30.11.51

เสียงที่คุ้นเคย

เสียงที่คุ้นเคย เสียงที่ได้ยินแล้วทำให้ยิ้มกว้าง เสียงที่ทำให้หัวใจฟู ... เสียงจากคนดี


เมื่อวันเสาร์ แวะเข้าไปเคลียร์เอกสารที่ออฟฟิศตอนสายๆ ... กำลังนั่งดูเอกสารเพลินๆ ก็ได้ยินเสียงริงโทนที่คุ้นเคยดังขึ้นมา ริงโทนประจำตัวคนดี ... ได้ยินแล้วตาโต รีบควานหามือถือทันที


เจ้าหน้าที่ให้คนดีมาเลื่อนรถ เพราะตรงที่จอดจะมีการจัดงาน คนดีเลยแวบโทรหาเราสักหน่อย ... ถามไถ่ทุกข์สุขแป๊บนึงก็วางไป แต่แค่แป๊บเดียวก็มีความสุขแล้ว ... ได้ยินเสียงแล้วหัวใจฟู หัวใจเต็ม อมยิ้มได้ทั้งวัน


เช้าวันนี้ เสียงริงโทนประจำตัวคนดีดังอีกแล้ว หลับอยู่แต่ก็ควานมือถือทันที ... คนดีลาศีลเรียบร้อย กำลังเดินทางกลับ เหลือบดูเวลา แปดโมงนิดๆ ... นอนกลิ้งไปมาว่าจะตื่นเลย หรือว่าจะหลับต่อดี สุดท้ายก็พ่ายแพ้ต่อผ้าห่มอุ่นๆ เลยหลับต่อ


เสียงริงโทนประจำตัวคนดีดังปลุกอีกแล้ว ... คนดีโทรมาสอบถามเส้นทาง และบอกว่าจะแวะมากินข้าวด้วย เหลือบดูเวลา เก้าโมงครึ่ง คนดีถึงรังสิตแล้ว ... เท่านั้นแหละ โดดจากที่นอนไปอาบน้ำแต่งตัวทันที


สิบโมงนิดๆ คนดีมาถึงแล้ว ได้เห็นหน้า ได้ยินเสียงจากปาก ได้กอด ... คิดถึงที่สุดเลย


ชวนกันไปหม่ำเอ็มเค และเดินซื้อของที่โรบินสันรัชดา ... บ่ายนิดๆ คนดีแวะมาส่ง แล้วเลยกลับบ้าน ... ไม่ได้เจอหน้ากันประมาณ 80 ชั่วโมง แต่แค่ 3 ชั่วโมงที่ได้เดินอยู่ข้างๆ กัน ก็ชดเชยได้หมดแล้ว


แค่เสียงลอยผ่านสายมาก็ยิ้มได้แล้ว แต่ได้เห็นหน้า มาทั้งตัว ทำเอาหัวใจฟูเลย ... คนดีจ๋า รู้มั้ยคะว่าเค้าคิดถึงมากแค่ไหน

28.11.51

คนดีหายตัว

ช่วงนี้คนดีหายตัวค่ะ หายไปแบบไม่สามารถติดต่อได้ ... ห่วงเล็กๆ แต่ก็อิ่มใจ เพราะคนดีหายตัวไปเข้าวัด ปฏิบัติธรรมค่ะ


เข้าวัด ถือศีล ปฏิบัติธรรม 7 วัน เป็น 1 ในการบ้านที่คนดีได้รับจากพี่หมอดูประจำบ้าน ... ที่บอกเอาไว้ว่าก่อนจะออกมาทำงานเอง ให้ไปเข้าวัดถือศีล แล้วงานจะได้ราบรื่น ... นี่ออกมาทำงานเองจวนจะ 2 เดือนแล้ว คนดีเพิ่งจะจัดสรรเวลาไปเข้าวัดได้


ที่จริงตั้งใจจะไปตั้งแต่ต้นเดือนตุลา หลังจากที่เพิ่งลาออกมาใหม่ๆ แต่บังเอิญมีงานชนพอดี เข้าวัดไปใจคงไม่สงบ เพราะห่วงงาน ... เลยเลื่อนมาก่อน เลื่อนมาเรื่อยๆ เพราะมีอะไรต่อมีอะไรวุ่นวายอยู่ตลอด ... เราเองก็คอยเตือนเรื่อยๆ ว่าให้จัดสรรเวลาไปเข้าวัดซะ


และแล้วก็หาวันลงตัวได้ไปสักที คนดีไปคนเดียว ขับรถไปเอง มุ่งหน้าไปวัดอัมพวัน สิงห์บุรี ... จัดตารางเวลาเลี่ยงงานมาได้ไม่มาก ครั้งนี้คงจะอยู่แค่ 3 วันก่อน


ที่คนดีเลือก วัดอัมพวัน เพราะว่ามีน้องที่ออฟฟิศเราเคยไปปฎิบัติธรรมมาแล้ว ... มีคนให้ปรึกษา และเล่าให้ฟังคร่าวๆ ว่าต้องเตรียมตัวอะไร ต้องทำอะไรบ้าง


วันนี้ก่อนออกจากบ้าน คนดีก็โทรมารายงานตัวว่ากำลังออกเดินทางแล้ว ... เป็นห่วงนิดๆ เพราะขับรถไปคนเดียว ไม่มีคนช่วยดูทาง และคุยเป็นเพื่อน ไม่รู้จะหลง หรือ จะง่วงรึเปล่า ... บ่ายสองนิดๆ คนดีก็โทรมาหาบอกว่าถึงสิงห์บุรีแล้ว แต่หาวัดไม่เจอ เราเลยจิ้มหาข้อมูลเพิ่มเติมจากกูเกิ้ลให้


บ่ายสามโมงเศษ คนดีก็โทรกลับมาบอกว่าถึงวัดเรียบร้อยแล้ว หลง เลยไปไกลพอสมควร ... ถึงเรียบร้อยแล้วก็สบายใจ คุยซักถามสั่งความกันนิดหน่อยก็วางสาย แล้วก็คงไม่ได้ยินเสียงอีกหลายวัน


เจอกันล่าสุดก็เมื่อวันพุธงานสวดพระอภิธรรมศพคุณลุงวันสุดท้าย ... วันพฤหัสก็ไม่ได้เจอกันเลย แล้วนี้ก็ไม่ได้เจอกัน และไม่ได้คุยกันยาวต่อเนื่อง ... รู้ว่าคนดีอยู่ที่ไหน โทรหาได้ แต่คงไม่ได้คุยกัน


เพราะไม่อยากโทรไปกวน ไม่อยากไปเป็นมารขวางทางบุญ ได้แต่ส่งใจ กับส่ง sms ไปทิ้งไว้ ... คนดีทิ้งมือถือ และของใช้สำคัญแต่ไม่จำเป็นต้องใช้ระหว่างอยู่วัดไว้บนรถ ... และจากตารางเวลาปฎิบัติธรรมของวัดอัมพวันที่หาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตได้ คนดีก็ต้องสำรวมกาย ใจ ถือศีล ทำสมาธิตลอดเวลา ... ตื่นตั้งแต่ ตี 3 เข้านอนราวๆ 4 ทุ่ม ไม่รู้คนดีจะเผลอเป็นลูกข่างระหว่างนั่งสมาธิรึเปล่า


รู้ว่าคนดีไปทำบุญ สร้างบารมี ก็อิ่มใจ และขออนุโมทนาด้วย ... แต่วันนี้กรุงเทพฯ อากาศเย็นๆ เลยรู้สึกห่วง ว่ากรุงเทพฯ ยังอากาศเย็นขนาดนี้ แล้วที่สิงห์บุรีจะอากาศเย็นขนาดไหน ... ไม่รู้ว่าคนดีเตรียมเสื้อคลุม ถุงเท้าไปบ้างมั้ย เพราะไปนุ่งขาวห่มขาวซึ่งทางวัดมีเตรียมไว้ให้ยืมใช้ ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้าง


นับถอยหลังอีกไม่กี่วัน เดี๋ยวก็กลับมาเจอกันแล้ว ... ตอนนี้ก็ส่งใจไปถึงก่อนแล้วกัน ฝากลมหนาวหอบเอาความคิดถึงไปให้คนดีแล้วกัน - คิดถึงค่ะ -

25.11.51

เปื่อย

เพราะอากาศเปลี่ยนแปลง ร้อนๆ เย็นๆ ... ผลสุดท้ายเลยเปื่อยจนได้


เริ่มจากเจ็บคอนิดๆ หน่อยๆ ก็พยายามดื่มน้ำเยอะๆ ... แต่เช้าวันจันทร์เจ็บคอมาก รู้เลยว่าเปื่อยแน่ๆ พอเช้าวันอังคาร น้ำมูกย้อยมาเชียว ... เรียบร้อยโรงเรียนหวัด


ปกติเวลาไม่สบาย จะหลีกเลี่ยงที่ที่มีคนเยอะๆ เพราะเลี่ยงการไปแพร่เชื้อ และเลี่ยงที่จะรับเชื้อเพิ่ม ... แต่ช่วงนี้ยังมีงานศพของคุณลุงอยู่ เลยต้องไปทั้งแบบงอมๆ นี่แหละ


ซ้อนมอเตอร์ไซค์เจ้าน้องชายไป ก็คัดจมูกไปตลอดทางเพราะทั้งควันทั้งฝุ่น ... ถึงวัดก็ไปนั่งตาปรือ ตาเยิ้ม จามเป็นระยะ ... เหลือพรุ่งนี้อีกวันที่จะเลี้ยงเพล ก่อนบรรจุศพ
เฮ้อ ... ทำไมต้องป่วยส่งท้ายปีด้วยน้า

23.11.51

เปลี่ยนรถ เปลี่ยนคนขับ

จากเดิมที่นั่งโกลดี้ มีคนดีรับหน้าที่คนขับส่วนตัว พาไปไหนมาไหน ... ช่วงนี้เปลี่ยนคนขับใหม่ และเปลี่ยนรถคันใหม่แล้วค่ะ


เพราะช่วงนี้มีภารกิจไปช่วยงานศพคุณลุงทุกเย็น เส้นทางประจำวันก็เลยเปลี่ยนนิดหน่อย ... จากสุทธิสาร - สุทธิสาร เป็น สุทธิสาร - วัดพระศรีฯ บางเขน ... มีระยะทาง กับ กำหนดเวลาสวดพระอภิธรรม ตอน 18.30 น. เป็นตัวแปรด้วย


เพราะวัดนี้สวดตรงเวลา และใช้เวลาสวดค่อนข้างเร็ว ไม่เกิน 19.30 น. เสร็จเรียบร้อย ... เป็นแขกไปสายนิดหน่อย หรือ มาไม่ทันก็ยังไม่เท่าไหร่ แต่เป็นญาติแล้วไปสายนี่ดูไม่ค่อยดีนัก


วันพฤหัสฯ 20 พ.ย. วันแรกของการจัดงาน ลากิจครึ่งวันบ่าย รีบขึ้นแท๊กซี่ เพราะมีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ และรดน้ำศพ ... คนดีที่ติดภารกิจอื่นตามมาทีหลัง


วันศุกร์ 21 พ.ย. กำลังกลุ้มใจว่าจะไปยังไงดี และออกจากออฟฟิศกี่โมงดี ถึงจะดั้นด้นฝ่าการจราจรไปทันเวลา ... ออฟฟิศเลิก 5 โมง เลิกปุ๊บออกปั๊บ จับแท๊กซี่ไปเหมือนเดิมจะทันมั้ย ... หรือว่าจะขอนายออกเร็วสักชั่วโมง โดดขึ้นรถเมล์สาย 107 หรือ 129 นั่งไปสุดสายดี


แล้วฟ้าก็ส่งวีรบุรุษมาช่วย ... เจ้าน้องชายหยุดงานพอดี เลยขี่แมงกะไซ (มอเตอร์ไซค์) มารับ ปัญหาเรื่องพาหนะหมดไป ปัญหาเรื่องเวลาก็หมดไป ... แต่ที่เป็นปัญหาคือ เสี่ยง และ หวาดเสียว เพราะไม่ชอบนั่งมอเตอร์ไซค์ไกลๆ เลย ให้ตายเถอะ


เจ้าน้องชายมาถึงห้าโมงเป๊ะ เข้าห้องน้ำเรียบร้อย ปิดประตูออฟฟิศ คว้าเสื้อคลุมมาใส่กันฝุ่นควัน สวมหมวกกันน็อค พร้อมเดินทาง ... นั่งลุ้นไปตลอดทาง ยังดีที่ใส่กางเกงเลยนั่งคร่อมได้ ไม่ต้องนั่งเบี่ยงเอียงเอวบิดเหมือนเวลาใส่กระโปรง ... ราวๆ 17.40 ก็ถึงวัดอย่างปลอดภัย


ขากลับก็โดดขี้นแมงกะไซเจ้าน้องชายอีก เพราะต้องบอกทางไปร้านประจำ เพราะคนดีตามมาที่วัดไม่ทัน แต่จะกินข้าวด้วย เลยนัดเจอกันที่ร้าน ... หม่ามี้กับพ่อเคยไปแล้ว ก็แยกขึ้นแท๊กซี่ไป ... นั่งซ้อนขากลับก็หวาดเสียว หวั่นใจเหมือนเดิม


วันเสาร์ ออกไปตะลอนทำธุระก่อน คนดีตามมาเจอ ก็ใจดีพาไปส่งที่วัด ... ขากลับก็โดดขึ้นรถเมล์กลับพร้อมหม่ามี้และพ่อ นั่งรถต้นสาย นั่งยาว สบาย


วันอาทิตย์ รอเจ้าน้องชายเลิกงานกลับมาเปลี่ยนเสื้อที่บ้าน แล้วเราก็ซ้อนท้ายเกาะหลังแมงกะไซไปอีกเช่นเคย ... เหมาไป-กลับเหมือนเดิม


ถึงจะนั่งหลายเที่ยว เส้นทางเดิมๆ แต่ก็ยังไม่ชิน เพราะรู้สึกโล่งๆ แปลกๆ พิกล หนังหุ้มเหล็กชัดๆ ... เวลาเจ้าน้องชายพาซอกแซกผ่านไปตามช่องทางระหว่างรถสองคัน ก็ลุ้นทุกที กลัวไปเกี่ยวเอากระจกมองข้างของรถเข้า ... พอผ่านไปใกล้ๆ รถเมล์ โอ๊ย หวาดเสียว กลัวโดนเกี่ยวติดไปจริงๆ ... แล้วยังจะมีควันรถ ฝุ่น กลิ่น ลมตีหน้าอีก โอ้โห คนขี่มอเตอร์ไซค์ และคนซ้อนนี่ลำบากจริงๆ


ถึงจะลำบากและหวาดเสียว แต่ก็คงจะต้องอาศัยเจ้าน้องชายมารับอีก 2 วัน เพราะยังมีสวดอยู่ ... จะอาศัยคนดีก็เกรงใจ เผื่อจะติดธุระกับลูกค้า จะได้ไม่ต้องรีบมา แล้วผจญกับรถติดให้หงุดหงิดใจ จะเจอกันก็ค่อยตามมาเจอแล้วกัน


วันจันทร์ วันอังคาร ก็เป็นอีสาวมอเตอร์ไซค์เหมือนเดิม แต่ลำบากขึ้นตรงที่ใส่กระโปรงไปทำงาน แล้วต้องนั่งเบี่ยงนี่แหละ กว่าจะถึงวัดคงเอวบิด ... วันพุธก็สบาย เพราะงานวันสุดท้ายก่อนจะบรรจุศพเก็บไว้ ลากิจหยุดมาช่วยตั้งแต่เช้า ก็ไม่ต้องซิ่งรถให้หวาดเสียวแล้ว


เปลี่ยนรถ เปลี่ยนคนขับ ชั่วคราวเพราะมีงานเฉพาะกิจ ... งานจบก็กลับสู่เส้นทางเดิม สุทธิสาร - สุทธิสาร กลับมาเจอรถคันเดิม และคนขับหน้าเดิม แถมเป็นคนขับที่น่ารักมากที่สุดด้วย ... คนดีจ๋า ตอนนี้ขอปันใจจาก 4 ล้อชั่วคราวนะจ๊ะ

22.11.51

ฝันร้ายของคนดี

เมื่อคืนวันอังคาร คนดีทำให้เราห่วงเพราะไม่ได้โทรหา เป็นเหตุให้งอนนิดๆ หน่อยๆ ... คนดีเลยจัดโปรแกรมชดเชย ด้วยการมาค้างที่บ้าน 2 คืน ... พอดีคนดีต้องเข้างานดูร้านลูกค้าดอนดึกๆ ด้วย เป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ได้ทั้งงาน ได้ทั้งง้อ


ค่ำวันพฤหัส คนดีแวะไปงานศพ ไปเคารพศพคุณลุง ทักทายคุณป้า และลูกผู้พี่ของเรา ... แล้วก็รับเราและสมาชิกในบ้านไปหม่ำข้าว ก่อนจะเลยไปดูงาน ... ดึกดื่นก็กลับเข้าบ้านมาหลับสลบ


ค่ำวันศุกร์ คนดีที่ไปตะลอนดูงานกับลูกค้าที่พัทยา กลับมาถึงก็หิวโหย เลยโทรมาเราว่าออกจากงานศพแล้วจะไปกินข้าวที่ไหน จะตามไปเจอ ... หลังจากแวะกินข้าวกันอิ่มหนำถ้วนหน้าก็ตรงกลับบ้าน สักพักคนดีก็หลับผล็อย


ไม่รู้ว่าเพราะเหนื่อย หรือ เพราะอิ่มเกินไป ที่ทำให้คนดีฝันร้าย ... เป็นฝันร้ายที่พาลมาโกรธเราด้วย อ้าว เราเข้าไปเกี่ยวตรงไหนเนี่ย


เช้าวันเสาร์ขณะที่เรากำลังหลับสบาย คนดีที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเตรียมออกไปธุระก่อน ก็มากระซิบลา แล้วจู่ๆ ก็บอกว่า "เค้าโกรธตัวเองแล้ว ตัวเองทำให้เค้าฝันร้าย" ... จากที่งัวเงีย ก็เริ่มงงว่าเกิดอะไร


คนดีเล่าความฝันให้ฟังว่า ... อยู่ดีดีเราก็เดินจูงมือลูกเล็ก 1 คน แล้วยังมีอยู่ในท้องอีกคน มาพร้อมกับแฟนที่เป็นผู้ชายซึ่งอยู่แถวบ้านคนดี มาบอกเลิก บอกว่าจะไปสร้างครอบครัว ... คนดีบอกว่าเสียใจมาก แต่ก็พอจะทำใจได้ แต่พอมองออกจากบ้านไปเห็นเราเล่นกับลูกอยู่ในบ้านผู้ชาย ก็ชักยั๊วะ ว่าเวลาคนดีชวนเราไปที่บ้าน ก็ไม่ค่อยได้ไป ติดนั่น ติดนู่น ติดนี่ แต่พอมีลูกมาค้างได้แทบจะทุกวัน เห็นแล้วมีน้ำโห ทนไม่ไหว


เลยจะคว้าเรามากอดแล้วบอกว่าอย่าทิ้งเค้าไปเลย ... ก็ควานหาเราที่นอนอยู่ใกล้ๆ ถึงได้รู้สึกตัวว่าฝันนี่นา ไม่ใช่ความจริง ... ใจที่หล่นหายวูบไป ก็โล่งอกค่อยยังชั่ว
แต่ก็ยังไม่วายบอกว่า "เค้าโกรธตัวจริงๆ นะ ทำไมตัวทำกับเค้ายังงี้" ... เอ้า คุณคะ คุณฝันนะคะ ฝันเอง เออเองด้วย เค้าไม่รู้เรื่อง เค้าไม่เคยคิด


แล้วตลอดทั้งวัน คนดีก็ยังเปรยถึงเรื่องนี้เป็นระยะ พร้อมกับบ่นว่าโกรธ ... เออ แนะ คนเรา ฝันเองนะเนี่ย ... เลยต้องย้ำให้มั่นใจว่า ไม่คิดจะเปลี่ยนใจค่ะ


ยืนยันคำเดิม รักคนดีคนนี้คนเดียวค่ะ

21.11.51

หน้าคุ้นๆ !!!

หน้าคุ้นๆ หน้าเหมือนใครน้า ??? เป็นคำถามที่เจอค่อนข้างบ่อย ... ล่าสุดก็เจอที่งานศพ แถมยังโดนยัดเยียดให้รับว่าใช่ซะด้วย ทั้งที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเหมือนใคร ... แล้วหน้าเราไปเหมือนใครน้อ


แก๊งค์คุณพี่ คุณน้า คุณป้า ที่งานศพ ทักว่าเราเป็นผู้ประกาศ หรือพิธีกรรึเปล่า แต่ไม่ได้ระบุมาชัดเจนว่าเป็นใคร ชื่ออะไร ... แก๊งค์คุณพี่ คุณน้า คุณป้า ก็พยายามนึกอยู่นาน จนได้ยินข้อสรุปแว่วๆ ว่า เหมือนพิธีกรที่เคยทำรายการสยามทูเดย์ ... ใครน้อ ไม่เคยดูรายการนี้ซะด้วย


ที่บอกว่าหน้าเหมือนใคร หน้าคุ้นๆ เนี่ย โดนทักมานาน แต่ส่วนใหญ่เสียงที่ทักก็จะบอกว่าเหมือนใคร ... มีครั้งล่าสุดนี่แหละ ที่ไม่ยักกะบอกว่าหน้าเหมือนใคร แต่ก็จะยัดเยียดให้รับว่าใช่ให้ได้ เฮ้อออ ... กลับถึงบ้านเลยลองนึกๆ ดูว่า ที่ผ่านมามีเสียงทักว่าหน้าเหมือนใครอยู่บ้าง

เมื่อ 4-5 ปีก่อน ที่เอ๊าะกว่านี้ ผอมกว่านี้ และหน้าตอบกว่านี้ มีเสียงทักว่าหน้าเหมือน คุณอุ๋ม อาภาศิริ นิติพน ... น้อมรับคำทักนั้น ด้วยยิ้มหวานหยด และไหว้ขอบคุณอย่างสวยงาม เพราะรู้สึกว่าเป็นคำชม ... ถึงแม้จะส่องกระจกดูตัวเองแล้วก็ไม่เห็นว่าจะเหมือนแต่อย่างใด


อีกคนนึงที่มีเสียงทักว่าเราหน้าเหมือนเค้า คือ น้องตูน สุภัชชา 1 ในสมาชิกของโน้ตตูน ... ตอนนั้นเป็นผู้โชคดีได้ไปร่วมทริปกับรายการวิทยุ แล้วสมาชิกผู้ฟังที่ไปด้วยกัน + ทีมงานอีกบางส่วน เอ่ยทักเป็นเสียงเดียวกันว่า "หน้าเหมือนตูน โน้ตตูนจัง" ... ได้ยินแล้วงง เพราะจำไม่ได้ว่าคนไหนชื่ออะไร แต่พอลองนึกหน้าน้องทั้งสองคนแล้ว ก็ยิ่งงง ว่าฉันไปเหมือนเค้าตรงไหนเนี่ย สาวผิวสีกาแฟใส่นม กับสาวขาวเด้ง ... อิฉันไปคล้ายเค้าได้ยังไง


กลับจากทริปมาเล่าให้คนดีฟัง เล่าให้พี่ๆ น้องๆ ในที่ทำงานฟัง ส่วนใหญ่ก็งงว่าเหมือนตรงไหน ... ช่วยกันหารูปมาดูว่าคนไหนโน้ต คนไหนตูน แล้วก็มีบางเสียงบอกว่า มองแวบๆ ก็อาจจะคล้ายอยู่ ... เหรอ จริงเหรอ


หาภาพมาให้ดูชัดๆ ค่ะ ... ที่มาของภาพ http://club.zubzip.com/?toon_suputchar

เราดูเปรียบเทียบเอง ยังไงก็ไม่เหมือน ... แต่พอเห็นรายการทางเคเบิลทีวีที่น้องเป็นพิธีกรทีไร ก็นึกถึงเสียงทักลอยมาทุกที ... เอ หรือว่า แก๊งค์คุณพี่ คุณน้า คุณป้า จะคิดว่าเหมือนน้องตูนอีกรึเปล่า

เฮ้ออออออออออออออออออออ ... เราหน้าโหลนะเนี่ย

20.11.51

Funeral

เพราะบล็อกเป็นบันทึกช่วยจำ เลยเอาหตุการณ์วันนี้มาเก็บไว้ในบล็อกหน้านี้ ... วันเริ่มงานศพของคุณลุงเขย

คุณลุงเข้าโรงพยาบาลมาเดือนกว่าๆ เสียไปเมื่อวันจันทร์ แต่วันนี้เป็นวันแรกที่เริ่มทำพิธีศพ ... เนื่องจากศาลาที่วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน ไม่ว่าง และเพื่อนๆ คุณลุงดำเนินเรื่องขอพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ

เพราะมีพิธีการพิเศษ เลยต้องไปเดินหาชุดไว้ทุกข์ที่สุภาพ เรียบร้อย เหมาะสมกับงาน ... เดรสสีดำ แขนสี่ส่วน ชายกระโปรงคลุมเข่า เติมถุงน่องสีดำ กับ รองเท้าส้นสูงแบบเรียบ ... สุภาพเรียบร้อยสุดๆ จนน้องๆ ที่ออฟฟิศทัก

ลางานครึ่งวันตรงไปวัด ไปถึงสักพักก็เจอพ่อที่เพิ่งมาถึงเหมือนกัน ... รอสักพักหม่ามี้ที่ไปช่วยเคลื่อนศพตั้งแต่สายๆ ก็นั่งรถมาถึงพร้อมกับคุณลุงที่หลับสงบ


ญาติๆ แขก เริ่มทยอยมาถึงงาน ทักทายพูดคุยกัน พอได้เวลาก็เริ่มทยอยรดน้ำศพ ... ระหว่างนั้น เจ้าหน้าที่ก็มาจัดเตรียมสถานที่ โกศ ... โอ๊ะ มีโกศด้วย


พอถึงเวลาพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ เจ้าหน้าที่ก็เข้าดูแลและจัดการ จนเสร็จเรียบร้อย สวยงาม ... มีเจ้าพนักงานบรรเลงเพลงระหว่างพิธีด้วย ... หม่ามี้ร้องไห้ น้ำตาท่วมเพราะสนิทกับคุณลุง และช่วงที่คุณลุงป่วยมี้ก็ไปช่วยคุณป้าดูแล




เดินไปเดินมาในงาน แล้วรู้สึกว่างานศพเป็นงานที่มีความรู้สึกหลากหลาย ... เศร้าเสียใจกับผู้ที่จากไป ดีใจที่ได้เจอได้ทักทายเพื่อนเก่า ภูมิใจที่มีคนมากมายมาแสดงความอาลัย เพราะคุณลุงเป็นทหาร เลยมีทหารชั้นผู้ใหญ่ที่มีชื่อในสังคมมาเป็นแขกผู้มีเกียรติ


แล้วยังมีเรื่องขำ ... ตรงที่มีแขกในงานเดินมาทักว่าคุ้นหน้าเราจัง เคยออกรายการทีวีอะไรรึเปล่า ... หลังจากทำตาโตมองหน้ามี้แล้ว ก็รีบหันไปยิ้มหวานปฏิเสธว่าไม่ใช่ค่ะ ไม่เคยเลยค่ะ ... คุณพี่ คุณน้า คุณป้า กลุ่มนั้นทำหน้าไม่เชื่อ แต่ก็ถอยไป


เดินไปเดินมาอีกพักใหญ่ๆ กลับมานั่งพักที่เดิม เสียงทักแบบเดิมก็ลอยมาอีกครั้ง ... แถมยังยืนยันหนักแน่นว่าใช่แน่ๆ อย่าหลอกให้งงเลย ... เจ้าน้องชายที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ขำคิกคัก


สุดท้ายสมาชิกในกลุ่มก็ลงมติว่า เราต้องเป็นพิธีกร ผู้ประกาศรายการทีวีอะไรสักอย่างแน่ๆ ... ปฏิเสธยังไงก็ไม่เชื่อ โอ๊ย สงสารคนที่เราไปหน้าเหมือนเค้าจัง ... สุดท้ายก็หันไปยิ้มหวาน ส่ายหน้าปฏิเสธ แล้วเดินไปวุ่นวายกับงานต่อ เพราะถ้ายังนั่งอยู่ที่เดิม อาจจะต้องสมยอมสวมรอยเป็นใครสักคน


คนดีมาถึงตอนท้ายพอดี เลยกลายเป็นแวะมารับ ... ออกจากงานพาสมาชิกไปหม่ำข้าวต้มแถววังหิน คนดีอิ่มแล้วก็ขอตัวไปดูงานร้านลูกค้า สมาชิกที่เหลืออิ่มแล้วก็มุ่งหน้ากลับบ้าน ระหว่างทางมี้กับพ่อก็ยังขำที่เราโดนทักว่าหน้าเหมือนผู้ประกาศสักคน


ตอนแรกกะว่าวันงานที่เหลือ จะกลับมาแต่งตัวสบายๆ กะโปโล ... สงสัยจะทำไม่ได้ เดี๋ยวคนที่เราบังเอิญไปหน้าเหมือนเค้าจะพลอยเสียชื่อมากกว่านี้ ... เฮ้อออ ต้องแต่งหน้าสวยทุกวันหล่ะซิเนี่ย

19.11.51

ของฝากจากเชียงใหม่

ก่อนจะปลาบปลื้ม ชื่นชมกับของฝากที่คนดีติดไม้ติดมือกลับมา ก็ต้องมีเหตุให้บ่นอุบอิบก่อน ... มีเรื่องให้ขุ่นเคืองหน้าคว่ำ ก่อนจะได้ยิ้มหน้าบาน


ตลอด 3 วันที่คนดีหายไปทำงานที่เชียงใหม่ มีเสียงตามสายมาหาตลอด ได้ยินแล้วชื่นใจ สบายใจ หายห่วง ... ทริปนี้ไม่หายจ้อย ไม่หลงลืมกัน แถมยังกล้าบอกคิดถึงเสียงดังฟังชัดซะด้วย เยี่ยมจริงๆ ... แต่เมื่อคืนคนดีก็พลาดเอาไม้สุดท้าย แหมมมมมมมม


ขาไปนั่งรถไปพร้อมกับลูกค้า 3 คน แต่ขากลับนั่งเครื่องน้องนกกลับมาพร้อมกับลูกค้า 1 คน ... เราไปเดินตามหาชุดไว้ทุกข์แบบเรียบร้อย ก็โทรคุยกันตลอด คนดีบอกว่ามือถือแบตจะหมดเครื่องนึง ส่วนอีกเครื่องยังไม่ได้เติมเงินโทรออกไม่ได้ ... โอเค ไม่เป็นไร เดี๋ยวโทรหาเอง ตอนคุยกันก็ราวๆ ทุ่มนิดๆ คนดีถึงแอร์พอร์ทเรียบร้อยแล้ว


รู้ว่าไฟลท์ออกราวๆ สองทุ่มนิดๆ ถึงกรุงเทพฯ ก็ราวๆ สามทุ่ม ... ซื้อของเสร็จกลับถึงบ้านก็สองทุ่มกว่าไปแล้ว เลยไม่โทรหาคนดีเพราะคิดว่าน่าจะเตรียมตัวขึ้นเครื่อง คนดีก็ไม่ได้โทรมา ... นั่งทำอะไรไปเรื่อยๆ พอเหลือบดูเวลาเห็นสี่ทุ่มแล้ว เลยกดไปหา แต่เครื่องปิดติดต่อไม่ได้ทั้ง 2 เครื่อง


ทิ้งเวลาสักพัก แล้วก็โทรเข้าไปอีก ก็ยังติดต่อไม่ได้ ผิดเวลาไปเยอะแล้ว ชักห่วง ... จนใกล้จะห้าทุ่ม ก็มี sms เด้งกลับมาว่าติดต่อได้แล้ว รีบจิ้มกลับไปทันที ได้ยินเสียงคนดีก็โล่งใจ แล้วตามมาด้วยความหงุดหงิด ... "เครื่องดีเลย์ ออกสามทุ่มกว่า" "แล้วทำไมไม่โทรมาบอกหล่ะค่ะ" "ก็แบตมันจะหมดนี่" "เอ้า แล้วตู้สาธารณะหล่ะ ไม่มีเลยเหรอ"


"ก็จะให้โทรยังไง ก็เค้าเรียก final call แล้วอ่ะ" เอ๊ะ แล้วมันเกี่ยวกันยังไง เลยต้องซักไซ้ไล่เลียงกันยาว ... สรุปได้ความว่าคนดีไปถึงสนามบิน พอเช็คอินก็รู้ว่าไฟลท์ดีเลย์ แต่ลืมโทรมาบอกเรา แล้วคงเดินเล่นอยู่ข้างนอกรอเวลา แต่กลายเป็นว่าเครื่องมาเร็วกว่าที่แจ้งไว้ เลยโดนเรียก final call ... ฟังความชัดเจนกระจ่างใจ ก็ได้เวลาชี้แจงให้รู้ว่า คนที่นั่งรออยู่โดยที่ไม่รู้ข่าว ติดต่อไม่ได้ ห่วงขนาดไหน แล้วขึ้นเครื่องกลับมาแบบนี้ ยิ่งห่วงไปกันใหญ่ ... ลองคิดดูซิ ว่าถ้าเป็นคนนั่งรอ จะห่วงมั้ย


สักพักคนดีกลับมาถึง ก็เดินหน้าเหี่ยวเข้ามา เพราะรู้ว่าพลาดไปแล้ว วางของเรียบร้อยก็เข้ามากอด พร้อมคำพูด "เค้าขอโทษ" ... ยกโทษให้ แต่ขอเอ็ดอีกหน่อยนึง


เข้าห้องเก็บของเสร็จ คนดีก็หยิบของฝากออกมาให้ ... ตั้งแต่วันแรกที่ไปถึง ได้คุยกัน ก็ลองถามดูว่าจะมีของฝากมั้ย คนดีเองก็ไม่แน่ใจว่าจะมีรึเปล่า ... แต่สักพักก็โทรมาบอกว่าได้ของฝากแล้วให้รอดู


นี่หล่ะค่ะ ของฝากจากเชียงใหม่ ที่คนดีคัดมาให้ ... ปกพาสปอร์ท กับ ที่เก็บนามบัตร สีม่วงถูกใจ - สร้อยข้อมือเชือก ที่คนดีซื้อมาเหมือนกันแต่คนละสี - แหวนดอกไม้ - ที่ชอบใจมากที่สุดก็ต้อง สร้อยผีเสื้อ เพราะอยากได้สร้อยเส้นสั้นๆ มีจี้เล็กๆ ชิ้นนี้ตรงใจมาก เป็นผีเสื้อตัวน้อยแบบนี้ยิ่งชอบมาก เพราะชอบผีเสื้อ


คนดีบอกว่าทุกชิ้นมาจากถนนคนเดิน ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรมาฝากดี แต่พอเห็นสร้อยแล้วรู้ทันทีว่าใช่ ชิ้นนี้แหละเหมาะกับเราแน่ๆ ... ส่วนชิ้นอื่นๆ ก็ทยอยตามมา



ไม่ได้มีของฝากเราแค่คนเดียว คนดียังซื้อของเล็กๆ น้อยๆ ให้ตัวเองด้วย ... แหวนวงเล็กๆ บนมือใหญ่ๆ ของเราสองคน ถึงจะไม่เหมือนกันเป๊ะ แต่ก็จัดอยู่ในหมวดหมู่เดียวกัน ใช้คล้ายๆ กัน ตามคอนเซปท์ทีมเดียวกัน


คนดีขา ... ขอบคุณนะคะสำหรับของฝากทุกชิ้นที่ซื้อมาให้ ชอบทุกชิ้นเลยค่ะ

17.11.51

โสดเฉพาะกิจ

พอคนดีลาออกจากงาน ก็คิดไว้แล้วว่าคงจะยุ่งวุ่นวายกับงาน เพราะต้องตะลอนไปติดต่อทุกอย่างเองทั้งหมด ... แล้วเราก็คงมีช่วงโสดเฉพาะกิจแน่ๆ


ช่วงโสดเฉพาะกิจก็เป็นโอกาสดีที่เราจะตะลอนไปไหนๆ ตามลำพัง ... ไปช้อปปิ้ง ไปสปา ทำเล็บ โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าคนดีจะบ่น จะคอยนาน


ไม่นานเลย เวลาโสดเฉพาะกิจก็มาถึง ลาออกมาได้เดือนนิดๆ ก็มีธุระต้องไปดูร้านลูกค้าที่เชียงใหม่ ... 16-18 พ.ย. คนดีไปตั้งแต่เช้าวันอาทิตย์ นั่งรถไปกับลูกค้า คิดแล้วก็หวั่นใจว่าจะกล้าโทรมาหารึเปล่า สงสัยจะเงียบหายแน่ๆ ... ผลออกมาดีกว่าที่คิด เพราะโทรมาเป็นระยะสม่ำเสมอ เราก็สบายใจหายห่วง


นอกจากจะรายงานตัวแล้ว ยังชวนกันวางแผนขับรถเที่ยวภาคเหนือกันด้วย ... คนดีบอกว่าถนนดี น่าจะขับได้สบาย ไว้ขับรถไปเที่ยวกันดีกว่า ... เลยกะว่าจะหยุดยาว และตะลอนเที่ยวสัก 7-10 วัน แต่คงต้องรอปลายปีหน้าแล้วหล่ะ


วันนี้ก็ยังได้คุยกันสม่ำเสมอเหมือนเดิม ... ผลัดกันโทรหาเป็นระยะ คนดีฝากให้เราทำธุระ เราเองก็โทรไปรายงาน ... พอดีมีเรื่องฉุกเฉิน หม่ามี้โทรมาบอกว่า คุณลุงเขยเสียเมื่อบ่าย ก็เลยส่งข่าวต่อไปให้คนดีด้วย


เรื่องฉุกเฉินนี่เอง ที่ทำให้ช่วงโสดเฉพาะกิจไม่ได้ลั้ลลาเหมือนเคย ... แต่พรุ่งนี้ก็คงต้องไปช้อปปิ้ง เพราะต้องไปหาชุดไว้ทุกข์แบบเรียบร้อยสุดๆ ... เฮ้อ เหตุให้ช้อปปิ้งแบบนี้ ไม่ชวนให้ลั้ลลาเลย


ใจเหี่ยวป๊อบแป๊บ เดี๋ยวก็คงฟูกลับมาได้ เพราะคืนพรุ่งนี้คนดีก็กลับมาแล้ว ... ไม่รู้จะแวะมาหารึเปล่า แต่แค่รู้ว่ากลับมาก็ดีใจแล้ว


คนดีขา ... ตอนแรกเค้ากะจะลั้ลลาเต็มที่ แต่มีเรื่องฉุกเฉินเกิดขึ้นเลยต้องสงบนิ่ง ... แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวรอตอนคุณไปเข้าวัดปฏิบัติธรรม ค่อยใช้เวลาโสดเฉพาะกิจตอนนั้นลั้ลลาเต็มที่ ขออนุญาตล่วงหน้าเลยนะคะ

15.11.51

15-11-51

วันที่ 15 อีกแล้ว แสดงว่ารักษาความรักของเราสองคนก็เพิ่มขึ้นอีก 1 เดือน ... 80 เดือนแล้วซิ


รู้สึกกันสองคนว่าวันนี้พิเศษ เลยอยากจะหาโปรแกรมพิเศษ แต่นึกไม่ออกกันทั้งคู่ ... มีธุระของคนดีที่ยังต้องจัดการอีกหลายอย่าง งั้นไปจัดการเรื่องพวกนี้ก่อนแล้วกัน


ตื่นตั้งแต่ยังไม่แปดโมง อาบน้ำแต่งตัว มุ่งหน้าไปงานคอมมาร์ท เพราะคนดีจะไปดูพรินเตอร์ แล้วเอา external harddisk ที่ซื้อมาวันก่อน ไปให้ที่ร้านช่วยดู เพราะใช้ไม่ได้ ... ส่วนเราได้ mp3 ของโซนี่ติดมือกลับมาอีกตัว เอาไว้ฟังระหว่างเดินไปทำงานตอนเช้าๆ


ซื้อของเรียบร้อย ก็ย้ายไป CTW ตอนแรกกะว่าจะทำใจไปดูหนัง โปรแกรมหน้าฯ แต่ต้องรอรอบฉายอีกพักใหญ่ ... คนกล้าๆ กลัวๆ กับคนกลัว แต่ก็จะจำใจดู เลยเปลี่ยนใจไม่ดูหนัง ไปหาอะไรหม่ำแทน


จะกินอะไรก็นึกไม่ออกอีก มีตัวเลือกเยอะเกินไป ... เพราะอยากหาร้านใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยลองชิม เดินไปเดินมาก็ลงตัวที่ Heiroku Sushi ร้านซูชิสายพาน


ตื่นตาตื่นใจกับจานซูชิที่ไหลวนผ่านหน้ามา เลือกไม่ถูกว่าจะกินอะไรดี ... เลือกที่คุ้นเคย และลองชิมเมนูใหม่ๆ สรุปว่าใช้ได้ ... แต่ที่ดีมากก็คือ มื้อนี้คนดีเป็นเจ้ามื้อ


อิ่มท้องแล้ว ก็เดินจัดการธุระของคนดีต่อ ซื้ออุปกรณ์เครื่องเขียน เครื่องใช้สำนักงานเพิ่ม ... เดินวน วน วน จนเมื่อยเท้าเหลือเกิน


ก่อนจะออกจาก CTW ก็ขอถ่ายรูปเก็บไว้สักหน่อย ... เพราะทั้งห้างเปลี่ยนธีมการตกแต่งให้รับกับเทศกาล เลยได้โอกาสเก็บภาพคู่ไว้เป็นที่ระลึกในวันพิเศษของเรา


ย้ายไป Index ตรงพหลโยธินต่อ เพราะคนดีจะไปดูตู้เอกสาร ส่วนเรากำลังคิดจะจัดห้องใหม่ เลยไปเดินดูไอเดียสักหน่อย ... เดิน เดิน เดิน จนเมื่อยเท้าอีกรอบ แต่ก็คุ้มเพราะได้ไอเดียชัดเจนกลับมาทั้งคู่


วนไปบ้านสาวกวาง ไปขนโต๊ะทำงานที่คนดีซื้อต่อ ... ไปถึงก็นั่งเม้าท์กันพักใหญ่ ก่อนจะย้ายไปหม่ำมื้อเย็นพร้อมกัน ที่ร้าน BKK Grill


เป็นมื้อฉลองส่งท้ายวัน ที่ไม่ได้หม่ำกัน 2 คน เพราะสาวกวางกับสามีมาร่วมหม่ำด้วยกัน ... แต่ในรูปมี สปาเกตตี้ของคนดี กับ สเต็กของเรา ส่วนซุปแบ่งกัน ... คู่สามีภรรยาสั่งสเต็กแบบ combination จานใหญ่เบ้งทั้งคู่


อิ่มเรียบร้อยก็ได้เวลากลับบ้าน ... คนดีแวะมาส่งเรา แล้วตรงกลับบ้านทันที เพราะพรุ่งนี้ต้องเดินทางไปดูงานกับลูกค้าที่เชียงใหม่


ถึงวันนี้จะไม่มีโปรแกรมพิเศษ แค่คนดีอยู่ด้วยกันเต็มๆ วัน ไม่ต้องวุ่นวายรับสายคุยงานกับใคร แค่นี้ก็พิเศษแล้วค่ะ ... คนดีขา ขอบคุณนะคะที่เป็นเจ้ามื้อเลี้ยงข้าวทั้ง 2 มื้อ


ขอบคุณมากๆ ค่ะ ที่ก้าวเข้ามาในชีวิต และอยู่ข้างๆ กันมา 80 เดือนแล้ว ... รักคนดีที่สุดค่ะ

13.11.51

หนี้

พูดถึงหนี้คงไม่ค่อยมีใครชอบเท่าไหร่ ... แต่หนี้ของเราสองคน ขำค่ะ

วันนี้มีนัดไปเดินงานคอมมาร์ทกับคนดี ... คนดีจะไปซื้อพีซี กับ เครื่องพรินเตอร์ เพื่อความสะดวกสบายในการจัดออฟฟิศเล็กๆ ที่บ้าน ... ส่วนเราก็จะไปดูโน้ตบุ้ค

ขอนายลางานช่วงบ่ายไปเจอกับคนดีที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ... เริ่มต้นที่ของชิ้นใหญ่ๆ ที่ต้องดูรายละเอียดก่อน พอได้ของเรียบร้อย ก็เดินดูอุปกรณ์เล็กๆ น้อยๆ ที่อยากได้เสริมกันต่อ ... ได้ของเกือบครบ ก็ชวนกันกลับ เพราะมีนัดกับก๊วนแบด เดี๋ยวไปไม่ทัน

กว่าจะฝ่าการจราจรที่คับคั่งในที่จอดรถศูนย์ประชุมฯ ออกมาได้ ก็มาเจอกับรถมากมายบนถนนต่อ ... เพื่อลดความตึงเครียด ก็ผลัดกัน แซว หยอก เย้า กันไปมา

พอรถติดอยู่ตรงแยกสุทธิสาร อีกนิดเดียวจะถึงออฟฟิศแล้ว ... คนดีแกล้งอะไรก็จำไม่ได้ แต่เราหันไปเอามือเขกกระโหลกคนดีไปที

คนดีร้องโอ๊ย แล้วก็ฟอร์มต่อ ทำหน้าแบ๊ว ตาใสซื่อ หันมามองหน้าเราบอกว่า "เธอเป็นใครอ่ะ ขึ้นมานั่งบนรถเราได้ยังไง"

"เราเป็นเจ้าหนี้เธอไง"

"หนี้อะไรเหรอ"

"หนี้ชีวิต" ... ตอบไปก็คิดว่าคนดีจะตอบกลับมายังไงน้อ แล้วเสียงที่ได้ยินกลับมาก็คือ

"หากเป็นหนี้แล้ว ขอให้เป็นหนี้รักเถิด"

โอ้โห ได้ยินแล้วขำกลิ้ง มุขนี้คิดได้ยังไงเนี่ย แล้วเล่นร้องเพลงเก่าเลยด้วย ... ถึงจะน้ำเน่า แต่ก็ฮาดี

นั่งขำคิกคักชอบใจอยู่พักใหญ่ๆ แล้วก็หันไปบอกคนดีว่า ขอเอามาเขียนเก็บไว้ในบล็อกหน่อยนะ ... ฮาแบบเน่าๆ ดี



12.11.51

โปรโมชั่น

หลังจากมีเหตุให้หงุดหงิดจิ๊ดนึง เรื่องนัดของคนดี ... วันนี้คนดีก็มีโปรโมชั่นพิเศษ แถมมาให้


สาวๆ ในออฟฟิศชวนไปเดินตลาดนัดเมืองไทย ไปซื้อกับข้าวไปดูของ เราก็ติดสอยห้อยตามน้องๆ ไปด้วย เพราะไม่ได้ไปเดินนานแล้ว ... พอไปถึงก็โทรบอกคนดีว่าอยู่ที่นี่ อยากได้อะไรมั้ย ออเดอร์มาเป็นก๋วยจั๊บ เลยงง ว่าจะมากินตอนไหน ... คนดีบอกว่าจะแวะมากินข้าวเที่ยงด้วย


เดินวนซื้อกับข้าว และช้อปปิ้งนิดหน่อย ก็รีบกลับไปจุดนัดพบ ขึ้นรถกลับออฟฟิศ ... กินข้าวเสร็จสักพักคนดีก็มาถึง จัดการมื้อกลางวัน ไปพร้อมๆ กับปล่อยมุขเรียกเสียงหัวเราะจากสาวๆ


พออิ่มเรียบร้อยเราก็ทวงค่าตอบแทนที่ซื้อก๋วยจั๊บ แถมเกาเหลา กับเครื่องดื่ม ... คนดีบอกว่า "เดี๋ยวคืนนี้มาค้างด้วย" อ๊ะ จริงเหรอ เกิดอะไรขึ้น ... คืนนี้คนดีมีเข้าไปดูงานเก็บรายละเอียดร้านลูกค้าที่เซ็นทรัลบางนา เลิกดึก เลยแวะมาค้างด้วย


ใจนึงก็อยากให้คนดีจัดการงานให้เสร็จเรียบร้อย ไม่ต้องเข้าไปเฝ้าช่างเก็บรายละเอียด ... แต่อีกใจนึงก็ชอบเพราะคนดีจะแวะมาค้างด้วย เป็นโปรโมชั่นเล็กๆ น้อยๆ ในช่วงยุ่งๆ ... จริงๆ แค่แวะมากินข้าวเที่ยงด้วยก็ดีใจแล้ว


พอมาค้างด้วย เช้าวันรุ่งขึ้นก็ตื่นมาส่งที่ทำงาน มาป้วนเปี้ยนวนเวียนวุ่นวายอยู่ใกล้ๆ โต๊ะ พอสายๆ ถึงค่อยออกไป ... แล้วจะได้เจอกันรอบเที่ยง รอบบ่าย รอบเย็นมั้ย ก็ขึ้นอยู่กับตารางนัดของคนดีว่าวุ่นวายแค่ไหน


แวะมาหา มาให้เห็นหน้า แวะมากินข้าวเที่ยงด้วย แวะเอาเสบียงมาส่ง แวะมาค้างด้วย ล้วนจัดเป็นโปรโมชั่นพิเศษทั้งนั้น ... เพราะเวลาคนดียุ่ง ก็ยุ่งมาก แม้แต่โทรศัพท์ยังไม่ค่อยจะโทร การโผล่มาเจอนับเป็นโปรโมชั่นที่เราชอบใจ ชื่นใจ และดีใจ มาอยู่ใกล้ๆ แล้วหัวใจฟูดีค่ะ

11.11.51

ฤาจะต้องชดเชยอีก

หลังจากที่คนดีมีนัดไปช่วยงานน้องที่ออฟฟิศเก่า จนต้องหาเวลามาชดเชยแล้ว ... ก็มีแววว่า เร็วๆ นี้คนดีอาจจะต้องหาเวลามาชดเชยอีก

เพราะคนดีรับปากกินข้าว พูดคุยกับหัวหน้าเก่าวันเสาร์ที่ 15 พ.ย. ... พอได้ยินปุ๊บ เราก็ชะงักกึกขึ้นมาทันที ... ทำไมต้องนัดวันที่ 15 ด้วยหล่ะคะ

คนดีบอกว่า ที่รับนัดเพราะคิดว่าวันนั้นเรามีโปรแกรมไปเที่ยวต่างจังหวัดกับที่ออฟฟิศ ตอนที่รับปากไปยังไม่รู้ว่าเลื่อน ... ฟังแล้วเข้าใจ แต่ยังไม่เคลียร์ว่าทำไมต้องเป็นวันเสาร์ เป็นวันธรรมดาไม่ได้เหรอ ... แล้วนี่โปรแกรมเที่ยวกับออฟฟิศของเราเลื่อนไปแล้ว จะทำยังไง

จริงๆ ประเด็นที่ไม่เคลียร์ก็เพราะตรงกับวันที่ 15 นั่นหล่ะค่ะ ... วันที่ถือว่าพิเศษสำหรับเราสองคน ถึงแม้ใครคนนึงจะไม่ว่าง ก็ไม่ควรรับนัดไปกับคนอื่นวันนั้น ถ้ามีเหตุไม่ได้อยู่ด้วยกัน ก็เป็นเด็กดีอยู่บ้านใครบ้านมันไปเถอะ

คนดีฟังแล้วก็อึ้งๆ งงๆ เพราะไม่เคยคิด เนื่องจากเมื่อก่อนได้เจอกันเกือบจะทุกวัน ... ตอนนี้ตารางชีวิตคนดีไม่แน่นอน ไม่นิ่งเหมือนก่อน รับนัดได้ตามสะดวก ... พอเจอเราท้วง คนดีก็เลยจะไปเช็คนัดอีกที ว่าจำวันผิดหรือเปล่า หรือจะเลื่อนนัดเป็นวันอื่นได้มั้ย

นัดแรกยังไม่ทันจัดการ นัดใหม่ก็มาอีกแล้ว ... คนดีมาบอกว่า วันที่ 16-18 พ.ย. จะต้องไปเชียงใหม่กับลูกค้า ไปดูร้าน ดูบูธ ดูงาน

อ้าว แล้วถ้าวันที่ 15 เลื่อนนัดไม่ได้ 16-18 ก็ไม่อยู่อีก โอ๊ะ ต้องจัดเวลามาชดเชยนะ ... แต่ถ้าวันที่ 15 เลื่อนไปได้ ก็ค่อยยังชั่ว เจอกันป๊อบแป๊บก็ยังดีกว่าไม่ได้เจอกันยาวๆ

แล้วผลจะออกมายังไงน้อ จะต้องชดเชยกันอีกรึเปล่าเนี่ย ... เฮ้อออออออออออออออ

10.11.51

ขนตาปลอม กับ คนดี

เมื่อวันเสาร์คนดีไปช่วยน้องที่ออฟฟิศเก่าสำรวจเส้นทางเตรียมเวิร์คชอป ... เราเลยว่าง พร้อมกับอารมณ์ตุ่ยๆ พอดีได้ sms จากเครื่องสำอางเจ้าประจำส่งข่าวว่ามีเวิรค์ชอปแต่งตา เลยแวะเข้าไปดู

ผลก็คือ ได้ศึกษาวิธีการแต่งตาเพิ่มอีกนิดหน่อย แต่ที่สำคัญได้ทดลองติดขนตาปลอม ... ซึ่งเป็นอุปกรณ์สำคัญที่เหมาะกับคนขนตาขาดแคลนแบบเรา ... เรียนเสร็จก็เสียเงินไปตามระเบียบ กลับบ้านมาพร้อมกับขนตายาว งอน เด้ง วิ้ง

จริงๆ ซื้อขนตาปลอมราคาไม่กี่บาทมาเก็บไว้หลายคู่ แต่ยังไม่ได้ทดลองติดสักที เพราะติดไม่เป็น ... พอได้เรียนแล้วลองติดก็เห็นว่าตาดูแป๋วแหวว แล้วก็ติดไม่ยากอย่างที่คิด ฝึกบ่อยๆ ก็น่าจะติดง่ายขึ้น


เดินกระพือขนตาทั่วห้าง กลับถึงบ้านก็ยังติดไว้ไม่ยอมถอดออก รอให้คนดีมาดูขนตายาว วิ้ง ... กว่าคนดีจะกลับก็เกือบสามทุ่ม ขนตายังยาว งอน เด้ง วิ้ง ปริ๊งอยู่ แต่หน้าที่แต่งไว้แจ่มแจ๋ว มัน หมอง มัว ไปแล้ว

คนดีเห็นแล้วก็ชมปนเหน็บ หยอก นิดหน่อย ... เลยขยันหันไปกระพือขนตาใส่ คนดีก็รับมุข บอกว่ากระพือจนจะเป็นพายุแล้ว

เช้าวันอาทิตย์ ตื่นมาอาบน้ำ แต่งตัว แต่งหน้าเตรียมออกข้างนอก ... ก็คว้ามาสคาร่ามาปัดขนตา คนดีเลยทักว่า "ไม่ติดขนตาปลอมเป็น พัชรา เยาวราช อีกเหรอจ๊ะ" ได้ยินแล้วก็นึกว่าคนดีเล่นมุข แต่รู้สึกแหม่งๆ ว่าคนดีพลาดจริงๆ

เลยหันไปถามว่า "พัชรา เยาวราช นี่ใครคะ"

"ก็ดาราสมัยก่อน ที่ตาโตๆ ขนตาวิ้งๆ ไงตัวเอง ไม่รู้จักเหรอ"

"เอ่อ เค้าชื่อ เพชรา เชาวราษฎร์ ไม่ใช่เหรอคะ"

"อ้าว เหรอ เค้าเรียกผิดเหรอ" แล้วก็ทำหน้าเขินๆ จ๋อยๆ ... เราหัวเราะชอบใจ แล้วย้ำว่าให้รออ่านเรื่องนี้ในบล็อกได้เลย

คนดีจ๋า ... คุณจะเรียกชื่อใคร หรือเรียกอะไรผิดๆ แปลกๆ ให้เค้าเก็บมาอัพบล็อกได้อีกรึเปล่าคะ


9.11.51

James Bond 007 Quantum of Solace

วันนี้เป็นวันที่คนดีอยู่ด้วยเพื่อชดเชยที่เมื่อวานหายไปช่วยงานน้องที่ออฟฟิศเก่า ... ลังเลอยู่หลายตลบว่าจะทำอะไรดี จะไปเที่ยวใกล้ๆ จะอยู่บ้านเฉยๆ หรือ จะออกไปดูหนังกันดี ... ที่แน่ๆ อยากกินของอร่อย เพราะคนดีเสนอตัวเป็นเจ้ามือ


ถ้าอยากกินของอร่อย ก็ต้องออกข้างนอก ... เลยสรุปว่าออกไปดูหนังกันดีว่า ... แต่ก็ลังเลอีกว่าจะไปที่ไหนดี


ตื่นแต่เช้า อาบน้ำแต่งตัว เก้าโมงนิดๆ ก็ออกจากบ้านไปใช้สิทธิ เลือกตั้ง ส.ก. คนใหม่ แทนคนเดิมที่เสียชีวิต ... ใช้สิทธิเรียบร้อยก็มุ่งหน้าตรงไปเซ็นทรัลเวิลด์


James Bond 007 : Quantum of Solace - พยัคฆ์ร้ายทวงแค้นระห่ำโลก เป็นตัวเลือกที่เหมาะที่สุดค่ะ


- เรื่องย่อ - (จาก www.sanook.com )

สานต่อการผจญภัยสุดระทึกของ เจมส์ บอนด์ ใน Casino Royale สายลับ 007 ต่อสู้กับแรงกระตุ้นที่จะทำให้ภารกิจล่าสุดของเขากลายเป็นเรื่องส่วนตัว หลังจากที่ถูกหักหลังโดยเวสเปอร์ หญิงสาวที่เขารัก ... ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเผยความจิรง บอนด์ และ เอ็ม ได้สอบสวนมิสเตอร์ไวท์ ผู้ที่เผยว่าองค์กรที่แบล็คเมล์เวสเปอร์นั้น ซับซ้อนและอันตรายกว่าที่ใครๆ จะคาดคิดเสียอีก


หน่วยข่าวกรองได้ตามรอยของผู้ทรยศให้หน่วย MI6 ไปยังบัญชีธนาคารในไฮติ ที่ซึ่งความเข้าใจผิดได้ทำให้บอนด์รู้จักกับสาวสวยมากพิษสง คามิลล์ หญิงสาวที่มีเพลิงแค้นสุมใจเช่นเดียวกัน ... คามิลล์ นำบอนด์ไปสู่ โดมินิค กรีน นักธุรกิจเขี้ยวลากดิน ซึ่งเป็นตัวหมากสำคัญในองค์กรลึกลับนี้



ระหว่างภารกิจที่นำเขาไปยังออสเตรีย อิตาลี และอเมริกาใต้ บอนด์ค้นพบว่า กรีน ซึ่งสมคบคิดว่าแผนการที่จะควบคุมแหล่งทรัพยากรที่สำคัญที่สุดของโลกแห่งหนึ่ง กำลังทำข้อตกลงกับ นายพลเมดราโน่


ท่ามกลางการทรยศหักหลัง การฆาตกรรม และการหลอกลวง บอนด์ได้ผูกมิตรกับเพื่อนเก่าในสงคราม เพื่อเปิดเผยความจริง ... ยิ่งเขาเข้าใกล้กับการตามหาตัวชายที่นำมาซึ่งการทรยศจากเวสเปอร์ ... บอนด์ก็ต้องนำหน้า CIA ผู้ก่อการร้าย หรือ แม้กระทั่งเอ็ม ไปหนึ่งก้าว เพื่อเปิดโปงและหยุดยั้งแผนการชั่วร้ายของกรีน


เจมส์ บอนด์ ก็ยังเป็นเจมส์ บอนด์ เหมือนเดิมค่ะ เก่ง มีเสน่ห์กับสาวๆ และตายยาก ... มีฉากแอ็คชั่นทั้งบนรถ บนเรือ บนฟ้า บนดิน ชัดกันตุ๊บตั๊บ ดูไปลุ้นไป ตาลายไป เพราะมุมกล้องตัดฉุบฉับปุ๊บปั๊บเหลือเกิน ... สนุกตามประสา 007 ค่ะ
ดูหนังจบแล้ว ก็แวะหม่ำข้าวที่สีฟ้า เพราะคนดีที่เป็นเจ้ามือบอกว่าไม่เอาอาหารฝรั่ง และอาหารญี่ปุ่น ... อีหมี่ เกี๊ยวน้ำกุ้ง ขนมจีบ ข้าวผัดน้ำพริกลงเรือ ... อร่อย อิ่ม ชอบจัง

เติมพลังเรียบร้อย ก็ได้เวลาช้อปปิ้ง จูงคนดีไปเดินช้อปปิ้งที่แพลทตินั่มเพราะอยากได้เครื่องประดับ ... เดินเลยไปพันธุ์ทิพก่อน เพราะคนดีไปดูแผ่นโปรแกรม ธุระของคนดีเรียบร้อย ก็ย้อนกลับมาช้อปปิ้ง

ตั้งใจจะดูเครื่องประดับก็ได้สมใจ สร้อย 4 เส้น ตุ้มหู 4 คู่ ... แถมตุ้มหูที่คนดีซื้อให้อีก 1 คู่ ... ใช้เวลาเดินซื้อราวๆ 45 นาที พอได้ของอย่างที่ตั้งใจก็กลับ ... เสื้อผ้าที่เรียงรายมากมายละลานตา ไม่ได้สอยติดมือกลับมาเลยสักชิ้น

แล้วเวลาของวันชดเชยก็หมด ... เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ ยังอยากอยู่กับคนดีอีก แต่ก็ต้องปล่อยให้กับไปปฎิบัติหน้าที่ลูกที่ดี พาป๊าไปกินข้าว


คนดีจ๋า ขอบคุณนะคะที่จัดวันชดเชยให้ ... ขอบคุณที่เลี้ยงข้าว ขอบคุณที่ซื้อตุ้มหูให้ 1 คู่ ขอบคุณที่วันนี้จูงมือตลอดทั้งวัน ... ถึงแม้เค้าจะชอบใจ แต่ก็ไม่อยากให้ต้องจัดวันชดเชยบ่อยๆ นะคะ


7.11.51

ชดเชย

หลังจากคนดีลาออกจากงาน ยังไม่มีวันว่าง ได้อยู่บ้านนอนเอกเขนกพักผ่อนสบายๆ เลย ... มีธุระปะปัง และสารพันเรื่องยุ่งทั้งหลายให้จัดการอยู่ตลอด

แม้กระทั่งวันเสาร์ที่ได้หยุดเพิ่มจากเดิม ก็ยังมีธุระให้ต้องออกไปตะลอนอยู่ดี ... ที่คิดว่าจะใช้เวลาวันเสาร์ด้วยกันแบบสบายๆ ก็มีเหตุให้ต้องตะลอนจัดการเรื่องนั้น เรื่องนี้ ... แต่เอาเถอะก็ยังได้อยู่ด้วยกัน

ก่อนคนดีจะลาออก เราขอทำข้อตกลงเอาไว้ ... เพราะรู้ว่าคนดีจะยุ่ง ต้องใช้เวลาจัดการกับเรื่องงานต่างๆ อาจจะได้เจอกันน้อยลงกว่าเดิม เพราะต้องไปจัดการทุกอย่าง ทุกเรื่องด้วยตัวเอง ไม่เป็นไร เข้าใจ ... แค่ขอไว้สักนิด ว่าถ้ามีเวลาอยู่ด้วยกัน ก็ขอให้เป็นเวลาของเราจริงๆ ไหนๆ เวลาก็มีน้อยลงแล้ว ก็ใช้ให้คุ้มค่าที่สุด

วันนึงจะได้เจอกันแค่ 20 นาที หรือ 3 วันเจอกันสักที 7 วันเจอกันสักหน ก็ไม่เป็นไร ... ขอให้เวลาที่อยู่เป็นเวลาของเราเต็มๆ จริงๆ ... แบบที่มาอยู่ด้วย แต่หูยังติดโทรศัพท์อยู่ ไม่เอา รับไม่ได้แล้ว มีเวลาได้เจอกันน้อยลงแล้ว ขอยึดเวลาน้อยๆ เป็นของเราคนเดียวได้มั้ย

คนดียังไม่รับปาก เพราะไม่คิดว่าจะมีอะไรต่างไปจากเดิม ... เลยต้องอธิบายเปรียบเทียบให้เห็น ให้เข้าใจ ว่าคิดยังไง รู้สึกยังไง ต้องการอะไร ... พออธิบายยืดยาว คนดีก็เข้าใจและรับปาก

แล้วก็มีเหตุผลิกผัน ให้โดนฉกเวลาวันเสาร์ของเราจนได้ ... เนื่องจากคนดียังได้รับตำแหน่งที่ปรึกษากับที่ออฟฟิศเดิมอยู่ เวลาน้องๆ มีปัญหาเรื่องงาน หรืออยากให้ช่วยเหลืออะไรบ้าง ก็ยังเข้าไปช่วยดูอยู่

เสาร์ก่อน ไปเดินงานไทยเที่ยวไทย คนดีแวะซื้อหนังสือไกด์บุ๊คเที่ยวสุพรรณ เราเลยเตือนว่ามีแล้ว คนดีเลยบอกว่าซื้อไปฝากน้องที่ออฟฟิศ เพราะจะไปสำรวจเส้นทางเตรียมงานเวิร์คชอปของออฟฟิศ ... เห็นแล้วก็สงสัยว่าทำไมต้องจัดการให้ เพราะหนังสือไม่ได้หายากเลย แต่คิดซะว่า นี่ลดราคาประหยัดกว่าก็เอาเถอะ

พอวันจันทร์ คนดีก็มาบอกว่า วันเสาร์จะไปสุพรรณ ไปช่วยน้องสำรวจเส้นทางด้วย ... อ้าว ไหงงั้นหล่ะ ... วันเสาร์แทนที่จะได้อยู่ด้วยกัน ไหงยกเวลาไปช่วยใครอีกแล้วหล่ะ แล้วเราหล่ะ

ต่อมงอแงปริแตก น้ำตาหยด ... ไม่เข้าใจว่าทำไมคนดีต้องไปด้วย เพราะน้องที่รับผิดชอบงานนี้ก็เคยไปสุพรรณด้วยกันแล้ว และคงใช้เส้นทางเดิมที่เคยไปเที่ยว เป็นเส้นทางสำหรับกิจกรรมของที่ออฟฟิศ ... ตอนที่คนดีจัดปีแรกๆ ไม่ได้ไปสำรวจเส้นทาง แต่ก็ยังจัดกิจกรรมผ่านไกด์บุ๊คได้เลย ... แล้วทำไมคนที่เคยไปแล้ว และมีไกด์บุ๊คด้วย ถึงไม่สามารถจัดการได้ ... ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจ

คนดีนิ่ง อึ้ง เพราะคาดไม่ถึง ไม่ได้คิดเอาไว้ ... เราก็งอแง โยเย เกเร อยู่สักพัก สุดท้ายก็ต้องทำใจ ยอมให้คนดีทำตามแผนที่ตั้งใจไว้ ... เชอะ

วันอังคารคนดีก็แวะมาส่งเสบียงมื้อเที่ยง เย็นมารับพาไปซื้อของ ... วันพุธ ก็แวะมากินข้าวเที่ยงด้วย ก่อนจะไปดูงานลูกค้า ตกดึกหลังจากเข้าไปจัดการเก็บรายละเอียดบูธลูกค้า ก็มาค้างด้วย

วันพฤหัส ตื่นเช้าไปส่ง แวะใส่บาตรด้วยกัน เย็นก็มารับไปตีแบด ... แล้ววันศุกร์ ก็จะเก็บเสื้อผ้ามาค้างด้วยอีก ... วันเสาร์ถึงต้องตะลอนไปกับน้อง แต่ก็จะกลับมาค้างด้วย แล้ววันอาทิตย์จะพาไปเที่ยวแทน

มีอะไรมาชดเชยแบบนี้ก็ค่อยยังชั่ว ... แต่ถ้าวันอาทิตย์คนดียังต้องรับสาย คุยงานนั่นโน่นนี่ ติดพันต่อเนื่องอีกหล่ะก็ ต่อมงอแงปริอีกแน่ๆ ไม่ยอมแล้ว รู้มั้ยคะ

6.11.51

ก๊วนแบดรีเทิร์น

ก๊วนแบดที่รวมตัวกันเพื่อออกกำลังแบบง่ายๆ ใช้งบไม่มาก นัดกันตีแบดทุกวัน อังคาร-พุธ-พฤหัส ... รวมตัวกันตีแบด แล้วก็ชวนกันเสาะหาร้านอร่อยในละแวกนั้นไปด้วย

รวมตัวกันได้ราวๆ 4-5 เดือน ก็แยกย้ายสลายตัว เพราะเดี๋ยวคนนั้นติดงาน เดี๋ยวคนนี้ติดงาน ... สมาชิกไม่พร้อม เลยเลื่อนไปเลื่อนมา สุดท้ายก็ไม่ได้ไปตีแบดอีกเลย

แต่ก็ยังมีเสียงถามถึงทั้งจากสมาชิกก๊วนแบด 5 คนว่าจะไปตีแบดกันอีกเมื่อไหร่ ... แล้วยังมีเสียงถามจากน้องๆ ที่อยากร่วมเป็นสมาชิกก๊วนแบดด้วย

แล้ววันนี้ ก๊วนแบดก็กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง ... คอร์ทแบดเดิม เวลานัดเดิม
ไปถึงคอร์ทก่อนหกโมงนิดหน่อย เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย ก็ขยับเนื้อขยับตัวรอเวลา ... พอหกโมงก็ลงคอร์ท ตีโต้กันไปมา แต่เป็นการตีที่ไม่ค่อยมีสมาธิ เพราะคอร์ทข้างๆ มีสาวน้อย 3 พีน้อง มาเรียนแบดอยู่ ... หลงรักแม่หนูน้อยน้องเล็ก เลยตีแบดไป แอบสังเกตการณ์เรียนการสอนไปด้วย

ที่หลงรักน้องเล็กเพราะ ตอนใกล้หกโมง แม่หนูวิ่งวอร์มรอบคอร์ท แล้วผ่านมาใกล้พวกเราตอนเพลงชาติดังพอดี ... หนูเลยต้องหยุดยืนนิ่งแถวนั้น พอเพลงชาติจบ หนูก็เตรียมจะออกวิ่งต่อ แต่มี 1 ในสมาชิกกลุ่มเราส่งเสียงทัก "สวัสดีค่ะ" ไป

ใจก็คิดว่าแม่หนูจะยิ้มเขินๆ หรือ ยืนบิดอายๆ ... ที่ไหนได้ สาวน้อยตัวเล็ก ยกมือพนมสวัสดีกลับมา พร้อมกับย่อตัวเล็กๆ ... ว๊าย น่ารักที่สุด คุณพ่อคุณแม่สอนมาดีจังเลย

ตีแบดไป แอบดูเด็กๆ เรียนไป แล้วก็ต้องปรับตัวกับการห่างหายจากการตีแบดไปด้วย ... ตีไปได้ครึ่งชั่วโมงก็ต้องสลับมานั่งพัก

เพื่อยืนยันว่าเป็นก๊วนแบดก๊วนเดิมจริงๆ ... พอตีแบดเสร็จก็หาร้านอาหารแถวนั้น นั่งหม่ำข้าวมื้อเล็กๆ กันสักหน่อย

ก๊วนแบดรีเทิร์นกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง ... พรุ่งนี้เจอกันอีกรอบ คงจะเริ่มต้นด้วยกันตีแบดแป๊บเดียว แล้วนั่งหม่ำ นั่งเม้าท์นานกว่าตีแบดแน่ๆ ... ก็เว้นว่างจากการออกกำลังกายไปตั้งนาน ต้องปรับตัวหน่อย เนอะ

5.11.51

Our Lovely Bear

เราสองคนชอบใส่เสื้อทีมไปเที่ยวด้วยกันเป็นคู่ประจำ ... แล้วมาเจอของชิ้นเล็กๆ น่ารักที่ใส่เสื้อเป็นคู่ได้ แล้วจะอดใจไม่สอยกลับมาด้วยได้ยังไง

ที่ห้อยมือถือ รูปน้องหมี ประจำเดือนเกิด ที่สามารถเลือกเสื้อตามวันที่เกิดได้ค่ะ ... เห็นแล้วสะดุดตาทันที ยืนนิ่ง คิด พิจารณาว่าจะจับคู่น้องหมียังไงดี


แวบแรกคือ จับคู่น้องหมีตรงกับวันครบรอบของเราสองคน ... แล้วก็เปลี่ยนใจ เพราะว่าจะได้น้องหมีฝาแฝด หน้าตา เสื้อผ้าเหมือนกันเป๊ะ 2 ตัว


เปลี่ยนใจเป็นเลือกน้องหมีประจำเดือนเกิด และเลือกเสื้อตามวันที่เกิดของเราสองคนดีกว่า ... แต่เติมความพิเศษตรงที่ เลีอกเสื้อสีเดียวกัน ... เพราะมีเสื้อสีชมพู ฟ้า ดำ ขาว และ แดงเลือดหมู ให้เลือก




เท่านี้เราสองคนก็มีน้องหมีที่มีเอกลักษณ์ประจำตัว ดูแตกต่างกัน แต่เหมือนกันตรงที่ใส่เสื้อสีเดียวกัน ... เหมือนเราสองคนที่บุคลิกต่างกัน แต่ชอบใส่เสื้อทีมไปไหนด้วยกัน

คนดีขา ... ทำไมถึงเลือกเสื้อสีชมพูให้น้องหมีคะ อยากรู้จัง

4.11.51

ช้ำอีกแล้ว

ราวๆ เดือนนิดๆ ได้แผลฟกช้ำตอนไปเที่ยว ... จู่ๆ ก็มีเหตุให้ขาเขียว ช้ำ เป็นดวงอีกแล้ว


อังคารที่แล้วจะไปรับเคสคอมฯ ที่ส่งไปซ่อมที่พันทิพย์ บังเอิญมีเคสคอมฯ ของน้องอีกคนเกิดรวนพอดี เลยหิ้วไปให้ช่างช่วยดูด้วย ... ที่เรียกว่าหิ้ว เพราะเคสมีมือจับพอดี เลยหิ้วยกไปได้ง่ายๆ ... ไปให้ไปถึงพันทิพย์ราวๆ สิบเอ็ดโมง คนยังไม่พลุกพล่านวุ่นวาย แต่ก็มีรถเข็นที่ทำให้เดินลำบาก


เพราะต้องหลบรถเข็นที่เข็นผ่านไปมา ในขณะที่หิ้วเคสคอมฯ ที่ไม่ได้เบาเท่าไหร่ ... เบี่ยงตัวหลบรถเข็น น่องซ้ายเลยไปจิ้มเข้ากับมุมเคสคอมฯ พอดี เจ็บๆ แสบๆ นิดๆ ก้มลงดูก็เห็นว่าถลอกนิดหน่อย เลยไม่ได้สนใจอะไร


กลับมาก็ไม่ได้สนใจแผลอีก เพราะไม่ได้เจ็บแล้ว ... และก็ไม่ได้สนใจอีกเลย


ที่ไหนได้ จากแผลถลอก มีรอยช้ำเพิ่มขึ้น ... ข้างในเป็นรอยขีดเป็นเส้นบางๆ แต่รอบนอก ช้ำ เขียว


จากวันต้นเหตุ ผ่านมาครบ 7 วันพอดี แผลก็ยังไม่หาย ยังฝากรอยช้ำเอาไว้ให้ดูต่างหน้า ... เฮ้อออออ ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมถึงช้ำทน ช้ำนานเหลือเกิน แล้วก็เป็นที่ขาข้างซ้ายเหมือนเดิมด้วย

ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว

เพราะการตามหาโค้ดเพลง "เท่านี้ก็พอ" เลยทำให้เจอกับอีกเพลง ที่ความหมายใกล้เคียงกัน ฟังแล้วเพราะดี ... เลยหยิบเอามาเก็บใส่บล็อกไว้อีก

เพลง : ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว
ศิลปิน : ไอซ์ ศรัณยู
อัลบั้ม : ICE with U

ก็เพิ่งรู้ ว่ารักทำให้ฉันเป็นคนใหม่
ความรักทำให้ชีวิตสดใส เพราะมีเธอ
และได้รับได้รู้ว่าเธอก็รักกัน

ก็เพิ่งรู้ แค่ได้จูงมือของเธอทุกวัน
แค่ฉันมีเธอใกล้ๆ กับฉัน มันก็สุขหัวใจ
แค่ให้เรามีกันและกัน แค่นั้นพอ

ต่อให้พรุ่งนี้ โลกดับสูญหรือสิ้นไป
แค่เพียงมีเธอ ก็ไม่เคยหวั่นไหว
ต่อให้น้ำท่วมโลกใบนี้ จะไม่ยอมให้เธอต้องหายไป
สองมือมีแรงเท่าไร จะกอดเธอไว้ไม่ห่าง

ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว แค่มีเธอก็พอ
แค่วันนี้มีเธอ จะขอดูแลเธอด้วยหัวใจ
อยากจะใช้ชีวิต เพื่อเธอไปจนวันสุดท้าย
ไม่ว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร จะทุ่มเทให้เธอได้รู้ ฉันรักเธอ

ไม่อยากรู้ โลกนี้จะหยุดหมุนซักเมื่อไร
ให้โลกทั้งใบไม่ยอมเคลื่อนไหว ก็รักเธอ
และจะมีแต่เธอเท่านั้นที่สำคัญ

ก็เพิ่งรู้ แค่ได้จูงมือของเธอทุกวัน
แค่ฉันมีเธอใกล้ๆ กับฉัน มันก็สุขหัวใจ
แค่ให้เรามีกันและกัน แค่นั้นพอ

ต่อให้พรุ่งนี้ โลกดับสูญหรือสิ้นไป
แค่เพียงมีเธอ ก็ไม่เคยหวั่นไหว
ต่อให้น้ำท่วมโลกใบนี้ จะไม่ยอมให้เธอต้องหายไป
สองมือมีแรงเท่าไร จะกอดเธอไว้ไม่ห่าง

ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว แค่มีเธอก็พอ
แค่วันนี้มีเธอ จะขอดูแลเธอด้วยหัวใจ
อยากจะใช้ชีวิต เพื่อเธอไปจนวันสุดท้าย
ไม่ว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร จะทุ่มเทให้เธอได้รู้ ฉันรักเธอ

i want u.. i need u..
i want u.. i need u..

ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว แค่มีเธอก็พอ
แค่วันนี้มีเธอ จะขอดูแลเธอด้วยหัวใจ
อยากจะใช้ชีวิต เพื่อเธอไปจนวันสุดท้าย
ไม่ว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร จะทุ่มเทให้เธอได้รู้ ฉันรักเธอ

ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว แค่มีเธอก็พอ..

Credit Song & Lyric : http://www.gmember.com/







คนดีจ๋า ... แค่มีคุณอยู่ข้างๆ พอแล้ว ไม่ต้องการอะไรอีกแล้วค่ะ

เท่านี้ก็พอ

เท่านี้ก็พอ เป็นเพลงโปรด และเป็นเพลงประจำตัวที่มักจะร้องทุกครั้งเวลาไปคาราโอเกะ ... แรกๆ สมาชิกที่ไปด้วยก็งงว่าเพลงอะไร ไม่เคยได้ยิน หลังๆ สมาชิกชิน ร้องตามได้เป็นแถว แล้วมักจะถามถึงว่าขอเพลงประจำตัวรึยัง

ชอบเพลงนี้เพราะทำนองและเนื้อเพลงน่ารัก ... ฟังแล้วรู้สึกแบบนี้จริงๆ "เท่านี้ก็พอ" จริงๆ

ศิลปิน : คริสติน่า อากีล่าร์
เพลง : เท่านี้ก็พอ
Album : Paradise

ไม่จำเป็น ที่เธอต้องเหมือนใคร ไม่จำเป็น ต้องทำอะไรได้ทุกอย่าง ไม่เลยไม่ต้องเลย
แค่เป็นเพียง หนึ่งคนที่จริงใจ แค่มีใจให้คนอย่างฉัน ก็เพียงพอ ไม่ขอให้มากมาย

ฉันไม่เคยต้องการ อะไรกว่านี้ เท่าที่เธอมีอยู่ ก็ดูลงตัวดีแล้ว
แค่มองตาก็รู้ก็เข้าใจ คิดอะไรแบบไหน ก็ตามกันทัน
ห่วงใยเล็ก เล็ก ไม่เห็นต้องเจอทุกวัน
รู้อารมณ์ว่าฉันนั้นเป็นไง ช่างเอาใจเสมอ ไม่เคยรำคาญ
ได้อยู่กับเธอทุกครั้ง ก็รู้มันสบายใจ เพียงเท่านี้ก็เพียงพอ

ต่อให้ใครที่ดูว่าแสนดี ไม่มีทางจะยืนตรงนี้ ได้เหมือนเธอ ให้เธอทั้งหัวใจ
ฉันไม่เคยต้องการ อะไรกว่านี้ เท่าที่เธอมีอยู่ ก็ดูลงตัวดีแล้ว
แค่มองตาก็รู้ก็เข้าใจ คิดอะไรแบบไหน ก็ตามกันทัน
ห่วงใยเล็ก เล็ก ไม่เห็นต้องเจอทุกวัน
รู้อารมณ์ว่าฉันนั้นเป็นไง ช่างเอาใจเสมอ ไม่เคยรำคาญ
ได้อยู่กับเธอทุกครั้ง ก็รู้มันสบายใจ เพียงเท่านี้ก็เพียงพอ

แค่มองตาก็รู้ก็เข้าใจ คิดอะไรแบบไหน ก็ตามกันทัน
ห่วงใยเล็ก เล็ก ไม่เห็นต้องเจอทุกวัน
รู้อารมณ์ว่าฉันนั้นเป็นไง ช่างเอาใจเสมอ ไม่เคยรำคาญ
แค่เพียงเหตุผลเท่านี้ ก็รู้ว่าเกินต้องการ พอที่ฉันจะรักเธอ




Credit Song & Lyric : http://www.gmember.com/

เคยเขียนถึงในได แต่ไดเจ๊งไปแล้ว มีบล็อกใหม่ เลยเอามาเก็บไว้อีก
คนดีขา ... ที่คุณเป็นแบบนี้ แค่มีกันอยู่ "เท่านี้ก็พอ" สำหรับเค้าแล้วค่ะ

3.11.51

รวมมิตร หน้าที่ 100

บล็อกหน้านี้เป็นบล็อกหน้าที่ 100 พอดีค่ะ ... รู้สึกเหมือนเพิ่งมาเริ่มเขียนบล้อกที่นี่ได้ไม่นาน ป๊อบแป๊บ 100 หน้าแล้ว ช่างเขียนนั่นนู่นนี่ซะเหลือเกินนะเรา

จริงๆ อยากจะเขียนอะไรพิเศษสักหน่อย แต่นึกไม่ออกไม่รู้จะเขียนอะไรดี ... ที่ค้างอยู่รอให้เขียนก็เป็นร้านอาหารจุ๊บจิ๊บริมทางที่ไปตะลอนชิม แล้วยังไม่ได้อัพข้อมูลเข้าบล็อก ... จะเขียนเรื่องจิ๊จ๊ะหวานจ๋อย ของเราสองคน ช่วงนี้ก็ไม่มีอะไรซาหวีทหยดย้อย ... แล้วก็นึกได้ว่ามีเรื่องเล้กๆ น้อยๆ นู่นนิด นี่หน่อย จับมายำรวมกันซะเลยดีกว่า

1. กิซโม่ อายุ ขวบครึ่งแล้วค่า ยิ่งโตก็ยิ่งซน และยังเป็นชิวาว่าพันธุ์ผสมระหว่าง หมา ลิง จิงโจ้ กระต่าย เหมือนเดิม

2. มี้กับพ่อ รักหมามากกว่าลูกแล้วค่ะ เพราะเอากิซโม่เข้าไปนอนในห้องด้วย 2-3 เดือนแล้ว และยังใจดีปล่อยให้นอนนอกกรงอีกต่างหาก เปิดกรง เปิดกระเป๋า และวางเบาะ ให้โม่เลือกนอนได้ตามใจ

3. ช่วงที่ไปเที่ยวเขาหลัก มี้กับพ่อ ก็พาโม่ไปเที่ยวพัทยาค่ะ ... ต้นคิดคือ พ่อ ที่เคยบ่นตอนพากิซโม่เข้าบ้าน ว่าเอามาให้ยุ่งทำไม แต่เดี๋ยวนี้จับใส่สายจูง อุ้มไปเดินตลาดด้วย

4. คุณลุง เขยใหญ่ของบ้านป่วย เข้าโรงพยาบาลมาพักใหญ่แล้ว มี้เลยเข้าไปช่วยคุณป้าดู ไปผลัดเวรเฝ้า ไปช่วยดูแล ... รอบนี้มี้เลยอยู่กรุงเทพฯ ยาวกว่าปกติ

5. เพราะมี้มีธุระนั่นโน่นนี่ที่ยังต้องจัดการ คุณพิไลเลยให้มี้อยู่กรุงเทพฯ ยาวไปจนมกราปีหน้าเลย แล้วค่อยไปแตะมือดูแลคุณยาย ... ได้อยู่กับมี้นาน แต่ก็ไม่ได้เจอคุณพิไลนานเหมือนกัน

6. ล่าสุดคุณพิไลโทรมาบอกว่า อยากไปเที่ยว "ปาย" เพราะดูละครอุบัติรักข้ามขอบฟ้า เห็นที่พักน่ารักดี เลยนึกอยากไป ... อู้ววววว ดูละครวัยรุ่นซะด้วย

7. คนดียุ่งวุ่นวายจนไม่มีเวลาไปเข้าวัดปฏิบัติธรรมสักที ... เราก็ต้องคอยเตือนให้ไปจัดสรรเวลาเข้าวัดซะ เรื่องงานที่ยุ่งหยุมหยิม จะได้เรียบร้อยราบรื่นขึ้นสักนิด

8. ตั้งใจไว้ว่า จะหาเวลาไปเข้าวัดปฏิบัติธรรม 7 วันเหมือนกัน แต่คงต้องรอปีใหม่นู่น เพราะปลายปีวุ่นวายเหลือเกิน ... รอคนดีไปเข้าวัด 3 วันก่อน แล้วรอบหน้า 7 วัน ค่อยไปด้วยกัน

9. เพราะงานที่วุ่นวายของคนดีที่ต้องตะลอนไปนู่นนี่ ทำให้ไม่ค่อยได้คุยกัน แต่ก็ยังได้เจอกันไม่ต่างจากเดิม เพราะคนดีโฉบแวะมาพักที่ออฟฟิศ ก่อนจะมุ่งหน้าไปที่อื่น

10. วันนี้มีเซอร์ไพรส์ คนดีแวะมาหาที่บ้านแต่เช้า แวะมาพักงีบ เหมือนตอนไปทำงานปกติ ... ก่อนจะมาส่งที่ออฟฟิศ ออกไปทำธุระ แล้วเที่ยงก็แวะซื้อเสบียงมาส่งด้วย

11. ประชุมออฟฟิศวันนี้ มีผลความคืบหน้าของทริปท่องเที่ยวประจำของบริษัท ... ทริปเกาหลีคงต้องเลื่อนไปก่อน เพราะนายมีงานยุ่งต่อเนื่อง ... ปีนี้อดเที่ยวต่างประเทศ รอปีหน้าแล้วกัน

12. ทริปเที่ยวในประเทศ ทั้งเลื่อนและเปลี่ยน ... จากบ้านผางาม ปราจีน เปลี่ยนมาเป็น สวนผึ้ง ราชบุรี วันนี้สรุปที่ หัวหิน-ปราณ ... แล้วเลื่อนจาก ตุลา มาพฤศิจกา และเลื่อนไป ธันวา

13. เสียเงินไปกับ cosmetic therapy ครั้งล่าสุด ต่อมสวยๆ งามๆ ก็สงบ แต่ต่อมไอที เริ่มปริแทนซะอย่างนั้น

14. เจ้าโน้ตบุ้ค Acer สีชมพู เครื่องเล็กกะทัดรัด เป็นต้นเหตุทำให้หัวใจสั่นไหว ต่อมไอทีอักเสบ ... ต้องหาเหตุผล ความจำเป็น ข้อดี ข้อด้อย มาหักลบกลบกิเลส ไม่สามารถดับได้ เพราะตัวกิเลสยังเต้นระริกอยู่ข้างใน

15. เดินผ่านโนเกีย เห็นมือถือรุ่นใหม่ มีสีม่วงสะดุดตา เลยขอโฉบเข้าไปดู เท่านั้นแหละ กิเลสพุ่งทันที ... มือถือมีสีโปรด และราคาอยู่ในงบที่ตั้งไว้ อยากได้ อยากได้ อยากได้ ... ต้องหาเหตุผลมากลบกิเลสอีกครั้ง เพราะเจ้าเครื่องเก่าก็ยังถูไถใช้ได้อยู่

16. แต่เจ้ามือถือเก่าที่เอ๋อ เป็นครั้งคราว และเริ่มอืด ก็ออกอาการเพิ่มขึ้น ... อย่าซิ อย่าเกเรน่า อยู่ด้วยกันไปก่อน อุตสาห์กลบกิเลสเรื่องมือถือลงไปแล้วนะ

17. คนดีค้นพบว่า สายชาร์จแบตมือถือของเราชำรุด ต้องวางองศาให้ดีไฟถึงจะเข้า ... ไม่ได้เปลี่ยนเครื่อง เปลี่ยนสายชาร์จแล้วกัน

18. ฉลองฮัลโลวีนด้วยการขับรถในเมือง และขับขึ้นที่จอดรถ ครั้งแรก ... เพราะคนดีต้องรีบไปหาลูกค้า เลยทิ้งโกลดี้ให้เราดูแล ก่อนจะโดดซ้อนท้ายวินมอเตอร์ไซค์ไป ปล่อยให้เราตื่นเต้น กับการขับรถผ่านสามย่าม เข้าสุรวงศ์ วนขึ้นที่จอดรถ ก่อนจะยักแย่ยักยั่นถอยเข้าที่จอดรถ ... เฮ้ออออ รอดมาได้

19. เสียงแหบจากการกรี๊ดเชียร์น้องแอนยังไม่หายสักที เมื่อไหร่จะกลับสู่สภวะปกติน้อ ... ไม่เจ็บคอ ไม่ได้เป็นหวัด แต่เสียงแหบเป็นเป็ดแบบนี้ไม่ดีเลย ปกติ 1-2 วันก็หายแล้ว นี่ยังไม่ยอมหายสักที ถ้าเสียงแหบถาวรหล่ะแย่เลย ใครๆ คงคิดว่าเป็นกระเทยแน่ๆ

20. คนดีจ๋า ... คิดถึงจัง

รวมมิตรนั่นนิดนี่หน่อยในช่วงที่ผ่านมา จับมายำรวมกัน ฉลองบล็อกครบ 100 หน้าซะเลย ... แทนที่จะฉลองด้วยบล้อกทีสาระ กลายเป็นบล็อกไม่เป็นชิ้นเป็นอันซะ เฮ้อออ

2.11.51

งานไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 14

เป็นขาประจำงานไทยเที่ยวไทย ตั้งแต่งานครั้งที่ 7 หรือ ครั้งที่ 8 นี่หล่ะค่ะ ... แล้วหลังจากนั้นก็ไม่เคยพลาดสักครั้ง ต้องไปเดินหาแพคเกจ ซื้อ voucher เก็บไว้ใช้เที่ยวทุกที

ปกติจะแวบไปเก็บโบรชัวร์ก่อน เอากลับมาคัดเลือก แล้วค่อยไปซื้ออีกครั้ง ... แต่งานคราวนี้ไปจัดไกลถึง อิมแพ็ค เมืองทองธานี เลยต้องไปวันเดียว เดินเก็บ เลือก และซื้อเลย

เรากับคนดี ไปแวะรับสาวกวางที่บ้านแล้วมุ่งตรงไปอิมแพ็ค นัดกันจะไปแต่เช้าเพราะกลัวว่ารถเยอะ คนแยะ เนื่องจากเป็นวันหยุด แล้วมีงานบ้านและสวนด้วย ... แล้วก็จริงดังคาด รถที่เลี้ยวเข้าเมืองทองเยอะมาก ที่จอดรถเต็ม แต่ยังโชคดีที่ไปถึงราวๆ สิบเอ็ดโมง คนที่เดินในงานยังไม่เยอะเท่าไหร่

บูธของโรงแรมต่างๆ ที่มาร่วมงานก็ไม่เยอะเท่ากับงานที่ศูนย์ประชุม เดินเลือกหยิบเอกสารเฉพาะบางบูธ เพราะมีโซนที่สนใจอยู่ในใจแล้ว ... เคินวนครบทุกบูธก็ชวนกันไปนั่งพัก หาอะไรหม่ำ แล้วก็ทำการคัดเลือกผู้เข้ารอบ

สุดท้ายเลือกไว้ 2 ที่ ให้คนดีพิจารณา แล้วก็คัดเหลือเพียง 1 เดียว ... เป็นโรงแรมแถวหัวหินอีกแล้ว เพราะชอบหัวหิน และไปประจำทุกปี ก็มักจะเดินหาแพคเกจที่พักใหม่ๆ จากในงานเก็บไว้เป็นประจำ

ปีหน้า ตั้งใจจะชวนคนดีไปเที่ยว 3-4 ทริป ... ตอนนี้มีแพคเกจสำหรับทริปแรก ที่ได้จากงานไทยเที่ยวไทยครั้งก่อนแล้ว ... แพคเกจที่ซื้อมานี่ สำหรับทริปที่ 2 ... ส่วนทริปที่ 3 รอซื้อจากงานไทยเที่ยวไทยครั้งหน้า 5-8 มี.ค. 52 ค่ะ

คนดีขา ... ขอบคุณนะคะที่อนุมัติให้ซื้อ voucher ครั้งนี้ และขอบคุณมากๆ เลยค่ะ ที่เป็นเพื่อนร่วมทริปทุกครั้ง ... จูงมือกันเที่ยวแบบนี้ไปอีกนานๆ นะคะ