30.11.52

ผลงาน "เห่อ"

อย่างที่อ้างถึงในบล็อกเที่ยว 2 หน้าก่อนว่า เป็นทริปที่เกิดขึ้นเพราะได้ Gift voucher จาก Sony ... เพราะไปซื้อกล้อง ทริปนี้คนดีเลยต้องพากล้องตัวใหม่ไปทดสองประสิทธิภาพ ทดสอบฝีมือตัวเองสักหน่อยค่ะ


กล้องตัวที่ว่าคือ Sony Alpha 330 ค่ะ ... ตัดสินใจซื้อง่ายดายเพราะโปรโมชั่นส่วนลดจากกล้องเก่า แล้วยังมีเลนส์ 2 ตัว คนดีเลยยอมควักกระเป๋า ... พอได้ของเล่นใหม่แบบนี้ ก็ "เห่อ" น่าดูค่ะ


จากรูปก็พอจะบอกได้ค่ะ ว่าเห่อขนาดไหน ... ยิ้มหน้าบาน ภูมิใจนำเสนอ และง่วนอยู่กับกล้องตลอด


แต่ข้อดีของการเห่อ และ ง่วนอยู่กับกล้องตลอดก็ส่งผลดีค่ะ เพราะจะมีใครที่ไหนเป็นแบบให้คนดีทดลองได้ นอกจากเรา ... ทำให้ทริปนี้มีรูปเดี่ยว งาม งาม เก็บไว้ใช้โชว์ได้เพียบบบบบบบบค่ะ


คนดีรัวกดชัตเตอร์ตลอด แต่แบบมีอยู่คนเดียวและทำได้หน้าเดียว คือยิ้มแฉ่ง เพราะแอ็คไม่เป็น ... ได้รูปมาเยอะ แต่ไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่

ตัวอย่างผลงานฝีมือถ่ายภาพของคนดี ที่เจ้าตัวคัดจากหลายสิบรูปมาให้ดูค่ะ ... ชอบรูปไหน โหวตได้นะคะ แต่ไม่มีรางวัลให้ค่ะ มีแค่ "ยิ้มแฉ่ง" อย่างในรูป ตอบแทนคะแนนโหวตค่ะ
ทริปต่อไป "หลีเป๊ะ" คนดีก็ติดกล้องตัวนี้ไปลองฝีมืออีกค่ะ แต่ทริปนี้มีนางแบบเยอะ ผลงานคงจะหลากหลายมากกว่านี้ ... ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ขอลาจากบล็อกไปติดเกาะ 3 วันนะคะ กลับมาจะเอาผลงานของตากล้องประจำตัวมาอวดค่ะ

29.11.52

Gift Voucher พาไปเสม็ด # 2

ย้อนดูเมื่อวาน ที่นี่ ค่ะ
หลังจากเมื่อคืนนอนสบายหลับอุตุ จนเช้าก็ยังไม่อยากจะตื่นค่ะ แต่ก็ต้องลุกเพราะหิวค่ะ ... รีบล้างหน้าแปรงฟัน ไปหม่ำข้าวเช้ากันค่ะ เป็นมื้อเช้าที่บรรยากาศดี๊ดี เพราะนั่งกินข้าวชมวิวทะเล ฟ้าสวย น้ำใส โอ๊ยยยยยยยยย ความสุขอยู่รอบตัวค่ะ


กินอิ่มแล้วกลับเข้าห้องพัก นอนเอกเขนกดูทีวีสักหน่อย ก็อาบน้ำแต่งตัว แต่จะออกไปไหนก็ร้อน + ขี้เกียจ เลยนอนดูทีวีไปเรื่อยๆ ค่ะ สุดท้ายก็หลับค่ะ ... ก็มาพักผ่อนไงคะ กินๆ นอนๆ เป็นหลักค่ะ เพราะไม่มีโปรแกรมไปตะลอนเที่ยวที่ไหนกันเลยค่ะ


ตื่นมาก็เข้าบ่ายนิดๆ แล้วค่ะ ลังเลกันว่าจะไปหม่ำข้าวกลางวัน หรือเก็บท้องไว้หม่ำข้าวเย็นทีเดียว ... แต่เพราะเสียดายส่วนลดค่าอาหารที่ได้มา เลยตกลงกันพักใหญ่ว่าจะใช้หรือเปล่า จะกินมื้อไหน ถ้าไม่ใช้มื้อเที่ยง ก็ต้องไปมื้อเย็น แต่ตอนเย็นไปนั่งกินข้าวชมวิวหน้าหาดก็ดี ... ลังเลอยู่นาน สุดท้ายก็ชวนกันลงไปห้องอาหารค่ะ


ตั้งใจจะเลือกอาหารไทยทานง่ายๆ พอรองท้องนิดหน่อย แต่พอสั่งแล้วชักเยอะค่ะ ... แถมเป็นมื้อที่ทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กุ้งกันเลยหล่ะค่ะ


ข้าวผัดกุ้ง ต้มยำกุ้ง ทอดมันกุ้ง ... จานแรกที่เลือกคือต้มยำค่ะ แล้วกะว่าจะสั่งทอดมันปลาแต่หมด พนักงานเสนอทอดมันกุ้งให้ก็โอเค ปิดท้ายด้วยข้าวผัดถ้าไม่เลือกกุ้งก็เป็นข้าวผัดหมูธรรมดา เลยกลายเป็นสั่งกุ้งซะทุกจาน ... รสชาติอาหารโดยรวมโอเคนะคะ กุ้งก็สดดี เนื้อเด้ง กรุบกริบ แต่กินกันจนเอียนกุ้งเลยค่ะ

ดินแบกพุงเต่งๆ จะกลับไปที่ห้องพัก จะไปวางแผนโปรแกรมเที่ยวทริปของปีหน้ากันค่ะ ... เดินผ่านเบเกอรี่ เลยขอแวบเข้าไปใช้อินเทอเน็ทสักหน่อย อยากเช็คเมล์ค่ะ เพราะมีงานให้ห่วงติดพัน ... ปรากฎว่าเข้าไปเจอไฟดับ คอมฯใช้ไม่ได้ เฉาไปหน่อย แต่กลิ่นหอมๆ ของเบเกอรี่ในนั้นกระตุ้นให้ตาลุกวาวค่ะ


ผละจากเบเกอรี่ออกมาแอ๊คท่าถ่ายรูปกันสักพัก แดดร้อนๆ ทำให้โหยน้ำเย็นๆ ค่ะ เลยขอคนดีเข้าไปแวะดื่มน้ำอัดลมเย็นๆ ฉ่ำๆ สักหน่อย ... เข้าไปเจอไฟติดพอดี แอร์เย็นฉ่ำ เน็ทพร้อมใช้ เลยปักหลักนั่งวางแผนโปรแกรมเที่ยวกันตรงนี้เลยค่ะ


ไหนๆ ก็ปักหลักอยู่ตรงนี้แล้ว เลยขอแวะดูตู้เบเกอรี่นิดนึง ... โอ้โห ไม่น่าเดินมาดูเลยค่ะ ละลานตา น่าลิ้มลองไปซะทุกอย่าง ตาย ตาย ตายแล้ว ทำยังไงดี


สุดท้ายก็ได้ Chocolate Mousse มาลิ้มลองค่ะ เนื้อนุ่มเนียนละมุนละลายในปาก ... ว๊ายยยยยย ชอบบบบบบบบบบบบ


เข้าเน็ท นั่งเม้าท์ วางโปรแกรมเที่ยว หาข้อมูล และแอ็คท่าถ่ายรูปกันอย่างเพลิดเพลินค่ะ เพราะไม่มีแขกจากห้องอื่นๆ เข้ามาเลย ... เราสองคนเลยยึดเป็นฐานที่มั่นอยู่จนห้าโมงเย็น แล้วก็ชวนกันออกไปเดินเล่นหน้าหาดค่ะ


พอออกไปเจอวิวก็กรี๊ดกร๊าดกันอีกแล้วค่ะ ฟ้าสีสวย บรรยากาศดี๊ดี คนไม่พลุกพล่นเท่าเมื่อวานด้วย ... เดินๆ หยุดๆ ถ่ายรูปกันตลอดทาง ทั้งๆ ที่ก็วิวเดิม วิวเดียวกับเมื่อวานนั่นแหละ


เดินถ่ายรูปไป ก็เล็งร้านอาหารไปด้วยค่ะ ว่ามื้อเย็นวันนี้เราจะเลือกใช้บริการร้านไหนดี ... เดินวนไปวนมาอยู่หลายเที่ยว ก็ตกลงใจฝากท้องไว้ที่เดิม ร้านพลอยทะเล เพราะรสชาติอาหารดี และคนดีชอบเพลงที่ร้านนี้เปิดค่ะ


หมีกแดดเดียว - ติดใจจากเมื่อวานค่ะ วันนี้เลยสั่งซ้ำอีก ทำลืมๆ เรื่องโคเลสเตอรอลไปซะ ... โป๊ะแตก - เห็นน้ำใสๆ แต่รสชาติเข้มข้นค่ะ เปรี้ยว เผ็ด กำลังอร่อยเลยค่ะ ... ยำหอยแครง - เบาๆ ทานง่ายๆ แต่รสจัดจ้านใช้ได้ค่ะ ... และ สุกี้น้ำทะเล (ไม่มีรูปค่ะ) สั่งเพราะไม่อยากทานข้าวค่ะ อยากทานผักๆ แต่ผลที่ได้คือ ผักกาดขาว ผักบุ้งมีอยู่นิดหน่อย วุ้นเส้น กุ้ง หมึก มาเพียบ ตายละวา ไขมันในเลือดต้องพุ่งกระจุยแน่ๆ เพราะกุ้งสด หมึกสด


จัดการมื้อค่ำเสร็จเรียบร้อยราวๆ ทุ่ม รีบจ่ายตังค์ทันทีไม่รอดูโชว์ไฟแล้วค่ะ ... รีบจูงกันเดินกลับที่พักเพราะเรามีของหวานรออยู่ค่ะ


ที่เบเกอรี่มีโปรโมชั่นพิเศษ เป็น Happy Hour 19.30-20.00 น. ลดราคาขนมในร้าน 50% ค่ะ ... เลยชวนกันไปสอย Mousse มาลองชิมอีกค่ะ


White Chocolate Mousse กับ Milk Chocolate Mousse ที่ทำให้ลังเลเมื่อบ่ายค่ะ ตอนนี้ได้ลองสมใจแล้วค่ะ ... เนื้อนุ่มเนียนละมุนลิ้น อร๊อย อร่อยค่ะ ได้กินแล้วหลับฝันดี


จัดการมูสทั้งสองถ้วยหมดในเวลารวดเร็ว แล้วซื้อครัวซองท์ 2 ชิ้นโตตุนไว้เป็นเสบียงสำหรับวันรุ่งขึ้น ... แล้วก็จูงมือกันกลับเข้าห้องพัก เพราะเรามีนัดกันตอน 2 ทุ่มค่ะ


นัดจะดู Kung Fu Panda ที่มาฉายทางช่อง HBO ค่ะ ... เราสองคนชอบอนิเมชั่นเรื่องนี้มากกกกกกกกก เห็นโปรแกรมว่ามีฉายเลยรอดู ถึงจะได้ดูในโรงหนังแล้ว ซื้อแผ่นเก็บไว้แล้ว แต่พอได้ดูอีกก็ยังชอบนะคะ ขำกันลั่นห้องค่ะ


ได้กินของอร่อย ได้ดูหนังสนุก ก็เข้านอนแบบมีความสุข และหลับฝันดีค่ะ ... เวลาผ่านไปเร็วจัง เช้าวันรุ่งขึ้นก็ต้องเตรียมตัวกลับแล้ว ตื่นราวๆ 8 โมง ลงไปหม่ำมื้อเช้า ก่อนจะกลับขึ้นมาเก็บของเตรียมกลับค่ะ


ตอนแรกจะลงเรือรอบ 10.00 แต่ยังอาลัยอาวรณ์วันพักผ่อน เลยขอลงเรือรอบ 12.30 แทนค่ะ ... ขึ้นฝั่งตอนบ่ายนิดๆ พร้อมกับความหิว ลังเลว่าจะเอาครัวซองท์ที่ตุนไว้มากิน หรือจะหาร้านอาหารเป็นมื้อหลักดี


สุดท้ายก็เลือกมื้อหลัก มื้อหนักค่ะ และเลือกฝากท้องที่ร้านเดิม ผัดไทยคุณไกร เพราะผัดไทยอร่อยค่ะ ... แล้วยังมีอาหารน่าสนใจอีกหลายอย่างที่น่าลองแต่ยังไม่ได้ลอง


ผัดไทยเนื้อปู - รสดีแบบไม่ต้องปรุงเหมือนเดิมค่ะ วันนี้ได้เนื้อปูเป็นชิ้นเต็มๆ ด้วยค่ะ ... ส้มตำไทยใส่ปู - รสชาติใช้ได้ ทานได้เพลินๆ ค่ะ ... ยำปลาข้าวสาร - ปลาข้าวสารตัวเล็กๆ คลุกมากับเครื่องยำอลังการค่ะ สมุนไพรเพียบ รสจัดจ้าน กินไปซี้ดซ้าดไป เพราะเผ็ดและร้อนสมุนไพร แต่อร่อยค่ะ ... เกี๊ยวปูทอด เกี๊ยวทอดกรอบ ที่มีเนื้อปูเป็นไส้ใน อร่อยค่ะ ช่วยแก้เผ็ดได้ดีเลยหล่ะค่ะ


ท้องอิ่มแล้วก็มุ่งหน้ากลับเข้าเมืองค่ะ ใช้เส้นทางเดิม รถน้อยไม่พลุกพล่านตรงยาวเข้ากรุงเทพฯ ... วันพักผ่อนผ่านไปอย่างรวดเร็ว


ขอบคุณ Gift Voucher จากโซนี่ ที่ทำให้ได้พักผ่อน ได้ชาร์ทแบต และได้กลับมาชื่นชมวิวสวยๆ ของเกาะเสม็ดที่ไม่ได้มานานจนลืมไปแล้ว ... มาเสม็ดเที่ยวนี้ ก็หลงมนต์วิวสวยๆ บรรยากาศดีดี สงสัยต้องหาเรื่อง หาเหตุกลับมาอีกครั้ง ใช่มั้ยคะคนดี

28.11.52

Gift Voucher พาไปเสม็ด # 1

เหตุเพราะเสียเงินซื้อกล้อง DSLR และ Handycam ของโซนี่ ในงานคอมมาร์ท เลยได้สิทธิไปลุ้นรางวัล ... บังเอิญโชคดีได้รางวัลใหญ่ Gift voucher ที่พักเกาะเสม็ด 3 วัน 2 คืน ... เลยต้องจัดคิวไปติดเกาะค่ะ


ใน voucher ระบุให้ใช้ได้ภายในวันที่ 19 ธันวาคม เลยรีบยกหูโทรเช็คห้องจองทันทีค่ะ ... พอรู้ว่ามีห้องว่างก็ตื่นเต้นตาโต เพราะไม่ได้ไปเสม็ดนานนนนนนนนนแล้ว


เช้าวันเสาร์ 28 พ.ย. ตั้งใจจะตื่นแต่เช้า ออกเดินทางแต่เช้า แต่กว่าจะออกเดินทางได้ก็ราวๆ 9 โมง ... ใช้เส้นทาง พระราม 9 - มอเตอร์เวย์ แล้วตัดออกทางไปแกลงเลยค่ะ พอเริ่มเข้าทางที่ไม่ซับซ้อน เนฯ อย่างเราก็ตัดช่องน้อยชิงหลับยาว ... มาตื่นเอาตรงทางแยกเข้าแกลงพอดี แล้วก็บอกทางต่อ


ขับเลาะเลียบหาดแม่พิมพ์ ลดเลี้ยวไปตามทางเรื่อยๆ ก็ไปเจอะ ร้านผัดไทยคุณไกร ... ครั้งก่อนที่มาระยอง-จันทบุรี ตั้งใจว่าจะแวะชิมแต่ไม่ได้แวะ เที่ยวนี้เลยได้โอกาสค่ะ แวะซะเลย

เพราะยังไม่หิวมากเท่าไหร่ แต่ได้เวลามื้อกลางวันพอดี เลยเลือกอาหารจานเดียวทานง่ายๆ ... ผัดไทยกุ้งสด กับ ผัดไทยเนื้อปู มาแบ่งกันชิมค่ะ ... อร่อยค่ะ รสชาติกลมกล่อมกำลังดี ไม่ต้องปรุงเพิ่มเลยค่ะ อร่อยติดใจค่ะ ครั้งหน้าผ่านมาแวะอีกแน่นอน


อิ่มแล้วก็ตรงไปท่าเรือค่ะ ที่พักของทริปนี้มีสำนักงานรับลูกค้าอยู่ตรงท่าเรือเสรีบ้านเพ จอดรถฝากไว้ได้เลยค่ะ ... จอดรถแล้วก็มานั่งเอกเขนกรอเวลาเรือออก ตอน 13.30 น. เรานั่งอ่านนิยายรอ ส่วนคนดีหลับรอค่ะ


เรือออกตรงเวลา ใช้เวลาข้ามไปเกาะราวๆ 30 นาที ไปถึงแล้วก็นั่งแท๊กซี่ (กระบะ) บนเกาะเข้าไปที่พัก ทรายแก้วบีช รีสอร์ท ค่ะ


ได้ห้องพักแบบ Deluxe ค่ะ อยู่ในโซนอาคารที่เพิ่งปรับปรุงใหม่ สวย เก๋ บรรยากาศดีค่ะ เข้าห้องพักไปเปิดประตูระเบียงออกมาก็เจอวิวสระน้ำเลยค่ะ ... แต่ก็มีอีกฝั่งที่เป็นคอทเทจ เป็นหลังเดี่ยวๆ มีหาดส่วนตัวบรรยากาศดี๊ดีค่ะ ... พอเข้าห้องพักได้ก็เดินสำรวจทุกซอกทุกมุมตามเคยค่ะ ถ่ายรูปเล่นกันอย่างสนุกสนาน เอกเขนกดูทีวี กินขนม ก่อนจะผล็อยหลับแข่งกันค่ะ


ตื่นมาเกือบห้าโมงเย็น ล้างหน้าล้างตา ขยับเนื้อตัวไปเดินยืดเส้นยืดสายที่หาดทรายแก้วกันค่ะ ... เดินเลาะรั้วส่วนที่กำลังก่อสร้าง แต่พอโผล่ไปถึงหาด ก็หายง่วง หายงง ตื่นตาโตกันทั้งคู่ค่ะ เพราะวิวดี บรรยากาศดีมากกกกกกก ทรายสีขาวสะอาด เม็ดเล็กละเอียดเหมือนแป้งเลยค่ะ ... แล้วดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้าพอดี ฟ้าสีสวย โอ๊ยยยยย ชอบที่สุดค่ะ


เดินถ่ายรูปเล่นกันไปเรื่อยๆ แล้วก็เดินเล็งหาร้านอาหารของค่ำวันนี้ค่ะ ... บรรยากาศของแต่ละร้านคล้ายๆ กัน เพราะมีโต๊ะเตี้ยพร้อมเบาะให้นั่งเอกเขนกริมหาด แต่สุดท้ายเลือก ร้านพลอยทะเล เพราะร้านนี้มีโชว์ควงไฟค่ะ


ข้าวไข่เจียวกุ้งสับ - อาหารยอดฮิต กินเมื่อไหร่ก็อร่อย สั่งมาแทนข้าวสวยค่ะ ... ปลาอินทรีย์ทอดกระเทียม - เนื้อปลาชิ้นกำลังดี ราดกระเทียมเจียวกับต้นหอม ธรรมด้า ธรรมดา แต่ก็อร่อยดีค่ะ ... หมึกแดดเดียว - จานนี้อร่อยเด็ดค่ะ หมีกสดมาก เนื้อกรุบกรอบ กินเดี่ยวๆ ไม่ต้องจิ้มน้ำจิ้มอะไรเลยค่ะ อร่อยแบบลืมห่วงโคเลสเตอรอลอีกแล้ว ... ลาบหอยแมลงภู่ - หอยตัวเล็กไปหน่อย แต่ปรุงรสชาติอร่อยค่ะ จิ้มๆ เพลินๆ หายเกลี้ยงค่ะ


จัดการมื้อหนัก มื้อหลัก หมดเกลี้ยงแล้ว แต่เวลายังเหลือเฟือค่ะ อีกนานกว่าจะเริ่มโชว์ ... ครั้นจะนั่งมองหน้ากันไปมาก็ไม่ไหว เลยสั่งของว่างทานเล่นมากินเพลินๆ เฟรนช์ฟราย กับ ปอเปี๊ยะทอด ... ปอเปี๊ยะทำร้ายจิตใจมากค่ะ เพราะบางชิ้นไส้มีแต่วุ้นเส้น บางชิ้นพอมีกะหล่ำ กับ แครอท ให้เห็นหน่อยนึง แต่น้ำจิ้มหวานเจี๊ยบบบบบบบ เฮ้อออออ แย่


ระหว่างที่เซ็งกับปอเปี๊ยะทอด คนดีก็ใจดีไปซื้อโรตีโอวันติลมาให้ 1 อัน ... ได้ของหวานมาล้างปากระหว่างรอโชว์เริ่มแสดง


ได้ที่นั่งมุมดีมากกกก ติดริมหาดพอดี ตลอดโชว์ก็ได้รับไอร้อนมาเป็นวูบๆ ... โชว์ส่วนใหญ่ก็จะเป็นการควงกระบองไฟค่ะ เริ่มจากยืนควงเป็นวงกลมธรรมดา แล้วค่อยผาดโผนขึ้น มีต่อตัว เอนทำสะพานโค้ง แล้วก็โยนรับสลับไปมา ... ตื่นเต้น ตื่นตา ตื่นใจดีค่ะ


แต่ที่ชอบใจมากที่สุดต้องชุดสุดท้าย ที่ประกายไฟแตกกระจายเหมือนไฟเย็นค่ะ ... สวยประทับใจค่ะ


อิ่มท้อง อิ่มตา ก็ได้เวลาจูงมือกันเดินเลาะหาดกลับที่พักค่ะ ... ถึงห้องพักก็อาบน้ำ ปีนขึ้นเตียง เอนหลังดู HBO แล้วก็ตกลงกันว่าแผนของวันพรุ่งนี้เราจะไปไหน ทำอะไรกันดี ก่อนจะผล็อยหลับอุตุ สบ๊าย สบายค่ะ




ตามไปดูวันที่ 2 ที่นี่ ค่ะ

21.11.52

ลุงเต่าป้าแอ๊ดพาชิม @ เมืองชลฯ

ว่างเว้นจากบล็อกไปหลายๆๆๆๆๆ วัน เพราะมีเหตุวุ่นวายนุงนัง จนมีทริปตามหลังมาจ่อรออยู่หลายเรื่อง ... เลยต้องแวะเข้ามาอัพเดทบล็อกสักหน่อย ก่อนจะดองเค็มนานไปกว่านี้ค่ะ


ทริปของบล็อกหน้านี้เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 21-22 พ.ย. ... จัดเป็นทริปตามใจบุพการี เพราะบิดามารดาส่งคำขอมาเหมือนกันทั้งคู่ คือ อยากจะขนของไปไว้ที่คอนโดห้องน้อยที่พัทยา และเข้าไปทำความสะอาดสักหน่อย ... ไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงอะไรก็ตามใจกันหน่อยค่ะ ที่สำคัญ มีอาหารอร่อยๆ มารอให้ชิมด้วยค่ะ


เริ่มออกเดินทางกันตอนเที่ยงกว่า เพราะเราสองคนกลับจากปาร์ตี้เม้าท์กระจุยตอนตีสี่กว่าได้ ... ส่วนพ่อไปทำงานครึ่งวัน เลิกเที่ยงมาเจอกันที่บ้าน ... สมาชิกพร้อม รถพร้อม ก็ออกเดินทางค่ะ


โฉมหน้าของผู้ร่วมทริปค่ะ ... ลุงเต่ากับป้าแอ๊ด รับตำแหน่งหัวหน้าทริป พร้อมด้วยผู้ร่วมเดินทาง 2 คน กับอีก 1 ตัว


งานนี้สบายเพราะเราสองคนยึดที่นั่งด้านหลัง ... เนื่องจากขนของเยอะ ใส่ท้ายรถไม่พอต้องแบ่งมาไว้ที่เบาะหลังด้วย แล้วพ่อขายาวเลยส่งไปขับรถด้านหน้าแทนค่ะ จะได้ไม่อึดอัด ... และเราสองคนยังง่วงงุนงัวเงียทั้งคู่ ถ้าให้คนดีขับรถตอนง่วงๆ เจอแดดแยงตาเข้าคงตาตก ... เราสองคนเลยนั่งเบียดกันเกาะสัมภารก แล้วแข่งกันหลับค่ะ


มารู้สึกตัวตื่นตอนถึงอ่างศิลาค่ะ ... มาแวะทานมื้อกลางวันตอนบ่ายสองที่ วังมุข ค่ะ .... ร้านนี้เราสองคนคุ้นชื่อ แต่ไม่เคยแวะมาชิมเองสักที


หมึกไข่นึ่งมะนาว - น้ำซุปรสจัดจ้านถูกใจ หมึกก็สดกรุบกรอบ แต่เพื่อความอร่อย ไม่เหนียว ก็จัดการแยกหมึกใส่ถ้วยไว้ก่อนค่ะ ปล่อยให้น้ำซุปเดือดปุดๆ ไป เพราะใช้ถ่านเลยร้อนนาน ... แต่น้ำซุปพอเริ่มงวดจะเค็มมากขึ้นเรื่อยๆ จนต้องขอน้ำซุปมาเติมค่ะ ... ทอดมันกุ้ง - เนื้อทอดมันโอเคนะคะ แต่ที่ปลาบปลื้มมากก็ตรงน้ำจิ้มนี่หล่ะค่ะ บ๊วยเจี่ย ของแท้ อมเปรี้ยวอมหวาน อร่อย ... ยำไข่ปู - ไข่ปูเต็มคำ รสชาติน้ำยำกลมกล่อม กินเพลินค่ะ ... พล่าปลากุแล - จานโปรดของพ่อค่ะ เนื้อปลาสดคล้ายซาชิมิ มาทำเป็นพล่า อร่อยอีกเช่นกันค่ะ ... ปิดท้ายด้วย กุ้งอบวุ้นเส้น - วุ้นเส้นรสกลมกล่อม กุ้งก็ตัวโตเนื้อแน่นเต็มคำ ได้น้ำจิ้มซีฟู้ดมาหยอดหน่อยนึง อร่อยลืมห่วงโคเลสเตอรอลเลยค่ะ


อิ่มแล้วก็เคลื่อนขบวนค่ะ ตรงเข้าไปที่คอนโด ไปจัดการเก็บของ ทำความสะอาด เพื่อเผาพลาญอาหารที่เพิ่งกินเข้าไป ก่อนจะเติมเข้าไปใหม่ ... ขึ้นรถได้สักพัก เราสองคนก็หลับแข่งกันอีกเหมือนเคย มาตื่นก็จวนจะถึงคอนโดแล้ว


เข้าไปจอดรถ ขนของ นั่งพักยืดแข้งยืดขา ทำความสะอาดนิดหน่อย ... นิดหน่อยจริงๆ จนงงว่า นี่ชวนมากิน หรือ ชวนมาทำงานกันแน่ ... เพราะไม่ได้ทำงานอะไรเท่าไหร่ ราวๆ ทุ่มก็เคลื่อนขบวนไปหม่ำมื้อเย็นค่ะ


มื้อเย็นวันนี้เลือก ร้านป้า ค่ะ ... เป็นร้านประจำบ้านที่คุ้นเคยกันมานาน ร้านอยู่ติดริมถนนสุขุมวิท เลยแยกบ้านอำเภอมาสักหน่อย มาตอนร้านโล่งงงงงงงง พอดี สั่งอาหารแป๊บเดียวก็มาเสิร์ฟค่ะ ... แต่ถ้าเจอลูกค้าเต็มร้านก็ต้องรอนานสักหน่อยนะคะ


กุ้งแช่น้ำปลา - กุ้งสดๆ นอนแช่น้ำปลามาจริงๆ กินแกล้มกับผักชี+กระเทียม พร้อมน้ำจิ้มรสดี อร่อยค่า ... ข้าวผัดปลาเค็ม - รสกำลังดีค่ะ ไม่เค็มโดด ... ผัดเผ็ดปลาดุก - ปลาดุกทอดกรอบเคล้าเครื่องแกง อร่อยค่ะ ... ปลาอินทรีย์ทอดน้ำปลา - ปลาอินทรีย์ชิ้นอวบหนา เนื้อขาวฟู กรอบนอกนุ่มใน กินกับน้ำจิ้มซีฟู้ด แจ่มสุดๆ ค่ะ ... ผัดเรือโป๊ะ - รวมมิตรอาหารทะเลผัดพริกและเครื่องแกง หอม อร่อย รสกลมกล่อม กินกับข้าวสวยร้อนๆ เพลินที่สุดค่ะ


อิ่มพุงเต่งกันทั้งหัวหน้าทริปและลูกทริป ก็ชวนกันกลับเข้าที่พัก นอนเอกเขนกพักพุง ดูทีวี รับลมเย็นๆ หลับสบายค่ะ ... วันรุ่งขึ้นค่อยตะลุยกันต่อ


เริ่มเช้าวันใหม่ตอนเก้าโมงกว่าๆ ตื่นปุ๊บก็ออกไปหาอะไรกินปั๊บค่ะ ... มื้อเช้าเลือก ร้านโบ๊ท ค่ะ ร้านอาหารที่คุ้นเคยตั้งแต่เป็นเด็กๆ จำได้ว่า พ่อกับหม่ามี้ชอบพามากินชุดอาหารเช้าที่นี่ประจำ ... หลังๆ มาเอง นอนโรงแรมซึ่งรวมอาหารเช้าไว้แล้วเลยไม่ได้ใช้บริการกันนานแล้ว


ร้านย้ายมาอยู่แถวสายสอง หาที่จอดรถยากสักหน่อย แต่ก็ไม่ลำบากนักเพราะคนยังไม่เยอะ ... เลือกชุดอาหารเช้ากันคนละชุด ไข่ดาว 2 ฟอง จับคู่กับ แฮม หรือ เบคอน หรือ ไส้กรอก เสิร์ฟพร้อมขนมปังปิ้ง 2 แผ่น และ ชา หรือ กาแฟ ... ชุดนี้ 50 บาทค่ะ


นอกจากชุดอาหารเช้าแล้วก็ยังมีอาหารอีกหลากหลายประเภทให้เลือกค่ะ ... แต่เราเลือกชุดอาหารเช้าที่คุ้นเคย ไข่ดาว ไส้กรอก ขนมปัง และชา อิ่มสบายท้อง ราคาก็สบายกระเป๋า


อิ่มแล้วก็ย่อยกันสักหน่อย ขึ้นไปไหว้เสด็จเตี่ยบนเขาพระตำหนัก ... หม่ามี้กับลูกๆ เข้าไปไหว้ก่อน ส่วนพ่ออยู่เป็นเพื่อนหมาโม่ เพราะเค้าห้ามสุนัขเข้าค่ะ ... หม่ามี้กับลูกๆ เลยขอแอ็คท่าถ่ายรูปกันสักหน่อย ถึงแดดจะแรง แต่วิวสวย บรรยากาศดี มาทีไรก็ต้องถ่ายรูปเก็บไว้ทุกที


ผลัดให้พ่อเข้าไปไหว้เรียบร้อย ก็ชวนกันกลับห้อง อาบน้ำอาบท่า เก็บของเตรียมตัวกลับค่ะ ... แผนแรกว่าจะไปแวะกินข้าวมันไก่ชลบุรี ที่ พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ... แต่เจ้าของร้าน (เพื่อนพ่อ) ปิดร้านพาครอบครัวมาเที่ยวบางแสน พ่อเลยชวนไปบางแสนโผล่ไปทำเซอร์ไพรส์ค่ะ


ยกขบวนกันไปตามหาล็อค 10 ตามที่ได้รับข้อมูลมา ย่องไปเซอร์ไพรส์ได้เกือบสำเร็จค่ะ เพราะเป้าหมายประหลาดใจ ... แต่ถ้าไม่ผิดแผนไปนิดนึง เพื่อนพ่อจะประหลาดใจกว่านี้ค่ะ เพราะพ่อกับหม่ามี้ร่วมมือกันวางแผนอำเพื่อนน่าดู


ทักกันเรียบร้อยก็หย่อนก้นนั่งพักบนเก้าอี้ผ้าใบของ ร้านป้าเล็ก ... แล้วก็เปิดเมนูสั่งอาหารมื้อเที่ยงรอบบ่ายเลยค่ะ


พล่าปลากุแล - ของโปรดของพ่อ ร้านไหนมีต้องสั่งมาชิมค่ะ ของร้านนี้เนื้อปลาสดกว่า แต่รสชาติติดหวานไปหน่อย เราแอบชิมหน่อยนึงก็ว่ารสใช้ได้นะคะ ... ส้มตำปูม้า - รสกลมกล่อม ปูม้าสด ตักๆ แทะๆ แป๊บเดียวเกลี้ยงค่ะ ... ลาบทะเล - ปรุงรสมาพอเหมาะพอดี กุ้งสด หมึกสด เสียดายที่หอยแมลงภู่เล็กไปนิด ... กุ้งอบวุ้นเส้น - ปรุงรสมากลมกล่อม ใช้ได้ค่ะ กุ้งก็ตัวอวบอ้วนเต็มคำดี น้ำจิ้มซีฟู้ดก็ดี กินเพลินอีกจาน ... ส้มตำไข่เค็ม - ตามคำขอของหม่ามี้ รสดีใช้ได้ ไข่เค็มฟองโตมันๆ อร่อยค่ะ ... ข้าวผัดปู (ไม่มีรูปนะคะ) - เพื่อนพ่อบอกว่าข้าวผัดร้านนี้อร่อย เลยลองสั่งมาชิม ก็รสชาติใช้ได้นะคะ แต่ไม่ชอบข้าวผัดที่ใส่มะเขือเทศกับคะน้ำค่ะ เลยไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่ค่า


หม่ำจนอิ่ม เม้าท์จนหายอยาก ก็แยกย้ายสลายตัวร่ำลากันกลับบ้านค่ะ ... ตอนแรกพ่อจะแวะให้ลองชิม ข้าวต้มปลาเทวดา อีกสักหน่อย แต่การจราจรไม่เป็นใจมีรถบัสขวางอยู่เลยเข้าร้านไม่ได้ ... พ่อเลยอดกินข้าวต้ม ส่วนหม่ามี้กับลูกๆ แอบดีใจ เพราะท้องแน่น ใส่อะไรไม่ลงแล้วค่า


เป็นทริปที่ลุงเต่ากับป้าแอ๊ด พาชิมจริงๆ ค่ะ เลยยกให้เป็นตัวเอกไปเลย ... ผ่านทริปนี้ไป คนดีก็เข้าใจกระจ่างแจ้งว่า พฤติกรรมชอบตะลอนชิม และมาตรฐานการกินอาหารสูงของเรานั้น ได้มาจากไหน


ถ้ามีทริปไหนที่ ลุงเต่ากับป้าแอ๊ดพาชิมอีก จะเอามาเล่าเพิ่มนะคะ ... นานๆ มาที แต่มาแล้วอร่อยค่ะ

19.11.52

สูตรเสน่หา

สูตรเสน่หา ... เป็นนิยายของ กิ่งฉัตร ที่จัดเป็นเรื่องโปรดในดวงใจเลยค่ะ

ยังจำอารมณ์ตอนอ่านครั้งแรกได้เลยว่า หมั่นไส้นางเอกมากกกกกกก แต่ก็ชอบใจ และฮา เพราะเธอเป็นนางเอกที่ผิดฟอร์มนางเอกนิยายทั่วไป ... เป็นนางเอกที่มีหลากหลายอารมณ์ น่ารัก น่าชัง น่าหมั่นไส้ ฮา โก๊ะ


สูตรเสน่หา ... คุณรักเขา เพราะเขาสมบูรณ์แบบ หรือ เพราะคุณรักเขา เขาจึงสมบูรณ์แบบ


"อลิน" นางเอกสาวเจ้าบทบาท ที่กำลังอยู่ในช่วงขาลง ซึ่งภาพลักษณ์ของเธอดูเป็นผู้หญิงเรียบร้อย แสนดี แต่ตัวจริงเป็นคนเอาแต่ใจ หลงตัวเอง และไม่มีอะไรที่เหมาะกับความเป็นนางเอกหลงเหลืออยู่เลย


เมื่ออลินได้พบกับ "อนุชา" ผู้จัดรายการโทรทัศน์หนุ่ม ผู้เพียบพร้อมสมบูรณ์แบบ ซึ่งเธอใฝ่ฝันอยากได้ผู้ชายแบบนี้เป็นคู่ครองมานาน เธอจึงทำทุกวิถีทางให้ตัวเองได้เป็นพิธีกรรายการอาหารที่เขากำลังจะจัดให้ได้ ... ด้วยเหตุนี้เองเธอจึงได้พบกับ "พสุ" อาจารย์สอนการทำครัว ที่ไม่มีอะไรตรงสเปคของเธอแม้แต่นิดเดียว แต่เขาก็ช่วยให้อลินได้งานพิธีกรรายการอาหารของอนุชา และเป็นที่ปรึกษาให้เธอตลอดเวลา


จนกระทั่งถึงเวลาที่อลินได้ตระหนักว่า สิ่งที่เธอใฝ่หามาตลอดอาจไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการมาทั้งชีวิต ... เธอจึงต้องรีบเลือกก่อนจะสายไป ระหว่างความสมบูรณ์แบบที่ฝันหา กับ ความรักที่ยากจะตัดใจ อลินจะเลือกสิ่งใด


(ภาพและเรื่องย่อ จาก http://www.se-ed.com/ )


ทุกครั้งที่อ่านนิยายก็จะจินตนาการภาพพระเอกนางเอกเอาไว้ในใจ เรื่องนี้ก็เช่นกัน ... พอได้ข่าวว่านำมาทำเป็นละครก็ลุ้นน่าดูว่าใครจะมาเล่น พอเห็นชื่อนักแสดงแล้วก็ยิ้มได้ โล่งใจ เพราะเข้าทางกับที่คาดไว้


วันที่ละครออกอากาศวันแรก ก็ไม่พลาดค่ะ เพราะอยากรู้ว่า แอน ทองประสม จะเล่นเป็นอลินได้อย่างบทในนิยายรึเปล่า ... ไม่ผิดหวังเลยค่ะ เพราะแอน เล่นได้น่ารัก น่าชัง เหมือนอลินในนิยายจริงๆ ค่ะ ... คนดีที่นั่งดูอยู่ด้วย ก็ติดอกติดใจ ดูไปขำไป และติดละครเรื่องนี้ทันทีค่ะ


ปกติเราจะไม่ค่อยดูละครที่ได้อ่านนิยายแล้ว แต่เรื่องนี้ต้องบอกว่า รอดูเลยค่ะ ... ถึงแม้การดำเนินเรื่องในละครจะไม่เหมือนในนิยายเป๊ะ ผิดเพี้ยนไปบาง แต่ก็ครบรส สนุกสนาน และประเด็นหลักๆ ยังอยู่ครบค่ะ


ขอแนะนำ ให้ลองดูละคร และ ให้อ่านนิยาย ค่ะ ... เรื่องนี้ สนุก ฮา อ่านเพลิน ดูมันค่ะ

18.11.52

ยิ้มหวานเคลือบยาพิษ

ช่วงนี้ของทุกปีเป็นช่วงที่มีนักศึกษาฝึกงานเข้ามาเป็นสมาชิกชั่วคราว สร้างสีสัน และช่วยเหลือพี่ๆ ในออฟฟิศค่ะ ... เราซึ่งเคยเป็นนักศึกษาฝึกงานรุ่นแรกของที่นี่ ตอนนี้ก็รับหน้าที่ดูแลน้องฝึกงานค่ะ


เริ่มตั้งแต่ รับเอกสารสมัคร นัดสัมภาษณ์ ก่อนจะตัดสินใจเลือก ... พอน้องมาฝึกงานก็ต้องอบรม และคอยดูแล เป็นพี่เลี้ยงกลายๆ


ตอนนี้มีน้องฝึกงาน 2 คนค่ะ ... คนแรกมาจาก ม.กรุงเทพ มาฝึกงานราวๆ เดือนเศษแล้ว ... คนที่สองมาจาก ม.หอการค้าไทย เพิ่งมาฝึกงานได้ 3 สัปดาห์


รุ่นนี้เราจัดตารางฝึกงานให้น้องทั้ง 2 คน เริ่มฝึกงานจากส่วนที่เรารับผิดชอบก่อน เป็นการเตรียมความพร้อม ... น้องก็จะปักหลักนั่งทำงานอยู่ชั้นล่างกับเราและพี่ผู้ช่วย ก่อนจะเขยิบขึ้นไปเวียนเจอกับสาวๆ ชั้นบน


นั่งอยู่ด้วยกันก็ต้องสนทนาพูดคุยกันค่ะ ... หลังจากทั้ง 2 สาว ฝีกงานมาได้สักระยะ เราก็ลองถามน้องดูว่า "ใครที่ดูน่ากลัวที่สุด และ ใครที่ดูใจดีที่สุด" ... คำตอบที่ได้ยินสร้างความฉงนสงสัยให้ไม่น้อยค่ะ


เพราะน้องทั้ง 2 คน เอ่ยปากเหมือนกันว่า กลัว เกรง สาวกบ และ บอกว่าเราดูใจดีที่สุด ... ฮ่ะ ฮ่ะ แม่หนู คิดผิดซะแล้ว


ลองถามได้ความว่า 2 สาวเห็นว่าพี่กบดูหน้านิ่งๆ เลยดูน่ากลัว ส่วนพี่ตั๊กยิ้มแย้ม และชวนคุยด้วย ไม่น่ากลัว ... เหอ เหอ แม่หนูเอ๊ย หลงมนต์ ยิ้มหวานเคลือบยาพิษ ของพี่เข้าซะแล้ว


เพราะในบรรดาพนักงานทั้งหมด เราจัดอยู่ในหมวดโหดและอันตรายที่สุด ... ถ้าไม่มีอะไรก็เฉยๆ แต่ถ้ามีอะไรมากวนให้องค์ลงหล่ะก็ เสียงจะสูงปรี๊ด และบ่นรัวเร็วสปีดรถด่วนประหนึ่งหายใจทางผิวหนังเลยทีเดียว จัดเป็นระเบิดลูกย่อมๆ ที่วี๊ดดดดดด ตู้มมมมมมม มีอานุภาพทำลายล้างสร้างความเสียหายได้พอสมควร


พูดไปน้องก็ไม่เชื่อ มีหลายเสียงยืนยันก็ยังไม่เชื่อ เพราะระยะหลัง วี๊ด ปรี๊ด น้อยลงเยอะ ... เอ้า ไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร หวังว่าคงไม่มีเหตุอะไรที่ทำให้หนูหนูหัวใจวายก็แล้วกัน ... เมื่อนั้นจะได้รู้ว่า ยาพิษที่ซ่อนอยู่ใต้ยิ้มหวานแฉ่งเป็นยังไง


การเป็นคนชอบยิ้ม ยิ้มง่ายก็สร้างความงวยงงให้หลายๆ คนได้นะเนี่ย ... เตือนไว้เลยนะคะ ว่าอย่าเชื่อในสิ่งที่เห็น ถึงจะยิ้มหวานหยด แต่ก็แอบโหดค่ะ

17.11.52

Biz Up

วันนี้พาสมาชิกใหม่มาแนะนำตัวค่ะ ... ภูมิใจนำเสนอ บริษัท บิซ อัพ จำกัด : Biz Up Co., Ltd. ค่ะ


บริษัทใหม่กิ๊งที่เพิ่งจดทะเบียนบริษัทเรียบร้อยเมื่อเร็วๆ นี้ค่ะ ... ตอนนี้พูดได้เต็มปากเต็มคำแล้วว่า คนดีเป็นเจ้าของกิจการ แล้ว เย้


หลังจากลาออกจากงานมาเกือบปี จากที่กล้าๆ กลัวๆ กับการทำงานเพียงลำพัง จากที่มีแผนที่อยากจะมีกิจการของตัวเองอยู่ในฝัน ... ตอนนี้บริษัทเป็นรูปร่างชัดเจนแล้วค่ะ


บริษัท บิซ อัพ จำกัด ... ทำธุรกิจเกี่ยวกับ ชั้นโชว์สินค้า ชั้นวางสินค้า ตกแต่งร้านค้า บูธแสดงสินค้า ... มีทั้งแบบสำเร็จรูป และที่ออกแบบใหม่เพื่อให้เหมาะกับสินค้าและธุรกิจต่างๆ ค่ะ


รายละเอียดของสินค้าและบริการที่พอจะบอกได้ก็เท่านี้ค่ะ ... ถ้าอยากได้รายละเอียดมากกว่านี้ ต้องติดต่อกับ MD ของบริษัทค่ะ


เป็นผลงานที่คนดีภูมิใจ และ กังวลอยู่นิดๆ แต่เราเชื่อว่าคนดีทำได้แน่ๆ ค่ะ ... ไม่ได้ช่วยอะไรมาก นอกจากให้คำแนะนำบางเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เป็นกำลังใจ คอยห่วงอยู่ห่างๆ ... แต่มีบางวูบก็หงุดหงิด เพราะ บิซ อัพ ดึงเวลาของคนดีหายไปเพียบบบบบบบ เข้าใจนะคะ แต่บางแวบก็รับไม่ได้ อยากจะโยเย เกเร งอแง สุดท้ายก็ทำใจค่ะ


ขอให้ บิซ อัพ มีลูกค้าเข้ามาต่อเนื่องนะคะ ขอให้ MD ของบิซ อัพ โชคดีค่ะ ... ใครสนใจอยากใช้บริการ ติดต่อผ่านทางนี้ได้นะคะ

16.11.52

เตือนความจำ

คบกันมา 7 ปีกว่า ก็ต้องปรับกันทั้งคู่ จะได้อยู่ด้วยกันได้สบายๆ ค่ะ ... แค่ปรับเท่านั้นนะคะ ไม่เปลี่ยน เพราะถ้าใครต้องเปลี่ยนตัวเองมากไป เดี๋ยวเหนื่อยเกินค่ะ ... แค่ปรับเพื่อหาจุดที่ลงตัว ให้อยู่ด้วยกันได้อย่างสบายทั้งคู่ก็พอค่ะ


จะปรับก็ต้องคุยกันค่ะ ... คบกันมานานขนาดนี้ก็คุยกันหลายรอบ คุยกันหลายเรื่องค่ะ คุยเรื่องเดิมบ้าง คุยเรื่องใหม่บ้าง แล้วแต่เหตุการณ์ค่ะ ... คุยกันแล้ว ก็ต้องมีเตือนความจำกันบ้างค่ะ จะได้ไม่ละเลย และไม่หลงลืม


ที่ต้องคุย ต้องเตือนความจำ เพราะไม่อยากปล่อยทิ้งไว้ให้ค้างคาใจ เดี๋ยวเรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ค่ะ ... ไหนๆ ก็เตือนความจำแล้ว เลยเอามาบันทึกลงไว้ เผื่อคนดีเปิดอ่านจะได้ไม่ลืมค่ะ


- ไม่ได้เจอกันทุกวัน ... รับได้ค่ะ เรื่องงานก็ยุ่งจะแย่แล้ว และยังต้องจัดสรรเวลาให้ที่บ้านด้วย ... แต่ถ้าเจอกันแล้ว อยู่ด้วยกัน ขอให้เป็นเวลาคุณภาพ

- จัดสรรเวลางาน เวลาส่วนตัว ... เพราะงานที่ทำไม่มีเวลากำหนดแน่นอน แล้วยังเป็นคนดีที่ดูแลลูกค้าเต็มที่เหมือนเป็นเพื่อนกัน เรื่องไหนช่วยได้ก็ช่วยเต็มที่ ... แต่อย่าช่วยดูแลลูกค้าจนลืมกัน เพราะเวลาที่มีให้กันน้อยลงเยอะแล้ว ช่วยจัดสรรให้ดีด้วย ไม่งั้นมีโวย

- ไม่ได้รับ-ส่ง ตลอดเวลา ... รับได้ค่ะ บ้านกับออฟฟิศอยู่ใกล้นิดเดียว ไป-กลับเองได้สบายมาก ... หรือนัดเจอกันข้างนอก ให้ออกไปหา ถ้าสะดวกสบายกว่า ไม่ต้องเสียเวลาวนไปวนมา ก็ไม่มีปัญหาค่ะ

- นัดแล้วเลื่อนนัด ... ถ้าเป็นเหตุจำเป็น เรื่องงาน เรื่องที่บ้าน รับได้ค่ะ ไม่เกเร ไม่งอแง ... แต่ถ้านัดกันล่วงหน้าไว้แล้ว มีนัดซ้อนที่ไม่สมเหตุสมผลแทรกเข้ามา ไม่ยอมนะคะ ถ้าจะเลื่อนนัดต้องมีการชดเชยค่ะ

- โทรศัพท์คุยกันน้อยลง ... รับได้ค่ะ เข้าใจว่ามีเรื่องให้จัดการเยอะแยะ ... ขอแค่โทรหากันบ้างตามสมควร เพราะแค่อยากรู้ว่าสบายดีมั้ย ปลอดภัยดีรึเปล่า ขอเวลาแค่ไม่กี่วินาทีโทรหากันแค่นั้นก็พอ

- บอกว่ายุ่งจนไม่มีเวลาโทรหากัน ... อันนี้รับไม่ได้ค่ะ ทุกคนมี 24 ชั่วโมงเท่ากัน ขึ้นอยู่กับการจัดสรรเวลา ถ้ามีเวลาเข้าห้องน้ำ มีเวลาพักกินข้าว ก็ขอแค่ 10-20 วินาทีโทรหากันสักหน่อยก็พอ

- จัดสรรเวลาพิเศษเล็กๆ น้อยๆ ... ที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นทริปไหนๆ ทำอะไร กินข้าวร้านไหน เราจัดการเองหมด ... นานๆ ทีช่วยจัดการวางแผนเล็กๆ น้อยๆ โทรจองโต๊ะให้บ้าง เป็นคนริเริ่มบ้าง อย่างที่เคยทำแต่เว้นวรรคไปนานแล้ว รื้อฟื้นกลับมาทำนิดๆ หน่อยๆ จะปลื้มมากค่ะ


เรื่องพวกนี้หยิบมา พูดกัน คุยกัน เตือนกัน เป็นครั้งคราวเพราะไม่อยากให้ละเลยค่ะ ... แต่ก็ไม่พูดทุกครั้งที่รู้สึก เพราะดูจู้จี้งี่เง่าเกินไป แต่จะให้ปล่อยไปเลยไม่พูดเลย เดี๋ยวคนดีจะเข้าใจว่าเรารับได้ ไม่รู้สึกอะไร ก็ไม่ดี ... เพราะหลายเรื่อง บางครั้ง บางที "เข้าใจ แต่รับไม่ได้ค่ะ" เลยต้องขอคุยกันสักหน่อย


จริงๆ ก็เรื่องเล็กๆ น้อยๆ นะคะ แต่เรื่องเล็กๆ นี่หล่ะค่ะ คุยกันไม่รู้เรื่องก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ ... อยู่กันมานาน และอยากจะอยู่กันไปอีกนาน ก็ต้องคุยกันค่ะ


คนดีขา ... เข้าใจใช่มั้ยคะ

15.11.52

: 92 เดือน :

วันที่ 15 เป็นหนึ่งวันที่จะต้องมาเขียนบล็อก ... มานับจำนวนเดือนที่เขยิบเพิ่มขึ้นค่ะ เดือนนี้ก็ 92 เดือนแล้ว ใกล้ 100 เข้าไปทุกที


วันที่ 15 เดือนนี้ตรงกับวันอาทิตย์ เราสองคนเลยไม่ได้เจอกัน ไม่ได้ตะลอนไปไหนด้วยกัน ... แยกย้ายกันอยู่บ้านใครบ้านมัน จัดการธุระของแต่ละคนกันไปค่ะ


เลยไม่มีเรื่องพิเศษมาให้เขียนเก็บไว้ ... งั้นเลือกเอาเพลงพิเศษมาลงดีกว่า


- รักเดียวใจเดียว -


อย่าแปลกใจ ที่ผ่านมานานเท่าไร กาลเวลาไม่อาจหมุนหัวใจ

เปลี่ยนไปจากเธอ คงเป็นไปไม่ได้ เมื่อใจผูกพันมีแต่เธอ


แม้จะนอนหลับฝัน ฉันมีแต่เธอเท่านั้น ไม่อาจแบ่งใจปันเผื่อไว้ให้ใคร

ใจเมื่อเจอเธอแล้ว เหมือนคนที่เจอจุดหมาย เมื่อมีเธอไม่ต้องการใคร


เมื่อวานก็รัก วันนี้รักเธอ พรุ่งนี้ก็รักเธอ พอใจที่มีเธอ

ไม่มีอีกแล้ว ใครจะมาเข้าใจ ฉันได้ดีอย่างเธอ ตอบแทนเธอรักเดียวใจเดียว


ดั่งทะเล โอบกอดด้วยผืนทราย และคงไม่มีใครพรากใจดวงนี้ได้

ไม่ว่ากาลเวลาจะหมุนผ่านไป ยิ่งมั่นใจเราคือกันและกัน


แม้จะนอนหลับฝัน ฉันมีแต่เธอเท่านั้น ไม่อาจแบ่งใจปันเผื่อไว้ให้ใคร

ใจเมื่อเจอเธอแล้ว เหมือนคนที่เจอจุดหมาย เมื่อมีเธอไม่ต้องการใคร


เมื่อวานก็รัก วันนี้รักเธอ พรุ่งนี้ก็รักเธอ พอใจที่มีเธอ

ไม่มีอีกแล้ว ใครจะมาเข้าใจ ฉันได้ดีอย่างเธอ ตอบแทนเธอรักเดียวใจเดียว


... ตอบแทนเธอรักเดียวใจเดียว


ที่เลือกเพลงนี้เพราะเคยใช้เพลงนี้เป็นเพลงประกอบไฟล์รวบรวมภาพถ่าย ให้เป็นของขวัญวันครบรอบ ... ครั้งนั้นใช้เวอร์ชั่นดั้งเดิมของพี่เสือ ตอนนี้เปลี่ยนเป็นเวอร์ชั่นรุจบ้าง ... คนร้องเปลี่ยน แต่ความหมายเหมือนเดิม และเราสองคนก็ชอบเพลงนี้เหมือนเดิม


ที่สำคัญ คือ "เมื่อวานก็รัก วันนี้รักเธอ พรุ่งนี้ก็รักเธอ พอใจที่มีเธอ ... ไม่มีอีกแล้ว ใครจะมาเข้าใจฉันได้ดีอย่างเธอ ตอบแทนเธอรักเดียวใจเดียว" ... รู้สึกแบบนี้จริงๆ ค่ะ


รักคนดีนะคะ รักที่สุดเลย



ฟังวิทยุออนไลน์ ที่ izeemusic

14.11.52

ตะลุยช้อปปิ้งที่จตุจักร

วันเสาร์อีกแล้ว วันหยุด วันว่าง มีเป้าหมาย มีโปรแกรมรออยู่หลายสัปดาห์แล้ว ... เราสองคนจะไปตะลุยจตุจักรกันค่ะ


เสาร์นี้ไม่มีจุดหมายหลายที่เหมือนเสาร์ที่แล้ว เลยตื่นสายได้หน่อย สายที่ว่าก็ราวๆ 8-9 โมง ... ตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย แต่ยังไม่ออกเดินทางค่ะ คนดีเปิดคอมฯ เช็คเมล์ ส่งเมล์ ส่วนเราเปิดคอมฯ เล่นเกม ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ ... กว่าจะออกจากบ้านกันได้ก็เกือบเที่ยง


ที่เลือกออกจากบ้านค่อนข้างช้า เพราะวางแผนว่าจะไปหม่ำกันก่อนค่ะ ... จะได้รวบยอดมื้อเช้า กับ มื้อเที่ยง ไว้ด้วยกันเลย เพราะเรามีเป้าหมายมื้อใหญ่กันที่ Bella Casa ค่ะ


เพราะร้านอยู่ใกล้สถานีรถไฟบางซื่อ และไม่ไกลที่จอดรถของรถไฟฟ้าใต้ดินที่เราเอารถไปจอดประจำเวลาไปจตุจักร ... เพราะฉะนั้น ร้านนี้เหมาะที่สุด


มาช่วงเที่ยงแบบนี้ ลูกค้าไม่ค่อยเยอะ เลยได้นั่งโต๊ะเด่นประจำร้าน ที่มีชิงช้า นั่งโยกเล่นเพลินๆ แต่นานชักเวียนหัว ... ถ่ายรูปกำลังสนุก เครื่องดื่มเย็นๆ ก็มาเสิร์ฟ ชาเย็น กับ ชามะนาว


สักพักอาหารก็ทยอยมาค่ะ ... สปาเกตตี้เบลล่า ที่มีมันกุ้งและไข่กุ้ง รสกลมกล่อม อมเปรี้ยวนิดๆ คล้ายต้มยำ จานนี้อร่อยถูกใจค่ะ ... ซีซาร์สลัด เพราะเจอสปาเกตตี้รสจัดแซงหน้ามาก่อน สลัดเลยรสอ่อนไปเลยค่ะ แต่โดยรวมก็รสกลมกล่อม ผักสดกรอบ อร่อยนะคะ ... ยำเต้าหู้ซอสมะนาว จานนี้ติดใจตั้งแต่ได้ชิมครั้งก่อน คราวนี้ก็ยังกลมกล่อม อร่อยเหมือนเดิม เต้าหู้ทอดพอตึงๆ กับน้ำยำรสกำลังดี ... ปิดท้ายด้วยเมนูโปรด ครีมโคโรเกะกุ้ง กรอบนอก นุ่มใน ไส้ยังเข้มข้มกลมกล่อมเหมือนเคย อร๊อย อร่อย


จัดการอาหารเรียบ เกลี้ยงทุกจาน ท้องตึงเต่งแน่น ก็ต้องไปเดินย่อยค่ะ ... ก็ได้เวลาลงรถไฟใต้ดินไปสวนจตุจักรค่ะ


คนดีอยากได้ของปีใหม่ไปแจกน้องๆ ที่บ้าน แล้วเดินหาเสื้อผ้า ส่วนเราไม่มีเป้าหมายอะไรเป็นหลัก ... ก็เริ่มเดินตามความคุ้นเคย เดินวนไปวนมา เข้าซอยนั้นออกซอยนี้ เดินไปเรื่อยๆ แล้วก็ได้ของ ได้ถุงติดมือมามากขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ


เราได้เสื้อ 3 กางเกง 4 รองเท้า 1 กระโปรง 1 ผ้าผันคอ 2 ยางมัดผม 5 ... คนดีได้ กางเกง 2 เสื้อ 4 สร้อย 1 ของแจกปีใหม่อีก 2 โหล ... หมดตัว เกินงบกระจุยไปตามๆ กัน


ตัวเบา เหงื่อตก ลงรถไฟใต้ดินกลับไปที่รถ มุ่งหน้าไปจุดหมายต่อไปค่ะ ... คราฟท์ คาเฟ่ คนดีมีนัดรับงานที่สั่งคุณแพทตี้ไว้


ไปถึงร้านก็ลุยสั่งอาหารเติมพลังกลับค่ะ ... นมปั่นใส่ไซรัปอัดมอนด์ บลูโซดา แซนด์วิชทูน่า แซนด์วิชแฮมชีส วาฟเฟิลใส่ไอติมวนิลา ... กินอิ่มแทนข้าวมื้อนึงเลยค่ะ อิ่มแล้วก็นั่งคุยกันไปเรื่อยๆ จนคุณแพทตี้มา และร้านปิด ก่อนจะแยกย้ายสลายตัวค่ะ


คนดีแวะมาส่งที่บ้าน ลงมาลองเสื้อผ้าที่ซื้อกันมาพักนึงก็กลับบ้าน ... หมดไปอีก 1 วัน ผ่านไปอีก 1 เสาร์ ... เสาร์หน้าโปรแกรมจะแน่น หรือ โปรแกรมจะว่างก็ต้องรอดูค่ะ

13.11.52

2012 : วันสิ้นโลก

ศุกร์ 13 วันอาถรรพ์ ที่บางคนเชื่อว่าเป็นวันแห่งความโชคร้าย ... เราสองคนไม่ได้ถืออะไร ก็ทำกิจวัตรตามเดิม พิเศษเพิ่มมานิดก็ตรงที่ชวนกันไปดูหนัง ... พอเหมาะพอดีที่ 2012 เข้าฉาย


ส่วนตัวชอบดูหนังแนวอวสาน วันสิ้นโลกแบบนี้อยู่แล้ว ทั้ง ID4 , Armageddon , The day after tomorrow ดูหมดไม่พลาด ชอบดูเพราะ CG ตื่นตาตื่นใจ ... ส่วนคนดีบอกว่าดูแล้วหดหู่หัวใจ แต่ก็ดูเพราะขัดใจเราไม่ได้


เลือกใช้บริการโรงหนังใกล้บ้านที่คุ้นเคย เอสพละนาด เหมือนเดิม แต่ไม่เหมือนเดิมตรงที่ค่าตั๋วเพิ่มอีกแล้ว เพราะฉายในโรงดิจิตอล ค่าตั๋วหนังขยับขึ้นอีก 20 บาท ... แย่จริง


เติมเสบียงลงท้องที่หิวโหยเรียบร้อย ยังมีเวลาเหลืออีกเพียบ เลยชวนกันเดินดูหนังสือในบีทูเอส ... แวะดูโทรศัพท์มือถือ พอได้เวลาหนังฉายก็จูงมือกันเข้าโรงหนัง


เพราะเข้าโรงหนังตรงเวลา เลยต้องนั่งดู หนังตัวอย่าง และโฆษณายาวนาน ... เลยงีบหลับระหว่างรอหนังสักหน่อย ส่งผลให้พอหนังเริ่มฉาย ดูไปได้นิดนึงก็ง่วงงุนจนหลับไปอีกแวบ ... ก่อนจะตื่นตาโตมาดูฉาก CG อลังการ


เรื่องนี้ไม่รู้จะเล่าย่อยังไงดี เพราะตามสไตล์หนัง action / sci-fi อวสานวันสิ้นโลกแบบนี้ มีสูตรสำเร็จอยู่แล้ว ... เรื่องนี้มีคำทำนายว่าโลกจะแตกในปีนั้นพอดี และมีนักวิทยาศาสตร์ที่ค้นพบความผิดปกติที่อาจจะเป็นเหตุให้เกิดผลตามคำทำนาย เลยมีการคำนวณและเตรียมรับมือ


จนเกิดเหตุขึ้นจริง และมีปรากฎการณ์ต่างๆ ที่นำมาซึ่งความสูญเสียแทบทุกพื้นที่ทั่วโลก ... จะมีคนรอดชีวิตมั้ย ครอบครัวของตัวละครเอกจะรอดรึเปล่า ก็ต้องตามดู ตามลุ้นกันไป


ดูไปตื่นเต้นไป ลุ้นไป และเศร้าใจ หดหู่ใจเป็นระยะ เสียน้ำตาไปหลายหยด เพราะสงสาร และซาบซึ้งกับตัวละครหลายๆ ตัว ... ดูแล้วก็คิดตามไปว่า ถ้าต้องเจอเหตุการณ์นี้จริงๆ เราจะทำยังไง


ตัดสินใจได้ว่า ถ้ารู้ล่วงหน้าจะไม่ทำอะไรพิเศษทั้งสิ้น จะใช้ชีวิตแบบปกติเหมือนเดิม แต่จะหมั่นเติมความสุขให้ชีวิต ทำบุญเพิ่ม และเข้าวัดปฏิบัติธรรมเพิ่ม ... แล้วถ้าถึงวันนั้นจริงๆ ก็ขอแค่อยู่ใกล้ๆ กับคนที่เรารัก อยู่กับครอบครัว อยู่กับคนดี ... แต่ถ้าไม่ได้อยู่ด้วยกันก็คงจะโทรบอกลากันเป็นครั้งสุดท้าย

7.11.52

ตะลอน ตะลอน

เสาร์ที่แล้ว เราสองคนควงกันตะลุยแพลทตินั่ม ตามความต้องการของเราค่ะ ... เสาร์นี้เลยวางแผนจะไปตะลุยจตุจักร ตามความต้องการของคนดีบ้างค่ะ


จริงๆ จะไปแพลทตินั่มแล้วต่อจตุจักรเลยค่ะ แต่เดินวนจนเริ่มบ่ายแก่ และขาเริ่มจะลากแล้ว คนดีเลยยอมผลัดให้ไปครั้งหน้าก็ได้ ... เพราะคนดีอยากจะไปเดินดูของ ไปเดินเล่นเย็นใจ ... แล้วโปรแกรมเสาร์นี้ก็ยังว่าง ไปเดินเล่นจตุจักรสบายๆ ก็คงจะดี


แต่แผนที่วางไว้สบายๆ ก็ถูกปรับ เสริม เพิ่ม จนกลายเป็นต้องตะลอนทัวร์ทั่วเมืองค่ะ ... ทั้งหมด ทั้งมวล ก็มาจากคนดีค่า


เริ่มจากออกจากบ้านตอน 9 โมงนิดๆ มุ่งหน้าไป โฮมโปรตรงบางใหญ่ คนดีมีไปติดตั้งงานให้ลูกค้าค่ะ ... หอบเราติดไปเป็นผู้ช่วยอีกครั้ง ก็ไปช่วยอะไรได้ไม่มากเหมือนเคย แค่ไปช่วยถือของ ยกของ จับนั่นนี่นิดหน่อย ... ไม่นานก็เสร็จเรียบร้อยค่ะ


ขับรถกลับ ก็เกิดเหตุให้เสียเวลาอีกหน่อย ... เพราะคนดีจะแวะโอนเงินให้ซัพพลายเออร์ ทำผิดกฎจราจรไปนิด โดนตำรวจจราจรเรียก รับใบสั่ง แล้วต้องวนรถไปเสียค่าปรับ ก่อนจะวนกลับมารับใบขับขี่


ผ่านเรื่องยุ่งก็เดินทางกันต่อค่ะ ตรงดิ่งไปรังสิต ... คนดีหาที่แวะโอนเงินให้ซัพพลายเออร์ พอโอนเรียบร้อย ก็เคลื่อนที่ไปนิดนึง แวะเข้าไปดูงานที่โรงงานของซัพพลายเออร์ ... ไม่รู้ว่านานแค่ไหน เพราะเรานั่งอ่านนิตยสารรอไปเรื่อยๆ


พอธุระคนดีเรียบร้อย ก็เดินทางอีกนิดค่ะ วนไปฝั่งตรงข้าม ไปแวะเติมพลังกันที่ โชคชัยสเต็คเฮ้าส์ ... คนดีเลี้ยงมื้อนี้ แทนค่าแรงที่มาช่วยยกของนิดๆ หน่อยๆ ค่ะ


เวลาราวๆ บ่ายโมง ได้ ซุปเห็ดข้น ซีซาร์สลัด บาร์บีคิวพอร์คชอพ และ สเต็คเบอเกอร์ มาประทังหิว ... อิ่ม อร่อย มีความสุข ... เพราะโปรดปราน สเต็คเบอเกอร์ของที่นี่มากกกกกก ถ้าใครที่ชอบเบอเกอร์แนะนำให้ลองค่ะ เพราะเนื้อเบอเกอร์ฉ่ำ ชุ่ม อร่อยสุดยอด


อิ่มแล้วก็ต้องไปเดินย่อยค่ะ จุดหมายที่เหมาะที่สุดคือ ร้านเจ้เล้ง ... จริงๆ อยากจะมาหลายทีแล้ว แต่หาโอกาสเหมาะไม่ได้ ผ่านมาถึงรังสิตแล้ว จะพลาดได้ยังไง


เข้าไปเดินวน ได้ถั่ววาซาบิ ช็อคโกแลต น้ำผลไม้ ครีมทาตัว สมใจอยาก ก็ชวนกันกลับบ้านค่ะ ... เอาของเข้ามาเก็บ และคนดีแวะเช็คเมล์ ส่งเมล์ให้ลูกค้า


แต่กว่าจะออกจากบ้านได้ก็ราวๆ สี่โมงค่ะ ยังไปไม่ถึงจตุจักรที่ตั้งใจสักที ... พอออกจากบ้านเลยต่อรองกับคนดีว่า ขอให้เดินแบบมีจุดหมาย ไม่เดินหว่าน เพราะถ้าคนดีเดินหว่าน จะเพลินมากกกกกกกก แล้วจะไปจุดหมายต่อไปยาก


คนดีเลยตัดใจไม่ไปสวนจตุจักรแล้ว เพราะคนดีอยากเดินเล่นเพลินๆ สบายๆ อยากจะเดินหว่านชมตลาดให้ทั่ว ... งั้นมุ่งหน้าไปจุดหมายต่อไปเลยดีกว่า


จุดหมายที่ว่า คือ งานคอมมาร์ท ค่ะ ... เนื่องจากเมื่อวานเราชวนคนดีมาเดินแล้วรอบนึง มาซื้อกล้องกับพรินเตอร์ของออฟฟิศ ... เพราะการซื้อกล้องนี่หล่ะค่ะ ที่ทำให้คนดีเจอโปรโมชั่นสะดุดตา โดนใจจังๆ จนออกอาการงุ่นง่าน


โปรโมชั่นที่ว่าคือ ให้เอากล้องเก่า รุ่นไหน แบบใดก็ได้มาแลกซื้อ กล้อง DSLR ... คนดีที่หมายตาอยากได้ DSLR มานานแล้ว เลยกิเลสพุ่ง งุ่นง่าน วุ่นวายหากล้องเก่า ... สุดท้ายมาหาได้ที่บ้านเรานี่หล่ะค่ะ หม่ามี้ใจดีหากล้องเก่าในกรุมาให้ เป็นกล้องป๊อกแป๊ก กิ๊กก๊อก กะโหลกกะลามากๆ ไม่มียี่ห้อ ไม่แน่ใจว่าจะแลกได้รึเปล่า หม่ามี้เลยให้กล้องป๊อกแป๊กของ Pentax ติดมาเผื่อด้วย


พอถึงงานคอมมาร์ท ก็ตรงดิ่งไปบูธโซนี่เลยค่ะ ... มีกล้อง 2 ตัว ที่อยู่ในโปรโมชั่น แต่ว่ารุ่นใหญ่กว่าของหมด คนดีเลยตกลงใจเอารุ่นเล็กก็ได้ นั่นก็คือ Sony Alpha a330 จากราคา 31,990 เอากล้องเก่ามาแลก ลดไป 4,000 เหลือ 27,990 แล้วยังผ่อน 0% ได้ 10 เดือนด้วย ... ที่สำคัญคือ ราคานี้ ได้เลนส์มา 2 ตัวค่ะ คนดีปลื้มมมมมมมม สุดๆ


จ่ายเงินเรียบร้อย เช็คของเรียบร้อย พนักงานก็แนะนำให้ไปลงทะเบียน my sony ที่ห้องมีตติ้งรูมเลยค่ะ ... เพราะมีโปรโมชั่นพิเศษอีกสำหรับกล้องรุ่นอัลฟ่า ให้เอาใบเสร็จไปจับฉลาก ... แล้วก็บังเอิญเหลือเกินที่จับได้รางวัลใหญ่ ได้แพคเกจที่พัก 3 วัน 2 คืน ที่ทรายแก้วบีช เกาะเสม็ด ... เห็นใบฉลากที่จับได้ยังไม่เชื่อสายตากันทั้งคู่ ว่าโชคดีได้เป็น 1 ใน 30 ผู้โชคดีที่ได้รางวัลอันดับแรก


เสร็จสิ้นธุระเรียบร้อย แบบสุขสมใจ ก็หอบร่างที่เหนื่อย เมื่อย ล้า กลับบ้านค่ะ ... เข้าถึงบ้านก็สองทุ่มกว่าแล้วค่ะ หิวโหยโรยแรง กลับมาซบอกหม่ามี้ ควานหาของที่อยู่ในตู้เย็นมาจัดการ


โชคดีที่หม่ามี้เพิ่งกลับจากเที่ยวเหนือ เลยได้ ข้าวเหนียว น้ำพริกหนุ่ม ไส้อ้่ว ประทังความหิว ... หยิบเอาหมูทอดสามรสที่ซื้อจากร้านเจ้เล้งมาเปิดร่วมวงด้วย ก็อิ่มสบายท้องพอดี


สักพักนึงสาวกวางก็แวะมาทักทาย เลยได้ร่วมวงหม่ำ เม้าท์กันอีกหน่อย ... ก่อนที่เราสองคนจะออกไปส่งสาวกวางที่บ้าน วนกลับมา


สุทธิสาร - บางใหญ่ - รังสิต - สุทธิสาร - ศูนย์ฯประชุม - สุทธิสาร - วังหิน - สุทธิสาร ... ภารกิจตะลอนทั่วกรุงประจำวันนี้ก็จบลงสักที ... เหนื่อยจัง

4.11.52

ลมหายใจ เดอะมิวสิคัล

นานมากกกกกกกกกแล้วที่ไม่ได้ดูละครเวที เรื่องสุดท้ายที่ดูคือ เนื้อคู่ 11 ฉาก จากวันแรก ถึงวันลา เมื่อเดือนมีนา ... เว้นวรรคมานาน จนมาเห็นข่าวละครเวที "ลมหายใจ เดอะมิวสิคัล" ที่ทำเอาความอยากพลุ่งพล่าน


ยังไม่รู้ว่าเนื้อเรื่องจะเกี่ยวกับอะไร แต่ชื่อของ พี่บอยด์ โกสิยพงษ์ ที่กระตุ้นความสนใจ ... เพราะแค่รู้ว่าเป็นละครเวทีที่เอาผลงานเพลงของพี่บอยด์มาใช้ ก็ได้ใจไปเยอะแล้ว


วันพุธที่ 4 พ.ย. รอบ 19.30 น. วันและรอบที่จองล่วงหน้าไว้นานนนนน จนเกือบลืม


"ลมหายใจ เดอะมิวสิคัล เป็นเรื่องราวของคน 5 คน ที่ผูกพันกันด้วยความรัก แต่วันหนึ่งเมื่อคนที่เป็นดัง 'ลมหายใจ' ต้องจากไป คนที่เหลืออยู่จะใช้ชีวิตต่อไปได้อย่างไร"


(ภาพและข้อความจาก http://www.thaiticketmajor.com/ )


5 นักแสดงหลัก กับนักแสดงประกอบอีกราวๆ 20 คน ช่วยกันทำให้เรื่องราวดำเนินไปอย่างเพลิดเพลิน ... เศร้า ซึ้ง ขำ ฮา และน่าประทับใจ


ข้อดีของการใช้เพลงประกอบที่รู้จักคุ้นเคยอยู่แล้ว ทำให้อินได้ง่ายขึ้น เพราะเราคุ้นหูกับเพลงอยู่แล้ว แค่เริ่มประโยคมาก็นึกประโยคต่อไปได้เลย ... ไม่ต้องตั้งใจฟังบทพูดที่เป็นเพลงว่ากำลังพูดอะไรเหมือนมิวสิคัลเรื่องอื่น


เพลงรักของพี่บอยด์เป็นเพลงรักที่ใช้ได้กับหลากหลายสถานการณ์ ไม่จำเป็นต้องเป็นคู่รักเท่านั้น ... แล้วพอเรียบเรียงให้เข้ากับอารมณ์ของละคร และตัวละคร ก็ทำให้เห็นว่า เพลงเดียวกัน ร้องในอารมณ์ที่ต่างกัน ก็ให้ความรู้สึกต่างกันได้


นักแสดงหลักทั้ง 5 คน เล่นและร้องได้ดี มีน้ำหนักความสำคัญเท่าๆ กัน ผลัดกันออกมาสร้างความประทับใจ ... แต่ถ้าให้เลือกนักแสดงที่ประทับใจมากที่สุดก็ยกให้ พี่ต๊งเหน่ง รัดเกล้า เล่นดี ร้องดี เต้นดี และชุดสวยตลอด


เวลา 3 สาว พี่ต๊งเหน่ง นิโคล น้องแก้ม ร้องเพลงพร้อมกันประสานกัน เพราะมากกกกกก ... ฉากที่ 3 คน ร้องเพลงพร้อมกัน แต่ร้องกันคนละเพลง ได้ใจสุดๆ อึ้งว่าทำได้ยังไง ร้องกันคนละเพลงแต่ไม่ทำให้งง เพราะคุ้นกับเพลงอยู่แล้ว ที่สำคัญคือ ทำให้เข้าใจความรู้สึกของตัวละครทั้ง 3 ว่ารู้สึกยังไงกับการสูญเสีย


ละครเวทีเรื่องนี้ นอกจากนักแสดงหลักจะเยี่ยมแล้ว ยังมีนักแสดงประกอบที่โดดเด่น และเรียกความประทับใจคนดูได้ดี ... ขโมยซีนเป็นพักๆ แต่น่ารักน่าหยิก เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะได้ตลอด


ฉากไม่ได้หวือหวาอลังการมาก เพราะมีอยู่ไม่กี่ฉาก แต่ก็ไม่ขัดตา ... ส่วนเสื้อผ้า สวย เปลี่ยนกันรวดเร็ว โดยเฉพาะเสื้อผ้าพี่ต๊งเหน่ง สวย ประทับใจทุกชุด


ดูจบแล้วรู้สึกอิ่มๆ แต่ก็เหมือนยังขาดๆ อะไรนิดหน่อย ... ดูแล้วอิน เพราะส่วนตัวมีปมกับการตายแบบปุบปับ ตายจากกันทั้งที่ยังรักกันดี จากกันเพราะอุบัติเหตุแบบนี้ทำให้สะเทือนใจ เลยอิ๊น อิน ... แล้วยังมีเพลงประกอบที่เพราะทุกเพลงอีก โอ๊ยยยยยยยย เรียกน้ำตาไปหลายร้อยหยดค่ะ


สรุปว่าเป็นละครเวทีอีกเรื่องที่ประทับใจ เพราะดูจบแล้วยังอินต่อเนื่อง เดินออกจากโรงละคร นั่งรถกลับบ้านยังรู้สึก หัวใจยังโหวงๆ เศร้าๆ ... ดูแล้วก็เห็นความสำคัญของคนใกล้ตัวมากขึ้น ทำเวลาที่มีอยู่ให้มีค่า เพราะไม่รู้ว่าจะมีวันพรุ่งนี้รึเปล่า

2.11.52

It's happened to be a closet

It's happened to be a closet ร้านชื่อย้าว ยาว นี่หล่ะค่ะ ที่ทำให้เสียน้ำตาไปเมื่อวันก่อน ... เสียน้ำตา เพราะตั้งใจเต็มที่ว่าจะได้กินของอร่อย แต่ไปเจอว่าร้านย้ายไปแล้ว หูย อกหักดังเป๊าะ


พลาดอดหม่ำไปเมื่อวันศุกร์ ทำใจว่าค่อยไปวันหลังก็ได้ จนเริ่มนิ่ง อาการโหยหาลดลง ... มาจิตหลุดคืนวันอาทิตย์ เพราะดูรายการที่นี่หมอชิต เห็นพี่คิ้มทำสปาเกตตี้ ต่อมอยากกินสปาเกตตี้ที่อักเสบยังไม่หายดี เลยออกอาการโหยหาอีกครั้ง ... หงุงหงิงผ่านเอ็มเอสเอ็นไปรำพึงกับคนดีว่าอยากกิน และอาลัยอาวรณ์ร้านนี้อีกแล้ว


คนดีก็ใจดีจริงๆ เสนอกลับมาว่า "ไปกินวันพรุ่งนี้เลยมั้ยหล่ะ" ... เห็นประโยคนี้แล้วตาลุกวาว ละล่ำละลัก ตกลงทันที


แต่เป็นการตกลงแบบระแวงไปด้วย เพราะวันจันทร์เป็นวันลอยกระทง กลัวว่าร้านจะปิดมั้ย กลัวว่าจะมีใครไปปิดร้านใช้งานรึเปล่า กลัวคนจะเยอะ ... จนย้ำคนดีว่า ช่วยโทรเช็คก่อนได้มั้ยคะ จองไว้ได้มั้ย เพราะถ้าไปถึงหน้าร้านแล้ว ถูกร้านแล้วด้วย แล้วเจอร้านปิด หรือมีเหตุให้อดกินอีกหล่ะก็ มีอันยืนน้ำตาตกกลางห้างแน่ๆ


ระหว่างทำงานตลอดวัน ไม่หวังเลยว่าจะได้ไปกิน คิดอยู่ตลอดว่าอาจจะมีเหตุให้อด จะได้ไม่หวังมาก และจะไม่ผิดหวัง อกหักโครมใหญ่เหมือนครั้งก่อนอีก ... จนใกล้เลิกงานได้เจอหน้าคนดี ใจถึงเริ่มระทึกอีกครั้ง


นั่งรถไฟใต้ดิน ไปต่อ บีทีเอส ตั้งใจเดินเข้าเอมโพเรี่ยม สวนทางกับผู้ใหญ่และเด็ก ทั้งคนไทยและต่างชาติ ที่กำลังเตรียมตัวไปลอยกระทง ... แต่เราตั้งใจไปหม่ำ ในวันลอยกระทง


เดินไปก็ลุ้นไปว่าจะมีเหตุให้อดรึเปล่าน้อ ... จนเดินไปถึงหน้าร้าน เห็นร้านเปิด มีโต๊ะว่าง หัวใจก็พองฟูทันทีค่ะ ตื่นเต้น ตื่นเต้น จะได้หม่ำของอร่อยแล้ว


รู้จักร้านนี้เมื่อ 2-3 ปีก่อน จากการแนะนำของลูกค้าคนดี ไปหม่ำครั้งแรกก็ติดใจทันที แล้วก็เว้นว่างไม่ได้ไปอีกเลย ... แต่เป็นร้านที่ประทับใจ และอยู่ในความทรงจำตลอดค่ะ


คนดีปล่อยให้เราสั่งอาหารเลย เมนูร้านนี้เป็นกระดานแผ่นบางอันโต มีตัวหนังสือรายการอาหารหลายรูปแบบหลายไซส์ ทำให้อ่านยากสักหน่อยค่ะ ... ใช้เวลาพิจารณาสักนิด ก็ตัดสินใจได้ค่ะ


เริ่มต้นด้วย ขนมปังหลายชนิดเป็นของว่างจากทางร้าน อร่อยทุกอย่างค่ะ ... ขนมปังที่มีหน้า เยี่ยม ขนมปังกระเทียม หอม อร่อย ส่วนขนมปังเพลน ก็มีถั่วแทรกอยู่ด้วย เนื้อขนมปัง ไม่ร่วนเกินไป ไม่นุ่มเกินไป ไม่เหนียวเกินไป ไม่กรอบเกินไป กินเดี่ยวๆ ก็อร่อย จิ้มกับซุปก็เยี่ยมค่ะ


ซุปเห็ด เนื้อเนียน รสกลมกล่อม ได้กลิ่นเห็ดเต็มๆ แค่เติมพริกไทยลงไปสักนิดก็ลุยได้เลยค่ะ ... คนดีติว่ากลิ่นเห็ดแรงไปนิดนึง แต่ก็กวาดเกลี้ยงค่ะ


ซีซาร์สลัดกับพาร์ม่าแฮม ... จานนี้หล่ะค่ะ คือซีซาร์สลัดที่รอคอย น้ำสลัดกลมกล่อม ผักสดกรอบ พาร์ม่าแฮมเนื้อนุ่มหอมเค็มกำลังดี แม้แต่ขนมปังกรูตองที่โรยมายังรสดีเลยค่ะ ... ตักเข้าปากเคี้ยวก็อมยิ้มแก้มตุ่ยได้เลยค่ะ


ปิดท้ายด้วยจานหลัก คาโบนารา ตอนแรกกังวลว่าเนยนมจะเข้มข้นไปจนเลี่ยนรึเปล่า ... แต่ไม่เลยค่ะ หอม อร่อย กลมกล่อมกำลังดี ครีมข้นมันแต่กินได้เพลิน ... แบ่งกันสองคนได้กำลังดี ไม่เลี่ยนค่ะ


จัดการเกลี้ยงทุกอย่าง หัวใจที่ฟุบ เหี่ยว หุบ ไปเมื่อวันศุกร์ ก็กลับมาพองฟูม่ชีวิตชีวาอีกครั้ง ... คนดีเห็นเราหน้าบานเป็นกระด้งแล้ว เลยชวนไปเดินชมบรรยากาศลอยกระทงที่สวนเบญจศิริ เราที่ไม่ชอบคนเยอะๆ วุ่นวายแบบนี้ ยอมไปเดินเบียดคนได้โดยไม่บ่นค่ะ


แต่ไปเดินวนดูบรรยากาศนิดเดียว ก็ชวนกันกลับค่ะ ไม่ได้ลอยกระทง เพราะรู้สึกว่าต้องรอประธานในพิธีมาเปิดงานก่อนถึงจะลอยกระทงได้ ซึ่งไม่รู้ว่าจะเปิดพิธีตอนไหน ... เราเองไม่ได้ลอยกระทงมาหลายปีแล้ว และไม่ค่อยอินกับการลอยกระทงเท่าไหร่ เลยไม่รู้สึกอะไรค่ะ แค่เห็นบรรยากาศคึกคักก็พอแล้ว


แค่ภารกิจที่ตั้งใจมาสำเร็จสมหวัง ก็มีความสุขแล้วค่ะ ... บอกแล้วค่ะ ว่าเรื่องกินเรื่องใหญ่ แล้วกินของอร่อยเนี่ย เรื่องใหญ่มากค่ะ