31.8.52

Big_Birdy & Pet Society

หลังจากเราโดนหมวยบีหลอกล่อแกมบังคับให้เล่น Pet Society ไปแล้ว ... หมวยบีเห็นว่าคนดียังว่างอยู่อีกราย เลยพยายาม ชักชวน หลอกล่อให้ร่วมทีมอีกคน ... แต่คนดีรู้ตัวว่าคงไม่มีเวลาจะมาเล่น เลยไม่สนใจ


แต่วันนี้ คนดีก็มี facebook เป็นของตัวเอง และเข้าเล่น Pet Society เรียบร้อยแล้วค่ะ ... เพราะเมื่อวันก่อนเราเปิดเล่นให้ดู แล้วอธิบายว่าตรงไหนทำอะไร วิ่งแข่ง กระโดดเชือก เล่นบอล และอีกสารพัด ... จนคนดีสนใจ และสนุกตามไปด้วย


สุดท้ายคนดีเลยให้เราจัดการสมัครทั้ง facebook และ Pet Society ให้ แล้วฝากให้เราดูแลด้วย ... ตกลงกันว่า เราจะช่วยดูแลเยี่ยมเยียนเพื่อนๆ และวิ่งแข่งให้ ส่วนคนดีจะแต่งตัว แต่งบ้านเอง


บ่ายแก่ๆ วันนี้ คนดีมาถึงเร็ว เราเลยเปิดให้ดูหน้าตา น้องหมา LiLo ของคนดีให้ดู ... แล้วก็จะให้คนดีลองวิ่งแข่งเอง แต่คนดีจะอ่านหนังสือพิมพ์เลยให้เราวิ่งแข่งให้ ... ผลปรากฎว่า พอการวิ่งแข่งสูสี คู่คี่ เฉียดฉิวเหลือเกิน ลุ้นว่าใครจะเข้าเส้นชัยแบบต้องดูภาพสโลว์ คนดีที่บอกว่าจะอ่านหนังสือพิมพ์ ก็ลดหนังสือพิมพ์ในมือมาลุ้นด้วย


ถ้าแค่ลดหนังสือพิมพ์มามองคอมฯ แล้วลุ้นตามก็ไม่เท่าไหร่ ... แต่นี่คนดีลุ้นมาก ขนาดเอียงตัว เอียงหัว เอียงคอ เอียงหน้า ตามไปด้วย แล้วยังมีเสียงพากษ์อีกต่างหาก "โอ๊ะ โอ๊ย โอ๊ย จะชนะแล้ว โอ๊ย โอ๊ย ชนะกันแค่ยื่นแก้มเข้าเส้นชัย" ... พอหันไปดูก็เห็น คนดีนั่งตัวเอียง ยื่นแก้มตามไปด้วย หูย เห็นแล้วขำก๊ากค่ะ


เออ เนอะ ตอนแรกที่หมวยบีชวนก็ไม่เล่น แต่พอนั่งดู ก็ทั้งลุ้น ทั้งขำ ทั้งหัวเราะตามไปด้วย ... คนที่ไม่อยากเล่น แต่ดูจะอิน และสนุกสนานน่าดูเลยนะเนี่ย

28.8.52

เปิบส้มตำที่ร้านกาแฟ...อีกแล้ว

ราวๆ 2 สัปดาห์ก่อน เพิ่งยกขบวนไป เปิบส้มตำที่ร้านกาแฟ ... บรรยากาศเฮฮา ครึกครี้นเพิ่งจางไปไม่ทันไร ก็กลับมารวมตัวกันอีกแล้วค่ะ


นัดครั้งนี้เริ่มต้นจากคนใกล้ตัว ... คนดีส่งข้อความมาถามผ่านเอ็มเอสเอ็นว่า เราสองคนมีนัดไปไหนกันรึเปล่า ... ถ้าไม่มีจะนัดเจอคุณพัชที่ Craft Cafe จะไปชำระค่างานพิมพ์ที่ค้างอยู่ ... เราเองก็ไม่ได้นึกอยากไปไหน งั้นตกลงตามที่คนดีเสนอ


นึกว่าจะจบแค่นี้ แต่คนดีก็ถามต่อว่าจะนัดสมาชิกอื่นๆ ด้วยเลยรึเปล่า ... เอ้า แล้วแต่เลยค่า ว่าไงก็ว่าตามกัน ... คนดีเลยจัดแจงโทรแจ้งข่าวสมาชิกรายอื่นๆ


บ่ายแก่ๆ เช็คความคืบหน้ากับคนดีอีกครั้ง ... ได้ข้อสรุปว่า นัดเปิบส้มตำที่ร้านกาแฟ เหมือนครั้งก่อน แต่ครั้งนี้มีสมาชิกมาสมทบเพิ่มอีกหลายราย ... เพราะมีวาระซ้อนเร้น Matchmaker แฝงอยู่ด้วยค่ะ


เพราะคนดีติดคุยงานกับลูกค้า เลยเลือกใช้บริการส้มตำจากร้านเดิมไม่ได้ ... กลับมาอาศัยร้านใกล้เคียงเจ้าเก่า 5 แยกตำซั่วแทน ... ร้านส้มตำอยู่ไม่ไกลออฟฟิศ แล้วกว่าจะลงมือเปิบส้มตำกันได้ก็ต้องรอให้พี่จุ๊บปิดร้านตอนใกล้ๆ 2 ทุ่ม เพราะมีแคสติ้งงานที่ชั้นบนพอดี ... ซื้อเสบียงไปเร็ว เดี๋ยวส้มตำจะเซ็งซะเปล่าๆ เลยกะเวลาออกจากออฟฟิศสัก 6 โมง


ส่งออเดอร์อาหาร ... ตำซั่วปลากรอบ 2 ตำปูปลาร้า 1 ตำชาวนา 1 ตำไทยไข่เค็ม 2 เนื้อหมักเป๊บซี่ย่าง 2 คอหมูย่าง 1 หมูแดดเดียว 2 ปีกไก่ทอด 2 ลาบหมูทอด 1 ซุปหน่อไม้ 2 ... รายการอาหารเยอะกว่าครั้งก่อน เพราะเช็คยอดสมาชิกได้ราวๆ 10-12 คนค่ะ


ถึงรายการอาหารจะเยอะแบบนี้ แต่นั่งรอไม่นานค่ะ พอได้อาหารครบก็หิ้วเสบียง 3 ถุงโตๆ ขึ้นรถ ... พอขึ้นรถเท่านั้นหล่ะค่ะ น้ำย่อยไหลจ๊อกกกกกก เพราะกลิ่นอาหาร หอมตลบอบอวลทั่วรถ ... โอ๊ย แย่แล้ว หิววววววววววววววววว


ฝ่าการจราจรหนึบหนับนิดหน่อย ไปถึงร้านตอนทุ่มพอดีค่ะ ... สมาชิกชุดใหญ่นั่งรอแล้วค่ะ พี่จุ๊บ (เจ้าของร้าน) คุณกี้+คุณผึ้ง คุณนุ+คุณอัพ(เพื่อนคุณผึ้ง) คุณสร+คุณเกษ(เพื่อนคุณผึ้ง) และ คุณพัช ... เจอหน้ากันก็ทักทายทำความรู้จักกันพอเป็นพิธี เพราะเคยเจอกันป๊อบแป๊บมาบ้างแล้ว แต่ครั้งนี้ได้รวมตัวสนทนากันจริงจังสักทีค่ะ


นั่งเม้าท์นั่งคุยกันสักพัก สนุกสนาน เพลินเพลิน ก็ได้เวลาปิดร้านแล้วค่ะ ... พอพี่จุ๊บเริ่มเก็บของ สมาชิกก็ช่วยกันจัดสถานที่ เตรียมอุปกรณ์ แกะถุงอาหารค่ะ ... นอกจากส้มตำที่เราขนมาแล้ว ยังมี เนื้อไก่ย่าง 10 ไม้ กับ หนังไก่ย่าง 2 ไม้ เจ้าอร่อยหน้าออฟฟิศที่เราติดมาให้ลองชิม ... มาเจอกับ เนื้อไก่ย่าง 10 ไม้ ตับไก่ย่าง 5 ไม้ กึ๋นย่าง 5 ไม้ ที่พี่จุ๊บซื้อตุนไว้ให้ด้วย


ปิดร้านเรียบร้อย คนพร้อม อาหารพร้อม น้ำย่อยในกระเพาะก็พร้อม ก็ลงมือเปิบกันเลยค่ะ ... เริ่มต้นได้แป๊บเดียว น้องเหมี่ยว (วดี) ก็มีถึง มาพร้อมกับ แอปเปิ้ล และ น้ำปลาหวาน


กินกันไป คุยกันไป ถ่ายรูปกันไป ขำกันไป ฮากันไป สนุกสนานเอิกเกริกกันเต็มที่ค่ะ ... มีเสียงหัวเราะตลอดการหม่ำ โดยเฉพาะ คนดี ที่ไม่รู้กินอะไรผิดสำแดงเข้าไป ถึงได้พูดมาก และปล่อยมุกรั่วๆ กระจัดกระจาย ฮาขนาดคุณนุกับคุณอัพคิดว่าเมา


ขำมากจนเริ่มเหนื่อย หมูหนิง เพื่อนคนดีก็ตามมาสมทบ ... คนนี้อิ่มข้าวมาแล้ว มานั่งยิ้ม นั่งขำ มานั่งส่งสายตาง่วงงุนเหมือนเพิ่งตื่น ... คนนี้ไม่ได้ตามมาหม่ำที่นี่ แต่มีเป้าหมายอยู่ที่ร้านต่อไปค่ะ


นั่งเม้าท์กันสักพักก็ช่วยกันเก็บจาน เก็บโต๊ะ ปิดร้าน แล้วเคลื่อนขบวนไปร้านต่อไปค่ะ ... คุณพัช รับอาสาไปส่งคุณสรกับคุณเกษ เพราะ 3 รายนี้ปลีกตัวกลับบ้านไม่ตามไปต่อด้วยกันค่ะ


ส่วนที่เหลือ กระจายขึ้นรถ 5 คัน มุ่งหน้าไปร้านที่หน้า ม.หอการค้าไทยค่ะ ... คุณนุกับคุณอัพแนะนำร้านนี้ เลยเป็นคันนำขบวน มีรถหมูหนิงตามไปติดๆ ... เรากับคนดีอยู่คันต่อมา มีพี่จุ๊บกับน้องเหมี่ยวตามมาแบบไม่รู้ตัว แต่ที่น่าเป็นห่วงคือคันสุดท้าย คุณผึ้งกับคุณกี้ เพราะไม่คุ้นทาง และคิดว่าจะขับตามรถเพื่อน แต่เพื่อนนำฉิวไปคันแรกแล้ว


เราเลยโทรเช็คว่าอยู่ตรงไหน ไปทางไหน เพื่อจะบอกทาง ก่อนตัดสินใจจอดรอ แล้วเก็บสมาชิกเข้าขบวนมาพร้อมกัน ... ไปถิ่นเก่ามหา'ลัยที่เคยเรียน ถึงจะไม่รู้แน่ชัดว่าร้านอยู่ตรงไหน แต่ก็ยังพอคุ้นทางบ้าง พาวนเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวาอยู่หลายตลบก็ถึงที่หมาย ... แต่คันสุดท้ายก็พลาดหลุดขบวนไปตอนสุดท้าย เลยต้องนำทางอีกแป๊บนึงให้กลับมารวมตัวกัน


สมาชิกพร้อมหน้า ก็เข้าไปสมทบกับขบวนแรก ... ร้านขนาดเล็กกะทัดรัด พื้นที่จำกัด พอขบวนใหญ่เข้าไปเลยทำร้านเค้าแน่นไปเลย ... ดีที่ไปถึงตอนร้านปิดแล้ว เลยไม่กวนคนอื่นเท่าไหร่


นั่งเม้าท์ นั่งคุย นั่งขำ กันอีกรอบ จนตีสองกว่าๆ ก็ต้องแยกย้ายสลายตัวแล้วค่ะ ... เพราะหลายคนมีภารกิจ ที่ต้องตื่นแต่เช้า


ร่ำลาแยกย้ายกันกลับไปพัก แต่คาดว่าคงมีนัดรวมตัวกันอีกแน่ๆ ค่ะ ... เพราะได้ข่าวมาว่า ศุกร์หน้าน้องแอนก็จะกลับมาแล้ว ... นัดครั้งหน้าจะทานอะไรดีน้อ

27.8.52

อาจารย์อะไร ???

เมื่อคืนระหว่างที่กำลังอัพบล็อก อนุบาลนกยักษ์ ก็คุยกับคนดีผ่านเอ็มเอสเอ็นไปด้วยค่ะ ... คนดีกำลังเล่าเรื่องตื่นเต้นระหว่างขับรถกลับจากไปส่งโซ้ยอี้


เราคุยๆ หายๆ ไปเป็นพักๆ คนดีเลยถามว่ากำลังทำอะไรอยู่ ... ตอบไปว่ากำลังอัพบล็อก ... พอผ่านไปสักพักก็เกิดบทสนทนานี้ขึ้นผ่านเอ็มเอสเอ็นค่ะ


คนดี : อัพใกล้เสร็จยังอะ

เรา : ยังเลยค่ะ

เรา : อีกพักแหละ

คนดี : รอแรงบันดาลใจเหรอ

คนดี : อาจารย์ยิ่งศักดิ์

เรา : อาไร อ.ยิ่งศักดิ์

คนดี : เอ้ย ... อาจารย์เฉลิมชัย

คนดี : 555

คนดี : อีกแล้วตรู

คนดี : จำผิด

คนดี : แหะๆ

เรา : เหอ เหอ


กำลังอัพบล็อกแฉยังไม่ทันเสร็จดี ก็มีกรณีใหม่มาให้แฉอีกแล้ว ... จะแซว จะแหย่เค้า แต่ดันพลาดซะเอง ไม่น่าเล้ยยยยยยย
ฮิฮิ ช่วงนี้คนดีเพลี้ยงพล้ำ พลาดต่อเนื่อง ... พลาดก็ต้องโดนแฉค่ะ

26.8.52

อนุบาลนกยักษ์

วัยอนุบาล คือ เด็กอายุ 3-5 ปี เพิ่งพ้นวัยเด็กเล็กมาสักหน่อย กำลังอยากรู้อยากลอง และต้องการความเอาใจใส่มาก ... กำลังน่าฟัด น่ารัก น่าชัง และน่าเวียนหัวค่ะ


แล้วถ้าเกิดแฟนเรา มีพฤติกรรมคล้ายเด็กวัยอนุบาลนี่ จะเป็นยังไงน้อ ?????


คบกับคนดีมา 7 ปีกว่า เพิ่งมีระยะหลังๆ ที่รู้สึกว่า เวลาไปไหนมาไหนกับคนดี เหมือนมีเด็กวัยอนุบาลให้ดูแล ... เพราะคนดีเรื่องเยอะ ต้องการความเอาใจใส่ และดูแลแบบใกล้ชิด


เวลาไปเดินช้อปปิ้ง ถ้ามีเป้าหมายชัดเจนว่าจะซื้ออะไร จะดูอะไร เราก็จะวางแผนเส้นทางไว้ในหัว จะได้ไม่ต้องเดินขึ้นๆ ลงๆ วนไปวนมา ... เพราะเดี๋ยวนี้ห้างสรรพสินค้ากว้างขวางใหญ่โตเหลือเกินค่ะ เดินทีก็เหนื่อย ... แต่ไม่เคยได้เดินสบายๆ รวดเดียวอย่างแผนที่วางไว้หรอกค่ะ ... เพราะจะมีเหตุ และรีเควสท์พิเศษจากคนดีเพิ่มเติมเข้ามาให้แวะนั่นแวะนี่ตลอด รีเควสท์ที่มีมา ก็มีทั้งธุระการงาน และ ธุระส่วนตัวค่ะ


"ตัวเอง เค้าปวดฉี่"


"ตัวเอง เค้าปวดอึ"


"ตัวเอง เค้าปวดท้อง"


"ตัวเอง เค้าเมื่อยเท้า"


"ตัวเอง ขอเค้าแวะแบงค์หน่อยนะ"


"ตัวเอง เค้าจะซื้อเครื่องเขียนไปทำงาน"


จริงๆ ก็ไม่ได้มีอะไรแปลกประหลาด และบางอย่างก็เป็นอาการธรรมชาติของคนทั่วไป ... ถ้ามันลอยมาแค่รอบเดียวก็ โอเค ... แต่นี่สลับกันหมุนเวียนมาเป็นระยะ เลยไม่มั่นใจว่ามากับผู้ใหญ่ หรือ เด็กวัยอนุบาลค่ะ


หลายครั้งที่เพิ่งเข้าห้องน้ำไปเมื่อตะกี้ คนดีก็อยากเข้าห้องน้ำอีกแล้ว ... หลายหนที่จะไปแบงค์ แต่ดันลืมหยิบสมุดบัญชีมา ... หลายรอบที่หยิบสมุดบัญชีมา แต่หยิบมาผิดเล่ม ... และอีกหลายๆ "ตัวเอง ........." ค่ะ


แผนเส้นทางที่วางไว้เลยรวน เดินขึ้นเดินลงกันจนเวียนหัวและเหนื่อย ... พอเดินมาก็เหนื่อยและเมื่อย ก็มีเสียงลอยมาอีก ... เคยเปรยเรื่องนี้ให้เจ้าตัวเค้ารู้เหมือนกันค่ะ คนดีก็ไม่ได้ว่าอะไร มีแต่ยิ้มตาหยีส่งมาให้ ... เราเองก็ไม่ได้คิดจะว่าอะไรจริงจัง ขอแค่บ่นสักหน่อย เพราะไม่มั่นใจว่า มาเดินซื้อของกับแฟน หรือ พาเด็กวัยอนุบาลมาเดินเที่ยว


ล่าสุดไปเดินซื้อของในซุปเปอร์มาร์เก็ตด้วยกัน ต่างคนต่างมีลิสท์รายการซื้อของอยู่ในหัว แต่รายการของเรามีมากกว่าค่ะ เพราะซื้อของเข้าออฟฟิศด้วย ... ก็เข็นรถเข็นวนไปตามช่อง เพราะเรามีของเยอะกว่า เลยไม่อยากให้คนดีรอ จะขอปลีกตัวไปหยิบของตรงช่องอื่นก่อน คนดีจะได้ดูของ เลือกของตัวเองไปก่อน


แต่ แต่ แต่ คนดีไม่ยอมค่ะ ... คนดีที่จะเดินผละไปหยิบขนม เด้งตัวกลับมาหาเราที่กำลังจะเข็นรถเข็นเดินหน้า แล้วบอกว่า "ไม่เอา เค้าไปด้วย เดี๋ยวค่อยวนมาดูขนมพร้อมตัวอีกรอบก็ได้" ... เอ่อ จะเดินวนให้เมื่อยทำไมเนี่ย แล้วเลือกขนมนะคะ ยังต้องให้เลือกด้วยอีกเหรอ


เดินไปสักพัก เรานึกขึ้นได้ว่ายาสีฟันใกล้จะหมด ซื้อไปเลยแล้วกัน ... ปล่อยให้คนดีเฝ้ารถเข็นไว้ แล้วเราผละออกไปเลือกยาสีฟันตรงชั้นที่อยู่ห่างจากรถเข็นไม่เกิน 1.5 เมตร ... พอเลือกได้กลับมาหย่อนของลงรถเข็น คนดีสะกิดแขนแล้วชี้ไปที่มือจับรถเข็น


มีประโยคเขียนไว้ว่า "อย่าปล่อยให้เด็กอยู่ในรถเข็นตามลำพัง" ... ขำก๊ากกกกกกก ค่ะ ... เออ นี่เรามากับเด็กจริงๆ เหรอเนี่ย


วนจากยาสีฟัน คนดีจะแวะซื้อสำลี แต่หาไม่เจอว่าอยู่ตรงไหน ... พอดีกับที่เรานึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้หยิบพวกเครื่องปรุงรสที่อยู่อีกมุมมาด้วย เลยจะเดินไปหยิบ ให้คนดีเดินหาสำลีไปก่อน ... พอบอกปุ๊บ คนดีก็ออกอาการเด็กวัยอนุบาลทันที ไม่ยอมให้เราเดินไป ไม่อยากอยู่คนเดียว แล้วก็วนรถเข็นตามมาทันที


พอเราซื้อของครบ ก็วนกลับมาหาสำลีกันอีกรอบ หาพิกัดเจอก็ชี้บอกให้คนดีแวะไปดู ... เสียงคนดีก็ลอยมาว่า "ตัวเองเลือกสำลีให้เค้าหน่อยดิ" ... ได้ยินแล้วก็ได้แต่อมยิ้ม แล้วเดินไปเลือกสำลีเช็ดหน้ามาให้


เฮ้ออออออออออออออออออออออออออ นี่อิฉันควงเด็กวัยอนุบาลโรงเรียอนุบาลนกยักษ์อยู่เหรอเนี่ย

25.8.52

โกะ โก รก โกะ !!!

เมื่อวานเพิ่งได้ทำความรู้จักกับ Pet Society ค่ะ ... ทั้งที่มี facebook มา นาน น้าน นาน แล้วเหลือเกิน เปิด facebook ตามคำชวนและแนะนำของพี่จุ๊บ แต่ก็แค่เปิดทิ้งไว้ไม่ได้ใช้งานเท่าไหร่


เมื่อวานเย็นก่อนจะกลับบ้าน หมวยบีลงมาถามว่า "พี่ตั๊กมี facebook ป่าว" "มี ทำไมเหรอ" ... "เปิดเข้าไปหน่อยดิ"


เปิดเข้าไปตามคำขอ แล้วหมวยบีก็ยืนกำกับให้พิมพ์ Pet Society แล้วก็กำกับให้สร้างน้องหมาของตัวเองซะ ... จากนั้นก็บอกว่าเดี๋ยวจะมาสอนเล่นนะ กลับบ้านก่อน ... อ้าว ไหงงั้นหล่ะ ให้เปิดเพื่ออะไรเนี่ย


หมวยบีกลับไปแล้ว แต่โทรมาย้ำว่า ให้ลองไปเข้าช้อปต่างๆ ด้วย ... พอกลับถึงบ้านเลยเปิดโน้ตบุ้คเข้าไปลองจิ้มนั่น จิ้มนี่ ลองสำรวจไปเรื่อย เพราะอยากรู้อยากเห็น ว่าอะไรเป็นอะไร ทำยังไง คืออะไร ... สำรวจจนรู้ กระจ่างใจก็ปิด


เช้ามานั่งทำงานสักพักก็ลองเปิดเข้าไปดู ไปเยี่ยมเยียนเพื่อนบ้านสักหน่อย แล้วก็ปิดไม่ได้สนใจอีก ... จนเที่ยงคนดีแวะเอาข้าวมาส่ง พร้อมมาหม่ำข้าวด้วย จัดการจนอิ่มหนำสำราญ หมดเวลาพักก็กลับมาทำงาน


เลยเปิดเข้า facebook กะจะให้คนดีดูหน้าตาน้องหมาในปกครอง ... เปิดแล้วก็แนะนำนั่นนี่นิดหน่อย ว่าอะไร ทำอะไร ยังไงบ้าง


"อ๋อ มันเหมือน โกะ โก รก โกะ ใช่มั้ยตัว" "หา อะไรนะคะ ตัวว่าเหมือนอะไรนะ"


"เอ่อ ไอ้ที่เป็นลูกกลมๆ ไง ที่ต้องคอยดูแลมันอ่ะ" "อ๋อ ทามาก็อตจิ อ่ะเหรอ"


"เออ นั่นแหละ ไอ้กลมๆ นั่นแหละ" .. โอ๊ะ แล้วมันออกเสียงเหมือนกันตรงไหนคะเนี่ย โกะ โก รก โกะ กับ ทามาก็อตจิ เนี่ย เฮ้ออออ


โชคดีที่ในเหตุการณ์มีพยานบุคคลอื่นๆ อยู่ด้วย เลยมีพยานช่วยยืนยัน ... พี่ผู้ช่วยที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ที่ร่วมทำหน้างงตอนได้ยิน โกะ โก รก โกะ หันมาบอกว่า "เก่งจัง เข้าใจด้วยว่าจะพูดอะไร"


ไม่ได้เก่งหรอกค่ะ แต่อาศัยเดาจากคำบรรยายเพิ่มเติมนั่นหล่ะค่ะ ... พอรู้เรื่องว่าอะไรเป็นอะไร สมองก็สั่งงานทันทีว่าต้องเอาเรื่องนี้มาเขียนลงบล็อก ... ฮิ ฮิ คนดีจ๋า พลาดแล้วก็ขอแฉหน่อยนะคะ

23.8.52

เที่ยวฉะเชิงเทรา : กิน กิน กิน # 2

หลังจากสลบไสลไปพักใหญ่ ก่อนจะตื่นขึ้นมาดูคอนเสิร์ทเอเอฟ ... พอคอนเสิร์ทจบ อาบน้ำเรียบร้อย ก็กระโดดขึ้นที่นอน ซุกตัวใต้ผ้าห่มค่ะ ก่อนจะหลับยาวววววววว จนมีเสียงมือถือของพ่อโทรมาปลุกค่ะ


เพราะเมื่อคืนไม่ได้นัดเวลารอบเช้าเอาไว้ แล้วในห้องพักก็มืดสนิท นอนสบาย หลับยาวไม่รู้เวลาค่ะ ... ได้รับสายปุ๊บก็เด้งดึ๋งรีบอาบน้ำแต่งตัวเก็บของทันทีค่ะ ... 9 โมงกว่า ก็พร้อมออกเดินทางค่ะ


จุดหมายอยู่ที่ตลาดค่ะ หามื้อเช้ารองท้องสักหน่อยค่ะ ... สมาชิก 4 คน เลือกกินก๋วยเตี๋ยว ส่วนเราขอข้าวไข่เจียว กินอิ่มกำลังสบาย ... ท้องอิ่มกันถ้วนหน้า ก็ตรงไปร้านเพื่อนพ่ออีกค่ะ ให้เพื่อนสนิทได้นั่งเม้าท์กันอีกพักนึง


ถึงร้านเร็วไปนิด กำลังจัดร้านอยู่ค่ะ พ่อเลยชวนไปซื้อกุ่ยช่ายเจ้าอร่อย เรียกว่าใครไปใครมาก็ติดใจ ... งานนี้เจ้าถิ่น เจ้าบ้านแนะนำอีกตามเคย พร้อมบอกพิกัดทางไปร้านเสร็จสรรพ


ตั้งต้นที่สี่แยกพนมสารคาม ทางที่มุ่งหน้าไปปราจีนนะคะ ... เลี้ยวขวา ตรงไปเรื่อยๆ จนเจอปั๊มน้ำมัน (เป็นปั๊มที่ไม่มีชื่อ ไม่มียี่ห้อระบุค่ะ) สังเกตขวามือค่ะ เลยปั๊มไปนิดนึงจะเจอซอย เทศบาล 1 ก็เลี้ยวขวาเข้าไปเลยค่ะ ตรงไปจนสุดทางก็จะเจอร้าน ขนมกุ่ยช่าย เจ๊อิม เกาะขนุน อยู่ทางซ้ายมือค่ะ


มีไส้กุ่ยช่าย หน่อไม้ และ เผือก ให้เลือกซื้อค่ะ กล่องละ 20 บาท มี 10 ชิ้นค่ะ ... เป็นกุ่ยช่ายแป้งบาง ไส้เพียบ น้ำจิ้มก็กลมกล่อมดีค่ะ


ซื้อกุ่ยช่ายเรียบร้อย ก็ย้อนกลับไปที่ร้านค่ะ ร้านอยู่พนมสารคาม แต่ชื่อร้าน ข้าวมันไก่ชลบุรี ... ตั้งร้านเรียบร้อย เปิดขายแล้วค่ะ

พอนั่งโต๊ะปั๊บ ก็มีจานไก่ต้ม ไก่ทอด และ หมูแดง มาเสิร์ฟอีกแล้วค่ะ ... โอ๊ย จะอดใจไม่กินก็ทำไม่ได้ เพราะไก่ต้มก็อร่อย ไก่ทอดก็อร่อย หมูแดงก็อร่อยค่ะ ... น้ำซุปที่เห็นใสๆ ก็กลมกล่อม ... น้ำจิ้มแจ่มมากค่ะ ที่สำคัญมีน้ำจิ้มถ้วยโตเบ้อเร่อวางไว้ให้บนโต๊ะเลย ตักได้เต็มที่ไม่มีหวง


กินอิ่มไปอีกมื้อ เตรียมตัวจะร่ำลากลับ ... ก็ยังได้ข้าวมันไก่ใส่ถุง ใส่กล่อง ติดมือกลับมาอีก 2-3 กล่องค่ะ ... ติดใจข้าวมันไก่ร้านนี้มากๆ ค่ะ เนื้อไก่ไม่แห้ง ไม่กระด้าง และไม่โดนตบจนแบนแต๊ดแต๋ แถมน้ำจิ้มก็อร่อยเด็ดค่ะ ... ถ้าผ่านมาเที่ยวแถวนี้อีก จะแบกท้องมาอุดหนุนข้าวมันไก่ของอาแน่ๆ ค่ะ


ร่ำลากันเรียบร้อย ก็หยุดพักท้องเดินทางไปเที่ยวกันค่ะ ... จุดหมายที่ สว. ประจำทริปแนะนำคือ ตลาดน้ำบางคล้า ค่ะ เป็นตลาดน้ำที่เปิดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ เปิดตั้งแต่เช้าจนเย็นๆ ค่ะ

ตามรายทางมีร้านค้าขายของตั้งเป็นระยะ ส่วนริมตลิ่งก็เป็นแพริมน้ำ ที่มีโต๊ะเก้าอี้ตั้งไว้ สำหรับลูกค้าที่ซื้ออาหารจากเรือที่มาเทียบอยู่ข้างแพ ... เลือกซื้อ เลือกชิม เลือกนั่ง ได้ตามใจชอบค่ะ แต่อากาศค่อนข้างอ้าว เพราะลมค่อนข้างน้อย


เราที่ยังอิ่มอยู่ เลยซื้อเฉพาะน้ำดื่มชื่นใจ เดินชมตลาดไปเรื่อย ... ไปเจอน้องเต่าในกะละมัง เลยได้ทีซื้อน้องเต่าไปปล่อยซะเลย เพราะเป็นหนึ่งในรายการการบ้านที่ได้รับจากพี่หมอดู


ถูกชะตากับเจ้าตัวน้อยตัวนี้ค่ะ เลยตั้งชื่อเฉพาะกิจให้ว่า lucky เพราะหวังว่าทั้งน้องเต่า และเราจะโชคดีทั้งคู่ ... ตอนจะปล่อยก็เกิดปัญหาค่ะ เพราะไม่แน่ใจว่าน้องเต่า เป็นพันธุ์เต่าบกรึเปล่า เพราะถ้าใช่ ปล่อยเค้าลงน้ำลึกไป แทนที่จะได้บุญ จะกลายเป็นได้บาป เพราะเค้าต้องมีที่แห้งให้ขึ้นมาพักได้


แล้วตอนอยู่ในกะละมังก็เห็นเค้าเชิดหน้าชูคอพ้นน้ำอยู่ เลยเลือกปล่อยริมตลิ่ง ให้เค้ามีพื้นที่วนขึ้นมาพักผึ่งแดดได้ ... พอหย่อนลงน้ำปุ๊บ น้องเต่าก็ว่ายหาตลิ่งทันทีค่ะ แล้วก็ค่อยๆ คลานขึ้นมา ... เพื่อความมั่นใจว่าเค้าจะไม่โดนจับไปขายอีก และ มั่นใจว่าเค้าอยากขึ้นตลิ่งจริงๆ เลยจับเค้ามาหย่อนห่างจากจุดเดิมอีกหน่อย เค้าก็ว่ายขึ้นตลิ่งไปซุกตัวหลบอยู่ตรงหลืบเสา ... เอาหล่ะ แสดงว่าอยากอยู่บนบกจริงๆ ก็ขอให้โชคดีแล้วกันนะจ๊ะ


ระโหยโรยแรงเพราะแสงแดดไปพอสมควร เหงื่อซึม เหงื่อท่วม เดินช้อปปิ้งจนเริ่มหมดสภาพ ก็เคลื่อนขบวนไปที่หมายต่อไปค่ะ ... เขยิบจากตลาดน้ำไปนิดเดียวค่ะ ไปที่ วัดโพธิ์บางคล้า


ที่นี่มีจุดเด่นคือ ค้างคาวแม่ไก่ ตัวโตๆ ที่ห้อยหัวโชว์ตัวอยู่บนต้นไม้ในวัดค่ะ ... เห็นได้ชัดเจนตั้งแต่ทางเข้าวัด ก็เจ้าจุดดำๆ ที่อยู่ในกรอบสีเหลืองนั่นหล่ะค่ะ นี่แค่ส่วนน้อยนิดเดียวนะคะ พอเดินเข้าวัดไปก็เจอเพียบค่ะ


แวะเที่ยวนิดหน่อย ก็เดินทางกันต่อค่ะ มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ แต่ระหว่างทางก็ขอแวะอีกนิด ... เพราะความเด่นสะดุดตาและน่าสนใจค่ะ ร้าน ตั้ง เซ่ง จั๊ว ร้านขายขนมเปี๊ยะบางคล้า ... ร้านสาขานี้มีอาคารสไตล์จีน มีมุมสวยๆ เก๋ๆ ให้เก็บภาพเพียบค่ะ


ด้านในร้านก็มีขนมเปี๊ยะ และ ชา ให้ลองชิม ... เข้าไปรับแอร์เย็นๆ ชิมขนม ชิมชา แล้วก็ซื้อติดไม้ติดมือกลับมาคนละกล่อง 2 กล่องค่ะ


ออกจากร้านก็ยิงยาวเข้ากรุงเทพฯ เลยค่ะ เพราะคนดีมีนัดทานข้าวเย็นกับที่บ้าน ... ส่วนเราเองก็อยากกลับถึงบ้านเร็วๆ เผื่อจะได้ซักผ้าสักหน่อย


แต่พอถึงบ้าน คนดีก็ของีบพักนึงก่อนจะกลับบ้าน เราเองเลยแอบงีบไปแวบนึงด้วย ... หมดไปอีกวัน ผ่านไปอีกทริป เป็นทริปที่ต้องบันทึกไว้ว่า ลืมความหิวไปเลยค่ะ

22.8.52

เที่ยวฉะเชิงเทรา : กิน กิน กิน # 1

ที่มาของทริปนี้เกิดขึ้นเพราะความอยากค่ะ ที่สำคัญ คือ "อยากกิน" ค่ะ และโจทย์หลักคือ "ก๋วยเตี๋ยวปากหม้อ" ค่ะ


เรากับคนดี เคยได้ยิน เคยดู เคยเห็น "ก๋วยเตี๋ยวปากหม้อ" ผ่านทางคำบอกเล่าของเพื่อน หนังสือพิมพ์ และ รายการทีวี ... ได้แต่เก็บไว้ในใจแต่ยังไม่มีโอกาสตามหา ตอนไปเที่ยวแก่งหินเพิง เที่ยววังน้ำเขียว ก็ผ่านเส้นทางแถวนี้ แต่ไม่มีใครรู้พิกัดที่ชัดเจน เลยไม่ได้ชิมสักทีค่ะ


จนมาคุยกับพ่อ พ่อบอกว่าแถวบ้านเพื่อนพ่อที่พนมสารคารก็มี ไว้จะพาไปชิม เรากับคนดีได้ยินแล้วกระหยิ่มยิ้มย่อง ... จนคุณกี้แวะไปชิมแล้วมาเขียนบล็อก ก็มากระตุ้นต่อมความอยากกินของคนดีให้พลุ่งพล่านขึ้น ... จนไปลองคุยกับพ่ออีกที เลยเกิดการนัดแนะจองคิวกันล่วงหน้าทันทีค่ะ


ทริปนี้เป็นทริปพา สว. (สูงวัย) เที่ยวค่ะ เพราะผู้โดยสารด้านหลัง คือ หม่ามี้ พ่อ และ เพื่อนพ่อ ... เช้าวันเสาร์ ราวๆ 10 โมง สมาชิกก็รวมตัวกันพร้อม โดดขึ้นรถ มุ่งหน้าไปทางมอเตอร์เวย์ค่ะ


จุดหมายแรกที่แวะคือ ร้านก๋วยจั๊บเจ้าดัง แต่ไม่ได้แวะทานก๋วยจั๊บนะคะ พ่อแวะลงไปซื้อน้ำตาลสด กับ กล้วอบน้ำผึ้งทอด ค่ะ ... ชื่อทริปก็บอกแล้ว ว่า กิน กิน กิน ก็ต้องเปิดด้วยของกินค่ะ


แล้วมุ่งหน้าไปไหว้หลวงพ่อโสธร ... พอดีวันนี้แต่งตัวไม่เรียบร้อย กางเกงสั้นเหนือเข่า เลยปล่อยให้ สว.ทั้ง 3 เข้าไปในโบสถ์ใหม่ ... ส่วนเรากับคนดีไปที่โบสถ์เก่า เราไหว้พระด้านนอก แล้วให้คนดีเป็นตัวแทนไปปิดทองด้านใน ... ไหว้พระเป็นศิริมงคลแล้วก็เดินทางกันต่อค่ะ


จุดหมายปลายทางอยู่ที่ อ.พนมสารคาม ค่ะ เพราะบ้านเพื่อนสนิทของพ่ออยู่ที่นั่นค่ะ ... ไม่ได้เป็นบ้านธรรมดา แต่เป็นร้านข้าวมันไก่ค่ะ หาไม่ยากค่ะ อยู่เลยจากแยกพนมสารคามมาหน่อยเดียว เลี้ยวซ้ายเข้าไปนิด ตรงไปอีกหน่อย ก็ถึงค่า


พ่อ หม่ามี้ และ อา อา พอเจอกันก็ทักทายกันเฮฮา ยกเสบียงที่ขนมาเปิดมื้อกลางวันหม่ำกันทันที ... ส่วนเรากับคนดี ที่เป้าหมายอยู่ที่ "ก๋วยเตี๋ยวปากหม้อ" เพราะฉะนั้น ขอตัวยังไม่รวมวงนี้ แต่เดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามค่ะ


เป้าหมายอยู่ที่ "ร้านปากหม้อคุณเสาวณีย์" ค่ะ ... อา อา และ พ่อ บอกว่า ในละแวกนี้มีร้านก๋วยเตี๋ยวปากหม้ออยู่หลายร้านค่ะ แต่ร้านนี้เป็นร้านแรก ที่อยู่มานาน และมีป้ายการันตีจากคุณหมึกแดงค่ะ


เริ่มต้นที่น้ำซุปก่อนค่ะ ว่าจะใส่อะไรบ้าง ตีนไก่ กระดูก ลูกชิ้น เลือด ... ตีนไก่ กระดูก 3 ชิ้น 10 บาท ลูกชิ้น เลือด 2 ชิ้น 5 บาท ... เราเลือกลูกชิ้นอย่างเดียว 4 ลูก ก็ 10 บาท ส่วนคนดีเลือก ตีนไก่ กับ ลูกชิ้น ก็ 15 บาทค่ะ


ได้น้ำซุปแล้วก็ปรุงตามใจชอบค่ะ เราไม่ปรุงอะไรเลย เพราะน้ำซุปรสกลมกล่อมดีแล้ว เติมกระเทียมเจียว กับ ผักโรย นิดหน่อยพอ ... ส่วนคนดีปรุงรสจัดจ้านขึ้นมาหน่อย


น้ำซุปพร้อมก็รอปากหม้อค่ะ ... มี 6 ไส้ - กุ่ยช่าย ถั่วงอก หน่อไม้ เต้าหู้ ถั่วฝักยาว และ ไส้หวาน ... ร้านนี้ปากหม้อตัวละ 1 บาท ทำให้ชุดละ 5 ตัวค่ะ ... พอดีมีลูกค้ารายอื่นอยู่ เลยต้องรอคิวนิดหน่อยค่ะ คุณป้าจะทำปากหม้อให้ทีละคน ทีละชุด วนไปเรื่อยๆ ค่ะ


เราเลือกไส้หวาน กับ เต้าหู้ค่ะ จัดการไป 2 ชุด 10 ตัว ค่าเสียหายรวมน้ำซุบ 20 บาท ... คนดีเลือก กุ่ยช่าย หน่อไม้ เต้าหู้ ไส้หวาน จัดการไป 3 ชุด 15 ตัว ค่าเสียหายรวมน้ำซุป 30 บาท


อิ่มกำลังสบายก็ข้ามถนนกลับมาร่วมวงกับ สว. ค่ะ ... เพื่อนสนิทมาเจอกัน ก็เม้าท์กันไป กินกันไป แล้วเจ้าบ้านขายอาหาร ก็ยกอาหารในร้านมาให้กินเพลินๆ ค่ะ


ทั้งไก่ต้ม ไก่ทอด หมูกรอบ ... ตักมาเพียบ จิ้มกินเปล่าๆ หรือ จะกินกับข้าวมันก็ได้ค่ะ กินได้เต็มที่ไม่อั้น ... เราสองคนที่ตุนก๋วยเตี๋ยวปากหม้อมาแล้ว ก็อดใจไม่ไหวขอชิมนิดๆ หน่อยๆ ก็มันอร่อยอ่ะค่ะ


อิ่มแล้วนั่งฟัง สว. คุยกัน ก็ชักจะตาปรือ ... อา อา เลยแนะนำว่าให้ขับรถไปเที่ยวดีกว่า อย่านั่งจุมปุ๊กอยู่กับผู้ใหญ่ที่เริ่มตั้งวงก๊งเลย จะได้ไม่เบื่อ ... จุดหมายที่แนะนำมาคือ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน


เป็นศูนย์ศึกษาฯ เนื่องจากพระราชดำริ เพื่อแนะนำและให้ความรู้ทางการเกษตร เปิดให้ท่องเที่ยว และศึกษาจากผลงานภายในศูนย์ค่ะ ... พื้นที่กว้างมากค่ะ ขับรถเข้าไปวนๆ เที่ยวชมตามจุดต่างๆ ได้สบายค่ะ ... ที่เราสองคนสนุกสนานกันมากคือ หยุดถ่ายรูปตามจุดต่างๆ ค่ะ เพราะถึงแดดจะแรง แต่ต้นไม้แน่นครึ้ม ร่มรื่นค่า


เที่ยว เล่น ถ่ายรูปกันจนบ่ายสามโมง ก็กลับไปที่ร้านอาค่ะ เพราะ สว. จะยกขบวนไปกันต่อ ... เนื่องจาก อา อา เป็นคนพื้นที่ และ พ่อก็เคยมาทำงานอยู่ที่นึ่พักใหญ่ เพื่อนเยอะ เลยต้องตระเวณทักทายเพื่อนค่ะ


พอเจอเพื่อนอีก 3-4 ราย ก็เกิดการยกขบวนไปหม่ำ อีกแล้วค่ะ ... จุดหมายคือ สมาคมชาวบ้านสร้าง เห็นหน้าตาร้านแล้วงงๆ เพราะเพิ่งตื่น แต่คนพื้นที่การันตีว่าอร่อย ก็ต้องลองค่ะ


เมนูโดดเด่นของมื้อนี้ คือ กุ้งเผา ค่ะ อย่างที่เห็นในรูปนั่นหล่ะค่ะ กุ้งแม่น้ำตัวโตกำลังดี มันเยิ้ม โอ๊ย แค่คิดถึงก็น้ำลายจะหยด ... ถัดมาเป็น เมี่ยงปลากรอบ เป็นเมี่ยงแบบสำเร็จค่ะ คือเครื่องทั้งหลายถูกปรุงรส คลุกเคล้ามาเรียบร้อยแล้ว แค่ตักใส่ใบชะพลูเท่านั้น ก็อร่อยแล้วค่ะ ... ทอดมันปลากราย เนื้อหนึบ เคี้ยวอร่อยค่ะ ... ส่วนจานที่เหลือที่เห็นมะม่วงซอยเพียบนั้นคือ ยำสามกรอบ ค่ะ ปลาหมึกทอด กระเพาะปลาทอด ปลาดูกฟู ซ่อนตัวอยู่ใต้มะม่วงซอยค่ะ พอคลุกเคล้าเข้ากันแล้ว อร่อยเด็ดค่ะ กินเพลินนนนนนนน


นอกจากนี้ยังมีอีกหลายจานที่ไม่ได้ถ่ายรูปมา ... ปลาไหลผัดเผ็ด ลูกชิ้นปลากรายลวก กุ้งทอด พล่ากุ้ง ... ทุกจานรสชาติใช้ได้ค่ะ ส่วนค่าเสียหายเท่าไหร่ ไม่ทราบเลยค่ะ เพราะมื้อนี้มีเพื่อนๆ พ่อ เป็นเจ้ามือค่า


กิน กิน กิน ไม่ได้หยุดพัก ท้องเต่ง จนสะกดคำว่าหิวไม่เป็นเลยค่ะ ... ตะลอนกินจนทุ่มกว่าถึงได้เข้าที่พัก ลานนารีสอร์ท ที่พักที่เพื่อนพ่อจัดการจองไว้ให้อีกเช่นเคย


ห้องพักกว้างขวาง สะอาดสะอ้าน อุปกรณ์อำนวยความสะดวกพร้อม ... ทีวี แอร์ เครื่องทำน้ำอุ่น ตู้เย็น พร้อมน้ำดื่ม 2 ขวด มีผ้าเช็ดตัวอยู่ในถุงพลาสติคอย่างดี ... ราคาคืนละ 500 บาท คุ้มค่ะ


เช็คอิน เก็บของเสร็จเรียบร้อย ... ห้อง สว. ข้างๆ ถามมาว่าจะออกไปตะลอนรอบค่ำด้วยกันอีกรึเปล่า เราสองคนขอผ่าน ขอนอนเอกเขนกดูคอนเสิร์ทเอเอฟดีกว่า ... พ่อ หม่ามี้ และอา เลยขับรถตะลอนออกไป กินมื้อค่ำ ฟังเพลง กันตามลำพัง


มากับ สว. แต่เราสองคนขอยอมแพ้นอนสิ้นสภาพอยู่ในห้อง ... เพราะตะลอนกินจนพุงตึงมาก แล้วเจอแดดเปรี้ยง ดูดพลังไปเยอะ ขอชาร์จแบตไว้รอลุยวันพรุ่งนี้ต่อดีกว่าค่ะ

21.8.52

อำลาบุฟเฟ่ต์หมูกระทะ@กิวกิวเต้

ปกติเรากับคนดีไม่ค่อยกินหมูกระทะกันสักเท่าไหร่ เรียกว่า นาน น้าน นาน ถึงจะกินกันสักที ... จนสาวกวางแนะนำร้าน กิวกิเต้ ให้รู้จัก เราสองคนก็ติดใจ และนึกถึงร้านนี้ทุกครั้งที่นึกอยากกินหมูกระทะ


เจอของอร่อยก็กระจายข่าวเผื่อแผ่ให้คนอื่นๆ ได้รู้ และได้ลอง จนมีคนติดอกติดใจตามกันมาอีกหลายคน ... และกลายเป็นหนึ่งในร้านที่ชวนกันแวะเวียนมาปิ้งๆ ย่างๆ เม้าท์เมามันกันบ่อยขึ้น


ราวๆ ต้นเดือนคุณกี้ส่งข่าวมาบอกว่า เห็นมีป้ายประกาศในร้านกิวกิวเต้ว่าจะยกเลิกการขายบุฟเฟ่ต์แล้ว ... โอ๊ะ โอ๊ะ โอ๋ อะไรกันเนี่ย เลิกขายบุฟเฟ่ต์หมูกระทะ แย่แล้วเรา


ไม่ได้การ ต้องไปพิสูจน์ด้วยตา ต้องไปดูให้ชัดเจนแจ่มแจ้งแก่ตาตัวเองว่าจะเลิกขายจริงรึเปล่า ... ถ้าเลิกขายจริง จะได้ถือโอกาสกินอำลาส่งท้ายซะเลย


เดินเข้าร้านไป ตรงพื้นที่บุฟเฟ่ต์ มีกระดาษประกาศเลิกขายบุฟเฟ่ต์ติดไว้ให้เห็นชัดเจน ... โอ๊ะ โอ๊ย เลิกขายจริงๆ ด้วย เศร้าจัง


ไหนๆ ก็จะเลิกแล้ว กินอำลาแล้วกัน เรากับคนดีแบ่งหน้าที่กันโดยมิได้นัดหมาย ... คนดีเริ่มต้นด้วยการตักของทอดทานเล่น และ จัดจาน ช้อน ตะเกียบ ... เราตักและปรุงน้ำจิ้ม ... คนดีเลือกหยิบสารพัดผัก ... เราตักเนื้อสัตว์ทั้งหลาย


อุปกรณ์พร้อม เครื่องพร้อม เตาพร้อม ก็ลงมือลุยค่ะ ... ปิ้งๆ ย่างๆ คีบเข้าปากไปเรื่อยๆ ตั้งอกตั้งใจกินกันทั้งคู่ กินกันเงียบ เหมือนโกรธกันอยู่


จัดการของคาวจนท้องตึง ก็ปิดท้ายด้วยขนมหวาน ลอดช่องใส่มันเชื่อมคนละถ้วย ... คนดีปิดท้ายจริงๆ ด้วยผลไม้อีกหน่อย อิ่ม พุงตึง หายอยาก


(ภาพจากการหม่ำกิวกิวเต้ที่มีในสต็อกนะคะ ... ครั้งนี้ไม่ได้พกกล้องไปถ่ายรูปค่ะ )


เฮ้อ บรรยากาศบุฟเฟ่ต์ในร้านกิวกิวเต้แบบนี้คงไม่มีอีกแล้ว ... เสียดายจัง จะหาบุฟเฟ่ต์หมูกระทะที่อร่อยถูกปาก ถูกใจแบบนี้ได้ที่ไหนน้อ

20.8.52

เปิบส้มตำที่ร้านกาแฟ

วันนี้มีนัดฉุกเฉิดกับเพื่อนชาวไดค่ะ เป็นนัดปุบปับ คิดเมื่อวาน วันนี้ก็นัดเจอกันเลย ... ที่นัดด่วนขนาดนี้ เพราะถ้ารอกันไปมา กว่าจะได้เจอก็คงอีกนานค่ะ พอเช็ควันนี้ว่างปุ๊บ ก็นัดเลยค่ะ


จุดหมายหลักอยู่ที่ Craft Cafe ของพี่จุ๊บ เพราะถ้ารอปิดร้านแล้วไปเจอกันร้านอื่น คงได้เจอกันดึกดื่นไปนิด ... ยกพลมาบุกที่ร้านดีกว่าค่ะ


แต่มีปัญหานิดนึง ตรงที่ร้านมีของหวานเป็นหลัก แต่เราต้องการอาหารหนัก อาหารคาวค่ะ ... เลยตกลงกันว่าขนเสบียงของคาวไปตั้งวงหม่ำไปเม้าท์ไปดีกว่า เลือกอยู่หลายอย่างว่าจะหม่ำอะไรกันดี ... สุดท้ายก็ลงตัวที่ ส้มตำ


เรากับคนดีเสนอตัวว่า จะซื้อส้มตำเข้าไปให้ก็ได้ ... แต่ไม่เลือกร้านเดิมอย่าง 5 แยกตำซั่ว เปลี่ยนเป็นร้านใหม่นิ้งกิ๊ง ลาบกายสิทธิ์ แทนค่ะ


ลาบกายสิทธิ์ เป็นร้านที่มือตำส้มตำของร้านลาบกาฬสินธุ์ร้านโปรดของเรา เพิ่งแตกตัวออกมาทำเองไม่นานค่ะ ... เมื่อวันจันทร์ไปลองชิมฝีมือมาแล้ว รสส้มตำยังแจ่มแหมวโดนใจเหมือนเดิน เมนูข้างเคียงอื่นๆ ก็ยังใช้ได้ ... ไหนๆ เพื่อนชาวไดก็เคยเปรยว่าอยากชิมส้มตำร้านนี้ เลยเลือกอาหารจากร้านนี้เป็นมื้อหลักเลยค่ะ


เปลี่ยนบรรยากาศจากการกินส้มตำที่ร้านส้มตำ มากินส้มตำในร้านกาแฟแทน ก็มีปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ค่ะ ... จาน ชาม ช้อน ส้อม ที่จะใส่ ที่จะจ้วง นี่หล่ะค่ะ ... ปัญหานี้แก้ง่ายๆ ด้วยการเดินเข้าร้าน 7-11 ซื้อจาน ชาม ไบโอ กับ ช้อน ส้อม พลาสติค มาใช้เฉพาะหน้าไปก่อนค่ะ


เสบียงที่คนดีไปซื้อมา มีดังนี้ ... ตำไทยใส่ปู 2 ตำปู 1 ตำปูปลาร้า 2 ยำหอยแครง 1 หมูแดดเดียว 2 แหนมปีกไก่ 3 ลาบหมู 1 ลาบวุ้นเส้น 1 ... กะว่าคงจะรองรับความหิวของสมาชิก 5-6 คนได้กำลังดี


ถึงร้านราวๆ หกโมง เปิดโอกาสให้คนดีได้คุยธุระกับคุณผึ้ง (ตาเหม่งของคุณกี้) ก่อน เพราะสมาชิกยังมาไม่ครบ ... วันนี้เพื่อนหมูของคนดี แวะมาร่วมสังสรรค์เฮฮาด้วย ดั้นด้นจากบางแคมาทาวน์อินทาวน์ ต้องให้เวลาเดินทางเยอะหน่อย ... เพื่อนหมูมาถึงสักพัก สมาชิกก็พร้อมหน้าพอดี แต่คนดีกับคุณผึ้งยังคุยธุระกันไม่จบ


แกะถุงกับข้าว จัดเรียงใส่จาน แล้วก็นั่งมอง นั่งดมกลิ่ม พร้อมกับส่งสายตาเว้าวอนไปทางคู่กิ๊กที่ใกล้จะสรุปธุระ ... พอดีกับที่ได้เวลาจวนจะปิดร้านพอดี พี่จุ๊บเลยจัดการเคลียร์ของ ทำความสะอาด ... ภารกิจเสร็จพร้อมกัน ก็ลงมือลุยหม่ำกันได้ทันที


ถึงอุปกรณ์จะไม่ครบ อาหารจะเย็นไปบ้าง แต่ก็หม่ำไป เม้าท์ไป สนุกสนาน เพลิดเพลินค่ะ ... อัพเดทชีวิตกัน ปรับทุกข์กัน ปรึกษากัน ระหว่างเปิบส้มตำก็เพลินดีนะคะ


กินกันจนทยอยอิ่มไปทีละคน ก็นั่งคุยกันอีกพักใหญ่ ก่อนที่สมาชิกจะทยอยกลับ ... จนเหลือชุดสุดท้าย ที่ก่อนกลับได้วาฟเฟิลของร้านเป็นของหวานปิดท้าย อิ่ม อร่อย สนุก


ถ้าอยากดูบรรยากาศ และหน้าตาอาหาร ต้องรอดูจากบล็อกคุณกี้นะคะ ... ตัวหนังสือในบล็อกนี้อาจจะบอกไม่ได้ว่าบรรยากาศ สนุกสนาน เพลิดเพลินยังไง รูปคงพูดได้ดีกว่า ... ใครที่สนใจอยากมาร่วมวงด้วย ยินดีค่ะ แต่คงต้องรออีกพักใหญ่ๆ เพราะไม่รู้จะนัดรวมตัวกันอีกเมื่อไหร่ค่า

19.8.52

ชื่ออะไรดี???

ราวๆ 10 เดือนแล้ว ที่คนดีลาออกจากการเป็นพนักงานบริษัท มารับงานทำเอง ... ตอนแรกก็กังวลว่าจะมีลูกค้ารึเปล่า จะทำไหวมั้ย และสารพัดเรื่องกังวลที่ผลัดกันวนเวียนลอยเข้ามาในหัว


ผ่านมาจนถึงวันนี้ สถานการณ์น่าสบายใจ เพราะมีงานมาเรื่อยๆ ไม่เยอะจนล้น แต่ก็ไม่ขาดช่วงจนหวั่นใจ ... แต่ก็ยังมีปัญหาที่ต้องคิดกันอยู่ ก็คือ เรื่องเปิดบริษัท


เพราะการรับงานในนามบุคคล เป็นข้อจำกัดในการหาลูกค้ารายใหม่ๆ ... ถ้าจดทะเบียนบริษัทเป็นเรื่องเป็นราว ก็มีโอกาสที่จะรับงานจากลูกค้าต่างๆ ได้มากขึ้น เพราะเงื่อนไขเกี่ยวกับรายรับ รายจ่าย และภาษีนั่นหล่ะค่ะ


คิดจะเปิดบริษัท ก็มีเรื่องยุ่งเข้าแถวมาเป็นลำดับค่ะ ... เพราะรายละเอียดการขอจดทะเบียนบริษัทก็มีเยอะเหลือเกิน ไม่ถนัดกันทั้งคู่ ก็ต้องหาผู้เชี่ยวชาญมาช่วยทำ


แต่ก่อนจะส่งไปให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยดำเนินการให้ ก็ต้องจัดการตั้งชื่อบริษัทให้ได้ก่อนค่ะ ... นี่หล่ะค่ะ ปัญหาหลักว่าจะตั้งชื่ออะไรดี


เมื่อ 4-5 เดือนก่อน เราช่วยคนดีคิดชื่อมาได้ 2-3 ชื่อแล้ว แต่พอเข้าไปเช็คชื่อบริษัทจดทะเบียน ปรากฎว่ามีคนใช้ไปแล้ว ... เอ้าหล่ะซิ ก็ต้องหากันใหม่ คิดกันใหม่


คิดมาอีก 3-4 ชื่อ เช็คแล้วว่ายังไม่มีใครใช้ ... ก็ส่งชื่อไปให้พี่หมอดูช่วยดูว่าเป็นยังไง ได้คำทักท้วง และคำแนะนำ กลับมานิดหน่อย ... แล้วกลับมาคิดชื่อใหม่กันต่อ


วันนี้ คนดีได้ข่าวจากลูกค้ารายนึงว่า ฝ่ายบัญชีแจ้งมาว่า อยากให้จ้างงานกับบริษัท มากว่าบุคคลธรรมดา เพราะกลัวปัญหาเรื่องสรรพากรที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ... พอได้ยินลูกค้าแจ้งมาแบบนี้ คนดีก็คิดหนักเลยค่ะ เพราะวางแผนว่าจะยื่นเรื่องจดทะเบียนเปิดบริษัทปีหน้า แผนที่คิดไว้ต้องปรับซะแล้ว


เย็นวันนี้เราสองคนเลยต้องสุมหัวกัน ว่าจะตั้งชื่ออะไรดี จะคิดแค่ชื่อเดียวก็ไม่ได้ ต้องคิดเผื่อไว้เยอะหน่อย ... ได้ชื่อแปลก เข้าตา ถูกใจ หลายชื่อ ... รีบเข้าไปเช็คว่าซ้ำกับใครอีกรึเปล่า


คราวนี้ทางสะดวกค่ะ ผ่านฉลุย หามา 7-8 ชื่อ มีซ้ำแค่ 1 เดียวเท่านั้น ... ยังเหลือตัวเลือกอีกเพียบ


ทีนี้ก็ต้องรอขั้นต่อไปค่ะ ต้องไปให้พี่หมอดูช่วยพิจารณา ... เพื่อความสะดวกรวดเร็ว คนดีเลยต้องจัดการออกแบบโลโก้บริษัทเตรียมไปด้วยเลย ... ถ้าเผื่อชื่อผ่าน พี่เค้าจะได้ดูแบบโลโก้ ดูสี ไปซะเลยทีเดียว


จะจดทะเบียนบริษัทนี่ อารมณ์คล้ายกับจะมีลูกสักคนเลยนะคะเนี่ย ... แค่ชื่อกับโลโก้ก็ต้องดูนั่นโน่นนี่เยอะแยะ เฮ้ออออ ลุ้นจัง

17.8.52

ปิดตำนาน

เนื่องจากช่วงนี้สมาชิกแก๊งค์ลูกหมู มีอาการทรัพย์จางอักเสบขั้นรุนแรง และอยากจะเข้าโหมดจำศีล ... หัวหน้าแก๊งค์ กับ เรา ซึ่งเป็นรองหัวหน้า ปรึกษากันแล้วได้ข้อสรุปว่า แก๊งค์ลูกหมูจะหยุดการตะลอนกินตามความต้องการของสมาชิก


เรียกให้ชัดเจน คือ ปิดตำนานแก๊งค์ลูกหมู ไปซะเลย


เราจะกลับมาควงกันไปตะลอนชิม ตะลอนเที่ยว เพียงลำพังสองคนเหมือนเดิม ... โดยไม่สนใจบุคคลที่ 3 และบุคคลที่ 4 ว่าจะว่างรึเปล่า หรือ สะดวกไปมั้ย


ไปกันสองคนอาจจะชิมกันได้ไม่มาก เหมือนเวลายกกันไปครบแก๊งค์ ... แต่ก็สะดวก ไม่วุ่นวาย ไม่ต้องรอ ไม่ต้องหว่านล้อม นึกอยากปุ๊บ ก็ไปได้ปั๊บ


เพราะหลังๆ นี้ จะชวนไปเที่ยวพักผ่อน จะชวนไปทำบุญ จะชวนไปตะลอนชิม แต่ละที มากเรื่องกันเหลือเกิน ... ยึกยัก ลีลา ง๊องแง๊ง งู้นงี้ ... หูยยยยยยยยย มากความ วุ่นวาย เปลืองน้ำลายหว่านล้อม คิดกันหนักยังกะจะชวนไปฆาตกรรมใคร


กลับมาตะลอนเที่ยว ตะลอนชิม กันสองคนเหมือนเดิมดีกว่า ง่ายดี ... คิดปุ๊บ ไปปั๊บ ไม่ต้องรอใคร เพราะฉะนั้น แผนการร้านต่างๆ ที่ยังค้างอยู่ ไม่ว่าจะเป็น ละเลียด กิวกิวเต้ คาราโอเกะ หรืออื่นๆ ก็ตัวใครตัวมัน ทางใครทางมันแล้วนะคะ


หัวหน้าแก๊งค์ กับ รองหัวหน้า ขอปล่อยสมาชิกแก๊งค์กลับสู่อ้อมอกของคุณผู้ปกครอง ... ส่งตัวคืนให้ผู้ปกครองรับสัมภาระไปดูแลเหมือนเดิม เวลานึกอยากหม่ำอะไร อยากไปไหน ก็ควงกันไปสวีทหวานตามลำพังแล้วกัน


เงื่อนไขเยอะ ข้อแม้มากมาย ชวนไปไหนลำบาก ก็ปิดตำนานแก๊งค์ไปซะเลย ... วันไหนนึกอยากกินลาบกาฬสินธุ์ ต่อมนต์นมสด หรือ ร้านอื่นๆ ก็ไม่ต้องมาชักชวน หว่านล้อมเสียให้อยาก ... เราสองคนจะเล่นตัวบ้างแล้ว ชริ ชิ เชอะ

16.8.52

อย่าคิดจะตีจาก

เมื่อคนดีจัดทริปพิเศษสำหรับสาวฝน จะพาเดินตลาดน้ำดอนหวาย + ไหว้พระที่วัดไร่ขิง ... คนดีก็ชวนหมวยบีเข้าร่วมทริปด้วยค่ะ เพราะจะได้ครบแก๊งค์ลูกหมู


หมวยบีไม่รับปากทันที เล่นตัว ไว้เชิงนิดหน่อย ... ไม่ว่ากัน ไว้ใกล้ๆ วันค่อยคุยกันใหม่


พอดีที่หมวยบีได้การบ้านจากพี่หมอดูมานานแล้ว ให้ปิดทองพระพุทธรูปปางต่างๆ ให้ครบ ... การบ้านได้มานานแล้ว แต่หมวยบียังทำไม่เสร็จสักที พอดีเรากับคนดีนึกได้ว่า วัดไร่ขิงมีพระพุทธรูปหลายปาง ไปที่เดียวน่าจะปิดทองได้เกือบครบ ... พอใกล้วันที่นัดกันไว้ ก็ทำการชักชวน กล่อม และ กดดัน


แต่หมวยบีก็อึกอัก ก่อนจะส่ายหัวปฎิเสธ ออกอาการ คิดจะตีจาก ... ตามเหตุผลที่ให้ไว้ในบล็อกของชี ว่า อาการทรัพย์จางอักเสบขั้นรุนแรง เลยอยากจะจำศีลเก็บเนื้อเก็บตัว


เรากับคนดีก็หว่านล้อมว่า ไม่ได้ชวนไปเสียตังค์ ไปรับถึงบ้าน และจะไปหยอดส่งถึงที่ด้วย ... จะเสียก็แค่ค่าก๋วยเตี๋ยวสักชาม หรือ ขนมของฝากรายทางที่อยากจะซื้อนั่นแหละ ... หมวยบีก็ยืนยันว่าไม่ไป๊ ไม่ไป ไปแล้วซื้ออะไรไม่ได้ มันอึดอัด สู้ไม่ไปดีกว่า


อ่ะ ไม่ไปก็ไม่ไป ... แต่เราไม่ยอมรามือง่ายๆ


เย็นวันศุกร์ก็โทรไปหว่านล้อม และกดดันอีก 2-3 รอบ จนหมวยบีถึงขั้นหลอน และ หวาดระแวง ... เช้าวันเสาร์ ก่อนจะออกเดินทางก็โทรไปกะจะกดดัน และ หว่านล้อม อีกรอบ แต่คาดว่าหมวยบีคงยังไม่ตื่น ซึ่งก็เป็นจริงดังคาด


ใช้เวลาเที่ยวไม่นาน ไปเร็ว กลับเร็ว ... กลับมาถึงบ้านคนดีก็นอนเอกเขนกกันอีกสักพัก รอมื้อเย็น พออิ่มมื้อเย็นแล้ว ก็เตรียมตัวกลับ


คนดีแวะไปส่งโซ้ยอี้ที่บ้าน ก่อนจะวนไปส่งสาวฝน ... พอดีที่บ้านของหมวยบีอยู่ระหว่างทาง จากบ้านโซ้ยอี้ไปขึ้นทางด่วนพอดี ... เราเลยหันไปถามคนดีว่า "แวะไปหาหมวยมั้ย" ... คนดียิ้มรับทันที พร้อมพยักหน้าหนักแน่น วางแผนเตรียมบุกบ้านหมวย


พอถึงเซ็นทรัลพระราม 2 ภารกิจตามหาเหยื่อก็เริ่มขึ้น ... เราโทรหาหมวยบี เช็คว่าอยู่บ้านรึเปล่า กินข้าวรึยัง แล้วก็ชวนคุยไปเรื่อยๆ ... หมวยบีออกอาการหวาดระแวงอย่างชัดเจน ถึงขั้นออกปากว่า "พี่ตั๊กน่ากลัว"


คุยไปเรื่อยๆ จนถึงหน้าบ้านหมวยบี ถึงได้เฉลยให้เหยื่อรู้ตัวว่าบุกถึงบ้านแล้ว ... เหยื่อไม่เชื่อ คิดว่าอำ เพราะเมื่อวานหลอกว่ามารออยู่หน้าบ้าน ก็ไม่ได้มาปรากฎตัวจริงๆ ... คนดีเลยจัดการเลี้ยวรถ ปาดไปจอดหน้าบ้านหมวยบีทันที


พอเห็นรถมาจอดจริงๆ เหยื่อก็ตกประหม่า ที่คิดว่าจะวิ่งหนีขึ้นชั้นบนเป็นอันหมดสิทธิ ต้องเดินออกมาเผชิญหน้าอย่างเดียว ... การบุกไปถึงบ้านทำให้คุณแม่ของหมวยออกอาการประหวั่นพรั่นพรึงไปกับลูกสาวด้วย


แวะทักทาย พูดคุย ส่งของฝากเล็กๆ น้อยๆ ให้นิดนึง ... ก่อนจะลากลับ จะได้ไปส่งสาวฝน สมาชิกแก๊งค์อีกคนให้ถึงมือคุณแม่เหมือนกัน


แก๊งค์ลูกหมู นอกจากจะชวนกินของอร่อยแล้ว ยังดูแลสมาชิกอย่างดี พระราม 2 กับ อ่อนนุช 74 ก็รับ-ส่งได้ ... ไม่ทิ้งๆ ขว้างให้ลำบากหรอก เพราะฉะนั้นอย่าคิดจะตีจาก


หัวหน้าแก๊งค์ลูกหมู ฝากข้อความมาถึงสมาชิกแก๊งค์ ให้รับทราบถึง กฎของแก๊งค์ลูกหมู


1. การเป็นสมาชิกแก๊งค์ลูกหมู ไม่ใช่จะเข้ากันได้ง่ายๆ หน่วยก้านต้องพร้อม ไม่ใช่จะมาสมัครกันได้ง่ายๆ ต้องผ่านการพิจารณจากคณะแก๊งค์ก่อน


2. เมื่อเข้าแก๊งค์แล้ว ต้องทำตามข้อกำหนดของหัวหน้าแก๊งค์สั่ง ไปกินไหนก็ไปด้วยกันอย่างพร้อมเพรียง อย่ามาง๊องแง๊ง


3. แก๊งค์นี้ เข้าแล้ว "ออกยาก" ชิ่งเมื่อไหร่ ตามถึงบ้าน


หัวหน้าแก๊งค์กำชับมาว่า "ชริ คิดจะตีจาก มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ" ... เพราะฉะนั้น อย่าคิดจะตีจากซะให้ยากเลย หมวยเอ้ย ฮิ ฮิ

15.8.52

:89 เดือน:

วันที่ 15 อีกแล้ว เวลาเดินเร็วจริงๆ ค่ะ อายุความรักเพิ่มขึ้นมาอีกนิด นี่ก็ 89 เดือนแล้ว ... เดือนนี้มีกิจกรรมพิเศษนิดหน่อยค่ะ


กิจกรรมพิเศษที่ว่า คือ ไปเดินเล่นตลาดน้ำดอนหวาย + ไหว้พระที่วัดไร่ขิง ... เป็นทริปพิเศษที่จัดให้สาวฝน ที่สมัครเป็นลูกบุญธรรมของเราสองคนค่ะ


จำไม่ได้แล้วว่าที่มาเริ่มต้นจากไหน แต่มาจากคนดีแน่นอนค่ะ ... สาวฝนยังไม่เคยไปตลาดน้ำดอนหวาย คนดีเลยจัดทริปให้ทันที เล็งวันล็อคคิวเสร็จสรรพ แถมชวนน้องมากินข้าวบ้าน มาหม่ำฝีมือทำกับข้าวของโซ้ยอี้ที่น้องติดใจ


เรากับสาวฝนไปค้าง บ้านคนดีตั้งแต่วันศุกร์ ได้หม่ำ แกงส้มแป๊ะซะ น้ำพริกปลาทู และหมูหงิก อร่อยทุกอย่าง ... กินอิ่ม พุงเต่ง ก็เข้านอนหลับสบาย


ตื่นราวๆ แปดโมง ทยอยอาบน้ำแต่งตัว ... แล้วลงไปหม่ำข้าวเหนียวหมูฝอย ... ท้องอิ่ม ก็ได้เวลาออกเดินทางค่ะ


ตรงดิ่งไปตลาดน้ำดอนหวายก่อน ตอนแรกตั้งใจจะไหว้พระก่อน แล้วค่อยมาเดินตลาดจะได้หม่ำมื้อเที่ยงที่ตลาดเลย ... แต่ผ่านเห็นที่จอดรถยังว่าง คนคงยังไม่เยอะมาก งั้นเดินตลาดก่อนแล้วกัน


เดินชมตลาด ซื้อขนม ของกิน ตุนกันไว้ เดินไป-กลับ สองรอบ ข้าวเหนียวหมูฝอยที่กินเข้าไปก็ยังไม่ย่อย ... เลยงดก๋วยเตี๋ยวเป็ดที่ตั้งใจไว้ แล้วย้ายไปไหว้พระ


ไหว้พระ ทำบุญนิดหน่อย ก็ไปนั่งให้อาหารปลาตรงท่าน้ำ นั่งเพลินๆ สบายใจอยู่พักใหญ่ ก็ชวนกันกลับค่ะ ... กลับมาถึงบ้านคนดี สาวฝนกับคนดีจัดการแกงส้มแป๊ะซะที่เหลืออยู่จนเรียบ แล้วชวนกันขึ้นไปงีบพักรอเวลามื้อเย็นค่ะ


พอได้เวลามื้อเย็น ก็มีเสียงตามให้ลงมาหม่ำ เย็นตาโฟ ลวกเอง หม่ำเอง สูตรประจำบ้านคนดี ... จัดการกันไปคนละชาม สองชาม จนอิ่มสบายท้อง ก็ได้เวลากลับบ้านค่ะ


ส่งสาวฝนถึงบ้านเรียบร้อย คนดีต่อรองว่า ให้ไปค้างด้วยอีกคืน เพราะไหนๆ ก็เป็นวันพิเศษ ... อ่ะ ไหนๆ ก็เป็นวันพิเศษ เลยเก็บเสื้อผ้าไปค้างบ้านคนดีอีกคืน


เป็นวันพิเศษ ที่ไม่ได้มีอะไรพิเศษมากมาย แต่ก็สนุก สนาน และน่าจดจำ ... แค่ได้อยู่ด้วยกันทั้งวัน 24 ชั่วโมงเต็ม ก็พิเศษ และมีความสุขแล้วค่ะ

13.8.52

นินจา ฮา??

ตอนแรกวันนี้นัดกับเพื่อนรุ่นพี่จะไปศึกษาการเปิดร้านกาแฟที่ Craft Cafe ... แต่เพื่อนรุ่นพี่ติดภารกิจด่วน เลยต้องเลื่อนนัดไปก่อน ... เอาละวา จะเอายังไงกับชีวิตดีน้อ


ไม่รู้จะไปไหนดี งั้นกลับบ้านก็แล้วกัน ... เลิกงานปุ๊บก็ตรงดิ่งกลับบ้านปั๊บ ถึงบ้านแล้วแวะไปทักทายหม่ามี้ ไปนั่งเม้าท์ นั่งเล่นกับหมาโม่พักนึง ... ก็ย้ายกลับมาเอกเขนกในห้อง


เพราะกลับบ้านเร็วเลยทันดูการ์ตูนตอนเย็นค่ะ เปิดทีวีปุ๊บ ก็เจอการ์ตูนพอดี ... การ์ตูนที่เปิดเจอ ก็เรื่องนี้หล่ะค่ะ


เปิดทีวีแล้ว เราก็เดินวนมาเปิดพัดลม จังหวะที่กำลังเปิดพัดลม คนดีก็พูดขึ้นมาว่า "อ๋อ นินจาฮานามิ" ... !!! มือที่เพิ่งจิ้มเปิดพัดลมของเราชะงักทันที รีบหันไปมองคนดีแล้วถามว่า "นินจาอะไรนะคะ"


คนดีทำหน้างง สงสัยว่าเค้าทำอะไรผิด เลยหันไปย้ำอีกรอบว่า "เมื่อกี้ตัวเรียกนินจาอะไรนะคะ" ... คนดีคงคิดได้ว่าตัวเองพูดอะไรผิด เลยถามว่า "ทำไมเหรอ"


"ก็ตัวเรียกนินจาฮานามิ" "จริงอ่ะ" ... "จริงดิ" "โห คงเป็นนินจาที่อร่อยน่าดู"


พอเจ้าตัวเค้ารู้ว่าพลาดแล้ว เราก็ได้ที "ฮิฮิ ตัวไม่ได้พลาดนานแล้ว ขอเอาไปเขียนลงบล็อกเลยแล้วกันนะคะ" ... แล้วนินจาฮานามิก็มาปรากฎอยู่บนบล็อกนี่หล่ะค่ะ

12.8.52

My Lovely Mom

วันแม่ แต่ไม่มีโปรแกรมพาแม่ไปไหน ได้แต่หมกตัวอยู่ในบ้าน เพราะหอบงานกลับมาด้วย ... ไม่ได้พาแม่เที่ยว เลยหาของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ให้แทนค่ะ


หนังสือที่แม่อยากอ่าน ลิปสติก และ ยาทาเล็บ ... ที่ส่งไปพร้อมกับกอดแน่น หอมแก้มซ้ายขวาฟอดใหญ่ๆ กับอีกหนึ่งจุ๊บ


สาวน้อยวัย 63 คนนี้ ตัวเล็กๆ อวบนิดๆ เนื้อนุ่มนิ่ม สวยที่สุด น่ารักที่สุด กอดเท่าไหร่ หอมเท่าไหร่ ก็ไม่เบื่อเลย ... รักแม่ที่สุดค่ะ



11.8.52

รักจังเลย

2-3 วันก่อน นั่งอยู่บนรถกับคนดี แล้วก็ได้ยินเพลงเพลงนึงที่ไม่ได้ยินนานแล้ว ... ตั้งใจฟังกันทั้งคู่ แล้วก็หันมามองหน้ากันว่า เพลงเพราะจัง ว่าแต่ ชื่อเพลงอะไร และ ใครร้องน้อ


เหมือนดีเจจะรู้ว่ามีคนสงสัย พอเพลงจบก็เฉลยทั้งชื่อเพลง และชื่อนักร้อง ที่กำลังสงสัย ... รักจังเลย - อ้อม จริยา ฉัตรสุวรรณ


ผ่านวันเดือนปีล่วงเลยมานาน
ผ่านดวงตะวัน สายลม สายน้ำ
ฉันยังไม่คุ้นคย รักเป็นอย่างไร
เท่าที่เคยมีคนมาเคียงกาย
ไม่เคยมีใจต่อใครสักคน
ฉันยังไม่เข้าใจ ฉันต้องการอะไร

แต่ถึงวันนี้ ฉันรู้ฉันเข้าใจได้ดี

แท้คริงความรักคือมีกันและกัน

ทั้งผูกพัน เชื่อใจ มีความเข้าใจ ห่วงใย
ก็คือเธอคนนี้ ที่ทำให้ฉันรู้สึก
ว่าหัวใจของฉัน มันเต็มไปด้วยความ
สดใสและชื่นฉ่ำ ฉันเพิ่งเคยจะเป็น


เธอรู้มั้ย เธอเป็นดังกำลังใจ ดั่งดวงไฟให้ฉันมองเห็นทาง
ฟ้าร้องลมแรงไม่หวั่น แค่เพียงเรานั้นได้เคียงข้างกัน


เธอรู้มั้ย เธอเป็นดังลมหายใจ ไม่มีใครคนใดเหมือนดังเธอ
รักล้นหัวใจท่วมเอ่อ จนไม่รู้จะพูดว่ารักเธอมากเท่าไร


เก็บวันเวลาที่เรามีกัน
เก็บดวงตะวันสายลมสายน้ำ
ที่ดูช่างงดงาม ไว้ลึกสุดใจ
จะคอยดูแลผูกผันฝันเรา
จะคอยเป็นเงายามเธอเศร้าใจ
ไม่เหินไม่ห่างไกล รักเธอหมดใจ


รักเธอล้นใจจังเลย ก็ยังไม่เคยลึกซึ้งกับใคร
ให้รู้ไว้เธอเป็นดังลมหายใจ ไม่มีใครคนใดเหมือนดังเธอ
รักล้นหัวใจท่วมเอ่อ จนไม่รู้จะพูดว่ารักเธอมากเท่าไร


เพราะชอบเพลงนี้เหมือนกัน พอแยกย้ายกันกลับบ้าน ก็แยกย้ายกันหาเพลงค่ะ ... เราหาเพลงเพื่อจะฟังเต็มๆ และหาโค้ดเพลงมาเก็บลงบล็อก ... ส่วนคนดีหาเพลงเก็บไวัฟัง


เราได้ฟังเต็มๆ แล้ว แต่ยังหาโค้ดเพลงไม่ได้ ... ส่วนคนดี ได้ที่ปรึกษาชั้นดีแนะนำเว็บที่มีเพลงเก่าๆ เลยส่งไฟล์เพลงนี้ผ่านอีเมล์ ... เป็นครั้งแรกที่คนดีส่งเพลงมาให้ทางเมล์ น่ารักที่สุด


คนดีขา ขอบคุณนะคะที่ส่งเพลงมาให้ น่ารักแบบนี้ ก็ต้องบอกว่า "รักล้นหัวใจท่วมเอ่อ จนไม่รู้จะพูดว่ารักเธอมากเท่าไร"



รักจังเลย - จริยา ฉัตรสุวรรณ

9.8.52

รักสราญใจ

นิยายเล่มใหม่ของ "ดวงตะวัน" คลอดแล้วค่ะ ... คอยเข้าไปเช็คข่าวในเว็บของสำนักพิมพ์เป็นระยะ พอได้ข่าวว่าจะมีหนังสือเล่มใหม่คลอดออกมา ก็แวะเวียนเข้าไปถี่ขึ้นค่ะ


วันพฤหัสที่แล้ว คุณไปรษณีย์มาส่งซองจดหมายสีเหลืองจากสำนักพิมพ์ดวงตะวัน ... พอเห็นซองปุ๊บก็รีบแกะทันที เพราะรู้ว่าจะได้สั่งซื้อหนังสือแล้ว


จดหมายแจ้งว่าเปิดให้สั่งซื้อหนังสือวันจันทร์ ... จัดการเขียนใบฝากเงินตั้งแต่วันศุกร์ พอเช้าวันจันทร์ก็แวะโอนเงินก่อนเข้าออฟฟิศ ... โอนเงินแล้วก็จัดการส่งแฟกซ์สลิปเข้าไป แล้วก็รอเช็ครายชื่อตัวเอง


ค่ำวันจันทร์ติดตามเช็ครายชื่อผู้สั่งซื้อจากเว็บอย่างใกล้ชิด พอเห็นรายชื่อตัวเองเรียบร้อย ก็สบายใจ ... เอกเขนกรอรับหนังสือ


งวดนี้คุณไปรษณีย์ทำงานช้าไปนิดนึงค่ะ เพราะได้รับหนังสือ พร้อมของที่ระลึก วันพฤหัส ... ทั้งที่น่าจะมาถึงมือตั้งแต่วันพุธ แต่ไม่เป็นไรค่ะ ได้หนังสือเรียบร้อย ครบถ้วน ก็โอเคแล้ว ... หนังสือถึงมือปุ๊บ ก็รีบเปิดอ่านทันที


"สราญใจ" เป็นชื่อถนนสายสั้นๆ ที่สองฟากฝั่งเปิดเป็นร้านขายของสุดกิ๊บเก๋ของหนุ่มสาวชาวอินดี้ และหนึ่งในนั้นมีสาวเซอร์สุดแนวอย่าง "ชื่นชีวา" รวมอยู่ด้วย ... สัญญาเช่าร้านค้าที่กำลังจะหมดในอีกไม่กี่เดือน มาพร้อมกับข่าวใหญ่ที่ว่าทายาทของวงศ์สราญ เจ้าของย่านการค้าแห่งนี้กำลังจะคืนกลับมา


ชื่นชีวากังวลเหลือเกินว่า การกลับมาของใครคนนั้นจะทำใหย่านการค้าที่หล่อนรัก และ ชีวิตแนวๆ ของหล่อนกับผองเพื่อนชาวอินดี้ต้องเปลี่ยนแแปลงไปหรือไม่ อย่างไร ... ทางเดียวที่แม่สาวเซอร์จะทำได้ก็คือ สืบรู้ให้ได้ว่า ใครกันคือทายาทวงศ์สราญ


(ภาพและเรื่องย่อ จาก http://www.dtawanbooks.com/ )


หน้าปกเขียนไว้ว่า รักสราญใจ : เรื่องรักน้ำเน่าของเด็กแนว เนื้อเรื่องก็ตามนั้นจริงๆ ค่ะ ... เป็นเรื่องรักน้ำเน่า ของเด็กแนวอย่างชื่นชีวา สาวเซอร์ที่เลือกทางเดินของตัวเอง ไม่ชอบอยู่ในกรอบ แต่เลือกเส้นทางที่เป็นอิสระ เป็นตัวของตัวเอง และมีผองเพื่อนขาวอินดี้อยู่รายล้อม ... พล็อตเรื่่องที่สาวเซอร์ต้องเจอ น้ำเน่าจริงๆ ค่ะ อ่านไป ยิ้มไป ขำไป และต้องตบยุงไป


อ่านจบแล้ว ไม่ได้ปลื้มพระเอก นางเอก ... แต่ไปปลื้มเพื่อนนางเอก ซึ่งเป็นเพื่อนพระเอกด้วย "ป๊อด เจ้าของลัทธิ ป๊อดเดี้ยน" เป็นตัวละครที่สร้างสีสันได้ตลอดเรื่องจริงๆ ค่ะ ถ้าขาดป๊อดไป นิยายเรื่องนี้คงเหงา


ทยอยอ่านตั้งแต่ ค่ำวันพฤหัส อ่านทีละนิด ทีละหน่อย หนีบติดจั๊กกะแร้ไปไหนต่อไหนด้วยตลอด ... จนจบสมบูรณ์เรียบร้อย ก็ค่ำวันอาทิตย์ค่ะ


อ่านแล้วก็สนุก อ่านได้เพลินๆ แต่แอบหงุดหงิดใจนิดหน่อยกับสไตล์การเขียน ... เพราะระยะหลัง รู้สึกว่าเนื้อเรื่องจะถูกปูไว้นาน ให้พอเดาทิศทางได้บ้าง แต่กว่าจะคลี่ปม เฉลยเรื่องก็ช่วง 6-7 ตอนท้ายๆ ... รู้สึกอึดอัด และหงุดหงิดใจ เพราะอยากรู้ว่าที่เดาทางเอาไว้ ใช่รึเปล่า


อ่านจบแล้วก็สบายใจค่ะ ... ตอนนี้ก็ลังเลว่า จะหยิบหนังสือในกรุที่เข้าคิวรอให้อ่านเรื่องไหนออกมาอ่านต่อดี ... ทั้งนิยาย ทั้งหนังสือธรรมะ จะหยิบเล่มไหนดีน้า

6.8.52

ต้องมือชาย

วันนี้เป็นวันแรก ที่มีมือชายหนุ่มมาแตะเนื้อต้องตัว แตะ จับ คลำ กด เป็นครั้งแรกค่ะ ... สบ๊าย สบาย ค่า


รีบเฉลยก่อนที่จะคิดมากไปกว่านี้ดีกว่าค่ะ ... วันนี้สาวนุ่น กับ สาวฝน นัดกันไปนวดที่ไทสบาย เราที่มีอาการเคล็ดขัดยอกเมื่อยตัวจากการตีแบด เลยสนใจตามไปนวดด้วย


ตอนแรกคนดีจะไปด้วยเหมือนกันค่ะ แต่งานเข้ากระทันหัน ต้องเคลียร์ไฟล์เลยสละสิทธิ์ไม่นวด ... ทั้งที่เราอุตสาห์นัด ชายหนุ่มคนโปรด มือดีที่คนดีประทับใจในบริการว่านวดสบายเอาไว้ให้


พอไปถึงที่ไทสบาย พอดีที่พนักงานนวดสาวๆ ว่างไม่ครบ เลยต้องใช้บริการพนักงานหนุ่ม ... เราเลยยกมืออาสาใช้บริการแทน น้องๆ สองสาว เพราะคนดีการันตีว่า น้องคนนี้มือนุ่ม และนวดดี นวดสบาย ไม่เจ็บ ไม่ทรมาน


นี่เป็นครั้งแรกในชีวิต ที่นวดไทยกับพนักงานผู้ชาย ที่ผ่านมาพนักงานผู้หญิงนวดมาตลอด ... เคยมีบ้างที่ นวดเท้า กับ บ่า หลัง ไหล่ ที่ให้พนักงานผู้ชายนวดให้บ้าง แต่นวดไทย นวดทั้งตัวนี่ ไม่เคยเลย


เป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่น่าประทับใจค่ะ เพราะน้องคนนี้มือนิ่มจริงๆ และนวดอย่างสุภาพ ระมัดระวัง ... น้ำหนักมือกำลังดี ไม่หนักเกินไป นวดสบาย และคอยสอบถามอาการเจ็บ ปวด เมื่อย ตามจุดต่างๆ ที่ต้องการให้แก้ ... แขนขวาที่เจ็บๆ ยอกๆ จากการตีแบด นวดเสร็จปุ๊บ แขนเบาสบายขึ้นเยอะเลยค่ะ


นวดสบายจนเคลิ้มหลับเป็นพักๆ ... นวดเสร็จ บ่า หลัง ไหล่ ที่เมื่อยๆ ล้าๆ เบา สบาย ขึ้นเยอะค่ะ ... ลงมาเจอคนดีที่รออยู่ข้างล่างก็รีบรายงานทันทีว่าได้ทดลองใช้บริการ พนักงานคนโปรดของคนดีแล้ว มือนิ่ม นวดสบายอย่างที่โฆษณาชวนเชื่อไว้จริงๆ


มิน่าเล่าคนดีถึงติดใจ ... แต่คงจะเป็นที่นี่ที่เดียว และน้องคนนี้คนเดียวเท่านั้นหล่ะค่ะ ที่จะได้สิทธิในการนวดให้เราสองคนได้ หนุ่มคนอื่น ที่อื่น หมดสิทธิ

5.8.52

ตบ ตี เติม

ช่วงนี้คนดีเกิดตั้งใจจะลดอาหาร เพิ่มการออกกำลังกาย อย่างจริงจัง ... เพราะฉะนั้นกิจกรรมหลังเลิกงานของแก๊งค์ลูกหมู เลยต้องเปลี่ยนสักหน่อยค่ะ


จากเดิมที่ชวนกันไปเดิน วิ่ง ขี่จักรยาน ที่สวนรถไฟ รู้สึกสบายไป ไม่ได้ออกกำลังกายเต็มที่ ... เลยชวนกันหันกลับไปหากิจกรรมเดิมๆ ที่คุ้นเคย คือ ตีแบด ค่ะ


กิจกรรมนี้ หมวยบีขอผ่าน ... ชีบอกว่า ชีไม่ถนัดตีแบดค่ะ เกรงว่าจะไปวิ่งเก็บลูกมากกว่าได้ตี ขอหันกลับไปเข้าฟิตเนสที่คุ้นเคยดีกว่า สมัครสมาชิกตลอดชีพไว้แล้ว แต่เพิ่งใช้ไปได้ไม่เท่าไหร่ ... ถ้าแก๊งค์จะไปตีแบด หมวยก็ขอปลีกตัวไปฟิตเนส


แต่ความอันตรายของการไปตีแบด คือ คอร์ทอยู่ในดงของอร่อยค่ะ ... มีสารพัดสารพันร้านอร่อย หลากหลายประเภท ล่อตาล่อใจชวนให้ชิม


คนดี กับ สาวฝน เลยตกลงกันหนักแน่นว่า ... จะไม่กินอะไรหลังจากตีแบดเสร็จ และเพื่อให้ปลอดภัยแน่นอน จะตีแบดวันอังคารวันเดียว วันพุธกับพฤหัสฯ จะไปสวนรถไฟ


เปิดประเดิมเริ่มตีแบดวันอังคาร ... สมาชิกก๊วนแบดเดิมหายหน้าหายตาไปหลายราย เหลือ เรา คนดี สาวฝน 3 คน เท่านั้น ... ตบ ตี เก็บ วิ่ง กันชุลมุน เพราะเว้นว่างจากการตีแบดไปนาน เหงื่อท่วมตั้งแต่ 15 นาทีแรก ครึ่งชั่วโมงก็หอบแฮกลิ้นจะห้อย


หมดชั่วโมงตีแบดจบ พักดื่มน้ำชดเชยเหงื่อที่เสียไป ... คนดีก็หันมาชวนไปเยี่ยมสาวกวาง ที่บ้านอยู่ใกล้ๆ นี่ดีกว่า ... เอ้า ไปก็ไป


พอไปเจอกันก็เม้าท์เมามัน ปรากฎว่าสาวกวางกับสามียังไม่ได้กินข้าว เลยชวนกันไปกินข้าว ... เรายังไงก็ได้ ให้หันไปถามสองสาวที่ตั้งใจงดข้าวดีกว่า พอสาวกวางเสนอชื่อร้านอาหารมา ความตั้งใจงดมื้อเย็นก็สั่นคลอน ... ใจอ่อนไปเติมแคลอรี่กันอีกจนได้ แต่อาหารก็อร่อย คู่ควรที่จะรับประทานจริงๆ ค่ะ


วันอังคารตีแบดแล้วติดใจ วันพุธเลยเปลี่ยนโปรแกรมจากสวนรถไฟมาตีแบดอีกวัน ... วันนี้มีสมาชิกก๊วนแบดกลับมาเพิ่ม 1 ราย ตีกันสนุกๆ พอเหนื่อย และเลิกก่อนเวลานิดหน่อย


ที่เลิกก่อนเวลาเพราะ คนดีไปล่อหลอกหมวยบี ชวนไปกินลาบกาฬสินธุ์ ร้านส้มตำร้านโปรดของแก๊งค์ ที่หมวยบีเพิ่งเปรยว่าอยากกิน ... แต่หมวยบีไม่ยอมมาตีแบดด้วย เลยต้องควงพี่หมีไปหาที่แวะพักรอสมาชิกตีแบดเสร็จก่อน แล้วมุ่งหน้าไปที่ร้านพร้อมกัน


ส้มตำ 2 แหนมปีกไก่ 2 ลาบวุ้นเส้น 2 หมูแดดเดียว 1 ลาบหมู 1 ซุปหน่อไม้ 1 ยำหอยแครง 1 ... โดน 4 สาว กับ 1 หนุ่ม จัดการเรียบ เพราะอร่อยเด็ด ถูกปากเหมือนเดิม


ที่ตบตีเบิร์นแคลอรี่ออกไปเกือบชั่วโมงนั้น ... เจอมื้อนี้ที่เติมคืนกลับเข้าไปเรียบร้อย ... ตกลงจะฟิต หรือ จะฟู กันแน่เนี่ย

4.8.52

สิ่งมีชีวิตในโรงแรม กับ ตะคริว ณ นิ่วใจ

ชื่อบล็อกวันนี้อาจจะดูแปลกๆ งงๆ ... ไม่ได้มีเหตุอะไรแปลกประหลาด หรือ อาการผิดปกติในร่างกายหรอกค่ะ ... แต่เป็นชื่อหนังสือค่ะ


หลังจากที่หมวยบีได้เปิดบล็อก ที่ exteen กลายร่างเป็นบล็อกเกอร์ ... ทำให้เราที่เยี่ยมเยียนไปอ่านบล็อกของหมวยบี เลยเถิดแวะเวียนไปอ่านบล็อกของคนอื่นๆ พ่วงต่อไปด้วย ... โดยเลือกไปเยี่ยมเยียนจากรายการ Favourites ที่หมวยบีคัดไว้ค่ะ


ปรากฎว่าอ่านแล้วติดหนึบหนับ จนดึงมาเป็น Favourites ของตัวเองด้วย เผื่อจะติดตามอ่านได้อย่างใกล้ชิด ... พอดีที่ 1 ในนั้นมีหนังสือวางแผงในงาน a book a day เลยโฉบไปดู และอุดหนุนมาสักหน่อย





สิ่งมีชีวิตในโรงแรม กับ ตะคริว ณ นิ่วใจ ... ทั้งสองเล่มเป็นผลงานเขียนของ คุณวิชัย เจ้าของบล็อก เรื่องป่วยๆ ของคนโรงแรม ค่ะ

(รูปปก จาก บล็อก เรื่องป่วยๆ ของคนโรงแรม )


เนื้อหาในหนังสือทั้งสองเล่ม ส่วนใหญ่มาจากบล็อกที่คุณวิชัยเคยเขียนไว้ นำมาปรับแก้ และมีเรื่องที่เขียนใหม่เพิ่มเติมค่ะ ... อ่านสนุก อ่านง่าย อ่านเพลิน เพราะภาษาที่ใช้เป็นเอกลักษณ์มากค่ะ อาจจะเป็นศัพท์แปลกๆ งงๆ แต่อ่านแล้วเข้าใจอารมณ์ชัดเจนค่ะ


สิ่งมีชีวิตในโรงแรมนี่ นอกจากจะได้ฮาแล้ว ยังได้รู้เรื่องราวของสายอาชีพโรงแรมด้วย ... เรียกว่าได้ฮาแบบมีสาระค่ะ


ถ้าใครอยากได้หนังสืออ่านเพลินๆ ขำๆ แนะนำ 2 เล่มนี้เลยค่ะ ... ถือโอกาสช่วยอุดหนุนบล็อกเกอร์ที่เขียนมัน เขียนดี จนได้หยิบผลงานเขียนมารวมเล่มค่ะ


จริงๆ ยังมีหนังสือของบล็อกเกอร์อีกรายที่หมายตาไว้ แต่ยังไม่ได้ซื้อมาในครอบครอง ... ได้มาเมื่อไหร่จะเอามาอัพเดทเพิ่มเติมค่า

3.8.52

เล่นเป็นเด็กๆ อีกครั้ง

ถ้าเผื่อจำไม่ได้ว่าครั้งก่อน เล่นเป็นเด็กๆ ยังไง จิ้มไปอ่านย้อนหลังได้เลยค่ะ ... เพราะวันนี้เราเล่นเป็นเด็กๆ อีกแล้ว เหยื่อก็เป็น หมวยบี คนเดิม ส่วนจะเล่นยังไงติดตามเลยค่ะ


ช่วงบ่ายวันนี้ มีสัมภาษณ์น้องที่มาสมัครฝึกงาน 2 คน ... ปกติเราจะสัมภาษณ์เอง แล้วค่อยส่งให้สาวๆ พิจารณาเอกสาร ประกอบคำบรรยายจากเรา แล้วตัดสินใจว่าจะเลือกรับรึเปล่า ... แต่ช่วงนี้งานไม่วุ่นวายมาก เลยให้สาวๆ มาสัมภาษณ์น้องเอง ส่วนเราขอนั่งสังเกตการณ์


สัมภาษณ์ 2 คน เรียบร้อย สุมหัวคุยกันต่ออีกหน่อยว่าจะตกลงใจเลือกรับคนไหน ... ตัดสินใจได้เรียบร้อยก็เคลื่อนที่จากห้องประชุมกลับมาทำงาน


เราแวะไปยืนคุยกับสาวๆ อีกสักพัก เพราะน้องๆ หลายคนไม่ได้ขึ้นไปสังเกตการณ์ เลยส่งเอกสารให้ลองอ่านประวัติดู ... ระหว่างที่ยืนรอน้องอ่านเอกสาร ก็เห็นว่า หมวยบี ยังไม่กลับเข้ามาที่โต๊ะ สงสัยจะแวะเข้าห้องน้ำ


ตัวซุกซนวิ่งปรู๊ดอีกแล้วค่ะ เป้าหมายคือที่เดิม ใต้โต๊ะหมวยบี ... หันไปถามสาวฝนว่า "ถ้าพี่มุดเข้าไปซ่อนตัวเหมือนเดิม ที่เดิม พี่บีจะตกใจมั้ย"


ถามจบปุ๊บ ได้ยินคำตอบน้องแว่วๆ ก็ตัดสินใจกระโดดผลุบไปมุดตัวเข้าใต้โต๊ะหมวยบีเลย ... มุมเดิม ที่เดิม จัดระเบียบร่างกายเหมือนเดิม แต่ลำบากกว่าเดิมนิดนึง เพราะวันนี้นุ่งกระโปรง ... มุดตัวเข้ามาได้ก็เลื่อนเก้าอี้มาบังเหมือนเดิมเป๊ะ


คราวนี้นั่งรอไม่นานเลยค่ะ แป๊บเดียวเท่านั้น หมวยบีก็เดินกลับมานั่งเก้าอี้ ... หย่อนก้นนั่งแล้วก็หมุนตัวเข้ามาหน้าคอมฯ พอแขนหมวยบีหมุนมาได้องศาพอดี เราก็ยื่นมือไปจับเหมือนเดิม


ว๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ... เสียงกรีดร้องเพราะตกใจดังยาววววววววว แต่ไม่ตระหนกเท่าครั้งก่อน


สาวๆ โต๊ะอื่นลุกมาดู พอเห็นเราโผล่ออกมาจากใต้โต๊ะก็เดาเรื่องได้ ... ส่วนเหยื่ออย่างหมวยบีนั้น นั่งทำหน้าเซ็ง บ่นกระปอดกระแปด


หมวยเอ้ย รักดอกจึงหยอกเล่นนะจ๊ะ ... ไม่รักไม่แกล้งแบบนี้หรอก ถือว่าสร้างสีสันยามบ่ายนะ หมวยนะ

2.8.52

เมื่อ สาวๆ รับการบ้าน

หลังจากที่เราไปรับการบ้านจากพี่หมอดูมาครั้งล่าสุด ก็มาเล่าให้สาวๆ ฟัง ... กล่อมจนสาวๆ เกิดสนใจ และอยากนัดไปดูบ้าง


เปิดปฏิทิน เช็คคิว สรุปวันว่างพร้อมกันลงตัวที่ วันเสาร์ที่ 1 สิงหา ... เราจัดการเช็คคิวกับพี่หมอดูว่าว่างรึเปล่า พี่เค้าขอขยับไปเป็นวันอาทิตย์ที่ 2 สิงหา แทน


นัดรวมตัวกันและยกขบวนไปบ้านพี่เค้า เรากับคนดีไม่ได้ดู รับหน้าที่พาไป และช่วยบันทึก ... 6 สาว จัดลำดับคิวกันเอง เริ่มจาก สาวนุ่น สาวบ่ม สาวแตง สาวตู่ หมวยบี และ สาวฝน


สาวๆ ทยอยพูดคุย ซักถาม ฟังการบ้าน จดการบ้าน ... เริ่มคุยตั้งแต่ 13.00 น. คุยจบครบทั้ง 6 คน ก็ราวๆ 15.30 น.


แยกย้ายทยอยกลับบ้าน ... เรา คนดี หมวยบี และ สาวแตง แวะพักเติมพลังกันก่อน เลือกฝากท้องไว้ที่ร้านอาหารเวียดนาม-ส้มตำ แถวโชคชัย 4 อร่อย เด็ด ... อิ่มแล้วก็แยกวงอย่างเป็นทางการ


สาวๆ รับการบ้านกันมาคนละนิด คนละหน่อย ... ไม่ยากสักเท่าไหร่ หวังว่าจะทำสำเร็จครบถ้วนได้ในเวลาอันรวดเร็ว ... แล้วมาลองดูกันว่า มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นรึเปล่า

1.8.52

1 Day with My Big_Birdy

วันเสาร์ วันหยุด วันพักผ่อน จะมีกิจกรรมอะไรดีไปกว่า การใช้เวลาอยู่กับคนดีหล่ะค่ะ ... และที่พิเศษก็คือ ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน 24 ชั่วโมงเต็มๆ เลยค่ะ


กลับจากแดนซ์กว่าจะอาบน้ำเข้านอนก็เกือบตี 2 ... เพราะฉะนั้นกว่าจะตื่นก็ 9 โมงเช้า ผิดจากแผนที่วางไว้นิดหน่อย รีบอาบน้ำแต่งตัวพุ่งตรงไปพารากอน


ถึงแล้วก็ต้องเติมพลังก่อนค่ะ ... เลือกฝากท้องไว้ที่ เบอเกอร์คิง เบอเกอร์เจ้าโปรดที่ไม่ได้หม่ำนานแล้ว ... ท้องอิ่มก็เริ่มช้อป


เพราะคนดีได้ voucher 500 บาท ของเครือเดอะมอลล์มานานแล้ว ... เล็งไว้ว่าจะเอามาซื้อรองเท้า แต่ยังจัดสรรเวลามาเดินดู เดินเลือกของไม่ได้สักที ... วันนี้เราทั้งคู่ไม่มีนัดกับใคร เลยตั้งใจนัดกัน ควงกันมาค่ะ


คนดีเลือกไว้ในใจว่า จะซื้อ รองเท้ากีฬา หรือ รองเท้าผ้าใบแบบสวมที่อยากได้มานานแล้ว ... กะว่ามาลองดูก่อน ถ้าแบบไหนเข้าตาก็จะซื้อแบบนั้น ... แต่ผลปรากฎว่า



ได้มา 4 คู่ อย่างที่เห็นในรูปค่ะ ... เพราะเดินขึ้นไปเจอลานโปรโมชั่น รองเท้ากีฬาและเสื้อผ้า หลายแบรนด์ราคาพิเศษ ปะหน้าเจอ คอนเวิร์ส เป็นด่านแรก ซึ่งชอบอยู่แล้ว เลยแวะดูสักหน่อย


ผลคือไม่ได้แค่ดู แต่เสียทรัพย์ไป 2 คู่ (รูปซ้ายบน และ ขวาล่าง) ... แล้วหันไปเจอแบบที่เล็งไว้มานานแล้ว (รูปซ้ายล่าง) ลายโอเค ลด 50% ราคาโอเค เราเลยบอกว่าซื้อไปเถอะ เพราะไม่ซื้อที่นี่ก็ยังคาใจ แล้วก็ต้องตามหาต่อ ... ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เลยเดินดูรองเท้ากีฬาไปซะเลย เพราะคู่เก่ายับเยินเต็มที เดินหาหลายยี่ห้อ ดูมาหลายแบบ มาลงตัวที่ รีบอค (รูปขวาบน) ลดราคา 20% ราคาอยู่ในงบที่ตั้งไว้ ก็สอยซะ


นี่เป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปีที่คบกันมา แล้วเห็นคนดีช้อปปิ้งกระจุยขนาดนี้ ... ซื้อรองเท้า 4 คู่ ภายในวันเดียว ทำไปได้ ... เลยต้องเอามาบันทึกไว้หน่อย เพราะบอกคนดีไว้ว่า ขอให้งดซื้อรองเท้าอย่างน้อย 6 เดือน จะได้มีบันทึกยืนยัน


ภารกิจคนดีเรียบร้อย เราขอตามหา DHC shop ซื้อของที่สมาชิกในออฟฟิศฝากซื้อ แวบนึง ... แล้วลงไปเดินซื้อเสบียงในซุปเปอร์มาร์เก็ต


ซื้อของในพารากอนครบถ้วน ก็วนไปแวะเพ็ทช้อปที่สวนลุมไนท์ฯ ... ได้ของที่ต้องการ ก็มุ่งหน้ากลับบ้านค่ะ เรามีภารกิจรออยู่


ภารกิจที่ว่าคือ ทำสีผมให้คนดีค่ะ ... เพราะจากครั้งก่อนที่ทำสีไปก็ค่อนข้างนาน โคนผมดำชัดเจน แต่ปลายยังมีสีค้างอยู่ แล้วเพิ่งตัดผมล่าสุด เลยดูเหมือนปลายผมแดงๆ



เลือกใช้ Beauteen เหมือนครั้งก่อน เพราะใช้ง่าย สีสวย ... แต่เปลี่ยนเป็นสี Misty Ash น้ำตาลปานกลางประกายเทา


เปิดกล่องสำรวจอุปกรณ์ แล้วก็เตรียมตัว ลงมือได้เลยค่ะ ... วางขวดส่วนผสมเบอร์ 2 ตรงช่องปรุที่กล่อง แล้วบีบ ส่วนผสมเบอร์ 1 ลงไปให้หมด ... แล้วก็เขย่าค่ะ เขย่าขึ้นๆ ลงๆ ราวๆ 30 ที จนเนื้อส่วนผสมเข้ากันดี เนื้อครีมเป็นสีขาว


ในคู่มือจะมีรายละเอียดบอกว่า สีแต่ละกล่องแต่ละแบบเมื่อผสมแล้วจะได้เนื้อครีมสีอะไร ... จากนั้นก็เปลี่ยนมาเป็นฝาแปรง แล้วเริ่มชโลมเนื้อครีมค่ะ


พอชโลมเนื้อครีมเรียบร้อย ก็ลงไปช่วยกันเตรียมมื้อเย็นค่ะ ... ตอนแรกตั้งใจว่าจะต้มบะหมี่กึ่ง แต่พอเดินซื้อเสบียงแล้ว เปลี่ยนใจมาเป็นสุกี้ดีกว่า ... คนดีเป็นมือหนึ่ง หั่นเตรียมของทั้งหมด ส่วนเราเป็นลูกมือช่วยจัดการนั่นนี่นิดหน่อย



ทิ้งครีมไว้ราวๆ 30 นาที พอมีสีผมจับทั่วแล้ว ก็ไล่คนดีไปสระผม ล้างผม ... สีผมที่ได้เป็นสีน้ำตาลธรรมชาติ ปลายผมแดงๆ หายไปแล้ว ... ถ้าชโลมเนื้อครีมทิ้งไว้นานกว่านี้ ก็คงจะเห็นสีผมชัดมากขึ้น


สีผมเรียบร้อย ก็ได้เวลาจัดการสุกี้ที่ทำไว้ค่ะ ... ไม่ได้อร่อยกันเพียงลำพัง 2 คน เพราะหม่ามี้กับพ่อ ก็ร่วมด้วยช่วยกันชิมฝีมือคนดี ก่อนจะออกไปธุระข้างนอก


เราอิ่มท้องกันแล้ว จัดการจานชามเรียบร้อย ก็ขึ้นมาดูคอนเสิร์ทเอเอฟ ... จบคอนเสิร์ทก็เอกเขนกดูรายการอื่นไปสักพัก ก็ผล็อยหลับ


เป็น 1 วัน ได้อยู่ด้วยกัน 24 ชั่วโมงเต็มๆ ... เป็น 1 วัน ที่ยืนยันได้ว่า มีคนดีอยู่ข้างๆ แล้วสบายใจ อุ่นใจ และมีความสุขค่า