว เป็นเสื้อชิ้นนึงที่สาวๆ ควรมีติดตู้เอาไว้ ... เราเองเคยมี แต่ไม่รู้ว่าเสื้อหายสาปสูญไปจากตู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ... เสื้อหายก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร เพราะไม่ค่อยใส่เสื้อเชิ้ตอยู่แล้วค่ะ เหตุผลหลักคือ ขี้เกียจรีด


เสาร์ที่แล้วแวะช้อปปิ้ง คนดีเลือกเสื้อเชิ้ตสีขาวมาให้ลองตัวนึง มันเป็นเสื้อประเภท "คุณค่าที่คุณคู่ควร" อีกแล้ว ... ลองสวมแล้ว รอบอกเป๊ะ ความยาวตัวเสื้อเป๊ะ ความยาวแขนเป๊ะ แบบเรียบๆ ... คุณค่าที่คู่ควรขนาดนี้จะไม่สอยกลับมาบ้านได้ยังไง


สอยกลับมาชื่นชมไม่นาน ก็มีเหตุให้ได้ใช้ เพราะนายมีคิวไปเป็นวิทยากรงานสัมมนา แล้วให้เราตามไปด้วย เพราะนายให้เราช่วยหาข้อมูลบางส่วน เลยให้ช่วยไปอธิบายเพิ่มเติม ... เลยประเดิมชุดใหม่ เสื้อเชิ้ตขาว กับกางเกงขายาว แต่งตัวเรียบร้อยสุดๆ


แต่พอใส่แล้ว ดูตัวเองในกระจก ... ไหงมันดู แม้น แมน อ่ะเนี่ย


ถึงออฟฟิศ สาวๆ เห็นชุดก็รู้ทันทีว่าต้องออกไปข้างนอกแน่ๆ บางคนชมสวย บางคนก็ชมว่าแม้น แมน ... หมวยบีถึงกับเอ่ยปากทักว่า ใส่เสื้อเชิ้ตผู้ชายเหรอ ตาย เวรกรรม


จนกลับมาถึงออฟฟิศ มายืนมองดูตัวเองในกระจกอีกที ก็ยิ่งรู้สึกว่ามันจะแมนไปไหนเนี่ย ... ดีนะที่ปล่อยผมยาว แต่งหน้า ทาปาก ไม่งั้นคงมีคนคิดว่าเป็นทอมแน่ๆ


อดรนทนไม่ไหว โทรไปรำพึงให้คนดีฟังว่าชุดใหม่ที่ใส่วันนี้ ใส่แล้วแมนจัดๆ ... คนดีเลยให้ถ่ายรูปส่ง MMS ไปให้ดูหน่อย ... รีบจัดให้ทันที


ส่งไปพักใหญ่ แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา สงสัยคนดีคงวุ่นวายกับงานอยู่ ... ค่ำๆ ก็ได้ SMS ตอบกลับมาว่า "เออ ... เพิ่งเปิดดูเป็นทอมมากๆ 555"


ไหวมั้ยหล่ะเนี่ย ... สงสัยต้องหากางเกง หรือกระโปรงตัวอื่นมาลองจับคู่ใหม่ เพื่อจะลดความแมนของเสื้อลงได้มากกว่านี้ ... ใครอยากเห็นเสื้อเชิ้ตแม้นแมนน รอโอกาสหน้านะคะ ไว้จะถ่ายรูปแบบชัดๆ เต็มๆ ตัวมาให้ดูค่า