29.3.53

ของเล่นชิ้นล่าสุด

อยู่ดีดีก็เสียทรัพย์แบบไม่ทันตั้งตัวค่ะ ... เริ่มต้นที่นั่งเสิร์ชข้อมูล เข้าเว็บสารพัด อ่านข่าวนั่นนี่ แล้วก็ไปเห็นแบนเนอร์โฆษณาชิ้นนึง เลยจิ้มเข้าไปลองอ่านดู ... แต่พอจิ้มเข้าไปแล้ว แววเสียทรัพย์ก็ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ


iPhoe 3GS ของ ดีแทค นี่หล่ะค่ะ ... ไม่เค้ย ไม่เคย สนใจไอโฟน หรือ สมาร์ทโฟนทั้งหลายทั้งแหล่ เพราะที่ผ่านมาใช้แต่โนเกียมาตลอด แล้วก็ใช้แค่รับสาร โทรออก ส่ง sms หรือ mms ก็เท่านั้น


แต่โปรโมชั่นของดีแทค สำหรับไอโฟนมันคุ้มค่าเหลือเกินค่ะ ... ค่าบริการรายเดือน ค่าโทร sms mms และอินเทอร์เน็ทแบบไม่จำกัด นับว่าคุ้มค่า คุ้มราคา ดีกว่าโปรที่ใช้อยู่จริงๆ ค่ะ ... เอาแล้ว เอายังไงดีน้อ


หาข้อมูลค่ะ เปิดอ่านนั่นนู่นนี่เพิ่มเติมไปเรื่อยๆ ... โทรไปปรึกษาผู้อาวุโส ซึ่งเคยทำงานที่นี่ แล้วตอนนี้ย้ายไปใหญ่โตอยู่ที่ดีแทค ... ไปเช็คข้อมูล ขอความเห็นว่าอย่างไรดี ... พี่เค้าถามคำถามโดนใจกลับมาว่า "ตั๊กคิดจะซื้อไปทำอะไร" ... เออ นั่นดิ ปกติก็แค่ โทรออก รับสาร ซื้อไอโฟนมา จะกลายเป็นซื้อบาท ใช้สลึง รึเปล่าน้า


แล้วพี่เค้ายังให้ทางเลือกเพิ่มว่า "ถ้าจะเข้าเน็ทก๊อกๆ แก๊กๆ มี BB รุ่นย่อมเยา หรือ หันไปใช้ โนเกีย E72 ก็ได้ ราคาเครื่องถูกกว่าเยอะ" ... นั่นซิ ใช่เลย แต่ไม่ชอบ BB แล้วลองใช้ โนเกีย E72 ของคนดี ก็ไม่ถูกใจเท่าไหร่


ปกติไม่ได้ติดคอมฯ หรือมีเหตุให้ต้องเข้าอินเตอร์เน็ท เช็คเมล์ตลอดเวลา twitter facebook เข้าเป็นประจำก็จริง แต่ส่วนใหญ่ก็จะใช้เวลาอยู่ออฟฟิศ หรือกลับถึงบ้านแล้ว ... ระยะหลังเริ่มรู้สึกว่า เวลาทำงานเข้ามากินเวลาส่วนตัวมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะโลกเล็กลง แคบลง อุปกรณ์สื่อสารคุณภาพดีขึ้น ไม่อยากจะใช้สมาร์ทโฟนเท่าไหร่ ใช้ก๊อกๆ แก๊กๆ แบบเดิมน่าจะพอ


แต่หลังจากลองเช็คหลายเสียง หลายทาง มีแต่คนสนับสนุนว่าใช้เถอะ ... เอ้า ไปลองดูหน้าตา ไปลองจับๆ แตะๆ ดูก่อนแล้วกัน แล้วค่อยตัดสินใจ


พอไปเจอปุ๊บ ก็เสียทรัพย์ทันที ได้ของเล่นชิ้นใหม่กลับมาครอบครอง ... มาลองจิ้มๆ ไถๆ เลื่อนๆ ไปเรื่อยๆ ... งุนงงต้วมเตี้ยม งมกับเครื่องอยู่ คาดว่ายังคงต้องงมแบบนี้ไปอีกสักระยะค่ะ


เจ้าเครื่องนี้ไม่ใช่ของเล่นชิ้นล่าสุดของเราคนเดียว ... คนดีเองก็สนุกสนานไปด้วยค่ะ เจอหน้ากันปุ๊บขอไปจิ้มเล่นเกมปั๊บ เล่นเพลินๆ ก็ทำทีบอกว่าขอยึดเลยได้รึเปล่า ... ไม่มีทางหรอกค่ะ เพราะเจ้านี้เป็นโทรศัพท์เครื่องที่แพงที่สุดในชีวิต อย่างหวังจะมาสอยของเราไปง่ายๆ


แรกๆ ก็หวั่นใจว่าจะใช้รอดมั้ย แต่ตอนนี้เริ่มสนุกแล้วค่ะ เพราะมีของเล่น มี application น่าสนใจให้ลองเยอะแยะเลย ... แววว่าจะใช้เครื่องนี้ได้อย่างคุ้มค่าเริ่มฉายชัด ยังไงต้องใช้ให้เกิน 2 ปี ถึงจะคุ้มค่าสุดๆ ค่ะ

งานสัปดาห์หนังสือ

ชื่อเต็มๆ คือ งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 38 และ นานาชาติ ครั้งที่ 8 ค่ะ ... เป็นงานแฟร์ที่เฝ้ารอทุกปี ไม่เคยพลาด ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องขอแวะไปเดินเล่นสักหน่อย


งานทุกครั้งก็จะมีเป้าหมายชัดเจนว่าจะแวะไปดูบูธไหน สำนักพิมพ์ไหนบ้าง ส่วนใหญ่ก็เป็นเจ้าประจำ เจ้าเดิมๆ ที่คุ้นเคย ที่ตามซื้อตามอ่านกันอยู่ ... งานครั้งนี้ก็เช่นกันค่ะ จดลิทส์รายการหนังสือที่เล็งเอาไว้ เช็คข้อมูลแผนผังบูธ จดรายชื่อที่ตั้งเรียบร้อยก็พร้อมลุยค่ะ


เข้าบูธนั้น แวะบูธนี้ เดินตามเส้นทางที่วางไว้ ใช้เวลาเดินซื้อหนังสือไม่เกิน 30 นาที ก็ได้หนังสือเกินต้องการค่ะ


- การ์ตูน City Hunter 4 เล่ม

- กรุณาอย่ารบกวน จาก a book

- เล็ตซึโก ซาราริมัง จาก a book

- การ์ตูนสารคดีกบนอกกะลา 4 เล่ม

- สดับเสียงรัก จาก สนพ. ดวงตะวัน

- ธรรมะสปา จาก เนชั่น

- สนุกคิด แล้วบิดขี้เกียจ จาก สนพ.มติชน


ได้มา 13 เล่ม เสียทรัพย์ไปราวๆ 1700 บาท ... เกินงบหลักที่ตั้งไว้ 1500 ไปนิดหน่อย แต่ยังไม่เกินงบสำรองที่วางไว้ 2000 นับว่าน่าพอใจค่ะ


ซื้อมาตุนเอาไว้ก่อน แล้วค่อยๆ หยิบมาทยอยอ่านค่ะ ... จับมาวางรวมกับของเก่าที่ยังไม่ได้หยิบออกมาอ่านอีกเพียบ สงสัยจะโดนหนังสือทับก่อนที่จะอ่านหมด

28.3.53

ติดสอยห้อยตามไปอิ่ม

โชคดีมีลาภปากลอยมาอีกแล้วค่ะ ... พี่ชายคนดีโบนัสออก เลยบอกว่าจะพาสมาชิกที่บ้านไปหม่ำของอร่อย ให้คนดีคัดสรรจัดหาร้านอร่อย ... เราเลยได้ใช้สิทธิผู้ติดตาม ห้อยท้ายตามไปหม่ำด้วย


เกรงใจ้ เกรงใจ เพราะมีงานเลี้ยงอะไร เมื่อไหร่ เป็นติดตามไปหม่ำด้วยเกือบทุกครั้ง ... แต่คนดีบอกว่า ป๊าระบุมาว่าให้ไปด้วย ห้ามเบี้ยว ป๊าไม่ว่าอะไร หนูก็ขอใช้สิทธิผู้ติดตามเต็มที่ค่ะ


คนดีแวะไปส่งของให้ลูกค้าก่อน แล้วไปแวะรับโซ้ยอี้ กับ โซ้ยเตี๋ย ... ส่วน ป๊า น้องสาว น้องชาย+แฟนน้องชาย รอพี่ชายคนดีมาแวะรับค่ะ ... สมาชิก 9 คน กับ รถ 2 คัน ต่างมุ่งหน้าตรงไป บางขุนเทียน-ชายทะเล


ตรงดิ่งไปจนสุดทาง เลี้ยวขวานิดนึงก็ถึงลานจอดรถของ ร้านจุดชมวิวทะเลกรุงเทพ - Bangkokseaview Restaurant แล้วค่ะ ... จอดรถเรียบร้อย ก็มาซื้อตั๋วลงเรือ ไป-กลับ คนละ 50 บาท แล้วนั่งรอเวลาเรือออกสักพัก


จากนั้นเราก็ลงเรือหางยาวลำโต ลัดเลาะไปตามป่าโกงกาง ราวๆ 15-20 นาที ก็ถึงจุดหมายค่ะ ... แต่ก่อนจะขึ้นไปร้านอาหาร เรือจะพามาชมจุดบอกเขตกรุงเทพฯ ที่อยู่กลางน้ำก่อนค่ะ แล้วก็วนกลับไปส่งเราขึ้นร้าน


จริงๆ มาร้านนี้ตอนช่วงเย็นๆ ใกล้ๆ ค่ำจะบรรยากาศดีกว่านี้นะคะ โพล้เพล้หน่อย ดูอาทิตย์ลับฟ้าไป แสงคงสวย ฟ้าคงสวย ... แต่ป๊าไม่อยากรอตอนค่ำ ขอเป็นหม่ำมื้อกลางวันนี่แหละ ... ถึงจะมาตอนเที่ยงแต่ก็ไม่ร้อนนะคะ ร้านเปิดโล่ง รับลมได้เต็มๆ นั่งทานได้สบายค่ะ


มากัน 9 คน สั่งอาหารมา 9 อย่างพอดี ... ข้าวผัดปู แกงส้มใบชะคราม ยำถั่วพู ปูผัดผงกะหรี่ หมึกผัดไข่เค็ม หอยแครงทรงเครื่อง ปลาเก๋าสามรส ปลากระพงทอดกระเทียม ปลาแรดยำมะม่วง ... มีปลา 3 ชนิด กินกันฉลาดปราดเปรื่อง ลงน้ำว่ายคล่องเลยค่ะ


รสชาติอาหารโดยรวมธรรมดานะคะ ไม่ได้น่าประทับใจมาก ... บางจานจืดไปนิด บางจานเค็มไปหน่อย และที่สำคัญโซ้ยอี๊ แม่ครัวมือเอกของบ้านนี้ ที่ทำกับข้าวอร๊อย อร่อย มาด้วย เลยบอกได้ว่าบางจานให้โซ้ยอี๊ทำอร่อยล้ำกว่าค่ะ ... ชิมไปติไป แต่ก็จัดการกันเกลี้ยงนะคะ เกลี้ยงขนาดแมวเห็นจานปลาแล้วน้ำตาร่วงแน่ๆ ค่ะ


อิ่มแล้วก็นั่งคุย รับลมกันเพลินๆ สักพักรอเวลาเรือรอบต่อไปมาส่งผู้โดยสาร แล้วรับผู้โดยสารกลับค่ะ ... แดดแรง แต่ลมก็แรงเย็นสบาย นั่งเรือพักเดียวก็ถึงท่าเรือค่ะ กลับขึ้นฝั่ง แบ่งสมาชิกขึ้นรถ แล้วก็แยกย้ายค่ะ


คนดีมาส่งสมาชิกที่บ้าน แล้วก็เลยมาส่งเราที่บ้านต่อ ... อิ่มจังตังค์อยู่ครบ สบายท้อง สบายกระเป๋าไปอีกวัน ขอบคุณค่า

27.3.53

When in Rome

ดูหนังอีกแล้วค่ะ คราวนี้กลับสู่สภาพเดิม คือควงคนดีไปดูหนัง ... เพราะหนังเรื่องนี้คนดีก็อยากดู และเป็นหนังที่เราประกาศไว้ว่า ถ้าคนดีจัดเวลามาดูด้วยไม่ได้ เราจะไปดูเพียงลำพัง ... คนดีรีบติดเบรคเอี๊ยด บอกให้ใจเย็นๆ รอกันสักนิด


คนดีรีบจัดสรรเวลา วันเสาร์ที่ยังพอมีเวลาไว้ให้ทันที ... แต่เพราะกลับจากปาร์ตี้ส่งท้ายคราฟท์ คาเฟ่ ดึกดื่น เลยตื่นกันสายโด่ง ตื่นปุ๊บ รีบเช็ครอบหนัง จองตั๋ว แล้วอาบน้ำแต่งตัวออกไปทันที


ตรงไปเมเจอร์ รัชโยธิน เพราะนอกจากจะไปดูหนังแล้ว เรายังจะไปลองชิมราเมนเจ้าอร่อยที่พี่จุ๊บแนะนำมาด้วย ... Basara-ka Ramen


คนดีสั่ง Basara-ka ramen เมนูที่มีชื่อเหมือนกับชื่อร้านมาลอง ส่วนเราสั่ง Tontoro ramen มาชิม ... ทั้งสองชามมีส่วนประกอบคล้ายกัน รสชาติน้ำซุปเหมือนกัน น้ำซุปใสเบาแต่รสเข้มข้น เส้นราเมนค่อนข้างนุ่ม หมูย่างเนื้อนุ่ม ชิ้นหนากำลังดี มีมันติดมานิดหน่อย ... แต่ Basara-ka มีไข่ต้ม กับ สาหร่าย มาให้ด้วย ไข่ต้มอร่อยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก


มี Pork Croquette เป็นจานเสริมมาแบ่งกัน ... ก็เราโปรดปรานเมนูนี้เหลือเกิน เจอที่ไหนก็สั่งมาลองชิม ของร้านนี้ไม่ประทับใจเท่าไหร่ค่ะ ด้านนอกเกรียมไปนิด เนื้อในนุ่ม แต่ไม่เนียนนุ่มละมุนลิ้นอย่างที่ชอบค่ะ


อิ่มสบายท้อง อร่อยถูกใจ ชำระค่าเสียหายเรียบร้อยก็รีบไปดูหนังค่ะ ... When in Rome - อธิษฐานวุ่นลุ้นรัก ณ กรุงโรม


เบ็ธ ภัณฑารักษ์สาวผู้ประสบความสำเร็จ แต่ไม่มีโชคในด้านความรัก เดินทางไปร่วมงานแต่งงานของน้องสาวที่กรุงโรม อิตาลี ... เบ็ธแอบหยิบเหรียญจากน้ำพุแห่งความรัก ทำให้หนุ่มๆ เจ้าของเหรียญติดตามไปจีบเธออย่างไม่ลดละ ... แล้วยังมีนักข่าวหนุ่มมากเสน่ห์อย่าง นิค มาร่วมขบวนอยู่ด้วย เขาทำให้เธอใจสั่นหวั่นไหวมากที่สุด แต่เธอจะรู้ได้อย่างไรว่าความรักที่นิคมีให้เธอ เป็นของจริง ไม่ใช่เพราะมนต์แห่งเหรียญ


หนังสไตล์โรแมนติค คอมเมดี้ กุ๊กกิ๊กน่ารักดีค่ะ ... ดูเพลินๆ หนังเล่าเรื่องต่อเนื่อง กระชับ ไม่เยิ่นเย้อ ดูไปลุ้นไปว่าจะลงเอยยังไงค่ะ ดูเพลิน ดูเรื่อยๆ แต่เหมือนขาดอะไรไปนิดหน่อยค่ะ แต่โดยรวมก็พอใจนะคะ



ดูจบแล้วก็ไปแวะเติมของหวานที่ร้านละเลียด เจอ Chocolate Volcano เมนูใหม่ เลยลองชิมซะเลย ... เนื้อเค้กร่วนไปนิดค่ะ แต่ชอคโกแลตซอสข้างในกำลังดี ตักกินกับวิปครีมที่ให้มา เหมาะเลยค่ะ แต่ก็คิดว่าเค้กอุ่นๆ น่าจะเหมาะกับไอติมเย็นๆ มากกว่าผลไม้นะคะ


อิ่มแล้วก็กลับเข้าบ้าน เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า ไปค้างบ้านคนดีค่ะ ... ถึงบ้านคนดีปุ๊บ ก็ลงมือทำงานปั๊บ ช่วยคนดีจัดชุดแพ็คของลงกล่องเตรียมส่งลูกค้าค่ะ ... ตะลอนเที่ยวเพลินเพลินมาทั้งวัน ตกเย็นก็ต้องทำงานให้คุ้มค่าแรงค่ะ

24.3.53

The Tooth Fairy

หนังเรื่องแรกที่ไปดูคนเดียวในรอบ 8 ปี ...


ก่อนจะคบกับคนดีก็ดูหนังคนเดียวอยู่เรื่อยๆ นะคะ แต่พอคนดีก้าวเข้ามาในชีวิตแล้ว ก็ไม่ได้ดูหนังคนเดียวอีกเลย ... ไม่ใช่ไปดูคนเดียวไม่ได้นะคะ แต่คนดีไม่ยอมให้ไปดูคนเดียว เพราะส่วนใหญ่จะเป็นหนังที่อยากดูเหมือนกัน เลยต้องรอดูพร้อมกัน


แล้วเพราะอยากดูทั้งคู่ รอดูด้วยกันนี่หล่ะค่ะ ทำให้อดดูหนังมาหลายเรื่องแล้ว ... หลังๆ คนดีงานเยอะ จัดสรรคิวลำบาก รอกันไปรอกันมาจนพลาด เราเลยประกาศว่า "ถ้าไม่ว่างมาดูหนังด้วย ไม่เป็นไร เค้าไปดูหนังคนเดียวได้ บอกมาว่าไม่ว่างจะไม่ว่าอะไรเลย แต่ที่เค้าไม่ได้ดู เพราะมัวแต่รอตัวเองนี่แหละที่จะทำให้เค้าอารมณ์เสีย" เพราะฉะนั้นถ้าเรื่องไหนที่เราอยากดู แล้วคนดีเองก็อยากดู คนดีต้องรีบจัดการจัดสรรเวลามาดูด้วย มิฉะนั้น เราจะทิ้ง หนีไปดูคนเดียว


พอดีช่วงนี้มีหนังน่าสนใจหลายเรื่อง กะว่าจะตามเก็บดูวันพุธเพราะราคาตั๋วลดลง ประหยัดดี ... พอดีวันนี้คนดีติดภารกิจดูติดตั้งป้ายอาคารลูกค้า ตอนแรกว่าจะมาดูหนังด้วย คงมาไม่ได้แล้ว ... เราเลยตัดสินใจไปดูหนังคนเดียวดีกว่า เพราะมีเรื่องที่อยากดู แต่คนดีไม่สนใจเท่าไหร่



The Tooth Fairy - เทพพิทักษ์ฟันน้ำนม ... ดีเร็ค ธอมป์สัน นักกีฬาฮ็อคกี้ร่างใหญ่ขาลุย ได้ฉายา เทพพิทักษ์ฟันน้ำนม มาจากนิสัยการเล่นฮ็อคกี้แบบห่ามๆ ลุยๆ ของเขาที่ชอบถอนฟันคู่แข่งกลางสนาม ... เผอิญเขาไปพูดทำลายความเชื่อเรื่องเทพฟันน้ำนมของเด็กคนนึง ทำให้เหล่าเทพฟันน้ำนมตัวจริงยอมรับไม่ได้ จัดการลงโทษเขาด้วยการบังคับให้เขามาปฏิบัติหน้าที่เทพฟันน้ำนมจริงๆ เมื่อใดที่ปฏิบัติหน้าที่ได้สมบูรณ์ จึงจะได้รับยกเลิกบทลงโทษนั้น


เมื่อนักกีฬาฮ็อคกี้จอมโหด หุ่นล่ำ เจอปาฏิหารย์ ต้องมาติดปีก ถือไม้กายสิทธิ์ ... เขาจะทำภารกิจใหม่ลุล่วงสำเร็จหรือไม่


ไม่อยากจะบอกเลยค่ะ ว่าที่อยากดูหนังเรื่องนี้เพราะชอบ เดอะ ร็อค อดีตนักมวยปล้ำหุ่นบึ้ก ... เพราะมีอยู่ช่วงที่ชอบดูมวยปล้ำ WWE มากกกกก เช้าวันเสาร์-อาทิตย์ จะตื่นมาดูผู้ชายตัวล่ำๆ มาไล่ทุบกัน แบบแอบเตี้ยมกันไว้เล็กน้อย สนุกดี


เราว่า เดอะ ร็อค ดูตลกดี เป็นผู้ชายตัวโต้โต แต่หน้าตาท่าทางดูไม่ดุโหด มีบางมุมดูขำๆ ฮาๆ ... แล้วในหนังเรื่องนี้ต้องใส่ชุด fairy ดูน่ารักไปอีกแบบค่ะ เป็นหนังดูได้เพลินๆ เด็กดูสบาย ผู้ใหญ่ดูเพลินค่ะ ... เสียดายอยู่นิดที่กะว่าวันนี้ราคาตั๋วหนังน่าจะแค่หลัก 10 แต่เพราะหนังเรื่องนี้ฉายในโรงดิจิตอล ราคาเลยยังแตะอยู่ที่หลัก 100 เหมือนเดิม แต่ก็ถูกกว่าปกตินิดหน่อย


แล้วที่จองตั๋วไว้ใบเดียว กะว่าดูหนังคนดี ก็กลายเป็นมีสาวมาดูเป็นเพื่อนด้วย ... สาวที่ว่าคือ สาวฝน ค่ะ จำไม่ได้ว่าคุยอะไรกันตอนเย็น น้องเลยสนใจอยากจะมาดูหนังด้วย เลยได้เพื่อนดูหนัง ไม่โดดเดี่ยว แต่ก็โล่งๆ โหวงๆ นะคะ เพราะในโรงหนังคนน้อยเหลือเกิน

ไม่เข้าใจว่า พอบอกว่าจะดูหนังคนเดียว ทำไมถึงมีคนประหลาดใจ ตกใจ และคิดว่าน่าจะเหงาหงอย ... เข้าไปดูหนังก็ไม่ค่อยได้คุยกันอยู่แล้วนะคะ ไม่รู้เพราะน้องฝนกลัวเราเหงารึเปล่า ถึงได้มาดูหนังด้วย แต่ก็ดีนะคะ เพราะน้องจะได้คลายเครียดจากงานไปได้ เพราะได้ยินเสียงหัวเราะลอยมาเป็นระยะ

จบจากเรื่องนี้แล้ว ยังมีอีกเรื่องที่จ่อรอคิวอยู่ ซึ่งคนดีก็อยากดูเหมือนกัน ... ถ้าพุธหน้าคนดียังไม่ว่างอีกหล่ะก็ จะหนีไปดูเพียงลำพังอีกเช่นกัน ไม่รอแล้ว

20.3.53

บ้านฉัน..ตลกไว้ก่อน (พ่อสอนไว้)


เว้นว่างจากการเข้าโรงหนังไปพอสมควร เลยไม่ได้ดูตัวอย่างหนัง เลยไม่รู้ว่ามีหนังเรื่องไหนน่าสนใจบ้าง ... แต่หนังเรื่องนี้ ได้ข่าวจาก Facebook ค่ะ เพราะเป็นแฟนจีทีเอช ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่พอได้จิ้มดูคลิปตัวอย่างหนังเท่านั้นหล่ะ อยากดูขึ้นมาทันที




(ภาพโปสเตอร์จาก http://www.banchanmovie.com/ คลิปจาก YouTube ของ GTH2004 ค่ะ)
พระเอกเป็นหนุ่มน้อยวัยประถม ประกบคู่กับสาวสวยอย่างพอลล่า ก็น่าสนใจแล้ว ... แต่แม่หนูตัวน้อยที่ยิงมุข "วันกระเทย" นี่หล่ะค่ะ ที่น่าเอ็นดู๊ น่าเอ็นดู ทำเอายิ่งอยากดู


ว่าแล้วก็หนีขบวนเสื้อแดงเคลื่อนตัววันเสาร์ห้าเข้าโรงหนังดีกว่า ... ก่อนออกจากบ้านก็ติดตามสถานการณ์การจราจรอย่างใกล้ชิด เพราะเคลื่อนผ่านใกล้บ้านอยู่เหมือนกัน จะได้หาทางเลี่ยง และตัดสินใจได้ว่าดูหนังที่ไหนดี


สุดท้ายเลือกไปเซ็นทรัล ลาดพร้าวค่ะ ... ไปถึง 12.30 น. ได้ตั๋วหนังรอบ 13.00 พอดี ท้องที่หิวโหยก็ปล่อยให้ร้องไปก่อน ดูหนังจบค่อยว่ากัน


บ้านฉัน..ตลกไว้ก่อน (พ่อสอนไว้) หรือ The Little Comedian ... เรื่องของ ต๊อก หนุ่มน้อยประถม 6 ทายาทอันดับหนึ่งของหัวหน้าคณะตลกพาเพลิน ที่สืบทอดเสียงหัวเราะมาตั้งแต่บรรพบุรุษ แต่ต๊อกเล่นมุขไหนๆ ก็ฝืดไปหมด ... ทั้งที่ทายาทอันดับสอง ม่อน น้องสาวจอมแก่นของเขายังเล่นมุขฮากว่าเยอะ


แต่ถึงยังไง ต๊อกก็ยังพยายามฝึกฝน ฝึกมุข หวังจะเป็นตลกแบบพ่อให้ได้ เพราะต๊อกกลัวว่า ถ้าไม่ตลก พ่อจะไม่รัก และสาวจะไม่สนใจ ... มีเพียง หมอน้ำแข็ง คุณหมอรักษาสิวสุดสวยคนเดียวที่ขำมุขที่ต๊อกเล่น ต๊อกพยายามจะสานสัมพันธ์รักต่างวัย แต่ต๊อกก็ได้รู้ว่าคุณหมอน้ำแข็งก็มีปัญหาหัวใจที่ต้องจัดการอยู่เหมือนกัน


หนัง Feel Good ตามสไตล์จีทีเอช ดูได้เพลินๆ ดูไปยิ้มไปขำไป ... แต่หนังเรื่องนี้เป็นหนังตลกที่ทำให้เราน้ำตาไหลพราก และ ยังทำให้ขำได้ขณะที่น้ำตาไหลพรากด้วยค่ะ


เป็นหนังตลก ที่ทำให้ ฮา ซาบซึ้ง และอบอุ่นค่ะ ... แนะนำให้ดูค่ะ

19.3.53

Birthday Party

เมื่อต้นเดือน บีหมวยมาบอกว่า "พี่จุ๊บชวนไปปาร์ตี้วาฟเฟิลที่ร้าน" นัดไว้วันศุกร์ที่ 12 มีนา ... นัดกันดิบดี แต่มีเหตุให้ปาร์ตี้ต้องเลื่อน เพราะเสื้อแดงนัดชุมนุม


ปาร์ตี้เลยเลื่อนมาเป็นศุกร์ 19 มีนาแทนค่ะ ... สาวๆ ในออฟฟิศยกพลไปหลายชีวิต เพราะกะว่าจะไปส่งท้ายวาฟเฟิลอร่อยๆ ก่อนที่พี่จุ๊บจะย้ายทำเล


คันแรกของเม็ดนุ่น พาหมวยบี น้องแตง บีเล็ก และ พี่ตู่ ล่วงหน้าไปก่อน เพราะหมวยบีหิวมากกกกกกกกกกก หิวโหย หมดแรง จวนเจียนจะเป็นลม เลยต้องล่วงหน้าไปหาอะไรรองท้องก่อน... คันที่สองของคนดี มีเรา สาวกบ และสาวตุ๊ดตู่ ที่ติดเคลียร์งานอีกหน่อยนึง และยังไม่หิวโหยนัก ตามไปสมทบ


คันแรกไปฝากท้องที่ร้านราดหน้าตรงปากซอย คันสองตามไปถึงก็นั่งปักหลักรอในร้าน ... พักเดียวเท่านั้นอาหารเวียดนามที่พี่จุ๊บสั่งไว้ก็มาส่งพอดีค่ะ สาวๆ คันแรกก็กลับมาพอดี น้องจือที่มาถึงตั้งแต่บ่ายๆ แล้ว ก็มาช่วยกันจัดการจัดอาหารลงจาน เตรียมพร้อม


อาหารพร้อมแล้ว คุณพัช กับ ครูแอนก็ตามมาสมทบพอดี ... คุณพัชกับครูแอน มาพร้อมกับของขวัญวันเกิดเล็กๆ น้อยๆ มีทั้งของเรา และของคนดี ... พี่จุ๊บก็มีของขวัญกล่องน้อยให้ด้วย ... แต่ที่ขาดไม่ได้คือการ์ดใบใหญ่พิเศษค่ะ


แล้วก็มีเซอร์ไพรส์จากคนดี ดอกไม้ม่วงขาว ในช่อสีม่วง ... โอ้ ดอกไม้ช่อที่ 3 ในรอบ 8 ปี ... คนดีสั่งดอกไม้ให้มาส่งที่ร้านพี่จุ๊บล่วงหน้า แล้วพี่จุ๊บช่วยเอาไปซ่อน ก่อนจะส่งให้คนดีถือมาให้ในจังหวะพอเหมาะ ... คนดีที่ถือดอกไม้มา ออกอาการเขินเหมือนเคยค่ะ


สมาชิกพร้อมหน้าแล้ว ก็ลงมือหม่ำค่ะ ... สักพัก น้องตาล กับ พี่หมี ก็ตามมาสมทบ ... สาวๆ ออฟฟิศเราเล็มอาหารคาวพอเป็นพิธี เพราะเผื่อท้องไว้รอวาฟเฟิลค่ะ ระหว่างรอวาฟเฟิลก็ถ่ายรูปกันสนุกสนาน


กำลังถ่ายรูปเพลินๆ ไฟก็ดับ เสียงเพลงแฮปปี้เบิรท์เดย์ดังขึ้น พร้อมๆ กับ เค้กวาฟเฟิล ที่มีไอติมวนิลา กับ บลูเบอรี่ราดหน้ามา ... จากนั้นพี่จุ๊บก็มือเป็นระวิง ทำวาฟเฟิลปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง


นั่งเมาท์กันอีกหน่อย ถ่ายรูปเล่นกันอีกนิด สาวๆ ก็เริ่มทยอยกลับ ... ที่เหลืออยู่ก็เม้าท์กันไป หม่ำวาฟเฟิลกันไป จนสี่ทุ่มกว่า จวนจะห้าทุ่ม ก็ขอตัวกลับ เพราะต้องพาสาวสองคนกลับไปส่งสามีเค้าค่ะ


ส่วนพี่จุ๊บ คุณพัช ครูแอน และน้องตาล ยังเม้าท์กันต่อ ไม่รู้ว่าปาร์ตี้เลิกตอนกี่โมง ... แต่นัดกันล่วงหน้าแล้วว่าจะมีปาร์ตี้อำลาร้านคราฟท์กันอีกทีศุกร์หน้า คราวนี้คงอยู่เม้าท์กันยาวววววววววววววววววค่ะ


ขอบคุณพี่จุ๊บ สำหรับสถานที่ วาฟเฟิลอร่อยๆ ทุกจาน ยาทาเล็บที่ให้มา และดีไซน์การ์ดใบยักษืนะคะ


ขอบคุณคุณพัช ที่จัดการทำการ์ดใบใหญ่ และของขวัญทั้ง สองชิ้น ... ขอบคุณครูแอน สำหรับบ็อกเซอร์สีม่วง และปากกา stitch ค่ะ


ขอบคุณสาวๆ ที่หาของขวัญมาให้ ทั้งเค้กร็อคกี้โรดร้านละเลียดจากกบ บีเล็ก บ่ม ... กระเป๋า stitch ใบน้อย ของน้องฝน ... เทียนหอมของพี่ตู่ ... และแม๊กซี่เดรส ของ บีหมวย แตงไทย เม็ดนุ่น


ตั้งแต่ตอนที่บีหมวยบอกว่าจะมีปาร์ตี้ที่ร้านพี่จุ๊บ ก็ตะหงิดๆ ว่า น่าจะมีเซอร์ไพรส์วันเกิด ... เพราะปกติเวลามีนัดปาร์ตี้ พี่จุ๊บจะคุยกับเราเรื่องอาหารว่าจะกินอะไร ยังไงดี แต่คราวนี้เงียบฉี่


สาวๆ ที่ออฟฟิศ ปกติจะหาของขวัญมาให้ตรงวันเกิดพอดี แต่คราวนี้ขอติดไว้ก่อน ... แล้วพอสถานการณ์ไม่ชัดเจน ว่าออฟฟิศจะหยุดรึเปล่า ก็ดูกระตือรือร้นว่าจะเลื่อนไปวันไหนยังไงดี ... แล้วบีหมวยยังย้ำให้แต่งตัวสวยซะอีก


ยังไงก็ขอบคุณทุกๆ คนนะคะ สำหรับปาร์ตี้เล็กๆ น้อยๆ ... ขอบคุณที่พร้อมใจกันใสเสื้อม่วง ชุดม่วง เอาใจเจ้าของวันเกิด ... ขอบคุณสาวๆ ที่รวมตัวไปเฮฮา


และขอบคุณคนดี สำหรับดอกไม้สวยๆ ช่อที่ 3 ที่เป็นช่อโตที่สุดที่ได้มาในรอบ 8 ปี ช่อเดียวควบทั้งวันเกิด และครบรอบ ... ขอบคุณค่ะ


^_________ ^



(รูปประกอบ มาจาก facebook ของคนดี ... ส่วนรูปบรรยากาศเพิ่มเติม ตามไปดูได้ในอัลบั้มรูป ใน facebook ของพี่จุ๊บ คุณพัช หมวยบี และคนดีนะคะ)

16.3.53

หลบร้อน รับลมทะเลปราณ-หัวหิน # 4

ย้อนดูวันที่สาม ที่นี่ ค่ะ


วันสุดท้ายของการพักร้อน หลบร้อน รับลมแล้วค่า ... ตื่นแต่เช้า อาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน ออกไปหม่ำๆๆ ห้องอาหารที่นี่พื้นที่ค่อนข้างจำกัด มีให้เลือกนั่งได้ทั้งด้านใน ด้านนอก ... สเตชั่นอาหารไม่อลังการ แต่ก็มีอาหารหลากหลายชนิด ข้าวต้ม น้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋ ขนมปังนึ่งสังขยา ข้าวเหนียวหมูปิ้ง สลัด ซีเรียล วาฟเฟิล แพนเค้ก ขนมจีบ ซาลาเปา


ส่วนเมนูไข่ๆ พนักงานจะมารับออเดอร์ที่โต๊ะค่ะ เลือกได้ว่าต้องการ ไข่ดาว ไข่คน หรือ ออมเล็ท สุกมาก สุกน้อย ใส่อะไรบ้าง ทานเคียงกับอะไรบ้าง ... ระบุได้เลยค่ะ


เราเลือกไข่คนใส่เบคอน แฮม ชีส คู่กับ เบคอน และไส้กรอกไก่ ... คนดีเลือก ออมเล็ทเบคอน แฮม ชีส คู่กับ เบคอน ไส้กรอกหมู ไส้กรอกไก่ ... จัดการเมนูไข่ๆ กับ อาหารอื่นๆ อีกเล็กน้อย พอท้องตึงๆ ก็กลับเข้าห้องพักไปหลับอีกงีบค่ะ ... บอกแล้วว่ามากินๆ นอนๆ


สิบเอ็ดโมงนิดๆ ก็เก็บข้าวของ เตรียมเช็คเอาท์ค่ะ ... ประทับใจที่นี้มาก จนตั้งใจว่าจะต้องกลับมาอีกแน่ๆ แต่เมื่อไหร่ ยังไม่รู้ค่ะ


ออกจากที่พัก ก็ย้อนกลับไปซื้อขนมของฝากที่ร้านแม่เก็บ แล้วดิ่งตรงกลับกรุงเทพฯ ... ตอนแรกกะว่าจะแวะเพลินวาน ไปดูสักหน่อยว่าส่วนที่ต่อขยายออกไปเป็นยังไงบ้าง แต่ครั้งก่อนที่แวะก็ไม่ได้ชอบใจ ประทับใจอะไรมากนัก มาเจอแดดแรงๆ ช่วงเที่ยงแบบนี้ เลยเปลี่ยนใจค่ะ ... ยิงยาวกลับบ้านดีกว่า


มาจอดแวะซื้อขนมของฝากที่ บ้านนันทวัน อีกนิด แวะกินข้าวหน่อยนึง ... แล้วก็ตรงดิ่งเข้ากรุงเทพ คนดีมีธุระที่ต้องไปแวะรับตัวอย่างงาน ดูตัวอย่างสี เราก็ติดสอยห้อยตามไปด้วย


ตะลอนจัดการธุระจบ ก็กลับเข้าบ้าน มานอนอืดดดดดดดดดดดดดดดดดด กันต่อ ... ปิดทริป พักร้อน กินๆ นอนๆ แบบอืดๆ กันเลยค่ะ


ทริปนี้จะเป๊ะ ลงตัวกว่านี้ ถ้าคนดีได้พักผ่อนจริงๆ ไม่ต้องวุ่นวายนุงนังกับงาน ... จัดทริปให้มาพักผ่อน แต่กลายเป็นขับรถมาเปลี่ยนที่ทำงานซะอย่างนั้น ... อยากให้พัก ไม่ชอบพัก ก็ไม่เป็นไรค่ะ ไว้ทริปหน้าแก้ตัวใหม่แล้วกัน หวังว่าแพลนเที่ยวล่วงหน้าคงไม่มีงานตามมาประกบอีกนะคะ


15.3.53

หลบร้อน รับลมทะเลปราณ-หัวหิน # 3

ย้อนกลับไปดูตอนสอง ที่นี่ ค่ะ


อรุณสวัสดิ์วันจันทร์ที่ไม่ต้องทำงาน ถึงจะไม่ทำงานแต่ก็ตื่นเช้าเหมือนปกติ ... ตื่นลงไปรับลมทะเลยามเช้า ไปนั่งหม่ำมื้อเช้าริมทะเลค่ะ


อาหารเช้าที่นี่เป็นเซ็ทค่ะ ตอนที่มาเช็คอินพนักงานก็ส่งรายการอาหารเช้าให้เราเลือกไว้เลยค่ะ ... มี อเมริกันเบรคฟาสท์ ข้าวต้ม และ ไข่กระทะค่ะ


เราสองคนเลือกเซ็ทไข่กระทะเหมือนกันค่ะ เสิร์ฟพร้อมกับขนมปังกระเทียม ผลไม้สด และเครื่องดื่มที่มีหลายรายการให้เลือกค่ะ ... เป็นไข่กระทะที่อร่อยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก


อิ่มกำลังดีก็กลับไปนอนเอกเขนกดูทีวีติดตามข่าวสารต่อ ... หลับพักอีกงีบ แล้วค่อยอาบน้ำแต่งตัว เก็บสมบัติ เตรียมเช็คเอาท์ค่ะ ... ขนของขึ้นรถเรียบร้อย ระหว่างนั่งรอพนักงานเช็คห้อง เราก็ย่องไปหยิบ ชอคโกแลต m&m ในกล่องหัวใจสีแดง มาส่งให้คนดี เป็นของขวัญเล็กๆ น้อยๆ วันครบรอบค่ะ


เคลียร์ห้องเรียบร้อยก็เดินทางกันต่อค่ะ ... ขึ้นรถปุ๊บคนดีก็ส่งถุงพลาสติคมาให้ เปิดเจอการ์ด 2 ใบ ของ 2 โอกาส แล้วมีซองกระดาษแข็งๆ อีกใบ เห็นแล้วรู้ทันทีว่าเป็น gift card ของเซ็นทรัลแน่ๆ อุ๊ย ชอบใจ ขอบคุณนะคะ ... อารมณ์ดี๊ดีแบบนี้ มุ่งหน้าไปหม่ำกันดีกว่าค่ะ เพราะยังไม่รู้สึกหิวมากเท่าไหร่ เลยเลือกอาหารเบาๆ ทานง่ายๆ รวดเร็ว แต่ต้องอร่อยค่ะ


ก๋วยเตี๋ยวปลานายหอย คือ ทางออกของเราสองคนค่ะ ... หนังปลาทอด หนังปลาชุบแป้งทอดมากรอบกร้วม กินกับน้ำจิ้มเผ็ดๆ หวานๆ เพลินดีค่ะ ... เกี๊ยวปลาเส้นปลาต้มยำ สั่งมาคนละชาม รสกลมกล่อมไม่ต้องปรุงเพิ่มเลยค่ะ ... ตบท้ายด้วย บะหมี่แห้งต้มยำ มาแบ่งกันนี่ก็ปรุงมากลมกล่อมพอดี แค่คลุกให้เข้ากันก็ส่งเข้าปากได้เลยค่ะ จานนี้แนะนำให้รีบทานทันทีที่มาเสิร์ฟค่ะ เพราะเกี๊ยวกรอบที่โรยมายังกรอบกรุบ จะเอร็ดอร่อยกว่าทิ้งไว้นาน เพราะจะนิ่มไปนิดค่ะ


อิ่มแล้วก็เข้าที่พักค่ะ แต่จะตรงไปที่พักเลยก็ดูจะคาดอะไรไปนิดนะคะ เพราะยังไม่มีของหวานล้างปาก ... เราสองคนแวะซื้อลอดช่องสิงคโปร์ลุงดำ มาดูดปรี๊ดดดดด ชื่นใจกันคนละแก้วอีกวัน


เพลิดเพลินกับลอดช่องยังไม่ทันหมด ก็ถึงที่พักของคืนนี้แล้วค่ะ Rest Detail Hotel Hua Hin ... มาถึงไล่ๆ กับอีกกลุ่มที่กำลังรอเช็คอินพอดี พนักงานบอกให้นั่งรอสักครู่ แล้วรีบนำเวลคัมดริงค์มาเสิร์ฟ


ชามะนาว ชื่นใจ ในแก้วเอียงกะเท่เร่ กับ ผ้าเย็นหอมๆ สดชื่นดีค่ะ ... นั่งชมวิว ดูนั่นโน่นนี่ไปเรื่อย พนักงานก็มาแจ้งข่าวเป็นระยะ เอาเอกสารมาให้เซ็น เพราะเคยมาพักครั้งนึงแล้ว มีประวัติเดิมอยู่ เลยไม่ต้องกรอกอะไรเยอะแยะ แค่เซ็นชื่อแกรกเดียว ... เอกสารเรียบร้อย แต่ห้องยังไม่เรียบร้อย พนักงานบอกว่ารอสักครู่จะรีบจัดการให้เร็วที่สุด


เราก็โอเค สบายใจ ไม่ว่าอะไร ... แต่แป๊บเดียวเท่านั้น พนักงานอีกคนก็เดินมาบอกว่า ห้องยังไม่เรียบร้อย เพื่อที่จะไม่ต้องรอนาน จะอัพเกรดห้องให้ ... ได้ยินปุ๊บ ก็พยักหน้าหงึกหงัก แล้วสมองก็ประมวลผลทันที คราวนี้ซื้อ voucher ห้องแบบ Rest Green ใช้วันธรรมดาได้อัพเกรดเป็น Rest Spirit เลยคิดว่า คงจะได้อัพเกรดเป็น Rest Horizon เหมือนที่ได้พักครั้งที่แล้ว


แต่ว่า.....................................................................................................................


ประโยคต่อมาที่พนักงานสาวคนนั้นพูดคือ "จะอัพเกรดไปห้อง Beach Village ให้ค่ะ" ... เฮ้ย อะไรนะ บีช วิลเลจ ไม่จริงงงงงงงงงงงง


เดินตามพนักงานที่ช่วยขนสัมภาระไปขึ้นรถกอล์ฟ ไปตรงโซนวิลเลจที่อยู่ใกล้ๆ กัน ... โอ๊ะ โอ๊ะ โอ๊ะ ได้อัพเกรดมาห้องไฮโซเกินคาดค่า พอพนักงานแนะนำห้องเรียบร้อย เดินกลับออกไป เราก็ออกอาการดี๊ด๊าจนคนดีขำ


ก็ซื้อ voucher ห้องต่ำสุด แล้วจู่ๆ ก็ได้อัพเกรดห้องขึ้นมาอีก 4 step จะไม่ดีใจยังไงไหวคะ แค่ได้อักเกรด step เดียวก็ดีใจแล้ว ... จากห้องพักที่ควรจะอยู่บนตึก มาเป็นบ้านพักเป็นหลังอยู่ใกล้หาด เปิดม่านชมวิวทะเลได้เต็มๆ ตาแบบนี้ หูย ประทับใจสุดๆ


เตียงนอนหนาแน่น หมอนนุ่ม ห้องน้ำมีทั้งอ่างอาบน้ำ เรนชาวเวอร์ และฝักบัว แอร์ พร้อมพัดลมเพดาน ตู้เย็น ทีวี พร้อมรายการเคเบิลบางช่อง มีเครื่องเล่นดีวีดีพร้อม wi-fi สัญญาณเต็ม และ เครื่องไอพอดที่บรรจุเพลงเพราะๆ ไว้แน่น ให้ยืมเปิดฟังได้เพลินๆ ... สำรวจห้องเรียบร้อย เก็บของเรียบร้อย ก็แยกกันคนละมุมค่ะ ... เรายืดเดย์เบดนอนเอกเขนกเล่นคอมฯ อ่านหนังสือ ... ส่วนคนดียึดโต๊ะทำงาน เปิดคอมฯ ทำงาน ตกลงมาพัก หรือ มาเปลี่ยนที่ทำงานคะเนี่ย


แยกย้ายคนละมุมได้พักใหญ่ ก็มีเสียงมาเคาะประตู ... คนดีอยู่ใกล้กว่าลุกไปเปิด เจอพนักงานเอา ผลไม้ต้อนรับมาเสิร์ฟ และเอาสายชาร์จไอพอดมาให้ ... นั่งทำงานไปอีกพักหญ่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ก็มีเสียงเคาะประตูอีกแล้ว คราวนี้พนักงานเอา ขนมกับเกลือแช่ตัว มาส่งให้ พร้อมถามว่าจะให้เทิร์นดาวน์ เปิดเตียง เตรียมเตียงนอนเลยรึเปล่า


คนดีกลับมานั่งทำงานอีกพัก เสียงเคาะประตูดังอีกแล้ว ... คราวนี้คนดีเดินกลับมาพร้อมช่อดอกไม้ แล้วเอามาส่งให้เรา พร้อมกับหน้าตางงๆ ... เราก็งง ว่าดอกไม้อะไร ของใคร จากไหน ให้คนดีเช็คป้าย แต่ก็ไม่มีระบุมา ... สุดท้ายเราเลยต้องเฉลยว่า สั่งดอกไม้มาให้ค่ะ


โทรสั่งดอกไม้จากร้านในหัวหินไว้ล่วงหน้าค่ะ แล้วนัดให้ร้านมาส่งให้ที่โรงแรม แล้วแอบนัดกับทางโรงแรมให้ช่วยนำส่งดอกไม้ตอนบ่ายสามโมง ซึ่งโรงแรมก็ส่งตรงเวลาเป๊ะ ... แต่พลาดไปหลายจุด เริ่มจาก ห่อดอกได้ขอเป็นสีขาว ริบบิ้นม่วง ก็พลาดเป็นชมพูหวาน บอกร้านให้เขียนการ์ดว่า ส่งให้คุณนก ก็ไม่มีมาซะอีก แจ้งโรงแรมไว้ว่าตอนมาส่งดอกไม้ให้บอกว่าของคุณเรวดี ก็ไม่มี ... แต่เอาเถอะค่ะ ส่งถึงมือก็ โอเคแล้ว


ดอกไม้มาแล้ว ก็ถึงเวลาของขวัญที่แอบซุกกระเป๋าได้ออกมาโชว์ตัว เราแอบหยิบกล่องของขวัญพร้อมการ์ดใบน้อยมาวางบนเก้าอี้ทำงาน ตอนคนดีลุกเดินไปที่อื่น ... คนดีเดินผ่านไปมาอยู่พักใหญ่ถึงจะหันมาเห็น อุ๊ย อ๊าย ชอบใจ แล้วแกะของทันที ข้างในเป็น CD case ที่มีแผ่นซีดีเพลงรัก 3 อัลบั้ม ใส่เอาไว้ พร้อมกับกระดาษโน้ตรูปหัวใจที่มีเนื้อเพลงโปรดของเราอีก 8 แผ่น 8 เพลง ตามจำนวนปีที่ครบรอบค่ะ


คนดีเคลียร์งานจบ เข้าสู่โหมดพักผ่อน และแดดร่มพอดี เลยชวนกันออกไปรับลม ชมวิว ถ่ายรูป เล่นกัน ... ลมตรงหน้าหาดแรงมากกกกกกกกก ผมสะบัดพัดกระเจิง เดินเล่นได้พักเดียวก็เข้าไปเอกเขนกเอนหลังค่ะ


นอนพัก ดูทีวี อาบน้ำให้สบายตัวแล้ว ก็ถึงเวลาสำคัญ เวลาหม่ำค่ะ ... ครั้งก่อนที่มาประทับใจกับอาหาร ครั้งนี้เลยฝากท้องไว้ที่นี่เหมือนเดิมค่ะ


บรรยากาศสบายๆ ริมสระ ได้ ฟรุตพันช์ กับ มะนาวโซดา มาดื่มชื่นใจ ... จะเลือกหม่ำอะไรดีน้า


เลือกไปเลือกมา ก็เหมือนเดิมค่ะ ... มีขนมปังกับเครื่องจิ้มมาเสิร์ฟให้หม่ำรองท้องก่อน ... สปาเกตตี้เส้นหมึกดำผัดเครื่องต้มยำทะเล รสจัดจ้านเหมือนเคย กุ้ง ปลาหมึก หอยเชลล์ที่ใส่มาก็สดกรอบ อร่อย ... ซีซาร์สลัด ที่เป็นผักโรเมนกับเนื้อกั้ง อร่อยค่ะ ... หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ผัดกับมะเขือเทศสับและใบโหระพา หอยตัวโตเบ้อเร่อ ผัดเครื่องมา อร๊อย อร่อยค่ะ ... สามจานอิ่มพอดี ตอนแรกกะว่าจะสั่งของหวาน มูสสองสี เลยต้องงด


ท้องอิ่มแบบนี้ก็กลับเข้าห้อง ไปเอกเขนกดูทีวีเปิดช่องเคเบิล ติดตามรายการโปรด ... ก่อนจะเข้านอนแบบ สบ๊าย สบาย ต้องนอนตุนให้เต็มที่ก่อนจะต้องตื่นไปเจอว่าวันรุ่งขึ้นจะเป็นวันสุดท้ายของการพักผ่อนแล้ว


วันสุดท้ายจะไปไหน ทำอะไร ติดตาม ที่นี่ นะคะ

: 96 เดือน :

วันที่ 15 มีนานี้ เราเดินข้างๆ กัน มา 96 เดือนแล้ว ก็เท่ากับว่ารักกันมา 8 ปีแล้ว ... จะว่านานก็นาน จะว่าแป๊บเดียวก็แป๊บเดียว


ขอบคุณนะคะ ที่รักกัน ดูแลกัน ห่วงใยกัน อดทนกัน ... ตะลอนเที่ยวด้วยกัน อยู่ด้วยกันแบบนี้ไปนานๆ นะคะ


ไว้ครบ 10 ปี 1 ทศวรรษ ค่อยจัดปาร์ตี้ฉลองดีกว่า ... ใครที่เชียร์ให้จัดงานก็รออีกพักใหญ่ๆ นะคะ ถ้าอยู่ทน อยู่นานกันแบบนี้อีก 2 ปี และโลกไม่แตกไปซะก่อน ก็กะว่าจะฉลองกันสักหน่อยค่ะ


ว่าแต่ว่าจะมีใครมาร่วมฉลองกับเราสองคนรึเปล่าน้อ

14.3.53

หลบร้อน รับลมทะเลปราณ-หัวหิน # 2

ย้อนอ่านตอนแรกได้ ที่นี่ ค่ะ


หลังจากหลับอุตุแบบสบาย ตื่นเต็มตาตอนแปดโมงนิดๆ บิดขี้เกียจ หมุนตัวออกจากผ้าห่ม เข้าไปอาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน ลงไปหม่ำค่ะ ... ตื่นปุ๊บ หิวปั๊บ


อาหารเช้าที่นี่เป็นแบบชุดให้เลือกค่ะ ... มีชุดข้าวต้ม กับ อเมริกันเบรคฟาสต์ เราสองคนเลือก ABF เหมือนกัน กินอิ่มเสร็จเรียบร้อย ก็ย้ายร่างกลับไปซุกตัวนอนดูทีวีกันต่อ ... ดูไป หลับไป จนใกล้เที่ยง ก็เก็บของเตรียมเช็คเอาท์


ออกจากปราณบุรี มุ่งหน้ากลับหัวหิน ... ตอนแรกกะว่าจะแวะชมบรรยากาศ วิกหัวหิน ของครูเล็ก ภัทราวดี แต่แดดแรงจัด แล้วลองมองดูแล้ว ไม่เห็นกิจกรรมอะไรสะดุดสายตา เลยขอผ่านไปก่อน ไว้ค่อยมาแวะกันใหม่โอกาสหน้าแล้วกันนะคะ


ไม่แวะเที่ยว ก็ตรงดิ่งไปจัดการมื้อกลางวันดีกว่าค่ะ ... เพราะหิวแค่นิดหน่อย เราสองคนเลยเลือกทานอะไรเบาๆ ง่ายๆ สะดวก รวดเร็ว ... ตัวเลือกมีเยอะเกิน จะเลือกหม่ำอะไรดีน้า สุดท้ายลงตัวที่ ครัวกรรณิการ์ ที่รายการอาหารทำจากไก่ล้วนๆ ค่ะ


เพราะตั้งใจว่าจะหม่ำแบบเบาๆ เลยมีอาหารนิดหน่อยอย่างที่เห็นค่ะ ... น้ำยากะทิไก่ เข้มข้น รสจัด ยิ่งกินยิ่งเผ็ดร้อน ... ไก่ทอดโกศล ไก่ทอดกรอบ เนื้อค่อนข้างแห้ง กับ ปีกไก่ยัดไส้ ที่ไส้ในเป็นเนื้อไก่สับกับวุ้นเส้น กรอบนอกนุ่มใน ช่วยแก้เผ็ดได้ค่ะ


อิ่มสบ๊าย สบาย ถึงแม้จะเผ็ดซู้ดซ้าดไปบ้าง ... แต่ปัญหานี้แก้ได้ง่ายนิดเดียวค่ะ หาของหวานมาช่วยล้างปาก ล้างเผ็ดให้เกลี้ยงเกลา


อะไรจะเหมาะเท่า ลอดช่องสิงคโปร์ ร้านลุงดำ ที่ตัวลอดช่องหนึบๆ และน้ำกะทิหอมหวาน ชื่นใจ ... แก้วที่เห็น เป็นแก้วเดินขนาดเล็ก ราคา 15 บาท ดูดปรื๊ดดดดดดดดดดดดดดด ชื่นใจ กำลังสบายท้องค่ะ


ดูดลอดช่องจวนจะหมด ก็ถึงที่พักของคืนนี้แล้วค่ะ The Herbs By The Sea ... โรงแรมขนาดกระทัดรัด มีห้องพักไม่เกิน 10 ห้อง ตัวอาคารอยู่ติดริมหาดเลยค่ะ เดินลงบันไดไปปุ๊บก็สัมผัสทราย และน้ำทะเลได้เลยค่ะ


ส่ง voucher ที่ซื้อมาให้พนักงานรับไปจัดการต่อ แล้วนั่งรอรับลมทะเลที่พัดผ่านเข้ามา อากาศดี๊ดี ... นั่งเพลินๆ รอพนักงานจัดการเคลียร์ห้องให้ ก็มีน้ำตะไคร้ กับ ผ้าขนหนูเย็นๆ หอมๆ มาต้อนรับ ... พักเดียวก็ได้ห้องพัก ไปพักผ่อนแล้วค่ะ


ได้ห้องพักชั้น 3 ชั้นบนสุด ชื่อห้อง Tea Tree เปิดประตูเข้าไปก็หอมกลิ่นอโรมาที่โรงแรมจุดเตาตั้งไว้ในห้อง ... ห้องขนาดกำลังดี อุปกรณ์อำนวยความสะดวกพร้อม เครื่องปรับอากาศเปิดไว้เย็นฉ่ำ ทีวี ตู้เย็น ไดร์เป่าผม เครื่องทำน้ำอุ่น และ wi-fi ฟรี แต่สัญญาณต่ำมาก และเข้าใช้ยากจัง ... จุดเด่นของห้องนี้อยู่ที่ ห้องน้ำค่ะ ห้องน้ำไม่มีประตู และเป็นกระจกโปร่งโล่ง ชมวิวภายนอกได้สบาย มีสติกเกอร์ฝ้าบังกระจกไว้ให้อุ่นใจส่วนนึง แต่อาบน้ำไปก็โล่งๆ โหวงๆ พิกล


สำรวจห้องเรียบร้อย ก็เอกเขนกดูทีวี สลับกับเล่นเกม ส่วนคนดีก็เปิดคอมฯ นั่งเคลียร์งานค่ะ ... ตั้งใจจะพามาพัก กลายเป็นเปลี่ยนที่ทำงานซะอย่างนั้น


ราวๆ ห้าโมงกว่า ก็ลงไปเดินถ่ายรูปเล่น ริมหาดสักหน่อย ... ลมแรงมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ค่ะ น้ำเริ่มลด ลงไปเดินสำรวจได้ แต่เราสองคน หิววววววววว เลยไม่ลงไปสำรวจหาด แต่ย้ายที่ไปหาอะไรหม่ำดีกว่าค่ะ


มื้อนี้ตั้งใจฝากท้องไว้ที่ ร้านโกทิ ร้านหัวมุมซอยหัวหิน 57 ตรงข้ามตลาดเลยค่ะ ... ไปถึงมีลูกค้านั่งอยู่ 2 โต๊ะ รอเวลาครัวเปิดตอน 18.00 น. ค่ะ โชคดีจริงๆ ที่มาถึงเร็ว เพราะแป๊บเดียวเท่านั้น ลูกค้าก็ทยอยเข้าร้านนั่งประจำทุกโต๊ะ


ร้านนี้ทยอยทำอาหารตามลำดับโต๊ะที่สั่ง เพราะฉะนั้นนั่งรอนานหน่อยค่ะ ... เราสองคนได้น้ำมะนาว หวานๆ เปรี้ยวๆ ชื่นใจมาแบ่งกัน ระหว่างรออาหารทยอยออกมา


เริ่มที่ หอยจ๊อ เนื้อแน่น จานไม่ใหญ่ แบ่งกันได้สบายๆ ... ตามมาด้วย ข้าวผัดคะน้าปลาเค็ม จานนี้มาค่อนข้างมัน และแฉะ แต่รสชาติใช้ได้นะคะ ถ้าผัดมาแห้งกว่านี้ คงจะเยี่ยม ... จัดการข้าวผัดเกลี้ยงแล้ว ปลาอินทรีย์แดดเดียว ถึงมา เนื้อเกรียมไปหน่อย แต่ก็ใช้ได้ค่ะ จิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ดช่วยให้รสชาติพอเหมาะ ... ปิดท้ายด้วย ต้มยำกุ้งน้ำข้น ที่แปลงร่างมาเป็นน้ำใส เพราะพนักงานบอกว่า น้ำข้นของหมด แหม ไม่มาถามกันสักหน่อยว่าจะรับ หรือ เปลี่ยนเป็นเมนูอื่นรึเปล่า รสชาติคล้ายโป๊ะแตกมากกว่าต้มยำค่ะ จานนี้ไม่ปลื้มเท่าไหร่ ยังดีที่กุ้งสด เลยทำลืมๆ ไปได้


อิ่มแล้วชำระค่าเสียหาย ก็จูงกันเดินข้ามถนนไปเดินย่อยในตลาดกันค่ะ ... ข้าวของร้านรวงต่างๆ ก็เหมือนเดิม ไม่มีอะไรน่าตื่นตาตื่นใจเท่าไหร่ แค่มีบรรยากาศให้ดูเพลินๆ ระหว่างเดินย่อยค่ะ


แต่ก็เดินย่อยได้ไม่นาน เพราะพอเดินถึง ร้านไอศรีมเจ๊นิ ร้านไอศครีมเจ้าโปรดที่คุ้นเคยกันดี ก็ต้องแวะเติมลงท้องค่ะ ... ไอศครีมชาเย็น รสโปรด ใส่เผือกของคนดี ใส่มันของเรา ... หอมหวานชื่นใจ อร่อยไม่เปลี่ยน


อิ่มเต็มที่ ครบสูตรทั้งคาว หวาน ก็ต้องเดินย่อยกันต่อค่ะ ... ตลาดกลางคืนไม่มีอะไรดึงดูดใจเราแล้ว ไปลองเดินตลาดเปิดใหม่ดีกว่า Cicada Market อยู่ทางไปเขาตะเกียบค่ะ เป็นตลาดเปิดใหม่เฉพาะวันศุกร์ - เสาร์ - อาทิตย์


ที่นี่เหมือนเป็นจุดพักผ่อน และศูนย์รวมกิจกรรมศิลปะ งานไอเดีย ... มีห้องแสดงงานศิลปะ มีร้านค้ามาเปิดขายของ มีร้านอาหารให้เลือกซื้อ นั่งทานเหมือนฟู้ดคอร์ท และมีกิจกรรมให้เข้าร่วมตลอดค่ะ ... ตอนที่ไปเดินเล่น มีเด็กๆ มาซ้อมเต้น cover กัน ... ไปเดินอ่านป้าย ก็เห็นว่ามีให้ฝึกโยคะ ฝึกเต้นบีบอยด้วย ... ส่วนเราได้แต่เดินสำรวจ


เดินแค่แป๊บเดียวก็ทั่วค่ะ ยังไม่มีอะไรตื่นตาตื่นใจมากนัก อาจจะเป็นเพราะเป็นค่ำวันอาทิตย์ ถ้าเป็นศุกร์-เสาร์ คงคึกคักมากกว่านี้ ... เราสองคนเลยชวนกันกลับไปเอกเขนก รับแอร์เย็นฉ่ำ ดูทีวีเพลินๆ ดีกว่า


ท้องอิ่มๆ เจอแอร์ฉ่ำๆ ก็ทำเอาชักจะง่วง ... อาบน้ำแต่งตัว แล้วปีนไปซุกในผ้าห่มดูทีวีดีที่สุด ดูเพลินๆ ก็เคลิ้มหลับ หมดไปอีกหนึ่งวัน


ติดตามตอนต่อไป ที่นี่ ค่ะ

13.3.53

หลบร้อน รับลมทะเลปราณ-หัวหิน # 1

วางแผนเที่ยวทริปนี้ไว้ตั้งนานแล้วค่ะ จองที่พักตั้งแต่เดือนมกรา ตอนแรกกะว่าจะตะลอนเที่ยวสบายๆ ... แผนมาเปลี่ยนเมื่อต้นเดือนที่คนดีงานยุ่งนุงนัง อดหลับอดนอน เลยกะจะชวนไปพักผ่อน กินอิ่ม นอนอิ่ม ... แหม พอดีกับอุณหภูมิการเมืองระอุพอดี เลยได้หลบลี้เรื่องร้อนๆ ไปรับลมทะเลให้สบายใจ


ออกเดินทางเช้าวันเสาร์ จากบ้านคนดี มุ่งหน้าไปชะอำ ... เส้นทางประจำที่คนดีคุ้นเคยดี เราเลยชิงหลับซะ เพราะไม่ได้ต้องบอกทาง


แต่มีเหตุให้หลับได้พักเดียว เพราะคนดีงานเข้า ที่คิดว่าจะมาพักผ่อน กลับมีงานตามตัวมาด้วย เพราะมีงานลูกค้าที่ต้องจัดการเคลียร์ ฝากเรื่องกับเพื่อนหมูไว้แล้ว แต่งานมีปัญหาให้ต้องแก้สถานการณ์เฉพาะหน้ากันนิดหน่อย ... เห็นแล้วก็สงสาร ว่าจะมาพัก แต่คงไม่ได้พัก มีเรื่องร้อนใจให้ต้องขบคิด


คุยกันไปคุยกันมา เกิดสงครามในรถขึ้นจนได้ ... คนดีหงุดหงิด เหวี่ยงมา เราเองเกินจะรับไหว เลยโยนระเบิดนิวเคลียร์กลับไป ... อานุภาพทำลายล้าง ทำเอาบรรยากาศเตรียมพักผ่อนเกือบล่ม ยังดีที่คนดีได้สติ ยอมรับว่าพลาดตรงไหน ... ไม่งั้นคงกร่อย


แวะเปลี่ยนบรรยากาศที่ งานเทศกาลว่าวไทยและว่าวนานาชาติ ที่ค่ายพระรามหก ดีกว่าค่ะ ... แดดแรง คนเยอะ รถเยอะ แต่ลานแสดงกว้าง มีเต้นท์ให้พักหลบร่ม มีพัดลมไอน้ำตัวโตช่วยบรรเทาความร้อน ... มีหลายครอบครัวยกขบวนมานั่งปูเสื่อ กินข้าว ชมการแสดงว่าว


เราสองคนเดินดูบรรยากาศ ถ่ายรูปเก็บไว้นิดหน่อย ก็ต้องขอลี้ค่ะ เพราะอากาศร้อนเหลือเกิน ... ถึงแม้จะมีว่าวตัวโตๆ แปลกตาให้ดู แต่อีกนานกว่าจะถึงรอบการแสดงตามกำหนดการ ... เราเลยขอย้ายเป้าหมายดีกว่าค่ะ


ตรงไปเป้าหมายหลักตามแผนที่วางไว้ ร้านป้าสังเวียน ... ร้านที่เราสองคนตั้งใจไว้ว่าจะฝากท้องไว้ที่นี่ คุยกันวางแผนกันไว้ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ว่าจะกินอะไรกันดี


ปัญหาของร้านนี้คือ อาหารจานใหญ่มาก มากันสองคนแบบนี้ สั่งหลายอย่างไม่ได้ ไม่งั้นมีอิ่มจนจุก ถึงขั้นพุงแตกแน่ๆ ... คราวนี้เราตกลงกันไว้แค่ 2 รายการ อย่างที่เห็นค่ะ ... ปูนึ่ง 1 กิโล กับ ส้มตำ 1 จาน


เราสองคนค่อยๆ แกะ ค่อยๆ แทะ ค่อยๆ เล็มเนื้อปูกันอย่างเพลิดเพลิน ... ปูโลนิดๆ 4 ตัว แบ่งกันคนละ 2 ตัวพอดี เนื้อปูสดๆ หวานๆ จิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ดรสแจ่มที่ร้านยกมาให้ 1 ถ้วยโตๆ ... น้ำจิ้มเนื้อข้น เครื่องเยอะ รสเปรี้ยวนำ เผ็ดตาม จิ้มกินเพลินค่ะ


อิ่มแล้วก็มุ่งหน้าตรงไปที่พัก ยิงยาวตรงไปปราณบุรีค่ะ ... AliBaba Pranburi Resort & Hotel ที่พักหาไม่ยากค่ะ อยู่ในละแวกรีสอร์ที่รายล้อม ทั้งวิลล่ามาร็อค ฟอเรสต้า บ้านเรือปราณ อลีนตา ต้นโตรีสอร์ท อยู่กันเป็นหมู่คณะไม่เหงาค่ะ


อาลีบาบา เป็นรีสอร์ทที่อยู่ค่อนข้างห่างจากทะเลนะคะ ตัวตึกสีส้มโดดเด่นอยู่กลางดงหญ้า ... ใช้ที่จอดรถเดียวกับวิลล่ามาร็อคเลยค่ะ แต่ต้องเข้าไปลึกกว่า จากตัวตึกมองเห็นวิลล่ามาร็อคอยู่ลิบๆ ... ภายในห้องพักสีสันสดใส สบายตา มองทะลุไปห้องน้ำที่เป็นกระจกใสโปร่งโล่ง แต่มีม่านให้เลื่อนมาบังได้ค่ะ


อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบค่ะ ... ที่นอนแน่นดี แอร์เย็นฉ่ำ ทีวี พร้อมเครื่องเล่นดีวีดี ตู้เย็น กาน้ำร้อนไฟฟ้า เครื่องทำน้ำอุ่น พร้อม wifi แต่สัญญาณค่อนข้างต่ำค่ะ


เข้าห้องพักได้ คนดีก็เปิดโน้ตบุ้ค ทำงาน แก้งานส่งให้ลูกค้า ... เราก็เอกเขนกอ่านหนังสือ เปิดคอมฯ เข้า FB เล่นเกมไปเรื่อย ... นั่งจดจ่อหน้าจอกันคนละมุม พอหกโมงนิดๆ ก็หันหน้ามาเจอกันชวนกันไปหม่ำข้าวค่ะ


มื้อเย็นวันนี้ฝากท้องไว้ร้านประจำ ครัวแจ๋ว ค่ะ ... ลูกค้าเพียบ รถทะเบียนกรุงเทพฯ จอดเต็ม สงสัยต้องรออาหารนานสักหน่อย


ตกลงกันไว้ว่าจะสั่งอาหาร 3 อย่าง พอ ... เปิดเมนู คัดตัวอยู่นาน สุดท้ายก็ได้ ปลาทรายทอดกรอบ ที่กรอบกรุบ กินได้ทั้งตัว อร่อยเหมือนเคย ... กุ้งอบวุ้นเส้น สีสันดูไม่คุ้นตา เปิดมาไม่หอมเครื่องเทศ รสเบาไปนิด แต่ถ้าคลุกเคล้าจากก้นหม้อให้เข้ากันให้ดี ก็หอมเครื่องเทศค่ะ ยิ่งกินกับน้ำจิ้มซีฟู้ด ก็เหมาะเลยค่ะ ... สี่หอยซู่ซ่า เลือกสั่งจานนี้เพราะกะว่าจานไม่ใหญ่ รวมมิตรหอย 4 ชนิด กินง่ายๆ ค่ะ ... น้ำจิ้มซีฟู้ดของร้านนี้ ดูใสๆ ไม่ข้น แต่รสจัดค่ะ เปรี้ยว เผ็ด ครบรสค่ะ จิ้มไป ซู้ดปากไป กว่าจะกินอาหารหมด ปากเจ่อค่ะ


อิ่มแล้วก็หอบพุงเต่งๆ แต่ไม่ตึงเปรี๊ยะ กลับไปนอนสบ๊าย สบายค่ะ ... โปรแกรมพักผ่อน หลบร้อนวันแรกผ่านไปแบบง่ายๆ ค่ะ

12.3.53

หยุดฉุกเฉิน ลุยไทยเที่ยวไทย

12 มีนา วันที่บรรยากาศการเมืองทำท่าว่าจะร้อนระอุ ... เมื่อเมษาปีที่แล้ว มีการรวมตัวห่างจากออฟฟิศไม่ไกลมาก ทำเอาการจราจรติดขัด พนักงานกลับบ้านกันไม่ได้ และค่อนข้างเสี่ยง ... เมื่อวานนายเลยประกาศให้วันนี้ออฟฟิศหยุดฉุกเฉิน เพื่อความปลอดภัยของพนักงาน


หยุดฉุกเฉินแบบนี้ งงๆ ตั้งตัวไม่ถูก แต่เราก็มีแผนสำรองเรียบร้อย ... ออกไปซื้อแพคเกจงานไทยเที่ยวไทยค่ะ


เมื่อวานเย็นไปเดินเก็บโบรชัวร์ มาเช็คข้อมูล และคัดตัวนางงามที่ผ่านเข้ารอบแล้ว ... วันนี้ก็ออกไปสอยมาครอบครองให้เรียบร้อย มีทั้งที่ประจำ และที่ใหม่ๆ วางแผนเที่ยวยาวววววววววววววววววววว ไปจนปีหน้าเลยค่ะ


ชัยภูมิ หัวหิน จันทบุรี อยู่ในแผนเที่ยวปีนี้ ... พัทยา สัตหีบ สุโขทัย เป็นแผนเที่ยวปีหน้า ... เที่ยวเมืองไทย ไม่ไปไม่รู้ ก็ต้องไปลองให้รู้ค่ะ


ได้แพคเกจเที่ยวเรียบร้อย ก็กลับมาจัดเสื้อผ้าสัมภาระลงกระเป๋า เตรียมตัวลี้จากเมืองกรุงที่บรรยากาศการเมืองร้อนระอุ ไม่รู้จะประทุรึเปล่า ... หนีการเมืองร้อนๆ ไปรับแดดร้อนๆ ริมทะเลดีกว่า


ขอให้ทุกคนที่อยู่ในกรุงเทพปลอดภัยนะคะ แล้วจะเที่ยวเผื่อค่ะ

10.3.53

My Birthday

10/3 /10 เลขสวยที่บ่งบอกว่า ตัวเลขอายุขยับเพิ่มมาอีก 1 ปี เป็นสาว 34 แล้วค่า ... เวลาผ่านไปเร็วจริง


ตั้งนาฬิกาปลุก ตื่นแต่เช้า มาบรรจงแต่งหน้า ... ไม่ได้จะสวยไปฉลองที่ไหนหรอกนะคะ แต่มีภารกิจสำคัญในรอบ 6 ปีค่ะ ... แต่งหน้าแต่งตัวให้สวยเท่าที่จะทำได้แล้ว ก็เริ่มต้นจัดการภารกิจของช่วงเช้าวันนี้


เริ่มที่ไปใส่บาตรตรงตลาดแถวบ้าน ใส่บาตรพระ 3 รูป แล้วจัดการรองท้องด้วยโจ๊กกับชาเย็น ... อิ่มเรียบร้อยมุ่งหน้าไปสำนักงานเขต ไปต่ออายุบัตรประจำตัวประชาชนค่ะ


ไปถึงก่อนเวลา 8 โมง ก็ไปลงชื่อในสมุดคิวรอเวลาเปิดทำการ ... ยื่นบัตรประชาชนใบเก่า กรอกเอกสารนิดหน่อย แล้วไปยื่นให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเอกสาร แล้วรอถ่ายรูปใหม่ ... นี่แหละค่ะ สาเหตุที่ทำให้ต้องบรรจงแต่งหน้าสวยที่สุด เพราะบัตรต้องอยู่ติดตัวไปอีกตั้งนาน


ใช้เวลาไม่นานก็ได้บัตรประจำตัวประชาชนใบใหม่มาครอบครอง ... รูปออกมาดูได้ ไม่ขายหน้า โล่งอก สบายใจ ... มุ่งหน้าไปภารกิจสุดท้ายของเช้าวันนี้


ฝ่าการจราจรยามเช้าที่หนาแน่น ไปศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ไปบริจาคเลือดค่ะ ... เป็นปีที่ 2 แล้วที่ได้บริจาคเลือดตรงวันเกิดพอดี ปีที่แล้วได้บัตรประจำตัวผู้บริจาคโลหิตที่ชวนบริจาคเลือดวันเกิด ปีนี้เจ้าหน้าที่ก็ปรินท์บัตรแบบนี้มาให้อีกใบ บอกว่าเป็นที่ระลึกวันเกิดค่ะ ... แล้วยังได้เหรียญหลวงพ่อคูณเป็นที่ระลึกการบริจาคเลือดด้วย


สละเลือดไป 1 ถุง 450 มิลลิลิตร ปริมาณพอๆ กับน้ำดื่มขวดเล็ก แต่สร้างความภูมิใจโตๆ ทุกครั้งที่คิดว่าเลือดของเราได้ไปช่วยชีวิตใครอีกคน ... แอบหวังเล็กๆ ว่าจะบริจาคให้ได้ 50 ครั้ง เพราะหวังจะได้รับพระราชทานเหรียญกาชาดสมนาคุณ ตอนนี้เพิ่งครั้งที่ 20 เท่านั้น ยังไม่ครึ่งทางเลย เฮ้ออออออ


บริจาคเลือดเสร็จแล้ว รีบขึ้นแท๊กซี่กลับเข้าออฟฟิศทันที ... เปิดคอมฯ ปุ๊บ ล็อกอินเข้าเอ็มเอสเอ็นปั๊บ ก็มีข้อความเด้งมาทักทายและอวยพรวันเกิดเลย ... พอเข้า FB ก็มีข้อความอวยพรฝากไว้ที่ wall หลายอัน ทั้งจากเพื่อนมัธยม เพื่อนผ่านบล็อก และสาวๆ ในออฟฟิศ ทยอยมาอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน ... ขอบคุณทุกๆ คนสำหรับคำอวยพรที่ฝากไว้ให้นะคะ ขอให้ทุกคนได้รับพรดีดีกลับไปเช่นกันค่ะ


จัดการเคลียร์งาน จัดการเอกสารนั่นนี่ไปเรื่อย ก็มีคำถามนึงที่หลายคนส่งมาถามตรงกัน นั่นคือ "วันนี้จะไปฉลองที่ไหน" ... ไม่ได้คิดว่าจะไปฉลอง ไม่ได้คิดว่าพิเศษหรอกค่ะ ก็เหมือนกินข้าวธรรมดา เพียงแต่พิเศษตรงเลือกร้านที่น่าสนใจ ที่อยากหม่ำจริงๆ


ตั้งใจไว้แล้วว่าจะไป CTW แต่ยังไม่ตัดสินใจเลือกร้าน ... หมายตาร้านอาหารญี่ปุ่นที่เปิดใหม่เรียงรายกัน 4-5 ร้าน บนชั้น 6 อิเซตัน แต่ยังลังเลเลือกไม่ได้ ไปถึงก็เดินวนอยู่รอบนึง ก่อนจะปักหลักนั่งมองป้ายหน้าร้าน มองดูทีวี มองดูอาหารตัวอย่าง ... สุดท้ายก็เลือกไม่ถูก อยากลองไปหมด ต้องให้คนดีนึกชื่อร้านไว้ในใจ แล้วยกมือมาให้เราสุ่มจับนิ้วว่าจะได้ร้านไหน


ผลที่ได้ คือ Tokyo Yoshino ร้านขาย Okonomi Yaki ที่มีสัญลักษณ์เป็นแมวกวักตัวอวบน่ารัก ... บรรยากาศร้านโปร่ง โล่ง มีโต๊ะประมาณ 7-8 โต๊ะ บนโต๊ะมีเตาร้อนๆ ... เปิดเมนูสั่งอาหารกันเลยค่ะ


รองท้องด้วย ยำสาหร่าย สลัดปูอัด ไส้กรอกคั่วเกลือ และ ยากิโซบะ อร่อยทุกอย่างค่ะ ... สลัดปูอัด เนื้อปูอัดเป็นเส้นคลุกเคล้าเข้ากับน้ำสลัดรสกำลังดี มีสาหร่ายกับไข่กุ้งโรยหน้าให้เคี้ยวเพลินๆ ... ไส้กรอกคั่วเกลือ เนื้อไส้กรอกอร่อยค่ะ เสิร์ฟพร้อม ซอสพริก มัสตาร์ด และมายองเนส ... ยากิโซบะ น้ำซอสรสดี เส้นกำลังดี ผัก กับหมูก็ผัดมากำลังดี ทานเพลินค่ะ


ปิดท้ายด้วยพระเอกของร้าน โอโคโนมิยากิ หรือ พิซซ่าสไตล์ญี่ปุ่น นั่นเองค่ะ ... เราสองคนเลือกสั่งแบบ Kyoto Okonomi Yaki เพิ่มเนื้อหมู กุ้ง หมึก


เชฟปรุงสุกมาให้ ก่อนจะตักใส่พายยักษ์มาเสิร์ฟบนเตา ... แล้วเราก็ใช้เครื่องปรุงเติมเพิ่มลงไป เริ่มจากเปิดกระปุก หยิบพายปาดน้ำซอส แล้วเหยาะ ปลาแห้งในกระปุกฉลากส้ม ตามด้วยสาหร่ายในกระปุกฉลากเขียว ปิดท้ายด้วยการบีบมายองเนสให้สวยตามชอบใจ ... จากนั้นก็ตัดแล้วส่งเข้าปากชิมเลยค่ะ อืมมมมมมมมมมมมมมมมมมม อร่อย ... ตัวแป้งบาง แต่หนานุ่มด้วยกะหล่ำปลีหั่นฝอย อร่อย ชอบใจ จนวางแผนจะมาชิมเมนูอื่นๆ อีก


อิ่มของคาวแล้ว คนดีที่เป็นเจ้ามือใจดีเสนอที่จะเลี้ยงของหวานตบท้ายด้วย ... ช่วงนี้จะมีร้านไหนเข้าตา ได้ใจเท่า After You ก็ต้องเลือกไปที่ร้านนี้ค่ะ


คนดีอยากกิน Shibuya Honey Toast กับ Chocolate Mud Brownnie ... ไปกัน 2 คนจะกินคนละจานก็เยอะไป เลยสั่งแต่ Toast มาอย่างเดียวค่ะ


สั่งเมนูนี้ ต้องนั่งรอพักใหญ่นะคะ เพราะต้องใช้เวลาเตรียม ... พอได้มาแล้วก็จัดการโรยเมเปิ้ลไซรัปให้ชุ่ม แล้วหั่นเป็นชิ้นดูด้านในที่ฉ่ำเนย ปาดไอติมวนิลา กับ วิปครีมเพิ่ม ก่อนจะส่งเข้าปาก ... อ้ำ หร่อยจังเลย


อิ่มของคาวของหวานเรียบร้อย เดินดูของย่อยสักหน่อยก็ชวนกันกลับบ้านค่ะ ... วันเกิดปีนี้ก็ผ่านไปอย่างเรียบๆ ง่ายๆ ไม่หวือหวา แต่สุขใจดีค่ะ เป็นอีกหนึ่งวันดีดีที่เกิดขึ้น


ขอบคุณทุกๆ คนที่ส่งคำอวยพรมาให้นะคะ ... ไม่ต้องมีงานเลี้ยงอลังการ ไม่ต้องมีเซอร์ไพรส์ ไม่ต้องมีของขวัญ ... แค่พรดีดีที่ส่งมาให้ ก็ทำให้อิ่มใจ สุขใจแล้วค่ะ ... ขอบคุณมากค่ะ

8.3.53

รวมมิตรของขวัญ

ไตรมาสแรกของปี มกรา-มีนา เป็นช่วงที่เราสองคนจัดหาของขวัญมาให้กันและกันตามเทศกาลต่างๆ เท่าเทียมกัน คนละ 4 ชิ้น ... สำหรับ ปีใหม่ วันเกิด วาเลนไทน์ และครบรอบ


เรามีของขวัญชิ้นเล็ก แต่ราคาไม่เล็ก ที่ได้จากฮ่องกง มาให้คนดี เลยบอกคนดีว่าเหมารวมทุกเทศกาลแล้วนะ ... แต่ก็ยังหาของเล็กน้อยให้ตามธรรมเนียมนิดหน่อย


เหลือคนดีลำบากหาของขวัญแต่เพียงลำพัง ... แต่จะว่าไปก็หาไม่ยากหรอกค่ะ เพราะเราบอกไปหมดแล้วว่าอยากได้นั่น โน่น นี่ อะไรบ้าง


อย่างชิ้นแรกของปี ... ของขวัญปีใหม่ ก็ไปเดินตามหาด้วยกัน แล้วก็ได้ กระเป๋าสตางค์สีม่วง มาสมใจอยาก


ผ่านปีใหม่มาไม่กี่วัน เราก็ให้คนดีดั้นด้นพาไปซื้อของชิ้นนึง ที่อยากได้มานาน น้าน นานแล้ว ... นั่นก็คือ Nintendo DS Lite ค่ะ


ลองทายดูซิคะ ว่าเลือกสีอะไร


อยากได้เพราะชอบเล่นเกมค่ะ โดยเฉพาะเกมเด็กๆ พวกสลับเรียง 3 ชิ้น Tettris Collaspe ... แต่ที่ทำให้อยากได้เกมนี้มาก ก็เพราะอยากเล่น Cooking Mama ค่ะ ... เลยให้คนดีไปถามข้อมูลจากน้องชาย ว่าจะทำยังไง จะหาซื้อจากที่ไหน ยังไงดี


พอได้ข้อมูลมาก็อดใจไม่ไหว อยากได้ อยากได้ อยากได้ ... อยากได้มาครอบครองไวๆ จนคนดีเห็นใจยอมพาไปซื้อ


รูดการ์ดจ่ายตังค์ ซื้อเสร็จเรียบร้อย เราก็ทำเนียน ยกมือขึ้นไหว้คนดีงามๆ แล้วบอกว่า "อ๊ะ อะไรนะคะ ซื้อให้เหรอคะ ขอบคุณนะคะ ที่ใจดีซื้อให้"


ปรากฎว่าคนดีหันมาถามว่า "เอาจริงรึเปล่า ได้นะ แต่เหมารวมเป็นของขวัญทุกเทศกาลเลยนะ โอเครึเปล่า" ... อ๊ะ จริงเหรอ โอเคนะ เออ ดีแหะ ลองเล่นมุขดู แต่ได้จริงๆ ด้วย


พอถึงวาเลนไทน์ คนดีก็มีของเล็กๆ น้อยๆ ตามธรรมเนียมมาให้ นั่นก็คือ การ์ด กับ ชอคโกแลต ค่ะ ... คนดีให้ชอคโกแลตในวันวาเลนไทน์ทุกปีค่ะ


ปีนี้ได้ของ Guylian หนึ่งในยี่ห้อโปรด เพราะอร่อยถูกใจ ... ข้างในเป็นชอคโกแลตรูปหัวใจ 8 ชิ้น เราทยอยกินวันละอัน สองอัน เป็นของหวานหลังอาหารเที่ยง แบ่งให้คนดีชิมอันนึง


ยังเหลืออีก 2 วันพิเศษ แต่ได้ของขวัญล่วงหน้ามาแล้ว ก็ต้องรอดูว่า จะมีการ์ดตามมาสมทบอีกรึเปล่า ... จริงๆ การเลือกของขวัญล่วงหน้าเองแบบนี้ ถึงแม้จะไม่ได้ลุ้น ไม่ได้ตื่นเต้น แต่ได้ของถูกใจดีนะคะ ชอบจัง


ปีหน้าจะใช้วิธีเลือกรับของขวัญล่วงหน้าแบบนี้ หรือ กลับไปรอลุ้นว่าคนดีจะหาอะไรมาให้ ... แบบไหนจะดีกว่ากันน้า

6.3.53

Bakudanya & Ramentei

ไม่รู้ช่วงนี้เป็นอะไร ถึงได้อยากกินราเมนนัก แล้วอยากกินราเมนแบบต้นตำรับญี่ปุ่นแท้ๆ ซะด้วย ... โชคดีที่คนดีโปรดปรานอาหารเส้นเป็นนักหนา เลยได้เพื่อนกินราเมนอย่างใจ


ร้านแรก Bakudanya : ร้านนี้คนดีแนะนำ เพราะมาลองชิมกับลูกค้าแล้ว อร่อย ถูกใจ อยากให้เราได้ลองบ้าง ... ตกลงโอเคอย่างง่ายดาย


ร้านเพิ่งเปิดไม่นาน ตั้งอยู่ ชั้น 6 อิเซตัน เป็นดงร้านอาหารญี่ปุ่นเลย เห็นแล้วละลานตา น่าลองไปทุกร้าน ... แต่วันนี้ตั้งใจมาลองชิมร้านนี้ก่อน ร้านอื่นๆ ค่อยทยอยเก็บทยอยชิมวันหลัง


ไปชิมตั้งแต่ 20 กุมภา แต่เพิ่งจะมาอัพบล็อก เพราะลืมเอากล้องไป ใช้มือถือของคนดีถ่าย กว่าจะได้โหลดรูปกันก็ล่วงเลยมานานโข ... แต่รสชาติความอร่อยยังติดใจไม่ลืมค่ะ


เริ่มกันที่ Chashumen ... ราเมนชามโต เส้นราเมนกำลังดี น้ำซุปกลมกล่อม หอม อร่อย หมูชาชูนุ่ม ... ชามนี้ช้อนใหญ่อลังการมากค่ะ ตักน้ำซุปซดได้เต็มๆ ดูขนาดช้อนเมื่อเทียบกับไข่ต้มซิคะ ยังมีที่เหลืออีกเพียบ


ตามมาด้วย Tsukemen บะหมี่เย็นกับน้ำซุปแบบเผ็ด ที่เลือกระดับความเผ็ดได้ค่ะ ... ตักเครื่องในชามลงไปจุ่มน้ำซุปก่อนจะส่งเข้าปาก เปรี้ยวนิดๆ เผ็ดหน่อยๆ อร่อยแปลกดีค่ะ ... ครั้งนี้ลองความเผ็ดที่ระดับ 3 เท่านั้น ไม่รู้สึกอะไรเลย กะว่าครั้งหน้าจะลองระดับเผ็ดกว่านี้อีก


ก่อนจะกินราเมนที่นี่ ต้องใส่ผ้ากันเปื้อนกันก่อนค่ะ ทางร้านเตรียมไว้ให้แล้วก็ต้องใช้สักหน่อย ... กันน้ำซุปดีดกระเด็นมาใส่เสื้อ ดีนะคะที่ใส่ผ้ากันเปื้อน เพราะน้ำซุปดีดใส่หลายจุดค่ะ


2 อย่างยังไม่พอค่ะ ... เพราะเห็นอาหารโปรดในรายการเมนู เลยสั่งมาลองชิมด้วย Croquette กรอบนอกนุ่มใน เนื้อมันด้านในเนียนนุ่ม อร่อยค่ะ


ติดใจมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกค่ะ น้ำซุปหอม อร่อย กลมกล่อมยังติดอยู่ในใจ ... อยากไปกินอีกจัง


ระหว่างที่ยังนึกอยากกินราเมนไม่หาย ก็ได้เจอกับร้านราเมนญ๊่ปุ่นแท้ๆ ที่น่าสนใจอีกร้าน ... ต้องตามไปลองค่ะ


ร้าน Ramentei อยู่ในซ.สุขุมวิท 33/1 ค่ะ เดินจากปากซอยเข้าไปนิดนึง จะเจอร้านอยู่ทางซ้ายมือ ตรงหัวมุมทางเลี้ยวมีป้อมยามอยู่ค่ะ ... หน้าร้านมีที่จอดรถนิดหน่อย แต่เราเลือกไปด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอสดีกว่าค่ะ สะดวกดี


ไปร้านราเมน ก็ต้องสั่งราเมนมาลองค่ะ ... จานที่สั่งคือ Syacyumen บะหมี่ซุปหมูอบ เป็นน้ำซุปโชยุค่ะ น้ำใสๆ หอม กลมกล่อม แต่ไม่เข้มข้นมากนัก ... เส้นกำลังดี แต่หมูชาชูร้านนี้มีมันแทรกมาค่อนข้างเยอะ ถ้าใครไม่ชอบมันก็ต้องเลาะออกหน่อย


จานนี้ไม่ได้ถ่ายรูปอาหารจริงๆ มา เพราะพนักงานบอกว่า ร้านไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปอาหารค่ะ ... เลยเก็บกล้องลงกระเป๋าซะเลย ส่วนที่ถ่ายรูปไปแล้วก็เลยตามเลยแล้วกันนะคะ


อีกจานที่สั่งมาลองคือ Mabodon เต้าหู้ทรงเครื่องราดข้าว เสิร์ฟพร้อมกับน้ำซุป 1 ถ้วย และผักเคียงจานเล็ก ... จานนี้อร่อยค่ะ เต้าหู้ทรงเครื่องรสกลมกล่อม ราดข้าวมาท่วมเลยค่ะ ต้องควานหาดูว่ามีข้าวมาด้วยรึเปล่า ... คลุกข้าวกับเต้าหู้ทรงเครื่องให้เข้ากัน แล้ว โรยผักเคียงหน่อยนึง ส่งเข้าปาก อ้ำ อาหร่อย


ตบท้ายด้วย Gyoza เกี๊ยวซ่าแป้งบางไส้แน่น จิ้มน้ำจิ้ม แล้วส่งเข้าปากทั้งตัวเลยค่ะ ... อร่อยดี ... ถ้ากินตอนมาเสิร์ฟร้อนๆ คงจะเยี่ยม เพราะทิ้งไว้พักนึงแล้ว ตัวแป้งนิ่มลงสักหน่อย และหนึบติดกัน


สรุปว่าทั้งสองร้านนี้อร่อยทั้งคู่ค่ะ ... เสียดายที่ไม่ได้ลองน้ำซุปกระดูกหมูที่ราเมนเตอิ ไม่งั้นจะได้เปรียบเทียบกันชัดๆ ว่า น้ำซุปเจ้าไหนโดนใจกว่ากัน สงสัยต้องกลับไปลองใหม่


ว่าแล้วก็นึกอยากกินราเมนอีกจังงงงงงงงงงงงง ... คิดถึงน้ำซุปหอมๆ กับน้ำชาหอมๆ ที่บะคุดันยะจัง