31.12.53

เที่ยวตลาดคลองสวน กับ The Tourist

ไม่ได้พานักท่องเที่ยวที่ไหนไปเที่ยว หรือ ไปเที่ยวกับเอเจนท์ทัวร์ที่ไหนหรอกค่ะ ... เพียงแต่รอบเช้าเที่ยวตลาด รอบค่ำดูหนัง เท่านั้นเองค่า


ทริปนี้จัดเป็นทริปเฉพาะกิจที่ฉุกละหุกอีกแล้ว ... เพราะคนดีอยากจะไปซื้อขนมเปี๊ยะเจ้าอร่อยที่ บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา มาเป็นของขวัญสวัสดีใหม่ให้ลูกค้า ... เลยชวนเราไปดูของซื้อของด้วยกัน


ไหนๆ ไปแล้ว คนดีเลยคิดว่าพาป๊าไปด้วยดีกว่า จะได้พาเที่ยวตลาดคลองสวน 100 ปีด้วยเลย ... พอชวนป๊า ก็เลยชวน พี่ และน้องๆ ในบ้าน รวมถึงโซ้ยอี๊ไปด้วย ... จากที่จะไปกัน 2 คน ก็เพิ่มมาเป็น 3 4 5 6 ....... สรุปได้ที่ 8 คน กับ บิ๊กเบิ้ม 1 คัน


ออกเดินทาง 8 โมงเช้า ตรงดิ่งยิงยาวไปตลาดคลองสวนเลย ... ถึงแล้วก็เดินชมตลาดสักหน่อย ก่อนจะไปแวะกินก๋วยเตี๋ยวเจ้าอร่อย ... อิ่มแล้วเดินชมตลาดต่ออีกนิด ก็เคลื่อนพลไปร้านขนมเปี๊ยะค่ะ


คนดีซื้อขนมเปี๊ยะหลายชุดตามรายการที่จดมา ... มากมายหลายชุดจนบิ๊กเบิ้มที่มีผู้โดยสารแน่นแล้ว ก็มีกล่องขนมเปี๊ยะแน่นล้นเพิ่มขึ้นมาอีก


ภารกิจจบเรียบร้อย ก็ยกพลกลับบ้านค่ะ ... เป็นทริปเฉพาะกิจที่ฉุกละหุกและรวดเร็วมาก เพราะบ่ายต้นๆ ก็กลับถึงบ้านแล้วค่ะ


บ่ายแก่ๆ เราก็ชวนคนดีออกไปดูหนัง เพราะอยากดูมากกกกกกก ถ้าไม่รีบดูเกรงว่าอาจจะพลาดได้ ... เช็ครอบหนัง หาโรงฉายใกล้บ้านคนดี แล้วก็ออกไปดูกันทันที


(ขอบคุณภาพโปสเตอร์ จาก movie.mthai.com)


The Tourist : ทริปลวงโลก ... แฟรงค์ นักท่องเที่ยวหนุ่ม เจอสาวพราวเสน่ห์ อีลีส เดินเข้ามาทักทายและนั่งร่วมโต๊ะบนขบวนรถไฟที่กำลังมุ่งหน้าไปเวนิส ... ภารกิจลับ และเรื่องราวซับซ้อน ก็เกิดขึ้นในชีวิตของแฟรงค์


เราสองคนชอบโจลี่ และ จอห์นนี่ เด็ปป์ เลยเพลินเพลินกับหนังเรื่องนี้ ... แต่ไม่รู้ว่าพี่เด็ปป์อินกับบท กัปตันแจ๊ค สแปร์โรว์ หรือ เราติดกับคาแรคเตอร์นั้น เลยมีบางช่วง บางวูบ ที่รู้สึกเผลอไผลว่าพี่เด็ปป์ เป็นกับตันแจ็ค ไม่ใช่แฟรงค์


ดูหนังจบก็ชวนกันกลับบ้าน มาเตรียมนับเวลาถอยหลัง รอเคาท์ดาวน์ด้วยกัน ... วันพรุ่งนี้เริ่มปีใหม่ ขอให้สดชื่น สดใส แล้วกันนะ :)

30.12.53

Big Birdy's Family Party

กลายเป็นธรรมเนียมประจำบ้านคนดีไปแล้ว ที่จะมีปาร์ตี้ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ... ปาร์ตี้เล็กๆ ทานข้าว จับสลากกันนิดหน่อย


ตอนแรกก็ไม่แน่ใจว่าจะมีปาร์ตี้รึเปล่า เพราะแผนเดิมตกลงกันไว้ว่าจะไปปฏิบัติธรรมส่งท้ายปีที่วัดสุนันท์ฯ ... พี่และน้องๆ ของคนดีก็ดูจะยุ่งๆ คนดีเลยนัดไว้วันที่ 30 ธันวา เป็นปาร์ตี้ล่วงหน้าก่อนวันส่งท้ายปีจริงๆ


พอดีที่หลังกลับจากเที่ยว คนดีป่วย ออกอาการหวัด มีไข้ น้ำมูกไหล เลยพับโครงการเข้าวัด เพราะเกรงว่าถ้าไปจะอาการหนักมากขึ้น ... เลยเตรียมตัวปาร์ตี้ได้เต็มที่


ปาร์ตี้เล็กๆ ที่มีสมาชิกประมาณ 14-15 คน ... งานเริ่มราวๆ หกโมงเย็น อาหารฝีมือโซ้ยอี๊ ที่หลานๆ รีเควสท์เมนูหลากหลาย ... สมาชิกพร้อมหน้าก็ล้อมวง กินกันอย่างเอร็ดอร่อย อิ่ม ถึงขั้นจุก


อิ่มจากของคาวแล้ว ยังมี เค้กนมสด เป็นของหวานปิดท้าย ... อิ่มมากถึงขั้นพุงตึง พุงเต่งกันเลย


พุงตึงแบบนี้ ก็ต้องย่อยด้วยการลุ้นจับสลาก ... เพราะปีนี้จัดปาร์ตี้แบบฉุกละหุก เวลาเตรียมของขวัญมีไม่มาก คนดีเลยเปลี่ยนกติกาใหม่ ด้วยการใช้เงินสดมาแทนของขวัญ


ใครสนใจจะร่วมจับสลาก ก็เปิดกระเป๋าหยิบสตางค์ไม่ต่ำกว่า 200 บาท มาให้คนดี ... แล้วคนดีก็จัดการแยกใส่ซองตามจำนวนคน มากบ้าง น้อยบ้าง ให้ได้ลุ้น


แล้วมีรางวัลพิเศษจากพี่ชายคนดี ที่ไม่ร่วมจับสลากด้วย ... แต่เตรียมเงินใส่ซองพิเศษมาให้ 3 ซอง ทำเอาน้า และน้องๆ ลุ้นกันตัวโก่ง


ตอนจับสลากว่าลุ้นแล้ว ... ตอนรางวัลพิเศษลุ้นหนักกว่าเดิม เพราะพี่ชายคนดีจับหมายเลขผู้โชคดีขึ้นมาทีละรางวัล 3 คน จาก 12 คน หน้าตาแต่ละคนลุ้นกันสุดๆ ... คนได้ไปก็เฮฮาหน้าบาน คนพลาดก็หน้าสลด หงอย เฉา


จบปาร์ตี้ปีใหม่แบบง่ายๆ แยกย้ายกันพักผ่อน กลับบ้าน ... วันพรุ่งนี้รวมตัวกันอีกรอบนึง คนดีมีทริปเฉพาะกิจพาสมาชิกตะลอนอีกแล้วค่ะ

28.12.53

ตามหาลมหนาว เขาค้อ-เชียงคาน #4

ย้อนดูกิจกรรมเมื่อวานได้ ที่นี่ ค่ะ


อรุณสวัสดิ์เชียงคานอีกวัน ... เดิมเราวางแผนไว้ว่าเช้าวันนี้จะไปตามหาทะเลหมอกที่ ภูทอก กันค่ะ แต่ไม่แน่ใจว่าจะได้เห็นทะเลหมอกมั้ย ไม่แน่ใจเส้นทางเพราะต้องขับขึ้นเขา และรถเราจอดอยู่ด้านใน ถ้าจะออกก็ต้องกวนเพื่อนร่วมโฮมสเตย์ ให้มาขยับรถให้แต่เช้า ... เราเลยเปลี่ยนแผนค่ะ


ตื่นเช้ามาใส่บาตรข้าวเหนียวอีกวันดีกว่า ... วันนี้ขอให้เตรียมข้าวเหนียวเพิ่มจากเมื่อวานด้วย เพราะที่นี่มีพระเดินรับบาตรเยอะมากกกก


เช้าวันนี้อากาศเย็นฉ่ำกว่าเช้าเมื่อวาน เห็นน้ำค้างเกาะพราวเต็มรถที่จอดไว้ และพอเราคุยกัน ก็มีไอลอยออกมาด้วย ... แสดงว่าวันนี้อากาศเย็นลงแน่ๆ วิ้ววววว


เสียดายที่เช้าวันนี้ร้านข้าวจี่ทอดไม่มาขาย เราเลยไม่มีของอร่อยรองท้องระหว่างรอ ... แล้วที่เห็นคนดีนั่งกุมหัวแบบนั้น ไม่ได้ง่วงนะคะ แต่หนาวค่ะ เพราะยิ่งเช้า อากาศก็ยิ่งเย็น แล้วหมอกก็เริ่มหนาขึ้นเรื่อยๆ


หลังจากใส่บาตรเสร็จ เราก็ชวนกันเดินไปชมตลาดเช้าของเชียงคานค่ะ ... จะไปตามชิมของอร่อย ยิ่งเดินไปก็ยิ่งเห็นว่า หมอกลงหนาแน่นทั่วเมือง


เดินไปถึงตลาดสบายๆ อากาศเย็นๆ ชื่นใจ บรรยากาศที่ตลาดคึกคัก มีพืชผักผลไม้มาขาย แต่เราไม่สนใจค่ะ ... เพราะจุดหมายของเราอยู่ที่ ปาท่องโก๋ยัดไส้


หาร้านไม่ยาก ป้ายใหญ่มองเห็นได้ง่าย ไปถึงหน้าร้านแล้วให้มองหาบัตรคิวตรงโต๊ะแล้วหยิบมาถือไว้เลยค่ะ ... ปาท่องโก๋เจ้านี้ ตัวอวบโต สอดไส้แน่น กินกับน้ำจิ้ม ... เปิดขาย ช่วงเช้ากับช่วงเย็นค่ะ ช่วงเช้ามีแค่ไส้เดียว แต่ถ้าเป็นช่วงเย็นมีให้เลือกหลายไส้ค่ะ


เราสองคนชิมแล้ว ไม่ถูกปากค่ะ เพราะแป้งมีกลิ่นยีสต์ค่อนข้างแรง แม้ตัวไส้จะอร่อย แต่กลิ่นแป้งทำเอาหมดอร่อยไปเยอะค่ะ ไม่รู้ว่าบังเอิญเป็นเฉพาะชุดที่เราสั่ง หรือว่าแป้งกลิ่นแรงแบบนี้ทุกอัน


อิ่มแล้วก็เดินกลับไปที่พัก แต่เปลี่ยนเส้นทางจากถนนศรีเชียงคาน เส้นหลัก ไปใช้ถนนชายโขงถนนคนเดินแทนค่ะ ... พอเดินไปถึงก็นึกขึ้นได้ว่ามีถนนเส้นที่ติดริมแม่น้ำโขงอยู่ เดินไปดูหน่อยดีกว่า


ภาพที่เห็นก็อย่างในรูปนี่หล่ะค่ะ วิวแม่น้ำโขงถูกหมอกบดบังจนมองลงไปไม่เห็นแม้แต่ริมตลิ่ง ... ว้าวววว ไม่ต้องขึ้นภูไปตามหาทะเลหมอก แต่หมอกลอยลงมาหาเราในเมืองเลย ชอบจังงงงงงงงง


ชื่นอกชื่นใจกับอากาศฉ่ำๆ และหมอกแน่นๆ แบบนี้แล้ว ก็กลับเข้าห้องพักอาบน้ำ แต่งตัว เก็บสัมภาระเตรียมเดินทางกลับค่ะ ... เวลาที่เชียงคานของเราหมดแล้ว เสียใจจัง ยังอยากอยู่ต่อ


แต่ก่อนจะร่ำลาเชียงคาน คนดีขอแวะร้านข้าวเปียกอีกรอบ ... เพราะอร่อยถูกใจ จนต้องมากินซ้ำ และซื้อกลับมาฝากที่บ้านค่ะ ใครไปเชียงคาน แนะนำว่าไม่ควรพลาดร้านข้าวเปียกซอย 10 ควรไปลองคะ


ท้องอิ่มแล้วก็เดินทางกลับ แต่ก่อนจะกลับ ขอแวะถ่ายรูปกับหลัก กม. สักหน่อย ... หลักกิโลของจริงริมทาง ที่ไม่ได้ทำจำลองไซส์ใหญ่ยักษ์ให้เป็นจุดถ่ายภาพ ... ถนนโล่ง รถไม่มาก แวะจอดถ่ายรูปได้สบายยย


ได้ภาพอย่างที่ตั้งใจแล้วก็ตรงดิ่งกลับบ้านกันค่ะ ... คนดีรับหน้าที่คนขับ ยิงยาวคนเดียวตลอดทาง


ขับยาว แวะพักเข้าห้องน้ำบางช่วง ... ก่อนจะแวะกินข้าวเที่ยงควบข้าวเย็นแถววิเชียรบุรีค่ะ แถวนี้มีไก่ย่างเป็นพระเอก แล้วมีร้านให้เลือกเยอะ มีทั้งร้านชื่อดังคุ้นหู และร้านที่ไม่คุ้นชื่อเลย


เราไปถึงเอาบ่ายแก่ๆ จวนจะเย็น แบบนี้ ร้านไหนๆ ก็โล่ง เลยเสี่ยงดวงสุ่มเลือกสักร้าน ที่ไม่ใช่ร้านดัง ... ได้ไก่ย่าง ส้มตำ ลาบหมู มาลอง ผลคือ อร่อยทุกจานค่ะ ... เสียดายที่จำชื่อร้านไม่ได้ แต่ยังพอจำพิกัดร้านได้เลาๆ ผ่านไปครั้งหน้าหวังว่าจะแวะถูกร้าน


คนได้เติมพลัง รถได้พัก ก็ตรงยาวกลับเข้ากรุงค่ะ ... พอดีที่ลาพักร้อนยาวช่วงปลายปี ทริปนี้เลยไม่อาลัยอาวรณ์นักตอนกลับเข้าเมือง


ทริปนี้ประทับใจเชียงคานมากค่ะ มากขนาดอยากจะกลับไปอีกรอบ ... เมืองเล็กๆ สงบ ผู้คนน่ารัก อากาศดี บรรยากาศดี หวังว่าเชียงคานจะเป็นแบบนี้ตลอดไป ไม่โดนมรสุมนักท่องเที่ยวแห่กันไปทำให้เสน่ห์ของเชียงคานต้องหายไป

27.12.53

ตามหาลมหนาว เขาค้อ-เชียงคาน #3

ย้อนดูกิจกรรมเมื่อวานได้ ที่นี่ ค่ะ


อรุณสวัสดิ์ เชียงคาน ... เป็นการมาเที่ยวที่ตื่นเช้าอีกวัน เพราะเราตั้งใจจะมาใส่บาตรข้าวเหนียวค่ะ ... การใส่บาตรข้าวเหนียวเป็น 1 ในกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวที่มาเมืองเชียงคานไม่ควรพลาด ... ถ้าพลาดไม่ได้ทำเรียกว่ามาไม่ถึงเชียงคานค่ะ


ปกติตามธรรมเนียมของคนเชียงคานจริงๆ จะใส่บาตรเฉพาะข้าวเหนียว เหมือนที่ลาวนะคะ ... แต่เพราะมีนักท่องเที่ยวต่างถิ่นไปนี่หล่ะค่ะ ถึงได้มีอาหาร และขนมมาให้ใส่เพิ่มด้วย ... ตามที่พักและร้านค้าต่างๆ มีบริการจัดชุดใส่บาตรให้ค่ะ ติดต่อได้เลย


ได้ชุดใส่บาตรแล้วก็ไปนั่งรอบนเสื่อที่ชุมชนปูไว้ได้เลยค่ะ ... ใกล้ๆ กับจุดที่เรานั่งรอมีแม่ค้ามาทอดข้าวจี่ขาย กลิ่นหอมหวลยั่วยวนเหลือเกิน คนดีเลยลุกไปซื้อมาลองชิม ... อร่อยยยยยยยยยยยยยยยย ... ถ้าใครไปเที่ยวเชียงคาน แล้วตื่นมาใส่บาตร และได้ทำเลแถว ซ.16 ถ้าเจอร้านข้าวจี่ทอด ให้ซื้อชิมนะคะ อย่าพลาด


ใส่บาตรเรียบร้อย ท้องเริ่มร้อง กำลังวางแผนว่าจะไปหาอะไรหม่ำดี ก็กลับมาเจอร้านอาหารอยู่หน้าบ้านพักเลย ... ลองชิมสักหน่อยแล้วกัน


ที่เห็นนี่คือ ข้าวปุ้นน้ำแจ่ว อาหารพื้นเมืองของเชียงคานค่ะ ... เป็นขนมจีนเส้นสด ใส่น้ำซุป เนื้อหมู เครื่องใน คล้ายๆ กับต้มเลือดหมูค่ะ ... ด้วยความที่เราไม่รู้ว่าเลือกใส่เฉพาะอย่างได้ พอนั่งทานไป เห็นมีคุณป้าบ้านใกล้ๆ เดินมาทานก็ใส่แค่บางอย่าง สักพักมีสาวน้อยมา ก็ใส่เฉพาะเส้นกับเนื้อหมู ไม่โรยผัก


ร้านนี้รับประกันความอร่อย โดยแม่ค้าร้านส้มตำกุมารทองที่เราไปทานเมื่อวานค่ะ ... ร้านนี้ชื่อ ข้าวปุ้นน้ำแจ่วป้านาง ขายอยู่ในซอย 16 ขายตั้งแต่ 6 โมงเช้า ราวๆ 10 โมงก็หมดแล้วค่ะ ... นอกจากร้านนี้ยังมีอีกหลายร้านที่ขายข้าวปุ้นน้ำแจ่วนะคะ ใครไปเชียงคาน ลองหาชิมค่ะ


ท้องอิ่มแล้วก็กลับเข้าห้องพัก งีบสักนิด ก่อนจะตื่นมาอาบน้ำแต่งตัว เตรียมออกไปตะลอนทัวร์กันค่ะ ... ตามแผนที่วางไว้ กะว่าจะเช่าจักรยาน ปั่นทั่วเมืองไหว้พระ 9 วัด ... แต่พอเดินไปเช่าจักรยานพี่ที่ร้านแนะนำว่า ให้ปั่นไปเที่ยวแก่งคุดคู้เลย


จริงๆ มีแผนจะไปแก่งคุดคู้เหมือนกันค่ะ แต่กะว่าจะขับรถไปช่วงบ่ายๆ หลังจากตระเวนไหว้พระเสร็จแล้ว ... แต่พอพี่เค้าแนะนำก็เลยสนใจ เพราะตอนนั้นสิบโมงนิดๆ อากาศยังเย็นสบาย เราสองคน ใส่เสื้อแขนยาว มีแว่นกันแดด หมวกพร้อม ... พี่เค้าบอกว่าแต่งตัวพร้อมแล้ว ไปเหอะ


เอ้าไปก็ไป ลองดู พี่เค้าบอกว่าระยะทางไม่ไกล ราวๆ 3 กิโล ... คิดซะว่าปั่นจักรยานออกกำลังกายแล้วกัน


แม้อากาศจะสบาย มีลมเย็นๆ พัดมา แต่ว่าแดดก็เปรี้ยงงงงงงงงง แม้จะใส่แขนยาวก็รู้สึกได้ว่าแดดเผาแขนซะแสบผิว ... ปั่นจักรยานเลาะริมถนนไป แล้วไปเลี้ยวเข้าซอย แล้วปั่นต่อไปอีกยาว


พอเห็นป้าย แก่งคุดคู้ แล้วดีใจ๊ ดีใจค่ะ ... หาที่จอดจักรยาน แล้วลงไปเดินพัก เพราะเมื่อยก้นจะแย่ เดินไปชมวิวแก่งหิน ถ่ายรูป ... พี่ร้านเช่าจักรยานแนะนำว่าให้ทานอาหารกลางวันที่นี่เลย ตอนได้ยินก็คิดว่าจะล่องเรือชมวิว แล้วค่อยทานมื้อเที่ยง ... แต่พอคิดดีดี ถ้าล่องเรือก็ร่วมชั่วโมง กินข้าวอีก กว่าจะเสร็จคงบ่ายต้นๆ แดดยิ่งแรง กว่าจะปั่นจักรยานกลับไปถึงคงแขนไหม้ ... เลยเปลี่ยนใจ ชวนกันเดินซื้อของฝาก แล้วก็ปั่นกลับเข้าตัวเมืองกันค่ะ


ของฝากขึ้นชื่อของที่นี่คือ มะพร้าวแก้ว ค่ะ มีให้เลือกมากมายหลายร้าน และมีให้เลือกหลายเกรด เลือกซื้อตามชอบใจค่ะ ... ใครชอบนิ่มๆ เลือกเกรด A แต่ถ้าใครชอบแบบเนื้อแข็งหน่อยก็เลือกเกรด B ค่ะ


ปั่นจักรยานกลับเข้าตัวเมือง เอาประดาของฝากที่ซื้อมาไปเก็บที่พัก แล้วออกมาปั่นจักรยานไหว้พระกันค่ะ ... ในเมืองเชียงคานมีวัดเยอะมากกกกกกกกก แต่ละวัดมีศิลปะที่แตกต่างกันไป ทั้งแบบล้านนา ล้านช้าง และแบบผสมผสาน ระหว่างล้านนากับรัตนโกสินทร์


การเข้าไปกราบพระในโบสถ์ แล้วนั่งนิ่งๆ ชมศิลปะและความงามของโบสถ์แต่ละแห่ง ... ทำให้ใจสงบ และเย็นได้จริงๆ นะคะ


ระหว่างตะลอนไหว้พระ ก็ต้องเติมพลังให้มีแรงปั่นจักรยานด้วยค่ะ ... แล้วที่เชียงคานก็มีอาหารพื้นเมือง ที่น่าลองเยอะซะด้วย


จานแรกคือ จุ่มนัวยายพัด หน้าตากับรสชาติคล้ายสุกี้ค่ะ เพียงแต่เราเลือกได้ว่าจะเอาเส้นอะไร จะเป็นเส้นหมี่ เส้นใหญ่ เป็นมื้อเบาๆ สบายท้อง ... จานต่อมา ข้าวเปียก เราตั้งใจไว้เลยว่าจะต้องชิมให้ได้ เพราะส่วนตัวชอบก๋วยจั๊บญวนค่ะ จานนี้เหมือนกันเลย แต่ของร้านนี้ น้ำซุปกลมกล่อม แล้วเส้นก็นุ่มเหนียวเคี้ยวมัน ... อร่อยขนาดที่คนดีตักคำแรกเข้าปากแล้วตาโตเป็นไข่ห่าน และร่ำร้องอยากจะมากินอีก


ราวๆ บ่ายสามโมง เราสองคนก็เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าเกิน ... กลับเข้าที่พัก ของีบชาร์จพลังสักหน่อย


พอใกล้ๆ ห้าโมงเย็น ก็ออกมาเดินสำรวจตลาดกันค่ะ ออกมาถ่ายรูปเล่น พร้อมหมายตามื้อเย็นของวันนี้ ... ร้านของฝาก ร้านของที่ระลึก ร้านเสื้อผ้า ร้านกาแฟ ที่เชียงคาน มีมุมให้ถ่ายรูปเล่นได้ตลอดทาง ... ชื่อร้านส่วนใหญ่ก็เกี่ยวกับ เลย คาน นี่หล่ะค่ะ


แต่ที่เป็นเอกลักษณ์ของเชียงคาน ก็คือ บ้านโบราณที่คนดีไปยืนถ่ายรูปด้วยนั่นหล่ะค่ะ ... เป็นบ้านที่เก่าแก่ที่สุดในย่านนี้ เป็นการผสมผสานระหว่างศิลปะของฝรั่งเศสกับลาว ด้านล่างเป็นปูนก่ออิฐฉาบเรียบ ด้านบนเป็นไม้สาน แล้วฉาบด้วยปูนขาว ... ดูสวย และขลัง


เดินเล่นแล้ว ก็ได้เวลาหม่ำค่ะ ... คนดีติดใจ หมูย่างนมสด จากที่ได้ชิมเมื่อวานจนหมายใจว่าจะต้องกินให้ได้ แล้วจับคู่กินกับ ข้าวจี่ แทนข้าวเหนียวนึ่งแบบธรรมดา ... ส่วนเราติดใจ ขนมปังบาแกตต์ สอดไส้ที่ได้ลอง พอเดินผ่านเห็นร้านเพิ่งเปิดก็จองกับแม่ค้าไว้ทันที


หมูย่างน้ำจิ้มแซ่บ ที่เห็นในรูปนี่ น้ำจิ้มแซ่บเด็ดขาดจริงๆ ค่ะ เนื้อหมูก็นุ่ม ... ส่วน ผัดไทย ก็ใช้ได้ ถ้ารสเข้มกว่านี้อีกหน่อยจะเริ่ดมากก ... นอกจากที่เห็นนี่ยังมีอีกหลายเมนูที่ลองชิมค่ะ ชิมกันเยอะ จนครูแดงเจ้าของโฮมสเตย์ทักว่ากินกันเก่งจริงๆ


อิ่มพุงเต่งมากกกกกกกกกกกกกกก ถ้าอยู่เชียงคานสักอาทิตย์คงตัวฟูหนานุ่มกว่านี้แน่ๆ ... กินอิ่มๆ อากาศสบายๆ จะมีอะไรดีกว่า เอนหลังอ่านหนังสือ แล้วเตรียมตัวเข้านอน


วันพรุ่งนี้ วันสุดท้ายแล้ว โปรแกรมจะเป็นยังไง รอติดตามนะคะ

26.12.53

ตามหาลมหนาว เขาค้อ-เชียงคาน #2

ย้อนดูกิจกรรมเมื่อวาน ได้ ที่นี่ ค่ะ


เมื่อวานเข้านอนแต่หัวค่ำ แม้จะนอนเต้นท์ อากาศหนาว แต่ก็นับว่าหลับสบายประมาณนึงค่ะ ... แต่ไม่สบายใจตรงที่ได้ยินเสียงลมพัดตึงๆๆๆๆ ... ตื่นไปเข้าห้องน้ำเกือบๆ ตีหนึ่ง เล็งแล้วว่ามีหมอกจางๆ บางๆ ก่อตัวอยู่ด้านล่าง แต่พอใกล้เช้าลมพัดแรง


ตื่นมาตอนตีห้า ชะโงกหน้าดู ไม่มีวี่แววของหมอกหลงเหลืออยู่เลย มีแต่ลมพัดเย็นยะเยือก ... เสียใจ งั้นมุดเข้ามานอนคุดคู้อยู่ในผ้าห่มต่อดีกว่า


เกือบๆ 7 โมง ก็ลุกมาอาบน้ำแต่งตัว ... แม้จะมีเครื่องทำน้ำอุ่น แต่น้ำก็เย็นฉ่ำ อาบน้ำไปกระโดดย่องแย่งไป แม้จะหนาว แต่ก็สดชื่นดีค่ะ


แต่งตัว เก็บสัมภาระ เคลียร์เต้นท์เรียบร้อย ก็มาหม่ำอาหารเช้ากันค่ะ ... ข้าวต้มเห็ดหอมหมูสับ อร่อยยยยย อิ่มแล้วถ่ายรูปเล่นอีกนิด ก็ออกเดินทางตะลอนกันต่อค่ะ


แวะสักการะพระธาตุ ที่ พระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก ... แวะซื้อข้าวชาวเขาเป็นของฝาก แล้วก็มุ่งหน้าไปต่อค่ะ ตั้งใจว่าจะไปทุ่งแสลงหลวง แต่ไม่แน่ใจว่าจะใช้เวลาเดินทางนานแค่ไหน เลยเปลี่ยนแผน แวะเที่ยวตามทางผ่านดีกว่า


จุดแรกก็ ไร่บีเอ็น ไร่ของเอกชนที่มีพืชผักผลไม้นานาชนิด ... ให้เลือกชม และเลือกซื้อ เป็นจุดซื้อของฝากที่น่าสนใจของเขาค้ออีกจุด


เราไม่ได้สนใจของฝาก แต่สนใจประชาสัมพันธ์พิเศษของที่นี่ค่ะ ... เจ้าโกลเด้นตัวใหญ่ยักษ์ที่เห็นนี่หล่ะค่ะ จำชื่อไม่ได้แล้วว่าชื่ออะไร แต่นอนตัวอวบเต่งอยู่ริมทาง ใครเห็นเข้าก็วี๊ดว๊าย ทักทาย ขอถ่ายรูปด้วยเป็นแถว


ขับรถชมวิวไปเรื่อยๆ จนไปแวะพักตรง Route 12 ร้านกาแฟเก๋ๆ เหมือนปั๊มน้ำมันสไตล์อเมริกัน ริมทางหลวงหมายเลข 12... สังเกตป้ายสีสันสดใสของร้านของฝากของเขาค้อทะเลภูได้ค่ะ


แวะจอดพัก ลงไปถ่ายรูป รับลม ชมวิวสวยๆ ... ที่นี่มีลานกว้าง ที่ลมพัดแรงมากกกกกกก แรงขนาดทำเราสองคนเซได้ เป็นการถ่ายรูปที่ลำบากมาก ต้องยืนปักหลักให้ดี แล้วลมพัดผมปลิวกระเซอะกระเซิง


ถ่ายรูปจุใจแล้วก็อุดหนุนกันหน่อยค่ะ ... เราเลือกทานมื้อเที่ยงล่วงหน้าที่นี่เลย เพราะไม่แน่ใจว่าระหว่างทางที่ไปจะเป็นยังไง มีอะไรให้กินรึเปล่า งั้นรองท้องซะที่นี่เลยดีกว่า


เลือกเมนูเบาๆ สปาเกตตี้ซอสหมู กับ ยำเห็ด ... อาหารอร่อย แล้วยังมีวิวสวยๆ ให้ดูเพลินๆ สบายตา สบายท้อง สบายใจ


ท้องอิ่มแล้วก็ไปกันต่อค่ะ ... ตรงดิ่งไปเชียงคานเลย ขับไปตามเส้นทางเลาะเลียบเขา จริงๆ ระยะทาง เขาค้อ-เชียงคาน ไม่ไกลมากนัก แต่เส้นทงที่ไปวิ่งเลียบไปตามเขา แม้จะถนนดี แต่ก็ทำเวลาได้ไม่มากนัก เพราะวกไปวนมา พอเจอรถใหญ่ก็ต้องเกาะกันเป็นขบวนกว่าจะหาทางแซงได้


ออกจากเขาค้อตอนเที่ยงนิดๆ ไปถึงเชียงคานก็บ่ายสามโมงกว่า ... ทั้งคนขับ ทั้งเนฯ มึนทางบนเขากันทั้งคู่ รีบเข้าที่พักกันอย่างรวดเร็ว


ถนนที่เชียงคานเป็นถนนเล็กๆ ไม่สลับซับซ้อน ... ที่พักของเราไม่ได้อยู่ติดริมถนนชายโขง ที่ช่วงเย็นเปิดเป็นถนนคนเดิน แต่เข้ามาในซอยศรีเชียงคาน 16 นิดเดียวค่ะ


ถึงแล้วค่ะ "บ้านครูแดงโฮมสเตย์" โฮมสเตย์ที่มีที่จอดรถ พาบิ๊กเบิ้มมาจอดได้อย่างสบายใจ เราไปถึงก็เข้าจอดรถได้เลย ... สักพักก็มีรถของลูกค้ากลุ่มอื่นทยอยมาจอดเพิ่มจนเต็ม


เราได้ห้องพักชั้นล่างในส่วนที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ อยู่ติดริมรั้วด้านหน้า ... ขนาดห้องกว้างขวาง สะดวกสบาย มีห้องน้ำในตัวพร้อม แม้ห้องน้ำจะเล็กไปนิด แต่ก็มีเครื่องทำน้ำอุ่นให้อาบได้สบายใจ ไม่หนาวสะท้าน


สำรวจห้องพัก ขนสัมภาระเข้ามาจัดเรียบร้อย ... ก็ได้เวลาออกสำรวจเมืองเชียงคานกันค่ะ


กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ระหกระเหินผ่านเขามาหลายตลบ หาส้มตำมาไล่อาการมึนๆ วิ้งๆ ดีกว่า ... เปิดโพยที่จดมา แล้วเดินไปซ. 17 ร้านส้มตำกุมารทอง ที่อยู่ซอยใกล้ๆ ซอยที่พัก


ร้านไม่ได้อยู่ติดริมแม่น้ำโขงนะคะ อยู่ค่อนมาเกือบจะกลางซอย ... เป็นร้านอาหารในบ้านนั่นหล่ะค่ะ มีส้มตำให้เลือกหลายแบบ เราเลือก ตำซั่วเส้น (รูปซ้าย) ... แล้วสั่งไก่ย่างอีกจาน กะมารองท้อง ก่อนที่จะเดินเล่น เดินชิมอาหารที่ขายอยู่ริมทาง


หน้าตาดูแปลกๆ เพราะมีแต่สีเขียวๆ แต่ตักเข้าปากคำแรก แสงพุ่งวิ้งๆๆ อร่อยมากกกกกกก ... เส้นขนมจีนแบบสด เหนียวหนึบๆ เด้งดึ๋งในปาก เคี้ยวอร่อยมาก ... เราสองคนตักกันหนุบหนับ คนดีติดใจจนเดินไปสั่งเพิ่ม แต่เส้นขนมจีนหมดแล้ว เลยลองสั่ง ตำด๋องแด๋ง (รูปขวา) มาลอง ... เส้นเหมือนเกี้ยมอี๋ค่ะ แปลกดี


อิ่ม อร่อย ถูกใจ ก็กลับเข้าห้องพักให้คนขับได้พักงีบให้หายเหนื่อยก่อน ... คนดีหลับ ส่วนเราออกไปเดินสำรวจตลาดดูก่อน


พอแดดร่มลมตก เวลาดี คนดีฟื้นจากการหลับสลบ ก็ออกไปเดินเล่น เดินชม เดินชิม กันค่ะ ... ถนนชายโขงเต็มไปด้วยร้านรวงเก๋ๆ ทั้งขายกาแฟ ขายอาหาร ขายเสื้อผ้า ขายของฝากของที่ระลึก


ส่วนที่ถูกใจเราสองคนก็ไม่พ้น ร้านอาหารเล็กๆ น้อยๆ ริมทางนี่หล่ะค่ะ ... เดินซื้อ เดินชิมไปเรื่อย


No.1 เป็นน้ำแข็งไสหน้าผลไม้ คล้ายกับไอซ์มอนสเตอร์ คนดีอยากได้อะไรเย็นๆ ชื่นใจค่ะ


No.2 หมูย่างนมสด เป็นหมูบดปรุงรสปั้นเป็นแผ่นๆ ย่าง เห็นหน้าตาแปลกเลยซื้อลองชิมคนละไม้ ปรากฎว่า อร่อยมากกกกกก


No.3 กุ้งย่าง กุ้งตัวเล็กๆ เสียบไม้ย่าง รสชาติคล้ายกุ้งเสียบที่ภูเก็ดค่ะ อร่อยดี แล้วยังมีแบบคลุกแป้งทอดด้วยนะคะ สั่งมาลองชิมเหมือนกัน เคี้ยวเพลินนนน


No.4 เป็นขนมปังบาแกตต์ ใส่ไส้ตับบด หมูยอ แตงกวา มะละกอดองอันนี้ก็อร่อยยยยยย ... เราที่โปรดปรานตับบดอยู่แล้ว ติดใจสุดๆ


No.5 ข้าวโพดคลุก ... เมนูนี้ของคนดีค่ะ ไม่ได้ชิมเลยตอบไม่ได้ว่าอร่อยมั้ย แต่ก็น่าจะอร่อยหล่ะค่ะ


จำไม่ได้ว่าแวะชิมอะไรนอกเหนือจากนี้อีกรึเปล่า เพราะถ่ายรูปบ้าง ไม่ได้ถ่ายบ้าง มัวแต่ตื่นตาตื่นใจ ... อากาศเย็นๆ เดินสบาย แล้วมีของกินเรียงราย เพลินนนนนนนนน


เดินชมตลาดจนอิ่มก็เข้าที่พักค่ะ ... นอนพักเอาแรง เตรียมพร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้ โปรแกรมจะเป็นยังไงยังไม่รู้เลยค่ะ พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน


ตามไปดูโปรแกมวันพรุ่งนี้ ที่นี่ ค่ะ

25.12.53

ตามหาลมหนาว เขาค้อ-เชียงคาน #1

ลาพักร้อน ฤดูหนาว ที่อากาศร้อนมากกว่าหนาว ไปตามหาลมหนาวกันดีกว่าค่ะ ... ทริปนี้จัดเป็น ฉุกละหุกทริป เพราะเกิดขึ้นแบบปุบปับ ไม่ได้วางแผนล่วงหน้าอย่างเคยๆ


พอเราเปรยอยากเจอลมหนาว คนดีเลยถามว่าจะไปเที่ยวปลายปีกันมั้ย ... เราขี้เกียจคิด และไม่แน่ใจว่าจะลาพักร้อนได้รึเปล่า เลยบอกคนดีให้คิดทางเลือกมาเสนอแล้วกัน ขอไปลาพักร้อนก่อน


ใบลาพักร้อนอนุมัติแล้ว แต่จะไปเที่ยวไหนดีหล่ะ ... มีตัวเลือกโผล่มาหลายทาง ค่อยๆ ตัดทิ้งไปทีละจุด สุดท้ายมาลงตัวที่ เขาค้อ-เชียงคาน ... เพราะอยากจะไปเชียงคานนานแล้ว แต่ช่วงนี้เชียงคานบูมเหลือเกิน เราจะหาที่พักได้มั้ยน้ออออออ


โทรเช็คที่พักอยู่หลายที่ คำตอบที่ได้คือ เต็ม เต็ม เต็ม ... ทำใจไว้แล้ว เพราะเช็คที่พักล่วงหน้าแค่ 2 สัปดาห์ แล้วยังเป็นไฮซีซั่น คริสต์มาส-ปีใหม่ด้วย ... กะว่าถ้าไม่มีก็จะยกเลิกแผนแล้ว แต่บังเอิญเจอโฮมสเตย์ที่มีห้องว่างสำหรับ 2 ชีวิตอยู่พอดี


ได้ที่พักเชียงคานแล้ว แผนเที่ยวก็เดินหน้าลุยต่อได้เลย ... แต่ต้องปรับแผนสักนิด เพราะจากที่จะชวนพรรคพวกไปด้วย ก็ต้องไปกัน 2 คน เพราะห้องพักไม่มี ... ได้ห้องพักที่เชียงคานแล้ว ก็ตามหาห้องพักที่เขาค้อต่อ ผลออกมาเหมือนกันคือ เต็ม เต็ม เต็ม ... เอ้า ไม่มีห้องนอนเต้นท์ก็ได้


หาที่พักได้พร้อมแล้ว งั้นเก็บกระเป๋าเตรียมเที่ยวกันดีกว่า ... แต่เกิดปัญหาจัดเสื้อผ้าไม่ถูกค่ะ เพราะกะอากาศไม่ถูก คิดว่าคงเจออากาศเย็นแน่ๆ แต่ไม่แน่ใจว่าจะเย็นแค่ไหน เลยงงๆ ว่าจะเอาเสื้อประมาณไหนไปดี ... จัดกระเป๋าเสร็จเอาวินาทีสุดท้ายจริงๆ จัดแบบงงๆ ไม่มั่นใจว่าลืมอะไรรึเปล่า


คนพร้อม รถพร้อม สัมภาระพร้อม ก็ออกเดินทางกันเลยค่ะ ... ล้อหมุนตอน 8 โมง จัดการมื้อเช้าข้าวเหนียวหมูฝอย หมูแผ่น บนรถ ระหว่างมุ่งหน้าไปตามเส้นทาง ปทุมธานี-อยุธยา-สระบุรี-ลพบุรี


ขับไปเรื่อยๆ สบายๆ ไม่รีบร้อนตามสไตล์คนดี ส่วนเราก็ทำหน้าที่เนฯ แบบงง เดาๆ ไปตามความทรงจำอันเลือนราง ... เพราะเคยไปเขาค้อแล้ว พอจำทางได้บ้าง


จำได้ลางๆ ว่าทางที่ผ่านจะมีทุ่งทานตะวัน แต่ไม่แน่ใจว่ายังมีอยู่มั้ย หรืออยู่ตรงไหนกันแน่ ... ระหว่างนั่งเพลินๆ ก็เห็นทุ่งทานตะวันพอดี ให้คนดีจอดรถทันทีค่ะ


สิบโมงกว่าๆ แดดเปรี้ยงงงงงงง แต่ยังมีลมเย็นๆ พัดมาให้ชื่นใจ ... เราสองคนลงไปเดินเล่น ถ่ายรูปกันสักพัก ก็กลับขึ้นรถมุ่งหน้าไปกันต่อ


ไปเรื่อยๆ จนเข้าเพชรบูรณ์ เราก็แวะกินข้าวเที่ยงที่เลทมาบ่ายกว่าๆ กันที่ ... ร้านขนมจีนโบราณบ้านคุณตา


ขนมจีนหลากสี น้ำยา น้ำเงี้ยว ทอดมัน และส้มตำ ... ขนมจีนอร่อย ส้มตำใช้ได้ แต่ส้มตำไม่ผ่านค่ะ เป็นมื้อที่อิ่มกำลังสบาย


อิ่มแล้วก็เดินทางกันต่อ ไปอีกนิดนึงก็เข้าเขตเขาค้อแล้วค่ะ ... ขับรถวกวนขึ้นเขาแบบลุ้นๆ เพราะทางไม่คุ้น และเป็นทริปแรกของบิ๊กเบิ้มที่จะขึ้นเขา คนดีเองยังไม่คุ้นมือนัก


ดูแผนที่ตามเส้นทางไปไม่ไกลนักก็ถึงทางเข้าที่พักค่ะ ... ภูอาบหมอก เราโทรมาสอบถามเรื่องเต้นท์แล้ว แต่ยังไม่ได้โอนเงินจองไว้


มาถึงรีบแจ้งพนักงาน แล้วเดินไปจับจองเต้นท์ก่อนค่ะ ... ตอนแรกตั้งใจว่า แวะเข้าที่พักก่อน แล้วออกไปเที่ยวค่ำๆ ค่อยกลับเข้ามา แต่พอมาเห็นที่พักแล้ว เปลี่ยนใจ ปักหลักนอนเล่นกลิ้งไปกลิ้งมาหน้าเต้นท์ดีกว่า


อากาศดี มีแดดก็จริง แต่ลมเย็นสบาย เช่าเสื่อมาปูนอนอ่านหนังสือ กินขนม ชมวิว เพลินๆ ... ราวๆ ห้าโมงเย็น ก็รีบไปอาบน้ำค่ะ เพราะอากาศเย็นลงเรื่อยๆ และมีแขกทยอยมาเพิ่มขึ้น ไม่อยากแย่งห้องน้ำช่วงค่ำ


อาบน้ำเรียบร้อย ก็สั่งอาหารจากห้องอาหารมานั่งทานหน้าเต้นท์ ... เรามีข้าวเหนียวหมูฝอย หมูแผ่น ตุนมาอยู่แล้ว เลยสั่ง ผัดยอดฟักแม้ว กับ แกงจืดเห็ดหอม มาเพิ่ม


ผัดผักอร่อย แต่แกงจืดจืดไปนิด ... กินเพลินๆ ดูวิวอาทิตย์ลับฟ้าไปด้วย บรรยากาศดี อากาศเย็นฉ่ำ มีความสุขที่ซู้ดดดด


กินอิ่มแล้วก็นิ่งค่ะ เพราะไม่รู้จะทำอะไรดี มีทีวีให้ดูที่ห้องอาหาร แต่ยุงก็เยอะพอควร และอากาศเย็นลงเรื่อยๆ จัดว่าหนาวเลยหล่ะค่ะ ... เลยตัดสินใจเข้าเต้นท์นอนซุกตัวในผ้าห่ม เล่นเกม Nintendo ที่ติดมาดีกว่า


นอนแต่หัวค่ำ จะได้ตื่นแต่เช้ามืดมาดูทะเลหมอก ... ถ้าคืนนี้ลมไม่แรง พรุ่งนี้เช้าเราคงได้เห็นหมอกเต็มๆ ตาแน่ๆ ... ตอนนี้ขอไปหลับฝันถึงทะเลหมอกก่อนแล้วกัน
วันพรุ่งนี้จะได้เจอทะเลหมอกรึเปล่า ตามไปดูได้ ที่นี่ค่ะ

24.12.53

ผมใหม่ ทรงเดิม อีกครั้ง

จวนจะหมดปีเก่า เตรียมจะขึ้นปีใหม่ ก็น่าจะทำอะไรใหม่ๆ ให้ตัวเองสดใสพร้อมรับปีใหม่ ... ง่ายที่สุดก็คือ "ตัดผม" ค่ะ


คนดีตัดผมครั้ง ล่าสุด เมื่อตุลาคม ผ่านมา 2 เดือน ผมก็ยาวเพิ่มพอสมควร แม้จะยังไม่กระเซอะกระเซิง แต่ก็เซ็ทผมยากแล้ว ... เพราะฉะนั้น ตัดผมกันดีกว่า หยิบมือถือ โทรจองคิวเรียบร้อย


ระยะหลังเราตามคนดีไปนั่งให้กำลังใจเฉยๆ แต่คราวนี้ขอนัดคิวตัดด้วยอีกคน ... ถึงร้าน แจ้งนัด นั่งรอสักพัก เราก็ถูกเรียกไปสระผม เพราะผมยาวกว่า และจะทำทรีทเม้นท์ด้วย


ระหว่างที่เรามีช่างมาวุ่นวายทำทรีทเม้นท์หลายขั้นตอน คนดีก็ไปสระผม มานั่งรอตัดผม ... หันไปอีกที พี่ช่างประจำคว้ากรรไกรมาตัดฉับ ฉับ ฉับ แล้วว ... ดูแววแล้วว่า คงจะออกมาคล้ายเดิม


คนดีตัดผมเสร็จก่อนลุกไปนั่งรอเราที่ยังมีอุปกรณ์ลอยวนไปมาเหนือหัว ... หลังจากเก็บอุปกรณ์ ล้างผม ไดร์ผม พี่ช่างประจำเข้ามาเล็มผมข้างหน้าออกให้นิดเดียว นิดจริงๆ พี่เค้าแตะแต่ข้างหน้าเท่านั้น ส่วนผมข้างหลังไม่ทำอะไรเลย ปล่อยให้เลี้ยงยาววววววว กันต่อไป


ทรงผมเราไม่ต่างจากเดิม ลุกออกมาเจอคนดีที่ได้ผมใหม่ทรงเดิมอีกครั้ง ... แต่คราวนี้พี่ช่างเซ็ทผมด้านหลังต่างไปจากเดิมนิดหน่อย ได้ผมตั้งเหมือนนกหัวขวาน



(หลังตัดผม 1 วัน)

สงสัยว่า ถ้าคนดีอยากได้ผมใหม่ ทรงใหม่ คงต้องอดใจเลี้ยงผมให้ยาวววววววววว มากกว่านี้ ... ผมสั้นจนช่างไม่รู้จะเติมลูกเล่นอะไรให้


ส่วนเราก็เลี้ยงผมยาววววววว กันต่อไป เพราะช่างบอกว่าสุขภาพผมกำลังดี ปล่อยแบบนี้ไปก่อน ... ต้องรอดูว่าครั้งหน้า เราสองคนจะได้ผมทรงใหม่กันมั้ย

21.12.53

นัดกิ๊กเดท ?!?!?!

นัดเจอกับกิ๊กอีกแล้วค่ะ ... แต่จะเรียกว่านัดเดทได้รึเปล่าน้า เพราะมันก้ำๆ กึ่งๆ ชอบกล


ที่ก้ำกึ่งเพราะว่า น่าจะเรียกว่านัดรับมอบสารพัดของซะมากกว่า ... เนื่องจากว่า คุณกิ๊กมีภารกิจไปประชุมที่ญี่ปุ่นเมื่อกลางเดือน แต่กระเป๋าเดินทางใบประจำที่ใช้นั้นเดินทางไกลไปอยู่ที่อื่นแล้ว เราเลยให้หยิบยืมกระเป๋าเดินทางของเราไปแทน


หลังจากมาดูตัวกระเป๋าของเราว่าไซส์พอเหมาะพอดีที่ต้องการ ยกไปใช้เรียบร้อย ... ใช้เสร็จก็เลยยกกลับมาคืน แต่ไม่มาคืนเปล่าๆ เพราะมีของที่ฝากซื้อติดกลับมาด้วย


แล้วยังมีสินค้า+ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ คุณกิ๊ก ที่เราฝากซื้ออีกล็อตใหญ่พ่วงอยู่อีก ... เรียกว่าสมบัติมากมาย พะรุงพะรังเอาการ


ปกติจะให้พี่เมสเซนเจอร์ช่วยวิ่งรับ-ส่งของให้อยู่แล้ว ... แต่คราวนี้ของเยอะเกินที่พี่เมสเซนเจอร์จะขนไหว แล้วยังมีบางส่วนที่อุบไว้เป็นเซอร์ไพรส์ของคนดีด้วย ... เลยต้องนัดกิ๊กเดทซะหน่อย


นัดหนนี้คุณกิ๊กมารับถึงออฟฟิศ แล้วมุ่งหน้าไปร้านที่เราจะเดทกัน ... บรรยากาศโรแมนติคสุดๆ เพราะเป็นร้านส้มตำเจ้าอร่อยแถวบ้าน ที่เลือกร้านนี้เพราะกิ๊กอยากกินเนื้อย่าง ... ครั้นจะไปร้านเนื้อย่างเจ้าประจำก็อลังการเกิน เลยเลือกเนื้อย่างร้านส้มตำแก้ขัดให้คนอยากกินเนื้อซะก่อน


กินไป เม้าท์ไป ตามประสา จนได้เวลาก็กลับบ้าน ... คุณกิ๊กช่วยหอบสมบัติทั้งหลายแหล่เข้ามาส่งที่บ้านด้วย เลยได้เจอะกับหม่ามี้พอดี คุณกิ๊กเลยเสียกอด เสียแก้มซ้าย-ขวา ให้หม่ามี้ไป


แวะมาทักทายพูดคุยกันอีกพักใหญ่ ก็ส่งคุณกิ๊กกลับบ้าน ... จนแยกย้ายกันแล้วยังไม่แน่ใจเล้ยยยย ว่าจะเรียกนัดเดทได้รึเปล่า

18.12.53

Big Birdy's Family Trip : หัวหิน

เราสองคนตะลอนเที่ยว ตะลอนชิม ที่หัวหินมาหลายต่อหลายรอบ ... คนดีเลยอยากจะพาที่บ้านไปตามรอยตะลอนชิมบ้าง

เดินทางไม่ไกล ช่วงนี้อากาศดีด้วย น่าจะเย็นสบาย ... แต่ลำบากตรงหาที่พักนี่หล่ะค่ะ เพราะสมาชิกที่บ้านคนดีเยอะ อยากได้ที่พักแบบเป็นบังกะโลหลังใหญ่ อยู่ได้พร้อมหน้าพร้อมตา จะหาที่ไหนดีน้อ

หาไปหามา ก็มาลงตัวที่ "บ้านเนาวรัตน์" บ้านพักริมทะเลของคุณเนาวรัตน์ ยุกตะนันท์ ที่เปิดให้เช่าได้ ... ไม่แน่ใจว่าบ้านจะว่างรึเปล่า เราหาข้อมูล แล้วให้คนดีรีบโทรเช็ค ... บ้านพักว่าง จองเรียบร้อย ก็วางแผนเที่ยวได้เลยค่ะ

สมาชิกของทริปนี้ 14 คน ผู้ใหญ่ 13 เด็ก 1 ... รถ 3 คัน มุ่งหน้าออกเดินทางไปชะอำเป็นจุดหมายแรกค่ะ

คนดีตั้งใจจะพาที่บ้านไปชิมอาหารที่ ครัวเม็ดทราย แต่พอไปถึง เห็นรถบัสจอดเรียงรายอยู่ 7-8 คัน และมีกลุ่มคนกลุ่มใหญ่ ใส่เสื้อเหมือนกัน ยืนเข้าแถวยาววววววว กำลังทยอยเดินเข้าร้าน ... เลยต้องล่าทัพ ปรับแผนใหม่ หาร้านอื่นในละแวกนั้นมาแทนค่ะ

ลองเสี่ยงดวงเลือก ร้านป้าฮีด ที่อยู่สุดทาง ติดสะพานปลา เพราะคุ้นๆ ว่าเคยเห็นชื่อผ่านเว็บอยู่บ้าง ... หาที่จอดรถได้แล้ว ก็ยกพลเข้าร้าน สั่งอาหารกันเลยค่ะ



สั่งอาหารมาหลายอย่าง หลายรายการ ถ่ายรูปเก็บไว้ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง เพราะสมาชิกบ้านนี้ลงมือกันรวดเร็ว ... รสชาติอาหารบางจานดี บางจานไม่ไหว และบางจานชวนให้งุนงง สรุปคือ ไม่ปลื้มร้านนี้ค่ะ


มานึกได้ทีหลังว่า น่าจะขับเลยไป ร้านป้าสังเวียน ที่คุ้นเคยดีกว่า ไม่น่าพลาดเลือกร้านนี้เลย ... เก็บไว้แก้ตัวครั้งหน้าแล้วกัน


ออกจากชะอำ ก็ตรงเข้าตัวเมืองหัวหินค่ะ ... ภารกิจแรก คือ ตามหาร้านกล้วยทอดจิ้มนม เจ้าดังที่เพิ่งออกรายการทีวีไป วนๆ งงๆ สับสนพิกัดนิดหน่อย แต่ก็หาเจอจนได้ ... ภาพที่เห็นคือ คนยืนต่อคิว และมุงรอบรถ ดูแววว่า ถ้าจะลองชิม คงต้องรออีกนานนนนนน แล้วไม่รู้ว่าจะได้กินมั้ย เพราะฉะนั้น ล่าทัพดีกว่า


ย้ายไปภารกิจที่สอง คือ แวะซื้อลอดช่องสิงคโปร์ร้านลุงดำ แจกจ่ายให้สมาชิกถ้วนหน้า เป็นของหวานล้างปาก ... ลอดช่องหวานๆ เย็นๆ ช่วยให้ชื่นใจคลายร้อน ที่พลาดกล้วยทอดไปได้


ได้ของหวานครบทุกคนแล้ว ก็ตรงเข้าที่พักกันเลยดีกว่าค่ะ ... บ้านเนาวรัตน์ อยู่แถวเขาตะเกียบ แต่ทางเข้าสังเกตยากสักนิด และซอยค่อนข้างเล็ก แคบ ทำเอางงงวยไม่ใช่น้อย


หลังจากงมทาง และค่อยๆ คืบคลานเข้าไปได้ ก็ถึงบ้านพักตากอากาศหลังใหญ่ ติดหาด บรรยากาศดี ... เราได้บ้านหลังเล็ก ที่มี 3 ห้องพักอยู่ติดกัน ... ส่วนหลังใหญ่มีอีกกรุ๊ปที่จองไว้จัดงานเลี้ยง


ฟังแล้วก็หวั่นใจว่าจะเอิกเกริกโครมครามมั้ย ... แต่ก็ทำใจ มาถึงแล้วก็พักผ่อนให้เต็มที่ก่อน



ช่วงที่ไปอากาศดี อุณหภูมิลดลง อากาศเย็นๆ สดชื่น แต่พอเจอกับลมแรงๆ ริมทะเล ก็ทำเอาสะท้านได้เหมือนกัน ... เสียดายที่น้ำขึ้นช่วงกลางวัน แล้วค่อยๆ ลงตอนค่ำ คลื่นซัดโครมๆ กับริมขอบ หนุ่มน้อยของทริปเลยลงไปเล่นทรายไม่ได้


แยกย้ายกันพักผ่อนตามชอบใจ ดูทีวี เอนหลัง อ่านหนังสือ เล่นบอล หรือ ไปเดินเล่นริมหาด เพราะน้ำเริ่มลดลงบ้าง ... จนห้าโมงนิดๆ สมาชิกก็รวมตัวพร้อมหน้า เตรียมเข้าไปที่ตลาด ไปหม่ำมื้อเย็นกันค่ะ


รีบออกจากบ้านพัก แล้ววนหาที่จอดรถ ... เราขอลงจากรถก่อน เพื่อไปจัดการจองโต๊ะ และสั่งอาหาร เพราะร้านที่เลือกคือ โกทิ ... ร้านเก่าแก่ อาหารอร่อย และอยู่ตรงข้ามตลาดพอดี คนเยอะ รอบเย็นร้านเปิดตอน 6 โมง ถ้าไปช้า อาจจะต้องรออาหารนานมากกกกกกกกกกก


จัดการจองโต๊ะเรียบร้อย แล้วรีบสั่งอาหารทันที โชคดีที่มาเป็นลำดับที่ 2 ต่อจากโต๊ะ 12 ที่ ... อาจจะต้องรออาหารพักนึง แต่ก็คงไม่นานเกินจนท้องกิ่ว


สั่งอาหารเสร็จ ภารกิจเรียบร้อย สบายใจแล้ว เลยมองดูบรรยากาศรอบตัว ... หันไปสะดุดตากับเจ้าตัวนี้


นอนหงายอยู่บนถนน ไม่ได้อยู่ริมทางเท้า แต่ก็ไม่ได้ล้ำออกไปกลางถนน ... หันไปเห็นตอนแรกตกใจ นึกว่าโดนรถเฉี่ยว แต่สักพักเจ้านี่ก็ขยับตัวเกาหลังไปมาอย่างสบายใจ เลยเก็บรูปมาซะเลย


สมาชิกจอดรถเสร็จเรียบร้อย เดินตามมาถึงร้านพอดี ... นั่งประจำที่ คุยกันเรื่อยๆ ระหว่างรออาหาร สั่งมามากมายหลายจาน แต่ถ่ายรูปไว้แค่นี้ เพราะพอเริ่มกินแล้วก็หยุดไม่อยู่ ... ไม่สนใจจะถ่ายรูปแล้วหล่ะค่ะ เพราะร้านนี้อร่อยถูกปาก



อิ่มจากของคาวแล้ว ก็ข้ามถนนไปเดินย่อยที่ตลาด ... ไปแวะกินของหวานล้างปากที่ร้าน ไอติมเจ๊นิ อีกหนึ่งร้านโปรด ... แล้วก็เดินดูของ ตุนเสบียงสำหรับยามค่ำอีกสักนิด


เดินเล่นสักพักก็กลับเข้าบ้านพักดีกว่า เพราะผู้สูงอายุที่มาด้วยคงจะเหนื่อยแล้ว ... กลับเข้าไปเจอปาร์ตี้ของบ้านพักหลังใหญ่ กำลังสนุกสนาน เอิกเกริกเต็มที่พอดี


ทางนั้นพอเห็นกลุ่มเรากลับเข้ามา ก็แวะมาคุยด้วย มาขอโทษที่อาจจะมีเสียงรบกวน ไม่รู้จริงๆ ว่ามีกรุ๊ปจองบ้านพักหลังเล็ก ... เห็นมีผู้สูงอายุก็เกรงใจ ขออนุญาตใช้เครื่องเสียงอยู่จนเที่ยงคืน แล้วก็ส่งเสบียงมาแบ่งปัน


มาพูดคุยกันแบบนี้ ก็ใจชื้น เราก็สนุกในแบบของเรา เค้าก็สนุกในแบบของเค้า ... พอได้เวลาก็พักผ่อน หลับสบาย


ตื่นเช้ามา เรากับคนดี ออกไปซื้อเสบียงมื้อเช้า ... ทั้งข้าวมันไก่ ข้าวหน้าเป็ด เกาเหลา ข้าวเหนียวหมูปิ้ง ปาท่องโก๋ ... สมาชิกเยอะ เลยต้องหิ้วกันนิ้วกิ่ว


อิ่มมื้อเช้าแล้ว ก็พักผ่อนตามชอบใจ ก่อนจะรวมตัวเตรียมออกเดินทางตอน 11 โมง ... คนดีพาไปหม่ำมื้อเที่ยงที่ห้องอาหารของโรงแรมสิริน 1 ในร้านประจำของเรา


ร้านนี้เคยพาน้องๆ มาครั้งนึงแล้ว หลายคนติดใจไก่ทอด จนถามถึง ... คนดีเลยจัดให้ตามคำขอ กินกันเต็มที่ อิ่มสุดๆ


อิ่มขนาดนี้ถ้าขับรถกลับเลย คนขับอาจจะง่วง ... งั้นไปแวะไหว้พระที่ วัดห้วยมงคล ก่อนดีกว่า



ได้ไหว้พระเป็นมงคลแก่ตัว ได้เดินย่อย และได้งีบหลับสักนิด สมาชิกก็พร้อมที่จะเดินทางกลับ ... แวะซื้อของฝากอีกหน่อย ก็ยิงยาวกลับเข้ากรุงเทพฯ ได้เลยค่ะ


จบทริปแบบท้องอิ่มเต่ง และได้พักผ่อนสักนิด ในระยะเวลาอันรวดเร็ว ... หลายเสียงบ่นว่า ทริป 2 วัน 1 คืนเร็วไป ทริปหน้าขอนานกว่านี้อีกหน่อย จะได้พักเต็มอิ่มจริงๆ


ทริปหน้า ที่ไหน เมื่อไหร่ ... ก็ต้องติดตามว่าคนดีจะวางแผนยังไงหล่ะค่ะ

15.12.53

: 105 เดือน :

วันที่ 15 อีกแล้ว ... อายุความรับขยับเพิ่มอีก 1 เดือน


แต่วันนี้เราไม่ได้เจอกัน คนดีมีภารกิจไปงานแต่งงานกับที่บ้าน ... วันพิเศษเล็กๆ น้อยๆ ของเรา เลยไม่มีอะไรพิเศษ


งั้นเติมความพิเศษ ด้วยเพลงที่กำลังโปรดปรานช่วงนี้แล้วกัน "ไม่มีตรงกลาง" ของ จิรากร




จะบอกอีกทีว่าฉันรักเธอ จะบอกให้ฟังว่าฉันค้นเจอ

ความหมายของการมีชีวิตอยู่ ก็รู้จากเธอไม่ใช่ใคร

จะบอกอีกทีถ้าไม่เชื่อกัน จะบอกอีกทีว่าความสำคัญ

เธอนั้นเป็นที่หนึ่ง เหนือผู้ใด และไม่มีใครนอกจากเธอ


อย่ากลัวกับคนที่เขามานินทา อย่ากลัวว่าในแววตาฉันมีใคร

เชื่อในรักเรา เชื่อในหัวใจที่ฉันให้เธอได้ไหม

ใครจะพยายามแทรกกลางระหว่างเรา

รู้ไว้นะว่าเขาไม่มีวันเข้ามาได้

จะไม่มีตรงกลางที่เหลือว่างเผื่อใคร ถ้าใจเรายังผูกกัน

ใครจะพยายามยุยงให้สั่นคลอน

รู้ไว้นะทุกครั้งฉันนอนหลับตาฝัน

เห็นแค่ภาพเรารักกันยาวนาน จนถึงวันที่ฉัน แต่งงานกับเธอ


จับผิดระแวงกันทุกวี่วัน

นั่นมันยิ่งทำให้ความสัมพันธ์มันเริ่มที่จะจืดจางหายไป

แค่ไว้ใจกันได้ไหมเธอ


ขอบคุณนะคะ ที่ไว้ใจ เชื่อใจกันมาตลอด 105 เดือน ... เลยเลือกเพลงนี้มายืนยันว่า "ใครจะพยายามแทรกกลางระหว่างเรา รู้ไว้นะว่าเขาไม่มีวันเข้ามาได้ จะไม่มีตรงกลางที่เหลือว่างเผื่อใคร ถ้าใจเรายังผูกกัน"


รักคนดีที่สุดค่ะ

14.12.53

English Class #7

เรียนภาษาอังกฤษครั้งที่ 7 แล้ว เรียนมาจะ 2 เดือนแล้วเหรอเนี่ย ... เหมือนเพิ่งเริ่มเรียนแป๊บเดียวเอง


คลาสนี้เป็นคลาสที่นักเรียนรอลุ้น เพราะมีการบ้านจากคลาสที่แล้วมาส่ง รอลุ้นว่าผลงานจะออกมาเป็นยังไง ... จะแย่มาก แย่น้อย ขนาดไหน


คลาสนี้นักเรียนเข้าเกือบครบ ขาดเพียง 1 ราย ที่ติดภารกิจงานศพ แต่แม้จะติดภารกิจก็ยังทำการบ้านมาฝากส่งให้ตรวจ ... ส่วน 2 ราย ที่ขาดครั้งที่แล้ว มีราย 1 ตามงานทัน ลองเขียนมาส่งด้วย ส่วนอีก 1 นั้น ยังไม่ได้รับคำแนะนำว่าต้องทำอะไรยังไง เลยขอติดการบ้านไว้ก่อน


ส่วนคนดีที่เข้าเรียนครั้งที่แล้ว ยังไม่ได้ทำการบ้าน เลยมาปั่นเอาในห้องเรียน ระหว่างที่ครูแอนหยิบการบ้านของคนอื่นๆ ขึ้นมาทยอยตรวจ ... ครูแอนเขียนงานบนกระดาน แล้วอธิบายทีละช่วง ทีละจุด ให้นักเรียนได้ลองคิด ได้ซักถาม ได้เสนอความเห็นไปด้วย


หลังจากตรวจการบ้านไปได้ 3 ราย ... ก็พักมาเข้าหัวข้อใหม่ การเขียนอีเมล์ ... ครูแอนยกหัวข้อ Holidays เป็นตัวอย่าง พร้อมกับให้โจทย์เป็นการบ้าน ให้นักเรียนเขียนอีเมล์ไปขอข้อมูลท่องเที่ยวจาก Tourist Center ของประเทศไหนก็ได้


ก่อนจะยกตัวอย่างการเขียนอีเมล์แบบ formal และ semi-formal มาให้ลองเปรียบเทียบดู ... เพื่อให้นักเรียนเห็นความต่างของรูปแบบและการใช้ภาษา ... แล้วระบุว่าการบ้านที่ให้ขอแบบ semi-formal ก็พอ จะได้เบาหน่อย ง่ายหน่อย


เอาหล่ะเหวยยยยย สนุกกันอีกแล้ว ... เพราะต้องเขียนอีเมล์ไปขอข้อมูล โดย BCC: ถึงครูเพื่อส่งการบ้านด้วย


ช่วงครูงดสอน 2 สัปดาห์หน้า แทนที่จะร่าเริงกันได้เต็มที่ ... ก็มีการบ้านมาให้ตื่นเต้นใจตูมตามกันอีกแล้ว

12.12.53

International Street Show in Bangkok 2010

ได้ยินชื่องาน International Street Show มา 2 ปีแล้ว แต่ยังไม่ได้ไปดูด้วยตาสักที ... มาปีที่ 3 ที่เค้าจัดงานนี่แหละ ถึงได้ไปดู ไปชมสักที


ตอนแรกที่ได้ยินก็ยังไม่ได้สนใจมากนัก แต่มีวันว่าง วันหยุดต่อเนื่อง มีสมาชิกชวนมา เราก็จัดคิวไป ... นัดง่าย ไปง่าย ไม่เล่นตัว


เจอกันที่ Burger King สีลม ตอนบ่ายนิดๆ ตุนเสบียงรองท้องให้พร้อม ก่อนจะเข้าไปดูโชว์ ... ท้องอิ่มแล้วก็เดินไปสถานที่จัดงาน ที่สวนลุมพินี


แวะซื้อสูจิบัตร ซึ่งเป็นคู่มืออย่างดีในการวางแผน ตระเวนดูโชว์ 33 โชว์ ที่กระจายตัวอยู่ 12 เวที ทั่วสวนลุมพินี ... โชว์เริ่มแสดงตั้งแต่ 15.00-21.00 น. ระหว่างวันที่ 10-12 ธันวาคม 2553


เรามาดูเอาวันสุดท้ายแบบนี้ หยิบสูจิบัตรมาดูถึงกับมึนงง ... สมาชิกทั้ง 6 ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี เลยเลือกเวทีใกล้ๆ ก่อนแล้วกัน


Exotic Percussion ... โชว์ของกลุ่มคนดนตรีไร้รูปแบบแต่มากลีลา เพราะหยิบจับอุปกรณ์หลากหลายชนิดมาใช้เป็นเครื่องดนตรี ... ชอบโชว์นี้ เพราะคึกคักดี บางคนอาจจะรู้สึกว่าโฉ่งฉ่าง โครมคราม แต่โดยส่วนตัวชอบค่ะ


Thank You Tezuka ... ละครใบ้โดยหนุ่มญี่ปุ่นหน้าตาเป็นมิตร ที่หยิบยกของใกล้ตัวมาแสดงเป็นละครใบ้ ให้เราได้เห็นมุมที่เราไม่เคยนึกถึง ... เป็นโชว์ง่ายๆ เข้าใจง่าย มีอุปกรณ์ประกอบช่วยให้นึกภาพตามได้ชัดเจน สร้างรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะได้ทุกรอบ


Fukidamaya ... Bubble Show ของคุณลุงญี่ปุ่น จริงๆ อาจจะอายุไม่มากนัก แต่ด้วยรูปลักษณ์ เลยพาให้เรียกคุณลุง ... เป็นโชว์ที่อยากดู แต่ดูได้แค่แป๊บเดียวก็ต้องถอยหนีหลบมานั่งพัก เพราะคนเยอะ แดดร้อน แล้วหวังว่าจะได้เห็น Bubble ลูกโตๆ ใหญ่ๆ อลังการ แต่เริ่มต้นด้วยลูกเล็กๆ ลูกเล่นยังไม่มากนัก เลยดึงดูดใจเราไว้ให้สู้กับแดดที่แผดเผาไม่ได้


Funniest ... Comedy Circus Show ของ 2 หนุ่มคู่หูจากเกาหลี ที่ปล่อยโชว์ ปล่อยมุข ปล่อยของมาให้เราขำขัน เพลิดเพลินได้เรื่อยๆ


Funny Bones ... โชว์ของคู่หูต่างสัญชาติ อังกฤษ กับ ญี่ปุ่น ที่จับมือกันโชว์ ทั้งมายากล หุ่นเชิด เต้นรำ


ทั้ง Funniest และ Funny Bones เป็นโชว์ที่คล้ายกันค่ะ และแสดงอยู่เวทีเดียวกันพอดี ... บางมุข บางโชว์คล้ายกัน ต่างกันในรายละเอียดปลีกย่อย แต่ก็ดูได้เพลินๆ


ปิดท้ายด้วย Acrobuffos ... เป็นโชว์เปียกๆ ที่เล่นกับลูกโป่ง และน้ำ ของ 2 หนุ่มสาว จากอังกฤษ และ อเมริกา ... โชว์นี้ นักแสดงสาวเกิดอุบัติเหตุเมื่อเช้า เลยร่วมแสดงไม่ได้ น่าเสียดายจัง


โชว์นี้เป็นโชว์แรกที่เราได้ที่นั่งแถวหน้า ติดเส้นขอบกั้นพื้นที่เลย ตอนลงนั่งก็คิกคักในใจว่า เยี่ยม ได้นั่งดูโชว์แบบไม่มีคนบัง ได้ถ่ายรูปชัดแจ่มแบบไม่ติดหัวคนดูข้างหน้า ... แต่พอเริ่มโชว์ อยากจะถอยหลังไปนั่งด้านหลัง เพราะลูกโป่งน้ำเป็นอุปกรณ์หลักประกอบโชว์ ลอยไป ลอยมา ตกแตกกระจายความเปียกให้คนดูถ้วนหน้า


จบจากโชว์นี้ ก็กะว่าจะไปหาอะไรหม่ำ และกลับบ้านสักที ... แต่พอหมวยบีรู้ว่า มีโชว์จาก Room 39 หมวยบีก็ขอเดินจ้ำอ้าว ตามหาเวทีของโชว์นี้ ไปเห็นกับตา ไปได้ยินกับหูหน่อย ... พอไปถึงเวทีก็ถอดใจ เพราะคนเยอะมากกกกกกกกกกก เข้าไม่ถึง ได้แต่ยืนฟังเพลงห่างๆ ไม่มีทางเข้าไปเห็นหน้าตาของนักร้องได้


สุดท้ายก็ล่าทัพ เพราะหมดแรง และใกล้จะหมดเวลาของโชว์สุดท้ายแล้ว ... ออกไปหาอะไรหม่ำเพิ่มพลังดีกว่า


ถ้าปีหน้ามีโชว์นี้มาอีก ค่อยเตรียมตัวมาดูกันใหม่ ... จะวางแผนมาให้ครบทุกวัน เก็บให้ครบทุกโชว์กันเลย

11.12.53

คอนเสิร์ทข้างบ้าน

วันหยุดต่อเนื่อง วันแรกจัดสรรคิวไปดูแลตัวเองแล้ว วันสุดท้ายก็มีแผนจะออกไปดูโชว์กับก๊วน ... วันนี้เลยเป็นวันพักผ่อน อยู่บ้าน จัดการซัก-รีดเสื้อผ้า


นอนตื่นสายๆ ค่อยๆ จัดการนั่นนี่ไปเรื่อย แล้วก็หอบตะกร้าผ้าขึ้นไปดาดฟ้าเตรียมซัก ... เห็นสถานีดับเพลิง ที่อยู่ติดข้างบ้านมีความเคลื่อนไหวคึกคัก จัดโต๊ะ เก้าอี้ ... สงสัยจะมีงานเลี้ยง


เราก็เดินขึ้นๆ ลงๆ ซักผ้าไปตลอดบ่าย ซักเครื่องด้วย ซักมือด้วย จัดสรรตามลำดับ ... ระหว่างนั้นก็เริ่มมีการทดลองเครื่องเสียง โหลๆ เทสๆ กันไป ... ราวๆ สี่โมงเย็น ก็เริ่มเปิดเพลงแล้ว มาทั้งลูกทุ่ง เพื่อชีวิต หมอลำ ร็อค สลับสับเปลี่ยนกันไป


เข้าใจเอาเองว่า คงเป็นงานเลี้ยงช่วงบ่าย ... มารู้ตัวว่าเข้าใจผิด ตอนสักหกโมงเย็น ที่เสียงเริ่มคึกคัก วุ่นวายมากขึ้น ... อ้าว งานเลี้ยงค่ำเหรอเนี่ย แย่แล้วเรา ยาววววววว แน่ๆ


ไม่เป็นไรนานๆ ที ปาร์ตี้สักที ไม่ได้มีกันบ่อยๆ หยวนๆ กันได้ แต่อย่าดึกอย่าติดลมแล้วกัน ... ให้เต็มที่เที่ยงคืนเท่านั้น ไม่งั้น ฉันจะโทรไปขอความสงบคืน


ทำใจให้สงบได้สักพัก เสียงเพลงที่ได้ยินก็เปลี่ยนไป จากเปิดแผ่น เปิดเพลง เป็น "คาราโอเกะ" ... คุณพระช่วย นี่ฉันได้รับสิทธิพิเศษ ให้ร่วมคอนเสิร์ทแบบประชิดติดตัวขนาดนี้เลยเหรอ


นักร้องหลายคน หลายเสียง แต่ไม่เห็นหน้าตา สลับสับเปลี่ยนกันขึ้นมาร้องเพลงโชว์ มีทั้งร้องดี ร้องเพราะ ร้องเสียงหลง ร้องขึ้นเสียงตามคีย์ไม่ไหว ร้องคร่อมจังหวะ ร้องนำจังหวะ ... ครบรสมากกกกกกก


ฟังไป มีนไป เพราะห้องนอนอยู่ชั้น 2 เหนือพื้นที่จัดงานของเค้านิดเดียว ... ได้ยินชัดๆ เต็ม 2 หู


แม้จะขึ้นดาดฟ้าก็ยังได้ยิน ลงข้างล่างก็ยังชัดเจน ไปห้องแม่ก็ยังมีเสียงลอยมา ... เรียกว่าระบบเสียง surround มากๆ ตายละวา ฉัน หลบไปไหนก็ไม่ได้


ในขณะที่กำลังกลุ้มใจ คุณบิดากับคุณหม่ามี้ ก็ชวนกันออกไปปาร์ตี้กับเพื่อน เจ้าน้องชายไม่อยู่บ้าน ... เหลืออิฉันได้รับสิทธิฟังคอนเสิร์ทแบบประชิดติดตัวตามลำพัง ... แงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง


ระหว่างทุกข์ใจ พิธีกรของงานก็ประกาศผ่านไมค์ว่า ... ขอรบกวนเพื่อนบ้านใกล้เคียงสัก 1 วัน เนื่องในโอกาสงานเลี้ยงปีใหม่ของสถานีดับเพลิง ราวๆ สี่ทุ่ม จะทำการปิดเครื่องเสียง คืนความสงบให้ทุกท่าน ... ได้ยินแล้วก็ใจชื้น เอาหล่ะ ยังมีกำหนดเวลาให้เบาใจ


ว่าแล้วก็อดทน นั่งฟังเพลงหลายสไตล์ จากนักร้องเฉพาะกิจหลายคน ... ฟังไปกลุ้มใจไป และนับเวลาถอยหลังไป ว่าเมื่อไหร่จะสี่ทุ่ม


สี่ทุ่มแล้ว เสียงก็ยังไม่เบา ... เอา ต่อให้ห้าทุ่มก็ได้


ห้าทุ่มแล้ว นักร้องก็ยังโชว์ลูกคอแบบหลงทิศหลงทางอยู่ ... เอา ต่อให้เที่ยงคืนนะ


สายตาจดจ้องเฝ้ามองนาฬิกาว่าตัวเลขเป็นเท่าไหร่ ... พอเที่ยงคืนเป๊ง เสียงเพลงก็ยังลอยมาให้ได้ยินอยู่ แต่เบาลง ... ค่อยๆ ย่องขึ้นไปดูจากดาดฟ้า ก็เห็นว่าสมาชิกสลายตัวไปเยอะแล้ว เหลือแค่กลุ่มเล็กๆ


กลับลงมาที่ห้อง ก็ได้ยินเสียงแว่วๆ เบาๆ ไม่ครึกโครมแล้ว ... ค่อยยังชั่ว สงบสักที จะได้ไม่ต้องโทรไปทวงความสงบ ได้ยินเสียงทีวีสักที


ปีละหน สองหน ที่ได้รับสิทธิพิเศษได้ฟังคอนเสิร์ทแบบประชิดติดขอบขนาดนี้ ... ปีใหม่ผ่านไปแล้ว ต้องรอดูว่าสงกรานต์จะมีคอนเสิร์ทข้างบ้านอีกมั้ยน้อ

10.12.53

Pampering Day

10 ธันวา วันหยุด แถมยังเป็นหยุดต่อเนื่อง แต่คนดีมีภารกิจติดพัน ... เราเลยได้โอกาส จัดสรรวันหยุดให้เป็นวันพิเศษ วันแห่งการปรนนิบัติดูแลเอาใจใส่ตัวเองอย่างเต็มที่ จัดคิววางแผนทำสวยตลอดวัน


เริ่มต้นที่ DHC Olive Beauty ... ซื้อ voucher : Onzen with DHC Exfoliating Body Treatment เอาไว้นานแล้ว ต้องรีบไปใช้ก่อนจะหมดอายุ ... โทรนัดไว้ 11 โมง คิวแรกเลย


ถึงร้านพนักงานพาไปนั่งพักรอ สักพักก็เสิร์ฟน้ำเก็กฮวยเย็นๆ ชื่นใจให้ดื่ม ... แล้วนำกลิ่นผงแช่ออนเซ็น กับ กลิ่นอโรมาที่จะจุดในห้องมาให้เลือก ... เลือกเรียบร้อย พนักงานขอตัวไปเตรียมห้อง สักพักก็นำไปที่ห้องนวดค่ะ


พนักงานอธิบายขั้นตอนต่างๆ ให้ฟัง สร้างความกระจ่างใจสำหรับมือใหม่ที่ไม่เคยแช่ออนเซ็นมาก่อน ... เริ่มตั้งแต่ล้างหน้าให้เกลี้ยง จากนั้นก็อาบน้ำชำระล้าง ทำความสะอาดร่างกายอีกที โดยมีเงื่อนไขว่าต้องอาบน้ำอุ่นที่เตรียมไว้ อย่าขี้โกงหมุนไปน้ำเย็นเชียว


เพิ่งอาบน้ำ แต่งหน้า แต่งตัวออกจากบ้าน ก็มาล้างหน้าออก อาบน้ำซ้ำอีกรอบ ... พร้อมแล้วก็เตรียมลงแช่ได้เลย ก่อนจะก้าวขาลงแช่ ก็ใช้กระบวยที่เตรียมไว้ วักน้ำมารดตัว เตรียมความพร้อม ปรับอุณหภูมิให้ร่างกายก่อน ... เตรียมตัวเตรียมใจแล้ว ก็ค่อยๆ หย่อนขาลงอ่าง


ภาพจาก http://www.dhc.co.th/


โอ๊ยยยยยยย อู๊ยยยยยย อ๊ายยยยยยยย อุณหภูมิน้ำประมาณ 42 องศาเซลเซียส ร้อนมากกก ฉันจะสุกมั้ยเนี่ย ... นั่งแช่ขาแบบแสบๆ คันๆ ยุบๆ ยิบๆ อยู่ริมอ่างสักพัก ก่อนจะกลั้นใจค่อยๆ หย่อนตัวลงนอนแช่ ที่ต้องนอนเพราะต้องให้ระดับน้ำท่วมอก ... รอบแรกนี่ให้แช่ 5 นาที มันช่างเป็น 5 นาทีที่ยาวนานเหลือเกิน


พนักงานแวะมาส่งเสียงถามว่าเป็นยังไงบ้าง ... ตอบกลับไปว่าพอไหวค่ะ แต่ตาจ้องนาฬิกาว่าเมื่อไหร่จะครบ 5 นาที ครบปั๊บ ตะกายออกจากอ่างมานั่งพัก ก่อนจะเปิดฝักบัวล้างตัวอีกครั้ง


จากนั้นกลั้นใจเตรียมตัวลงแช่อีกรอบ พนักงานบอกว่ารอบหลังนี่ ให้แช่ 10-15 นาที เท่าที่จะทนไหว ... หย่อนตัวลงนอนแช่ พร้อมกับทำใจให้สงบ เป็นการแช่ที่สบายกึ่งทรมาน ... เริ่มชินกับอุณหภูมิของน้ำแล้ว แต่ร่างกายได้รับความดันจากน้ำ ทำให้เลือดสูบฉีดแรงขึ้น ปอดถูกบีบให้ลดลง ต้องเพิ่มอัตราการหายใจให้ถี่ขึ้น ... การแช่ออนเซ็นนอกจากจะได้รับแร่ธาตุจากน้ำแล้ว ยังช่วยให้ปอดและหัวใจแข็งแรงขึ้นด้วย


หลังจากนอนแช่เฝ้ามองเข็มนาฬิกาให้เดินครบ 10 นาทีสักที ก็ค่อยๆ เยื้องย่างย้ายร่างที่หายใจหอบ และเหงื่อท่วมหน้า ออกจากอ่างมานั่งพัก ... ใช้กระบวยตักน้ำเย็นที่พนักงานเตรียมไว้ รดตั้งแต่ตัวเข่าลงไป ให้คงอุณหภูมิช่วงบนเอาไว้ ... ใส่เสื้อคลุม เปิดประตูออกจากห้องน้ำมาห้องนวด


เปิดมาเห็นเหยือกน้ำเย็นที่ตั้งไว้ ดีใจยังกะได้ไปสวรรค์ รีบคว้าเหยือเทน้ำใส่แก้ว ยกซัดโฮกกกกกก โฮกกกก ... แล้วมานั่งหายใจหอบ เหงื่อตก พนักงานเปิดมาถามเป็นไงบ้าง ตอบไปสั้นๆ ว่า "เหนื่อยค่ะ" ... พนักงานอมยิ้ม ก่อนปล่อยให้นั่งพักอีกสักครู่ แล้วก็เข้ามาดูแลขั้นตอนต่อไป


พนักงานจัดการจุดเตาอโรมา หรี่ไฟห้อง แล้วก็เริ่มสครับผิว ขัด ขัด ขัด ทั่วทั้งตัว น้ำหนักมือที่ขัด เบา กำลังสบาย เม็ดสครับไม่บาดผิว ... สครับตัวเสร็จ พนักงานก็ให้ไปล้างตัว พนักงานบอกว่า ลงไปล้างตัวในอ่างแช่ออนเซ็นได้เลย แล้วค่อยขึ้นมาเปิดฝักบัวล้างอีกที


กลับออกมา ก็เข้าสู่ขั้นตอน นวดผ่อนคลายและบำรุงผิวไปในตัว น้ำหนักมือพนักงานหนักขึ้น นวดเน้นตามจุดต่างๆ ทำเอาเคลิ้มหลับกันเลย ... 2 ชั่วโมงครึ่ง ผ่านไป ไวจัง กำลังสบายยยยยยยเลย


ล้างตัวนิดนึง แต่งตัว แล้วออกมาแต่งหน้าที่ห้องแต่งหน้าซึ่งมีผลิตภัณฑ์ของ DHC วางไว้ให้หยิบใช้ได้ตามสบาย ... แต่งหน้าไป จิบชาร้อนไป เขียนใบประเมินไป แล้วก็พาผิวนุ่มๆ เนียนๆ ออกจากร้าน


แวะหม่ำมื้อเที่ยงที่ชั้นล่าง พารากอนซะก่อน แล้วโดดขึ้นรถไฟฟ้าไปแวะทำธุระแถวเพชรบุรีตัดใหม่อีกหน่อย ... เสร็จธุระรอบบ่าย ก็ย้ายที่ไป ไทสบาย ไปนวดผ่อนคลายค่ะ


เลือกนวดไทย 90 นาที สบายยย เพลินนน เคลิ้มมม หลับบบ และหายปวดเมื่อยบ่า หลัง ไหล่ ... ออกจากร้านแบบตัวเบาๆ โล่งๆ


แล้วค่อยไปนั่งรอคนดีที่ตามมาเจอ มากินข้าวเย็นด้วย ... เป็น 1 วันที่ดูแล และให้รางวัลตัวเองเต็มที่ ชอบจัง ชอบที่ซู้ดดดดดดด

7.12.53

English Class #6

เหมือนเพิ่งเริ่มเรียนแป๊บๆ มาถึงครั้งที่ 6 แล้วค่ะ ... ครั้งนี้สมาชิกมีอยู่ 5 คน ติดงาน 1 ป่วย 1


ครั้งนี้ยังคงอยู่ที่การเขียนกันต่อค่ะ ... เจอ Subject กับ Predicate กันต่อ และที่สำคัญครูแอนให้ทดลองเขียนด้วยค่ะ


เริ่มจาก Topic เลย ว่าจะเขียนยังไงให้น่าสนใจ แม้จะมี ประธาน กิริยา กรรม ครบถ้วน ... แต่การเลือกใช้ศัพท์ การจัดวาง ก็ทำให้ประโยคธรรมดาน่าสนใจขึ้นมาได้


เริ่มหัวข้อได้แล้ว ก็เขียนเนื้อหากันต่อเลยค่ะ ต้องมี background เล่าที่มาสักหน่อย ก่อนจะตามด้วยเนื้อหา แล้วปิดท้ายสรุป


ทฤษฎีที่ครูบอกมาเข้าใจ แล้วถ้าเขียนเป็นภาษาไทยหล่ะก็ สบ๊ายยยยย ... แต่พอต้องเขียนเป็นภาษาอังกฤษนี่ซิ ลำบากเลยค่ะ


ครูแอนให้ลองนึกถึงหัวข้อใกล้ๆ ตัว ง่ายๆ ลองเขียนดูในคลาสก่อน ... แล้วก็เดินปรับ แก้ไข ให้ถูกต้อง สละสลวย สวยงามมากขึ้น


ก่อนจะปิดท้ายให้การบ้าน ไปเขียนเรื่องอะไรก็ได้มาส่งคลาสหน้า ... ครูแอนบอกให้เลือกเรื่องง่ายๆ ใช้ภาษาง่ายๆ ก่อน แล้วค่อยหาศัพท์คำอื่นที่มีความหมายเหมือนกันมาเปลี่ยน


เอาหล่ะ สนุกหล่ะคราวนี้ ... ไม่รู้ว่าจะหมู่หรือจ่า แต่ยังไงก็ต้องลองดูสักตั้ง คลาสหน้ารู้ผล

5.12.53

One day with Alex

แม้จะไม่ได้รักเด็กเหมือนนางงาม แต่ก็จัดเป็นคนชอบเล่นกับเด็กๆ ... ถ้าให้เลือกได้ขอเลือกเด็กผู้หญิงเพราะคุยง่าย จ๊ะจ๋า น่าเอ็นดู ... ส่วนเด็กผู้ชายก็พอจะเล่นด้วยได้ แต่ต้องเตรียมตัวเตรียมใจว่าต้องใช้พลังงานเยอะ


แต่สำหรับเด็กผู้ชายคนนี้ "Alex" ... อยากเจ๊อ อยากเจอ อยากคุยด้วย อยากเล่นด้วย


Alex เป็นลูกพี่จิ๋ง เป็นหลานของพี่จุ๊บ ... พี่จิ๋งมาทำธุระที่เมืองไทยแล้วพา Alex มาด้วย Alex เลยได้ตะลอนตามแม่จิ๋ง กับป้าจุ๊บ ไปทำธุระ ไปเที่ยวไหนต่อไหนด้วยตลอด


บางวันแม่จิ๋งขอพักเสริมสวย Alex ก็อยู่กับป้าจุ๊บ แล้วมีน้าๆ อาสามาช่วยเป็นพี่เลี้ยง เป็นเพื่อนเล่น ... เราเลยได้โอกาสไปเป็นพี่เลี้ยงด้วยวันนึง


วันอาทิตย์ 5 ธันวา นัดเจอกัน 11 โมงที่พิพิธภัณฑ์เด็ก ... เราไปถึงคนแรก แล้วเจออยู่ในระหว่างปิดปรับปรุง อ้าว จะทำไงดีละเนี่ย


พี่จุ๊บมาแวะรับเรากับหมวยบีที่มาถึงแล้ว เขยิบไปสวนรถไฟใกล้ๆ ก็แล้วกัน ... เปิดประตูรถไปเจอ Alex นั่งอยู่ในคาร์ซีท อารมณ์ดี๊ดี นั่งฮัมเพลงงึมงัม และบ่นพึมพัม "Choo Choo Train ... Choo Choo Train"


จอดรถเรียบร้อย Alex ก็ได้ไปดู Choo Choo Train สมใจ ก่อนจะได้นักจักรยาน ไปปักหลักอยู่แถวสนามเด็กเล่น ... Alex เป็นหนุ่มน้อยวัย 2 ขวบกว่า เลยตื่นตาตื่นใจกับของเล่น ที่พี่เลี้ยงเล่นด้วยไม่ได้ ได้แต่ยืนดูอยู่ใกล้ๆ ที่สำคัญคือ ไม่กล้าให้เล่นอะไรผาดโผนมากนัก เพราะไม่มีปัญญาหามาคืนแม่เค้าได้ค่ะ


กำลังกลุ้มใจว่าจะหลอกล่อ Alex ยังไงต่อดี กำลังเสริมก็มาถึงค่ะ ... คุณพัชกับครูแอน ที่ Alex คุ้นเคยมากกว่าเรากับบีหมวย มาถึงพร้อมกับข้าวกล่อง ... ปูเสื่อ ปิคนิคกันเลย


ป้าๆ น้าๆ หิวโหยอยากหม่ำ แต่ Alex ยังอยากเล่นอยู่ ก็ปล่อยให้วิ่งเล่นไปได้ พอจะพ้นตาก็เรียก Alex กลับมา Alex ก็จะวิ่งกลับมาหา ... สักพักก็จะวิ่งวนไปทางของเล่นอีก แล้วก็โดนเรียกกลับมาอีก วิ่งไป วิ่งมาหลายรอบ


จนต้องหยิบ iPhone มาเป็นตัวช่วยให้ Alex นั่งนิ่งๆ ได้สักพัก ... แต่ก็ได้แค่พักเดียว ต้องงัดไม้ตายไม้สุดท้าย "Ice cream" มาช่วย


พอได้ไอติมไป Alex ก็นั่งนิ่งๆ ได้ เพราะถูกสอนมาให้นั่งทาน ไม่ให้เดินทาน ... เราเลยกลายเป็นโซฟาหนานุ่มให้ Alex นั่งหม่ำไอติม ... แท่งแรกผ่านไป คงยังไม่จุใจ เพราะ Alex บอกว่า "More Ice cream"


ประดาพี่เลี้ยงเลยชวนกันย้ายทำเล ออกไปรับลมข้างนอก ไปอยู่ใกล้ๆ รถไฟเก่า และใกล้กับทางเข้า-ออก เพื่อสะดวกต่อการซื้อเสบียง


Alex เดินเล่น วิ่งเล่น นอนเล่น กลิ้งเล่น เหมือนไม่เหน็ดเหนื่อย ... แม้ตาโรย ตาปรอย ฟ้องว่าจะหมดแรงแล้ว แต่ก็ยังสู้อยู่ ... พอแม่จิ๋งตามมาสมทบ Alex ก็หน้าชื่นฟื้นกลับมาสดใสได้อีก


จนเพื่อนแม่จิ๋งพาไปปั่นจักรยานวนรอบสวน Alex เลยผล็อยหลับไปบนจักรยาน ... ห้าโมงกว่าแล้วด้วย ขบวนพี่เลี้ยงเลยแยกย้ายสลายตัว แต่พอกลับมาถึงรถ Alex ก็ตื่นฟื้นขึ้นมาสดชื่น ไม่งอแงสักนิด ... ตายแล้ว น่ารักจริง


7-8 ชั่วโมงที่อยู่กับ Alex ติดใจมากๆ ค่ะ ... Alex น่ารัก แม้จะยังสื่อสารกันไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ Alex ก็พูดรู้เรื่อง ไม่ดื้อ ไม่ซน ไม่ป่วนจนปวดหัว เป็นหนุ่มน้อยที่น่ารักที่ซู้ดดดดดดดดดด


ไว้โอกาสหน้าเจอกันใหม่นะจ๊ะ ... บายยยยยยยยยยยยยย (ขอบคุณรูปประกอบจาก fb ของพี่จุ๊บ และ ครูแอน ค่ะ)

3.12.53

ตรวจตา : ชุดใหญ่

จากการ ตรวจตารอบแรก พบจุดต้องสงสัย คุณหมอเลยขอนัดตรวจซ้ำอีกครั้ง ... ดูจากคิวตรวจที่จะพบคุณหมอทั้ง 2 ท่านได้พร้อมกันก็ต้องเป็นวันศุกร์ที่ 3 ธ.ค. นี่แหละ 2 วันนับจากตรวจครั้งแรก รวดเร็วทันใจมาก


นับเป็นการตรวจตาชุดใหญ่ สารพัดรายการ และต้องทำคิวนัดตรวจทั้งรอบเช้าและรอบบ่าย ... เลยจัดการยื่นใบลากิจซะเลย แต่เป็นลากิจที่น่าจะแวบเข้ามาทำงานได้สักครู่


8.00 น. ถึงโรงพยาบาลตามนัด ยื่นบัตรเรียบร้อย ก็นั่งรอที่หน้าห้องตรวจ "ลานสายตา" ได้เลยค่ะ ... เป็นการตรวจกับเครื่อง ที่มีเจ้าหน้าที่คอยดูแล ... ตรวจตาทีละข้าง คอยกดปุ่มในมือเมื่อเห็นแสงไฟดวงเล็กๆ ที่จะกระพริบตามจุดต่างๆ


ใช้เวลาตรวจไม่เกิน 20 นาทีก็เรียบร้อย ... กลับได้ มารอพบคุณหมอและตรวจรอบบ่ายเพิ่มเติมอีกที ... เลยกลับเข้าออฟฟิศมาเคลียร์เอกสาร


พอเที่ยงก็ออกไปกินข้าว แวะเอามือถือไปส่งศูนย์ซ่อม แวะทำธุรกรรมที่ธนาคาร ... แล้วก็เข้าไปตรวจรอบบ่ายค่ะ


รอบเช้าติดต่อไว้แล้ว รอบบ่ายเลยตรงไปห้องปฎิบัติการได้เลย ... ยื่นบัตรคิวที่ได้มา นั่งรอพักนึง ก็โดนหยอดยา เจ้าหน้าที่บอกเป็นยาขยายม่านตา แสบสักนิด ... พอหยอดครบชุดแล้ว หายแสบตาแล้ว ก็เริ่มขั้นตอนการตรวจต่างๆ ได้ค่ะ


เริ่มจากไปนั่งรอวัดระยะสายตา ... ตอนนั่งรอก็ไม่รู้สึกอะไร แต่พอโดนเรียกเข้าห้องวัด ถึงได้รู้ตัวว่า ตาเบลอมาก อ่านเอกสารในมือไม่ได้เลย ... ถามเจ้าหน้าที่ว่านี่คือผลของยาใช่มั้ย ไม่ใช่วิงเวียนหัวนะ เจ้าหน้าที่อมยิ้มพร้อมพยักหน้า แล้วลงมือวัดระยะสายตาด้วยเครื่อง + อ่านตัวเลข + ลองใส่แว่น สลับเลนส์


กลับมาที่ห้องเดิม มารอถ่ายรูป "ขั้วประสาทตา" ค่ะ ... ใช้เครื่องอีกเหมือนกัน โดนไฟส่องตา กดแชะๆๆ ทั้งตาซ้ายและขวา


แล้วไปรอถ่ายรูป "ความหนาของเลนส์ตา" กันต่อ ... วางคาง หน้าผากชิดกับเครื่อง แล้วก็โดนถ่ายรูปแชะๆๆ


มึน งง เบลอ ทั้งขั้นตอนการตรวจ และฤทธิ์ยาขยายม่านตา ... ตรวจครบแล้วก็เหลือนั่งรอพบคุณหมอ หยิบนิยายติดมือมากะว่าจะอ่านระหว่างรอ แต่ฤทธิ์ยาขยายม่านตา ทำเอาเบลอ อ่านหนังสือใกล้ๆ ไม่ได้เลย ยังดีที่ดูทีวีได้ ไม่งั้นคงได้นั่งเป็นหมาหงอย


ระหว่างรอคนดีทักผ่าน whatsapp มา อ่านไม่ได้เลย เบลอสุดๆ ... ต้องส่ง audio note กลับไปบอกว่า ให้ส่งเป็นเสียงกลับมา เพราะอ่านอะไรไม่ได้ ... จะจิ้ม จะสไลด์ปุ่มใดๆ ก็ต้องเล็งดีดี ไม่งั้นจิ้มผิดจิ้มถูก


นั่งตาเบลอๆ มัวๆ เพราะฤทธิ์ยา จนห้าโมงนิดๆ ก็ถึงคิวเรียกเข้าตรวจ ... พบคุณหมอคุณแม่ก่อน ผลคือ กระจกตา เลนส์ตาไม่มีอาการอะไรน่าเป็นห่วง น่าจะเกิดจากการใช้สายตามากไป ระยะสายตามีทั้งสั้นและเอียง แต่ไม่มากนัก จะใส่แว่นหรือไม่ใส่ก็ได้ ... แนะนำให้พักสายตาระหว่างทำงานบ้าง


ออกจากห้องตรวจของคุณหมอคุณแม่ ก็ย้ายไปนั่งรอหน้าห้องตรวจของคุณหมอคุณลูก ... คราวนี้รอไม่นานก็ได้เข้าตรวจ โดนเครื่องส่องตา เอียงซ้ายเอียงขวาอีกรอบ ก่อนที่คุณหมอจะให้นอนบนเตียงตรวจ แล้วส่องไฟ ให้กรอกตาซ้าย-ขวา บน-ล่าง ... ผลคือ ขั้วประสาทตาที่ใหญ่ ไม่มีอะไรผิดปกติ ไม่เป็นต้อหินอย่างที่กังวล น่าจะเป็นมาแต่กำเนิด คงจะเป็นกรรมพันธุ์ ... จากนั้นแนะนำให้ตรวจตาเป็นประจำทุกปี


เป็นอันว่ากระบวนการตรวจตาชุดใหญ่เสร็จสิ้นตอนเกือบทุ่ม ผลคือไม่มีอะไรผิดปกติ น่ากังวลใจให้ต้องรักษาต่อเนื่อง ... จ่ายค่าตรวจไปหลายพัน ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่า เกิดมา 30 กว่าปี ไม่เคยตรวจชุดใหญ่แบบนี้ หารเฉลี่ย 30 ปี ก็ตกปีละไม่เท่าไหร่ คิดว่ามาตรวจเป็นประสบการณ์


ตรวจแล้วไม่เจออะไรผิดปกติก็ดีแล้ว คิดว่าตรวจเพื่อความสบายใจ ... ถ้าเจออะไรก็จะได้รักษาแต่เนิ่นๆ ก็ตามีอยู่แค่ 2 ดวง ไม่มีอะไหล่ให้เปลี่ยนด้วย ... ปีหน้าค่อยตรวจกันใหม่อีกที หวังว่าตาจะยังดี ไม่มีอะไรผิดปกติเน้อ

1.12.53

ตรวจตา : ชุดเล็ก

2-3 เดือนที่ผ่านมา รู้สึกว่าสายตาตัวเองผิดปกติ ดูเบลอๆ มัวๆ เหมือนมีหมอกบางๆ เป็นช่วงๆ ... แม้สายตาสั้นเล็กน้อย และไม่ค่อยหยิบแว่นตามาใส่ ก็ไม่น่าจะทำให้เบลอ มัวแบบนี้ ... ไม่รู้ว่าใช้สายตามากไป ค่าสายตาเปลี่ยน หรือ มีอะไรผิดปกติ


คิดว่าควรจะไปพบหมอตรวจตาสักหน่อย แต่ในระหว่างที่ยังไม่ไปก็ใช้วิธีพักตาเวลาเบลอ ... หลับตานิ่งๆ สักแป๊บ ... แต่เอ๊ะ ทำไมเป็นถี่ขึ้นเรื่อยๆ มองโลกไม่แจ่มใสเลย


พอเหมาะพอดีกับที่คุณกิ๊กมีอาการตาเบลอตามัวเหมือนกัน คุยกันเลยรู้ว่าอาการเดียวกัน ... เลยชวนไปตรวจตาพร้อมกันซะเลย


ต่างคนต่างโทรนัดหมอ แล้วไปเจอกันหลังเลิกงานที่ รพ.จักษุรัตนิน ... คุณกิ๊กนัดคิว 18.00 น. ถึงก่อน กรอกประวัติ วัดสายตา+ความดันตา รอพบหมอก่อน


เรานัดคิว 19.00 น. กรอกประวัติ วัดสายตา+ความดันลูกตา แล้วไปวัดระยะสายตาแบบละเอียดเพิ่ม ก่อนจะมาวัดความดันเลือด แล้วนั่งรอหมอ ... ไรเนี่ย ทำไมต้องเดินเข้าหลายห้องขนาดนี้ เพราะสายตาสั้นอยู่บ้างเลยต้องเดินเข้าหลายห้องขนาดนี้เลยเหรอ


ตรวจเบื้องต้นเสร็จเรียบร้อย ก็ได้เวลานั่งรอพบคุณหมอ ... รอ ร๊อ รอ รอไปเรื่อยๆ กว่าจะถึงคิว ... รออยู่พักใหญ่ก็ได้เข้าพบคุณหมอสักที


เจอหมอแล้ว แทนที่จะได้คำตอบกระจ่างใจว่าอาการที่เป็นเกิดจากอะไร ... กลับเจอข้อมูลใหม่ให้มึนงงเพิ่มขึ้น


หมอทักว่ามีขอบขาวขุ่นรอบเลนส์ตา ... เลยรีบตอบว่าอันนี้เห็นมานานหลายปีแล้วค่ะ เคยตรวจแล้วไม่พบอะไรผิดปกติ หมอตาท่านที่ตรวจครั้งนั้นสงสัยว่าไขมันสูงรึเปล่า แต่เช็คแล้วก็ไม่ใช่ คาดว่าน่าจะเป็นกรรมพันธุ์ เพราะคุณมารดาก็มีเหมือนกัน


หมอบอกเพิ่มว่า ยังมีเส้นเลือดมาที่กระจกตา และ ขั้วประสาทตาใหญ่ ซึ่งเป็นอาการใกล้เคียงกับต้อหิน ... เอ้า เอาเข้าไป อันนี้ข้อมูลใหม่ ยังไงละเนี่ย ... คุณหมอขอส่งไปให้คุณหมออีกท่านตรวจซ้ำ โอเคค่ะ


ย้ายออกมานั่งรออีกห้องนึง ... รออยู่พักใหญ่เพราะคุณหมออีกท่านติดรักษาคนไข้ในห้องปฏิบัติการอยู่ ... คนไข้ที่นั่งรอเริ่มน้อยลง แต่เราก็ยังอยู่


พอได้เข้าไปตรวจกับคุณหมอคนที่สอง ก็ต้องเดินไปตรวจวัดตาที่อีกห้องนึงเพิ่มเติม ... แล้วคุณหมอก็ขอนัดตรวจซ้ำแบบเจาะลึกเพิ่มอีกที เพราะจะหยอดยาขยายม่านตาก่อนตรวจวัด


เอ้า เอาไงก็เอาค่ะ มาถึงขนาดนี้แล้ว ตรวจให้รู้แจ้งเห็นจริงกันไปเลย ... ออกมาเช็ควันทำนัดเพื่อพบคุณหมอทั้งสองท่านซ้ำอีกครั้ง ... ตอนทำนัดนี่แหละ ถึงได้รู้ว่า คุณหมอที่เราพบวันนี้ทั้งสองคน เป็น แม่-ลูก กัน ว้าวววววว


ตรวจเยอะจนอยู่เป็นคนไข้รายสุดท้าย ... คุณกิ๊กที่ตรวจก่อน เสร็จก่อน สบายใจก่อนเพราะปกติดี ถึงกับขำคิกคัก และได้โอกาสทับถมว่า "แก่" ถึงต้องตรวจมากมายขนาดนี้


ตรวจแล้วแทนที่จะโล่งใจ กลับมีเรื่องติดใจให้ฉงนสงสัยเพิ่มอีก ... อดใจรอวันตรวจซ้ำ เดี๋ยวก็รู้ผล