29.3.52

ไหว้พระ 2 วัด กับ 1 ตลาดน้ำ


1 ในการบ้านที่คนดีได้รับจากพี่หมอดูเจ้าประจำ คือ ให้ไปไหว้พระที่พระปฐมเจดีย์ แล้วไปต่อที่ วัดหลวงพ่อบ้านแหลม ... เพื่อให้ภารกิจลุล่วงไปอีกอย่าง คนดีก็รีบจัดการทันที ได้เวลาตะลอนทัวร์อีกวัน


เพราะเมื่อวานตะลอนทัวร์ทั่วกรุงเทพฯ เลยอิดออดที่จะออกเดินทางแต่เช้า กว่าจะออกจากบ้านคนดีได้ก็จวนเจียนจะสิบโมง ... ขึ้นรถได้ก็ยังรู้สึกเหนื่อยๆ เพลียๆ ง่วงสะเงาะสะแงะ เลยบอกคนดีว่าขอหลับก่อน เพราะคนดีพอจะคุ้นเส้นทางไปนครปฐม เลยปล่อยให้คนดีขับยาวลำพัง

ราวๆ 10.45 ก็ถึง พระปฐมเจดีย์ ... ไหว้พระ ถวายสังฆทาน เดินถ่ายรูปนิดหน่อย ก็ออกเดินทางไปจุดหมายต่อไป


ใกล้ๆ 12.30 ถึง วัดเพชรสมุทรวรวิหาร หรือ วัดหลวงพ่อบ้านแหลม ... แดดร้อน คนเยอะ รถแยะ รีบดิ่งเข้าไปไหว้พระด้านใน แล้วก็เช่าพระกลับมาบูชา ... ภารกิจการบ้านของคนดีก็เรียบร้อย ก็ได้เวลาพักผ่อนเติมพลังค่ะ


ย้อนกลับไปอัมพวา ตั้งใจจะไปหม่ำข้าวแกงริมคลองอัมพวา เพราะกะว่านักท่องเที่ยวคงยังไม่เยอะ ตั้งใจจะรีบไปรีบกลับ ... ยังไม่ทันบ่ายโมงดีก็ถึงอัมพวาแล้ว แต่คนเยอะกว่าที่คาด


ตรงดิ่งไปร้านข้าวแกงที่เล็งไว้ เพราะรู้ว่าร้านนี้เปิดตั้งแต่เช้า ... เดินฝ่านักท่องเที่ยวที่ทยอยมา และร้านค้าที่ทยอยเปิด คนเยอะ อากาศร้อน เดินถึงร้านข้าวแกงก็เหงื่อซกพอดี


ได้ขนมจีนแกงเขียวหวาน กับ ข้าวราดพะแนงหมู ไข่ต้ม คนละจาน กินแกล้มกับ ทอดมันหัวปลี ... อิ่มอร่อย กำลังสบาย


กะว่าถ้าร้านกาญจนาพานิชเปิดร้านเสร็จพอดี ก็จะแวะกินปังโอวัลติน เย็นชื่นใจสักถ้วย ... แต่ร้านยังเปิดไม่เสร็จ เลยเปลี่ยนแผนไปซื้อขนมของฝากร้านประจำ ... ขนมไทยที่ร้านตรงเชิงสะพาน กลัวยเบรคแตกที่ร้านสมานการค้า ได้ของครบอย่างที่ตั้งใจก็มุ่งหน้ากลับกทม. ทันที


ตั้งใจจะเลี่ยงตลาดน้ำอัมพวายามเย็น แต่มาเจอตลาดน้ำอัมพวายามบ่ายที่ร้อนระอุแบบนี้ก็หมดแรง ... เสน่ห์ของอัมพวาน้อยลง เพราะความพลุกพล่าน วุ่นวาย ที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ... ร้านค้าเยอะขึ้น โฮมสเตย์เยอะขึ้น นักท่องเที่ยวเยอะขึ้น เดินแล้วร้อนๆ เดือดๆ ไม่สงบ เย็นเหมือนครั้งก่อนๆ


ตรงดิ่งกลับถึงบ้านคนดี มาส่งเสบียงมื้อเย็นให้ป๊า ก่อนจะงีบนอนพักร้อน เอาแรงสักงีบ ... ก่อนจะตื่นมาดูทีวี และเตรียมตัวออกไปปาร์ตี้หมูกระทะ


กลับถึงบ้านราวๆ ห้าทุ่ม ... ผ่านไปอีก 1 วัน เป็นวันที่เหน็ดเหนื่อย และหมดพลัง เพราะทั้งตะลอน และร้อนเหลือเกิน


เสาร์-อาทิตย์หน้า กลับมาภารกิจตามหาชุดขาวปฏิบัติธรรมของเราต่อ ... เตรียมตัวตะลุย เซ็นทรัลเวิลด์ ประตูน้ำ แพลทตินั่ม บางลำภู ... เฮ้อ แววว่าจะเหนื่อยอีกแล้ว

28.3.52

4 จุดช้อปปิ้ง กับ Knowing

สุดสัปดาห์อีกแล้ว เป็นสุดสัปดาห์ที่มีภารกิจมากมายรอให้จัดการ ... เพราะฉะนั้นก็ต้องควงกันตะลอนอีกแล้ว



เริ่มต้นวันแต่เช้า ออกจากบ้านเจ็ดโมงนิดๆ มุ่งหน้าไปร้านที่ติดแก๊สให้โกลดี้ ... เพราะโกลดี้มีอาการสะอึก และดับเวลารอบเดินเบาบ่อยขึ้น เลยต้องให้ช่างช่วยดูสักหน่อย ... ถ้ายังไม่ดีขึ้นคงต้องเข้าศูนย์เช็คอาการซ้ำอีกรอบ



จัดการธุระโกลดี้เรียบร้อย ก็ไปจอดโกลดี้ทิ้งไว้ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ... แล้วมุ่งหน้าไปจุดช้อปปิ้งจุดแรก "สำเพ็ง" คนดีมีภารกิจต้องไปดูของให้ลูกค้า และซื้อของทำงานนิดหน่อย ส่วนเราตั้งใจจะไปหาชุดขาว แล้วมีรายการของเล็กๆ น้อยๆ ที่อยากได้ ... ภารกิจของคนดีเรียบร้อย แต่ภารกิจของเราลุล่วงเฉพาะของเล็กๆ น้อยๆ แต่รายการหลักยกเลิกเพราะสู้อาการร้อน และฝ่าคนเยอะๆ ไปตามหาไม่ไหวค่ะ



ย้ายกลับจุดช้อปปิ้งที่ 2 "เซ็นทรัลเวิลด์" ที่จอดรถไว้ ... กลับมาหม่ำเติมพลังที่ร้าน KUU อร่อยมากๆ ค่ะ แต่คนดีแอบเคือง เพราะแกงกะหรี่ของร้านนี้ใช้เนื้อ ทำให้คนดีหม่ำด้วยไม่ได้ เลยแยกจานใครจานมัน แชร์กัน แบ่งกันชิมเหมือนเคยไม่ได้



อิ่มแล้วกะว่าจะไปเดินแพลทตินั่ม ไปลองดูว่ามีชุดขาวมั้ย แต่ก็นึกอยากดูหนัง ... ลังเลอยู่สักพัก เลยแวะไปดูรอบฉาย พอมีรอบฉายใกล้ๆ พอดี เลยตัดสินใจดูหนัง



Knowing รหัสวินาศโลก ... หนังที่เลือกดูเพราะคิดว่าเป็นหนังแนวอวสานวันสิ้นโลก ที่ต้องมีการไขปริศนาเพื่อหาทางป้องกัน ยับยั้ง มีฉากแอ็คชั่น และสเปเชียลเอฟเฟคอลังการ ... แต่ที่ไหนได้ ดูจบกลายเป็นหนังแอ็คชั่นไซไฟซะอย่างนั้น งงไปเลย



ดูจบ อึ้งๆ งงๆ รู้สึกทะแม่งชอบกล ... โดยรวมก็โอเคนะคะ แต่มีบางช่วงที่เกิดคำถาม สงสัย และไม่เข้าใจเหตุผลบางจุด คุยกับคนดีก็รู้สึกเหมือนกัน ... ทั้งที่เป็นพวกดูหนังเพื่อความบันเทิง ไม่ได้ดูแบบนักวิจารณ์ แต่ดูแล้วจะบอกว่าชอบก็พูดได้ไม่เต็มปากค่ะ



ดูหนังจบก็ย้ายไปจุดช้อปปิ้งที่ 3 "สวนจตุจักร" ... เพราะภารกิจหาชุดขาวยังไม่สำเร็จ แต่วัดที่จะไปอนุญาตให้ใส่กางเกง หรือ ผ้านุ่ง สีขาว หรือ สีสุภาพได้ค่ะ เลยนึกถึงร้านกางเกงนุ่มนิ่มที่เป็นร้านโปรด ... ได้กางเกง 3 ตัว รองเท้าแตะ 2 คู่ ส่วนคนดีได้เสื้อเชิ้ต 1 ตัว



แล้วก็เขยิบไปจุดช้อปปิ้งที่ 4 "โลตัส-ฟอร์จูน" ... เพราะคนดีจะหาซื้อของจัดชุดสังฆทาน แล้วเรานึกอยากกินส้มตำหอยดอง เจ้าอร่อยที่ฟู้ดคอร์ท คนดีเลยเปลี่ยนจากคาร์ฟูร์ มุ่งหน้าไปโลตัสตามคำขอ ... เริ่มจากหม่ำเพิ่มพลัง เดินซื้อแผ่นเกมส์ และโปรแกรม แล้วก็เข้าไปเดินเลือกของสำหรับจัดสังฆทาน



ออกจากบ้านราวๆ 7.30 กลับถึงบ้านคนดีตอน 22.45 ... ราวๆ 15 ชั่วโมง ที่ตระเวนอยู่ทั่วเมือง กับ ดูหนังอีกเรื่อง ไม่ถึงกับเหนื่อยแฮก แต่เมื่อยๆ เพลียๆ ... เดี๋ยวรุ่งขึ้นก็ออกตะลอนทัวร์กันต่อ



ใช้พลังคุ้มจริงๆ ... เหนื่อยจัง

27.3.52

สนทนายามบ่าย


พนักงานในออฟฟิศที่อยู่ด้วยกัน ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันส่วนใหญ่จะเป็นสาวๆ ค่ะ เคยมีหนุ่มๆ แวะเวียนมาทำงานด้วยบ้าง แต่ก็แยกย้ายกันไป ... จนตอนนี้เหลือแต่สาวล้วน ยกเว้นพี่เมสเซนเจอร์ และพี่คนขับรถนาย


ทำงานที่นี่มาจวนเจียนจะครบ 11 ปีเต็ม ... จากที่เคยเป็นน้องเล็ก ก็ค่อยๆ อัพเลเวลขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้จวนเจียนจะกลายเป็นรุ่นเดอะแล้ว ... ไม่เคยทำงานที่บริษัทอื่น ทำอยู่ที่นี่ที่เดียว ที่ผ่านมา เพื่อนร่วมงาน ทั้งรุ่นพี่ รุ่นเพื่อน และรุ่นน้อง สนิทสนมกลมเกลียว เฮฮาด้วยกันประจำ


ไม่ได้สนิทกันมากกกกกกกกก แบบรู้ลึกถึงไส้ทุกขด ... แต่ก็ไม่มีการแบ่งก๊ก แบ่งเหล่า แบบมี 8 คน แต่แบ่งเป็น 14 กลุ่ม ... ไม่ได้ยกขบวนไปไหนๆ แบบต้องไปครบทุกคน แต่ก็สนิทกัน ไปกันเป็นก๊วน เป็นแพ็ค ตามความสนใจ


2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา เริ่มมีกิจวัตรใหม่แบบยกแพ็คของสาวๆ เกิดขึ้นค่ะ ... นั่นคือ การสนทนายามบ่าย ค่ะ


เพราะช่วงบ่ายๆ ราวๆ บ่ายสามโมง สาวๆ จะมีเบรคทานอาหารว่าง ... เพราะช่วงเวลานั้น จะต้องมีใครสักคนที่เริ่มหิว แล้วก็แบ่งปันขนม แบ่งปันเสบียงกัน


เราเองเป็นหนึ่งในสมาชิกประจำที่มักจะหิวช่วงบ่าย บางมีเสบียงมาก็เอาขึ้นไปแบ่งสาวๆ บางทีไม่มีเสบียงก็ไปขอปันจากสาวๆ ได้ ... เพราะเรานั่งทำงานชั้นล่าง แต่สาวๆ ส่วนใหญ่นั่งทำงานชั้นบน พอเราขึ้นไปหาก็เลยแวะทักทาย พูดคุยกับสาวๆ สักพัก


พอเปิดประเด็นคุยกันสักเรื่อง เดี๋ยวสักพักสาวๆ ที่เหลืออยู่ ก็จะวนเวียนมาพูดคุย แสดงความเห็นด้วยกัน ... ต้องบอกว่า สาวๆ ออฟฟิศนี้ คุยกันทุกเรื่องจริงๆ ค่ะ


นอกเหนือจากเรื่องงานแล้ว ก็มี ... ครอบครัว ความรัก แฟน หนุ่มๆ เที่ยว กิน ช้อปปิ้ง เสื้อผ้า หน้า ผม นม จิ๊มิ๊ waxing ตรวจภายใน ชุดชั้นใน อดีตวัยหวาน ดารา บันเทิง แฟชั่น การเมือง ศาสนา ธรรมะ และ อื่นๆ มากมาย ... เรียกว่าใครเปิดประเด็น เดี๋ยวก็มีคนมาเสนอความเห็น แล้วก็รวมตัวคุยกันยาววววว


การเมือง ศาสนา ที่ใครบอกว่าคุยแล้วอาจมีปัญหา เราก็คุยกันได้ค่ะ ... เพราะความเห็นแตกต่าง ไม่จำเป็นต้องแตกแยก มองทั้งสองมุม เอาใจเขามาใส่ใจเรา ไม่ได้ยืนกรานหัวชนฝา ... แล้วมีทั้งพุทธ และอิสลาม ก็ศึกษาและทำความเข้าใจถึงความต่าง


เมื่อวันก่อนคุยกันเรื่องเที่ยว ... เมื่อวานซืนคุยกันเรื่อง เพื่อนของน้องคนนึงจะแต่งงานจะต้องเตรียมอะไรบ้าง ... เมื่อวานก็คุยกันเรื่องเข้าวัดปฏิบัติธรรม ... ช่วงบ่ายๆ กลายเป็นช่วงพักเบรค ประจำออฟฟิศไปแล้ว


เอ ... หัวข้อสนทนายามบ่ายของวันนี้ จะเป็นเรื่องอะไรน้อ

26.3.52

งานสัปดาห์หนังสือ ครั้งที่ 37


1 ในงานแฟร์งานโปรดวนมาถึงอีกแล้วค่า ... งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 37 และงานสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 7 นั่นเองค่ะ


งานครั้งนี้ มีหนังสือเป้าหมายที่เล็งไว้อยู่แค่ 2 เล่มค่ะ ... หนังสือของ 1 ในนักเขียนโปรด คุณดวงตะวัน ที่งานครั้งนี้เป็นงานหนังสือครั้งแรกที่สำนักพิมพ์ดวงตะวันจะไปออกบูธ ... มีหนังสือเล่มใหม่ จัดโปรโมชั่นพิเศษ จับคู่กับ หนังสือเรื่องเก่าแต่ปกใหม่ ในราคาแพ็คคู่ พร้อมของที่ระลึก ที่ห้อยมือถือ


ตอนแรกก็ลังเลว่าจะไปวันไหนดี ... สุดท้ายก็ตัดสินใจปุบปับเมื่อช่วงบ่าย ว่าไปเดินวันแรกเลยดีกว่า เพราะมีหนังสือที่ตั้งใจจะซื้อแค่นี้เท่านั้น ... เลยอ้อนแกมบังคับคนดีว่าเย็นนี้จะไปศูนย์ประชุมฯ


งานครั้งนี้ใช้เวลาเดินแป๊บเดียวเท่านั้น รวมเดินทางไปกลับไม่เกิน 1 ชั่วโมงครึ่ง ... เดินดิ่งไปเป้าหมายหลัก แล้วแวะสำนักพิมพ์ประจำอีกนิดหน่อย ... สุดท้ายได้หนังสือกลับบ้าน 7 เล่ม ชำระค่าเสียหายไปราวๆ 1,100 บาทค่ะ


- เมืองแมนสรวง สำนักพิมพ์ดวงตะวัน (นิยายเล่มใหม่ล่าสุด)

- แก้วรัดเกล้า สำนักพิมพ์ดวงตะวัน (นิยายเรื่องเก่า พิมพ์ใหม่)

- การ์ตูนสารคดีเสริมทักษะ ของ กบนอกกะลา 2 เล่ม สำนักพิมพ์ทีวีบูรพา (สำหรับน้องซิน)

- โลกของหนูแหวน (วัยซน) สำนักพิมพ์มติชน (สำหรับน้องซิน)

- จุดหมายที่ปลายเท้า ... ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ สุข 13 สำนักพิมพ์มติชน (เล่มใหม่ล่าสุด สำหรับคนดี)

- เที่ยวไม่ง้อทัวร์ ตีตั๋วตะลุยเวียดนาม 2 สำนักพิมพ์ TIB (ไกด์บุ๊คท่องเที่ยว ของสำนักพิมพ์เจ้าประจำ)


จริงๆ อยากได้นิยายของคุณปิยะพร ศักดิ์เกษม ด้วย แวะไปโฉบดูแล้วเหมือนกันค่ะ ... แต่ไม่ได้ซื้อ เพราะนึกถึงของขวัญวันเกิดที่ได้จากสาวๆ 4 เล่ม ที่ยังนอนอยู่ในกล่อง ยังไม่ได้เปิดอ่าน ... เลยหักห้ามใจ ยังไม่ซื้อตอนนี้ ไว้รองานหนังสือปลายปีก็ได้


แล้วก็อยากได้หนังสือให้น้องซินเพิ่ม แต่ไม่มีเวลาเดินเลือก เดินพิจารณา เลยติดไว้ก่อน ... เสาร์นี้มีโปรแกรมไปเดินสำเพ็ง ไปหาเครื่องเขียนจุกจิกเล็กๆ น้อยๆ ก่อน แล้วค่อยหาเวลาไปเดินเลือกหนังสือให้น้องเพิ่มอีกรอบดีกว่า


ถึงชีวิตจะวุ่นวายนุงนังแค่ไหน แต่พอมีงานหนังสือก็ต้องไปเดินให้ได้ ไปเดินสักแวบก็มีความสุขแล้ว ... ถึงคนจะเยอะ เพียบ วุ่นวาย ก็สู้ค่ะ

25.3.52

เตรียมตัว


เมื่อกลางเดือน คนดีแวะไปหาพี่หมอดูเจ้าประจำเพื่อจะปรึกษาเรื่องงาน เรื่องรถ เรื่องบ้าน ... เราเลยถือโอกาสถามเรื่องตัวเองด้วย เพราะครั้งแรกที่ไปหาก็ปีกว่าแล้ว ต่างจากคนดีที่ไปปรึกษาเป็นระยะ


ครั้งล่าสุดที่คนดีไปหา พี่เค้าให้การบ้านหลักคือ เข้าวัด ถือศีล ปฏิบัติธรรม ... แล้วบอกว่าให้พาเราไปด้วย แต่เราไม่สะดวก ปล่อยคนดีไปอิ่มบุญตามลำพัง


ส่วนตัวก็สนใจที่จะเข้าวัด ถือศีล ปฏิบัติธรรมเหมือนกัน ถ้าไปก็อยากไปยาวๆ 7 วันไปเลย ... เล็งปฏิทินดูแล้วก็กะว่าสงกรานต์ปีนี้เหมาะมาก เพราะน่าจะลาหยุดยาวได้


พอไปหาพี่หมอดู เปิดให้คนดีได้ซักถามพูดคุยก่อน ... พอถึงคิวเรา พี่เค้าก็ถามอะไรนิดๆ หน่อยๆ ก่อนจะถามว่า "มีเวลาว่างมั้ย" รู้ทันทีว่าจะให้เข้าวัด ถือศีลแน่ๆ เลยบอกความตั้งใจว่าจะไปช่วงสงกรานต์


พี่เค้าก็บอกรายละเอียด ระบุมาเลยว่าเป็นวัดป่า ให้ไปที่วัดชื่อนี้ ที่กาญจนบุรี แล้วต้องไปขอขมาพระรัตนตรัย ต้องพูดอะไร กล่าวอะไรบ้าง ... นั่งจดรายละเอียดจนครบถ้วน


กลับถึงบ้านก็เข้าเว็บ หาข้อมูลวัดที่พี่เค้าบอกมาทันที ... หาไม่เจอค่ะ ... แต่ก็ยังไม่ละความพยายามหาข้อมูลจากเน็ทอยู่อีกหลายวัน แล้วไปขอความช่วยเหลือจากใครๆ ที่พอจะมีคนรู้จักอยู่ที่ กาญจนบุรี ... สุดท้ายก็หาไม่เจอ แต่เจออีกวัดนึงที่เปิดอบรมปฏิบัติธรรม ที่น่าสนใจ


จนใจที่หาไม่ได้สักที วันนี้เลยโทรไปปรึกษาพี่หมอดูอีกครั้ง ว่าวัดที่ระบุมาหาไม่เจอค่ะ และกำลังจะถามว่าเปลี่ยนไปวัดที่เจอข้อมูลมานี่แทนได้มั้ย ... พี่หมอดูก็บอกชื่อวัดออกมาพอดี ที่เดียวกับที่คิดไว้และกำลังจะถามเลยค่ะ ... เลยเบิกบาน สบายใจ ที่หาวัดปฏิบัติธรรมได้แล้ว


ตอนนี้ก็เตรียมตัว เตรียมความพร้อม หาชุดขาวที่จะใช้ปฏิบัติธรรม ... ศึกษาเส้นทาง และหาข้อมูลการเดินทาง เพราะไปช่วงสงกรานต์ รถเยอะ คนแยะแน่ๆ


ส่วนคนดี ก็ได้การบ้านให้เข้าวัด ถือศีล เหมือนกัน ... แต่ต่างจากเราตรงที่ คนดีต้องไปวัดเขา ส่วนเราเข้าวัดป่า ... จากที่ตั้งใจจะไปปฏิบัติธรรมด้วยกันช่วงสงกรานต์ ก็ยังคงแผนเดิม แต่แยกย้ายกันไป


นอกจากเตรียมตัวแล้ว ก็เริ่มเตรียมใจ ทำใจให้สงบ มีสติรู้ตัวอยู่ตลอด ... ต้องระวังและคอยเตือนตัวเองไม่ให้วี๊ดปรี๊ดแตก ... เปิดอ่านเรื่องธรรมะต่างๆ บ่อยขึ้น ศึกษาข้อมูลของวัดว่าจะต้องปฏิบัติตัวยังไงบ้าง


เตรียมตัวอิ่มบุญ แล้วก็ต้องเตรียมใจห่างกัน 9 วัน ที่เราจะแยกกันไปคนละที่ด้วย ... ห่างกันเพื่อศึกษาธรรมะ ห่างกันเพื่อรักษาใจ ด้วยธรรมะโอสถ ... ยาวิเศษที่ได้จากการปฏิบัติธรรม คงทำให้เวลาที่ห่างกันคุ้มค่าแน่ๆ

24.3.52

ดูหนังที่บ้าน

หนัง หรือ ภาพยนตร์ เป็นหนึ่งในความบันเทิงที่โปรดปราน ... ทั้งดูในโรงภาพยนตร์ ทั้งดูจากแผ่น และ ดูจากเคเบิลทีวี ... ดูแบบเน้นบันเทิงจริงๆ ไม่คิดมาก ใช้ความรู้สึกล้วนๆ ว่าชอบ ไม่ชอบ ชอบมาก ชอบน้อย


ปกติชอบดูหนังในโรงภาพยนตร์ เพราะได้บรรยากาศ จอใหญ่เต็มตา เสียงกระหึ่ม ... ถ้าเรื่องไหนดูในโรงแล้วชอบ ก็อาจจะซื้อแผ่นเก็บไว้เปิดดูซ้ำ ... แต่เมื่อวันก่อนเพิ่งค้นพบข้อดีของการดูหนังที่บ้านค่ะ


บังเอิญเปิดไปเจอ I Am Legend เรื่องนี้ยังไม่ได้ดูเลยลองหยุดดูสักหน่อย ... ดูแล้วก็เพลินดี เลยนั่งดูยาวไปเลย ที่คิดว่าจะไปอาบน้ำก็พักไว้ก่อน รอให้หนังจบแล้วค่อยอาบ



มีอยู่ตอนนึง ที่ "แซม" น้องหมาของพระเอกโดนกัด เพราะพยายามจะช่วย แล้วก็จะกลายพันธุ์เพราะติดเชื้อไวรัสตัวร้าย ... สงสารน้องหมาจนร้องไห้โฮ แล้วก็สะอึกสะอื้น น้ำหู น้ำตาท่วม


ตอนนี้นี่เองที่ทำให้ค้นพบข้อดีของการดูหนังที่บ้าน คือ สามารถร้องไห้ได้เต็มที่ แบบไม่ต้องเกรงใจคนนั่งข้างๆ และไม่ต้องอายใคร ... พอเช็ดน้ำตา น้ำมูกเรียบร้อยก็นั่งดูต่อจนจบ


หนังจบก็ลุกไปอาบน้ำ ก่อนจะมาโทรกู๊ดไนท์คนดี ... ปิดท้ายด้วยการเข้านอนแบบปวดหัวตุบๆ เพราะร้องไห้เยอะไปหน่อย ยังดีที่ตื่นมาตาไม่บวม ไม่งั้นอายสาวๆ ที่ออฟฟิศแย่เลย

19.3.52

Cyber-shot ตัวที่ 3

ตั้งแต่เริ่มมีกล้องดิจิตอล ก็เป็นแฟนประจำของ Sony Cyber-shot อยู่เจ้าเดิมเจ้าเดียว ... เป็นคนที่มี Brand Loyalty สูงมากจริงๆ เปลี่ยนรุ่นใหม่ แต่ก็ยังเป็นยี่ห้อเดิม ... เหตุผลเดียวกับมือถือ คือ ใช้จนคุ้นมือแล้ว


ไม่ได้เป็นเซียนกล้อง ไม่ได้ชำนาญเรื่องการถ่ายรูป แต่ชอบถ่ายรูปเพราะอยากจะเก็บเรื่องราว และบรรยากาศต่างๆ ... เลยเลือกใช้กล้องที่ถนัดมือ คุ้นเคย ใช้ง่าย


จำไม่ได้ว่ากล้องดิจิตอลตัวแรกรุ่นอะไร แต่เปลี่ยนหลังจากใช้งานมาพอสมควร เพราะหน้าจอเล็กเหลือเกิน มองเห็นไม่ค่อยชัดเจนอย่างใจ ... ราวๆ กลางปี 2006 เลยเปลี่ยนมาเป็นรุ่น T9 หน้าจอใหญ่ขึ้น ตัวบางลง พกพาง่าย เจ้าตัวนี้ใช้คุ้มมาก เพราะพาตะลอนทัวร์ไปด้วยทุกทริป ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ... ทำไหลจากกระเป๋าสะพายบ้าง ลื่นลงมาบ้าง ถลอกปอกเปิกนิดหน่อย แต่ก็ยังสมบุกสมบัน ใช้งานได้ดี


แต่แล้วก็ถึงเวลาเปลี่ยนอีกครั้ง เพราะความบางของเครื่องทำให้มีข้อจำกัดเรื่องเลนส์ ... เลยเริ่มเก็บข้อมูล มองหากล้องดิจิตอลตัวใหม่ ... โฉบไปดูที่โซนี่อยู่หลายรอบ หยิบๆ จับๆ อยู่หลายครั้ง แต่ก็ยังไม่ตัดสินใจซื้อสักที


จนงานคอมมาร์ทครั้งล่าสุด ... คนดีไปมองหาโน้ตบุ้คเครื่องใหม่ แทนเครื่องเก่า ที่แก่ และประสิทธิภาพการทำงานเข้าถึงขีดสุด ... พอคนดีได้โน้ตบุ้คเรียบร้อย เราเลยขอโฉบไปดูที่บูธโซนี่สักหน่อย


แล้วก็เสียทรัพย์จนได้ ... ถูกใจกับซีรี่ส์ W ที่เมียงมองมานาน เลยสอย W220 สีชมพูแป๋นกลับมาเป็นสมาชิกใหม่


ที่มาภาพ (www.sony.co.th)
หุ่นหนากว่าตัวก่อน แต่ก็ไม่เทอะทะจนเกินไป หน้าจอกว้าง มองชัด สบายตา ... ที่สำคัญมีเลนส์ที่ถูกใจ ตรงกับความต้องการมากกว่าตัวเดิม ... ตอนนี้ เห่ออออออออออ สุดๆ หยิบมาลูบๆ คลำๆ เป็นระยะ แต่ยังไม่ได้พาออกไปใช้งานจริงเลย


ตัวแรกส่งมอบมรดกให้คนดีดูแล เอาไว้พกไปทำงาน ถ่ายรูปบูธ รูปร้าน เพราะถึก อึด ทน ... เจ้าตัวที่สอง ที่เพิ่งโดนลดบทบาท ไปเป็นกล้องท่าน ส.ว. (สูงวัย) ประจำบ้าน เอาไว้ให้หม่ามี้ พ่อ และคุณพิไล พกไปใช้เวลาไปเที่ยว ... ประเดิมทดลองใช้รายแรกที่คุณพิไล ที่จะไปเที่ยวญี่ปุ่นเร็วๆ นี้ ไม่รู้จะหมู่หรือจ่า จะใช้ง่าย หรือ เป็นภาระให้คุณพิไลเวียนหัวก็ไม่รู้



เจ้าตัวที่ 3 ที่เพิ่งได้มาใหม่ คงจะอยู่กันไปอีกนาน น้าน นานหล่ะค่ะ ... ว่าแต่เร็วๆ นี้ต้องหาทริป ไปประเดิมใช้กล้องใหม่ซะแล้ว

18.3.52

โลกธรรม 8

ธรรมะโอสถ เป็นยาวิเศษ ... ก็ต้องศึกษาเพิ่มเติม อ่านเพิ่มเติม แล้วเอามาเก็บบันทึกไว้เพิ่มเติม


โลกธรรม 8 หมายถึง เรื่องของโลกมีอยู่ประจำกับชีวิต สังคม และโลกของมนุษย์ เป็นความจริงที่ทุกคนต้องประสบด้วยกันทั้งนั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบก็ตาม ... ข้อแตกต่างคือ ใครประสบมาก ประสบน้อย ช้าหรือเร็ว


โลกธรรมแบ่งออกเป็น 8 ชนิด จำแนกออกเป็น 2 ฝ่ายควบคู่กัน และมีความหมายตรงข้ามกัน คือ


1. โลกธรรมฝ่ายอิฏฐารมณ์ คือ ฝ่ายที่มนุษย์พอใจมี 4 เรื่อง คือ

- ได้ลาภ หมายความว่า ได้ผลประโยชน์ ได้ทรัพย์สินเงินทอง ได้บ้านเรือนหรือที่สวน ไร่นา

- ได้ยศ หมายความว่า ได้รับแต่งตั้งให้มีฐานันดรสูงขึ้น ได้ตำแหน่ง ได้อำนาจเป็นใหญ่เป็นโต

- ได้รับสรรเสริญ คือ ได้ยิน ได้ฟัง คำสรรเสริญคำชมเชย คำยกยอ

- ได้สุข คือ ได้ความสบายกาย สบายใจ ได้ความเบิกบาน ร่าเริง ได้ความบันเทิงใจ


2. โลกธรรมฝ่ายอนิฏฐารมณ์ คือ ฝ่ายที่มนุษย์ไม่พอใจมี 4 เรื่อง คือ

- เสียลาภ หมายความว่า ลาภที่ได้มาแล้วเสียไป

- เสื่อมยศ หมายถึง ถูกลดความเป็นใหญ่ ถูกถอดออกจากตำแหน่ง ถูกถอดอำนาจ

- ถูกนินทา หมายถึง ถูกตำหนิติเตียนว่าไม่ดี มีใครพูดถึง ความไม่ดีของเราในที่ลับหลัง เรียกว่าถูกนินทา

- ตกทุกข์ คือ ได้รับความทุกข์ทรมานกายทรมานใจ


อ่านแล้วก็ช่วยเตือนใจได้เยอะ ... ได้ลาภมา ก็มีเสียลาภไปได้ ได้ยศมา ก็มีเสื่อมยศ ได้รับคำสรรเสริญ ก็ใช่ว่าจะไม่ถูกนินทา มีสุข ก็ตกทุกข์ได้ ... ล้วนเป็นธรรมดาโลก ที่มนุษย์ทุกคนต้องเจอจริงๆ

17.3.52

White Shirt & Blue Jeans

เสื้อเชิ้ตสีขาว กับ บลูยีนส์ เป็นเสื้อผ้า 2 ชิ้นคลาสสิคที่ควรจะมีติดตู้เสื้อผ้าเอาไว้ ... แต่พอหยิบมาใส่พร้อมกัน ก็ทำให้ใจกระตุกได้


รู้ตัวว่าเชิ้ตขาว กับ บลูยีนส์ ส่งผลให้ใจกระตุกตอนเป็นวัยทีน อายุสิบปลายๆ ... จำรางๆ ได้ว่าเห็นพระเอกในหนังสักเรื่อง ใส่เชิ้ตขาว บลูยีนส์ เดินลงจากรถมาหานางเอก ... โอ้โห เห็นแล้วใจกระตุก ยกมือมาแตะอก จับใจเอาไว้ - - ตายแล้ว ทำไมน่าดู น่ามอง และมองเพลินแบบนี้


นับจากนั้นเวลาเห็นใครใส่เชิ้ตขาว กับ บลูยีนส์ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง ผู้ชาย ผู้ทอม ... เป็นต้องเหลือบมอง พร้อมกับอมยิ้มนิดๆ และมีอาการใจกระตุกทุกที


ไม่ว่าจะสอดชายเสื้อในกางเกง หรือ ปล่อยชายไว้ข้างนอก จะแขนสั้น หรือ แขนยาว พับแขน หรือ ไม่พับ จะใส่กับรองเท้าผ้าใบ หรือ รองเท้าหนัง จะมีเครื่องประดับอื่นๆ รึเปล่า ... ถ้าเป็นเชิ้ตสีขาว สว่าง สะอาดตา กับ กางเกงบลูยีนส์ ดึงดูดความสนใจได้แน่ๆ



เชิ้ตสีขาว กับ บลูยีนส์ สีแบบที่ เจนนิเฟอร์ อนิสตัน ใส่นี่หล่ะค่ะ ... เห็นแล้วต้องหยุดมอง


อย่างแบรด พิทท์ รูปนี้ กางเกงสีเข้มไปหน่อย แต่ก็ทำใจแกว่งได้


หลังๆ เริ่มพบว่า เป็น T-shirt เสื้อยืด คอกลม คอวี แขนสั้น แขนยาว ก็เรียกความสนใจได้เหมือนกัน ถ้าคนใส่หุ่นดีดี ... มันดูสว่าง และ สะดุดตาจริงๆ ค่ะ


แองเจลิน่า โจลี่ ไม่ต้องมีเครื่องประดับเยอะแยะ เรียบๆ ง่ายๆ ก็น่ามอง



ฮิวจ์ แจ็คแมน หรือ วูลฟ์เวอรีน ... อกเต็มๆ กล้ามแขนแน่นๆ มองเพลินเจริญหูเจริญตาสุดๆ


จำไม่ได้ว่าเล่าให้คนดีฟังตอนไหน ว่ามีอาการแพ้ White Shirt & Blue Jeans ... แต่เวลาเจอใครแต่งตัวแบบนี้ แล้วทำให้ใจกระตุกก็มักจะบอกคนดีทุกที


ช่วงที่ยังแชร์ออฟฟิศกัน หรือ ตอนที่บริษัทคนดีย้ายไปพระราม 9 ก็ไม่ค่อยเห็นคนดีใส่เชิ้ตขาว กับ บลูยีนส์ เท่าไหร่ ... มีแต่คนอื่นใส่มาทำใจกระตุก คนข้างๆ ตัวไม่ค่อยใส่ให้เห็น


แต่พอคนดีออกมาทำงานเอง แต่งตัวได้สบายมากขึ้น วันนึงคนดีก็เดินเข้าออฟฟิศมาด้วย เชิ้ตขาว กับ บลูยีนส์ ... โอ้โห เห็นแล้วใจกระตุก ยิ้มกว้าง เลยค่ะ คนดีเองก็มองอยู่ แล้วเดินยิ้มกว้างเข้ามาเหมือนกัน


พอถามว่า "ทำไมวันนี้ถึงแต่งตัวแบบนี้" คนดีตอบว่า "ตั้งใจใส่มาทำให้ใครใจกระตุกเล่น" ... โอ้โห ร้ายไม่เบา


เมื่อสัปดาห์ก่อน หลังจากวันเกิด ก็ไม่ได้เจอกัน 2 วันเต็มๆ ... บ่ายวันศุกร์ เห็นคนดีลงจากรถ ก็ใจกระตุก ยิ้มกว้างทันที เพราะคนดีใส่เชิ้ตขาว กับ บลูยีนส์ อีกแล้ว ... เห็นแล้วมั่นใจว่าคนดีตั้งใจใส่มาทำให้ใจแกว่ง เพราะไม่ได้เจอกัน 2 วันเต็มๆ เลยตั้งใจใส่มาเรียกรอยยิ้ม


พอคนดีเดินเข้ามาเลยแกล้งโวยวายว่า "ทำไมทำแบบนี้" ... น้องที่ลงมานั่งคุยอยู่ด้วยก็ตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น พออธิบายให้น้องฟัง น้องเลยกิ๊วก๊าว แซวนิดหน่อย ก่อนจะกลับขึ้นไปทำงาน


คิดจะถ่ายรูปคนดีตอนใส่เชิ้ตขาว กับ บลูยีนส์ เก็บไว้หลายทีแล้ว แต่ก็ไม่มีโอกาส เพราะลืมทุกที ... ถ่ายเก็บไว้ได้เมื่อไหร่ จะอัดรูปใส่กรอบมาวางบนโต๊ะทำงาน เอาไว้มองเวลายุ่งๆ จะได้ยิ้มได้


คนดีไม่ได้หุ่นดี หรือ หน้าตาดีจัด อย่างตัวอย่างด้านบนทั้ง 4 ... ถึงจะมีพุงฟูๆ นุ่มๆ ไม่ได้ผอมเพรียว สูง เท่ ไม่มีกล้ามแขนเป็นมัด ... แต่เพราะเป็นคนดีคนนี้นี่แหละค่ะ ทำให้ใจแกว่งและมองเพลินมากกว่าใครๆ ทั้งนั้น


ตราบใดที่คนข้างๆ ตัวยังมองเพลิน มองแล้วยังใจแกว่ง ใจสั่น มากกว่าเวลามองคนอื่น ... พอจะการันตีได้ว่า รักเราก็ยังไม่เก่า 7 ปี ก็ยังไม่คัน ... ใช่มั้ยคะ คนดี

16.3.52

มากกว่ารัก

คนเคยเหงา เคยรู้สึกเหว่ว้า
เคยมองหาความรักนั้นมันอยู่ที่ใด
โลกใบใหญ่เหลือเกิน มีผู้คนอยู่มากมาย
แต่หัวใจมันกลับเหงาขึ้นทุกที


แต่เมื่อฉันได้พบกับเธอ
สิ่งที่เธอให้ฉันไม่รู้มันคืออะไร
โลกใบใหญ่ใบเดิม กลับไม่เคยต้องเหงาใจ
แค่ฉันนั้นยังมีเธออยู่ตรงนี้


เธอเป็นมากกว่ารัก เพราะเธอนั้นคือครึ่งชีวิต
ฉันใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อตามหา และรอคอยเธอมาแสนนาน
และสุดท้ายก็เจอว่าเธอคือทุกอย่าง ที่เติมเต็มหัวใจ
จากนี้ทุกลมหายใจฉันคือเธอ


หากว่าเธอ นั้นคือความรัก
ก็เป็นรักที่ดีจนไม่มีคำบรรยาย
ฉันโชคดีเหลือเกินที่มีเธอเดินข้างกาย
ชีวิตนั้นได้เติมเต็มสิ่งที่ขาดหาย


เธอเป็นมากกว่ารัก เพราะเธอนั้นคือครึ่งชีวิต
ฉันใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อตามหา และรอคอยเธอมาแสนนาน
และสุดท้ายก็เจอว่าเธอคือทุกอย่าง ที่เติมเต็มหัวใจ
จากนี้ทุกลมหายใจฉันคือเธอ


เธอเป็นมากกว่ารัก เพราะเธอนั้นคือครึ่งชีวิต
ฉันใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อตามหา และรอคอยเธอมาแสนนาน
และสุดท้ายก็เจอว่าเธอคือทุกอย่าง ที่เติมเต็มหัวใจ
จากนี้ทุกลมหายใจฉันคือเธอ


จากนี้ทุกลมหายใจ...ฉันคือเธอ...



ที่มาเนื้อเพลง สยามโซน.คอม (http://www.siamzone.com/)




โค้ดเพลง ติด Hi5





"มากกว่ารัก" เป็น 1ใน 2 เพลงที่เล็งไว้ว่าจะใช้ประกอบบล็อกครบรอบ 7 ปี ... ลังเลอยู่หลายรอบว่าจะเลือกเพลงไหนดี สุดท้ายก็เลือก "เธอทั้งนั้น" ไปใช้ก่อน



หน้านี้เลยเอาเพลงนี้มาลงไว้ซะเลย เพราะเป็นเพลงโปรดที่อยากให้คนดีได้ฟัง ... เพราะกว่าจะได้เจอคนดีก็ 26 เข้าไปแล้ว พอได้เจอ ได้คบกัน คนดีก็เข้ามาเติมเต็ม เข้ามาทำให้โลกใบโตๆ ที่วุ่นวาย น่าอยู่ขึ้นเยอะ



คนดีขา ... ขอบคุณนะคะ

15.3.52

: 84 : - - 7 ปีแล้ว

รู้ไหมว่ามันดียังไง และรู้ไหมว่าสุขใจเพียงใด
รู้ไหมว่าชีวิตเก่าๆ ของฉันนั้นเปลี่ยนไปเท่าไหร่
รู้ไหมว่าก่อนจะเจอเธอ รู้ไหมฉันเคยเป็นยังไง
รู้ไหมการที่ได้เจอเธอ นั้นช่างยิ่งใหญ่สักเท่าไหร่

เธอ เธอทั้งนั้นที่ทำ ให้ช่วงชีวิตของฉันน่าจดจำ จนฉันได้เจอเธอ

โลกที่เคยมองดูซึมเซา โลกที่มีแต่ความว่างเปล่า
ฟ้าทึมๆ และวันเศร้าๆ ไม่คิดว่าจะมีวันนี้ได้

เธอ เธอทั้งนั้นที่ทำ ให้ช่วงชีวิตของฉันน่าจดจำ จนฉันได้เจอเธอ

ขอบคุณสรวงสวรรค์ ให้เราได้เจอะกัน
ขอบคุณคนๆ นั้น ที่ทำให้ฉันได้พบเธอ
ขอบคุณทุกเรื่องราวต้นเหตุที่ในวันนี้ฉันนั้นได้เจอ เธอ (สุดที่รัก)


84 เดือน = 7 ปีแล้วจ้า ... จะว่าเร็วก็เร็ว จะว่านานก็นาน ก้ำๆกึ่งๆ บอกไม่ถูก แต่ที่แน่ๆ คือเรายังไม่คัน และหวังว่าคนดีคงยังไม่คันเหมือนกันนะคะ ... เพราะเค้าบอกกันว่ามีอาถรรพ์เลข 7 - The seven year itch - 7 ปีคัน


เพื่อเป็นการยืนยันว่าเรายังไม่คัน เลยเลือกเพลงของกรูฟไรเดอร์ "เธอทั้งนั้น (สุดที่รัก)" มาให้คนดี ... เป็นการการันตีว่า คนดีคนนี้คนเดียวเท่านั้น พอแล้ว ไม่ต้องการใครอีกแล้ว


จริงๆ ทุกวันที่ 15 ก็รู้สึกว่าพิเศษนิดๆ หน่อยๆ แต่นี่ครบปีก็ขอเพิ่มความพิเศษอีกนิด เพื่อขอบคุณคนดี ... ปีนี้มีเวลาประดิษฐ์ประดอย เลยเลือกเป็น "อัลบั้มรูป" ที่เก็บรวบรวมภาพถ่ายจากการตะลอนเที่ยวด้วยกัน



ตอนแรกก็คิดว่าง่าย แค่อัดรูปแล้วมาจัดลงอัลบั้ม แต่พอทำจริงๆ ยากค่ะ ... ยากตอนคัดเลือกรูปจากทริปต่างๆ เกือบ 30 ทริป ให้เหลือจำนวนจำกัด ... ยากที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการจัดวางรูปด้วย ซึ่งความคิดสร้างสรรค์ก็มีน้อย ... ยากที่ต้องแอบซุกซ่อนทำ เพราะเริ่มทำทีไร อุปกรณ์กระจายเต็มห้อง


สำเร็จเสร็จสิ้นก็จวนเจียนเต็มที ... ทำเสร็จแล้วก็ต้องห่อค่ะ แต่อัลบั้มรูปก็หากล่องใส่ยาก จะเอาโบมาแปะโดดๆ เดี่ยวๆ ก็ดูง่ายไป ... เลยมองหาอย่างอื่นค่ะ แล้วก็ไปถูกใจ กระเป๋าผ้า Naraya ใบโต ใส่ได้พอดีเป๊ะ แล้วยังเอาไปใช้ต่อได้อีก


เตรียมของขวัญชิ้นหลักได้แล้ว ก็ต้องหาของขวัญสำรองไว้ด้วยค่ะ ... เพราะถูกใจ ออมสินหมูน้อยสีชมพู เลยซื้อเก็บไว้นานแล้ว แต่จะให้แค่นี้ก็ธรรมดาไป ต้องเติมอะไรสักนิดนึง ... เลยหาเหรียญ 2 บาท แทนเราสองคน จำนวน 84 เหรียญ ตามจำนวนเดือน มาหยอดเติมลงพุงเจ้าหมูน้อย เท่านี้กระปุกออมสินธรรมดาก็พิเศษขึ้นมานิดนึงแล้ว


แต่ที่พิเศษที่สุด ดีที่สุด สำคัญที่สุดสำหรับวันนี้ ก็ต้อง "คนดี" นี่หล่ะค่ะ ... ขอบคุณ สำหรับทุกๆ เรื่อง ขอโทษ ที่เกเร งอแง งี่เง่า และ รักคนดีที่สุดค่ะ



เธอทั้งนั้น (สุดที่รัก)

13.3.52

เนื้อคู่ 11 ฉาก ... จากวันแรก ถึงวันลา


เรื่องราวชีวิตคู่ ระหว่าง "เอม" กับ "เต้" ตัวแทนความรักของหนุ่มสาวปัจจุบัน ที่ใครหลายๆ คนอาจเคยสัมผัส ผ่าน 11 ฉากของช่วงชีวิต ตั้งแต่เข้าและเธอ อายุ 16 ถึง 50 ... และร่วมค้นหาความหมายของคำว่า "เนื้อคู่" ในยุคนี้ พร้อมกับเสียงหัวเราะ รอยยิ้ม และคราบน้ำตา


จากการแอบหนีเข้าไปเที่ยวดิสโก้เธคในค่ำคืนหนึ่ง "เอม" นักเรียนมัธยม ได้พบกับ "เต้" ซึ่งเรียนอยู่มัธยมเช่นกัน ... ความสัมพันธ์ของทั้งสองเริ่มต้นขึ้น


แม้ว่า เอม และ เต้ จะเป็นหนุ่มสาวที่ดูต่างกันในทุกๆ เรื่อง แต่ทั้งคู่ก็ตกลงเป็นแฟนกันหลังจากเรียนจบ และตัดสินใจแต่งงานกัน ... เมื่อก้าวเข้าวัยทำงาน การใช้ชีวิตคู่ร่วมกันจึงเริ่มต้นด้วยความฝันอันแสนสุข แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นเช่นที่เขา และ เธอ วาดฝันไว้ เมื่อทั้งคู่ต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆ มากมาย


ที่มา ภาพ และ เรื่องย่อ http://www.rachadalai.com/


ทันทีที่เห็นข่าวละครเวทีเรื่องนี้ ก็สนใจทันที เพราะติดใจฝีมือการแสดงของ พี่นก สินจัย กับ พี่กบ ทรงสิทธิ์ ... รีบบอกข่าวต่อให้คนดีรู้ทันที คนดีก็สนใจ แล้วราคาตั๋วก็ถูกกว่าละครเวทีแบบมิวสิคัลด้วย ... เลยชวนกันไปซื้อตั๋ว ถือโอกาสเป็นการดูละครเวทีฉลองวันครบรอบไปด้วย


วันนี้เลยได้ไปเอสพลานาดต่อกันเป็นวันที่ 2 ... ไปถึงราวๆ เที่ยง แวะหม่ำที่ร้าน Mixx ก่อนจะตามด้วยไอติมแมคฯ แล้วก็ขึ้นไปนั่งรอเวลา


นักแสดงหลักไม่กี่คน นักแสดงประกอบก็ไม่เยอะมาก ฉากก็เรียบๆ ง่ายๆ แต่ฝีมือการแสดงของนักแสดงหลักทั้ง 2 คน สุดยอดจริงๆ ... คุณเหมี่ยว ปวันรัตน์เรียกทั้ง 2 คนว่า "เทพสิน" กับ "เทพทรง" เห็นด้วยอย่างยิ่ง ฝีมือการแสดงเยี่ยมมากๆ


เป็นละครเวทีที่มีทั้งเสียงหัวเราะ รอยยิ้ม และคราบน้ำตา จริงๆ ค่ะ ... คนดีบอกว่า "คนเราถ้าเป็นคู่กันแล้ว ยังไงก็คู่กัน" อย่างในเรื่องที่ช่วงรักก็รักกันหวานจ๋อย มีปัญหากันบ้าง แยกกันไป แต่สุดท้ายก็ยังกลับมาเจอกัน ช่วยเหลือ เกื้อกูลกันอยู่ดี


เนื้อคู่ 11 ฉาก จากวันแรก ถึงวันลา ... 11 ฉาก ในเวลาเกือบ 3 ชั่วโมง ที่ดูแล้วมีความสุข คุ้มค่ามากๆ ค่ะ

ความจำสั้น แต่รักฉันยาว


ความจำสั้น แต่รักฉันยาว : Best in Time ... เรื่องราวความรักของคนสองคู่ที่เวียนมาพบกันในช่วงเวลาสั้นๆ หากแต่มันกลับประทับอยู่ในความทรงจำ ซึ่งกันและกันยาวนาน



"รักที่อยากลืมกลับจำ"

เก่ง กลับมาพบกับ ฝ้าย รักครั้งแรกของเขาอีกครั้ง ... หลายปีที่ไม่ได้เจอกัน เก่งรู้เพียงว่าฝ้ายแต่งงานไปกับเพื่อนสนิทของเขา และทั้งคู่เพิ่งจะหย่ากัน ... เก่งลังเลที่จะเริ่มต้นใหม่กับรักครั้งเก่า เขาพยายามตัดใจด้วยการแกล้งทำเป็นไม่เคยรู้จักเธอ เพราะเธอเองก็จำเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ


"รักที่อยากจำกลับลืม"

ป้าสมพิศ กับ ลุงจำรัส เป็นคู่รักที่พบกันในชมรมคอมพิวเตอร์เพื่อผู้สูงอายุ ... ทุกๆอาทิตย์ลุงจะขับรถจากสวนที่ชุมพรมาเรียนกับป้าที่กรุงเทพฯ เพียงเพื่อจะได้อยู่ด้วยกันครั้งละสามชั่วโมง นั่นเพราะลูกของป้าไม่เห็นด้วยที่แม่ริมีรักใหม่ในวัยนี้ ... ทันทีที่รู้ว่าครอบครัวจะย้ายไปเมืองนอก ป้าตัดสินใจฮึดหนีลูกไปหาลุงที่ชุมพร โดยที่ไม่รู้ว่าวันและวัยเป็นอีกแรงที่กำลังพรากทั้งคู่ออกจากกัน


ที่มาของภาพ และ เรื่องย่อ : http://www.majorcineplex.com/



ตั้งแต่แรกไม่ได้มีความคิดที่จะดูหนังเรื่องนี้เลยค่ะ แม้จะเป็นหนังรักของจีทีเอช และเป็นผลงานการกำกับของคุณยงยุทธ ทองกองทุน ... เพราะไม่ชอบเป้ ยังติดภาพผมยาวรุงรังจากหนังรักสามเศร้า


แต่พอได้ดูตัวอย่างหนังแล้ว ชอบใจป้าสมพิศ กับ ลุงจำรัส ใจที่หนักแน่นว่าจะไม่ดูก็เริ่มแกว่ง ... แล้วมาเจอน้องที่ออฟฟิศเล่าให้ฟัง ว่าหนังน่ารักมาก .. จากที่ไม่สนใจเลยเริ่มสนใจเพิ่มมากขึ้น


เย็นนี้ไม่มีโปรแกรมไปลั้ลลาฉลองวันสุข (ศุกร์) แห่งชาติที่ไหน ... คนดีเลยถามว่าดูหนังมั้ย อือ ก็น่าสนใจ ไปก็ได้ เลิกงานก็ดิ่งไปเอสพลานาดที่ประจำ



หนังน่ารักมากค่ะ มีมุขให้อมยิ้ม ให้ขำได้เป็นระยะ ... แต่ที่ชอบมากๆ ก็ต้องเป็นคู่รัก สว. (สูงวัย) เล่นได้น่ารักมากค่ะ ดูไปยิ้มไป หัวเราะไป และ บางช่วงก็ยิ้มทั้งน้ำตา


ดีนะเนี่ยที่เปลี่ยนใจมาดู ... ดูหนังจบแล้ว หัวใจอุ่น อิ่ม ฟู ชอบจังเลย

12.3.52

Eyebrow treatment ครั้งที่ 4


ตั้งแต่รู้จักกับ Anastasia ก็กลายเป็นสมาชิกที่แวะเวียนไปใช้บริการประจำ ... 2-3 เดือนก็แวะไปจัดการคิ้วให้เป็นระเบียบสักที นี่ก็ครั้งที่ 4 แล้ว


จริงๆ ไม่ได้มีปัญหากับคิ้วสักเท่าไหร่หรอกค่ะ โชคดีที่หม่ามี้วาดให้ตอนเป็นเบบี๋ โตมาเลยมีคิ้วได้รูปพอดี ... ไม่เคยยุ่งกับคิ้วเลยจนกระทั่งรับปริญญา ที่ช่างแต่งหน้ากันคิ้วให้ เลยยึดโครงนั้นถอนคิ้วเองมาตลอด แต่ก็ถอนเฉพาะด้านล่างของคิ้ว ... ด้านบนปล่อยไว้ไม่กล้ายุ่ง เพราะกลัวพลาด


จนได้ยินชื่อ Anastasia จากรายการในเคเบิลทีวีก็สนใจ ... พอ Anastasia มาเปิดร้านที่เมืองไทย ก็ดิ่งไปใช้บริการทันที


ตอนแรกตั้งใจว่าจะไปให้ร้านจัดการคิ้วให้เป็นรูปสวยงามแค่ครั้งเดียว แล้วค่อยมาถอนเอง ... เพราะมีปัญหากับแนวคิ้วด้านบนที่กะไม่ถูก ต้องขอไกด์ไลน์สักหน่อย ... ไปๆ มาๆ กลายเป็นสมาชิกประจำ


ไปทำมา 4 ครั้ง ... ครั้งนี้รู้สึกพนักงานพิถีพิถันเหลือเกิน ค่อยๆ ร่างแนวคิ้ว เล็งจุดให้ชัดเจน ก่อนจะแว๊กซ์ ... แว๊กซ์แล้วก็ใช้แหนบเล็ม เก็บรายละเอียด ยุกยิกอยู่ตรงแนวคิ้วหลายจุด หลายรอบ ... ก่อนจะปิดท้ายด้วยการตกแต่ง พรางรอยแดงจากการแว๊กซ์ ... บรรจงมากจนเพลินจะเคลิ้มหลับ


แล้วก็ได้คิ้วเป็นแนวโค้งสวยงามกลับบ้าน ... ถ้าไม่อยากเสียตังค์ไปใช้บริการอีก สงสัยต้องจ้องคิ้วตัวเองทุก 3 วัน เพราะคิ้วที่ผ่านการแว็กซ์นี่ ค่อยๆ โผล่ออกมาแบบไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัวเลย

10.3.52

: My 33th Birthday :

10 มีนา วันธรรมดาที่มีความพิเศษเล็กๆ น้อยๆ ... ตอนเด็กๆ ก็ตื่นเต้นที่อยากจะให้ถึงเร็วๆ เพราะจะได้ของขวัญ จะได้กินเค้ก ... แต่พอตัวเลขอายุเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงวันเกิดแล้วกลุ้มใจค่ะ ทำไมตัวเลขมันขยับเร็วนัก ปีนี้ก็ 33 แล้ว


ปีนี้เริ่มต้นด้วย sms จากคนดีที่ส่งมาตอน 00.07 น. แล้วสักพักก็มีสายเข้ามาร้องแฮปปี้เบิร์ทเดย์ให้ฟัง ... ก่อนจะกู๊ดไนท์ แยกย้ายกันไปนอน


เช้านี้ลังเลว่าจะตื่นแต่เช้า ลุกไปใส่บาตรดีมั้ย แต่ก็เปลี่ยนใจขอนอนเต็มอิ่มดีกว่า ... นอนอิ่มๆ ทำใจร่มๆ อารมณ์ดีๆ เดินไปทำงาน


ถึงออฟฟิศก็มีเสียงอวยพรทยอยเข้ามา ... ทั้งจากสาวๆ ในออฟฟิศ จากเพื่อนมัธยม เพื่อนรุ่นพี่ และสมาชิกเก่าของออฟฟิศ ... ขอบคุณทุกๆ คนมากค่ะ ขอให้ได้พรดีๆ กลับไปเช่นกันนะคะ


ใกล้เที่ยงคนดีโทรมาบอกว่าจะแวะเข้ามากินข้าวด้วย เพราะมีสาวโทรไปตามให้มาหม่ำแหนมเนืองที่เอามาจากที่บ้าน ... ส่วนเราออกไปซื้อไก่ย่างเจ้าอร่อยใกล้ออฟฟิศมาเพิ่ม นั่งหม่ำไปได้พักใหญ่ คนดีก็มาถึง

คนดีมาพร้อมกับถุงในมือ เดินดิ่งมายื่นให้เรา พร้อมกับบอกว่า "แฮปปี้เบิร์ทเดย์จ้า" สาวๆ ที่นั่งอยู่แถวนั้นส่งเสียงกิ๊วก๊าวกันใหญ่ ... เห็นกล่องก็รู้ทันทีว่าเป็นเค้กของดิสนีย์จากเอสแอนด์พี แต่สงสัยว่าข้างในเป็นเค้กรูปอะไรน้อ


แง้มกล่องดูก็กรี๊ดกร๊าดถูกใจ เพราะข้างในเป็นเค้กรูป Stitch การ์ตูนตัวโปรด ... บัตเตอร์เค้กที่ซ่อนเม็ดชอคโกแลตไว้ข้างใน ส่วนด้านบนเป็นกระปุกใบเล็กน่ารัก ... สาวๆ เห็นก็กิ๊วก๊าวกันอีกรอบ ก่อนจะร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ทเดย์ เพื่อจะได้ทำการตัดเค้กแจกจ่ายกันทั่วหน้า


ร้องเพลงรอบแรกจบ ก็มีสาวๆ บางส่วนเดินถือกล่องของขวัญมาให้ เลยต้องแฮปปี้เบิร์ทเดย์กันอีกรอบ ... สาวๆ รวมกันหุ้นซื้อของขวัญมาให้ค่ะ เป็น Birthday wish list ค่ะ


แต่ก่อนสาวๆ ก็หาของขวัญมาให้กันเล็กๆ น้อยๆ แต่ปีนี้มีทำ Birthday wish list แปะบอร์ดไว้ ... ใครที่ชอบอะไร อยากได้อะไรก็ไปเขียนเอาไว้ค่ะ แล้วสมาชิกก็จะได้หามาให้ ... แต่ของเรานึกไม่ออกค่ะ สาวที่ทำหน้าที่รวบรวมรายการก็มาคะยั้นคะยอว่าให้คิดสักหน่อย


ตอนแรกก็นึกไม่ออกว่าอยากได้อะไร แต่แล้วจู่ๆ ก็แวบขึ้นมา ... เลยบอกไปว่า "ขอนิยายของคุณปิยะพร ศักดิ์เกษม" แล้วก็ระบุไปว่ามีเล่มไหนแล้ว ส่วนสาวๆ จะจัดเรื่องไหนมาให้บ้างก็ตามสบาย


เพราะฉะนั้นของในกล่องสีม่วง มาพร้อมโบว์สีชมพูสดใส ที่สาวๆ ถือมาให้ก็เป็นนิยายแน่ๆ ค่ะ ... มี 4 เล่ม ใต้ร่มไม้เลื้อย เรือนศิรา ใต้เงาตะวัน และ สะพานแสงคำ ... มาพร้อมกับการ์ดทำเอง ที่่ใช้เป็นที่คั่นหนังสือได้ด้วย ด้านหน้าเป็นรูปสาวๆ ส่วนด้านหลังเป็นคำอวยพรค่ะ


เอิกเกริกเฮฮา เสียงดังจนลอยไปถึงห้องนาย ... พอบ่ายโมงนายออกไปงานข้างนอก เดินผ่านลงมาเลยบอก แฮปปี้เบิร์ทเดย์ด้วย


บ่ายแก่ๆ ออกจากออฟฟิศเร็ว เพราะจะไปบริจาคเลือดค่ะ ... นี่แหละค่ะสาเหตุที่ทำให้ไม่ได้ลุกไปใส่บาตรแต่เช้า เพราะถ้าลุกไปแต่เช้าก็นอนไม่ครบ 6 ชั่วโมง บริจาคเลือดไปแล้วเดี๋ยวใจหวิว ใจสั่นค่ะ


คนดีแวะไปส่งที่ศูนย์บริการโลหิต แล้วเลยไปหาลูกค้าที่พารากอน ... เราก็เดินเข้าตึกไปตามลำพังไปตามขั้นตอนการบริจาคเลือด กรอกแบบฟอร์ม วัดความดันและความเข้มของเลือด ลงทะเบียนรับหมายเลข และขึ้นไปบริจาคเลือด


ครั้งสุดท้ายที่บริจาคก็นานแล้ว นานจนจำไม่ได้ เพราะบัตรหายด้วย ... พอไปลงทะเบียนก็ได้รับบัตรใหม่ พร้อมกับ เข็มที่ระลึก และประกาศนียบัตร ที่บริจาคเลือดครบ 16 ครั้ง ... แล้วก็ยังได้รับเหรียญจตุคาม ของ อ.ลักษณ์ ด้วย

แต่ที่ปลื้มมากที่สุดก็ตรงบัตรใบใหม่ที่ได้มาค่ะ ปลื้มข้อความบนบัตรค่ะ ... ด้านหน้าเขียนว่า "มอบของขวัญแด่ชีวิต บริจาคโลหิต ฉลองวันเกิด เฉลิมพระเกียรติพระเจ้าอยู่หัว 80 พรรษา" ... ส่วนด้านหลังเขียนว่า "I'm proud to donate blood on my Birthday สุขใจ ให้โลหิตในวันเกิด" เพราะรู้สึกภูมิใจ สุขใจ ทุกครั้งที่บริจาคเลือดค่ะ


บริจาคเลือดเรียบร้อย พักดื่มน้ำและทานอาหารว่าง ก็ย้ายตัวเองตามไปคอยคนดีที่พารากอนค่ะ ... เดินเล่นดูของไปเรื่อยๆ จนคนดีคุยงานกับลูกค้าเสร็จ ก็ย้ายไปหาร้านหม่ำฉลองเล็กๆ ค่ะ


เลือก Cafe Chilli ที่ชั้น G คนดีบอกว่าเคยมาทานกับเพื่อนอร่อยดี ลองมาดูมั้ย ... ทางร้านบอกว่าเป็น Authentic taste of northeastern cuisine เป็นอาหารอีสานแบบไฮโซหรูหราค่ะ


เครื่องดื่มมาก่อน ฟรุตพันช์ กับ มะนาวปั่น ... ส่วนอาหารมี ต้มแซ่บหมูเด้ง ส้มตำข้าวโพด ลาบแซลมอน และ หมูย่างห่อข้าวเหนียว ... อร่อยทุกอย่างเลยค่ะ โดยเฉพาะ ต้มแซ่บหมูเด้ง อร่อยมากๆ ... กินไปมีความสุขไป บรรยากาศภายในร้านก็ดี เสียอย่างเดียวตรงราคาที่สูงกระฉูด แพงเหลือเกิน


เพื่อความคุ้มค่า เราสองคนก็จัดการอาหารทุกอย่างเรียบ ... พออิ่มแล้วคนดีก็ส่งการ์ดมาให้ พร้อมกับฉลากของขวัญให้เลือก 3 ชิ้น เราจับได้ชิ้น "ไดร์เป่าผม" ก็เลยขึ้นไปใช้สิทธิเลือกไดร์เป่าผมซะเลย


พอจับได้ไดร์เป่าผมแล้วก็อยากรู้ว่าอีก 2 ใบเป็นอะไร ... คนดีก็ส่งให้เปิดดูมี "ชุดนอนสวยๆ" กับ "ทริป 3 วัน 2 คืน" เห็นตัวเลือกที่เหลือแล้ว ก็กรี๊ดกร๊าดเสียดาย น่าจะจับได้ทริป ... เลยอ้อนขอคนดีลองจับใหม่อีกทีได้มั้ย


คนดีไม่ยอมบอกว่าจับได้อันไหนก็ต้องอันนั้น เราต้องยืนยันว่าเอาของชิ้นเดิมนั่นแหละ แต่ขอลองจับดูหน่อยว่าจะได้อะไร ... คนดียอมให้ลองจับใหม่ แต่จับแล้วก็ได้ไดร์เป่าผมเหมือนเดิม กะแล้วว่าไม่มีดวง มือไม่แม่น


คนดีเลยยอมให้จับเป็นครั้งที่ 3 คราวนี้ได้ทริป ... แต่ก็ยังยืนยันของขวัญชิ้นแรกที่จับได้เหมือนเดิม เพราะไม่มีไดร์เป่าผมค่ะ คาดว่าคนดีคงรำคาญที่มาที่บ้านแล้วไม่มีไดร์เป่าผมใช้ เลยเอามาเป็นตัวเลือกสำหรับของขวัญปีนี้


กลับถึงบ้าน พ่อกับหม่ามี้ บอกแฮปปี้เบิร์ทเดย์อีกคนละที พร้อมหอมอีกคนละฟอด ... โอ้ ปีนี้ได้รับพรถ้วนหน้าเลย ทั้งจากที่บ้าน ที่ทำงาน เพื่อน และคนดี


ขอบคุณทุกๆ คน ที่อวยพรให้นะคะ ขอให้ได้รับพรดีดีที่ส่งมาให้กลับไปเช่นกันค่า ... ขอบคุณคนดี สำหรับเค้ก การ์ด และของขวัญนะคะ ... ก้าวเข้าอายุ 33 แบบมีความสุข และยิ้มได้ตลอดวันเลย

7.3.52

ฉลองวาเลนไทน์ @ Saboten


ฉลองวาเลนไทน์แบบดีเลย์ไปเกือบเดือนค่ะ ... เพราะวันวาเลนไทน์ไปตะลอนทัวร์อยู่ด้วยกันแถวระยอง - จันทบุรี ก็ถือว่าเป็นการฉลองวาเลนไทน์ไปในตัวแล้ว ... แต่ฉลองรอบนี้ เป็นการใช้สิทธิพิเศษ จาก 1 ในรายการของขวัญที่คนดีให้มาค่ะ


เย้อนไปมื่อเวลาราวๆ 00.30 น. ของวันที่ 14 ก.พ. ที่คนดีกลับจากดูงานร้านลูกค้า แล้วเรารอส่งของขวัญให้ ... พอได้รับของเราไป คนดีก็ส่งซองอั่งเปาสีแดงแจ๋ กลับมาให้ บอกว่าเป็นของขวัญวาเลนไทน์ ควบกับตรุษจีนที่ขออั่งเปาไว้


ย้อนความหลังอีกนิดไปเมื่อตรุษจีนปีก่อน ลองขออั่งเปาคนดีไปงั้นๆ แต่คนดีใจดี มีซองแดงมาให้จริงๆ ปีนี้เลยลองขอดูอีกที แต่ไม่ยักกะได้ ... ปีนี้เลยตัดพ้อว่าไม่ให้จริงๆ เหรอ ปีก่อนยังให้เลย 100-200 ก็ได้เป็นขวัญถุง


และแล้วก็ได้ซองแดง ที่มีตังค์ 200 ตามที่ขอ พร้อมรูปคู่ 1 ใบ ที่คนดีเลือกรูปที่ชอบที่สุดมาเขียนข้อความด้านหลังแทนการ์ด ... ระหว่างนั่งรถมุ่งหน้าไประยอง คนดีบอกว่า นอกจากการ์ดแล้ว ยังได้รับสิทธิเลี้ยงข้าว 1 มื้อ ร้านไหนก็ได้ พร้อมกับสปา 1 ครั้ง ที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้อีกเหมือนกัน ... มุขง่ายๆ แต่ได้ให้ของที่ถูกใจ


เพราะคนดียุ่งวุ่นวายกับงาน เราเลยไม่ได้ใช้สิทธิหม่ำข้าวฟรีสักที เพิ่งจะหาวันว่างลงตัวได้ก็เลยมาเกือบเดือน ... เราใช้สิทธิ เลือกร้านที่สนใจอยู่พักนึงตั้งแต่ร้านเพิ่งเปิด แต่ยังไม่ได้มาลอง นั่นคือ Saboten ที่ชั้น 6 อิเซตัน


สนใจเพราะเป็นอาหารชุดหมูทอด เพราะ ทงคัตสึเป็นอาหารญี่ปุ่นที่โปรดปรานตั้งแต่เด็กๆ ... แล้วที่ร้านนี้เลือกได้ว่าจะสั่ง สันนอก หรือ สันใน แล้วยังมีอาหารทอดอื่นๆ ให้เลือกด้วย ... แค่เห็นอาหารตัวอย่างในตู้หน้าร้านก็น้ำลายจะไหลแล้ว แต่ว่าราคาที่ตั้งไว้ต่อชุดก็สูงเอาการ จ่ายแพงแต่อร่อยก็รับได้


แล้ววันที่ได้ลองก็มาถึง ... เอ้อระเหยลอยชายกันจนใกล้เที่ยงถึงได้ออกจากบ้าน ตรงดิ่งไปเซ็นทรัลเวิลด์ จอดรถเรียบร้อยก็ดิ่งขึ้นไปชั้น 6 อิเซตันทันที ... เที่ยงพอดี คนเต็มร้าน หน้าร้านก็นั่งรออีกเพียบ ลงชื่อเข้าคิวแล้วนั่งรอรวมกับคนไทย คนญี่ปุ่นอีกหลายครอบครัว



ระหว่างรอก็ลองเปิดเมนูดูล่วงหน้า แล้วก็ตกลงกันว่าจะสั่งอะไรมาลองชิม ... พอถึงคิวปุ๊บ ได้โต๊ะนั่งก็สั่งอาหารได้ทันที นั่งรอสักพักเครื่องดื่มก็มาเสิร์ฟ มาพร้อมกับกะหล่ำปลีหั่นฝอยจานโตค่ะ ... กะหล่ำปลีหั่นฝอยร้านนี้ทานได้เต็มที่ค่ะ จะมีพนักงานมาเติมให้ตลอด มีน้ำสลัดงา สีขาวขุ่น หอมกลิ่นงา กับ น้ำสลัดส้มยูซุ เป็นน้ำใส สีเข้มๆ อมเปรี้ยวนิดๆ ให้เลือกทานได้ตามชอบใจค่ะ


ระหว่างรออาหารจานหลัก ก็ต้องเตรียมซอสทงคัตสึก่อนค่ะ ... ทางร้านให้ถ้วยใส่งา มาพร้อมกับไม้บดค่ะ หมุนไม้บดงาในถ้วยพอให้งาแตก และมีกลิ่นหอม แล้วก็เติมซอสในโถลงไป 3-4 ช้อน ตามชอบใจค่ะ แล้วก็คนให้เข้ากัน เป็นอันเรียบร้อย


สักพักจานหลักที่รอก็มาเสิร์ฟค่ะ ... ข้าวแกงกะหรี่คัทสึสันใน ของคนดีค่ะ เนื้อหมูสันในชุปแป้งทอดกรอบนอกนุ่มใน ราดด้วยน้ำแกงกะหรี่ญี่ปุ่น รสชาติกำลังดี ไม่ฉุน ไม่อ่อนจนเกินไป อร่อยใช้ได้ค่ะ


ส่วนของเรา ชุดพิเศษซาโบเตน ที่มีรวมมิตรของทอดให้ได้ลองชิมค่ะ ทั้งกุ้งทอด มินิคัทสึสันใน คัทสึสันนอก และ โครเก็ตครีมปู ... เสิร์ฟพร้อมกับ ข้าว และซุป ซึ่งเติมได้ตลอดค่ะ ... ของทอดทอดได้ดีค่ะ ไม่อมน้ำมัน โดยเฉพาะโครเก็ตครีมปู เนื้อในเนียนนุ่ม อร่อยดีค่ะ


จัดการของคาวอาหารจานหลักเรียบร้อย ก็ถึงเวลาของหวาน ไอติมชาเขียว ... ไอติมเนื้อเนียน เข้มข้น อร่อยดีค่ะ เป็นของหวานล้างปากได้ดี จัดการเรียบร้อยก็อิ่มพุงตึงพอดี


คนดีขา ขอบคุณนะคะสำหรับมื้ออร่อย ของขวัญวาเลนไทน์มื้อนี้ ... เหลือสปาอีกอย่างเนอะ เล็งเอาไว้แล้วหล่ะ เดี๋ยวจะนำเสนอว่าจะอนุมัติรึเปล่านะคะ

6.3.52

ถึงเวลาของ Nokia No. 6

ตั้งแต่เริ่มทำงาน เริ่มใช้โทรศัพท์มือถือก็ใช้โนเกียมาตลอด มี Brand Loyalty กับเจ้านี้สูงมาก ... เพราะใช้จนคุ้นมือ เปลี่ยนเครื่องใหม่ เมนูเหมือนเดิม ใช้ง่าย สะดวกดี


ล่าสุดก็ได้ฤกษ์ถอย โนเกีย หมายเลข 6 มาอยู่ในความครอบครอง ... ที่ได้หมายเลข 6 เพราะเป็นมือถือเครื่องที่ 6 ในชีวิตการทำงาน 11 ปี


จริงๆ สะดุดตาสนใจเจ้าเครื่องนี้ รุ่นนี้ ตั้งแต่บังเอิญไปเดินเล่นระหว่างรอเวลาดูหนัง ตั้งแต่เดือน พ.ย. ปีที่แล้ว ... เห็นปุ๊บ โดนปั๊บ เพราะสีสวยถูกใจ เข้าไปเมียงๆ มองๆ ดูรายละเอียดของเครื่อง เช็คราคา แล้วก็ตัดใจ เพราะเครื่องเดิมยังใช้ได้ ถึงแม้จะเกเร โปเกบ้าง แต่โดยรวมก็ยังทำหน้าที่เป็นมือถือรับสาย โทรออกได้อยู่


แต่ล่าสุด เจ้าหมายเลข 5 เริ่มออกอาการรวนหนักขึ้น เครื่องช้า ดีเลย์ ทั้งที่ไม่ได้เก็บข้อมูลไว้เยอะ ... เป็นเครื่องที่ซื้อพร้อมกับคนดี ใช้เหมือนกัน แต่ของคนดียังใช้งานได้ดี ไม่มีงอแงโยเยกวนใจสักนิด ทั้งที่ใช้งานหนักกว่าเครื่องของเราซะอีก


จริงๆ กะว่าจะส่งเจ้าหมายเลข 5 เข้าศูนย์ แล้วหยิบเจ้าหมายเลข 4 ที่เก็บไว้เป็นเครื่องสำรองฉุกเฉิมมาใช้แทน ... แต่เจ้านี่ก็มีอาการ เกเร งอแง อยู่บ้างตามประสาเครื่องเก่า เก๊า เก่า เลยลังเลที่จะเอาออกมาใช้ ... สุดท้ายไปเดินโฉบๆ วนๆ ดูมือถือ เห็นราคาตกลงมาแล้ว ก็น่าสนใจดี กิเลสที่เคยสกัดกั้นไว้ เลยพองฟูกลับมาอีกครั้ง


ถึงจะมีกิเลส แต่ก็ยังมีเหตุผล ถึงจะอยากได้มือถือใหม่ แต่ก็ยังเสียดายตังค์ ... สุดท้ายเลยมีผู้ท้าชิง 2 ราย 7610 Supernova นี่โดนใจอย่างแรก เพราะรูปลักษณ์และสี แต่อีกตัว 7210 Supernova ตระกูลเดียวกันก็น่าสนใจ เพราะราคาถูกกว่า บาง พกพาสะดวก

(ที่มาของภาพ Siamphone.com )

ลังเล ลังเล้ ลังเล อยู่นานว่าจะสอยตัวไหนกลับมาเป็น หมายเลข 6 ดี ... สุดท้าย อารมณ์ก็ชนะ เพราะถูกใจรูปแบบและสีม่วงนี่แหละ โดนใจตั้งแต่แรกเห็น จะให้ตัดใจง่ายๆ ได้ยังไง


แต่ก่อนจะซื้อก็ยังลังเลถึงเรื่องราคาที่ต่างกันอยู่ ... คนดีเห็นแล้วคงสงสาร เลยเอ่ยปากบอกว่า "ราคาส่วนต่างของ 2 เครื่องนี้ เดี๋ยวออกให้ก็ได้ ถือเป็นของขวัญวันเกิด" ... ได้ยินแล้วตาลุกวาว ตัดสินใจซื้อได้ทันที


แต่พอซื้อเสร็จเรียบร้อย ก็คิดได้ว่า ... ถ้าคนดีออกส่วนต่างค่ามือถือเครื่องนี้ให้ ของขวัญวันเกิดปีนี้ก็สบายอ่ะซิ คนดีไม่ต้องคบคิดให้วุ่นวาย ... โอ๊ะ เปลี่ยนใจจ่ายเองทั้งหมดดีกว่า คิดว่าซื้อของขวัญวันเกิดล่วงหน้าให้ตัวเอง แล้วให้คนดีหาของขวัญมาให้ดีกว่า ... มูลค่าไม่สำคัญ แต่สำคัญตรงที่ได้คิดไตร่ตรองก่อนจะหาของขวัญมาให้ต่างหาก


คนดีขา ... ตกลงเจ้าหมายเลข 6 เครื่องนี้เค้ารับผิดชอบเองนะ ข้อเสนอที่เสนอมายกเลิก หาของขวัญชิ้นใหม่มาให้เค้าแทนนะคะ ... อยากรู้จังว่าปีนี้จะมีไอเดียใหม่ๆ มาให้แปลกใจรึเปล่า

5.3.52

วันผิดแผน กับ ซองจดหมายสีฟ้า

วันพฤหัส ที่ 5 มี.ค. นับเป็นวันผิดแผนกระจุยกระจาย แผนทั้งหลายที่วางไว้ เปลี่ยน ยกเลิก จนงง ... มีเรื่องผิดแผนที่เป็นเรื่องดีอยู่เรื่องเดียว ก็เจ้าซองจดหมายสีฟ้านี่หล่ะค่ะ


เดิมวางแผนไว้ว่าจะไปเดินงานไทยเที่ยวไทยตอนเย็น เพื่อจะซื้อ voucher เลย ... แต่นายมาบอกเย็นวันพุธว่า จะให้นำทีมสาวๆ ไปงานวันนักข่าวแทน ... เอ้า ตายละวา เลยต้องเปลี่ยนมาเดินงานตอนกลางวัน ไปแบบรีบดิ่งรีบเดินซื้อ


ไปถึงศูนย์ประชุมก็เดินดิ่งไปตามบูธเป้าหมายที่เล็งเอาไว้ หยิบโบรชัวร์ มาเช็คราคา แล้วก็ตัดสินใจซื้อทันที ... ชัยภูมิ กับ หัวหิน ตามที่เล็งเอาไว้ 2 ที่ ครบถ้วนอย่างที่ต้องการ


ระหว่างเดินซื้อก็โทรปรึกษาคนดีเป็นระยะ พอซื้อเสร็จเรียบร้อยใกล้จะเดินออกจากศูนย์สิริกิติ์ คนดีโทรมาบอกว่า "ที่จะต้องไปติดตั้งร้านลูกค้า โคราช ขอนแก่น ยกเลิก ลูกค้าให้ส่งของเข้าคลังแทน ไม่ต้องไปแล้ว" ... อ้าว ผิดแผนอีกแล้ว ที่ลางานไว้ทำไงดีหล่ะ จะไปไหนดี แทบจะเดินกลับเข้าไปซื้อ voucher ไปเที่ยวแบบด่วนซะเลย แต่ก็ขี้เกียจเดินวนหาแล้ว เลยตรงกลับเข้าออฟฟิศ


ถึงออฟฟิศรีบเคลียร์งาน เคลียร์เอกสารเพราะไม่แน่ใจว่าตอนเย็นจะต้องออกไปงานกี่โมง ... สาวๆ ที่อาจจะต้องตามไปด้วยก็ถามว่าจะออกกี่โมง จะต้องไปกันกี่คน ... เลยโทรไปถามข้อมูลจากพี่ที่ส่งจดหมายเชิญนายมา ปรากฎว่า ยกเลิก ไม่ต้องไปแล้วค่ะ ... อ้าวผิดแผนอีกแล้ว ที่แต่งตัวเรียบร้อย แต่งหน้าพร้อม ไม่ต้องออกไปไหนแล้ว


พอเลิกงาน จะให้วนกลับไปเดินงานไทยเที่ยวไทยอีกรอบก็ไม่ไหว เพราะไม่ได้สนใจที่ไหนเพิ่ม ... งั้นกลับบ้านดีกว่า ก้าวเท้าเข้าบ้านปุ๊บ เสียงพ่อก็ดังลอยมาว่า "ได้ภาษีคืนแล้วนี่" เอ๊ะ อะไรนะคะ มาแล้วเหรอ


นี่ก็เป็นเรื่องผิดแผน เพราะเพิ่งยื่นแบบผ่านเน็ทไปเมื่อวันจันทร์ คิดว่าซองเช็คคืนน่าจะมาถึงก็น่าจะวันศุกร์-เสาร์ ... แหม วันพฤหัสฯ ซองจดหมายสีฟ้าที่รอคอย ก็มาถึงมือแล้ว ... รอบนี้ทั้งสรรพากร ทั้งไปรษณีย์ ทำงานรวดเร็วทันใจดีจริงๆ


มีเรื่องผิดแผนมาทั้งวัน ... ยังดีที่เรื่องสุดท้ายผิดแผนแบบยิ้มได้ เย้ เย้ เย้

4.3.52

ในที่สุดก็ได้ดู ... เบนจามิน บัตตัน

ห่างหายจากการดูหนังไปราวๆ 2 เดือน ... สนใจ “The Curious Case of Benjamin Button - เบนจามิน บัตตัน อัศจรรย์ฅนโลกไม่เคยรู้" ตั้งแต่ได้ยินเรื่องย่อจากที่ไหนสักแห่ง แล้วก็ตั้งใจว่าจะดูให้ได้



พอรู้ว่าหนังได้เข้าชิงออสการ์ก็ยิ่งน่าสนใจ น้องที่ออฟฟิศไปดูมาก็บอกว่าคุ้ม ... โอ๊ย อยากดูใจจะขาด แต่กว่าจะจัดสรรเวลาไปดูได้ หนังก็จวนเจียนจะลาโรงเต็มที


เลือกเอสพลานาดใกล้บ้านเหมือนเดิม หลังจากนัดกับคนดีเรียบร้อยว่าจะไปดูหนังกันแน่ๆ ก็โทรจองตั๋วหนัง ... คนดีมาถึงตอนบ่ายๆ ต่างคนต่างวุ่นกับงาน พอเลิกงานก็ดิ่งไปโรงหนังทันที


รับตั๋วที่จอง แวะหม่ำทาโกะยากิเจ้าอร่อย ตามด้วยไอติมซอฟท์ครีมชาเขียว เดินเล่นอีกนิดนึง ... ก็ได้เวลารับชมความบันเทิง


“ผมเกิดมาในสภาวะที่ไม่ปกติ”



และนั่นเป็นการเริ่มต้นของภาพยนตร์เรื่อง “The Curious Case of Benjamin Button” ซึ่งดัดแปลงจากเรื่องราวของ เอฟ สก๊อต ฟิทซ์เจอราลด์ในปี 1920 ... ชายที่เกิดมาด้วยวัยแปดสิบและย้อนอายุถอยหลัง เขาก็เหมือนเราทุกคนที่ไม่สามารถหยุดเวลาได้ ... จากนิวออร์ลีนส์ในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 1 ในปี 1918 จนถึงศตวรรษที่ 21 กับการเดินทางที่ไม่ธรรมดาที่สุดเท่าที่คนๆ หนึ่งจะเป็นไปได้


ภาพยนตร์บอกเล่าเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ของชายผู้ที่ไม่เหมือนคนทั่วไป และผู้คนกับสถานที่ๆ เขาได้ค้นพบในช่วงชีวิตเขา ควมรักที่ได้พบพานและสูญเสียไป สีสันความสุขแห่งชีวิตและความโศกเศร้าแห่งความตาย และสิ่งที่คงอยู่เหนือกาลเวลา


ถึงความยาวของหนังจะนาน แต่ดูเพลิน ไม่เบื่อ ไม่รู้สึกว่าเมื่อไหร่จะจบสักที ... ดูแล้วรู้สึกอิ่มเต็ม คุ้มค่ากับค่าตั๋วที่จ่ายไป


ดูไปก็นึกถึงคำพูดของสาวหมวยคู่หูบิวตี้ ... สาวหมวยบอกว่า เดซี่ตอนอายุ 20 หน้าเนียนกิ๊ง สวยเหมือนกระเบื้องพอร์ซเลน แล้วเบนจามินตอนอายุ 20 ก็หล่อบาดใจเหลือเกิน ... พอดูหนังแล้วเห็นด้วยทุกคำพูด แบรด พิทท์ หล่อจนใจกระตุกจริงๆ ค่ะ



สมแล้วที่คว้าออสการ์มาได้ 3 รางวัล ... กำกับศิลป์ยอดเยี่ยม แต่งหน้ายอดเยี่ยม และ เทคนิคพิเศษยอดเยี่ยม ... คุณค่าที่คู่ควรจริงๆ


ตอนนี้เลยนึกอยากดู Sluumdog Millionaire, The Reader และ Milk ซึ่งเป็นหนังที่เข้าชิงออสการ์ด้วย ... แต่จะจัดเวลาไปดูได้รึเปล่าน้า

3.3.52

เตรียมตัว ... ไทยเที่ยวไทย


งานไทยเที่ยวไทยครั้งที่ 15 จะมาถึงแล้วค่ะ 5-8 มี.ค. ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ที่เดิม ... ตั้งแต่จับผลัดจับผลูไปเดินครั้งนึงเมื่อ 3 ปีก่อน ก็ติดหนึบหนับไม่เคยพลาดเลยสักครั้งเดียว


แรกๆ ก็เดินแบบไม่มีจุดหมาย งงคน งงบูธ งงโบรชัวร์ แต่ประสบการณ์ก็สอนให้เราฉลาดขึ้น ... ด้วยการ วางแผนไปเดินเก็บโบรชัวร์ตั้งแต่เที่ยงวันแรก เอามาคัดตัว แล้วค่อยกลับไปซื้อ


แต่งานครั้งนี้ใช้แผนเดิมไม่ได้แล้วค่ะ เพราะมีวันว่างวันเดียว คือวันพฤหัส ... ศุกร์-เสาร์ ตามคนดีไปดูติดตั้งร้านลูกค้า ที่โคราชกับขอนแก่น ... อาทิตย์ หม่ามี้นัดจะตะลอนไปธุระที่ชัยภูมิ


ตอนรับนัดทั้ง 2 คน ก็ลืมไปเลยว่าตรงกับงานไทยเที่ยวไทย ... แล้วจู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ ออกอาการวี๊ดว๊ายกระตู้วู้ ตายละวา จะทำยังไงดี ไม่ได้แล้ว เหลือวันเดียวก็ต้องไปให้ได้ ... วางแผนแวบไปสอยโบรชัวร์ตอนเที่ยง แล้วเย็นค่อยกลับไปซื้อ


มาลองคิดๆ ดู ว่างานครั้งนี้ มีจุดหมายที่เล็งไว้แค่ที่เดียว จะไปดูทุ่งดอกกระเจียวที่ชัยภูมิ ซึ่งก็มีบูธเจ้าประจำที่มาออกบูธให้เห็นอยู่เจ้าเดียว ... เลยคิดว่าจะเหนื่อยไป 2 รอบทำไม ตัดสินใจไปดูรอบเย็นรอบเดียวก็น่าจะพอ


แต่แล้ว กิเลสก็ผุดโผล่ขึ้นมาอีก ... เพราะอยากจะดูแพคเกจของหัวหินถิ่นประจำสักหน่อย เพื่อมีโปรโมชั่นน่าสนใจ ราคาคบได้ ก็จะได้สอยมาอีกสักที่ ... แต่เป็นความคิดที่คิดเองลำพัง ยังไม่ได้คุยกับคนดี เพราะยังมีแพคเกจของหัวหินจากงานครั้งก่อนเหลืออีก 1 อัน ... เกรงว่าถ้าคุยไปอาจจะโดนห้ามปรามได้


เลยตัดสินใจไม่บอก กะว่าไปดูราคา ดูโปรโมชั่นก่อน ถ้าน่าสนใจก็สอยมาเลย สอยมาแล้วคนดีจะว่าอะไรได้ ... พอมีหัวหินเพิ่มเข้ามาอีก 1 ที่ เลยต้องเตรียมตัวล่วงหน้าค่ะ ลิสท์รายชื่อที่พักที่สนใจอยากจะไปเอาไว้ แล้วเปิดเว็บหาข้อมูล เช็คราคาเปรียบเทียบล่วงหน้าไว้ก่อน ถ้าราคาคบได้ อยู่ในเกณฑ์ที่ตั้งไว้ ก็สอยซะ ... สอยมาแล้ว คนดีก็ต้องเลยตามเลยไปด้วย

ถึงจะเจ้าเล่ห์ แต่ก็ต้องคำนึงถึงคนดีด้วย ... เลยลองหยั่งเชิงถามคนดีดูว่า ถ้ามีที่พักหัวหินน่าสนใจจะสอยมาเพิ่มอีกสักที่ได้มั้ย ... คุยกันผ่านเอ็มเอสเอ็น คนดีตอบมาสั้นๆ ว่า "ไม่ได้" กำลังจะจ๋อยแล้วค่ะ แล้วก็มีข้อความขึ้นตามมาว่า คืนเดียวไม่ได้ ขอเป็น 2 คืน ... เห็นปุ๊บยิ้มหน้าบาน ถามย้ำขอความมั่นใจว่าอนุมัติจริงๆ นะ พอได้คำตอบยืนยันก็ยิ้มกว้างเลยค่า


เตรียมตัวเรียบร้อยแล้วค่ะ ข้อมูลพร้อม รอให้งานเริ่มแค่นั้น ... วันพฤหัสนี้ก็จะรู้ว่าจะได้แพคเกจติดมือกลับมากี่ที่

2.3.52

เริ่มเดือนมีนา ด้วยการยื่นแบบภาษี


ถึงเวลายื่นแบบ ภงด.91 ทำหน้าที่พลเมืองไทยที่ดีแล้วค่ะ ... จริงๆ ก็อยากจะยื่นแบบตั้งแต่ต้นปี แต่เพิ่งได้เอกสารประกอบการยื่นแบบครบถ้วน


จริงๆ ก็ไม่ได้ใช้เอกสารอะไรมากหรอกค่ะ แต่รอสำนักงานบัญชีสรุปรายได้และส่งหนังสือหักภาษี ณ ที่จ่ายมาให้ ... ซึ่งเพิ่งส่งมาเมื่อสัปดาห์ก่อน


แล้วก็รอหนังสือรับรองการชำระเบี้ยประกัน จากบริษัทประกัน ... พอดีปีที่แล้วมีปรับกรมธรรม์นิดหน่อย เบี้ยประกันเพิ่มเล็กน้อย ตัวเลขเลยเปลี่ยนไปจากปีก่อนๆ ... พอได้หนังสือมาก็ทำการยื่นแบบทันที


จิ้มเข้าไปยื่นแบบผ่านอินเตอร์เน็ทเหมือนเดิม ใช้เวลาแป๊บเดียว ก็ยื่นแบบเสร็จเรียบร้อย ... แล้วก็รอรับเช็คคืนภาษี อยากรู้จังว่าปีนี้จะเดินทางมาถึงมือรวดเร็วแค่ไหน


ระหว่างรอยื่นแบบของตัวเอง เมื่อพฤหัสที่แล้วที่ได้หนังสือหักภาษี ณ ที่จ่าย ... ก็ไปเดินให้คำแนะนำน้องๆ ที่ไม่มีเอกสารประกอบอื่นๆ กับ น้องที่มีตัวเลขครบถ้วนแล้ว


เดี๋ยวโต๊ะนั้นเรียก เดี๋ยวโต๊ะนี้เรียก เลยบอกว่าใจเย็นๆ เดี๋ยวเดินไปดูให้ แต่ถ้าใครที่ได้ภาษีคืน ขอค่าที่ปรึกษา 1% จากยอดเงินคืนได้มั้ย ... ตอนแรกน้องๆ ก็งงว่า 1% นี่เยอะน้อยแค่ไหน แต่พอลองคำนวณให้ดู คนที่ได้เงินคืนก็ยิ้มหน้าบาน บอกสบายมาก แถมทิปให้ด้วย


สมาชิกกลุ่มแรกที่ยื่นแบบไปวันพฤหัส ตอนนี้ก็รอลุ้นอยู่ว่า ใครจะได้รับซองเช็คคืนภาษีเป็นรายแรก ใครจะต้องยื่นเอกสารประกอบเพิ่มเติมรึเปล่า ... ส่วนเราเพิ่งยื่นวันนี้ ก็รอเช็คว่าจะต้องยื่นเอกสารเพิ่มมั้ย ถ้าเอกสารเรียบร้อย ก็นับวันรอเช็คคืนได้เลย


เช็คคืนภาษียังเดินทางมาไม่ถึง แต่วางแผนใช้เงินไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ ... จะเอาไปสอยหนังสือจากงานสัปดาห์หนังสือปลายเดือนนี้หล่ะค่ะ