หลังจาก
ตรวจแมมโมแกรม เจอก้อนเนื้อแปลกปลอม แล้วไปเช็คซ้ำเพื่อขอ
2nd-opinion และได้รับคำยืนยันว่าต้องผ่า ก็นัดวันผ่าทันที ... และแล้ววันที่นัดก็มาถึงค่ะ
คุณหมอนัดให้มาถึง รพ. ตอน 8 โมง เพื่อเตรียมตัวก่อนผ่าตัด ... คนดีพามาส่ง พร้อมมาให้กำลังใจใกล้ชิด เดินไปติดต่อ-ยื่นบัตรนัดที่ OPD ก่อน จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็พามาส่งที่หน้าห้องผ่าตัด เป็นการมาผ่าตัดแบบคนไข้เดินเฉิบๆ ชิลด์ๆ มาเองเลย
นั่งรอสักพัก คุณพยาบาลจากในห้องผ่าตัดก็ออกมาตามตัว ... ฝากกระเป๋าและของมีค่าทั้งหลายไว้กับคนดี แล้วก็เดินชิลด์เข้าห้องไปเปลี่ยนชุด แล้วก็นั่งรอถูกเรียกตัวเข้าห้อง
นั่งดูทีวีเพลินๆ คุณพยาบาลก็มาตามไปเข้าห้องผ่าตัด ขึ้นนอนรอบนเตียง แอร์เย็นเกิ้นนนนนน หนาวสุดๆ คุณพยาบาลเอาผ้าห่มมาคลุมไว้ให้หลายผืนระหว่างรอคุณหมอมาเช็ครอบสุดท้าย
ที่คุณหมอแจ้งไว้ทีแรก คือ ผ่าตัดเล็ก ฉีดยาชา ผ่าเช้าแล้วเย็นกลับได้เลย ... แต่เราขอใช้สิทธิประกันนอนค้าง 1 คืน ตามความต้องการของ หม่ามี้ คุณพิไล และคนดี ที่อยากให้ดูอาการหลังผ่าสักหน่อย
พอคุณหมอเข้ามาคลำเช็คก้อนเนื้อเพื่อมาร์คจุดก่อนผ่าจริง หลังจากก้มอ่านชาร์ทประวัติของเรา คุณหมอก็บอกว่า "ผ่าทั้งสองข้างเลยแล้วกัน ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว" ... แล้วก็หยิบปากกามาร์คจุด ข้างซ้ายที่คลำได้ชัด อยู่ที่ 12 นาฬิกา ส่วนข้างขวาเป็นก้อนแบนๆ คลำได้ไม่ชัดเท่าไหร่ อยู่ที่ 3 นาฬิกา
มาร์คจุดเรียบร้อย แขนสองข้างของเราก็ถูกตรึงยึดกับเตียง ข้างขวาหนีบเครื่องวัด ข้างซ้ายโดนเจาะน้ำเกลือ พร้อมกับให้ยานอนหลับ ... พยาบาลบอกว่าคุณหมอสั่งให้ยานอนหลับเลย ผ่าเสร็จก็คงตื่นพอดี ... มัดเรียบร้อย เจาะเข็มเรียบร้อย ก็กางฉากกั้นตรงหน้าเอาไว้ รู้ตัวแค่นี้ แป๊บเดียวก็หลับป๊อกเลยค่ะ
มาตื่นรู้สึกตัวอีกที ก็รู้ว่ายังผ่าไม่เสร็จ รู้ว่ายังมีอะไรขยุกขยิกอยู่ที่อกข้างขวา เลยสั่งตัวเองให้เข้าผวังค์หลับต่อดีกว่า ขืนตื่นมานอนฟังอย่างตั้งใจเกรงว่าจะหวาดเสียวเกินไป ... ตื่นอีกรอบก็ตอนผ่าตัดเรียบร้อยจริงๆ รู้สึกว่ามีผ้าปิดแผลแล้ว จากนั้นก็ถูกย้ายออกจากห้องผ่าตัด ไปห้องรอดูอาการที่อยู่ใกล้ๆ กัน
นอนกรอกตาดูนั่นนี่สักพัก คุณพยาบาลก็มาเช็คอาการว่าเป็นยังไงบ้าง เจ็บแผลมั้ย ตึงแผลรึเปล่า ... ทุกอย่างเรียบร้อย สบายดีค่ะ คุณพยาบาลก็ตามเจ้าหน้าที่มาพาไปส่งที่ห้องพัก
เพราะหม่ามี้เคยทำงานที่ รพ. นี้ เลยโทรติดต่อจองห้องพักฟื้นไว้ให้เรียบร้อย เลือกชั้นที่มีคุณน้า คุณอา ซึ่งคุ้นเคยกันดี ... ส่วนเราก็นอนกรอกตาดูนั่นนี่ไปเรื่อยๆ ระหว่างที่ถูกเข็นไปส่ง ... เอิ่มมมมม นอนบนเตียงที่เข็นเคลื่อนที่ไปมาแบบนี้นี่ ตาลายเหมือนกันแหะ
แป๊บเดียวก็ถึงห้องพักค่ะ คนดี กับ คุณพิไล มานั่งรออยู่ที่ห้องนี้เรียบร้อยแล้ว ... พอเจ้าหน้าที่มาส่ง และมาดูแลถามประวัติ ถามอาการเพิ่มเติม ก็ได้นอนพักเอกเขนก
คนดีถ่ายรูปเก็บภาพไว้ ว่าเราเป็นคนไข้ที่หน้าระรื่นเกิ้นนนนน หน้าตาเหมือนไม่ได้เพิ่งออกมาจากห้องผ่าตัด ... ก็มันไม่ได้เจ็บอะไรเลยนี่คะ หลับไม่รู้สึกตัว ตื่นมาก็เรียบร้อยแล้ว ไม่ได้เจ็บปวดอะไร มีตึงๆ แผลนิดเดียวเอง
แผลที่ผ่าตัดก็มองไม่เห็น เพราะมีผ้าก๊อซบังไว้ แล้วยังมีพลาสติดซีลปิดกันน้ำเข้าแปะไว้อีกชั้น แล้วจะให้ทุกข์ร้อนอะไรหล่ะคะ ... ยิ้มได้ สบายยยยยยย
เราเป็นคนไข้ที่ไม่เหมือนคนไข้ เพราะดูแลตัวเองได้ ขึ้น-ลงเตียงเองได้ ลากขวดน้ำเกลือเข้าห้องน้ำเองได้ ... ส่วนคนดีก็เป็นคนเฝ้าไข้ที่ไม่เหมือนคนเฝ้าไข้ เพราะหันไปเจอทีไร คนเฝ้าไข้หลับคอพับทุกที
นอนเอกเขนก อ่านหนังสือ ดูทีวี กินข้าว กินยา ตามเวลาที่เจ้าหน้าที่เอามาส่ง ... แค่คืนเดียวเท่านั้น คุณหมอก็มาตรวจดูอาการ แล้วบอกว่ากลับบ้านได้ ก่อนจะนัดวันมาตรวจดูแผลอีกรอบ
กลับบ้านแบบที่ไม่ได้เห็นแผลผ่าตัดของตัวเอง ใครถามไถ่อาการก็บอกไม่ได้ว่าแผลเป็นยังไง เพราะทั้งผ้าก๊อซและแผ่นพลาสติคยังซีลปิดแน่นหนาเหมือนเดิม ... คุณเจ้าหน้าที่บอกว่า ปิดแผลแบบนี้ อาบน้ำได้สบาย ไม่ต้องกลัวน้ำซึมเข้าแผล แต่ก็อย่าวางใจราดน้ำหรือใช้ฝักบัวรดแช่ไว้นานนัก ขอแค่ผ่านๆ พอ
รับทราบข้อปฏิบัติ รับยา ชำระเงินเรียบร้อย ก็เก็บข้าวของกลับบ้านได้ค่ะ ... 1 คืนใน รพ. เหมือนเปลี่ยนที่นอนมานอนเล่น แต่ไม่เหมือนเดิมตรงที่มีรอยแผลติดตัวเป็นที่ระลึกด้วย