13.10.54

ลุ้นบัตร Gannes 2

เป็นแฟนคลื่น Chill 89 กับ Greenwave 106.5 มานาน ฟังสลับกันไปมา ... ฟังตั้งแต่ยังเป็นคลื่น Bangkok Radio จนเปลี่ยนมาเป็น Banana ก่อนจะเป็น Chill ในปัจจุบันนี้


ไม่ได้ฟังเฉยๆ แต่ฟังแล้วร่วมเล่นเกม ร่วมกิจกรรมบ้าง ... กับ Greenwave นี่เล่นยังไงก็ลุ้นไม่ขึ้นสักที ไม่ได้ร่วมกิจกรรมอะไรด้วยเลย 


แต่ของ Bangkok Radio กับ Banana จนมา Chill ยังพอได้ลุ้นอะไรเล็กๆ น้อยๆ บ้าง ... แต่เป็นคนเล่นเกมแบบเลือกเล่น เลือกร่วมสนุกด้วย เฉพาะที่สนใจจริงๆ อยากไปจริงๆ ไม่ใช่เล่นดะไปทุกอย่าง


ได้ยินคลื่น Chill โปรโมทงาน Gannes Film & Music Festival 2 ... ดูรายละเอียด เช็ควันจัดงานแล้ว ก็ลองเล่นเกมสักหน่อย ว่าจะได้บัตรไปร่วมงานรึเปล่า



ลองเล่นเกมผ่านทางการส่ง sms เข้าไปแล้ว ไม่สำเร็จ ... อีกวันเลยลองเล่นผ่านทางหน้าเว็บไซท์ดูบ้าง เผื่อจะได้ลุ้น


ส่งคำตอบไปแล้ว ก็ลืมมมมมมมมม ... มานึกขึ้นได้ก็ผ่านมาหลายวันว่า น่าจะมีประกาศรายชื่อผู้โชคดีของวันที่เราเล่นเกมแล้ว ลองเข้าไปดูหน่อยดีกว่า


เปิดหน้าเว็บไชท์เข้าไปดู ก็อุทาน วี๊ดว๊าย จนคนดีตกใจหันมาถามว่าเป็นอะไร ... เลยหันไปส่งยิ้มหน้าบานบอกว่า เจอชื่อตัวเอง เป็นผู้โชคดีได้รับบัตรไปงาน Gannes 2 หล่ะ


แล้วก็ชวนคนดีว่า มามะ มามะ เรามาวางแผนเตรียมตัวไปเที่ยวเมืองกาญจน์กันเถอะ ... ได้บัตรเข้างานแล้ว เตรียมหาสถานที่ไปพักกันดีกว่า

8.10.54

ขึ้นเขียง กำจัดก้อนเนื้อแปลกปลอม

หลังจาก ตรวจแมมโมแกรม เจอก้อนเนื้อแปลกปลอม แล้วไปเช็คซ้ำเพื่อขอ 2nd-opinion และได้รับคำยืนยันว่าต้องผ่า ก็นัดวันผ่าทันที ... และแล้ววันที่นัดก็มาถึงค่ะ


คุณหมอนัดให้มาถึง รพ. ตอน 8 โมง เพื่อเตรียมตัวก่อนผ่าตัด ... คนดีพามาส่ง พร้อมมาให้กำลังใจใกล้ชิด เดินไปติดต่อ-ยื่นบัตรนัดที่ OPD ก่อน จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็พามาส่งที่หน้าห้องผ่าตัด เป็นการมาผ่าตัดแบบคนไข้เดินเฉิบๆ ชิลด์ๆ มาเองเลย


นั่งรอสักพัก คุณพยาบาลจากในห้องผ่าตัดก็ออกมาตามตัว ... ฝากกระเป๋าและของมีค่าทั้งหลายไว้กับคนดี แล้วก็เดินชิลด์เข้าห้องไปเปลี่ยนชุด แล้วก็นั่งรอถูกเรียกตัวเข้าห้อง


นั่งดูทีวีเพลินๆ คุณพยาบาลก็มาตามไปเข้าห้องผ่าตัด ขึ้นนอนรอบนเตียง แอร์เย็นเกิ้นนนนนน หนาวสุดๆ คุณพยาบาลเอาผ้าห่มมาคลุมไว้ให้หลายผืนระหว่างรอคุณหมอมาเช็ครอบสุดท้าย


ที่คุณหมอแจ้งไว้ทีแรก คือ ผ่าตัดเล็ก ฉีดยาชา ผ่าเช้าแล้วเย็นกลับได้เลย ... แต่เราขอใช้สิทธิประกันนอนค้าง 1 คืน ตามความต้องการของ หม่ามี้ คุณพิไล และคนดี ที่อยากให้ดูอาการหลังผ่าสักหน่อย


พอคุณหมอเข้ามาคลำเช็คก้อนเนื้อเพื่อมาร์คจุดก่อนผ่าจริง หลังจากก้มอ่านชาร์ทประวัติของเรา คุณหมอก็บอกว่า "ผ่าทั้งสองข้างเลยแล้วกัน ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว" ... แล้วก็หยิบปากกามาร์คจุด ข้างซ้ายที่คลำได้ชัด อยู่ที่ 12 นาฬิกา  ส่วนข้างขวาเป็นก้อนแบนๆ คลำได้ไม่ชัดเท่าไหร่ อยู่ที่ 3 นาฬิกา


มาร์คจุดเรียบร้อย แขนสองข้างของเราก็ถูกตรึงยึดกับเตียง ข้างขวาหนีบเครื่องวัด  ข้างซ้ายโดนเจาะน้ำเกลือ พร้อมกับให้ยานอนหลับ ... พยาบาลบอกว่าคุณหมอสั่งให้ยานอนหลับเลย ผ่าเสร็จก็คงตื่นพอดี ... มัดเรียบร้อย เจาะเข็มเรียบร้อย ก็กางฉากกั้นตรงหน้าเอาไว้ รู้ตัวแค่นี้ แป๊บเดียวก็หลับป๊อกเลยค่ะ


มาตื่นรู้สึกตัวอีกที ก็รู้ว่ายังผ่าไม่เสร็จ รู้ว่ายังมีอะไรขยุกขยิกอยู่ที่อกข้างขวา เลยสั่งตัวเองให้เข้าผวังค์หลับต่อดีกว่า ขืนตื่นมานอนฟังอย่างตั้งใจเกรงว่าจะหวาดเสียวเกินไป ... ตื่นอีกรอบก็ตอนผ่าตัดเรียบร้อยจริงๆ รู้สึกว่ามีผ้าปิดแผลแล้ว จากนั้นก็ถูกย้ายออกจากห้องผ่าตัด ไปห้องรอดูอาการที่อยู่ใกล้ๆ กัน


นอนกรอกตาดูนั่นนี่สักพัก คุณพยาบาลก็มาเช็คอาการว่าเป็นยังไงบ้าง เจ็บแผลมั้ย ตึงแผลรึเปล่า ... ทุกอย่างเรียบร้อย สบายดีค่ะ คุณพยาบาลก็ตามเจ้าหน้าที่มาพาไปส่งที่ห้องพัก


เพราะหม่ามี้เคยทำงานที่ รพ. นี้ เลยโทรติดต่อจองห้องพักฟื้นไว้ให้เรียบร้อย เลือกชั้นที่มีคุณน้า คุณอา ซึ่งคุ้นเคยกันดี ... ส่วนเราก็นอนกรอกตาดูนั่นนี่ไปเรื่อยๆ ระหว่างที่ถูกเข็นไปส่ง ... เอิ่มมมมม นอนบนเตียงที่เข็นเคลื่อนที่ไปมาแบบนี้นี่ ตาลายเหมือนกันแหะ


แป๊บเดียวก็ถึงห้องพักค่ะ คนดี กับ คุณพิไล มานั่งรออยู่ที่ห้องนี้เรียบร้อยแล้ว ... พอเจ้าหน้าที่มาส่ง และมาดูแลถามประวัติ ถามอาการเพิ่มเติม ก็ได้นอนพักเอกเขนก


คนดีถ่ายรูปเก็บภาพไว้ ว่าเราเป็นคนไข้ที่หน้าระรื่นเกิ้นนนนน หน้าตาเหมือนไม่ได้เพิ่งออกมาจากห้องผ่าตัด ... ก็มันไม่ได้เจ็บอะไรเลยนี่คะ หลับไม่รู้สึกตัว ตื่นมาก็เรียบร้อยแล้ว ไม่ได้เจ็บปวดอะไร มีตึงๆ แผลนิดเดียวเอง


แผลที่ผ่าตัดก็มองไม่เห็น เพราะมีผ้าก๊อซบังไว้ แล้วยังมีพลาสติดซีลปิดกันน้ำเข้าแปะไว้อีกชั้น แล้วจะให้ทุกข์ร้อนอะไรหล่ะคะ ... ยิ้มได้ สบายยยยยยย


เราเป็นคนไข้ที่ไม่เหมือนคนไข้ เพราะดูแลตัวเองได้  ขึ้น-ลงเตียงเองได้  ลากขวดน้ำเกลือเข้าห้องน้ำเองได้ ... ส่วนคนดีก็เป็นคนเฝ้าไข้ที่ไม่เหมือนคนเฝ้าไข้  เพราะหันไปเจอทีไร คนเฝ้าไข้หลับคอพับทุกที


นอนเอกเขนก อ่านหนังสือ ดูทีวี กินข้าว กินยา ตามเวลาที่เจ้าหน้าที่เอามาส่ง ... แค่คืนเดียวเท่านั้น คุณหมอก็มาตรวจดูอาการ แล้วบอกว่ากลับบ้านได้ ก่อนจะนัดวันมาตรวจดูแผลอีกรอบ


กลับบ้านแบบที่ไม่ได้เห็นแผลผ่าตัดของตัวเอง ใครถามไถ่อาการก็บอกไม่ได้ว่าแผลเป็นยังไง เพราะทั้งผ้าก๊อซและแผ่นพลาสติคยังซีลปิดแน่นหนาเหมือนเดิม ... คุณเจ้าหน้าที่บอกว่า ปิดแผลแบบนี้ อาบน้ำได้สบาย ไม่ต้องกลัวน้ำซึมเข้าแผล แต่ก็อย่าวางใจราดน้ำหรือใช้ฝักบัวรดแช่ไว้นานนัก ขอแค่ผ่านๆ พอ


รับทราบข้อปฏิบัติ  รับยา  ชำระเงินเรียบร้อย  ก็เก็บข้าวของกลับบ้านได้ค่ะ ... 1 คืนใน รพ. เหมือนเปลี่ยนที่นอนมานอนเล่น แต่ไม่เหมือนเดิมตรงที่มีรอยแผลติดตัวเป็นที่ระลึกด้วย

7.10.54

งานหนังสือ กับ แพรวแชริตี้ คอนเสิร์ท


เริ่มงานใหม่ได้แค่ 2 วัน ก็ออกตะแล๊ดแต๊ดแต๋แล้วค่ะ ถ้าไม่ไปต้องพลาดแน่ๆ แล้วเป็นงานที่ไม่อยากจะพลาดซะด้วย



งานแรกก็ งานมหกรรมหนังสือระดับชาติ หรือ Book Expo ประจำปี 54 หนอนหนังสือไม่พลาดแน่ๆ ... งานมีระหว่างวันที่ 5-16 ตุลา  ดูระยะเวลาแล้ว ถ้าไม่ไปวันนี้ อาจจะไม่ได้ไปเลยแน่ๆ เลยต้องออเซาะคนดีให้ช่วยพาไปหน่อยเหอะ


ที่ต้องอ้อนให้พาไป เพราะว่าออเซาะขอสวัสดิการพิเศษ สำหรับพนักงานเอาไว้ เป็นขอให้ซื้อหนังสือจากงานหนังสือที่มีปีละ 2 ครั้งเอาไว้ ... แล้วมีรายการนิยายของคุณปิยะพร ศักดิ์เกษมที่กำลังตามเก็บย้อนหลังอยู่ เลยรีบขอใช้สิทธิทันที


ได้หนังสือตาม wish list มาส่วนนึง แม้จะยังได้ไม่ครบ แต่ก็พอใจ ส่วนที่ขาดเก็บไว้รองานครั้งต่อๆ ไปก็ได้ ... ไปงานหนังสือแล้ว ก็ย้ายไปจุดหมายต่อไป งานแพรว แชริตี้ คอนเสิร์ท



งานจัดที่ Centerpoint Playhouse Central World ... นอกจากจะได้ดูคอนเสิร์ทแล้ว ยังได้ทำบุญด้วย และที่สำคัญจะได้เจอคนโปรด 2 คน


คนแรกก็ อ้อม สุนิสา ซึ่งรับหน้าที่พิธีกรตลอดงาน ... อิอิ แค่ขึ้นเวทีมา ก็ทำให้นั่งอมยิ้มแก้มตุ่ยแล้ว


เริ่มงานด้วยการมอบเงินบริจาคจากโครงการ แพรวแชริตี้ให้กับ 7 มูลนิธิ และ มอบรางวัล 10 Most Influential Women Of The Year เป็นการมอบรางวัลให้กับผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลในสาขาต่างๆ ... จากนั้นเหล่าศิลปินต่างๆ ก็ทยอยขึ้นเวที โชว์เพลงและการแสดง


ดูไปก็ลุ้นไปว่าใครจะขึ้นมาโชว์เพลงอะไรบ้าง ดูเพลินดีค่ะ ไม่ได้หวังว่าจะได้ฟังเพลงเพราะเวอร์ หรือโชว์เต็มรูปแบบ ... เป็นการดูไปยิ้มไป เพลินๆ


แล้วก็ได้ยิ้มแก้มเต่ง แก้มแตก เมื่อผู้ชายที่ชื่อ สหรัถ สังคปรีชา ขึ้นมาบนเวที ... หัวใจฟู นั่งฟังเพลงแบบยิ้มตาหยี เพราะหุบยิ้มไม่ได้


และยิ่งยิ้มกว้างงงงงงง มากขึ้นอีก เมื่อพิธีกรขึ้นมาพูดคุยกับศิลปิน ... อิอิ คนโปรด 2 คน มาอยู่บนเวทีเดียวกัน ฮิ้ววววว แล้วที่เซอร์ไพรส์สุดๆ ก็ตรงที่พี่ก้องชวนพี่อ้อม ร้องเพลงด้วยกัน ... นั่งฟังแบบหน้าบานด้วยความชอบใจเป็นที่สุด


คิดว่าช่วงแห่งความประทับใจที่สุดของคอนเสิร์ทจะผ่านไป เมื่อหมดช่วงนี้ แต่พอ วงมโหระทึกเป่าจินจง ขึ้นแสดงเท่านั้น ก็ตื่นตาตื่นใจและชอบใจมาก


คุณนพพล กับ คุณปรียานุช นำทีมพนักงานบริษัทเป่าจินจง ขึ้นโชว์การแสดงดนตรีไทยชุดใหญ่ เพราะ และ สนุกมากค่ะ ... แล้วเมื่อแขกรับเชิญพิเศษอย่าง พี่ป๊อด โมเดิร์นด็อก ขึ้นมาร่วมแจมด้วย โชว์ยิ่งน่าประทับใจที่สุด


นับเป็นคอนเสิร์ทที่ประทับใจมากกกกกกก และคุ้มมากกกกกกกกก เพราะได้ทำบุญ และได้ดูโชว์หลากหลายอารมณ์ แล้วยังได้เห็นนักร้องคนโปรด 2 คน ... หูยยยยยยย คุ้มเกินคุ้ม ค่ะ

5.10.54

งานใหม่ บทใหม่ของชีวิต

ใช้ชีวิตเป็นสาว PR Agency มา 13 ปี ... วันนี้เป็นวันแรกของการเริ่มงานใหม่ การใช้ชีวิตแบบใหม่ ที่ต่างไปจากเดิม


จริงๆ ต้องเริ่มงานตั้งแต่วันจันทร์ที่ 3 ตุลา แล้วหล่ะค่ะ แต่ว่าคนดีใจดี ให้เราเข้าไปช่วยน้องคนที่มารับงานต่อก่อน เพราะต้องสรุปเอกสารส่งบัญชีช่วงสิ้นเดือน-ต้นเดือน ... เมื่อเสาร์-อาทิตย์เราเข้าไปจัดการเอกสารของบริษัทคนดีไว้เรียบร้อยแล้ว


วันที่ 4 ก็ให้ไป รพ. ไปตรวจเรื่องก้อนเนื้อเต้านมซ้ำ ... แล้วก็ให้กลับบ้านเตรียมข้าวของ ย้ายไปทำงานที่บ้านคนดี


คนดีเปิดบริษัท ทำงานเองมาประมาณ 2 ปีแล้ว ใช้มุมนึงของบ้านตั้งโต๊ะทำงานเป็นออฟฟิศย่อมๆ ... ที่ผ่านมาทำเองทั้งหมด ดูแลเองทุกเรื่อง ทั้งลูกค้า ซัพพลายเออร์ แบบงาน ส่งของ ซ่อมงาน รวมไปถึงเรื่องเอกสารต่างๆ 


เราเข้ามารับหน้าที่ดูแลเอกสาร และอยู่ประจำออฟฟิศ เพื่อช่วยรับเรื่องต่างๆ ... ในเมื่อบ้านกับที่ทำงานอยู่ที่เดียวกัน เราเลยหอบเสื้อผ้าข้าวของย้ายมาประจำอยู่ที่บ้านคนดีซะเลย


จันทร์-ศุกร์ ทำงานและค้างอยู่ที่บ้านคนดี ไม่มีปัญหาเรื่องการเดินทาง เพราะไม่ต้องออกไปไหนเลย แค่เดินจากชั้น 4 ห้องนอน ลงมา ชั้น 2 ก็นั่งประจำโต๊ะทำงานได้แล้ว 


เรื่องอาหารการกิน ก็ไม่ต้องคิด มื้อเช้าฝากท้องไว้กับ 7-11 และร้านค้าใกล้ๆ ส่วนมื้อกลางวันกับมื้อเย็น อยู่ในความรับผิดชอบของโซ้ยอี้ น้าของคนดีที่จัดการอาหารให้สมาชิกในบ้านทุกคนอยู่แล้ว ... ไม่ต้องนึกเมนูว่าวันนี้จะกินอะไรดี เพราะมีคนคิดให้เสร็จเรียบร้อย


นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของชีวิต จากที่ต่างคนต่างทำงาน ต่างคนต่างอยู่บ้าน ก็กลายเป็นมาทำงานด้วยกัน อยู่บ้านเดียวกัน เจอหน้ากันเกือบ 24 ชม. ตลอด 7 วัน


เราขอคนดีกลับบ้านช่วงเสาร์-อาทิตย์ กลับมาจัดการเสื้อผ้าตัวเอง กลับมาอยู่ในพื้นที่ที่คุ้นเคย เพราะบ้านคนดีถึงจะสะดวกสบาย แต่ก็ไม่คุ้นเคยเหมือนบ้านเรา ... แต่จริงๆ ก็กลับมาอยู่บ้านแค่แป๊บเดียว วันเสาร์ก็ตะลอนไปกับคนดี กว่าจะเข้าบ้านก็เย็นย่ำค่ำแล้ว ... วันอาทิตย์จัดการเสื้อผ้าตัวเองทั้งวัน ค่ำๆ คนดีก็มารับ


นับเป็นบทใหม่ของชีวิตที่ต้องปรับ เปลี่ยน และทำความคุ้ยเคย ทั้งเรื่องงาน และชีวิตประจำวัน ... แต่การเปลี่ยนแปลงก็เป็นธรรมดาโลกที่เราต้องเจอะเจอและรับมืออยู่แล้ว

4.10.54

2nd opinion กับ ก้อนเนื้อแปลกปลอม

เมื่อ ตรวจเจอก้อนเนื้อ ก้อนเนื้อแปลกปลอมที่เต้านม ... ก็ต้องหาว่าจะจัดการกับเจ้าก้อนเนื้อนี้ยังไงดี


คุณหมอ ณ รพ. ที่ตรวจเจอบอกให้ตัดออก แต่เราไม่รีบร้อนผลีผลามทำทันที ... ในฐานะที่เป็นลูกอดีตพนักงาน รพ. เราต้องหา 2nd opinion ก่อนค่ะ แล้วจะมีที่ไหนเหมาะเท่า รพ.ที่เราคุ้นเคยตั้งแต่เป็นเด็ก


ปรึกษากับหม่ามี้ตั้งแต่ตอนตรวจเจอแล้วว่าจะไปพบคุณหมอคนไหนดี แต่ติดภารกิจโอนย้ายถ่ายงานให้น้องที่มารับงานต่อ เลยผลัดวันจะมาตรวจเรื่อยๆ ... จนเริ่มเดือนใหม่ ก่อนจะทำงานใหม่ เจ้านายใหม่ก็อนุมัติให้ไปตรวจก่อน


ถือฟิลม์เอ็กซเรย์ กับ รูปถ่ายจากอัลตราซาวน์ ติดมือไป รพ. ด้วย แจ้งเวชระเบียน ระบุคุณหมอ แล้วก็ไปนั่งรอที่หน้าห้องตรวจ ... ทั้งคุณหมอ และ ผู้ช่วยประจำห้อง ก็คุ้นเคยกันดี เพราะเห็นตั้งแต่เป็นเด็กอนุบาล ทักทายกันเรียบร้อยก็เริ่มตรวจ


หลังจากคุณหมอดูฟิลม์ ดูรูปถ่าย ซักถามเพิ่มเติม ก็ให้นอนบนเตียง แล้วคลำตรวจเพิ่ม ... คลำตรวจเสร็จปุ๊บคุณหมอก็บอกว่า "ต้องผ่านะ" 


หม่ามี้เล่าว่า เคยคลำเจอก้อนเนื้อ แล้วมาให้คุณหมอคลำเพิ่ม คุณหมอจ่ายยาให้ไปกินก่อน ก็ยุบหายไป ไม่ต้องผ่า ... แต่นี่คุณหมอคลำแล้วว่าผ่า หนูก็ผ่าค่ะ

คุณหมอถามเพิ่มเรื่องสิทธิประกัน แล้วก็นัดวันผ่ากันเลย ... คุณหมอบอกว่าผ่าตัดเล็ก ไม่ต้องนอนพักก็ได้ ผ่าเสร็จนอนสักพักก็กลับบ้านได้ แต่ถ้าสิทธิประกันระบุให้นอนก็นอนพักสักคืนก็ได้


เราเลยแจ้งขอใช้สิทธินอนค้างคืนไปก่อน แล้วให้เจ้าหน้าที่ของ รพ. ติดต่อกับบริษัทประกันว่าอนุมัติอะไร ยังไง แค่ไหน แล้วจะแจ้งเรื่องให้ทราบอีกที ... จากนั้นก็แวะกินข้าว และโทรแจ้งข่าวบอกหม่ามี้ บอกคนดีให้รู้


ทั้งหม่ามี้ คุณพิไล สว.ประจำบ้าน และ คนดี พอรู้คำวินิจฉัยของคุณหมอแล้ว ก็ลงมติว่านอนพักดูอาการสักคืนเถอะ ... ยังไงก็ได้ค่ะ รอฟังผลแจ้งจากเจ้าหน้าที่ รพ. ก็แล้วกัน ระหว่างนี้เตรียมตัวขึ้นเขียง


ลุ้นนิดๆ ตื่นเต้นหน่อยๆ แหะ