30.12.52

ปาร์ตี้ปีใหม่ กับ บ้านคนดี

กลายเป็นธรรมเนียมช่วงปีใหม่ไปแล้ว ที่คนดีชวนพี่ๆ น้องๆ จัดปาร์ตี้ปีใหม่เล็กๆ กัน ... นัดรวมตัวญาติๆ กินข้าวด้วยกัน จับสลากแลกของขวัญกันนิดหน่อย


ปีนี้เลือกวันที่ 30 ธันวา สถานที่ สนามหน้าบ้านพี่ชายคนดี ... คนดีนัดสมาชิกไว้ตอนสี่โมงเย็น รวมตัวตรงไปทยอยทำอาหารเล็กๆ น้อยๆ กันก่อน ... โซ้ยอี้รับหน้าที่แม่ครัวมือเอกเหมือนเคย ทั้งทำกับข้าวบางส่วน และเตรียมเครื่องไว้ช่วยกันทำเพิ่มเติม


เมนูวันนี้มี สุกี้น้ำหม้อใหญ่ แป๊ะซะ ปลานิลเผา กุ้งเผา ลูกชิ้นปิ้ง หมูย่าง ไส้กรอกย่าง ... สุกี้น้ำต้มไปกินไป ส่วนแป๊ะซะ โซ้ยอี้ปรุงน้ำแกง กับทอดปลามาเรียบร้อยแล้ว แค่อุ่นน้ำแกงให้เดือดแล้วเติมผักกระเฉด แล้วกินไปเรื่อยๆ ผักจะได้ไม่เหนียว ... ส่วนรายการอื่นๆ ก็ช่วยกันปิ้งๆ เผาๆ


รายการอาหารดูเหมือนน้อย แต่ปริมาณไม่น้อยค่ะ กินกันไป คุยกันไป พักใหญ่ก็เริ่มพุงตึง ... ปิดท้ายด้วยขนมหวาน เค้กนมสดของกาโตว์ อิ่มกันถ้วนหน้า


อิ่มแล้วก็มีกิจกรรมสนุกสนานร่วมกันนิดหน่อย พอให้ได้เฮ ได้ลุ้น ... ก่อนจะปิดท้ายด้วยการจับสลากแลกของขวัญ ปีนี้กำหนดของขวัญไว้ที่มูลค่าไม่ต่ำกว่า 200 บาท ใครสนใจจะจับสลากก็เตรียมของมา


เราเตรียมตะกร้าสานสีสดใส แล้วจับได้ตุ๊กตาของน้องชายคนดี ส่วนตะกร้าของเรา คนดีได้ไปครอบครอง ... ส่วนคนดีเตรียมของไม่ทัน เลยใช้เงินสด แล้วจับแผ่นอะคริลิคที่เหลือจากชิ้นงานลูกค้ามาประกบ แล้วห่อให้สวยงาม ... น้องสาวคนเล็ก (ลูกพี่ลูกน้อง) จับได้ ดีใจน่าดู


ดูเหมือนกิจกรรมไม่มาก แต่กว่าจะเลิกปาร์ตี้เล็กๆ ได้ก็ปาไปสี่ทุ่มกว่า ... กว่าจะกลับถึงบ้านคนดีก็ห้าทุ่มได้ ไม่เหนื่อย ไม่เพลีย แต่ต้องรีบเข้านอนเพราะพรุ่งนี้เราสองคนต้องออกเดินทางกันแต่เช้า


จะรีบไปส่งท้ายปีเก่าที่ไหนแต่เช้า ตามได้ที่บล็อกหน้าต่อไปค่ะ

29.12.52

ปาร์ตี้สละโสด

1 สาวในออฟฟิศ มีกำหนดสละโสดช่วงต้นเดือนมกราค่ะ ... เป็นข่าวดีที่ทำให้สาวๆ ในออฟฟิศ กรี๊ดกร๊าด วี้ดว้าย ร่วมยินดีปรีดาไปด้วย



ตอนไปงานเลี้ยงปีใหม่ของออฟฟิศ นายบอกว่า ถือโอกาสเป็นปาร์ตี้สละโสดไปด้วยแล้วกัน สนุกให้เต็มที่ ... พวกเราก็เฮฮากันเต็มที่ แต่สาวๆ หลายคนบอกว่ายังไม่จุใจค่ะ เพราะยังร้องเพลง ยังเต้น ยังเฮไม่เต็มที่ เครื่องเสียงไม่ค่อยดี ไม่ถูกใจ รายชื่อเพลงก็หายากไปนิด ... เลยมีการชวนกันว่าเราน่าจะไปคาราโอเกะสักรอบ



วทจส. (ว่าที่เจ้าสาว) เลยเสนอว่า ขอให้รีบไปก่อนจะแต่งงาน เพราะทางยังสะดวกอยู่ ถือโอกาสเป็นปาร์ตี้สละโสดแบบเป็นทางการเลยแล้วกัน ... เมื่อ วทจส. ขอมา เราก็จัดให้ค่ะ รีบเช็คคิวสาวๆ ทันที



พอได้ยินคำชวนว่า "ปาร์ตี้สละโสด" ... หมวยบีก็เสนอไอเดียขึ้นมาทันทีว่า "เราน่าจะมีหนุ่มหุ่นล่ำๆ กล้ามแน่นๆ พร้อม six pack มาเต้นโชว์เหมือนปาร์ตี้สละโสดของฝรั่งบ้างเนอะ" ... วทจส. ได้ยินไอเดียนี้ก็พยักหน้าหงึกหงักทันทีค่ะ



แล้วมหกรรมการตามหา หนุ่มนักเต้นหกห่อ (six pack นั่นหล่ะค่ะ) ก็เริ่มต้นค่ะ ... ทั้งเจ้าสาว และเพื่อนๆ เจ้าสาว ช่วยกันเสาะหาข้อมูล เช็คกับคนรู้จักทั้งหลายว่ามันจะเป็นไปได้มั้ย



อยากได้หนุ่มนักเต้นหุ่นดีสักคนมาเต้นโชว์กล้ามท้องสร้างสีสันในหมู่สาวๆ สักเพลง สองเพลง จะหาได้จากที่ไหน ยังไง ค่าจ้างเท่าไหร่ ... สาวๆ อยากจะกลายร่างเป็นเจ๊ แจกทิปค่ะ



เพราะคิดไอเดียปาร์ตี้สละโสดกระชั้นชิดไปนิด เลยหาหนุ่มหกห่อไม่สำเร็จค่ะ ... จริงๆ ก็หาได้นะคะ แต่ค่าตัวสูงเกินงบที่กะกันไว้ เราเลยจำใจต้องปัดไอเดียนี้ทิ้ง เหลือแต่คาราโอเกะอย่างเดียวค่ะ



และเป็นวันในสัปดาห์สุดท้ายของปี สมาชิกสาวๆ บางส่วนลาหยุดยาวแล้ว เลยเหลือสมาชิกคาราโอเกะกันแค่ 6 ชีวิต ... แต่ถึงจะมีกันแค่ 6 คน เราก็เฮกันได้ค่ะ



ไปใช้บริการ ผักสดหมูอร่อย เหมือนเดิม ... เพราะอยู่ใกล้ออฟฟิศ เครื่องเสียงใช้ได้ ที่สำคัญอาหารอร่อย ... เลิกงานปุ๊บก็ดิ่งไปทันทีค่ะ ถึงแม้จะจ๋อยไปนิดที่หาหนุ่มหกห่อไม่ได้ แต่เราก็ยังพร้อมจะสนุกค่ะ



ปิ้งๆ ย่างๆ กันอย่างเมามัน พอท้องอิ่มเต็มที่ ก็พากันสละโต๊ะ สละเตา ไปประจำอยู่ตรงโซฟาหน้าทีวี แล้วคว้าไมค์ติดมือ ... กระหน่ำเลือกเพลง ช่วยกันร้อง ช่วยกันเต้นอย่างสนุกสนานค่ะ



พอนาฬิกาเดินมาใกล้เที่ยงคืน ก็ได้เวลาวงแตกแยกกันกลับบ้านค่ะ เพราะวันรุ่งขึ้นวันสุดท้ายของการทำงานในปีนี้ค่ะ ... ปาร์ตี้สละโสดต้องปิดลงแบบสนุก แต่แอบเสียดายกันนิดหน่อยค่ะ ไว้รองานหน้า มีสาวคนไหนในออฟฟิศจะสละโสดอีก เราจะจัดปาร์ตี้สละโสดให้แต่เนิ่นๆ ค่า

27.12.52

เที่ยวสุพรรณ กับ บ้านคนดี

ปีนี้ไปสุพรรณฯ บ่อยมากกกกกกกกกกกกกกกก ตั้งแต่ต้นปีมานี่ไปสุพรรณราวๆ 3-4 หนแล้ว ... หนนี้คนดีขอจัดทริปพาที่บ้านไปไหว้พระ และหม่ำของอร่อยค่ะ


ตั้งใจจะออกเดินทางตั้งแต่ 8 โมง แต่ก็มีเหตุให้ล่าช้าไปสักหน่อย ... สมาชิก 9 คน รถ 2 คัน ขับตามกันไปมุ่งหน้าตรงไป วัดป่าเลย์ไลก์เป็นจุดหมายแรกค่ะ


ไหว้พระ ขอพร เสี่ยงเซียมซี เรียบร้อยถ้วนหน้า ก็ยกพลเคลื่อนขบวนไปหม่ำของอร่อยค่ะ ... จุดหมายของมื้อเที่ยงวันนี้ จะเป็นร้านไหนไปได้ ถ้าไม่ใช่ "เล็กเสี่ยวหงส์" เจ้าประจำ ... ถึงจากวัดป่าเลย์ไลก์ไปตลาดท่าช้างจะค่อนข้างไกล คนดีก็ตั้งใจจะพาสมาชิกไปชิมค่ะ


ไปถึงร้านได้ก็จัดการสั่งอาหารคุ้นเคย วุ้นเส้นผัดไทย ปอเปี๊ยะสวรรค์ ลูกชิ้นปลากรายลวกจิ้ม เต้าหู้น้ำแดง ผัดผักรวมมิตร ปลากระพงทอดกระเทียม อย่างละ 2 จาน สำหรับ 9 คน ... เรียบเกลี้ยงทุกจานค่ะ


(มากับสมาชิกบ้านนี้ มัวแต่ถ่ายรูปอาหารไม่ได้ค่ะ เลยไม่มีภาพนะคะ)


กินกันอิ่มท้องเรียบร้อย ก็ไปจุดหมายประจำของเมืองสุพรรณฯ "ตลาดสามชุก" ค่ะ ... จริงๆ สมาชิกที่บ้านคนดีบางส่วนเคยมาเดินแล้ว แต่มาตั้งแต่ตอนที่ยังไม่บูมเท่านี้ ทั้งร้านค้า และนักท่องเที่ยว ยังไม่คึกคักหลากหลายเท่านี้


เดินวนไปวนมานิดหน่อย พอได้ขนม อาหาร ติดไม้ติดมือกลับมาเล็กน้อย ... ก็ยกขบวนกลับบ้านค่ะ


เป็นทริปสั้นๆ ง่ายๆ ไม่มีภาพประกอบใดๆ ค่ะ เพราะไปที่เดิมๆ กินร้านอาหารเดิม เดินเที่ยวที่เดิม ... จริงๆ คนดีมีแผนจะพาที่บ้านไปเที่ยวจุดอื่นๆ เพิ่มนะคะ แต่เวลาไม่พอค่ะ เลยเก็บไว้ก่อน ไว้คราวหน้ามาใหม่


คาดว่าแก๊งค์ลูกหมู คงจะได้กลับมาสุพรรณฯ อีกรอบ แน่ๆ ค่ะ ... ตกลงกันว่าจะพาบีหมวยมาทำภารกิจ การบ้านจากพี่หมอดูที่ยั

ติดค้างอยู่ค่ะ

26.12.52

My Best Friend's Wedding

ไม่ใช่ชื่อหนังนะคะ แต่เป็นงานแต่งงานของเพื่อนสนิทสมัยมัธยมค่ะ ... หลังจากที่ นัดรวมตัว เพื่อให้ วทจส. (ว่าที่เจ้าสาว) แจ้งข่าวให้เพื่อนๆ รับทราบโดยพร้อมเพรียงกันไปแล้ว


วันงานก็มาถึงแล้วค่ะ ... 26 ธันวาคม 2552 วันที่ต้องลงบันทึกเป็นหน้าประวัติศาสตร์ของสมาชิก สถร. เพราะเพื่อนขายออกอีกคนแล้ว ... หลังจากที่คนก่อนขายออกไปเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว


วทจส. ระบุขอโทนสีเสื้อมาเป็น "ชมพู-ทอง" แต่พอไปถึงในงานกลับเจอซุ้มดอกไม้ต้อนรับเป็นสีเหมือนธงชาติซะอย่างนั้น ... มันชมพู-ทอง ตรงไหนคะคุณเพื่อน

ด้วยความดีใจเพื่อนจะแต่งงาน กะเวลาออกจากบ้านเร็วไปนิด ไปถึงหน้าห้องจัดงานตั้งแต่ไฟยังไม่เปิด ... ชะเง้อชะแง้ สำรวจหาโต๊ะ STR เจ้าสาวบอกว่า มีโต๊ะเพื่อนเจ้าสาว 2 โต๊ะ มัธยม 1 อุดมศึกษา 1 ... ที่เหลือเป็นแขกของพ่อ แม่ และ เจ้าบ่าว


นั่งรอจนเจ้าสาว-เจ้าบ่าวลงมารับแขก ทักทายกัน ลงทะเบียน ก่อนเข้าไปนั่งสังเกตการณ์ข้างใน รอเพื่อนๆ ทยอยตามมา ... สมาชิกที่มาก็มีอยู่ไม่กี่ราย เพื่อนน้อยจริงนิ


มาถึงก็รวมตัวถ่ายรูป เม้าท์ และเริ่มกินตามสเต็ปโต๊ะจีน ... โต๊ะจีนสำหรับ 10 คน แต่มีคนนั่งอยู่แค่ 8 กินกันอิ่มหนำสำราญถ้วนหน้า อาหารอร่อย เยี่ยม

กินๆ เม้าท์ๆ จนได้เวลาพิธีการ เจ้าสาว-เจ้าบ่าว ขึ้นเวที พูดคุย ทักทาย เปิดพรีเซนเทชั่น ... นั่งดูไป ก็ขำกันไป เพราะวันนี้เป็นวันที่เพื่อนสวยที่สุดตั้งแต่รู้จักกันมา 20 กว่าปี และคงจะสวย หวาน แค่วันนี้วันเดียว ... เพราะวันปกติ ก็ห้าว ลุยเหมือนเดิม


ดีใจที่เพื่อนมีคู่ชีวิต มีคนอีกคนที่จะคอยดูแลกันและกัน และเริ่มต้นชีวิตในอีกเส้นทางนึง ... รักกันมากๆ รักกันนานๆ นะจ๊ะ


และเพราะดีใจที่เพื่อนแต่งงาน ซึ่งนานๆ มีสักคน เพราะฉะนั้นก็ต้องแต่งหน้า แต่งตัวให้ครบสูตร ... เสื้อผ้า หน้า ผม พร้อม ... พร้อมจนดูอลังการเกินหน้าเกินตาเพื่อน


จริงๆ ชุดเรียบ เครื่องประดับง่าย แต่ผมที่พี่หนึ่ง ณ แฮร์ โอลิมปิค ช่างประจำ จัดการเนรมิตให้ ... ทำให้ สวยขึ้น และอลังการเหลือเกิน แต่ถึงจะดูอลังการเกินแต่ก็มั่นใจค่า นานๆ จะได้แต่งสวยสักทีนี่นา

24.12.52

Red & Green Party

ตามธรรมเนียมของออฟฟิศ ที่จะมีปาร์ตี้อำลาปีเก่า ยิ้มรับปีใหม่ ... ปีที่แล้วไปเฮฮากันไกลถึงหัวหิน กับ ธีม "คัลเลอร์ฟูล" ... แล้วปีนี้หล่ะ อะไร ยังไง ที่ไหน เมื่อไหร่


น้องๆ ผลัดกันเวียนมาถามว่าจะมีปาร์ตี้มั้ย มีเมื่อไหร่ เราเองก็ตอบไม่ได้ เพราะนายไม่อยู่ นายลาพักยาววววววว ไปยุโรป ... เราเลยคิดกันว่า สงสัยจะเป็นหลังปีใหม่


แต่พอนายกลับมาถึง วันรุ่งขึ้นออกไปประชุมด้วยกัน นายก็ถามว่าเราจะมีปาร์ตี้เมื่อไหร่ดี ... อ้าววววววว

เลยรีบเช็คคิวสาวๆ ว่าใครลาหยุดวันไหนบ้าง เพื่อจะเลี่ยงวันลา สมาชิกจะได้พร้อมหน้า ... สรุปลงตัวที่ 24 ธันวาคม คริสต์มาสอีฟพอดี


ได้วันแล้วก็รีบหาร้านอาหารเป็นอันดับแรก เพราะตรงกับช่วงเทศกาล คนคงเยอะ ... สาวๆ ช่วยกันหาร้านจนมาลงตัวที่ "โอยั๊วะ" ตรงเกษตร ที่มีห้องคาราโอเกะว่างพอดี


ปาร์ตี้ปีนี้ ค่อนข้างกระชั้นชิด เวลาเตรียมตัวน้อย เลยต้องเลือกง่ายๆ ... ไหนๆ ก็ตรงกับคริสต์มาสอีฟ เลยเลือก "แดง-เขียว" แบบสีของเทศกาลคริสต์มาสเลยแล้วกัน


18.00 น. สมาชิกทยอยกันมุ่งหน้าไปที่ร้านค่ะ บรรยากาศร้านดี แต่ห้องคาราโอเกะไม่ค่อยประทับใจ เครื่องเสียงมันก้องๆ พิกล ... อาหาร ก็เลือกสั่งจากเมนูแนะนำมาลองชิมนิดหน่อย แล้วส่วนที่เหลือก็เลือกสั่งตามชอบใจ


พอกินอิ่ม ก็เริ่มร้องเพลงเฮฮา แล้วก็ยิ่งเฮฮาขึ้นเมื่อศิษย์เก่าที่เคยร่วมงานทยอยตามมาสมทบ ... กิน ร้อง เต้น เม้าท์ และ ถ่ายรูป ... ถ้ามีใครยกกล้องถ่ายรูปขึ้นมา เหมือนโยนขนมปังให้อาหารปลาค่ะ เพราะจะกรูมารวมตัวกัน อยากที่จะได้ถ่ายรูปเดี่ยว รูปคู่ เพราะมันจะกลายเป็นรูปหมู่ตลอด






อย่างที่เห็นนี่หล่ะค่ะ เขียวๆ แดงๆ กรูมารวมตัวกัน ... ขนาดรูปสุดท้ายบอกว่าจะถ่าย "คนมีเขา" สาวๆ ก็ยังสามารถค่ะ


เฮฮากันพอสมควร ก็ถึงเวลาลุ้นค่ะ จับสลาก แลกของกัน ... เหมือนเดิมทุกปีคือของนายที่ใครๆ ก็ใจจดจ่ออยากได้ เพราะเป็นเงินสดแน่ๆ ปีนี้ สาวเม็ดนุ่น คว้าไปครอง ท่ามกลางสายตาริษยาของสาวๆ หลายคน เพราะของรางวัลนายออกเร็วมาก จับไปได้ 4-5 ชื่อก็หลุดแล้วค่ะ


หลังจากพลาดรอบแรกไป นายยังใจดีแจกรอบสอง ให้ลุ้นทั้งศิษย์เก่า และศิษย์ปัจจุบัน ... หาเกมมาลุ้นกัน พอหอมปากหอมคอ พอตื่นเต้นเล็กๆ


ลุ้นกันจบก็ห้าทุ่มนิดๆ แล้วค่ะ ได้เวลาทยอยกันกลับ เพราะวันรุ่งขึ้นยังต้องทำงานกันต่อ แล้วมีงานเช้า 10 โมงเป็นแถว ... สลายตัวแยกย้ายกันกลับบ้านอย่างรวดเร็ว ปีหน้าค่อยมาฉลองกันใหม่

17.12.52

ต่ออายุใบขับขี่

หลายคนเห็นหัวข้อบล็อกวันนี้แล้วอาจจะสงสัย ว่าอิฉันมีใบขับขี่ด้วยเหรอ เพราะส่วนใหญ่นั่งเป็นคุณนาย กับ ทำหน้าที่เนฯ บอกทางอย่างเดียว ... มีใบขับขี่ค่า มีมา 6 ปีแล้วค่ะ และขับรถได้ แต่ขับดีรึเปล่าต้องลองนั่งค่ะ


เรียนขับรถพร้อมกับคนดี และไปสอบใบขับขี่พร้อมกัน แต่คนละเขต ... ได้ใบขับขี่มาไล่ๆ กัน คนดีได้ใช้จริงจัง ส่วนเราได้มาพกติดกระเป๋าไว้


ใบแรกอายุ 1 ปี หมดไปต่อใหม่ 5 ปี ... แล้วก็พกติดกระเป๋าแบบลืมมมมมมมมมมมมมม ไปเลย ... คิดเอาเองว่า บัตรหมดอายุปีหน้า พร้อมๆ กับบัตรประชาชน


จนพี่ผู้ช่วยขอลาไปต่ออายุใบขับขี่ถึงได้หยิบของตัวเองมาดู แล้วพบว่า มันหมดอายุไปตั้งแต่ มีนา 52 แล้ว ... เลยจัดสรรเวลา ช่วงนายไม่อยู่ ขอน้องๆ ลาไปครึ่งวันไปต่ออายุใบขับขี่


ออกจากบ้านรีบไปกรมการขนส่งทางบกตั้งแต่เช้า 8 โมงนิดๆ ก็ถึงแล้ว ... คนเพียบบบบบบบบบบบ


เอกสารที่เตรียมไป

- ใบขับขี่ของเดิม (ตัวจริง)

- บัตรประชาชน (ตัวจริง)

- สำเนาบัตรประชาชน 1 ชุด เซ็นชื่อรับรองสำเนา และเขียนชื่อภาษาอังกฤษ (ตัวพิมพ์ใหญ่) ไว้ด้วยค่ะ

- สำเนาทะเบียนบ้าน (ติดเผื่อไป แต่ไม่ได้ใช้ค่ะ ... เหลือดีกว่าขาด เกิดพนักงานต้องการแต่ไม่มี จะลำบาก)


- ใบรับรองแพทย์ ขอเผื่อไป แต่ไม่ได้ใช้ค่ะ ... เหมือนจะได้ยินว่า ใช้เฉพาะคนที่ต่ออายุจาก 1 ปี เป็น 5 ปี


ขึ้นไปที่ ตึก 4 ชั้น 2 ไปยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ตรวจ แล้วเจ้าหน้าที่จะบอกให้เข้าไปต่อคิวด้านในค่ะ ... จุดแรกที่เจอ คือ เช็คเอกสารจากคอมฯ ค่ะ เจ้าหน้าที่จะปริ้นท์เอกสารรายละเอียดของบัตรที่จะต่ออายุใหม่ ออกมาให้เราตรวจสอบ เช็คตัวสะกดชื่อ-นามสกุลให้ถูกต้อง แล้วเซ็นชื่อกำกับ


ขยับขึ้นไปที่ชั้น 3 ไปต่อคิวยื่นเอกสารกับประชาสัมพันธ์อีกทีค่ะ ... จุดนี้เจ้าหน้าที่จะเก็บเอกสารตัวจริงไป แล้วให้บัตรคิวมา นั่งดูทีวีแนะนำการทดสอบ 4 แบบ ระหว่างรอเจ้าหน้าที่เรียกเข้าไปทดสอบจริงค่ะ


ด่านแรก ... ทดสอบตาบอดสี ... พอเข้าประจำจุด เจ้าหน้าที่จะเช็คชื่อว่าตรงกับเอกสารรึเปล่า จากนั้นก็เริ่มทดสอบค่ะ ใช้ไม้จิ้มไปตามจุดสีต่างๆ บนกระดาน เราไล่อ่านให้ถูกต้อง ... แดง เขียว เหลือง ออกเสียงให้ดัง ชัดเจนไว้ เพราะในห้องทดสอบเสียงค่อนข้างดัง ไม่ต้อง แดงค่ะ เขียวค่ะ เสียเวลาค่ะ เดี๋ยวตามไม่ทัน


ด่านสอง ... ทดสอบความไว ... มีชุดอุปกรณ์บนพื้น เป็นคันเร่ง กับ เบรค ... ให้เหยียบคันเร่ง ตามองตู้ไฟด้านหน้า พอไฟสีแดงปรากฎก็รีบเหยียบเบรคทันทีค่ะ ... จะมีเวลากำหนดว่า เหยียบเบรคภายในระยะเวลาเท่าไหร่ถึงจะผ่านด่านนี้


ด่านสาม ... ทดสอบการกะระยะ ... มีชุดอุปกรณ์ให้กดปุ่มเพื่อเลื่อนไม้ 2 อัน ที่อยู่ในตู้ด้านหน้าให้เลื่อนอยู่ในแนวเดียวกัน ... (ด่านนี้ไม่ได้ทดสอบหล่ะค่ะ เค้าข้ามไปค่ะ)


ด่านสี่ ... ทดสอบลานสายตา ... มีกล่องอุปกรณ์ที่เราต้องเอาหน้าไปแนบไว้ตรงจุดที่กำหนด แล้วมองตรงไปข้างหน้า ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่จะเปิดไฟ แดง เหลือง เขียว ที่ด้านข้างทั้งซ้าย ขวา ให้เราบอกว่า เห็นไฟสีอะไร


4 ด่านนี้ พลาดก็สอบซ่อมได้เลยค่ะ ... แต่ถ้าผ่านด่านนี้มาได้ ก็รับเอกสาร แล้วขึ้นไปชั้น 4 กันต่อ ... ไปยื่นเอกสารกับเจ้าหน้าที่ แล้วลงชื่อรอดูวีดีโออบรมการขับขี่กันต่อค่ะ ... ลงชื่อแล้วเจ้าหน้าที่จะแจ้งว่าให้ไปดูวีดีโอที่ห้องหมายเลขอะไร ไปถึงก่อนก็เลือกที่นั่งก่อนเลยค่ะ แนะนำให้นั่งหน้าๆ ไว้ ตอนดูจบจะได้ลุกออกมาสะดวก


วีดีโออบรม ค่อนข้างทันสมัยขึ้นนะคะ มีตัวแสดงหลักเป็นครอบครัวหนึ่ง แล้วสอดแทรก วินัยจราจรต่างๆ เอาไว้ ... ระยะเวลาราว ๆ 30-45 นาที มั้งคะ ดูเพลินๆ สบายๆ ค่ะ


พอวีดีโอจบ เจ้าหน้าที่จะมาเรียกให้ออกไปรับเอกสารด้านหน้า ... เจ้าหน้าที่จะเรียงเอกสารแยกฝั่ง ชาย-หญิง ไว้ให้หาได้ง่าย ... ได้เอกสารแล้วก็รีบลงไปชั้น 2 เลยค่ะ


ไปยื่นเอกสารที่เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ จุดที่ตรวจเอกสารค่ะ ... แต่คราวนี้เจ้าหน้าที่จะกดบัตรคิวให้ ได้บัตรคิวแล้วก็เข้าไปนั่งรอระบบเรียก ... จุดสุดท้ายนี้ ชำระค่าธรรมเนียม 605 บาท ถ่ายรูป และนั่งรอรับบัตรได้เลยค่ะ


ใช้เวลาในการทำไม่นาน ไม่ยุ่งยากนะคะ ราวๆ เที่ยงก็ได้ใบขับขี่ใบใหม่ เป็นบัตรแข็งดูเข้าทีมาครอบครองค่ะ ... เสียเวลาตรงที่คนเยอะค่ะ เลยต้องรอคิวกันหน่อย ... รีบไปแต่เช้า ลางานครึ่งวัน บ่ายก็กลับมาทำงานต่อได้ค่ะ

16.12.52

คิดถึงเจ้านาย

หัวเรื่องบล็อกอาจจะทำให้ใครฉงนสงสัย และประหลาดใจ ... แต่ คิดถึงเจ้านาย จริงๆ ค่ะ


เนื่องจากว่า ใกล้ๆ ปลายเดือนที่แล้ว นายส่งเมล์แจ้งข่าวว่าจะลาพักผ่อนระหว่างวันที่ 26 พ.ย. - 15 ธ.ค. รวมแล้วราวๆ 20 วัน ที่นายจะไปพักผ่อนแถวยุโรป ... ปกติแมวไม่อยู่แบบนี้ ประดาหนูๆ น่าจะร่าเริง เพราะบรรยากาศปลายปีก็ไม่ชวนทำงานเท่าไหร่ นายไม่อยู่ด้วย คงได้ลั้ลลา


แต่เหตุการณ์มิเป็นเช่นนั้นค่ะ ... พอได้รับเมล์นายจะหยุด ออฟฟิศก็เริ่มอลหม่านค่ะ เพราะเป็นช่วงปลายปีที่มีงานวนเวียนเข้ามาคึกคักกว่าปกติ


สาวๆ ในออฟฟิศ ก็จัดการเคลียร์งานกับนาย เช็คว่าลูกค้าจะนัดประชุม จะมีงานอะไรในช่วงที่นายไม่อยู่รึเปล่า ... จัดการสรุปความให้เรียบร้อย


ส่วนเราก็จัดการเคลียร์เอกสารต่างๆ ให้เรียบร้อย ... เช็คแล้วเช็คอีกว่ามีอะไรที่ต้องเสนอให้นายพิจารณาอีกรึเปล่า ต้องทำให้เสร็จก่อน โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายต่างๆ เพราะนายไม่อยู่ให้เบิก


เคลียร์เอกสารเสร็จเรียบร้อย วันสุดท้ายก่อนจะส่งนายเดินทาง ... เช้าวันรุ่งขึ้นก็ได้พักหายใจ หายคอสักหน่อย จากนั้นก็กลับสู่ภาวะปกติ เคลียร์เอกสาร เคลียร์งานไปตามประสา


ก่อนจะหลบไปพักร้อนที่เกาะเสม็ด วันศุกร์ก็งานเข้าค่ะ ... มีลูกค้าติดต่อมาพร้อมกัน 2 ราย ต้องส่งข้อมูลกับคำตอบไปให้ เลยต้องคุยงานกับนายผ่านเมล์ และรอเช็คเมล์ ... เป็นการไปพักร้อนครั้งแรกที่กระวนกระวายใจ เดินหาคอมฯ เข้าไปเช็คเมล์


กลับจากพักร้อน งานก็เข้ายาวววววววววววววววววว ... มีงานด่วน ที่ต้องคุยกับลูกค้า ต้องประชุม รับข้อมูล สำคัญขนาดที่นายโทรทางไกลมาสั่งการ และกำชับด้วยตัวเอง


รับเรื่องแล้วก็จัดการปฏิบัติ ต้องให้กำลังใจตัวเอง และให้กำลังใจทีมด้วย ... แล้วเหมือนพระเจ้ากลั่นแกล้ง ลูกค้าพร้อมใจกันต้องการคำตอบ และความช่วยเหลือพร้อมๆ กัน 2-3 ราย


วันๆ ไม่เป็นอันต้องทำงานอื่น นั่งเฝ้าหน้าจอคอมฯ สรุปงานส่งเมล์หานาย และเฝ้ารอ เฝ้าเช็คว่านายจะตอบเมล์กลับมารึเปล่า ... แล้วเวลาที่ต่างกัน 6 ชั่วโมง ช่วงเช้าระดมส่งเมล์รายงานนาย พอตกบ่ายก็เกาะจอรอดูเมล์ ระหว่างวันก็คอยตอบคำถามสาวๆ และลูกค้า ... ชีวิตตื่นเต้นและมีสีสันมากกกกกกกกกกกกกกก


บ่ายวันอลหม่านวันหนึ่ง มือถือก็ดังพร้อมกับเบอร์แปลก ... รีบคว้ารับทันที เพราะมั่นใจว่านายโทรมาแน่ๆ แล้วก็ใช่จริงๆ ด้วย ได้ยินเสียงนาย ดีใจสุดๆ รีบรายงานสถานการณ์ต่างๆ ทันที ... นายรับทราบ ตอบคำถาม ให้คำแนะนำ เรียบร้อย


ต่อมาอีก 2-3 วัน สถานการณ์ก็เป็นแบบนี้ตลอด ... คือเช้าส่งเมล์ ระหว่างวันตอบคำถามให้สาวๆ กับ ลูกค้า บ่ายรอรับเมล์นาย และรอรับโทรศัพท์จากนายด้วย ... รับสายจากนายแล้ว ก็จัดการทำเอกสารส่งเมล์ไปให้ บางวันคุยกับนาย 4-5 รอบ ดีใจ๊ ดีใจ


คนดีที่นั่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย เอ่ยปากว่า "ถ้าไม่บอกว่าคุยกับนาย จะคิดว่าคุยกับเพื่อนนะเนี่ย เสียงดี๊ด๊าดีใจเกิ้นนนนน"


พอสถานการณ์เริ่มเข้าที่ งานเริ่มซาลง ความวุ่นวายในออฟฟิศเริ่มทุเลา นายจวนจะกลับพอดี ... ก็มีลูกค้าโทรมาเฝ้า รอ ร้อ รอ ว่าเมื่อไหร่นายจะกลับ อยากจะคุยงาน เรื่องสัญญา และเอกสารต่างๆ ... เฮ้อออออ อีกนิดเดียวค่ะ หนูเองก็รอนายอยู่เหมือนกัน


บ่ายวันที่ 15 เสียงโทรศัพท์ออฟฟิศดัง รับสายตามปกติ แต่พอได้ยินเสียงปลายสาย ก็ดี๊ด๊าลั้นลาค่ะ ... นายโทรมาบอกว่าถึงกรุงเทพฯ เรียบร้อยแล้ว ... โอ้โหหหหหหหหหหหหห ดีใจสุดๆ รีบรายงานสถานการณ์ทั้งหมด ว่าลูกค้ารายไหนเป็นยังไง ทีมไหนมีปัญหาอะไรรึเปล่า แล้วจัดการอะไร ยังไงบ้าง


เล่า เล่า เล่า เล่า ... พูด พูด พูด พูด ... เปิดเร่งไปสปีดด่วนสุดๆ รายงานเป็นชุดๆ เป็นฉากๆ พอว่างสายจากนายก็โล่งอกสบายใจ


คนดีที่นั่งอยู่ด้วยบอกว่า "เหมือนคุยกับเพื่อนเลย ใครได้ยินเข้า เค้าจะหมั่นไส้มั้ย รายงานเป็นชุด"


ฮึ ไม่สนใจอ่ะค่ะ ก็ดีใจที่นายกลับมาแล้ว คิดถึงจริงๆ อยู่กันลำพังแบบไม่มีงานเข้าก็คงสนุกดี ... แต่นี้มีงานให้ตื่นเต้น วุ่นวายตลอด มีนายอยู่ใกล้ๆ อุ่นใจกว่ากันเยอะ

15.12.52

: 93 เดือน :

เวลาเดินเร็วจริงๆ ค่ะ เดือนสุดท้ายของปีแล้ว แถมเป็นเดือนที่ยุ่ง ยุ้ง ยุ่ง ... ยุ่งจนเกือบจะลืมว่าวันนี้วันที่ 15 ค่ะ


วันที่ 15 วันธรรมดาที่แอบพิเศษเล็กๆ เพราะอายุความรักขยับเพิ่มอีก 1 ... เดือนนี้ก็ 93 เดือนแล้วค่ะ จวนเจียนจะครบ 8 ปีแล้ว และจวนเจียนจะ 100 เข้าไปทุกที


เพราะยุ่งกันทั้งคู่ และเพิ่งตะลอน ตะลอน เที่ยวทะเลเสาร์-อาทิตย์ต่อเนื่องมา 3 สัปดาห์แล้ว ... เลยไม่มีมื้อพิเศษ ร้านพิเศษค่ะ เพราะเหนื่อยและล้า จากการตะลอนเที่ยวยังไม่หาย กินอิ่มถึงอิ่มมากมาตลอด ถ้าจะงดมื้อพิเศษไปบ้างก็คงไม่เป็นไร


แต่ก็มีเหตุให้พิเศษขึ้นมาจนได้ค่ะ เพราะหมวยบีตกอยู่ในภวังค์อยากกินอาหารญี่ปุ่นและเพ้อถึงคุโรดะ ... ตรงกับคนดีที่กำลังคิดถึงเนื้อปลาแซลมอลสดๆ ของคุโรดะอยู่ บ่นอยากกินมานานแล้ว แต่ยังหาโอกาสไปไม่ได้ ... พอมีเสียงชวนเลยตกลงทันที


วันพิเศษ ที่กะว่าจะไม่พิเศษ เลยเกิดความพิเศษขึ้นมาค่ะ ... แก๊งค์ลูกหมู 4 กับพี่หมีของหมวยบีอีก 1 ตรงไปจัดการแซลมอลและอาหารอื่นๆ ที่คุโรดะกันเต็มคราบบบบบบบ พุงตึง พุงเต่ง พุงแน่นกันถ้วนหน้าค่ะ (ไม่มีรูปนะคะ เพราะไม่ได้ติดกล้องไป รอติดตามรูปจากบล็อกหมวยบีได้ค่ะ)


ท้องอิ่ม เดินย่อยอีกหน่อยก็แยกย้ายกันกลับบ้านค่ะ ... คนดีมาส่งถึงบ้าน แล้วแวะเข้ามาหลับพักใหญ่ให้แซลมอลที่กินลงไปเรียงตัวเตรียมย่อย ก่อนจะงัวเงียกลับบ้าน


วันธรรมดาที่แอบไม่ธรรมดาก็ผ่านไปอีกนึงวัน ... คนดีขา ขอบคุณที่ยังรักกันนะคะ


รักคนดีที่สุดค่ะ

14.12.52

Couples Retreat

Couples Retreat หนังฟอร์มเล็ก ที่ไม่ได้อยู่ในความสนใจเท่าไหร่ค่ะ ... แต่อยากดูเพราะเห็นจาก Entertain Tonight แล้วน่าสนใจค่ะ นักแสดง 4 คู่ กับวิวสวยๆ

อยากดูแต่ไม่รู้ว่าหนังจะเข้าเมื่อไหร่ ไม่ได้สนใจติดตามข่าว กะว่าเห็นก็จะไปดู ... ปรากฎว่าวันที่ดู แหยมยโสธร 2 เดินออกจากโรงหนังก็เห็นโปสเตอร์หนังเรื่องนี้ติดอยู่หน้าโรงว่ากำลังฉาย ... อ้าว อ้าว อ้าว เข้าเมื่อไหร่เนี่ย ไม่เห็นรู้เรื่อง


พอรู้ว่าหนังเข้าแล้วก็อยากดูค่ะ ตอนแรกตั้งใจจะไปดูวันเสาร์ (12 ธ.ค.) แต่นอนอืดขี้เกียจกันทั้งคู่ค่ะ ... แต่เพราะอยากดูเลยบอกคนดีว่าถ้าไม่อยากดูเดี๋ยวไปดูคนเดียวก็ได้ ... คำตอบที่ได้คือ ไม่ยอม ไม่อนุญาต ให้ไปดูพร้อมกัน


วันจันทร์เลยได้ดูสมใจค่ะ ... เช็ครอบหนังถึงได้รู้ว่าหนังเข้าตั้งแต่ต้นเดือนแล้ว เลยรีบจองบัตรล่วงหน้า เลือกเอสพละนาดที่ประจำ


เรื่องย่อ ย้อ ย่อ ... Couples Retreat : เกาะสวรรค์บำบัดหัวใจ


คู่สามี-ภรรยา 4 คู่ ที่ชายหนุ่มทั้ง 4 คนเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่ละคู่ต่างก็มีปัญหาในชีวิตคู่ต่างกันไป ... ผลัดกันปรึกษา แนะนำ ช่วยเหลือกันมาตลอด เมื่อคู่นึงพยายามหาทางออกของปัญหา และหาทางแก้ไขครั้งสุดท้ายก่อนที่จะตัดสินใจหย่ากัน จึงชวนเพื่อนอีก 3 คู่ไปบำบัดชีวิตคู่ บนเกาะสวรรค์ในเซ้าท์แปซิฟิค


เพอลิแกน แพคเก็จที่ทั้ง 4 คู่ เลือกไป มีกำหนดตารางเวลาและกิจกรรมต่างๆ ให้เข้ารับการบำบัด เพื่อให้เข้าใจความสัมพันธ์ของกันและกัน ... มองเห็นปัญหา มองเห็นหัวใจ มองเห็นความต้องการของตัวเอง ... เพื่อหาว่าสุดท้ายความรัก ความสัมพันธ์ของทั้ง 4 คู่จะลงเอยยังไง


หนังคอมเมดี้ ที่ยาวๆ เกือบ 2 ชั่วโมง หนังมีมุมให้ขำเป็นระยะ แต่เป็นขำแบบตลกฝรั่งนะคะ ... แต่ที่ดูเพลินคือ วิวสวย ถ้าได้ไปอยู่รีสอร์ทแบบนี้สักอาทิตย์คงเหมือนฝัน


ชีวิตคู่ ต้องใช้ความรัก ความเข้าใจ อดทน เปิดใจ พูดคุย รับฟัง เชื่อใจ รวมถึงองค์ประกอบอื่นๆ ที่คน 2 คน ต้องปรับตัวปรับใจไปด้วยกัน ... ไม่มีสูตรสำเร็จ เป็นไกด์บุ๊คตายตัว ว่าต้องทำแบบนั้นแบบนี้ ขึ้นอยู่กับคน 2 คนที่ต้องช่วยกันประคับประคอง


แล้วความรักของเราถึงเวลาต้องบำบัดรึเปล่าน้อ ...

11.12.52

แหยม ยโสธร 2

คนดีได้ voucher ดูหนังฟรี ของเครือเมเจอร์ กับ อีจีวี มาหลายใบค่ะ เห็นว่าจะหมดอายุสิ้นปีนี้ เลยต้องรีบใช้ ... แก๊งค์ลูกหมูเลยยกขบวนกันไปดูหนังค่ะ จุดหมายอยู่ที่ เมเจอร์ รัชโยธิน


แต่เพื่อคงความเป็นแก๊งค์ลูกหมูตัวจริง เสียงจริง ก่อนเข้าไปดูหนังก็ต้องรองท้องกันก่อนค่ะ ... หมวยบีอยากกินอาหารญี่ปุ่น พิจารณาจากตัวเลือกที่มีให้เลือกหลายร้าน สุดท้ายก็ฝากท้องไว้ที่ ฟูจิ ... กินกระหน่ำ กินกระจาย ด้วยสปีดรถด่วน อิ่มแล้วก็เคลื่อนขบวนเข้าโรงหนังค่ะ


เรื่องย่อ แบบย่อมากๆ ค่ะ


หลังจากที่ "บักแหยม" กับ "อีเจ้ย" ปลูกต้นรักจนสุกงอมจากภาคที่แล้ว ต้นรักก็ผลิดอกออกผลเป็นลูกชายหญิงหลายคน ที่เติบโตแตกหน่อออกเรือนกันไป ... เหลือก็แต่ "อีแว่" กับ "บักคำผาน" ที่ยังอยู่เป็นไข่ในหิน


จนวันนึง "ปลัดธนู" ปลัดหนุ่มรูปหล่อมาดเพลย์บอย ถูกส่งตัวมาให้ช่วยพัฒนาตำบล แต่ปลัดดันมาติดใจลูกสาวแก้วตาดวงใจของกำนันแหยม ... ปลัดหาทางป้วนเปี้ยนจีบอีแว่ทุกที่ทุกทาง โดยมีบักคำผานเป็นแนวร่วมรับใต้โต๊ะคอยส่งซิก สร้างความขุ่นใจให้กำนันแหยมเหลือเกิน เพราะปลัดหนุ่มมาดเจ้าชู้ ดูไม่น่าไว้ใจเท่ากับ "เกษตรฉัตรชัย" ข้าราชการหนุ่มมาดซื่อ ที่ถูกส่งมารับงานใหม่พร้อมๆ กัน


ทั้งต้องแก้ไขปัญหา ปกครองดูแลลูกบ้าน แล้วยังต้องกันท่าปลัดหนุ่มที่มาจีบลูกตัว งานราษฎร์ งานหลวง รุมเร้ากำนันแหยม ... กลายเป็นเรื่องราวป่วนๆ ฮาๆ


เป็นหนังตลกที่มีเรื่องราวกำกับทางอยู๋นิดหน่อย ส่วนมุขฮาทั้งหลายก็ไปตามบทค่ะ ... ขำมาก ขำน้อย แล้วแต่เส้นผู้ชมค่ะ แต่ก็ขำได้เรื่อยๆ ที่ชอบมากคือ สีสันเสื้อผ้าฉูดฉาดสดใส ... ใครที่ไม่ได้ดูภาคก่อนก็ตามเรื่องได้ไม่ยาก แต่ถ้าได้ดูภาคแรกก็ขำได้ต่อเนื่องค่ะ


ส่วนตัวชอบฉากแหลรับขวัญปลัดกับเกษตรคนใหม่ค่ะ ในหนังที่ตัดมาก็ขำแล้ว ตอนจบมีเบื้องหลังให้ดูก็ฮาค่ะ ทำเอาอยากเห็นตอนถ่ายฉากนี้ว่าจะหลุดจะฮากันขนาดไหน


เพราะเคยดูภาคก่อน ก็คิดไว้ว่าจะดูภาคนี้ ... แต่พอได้ดูฟรี เสียแค่ภาษีเพิ่มนิดหน่อยแบบนี้ นับว่าคุ้มค่ะ

10.12.52

ทำบุญ กิน เที่ยว ที่สุพรรณ

2 เดือนสุดท้ายของปีนี้ สงสัยดวงจะไปตกอยู่ในฤกษ์เดินทาง ถึงได้มีทริปตะลอน ตะลอน ไปนั่นไปนี่ตลอด ... เพิ่งกลับจากหลีเป๊ะไม่เกิน 3 วัน ก็ไปตะลอนกันต่อค่ะ


แต่ครั้งนี้ ไม่ได้แค่กินเที่ยวเหมือนเคย แต่มีทำบุญเป็นภารกิจหลักค่ะ ... เราจะไปบริจาคของเล็กๆ น้อยๆ ให้กับน้องๆ ที่โรงเรียนวัดลาดสิงห์ อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรีค่ะ


ทำไมถึงเป็นโรงเรียนนี้ เพราะว่าครั้งกระนู้น (กลางปีที่แล้ว) มีคำชวนไปบริจาคของที่โรงเรียนบ้านทับกระดาษ ยกขบวนกันไปแจกของ เล่นกับน้องๆ และได้พบกับ ผอ.สุขวิทย์ ... ปีนี้มีเสียงชวนให้ไปบริจาคของกันอีก อยากจะหาโรงเรียนอื่น จังหวัดอื่นดูบ้าง แต่เวลากระชั้นชิด ปลายปีก็ยุ่งเหยิง เพื่อความสะดวก คุณแพทตี้เลยติดต่อไปที่ ผอ.สุขวิทย์อีกครั้ง


ผอ.ย้ายมาประจำอยู่ที่โรงเรียนวัดลาดสิงห์ แล้วค่ะ เพราะตำแหน่งว่างและใกล้บ้านมากขึ้นเลยขอย้ายมาประจำที่นี่ แต่ตำแหน่งเดิมที่โรงเรียนเก่าก็ยังว่าง ผอ.เลยต้องวิ่งรอกไปดูแลบ้าง ... ครั้งนี้ ผอ.ก็พร้อมอำนวยความสะดวก ให้ข้อมูลต่างๆ เต็มที่


น้องๆ ที่โรงเรียนวัดลาดสิงห์ มีราวๆ 90 กว่าชีวิต ส่วนใหญ่เป็นเด็กๆ ที่ผู้ปกครองขัดสน ยากจน ขาดทุนทรัพย์ ... ตัวโรงเรียนอยู่ในพื้นที่วัดลาดสิงห์ และได้รับเงินสนับสนุนเป็นระยะ ตัวอาคาร สถานที่กว้างขวาง แต่เด็กๆ น้องๆ ยังต้องการน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ จากพี่ป้าน้าอาที่มีมากกว่า


ตอนแรกตั้งใจว่าจะจัดขบวนใหญ่โตเหมือนครั้งก่อน คือ หาเสื้อกีฬาใหม่ให้น้อง หาอุปกรณ์การเรียนใหม่ๆ และขอรับของมือสองที่เหลือใช้จากผู้ใจดีทั้งหลาย แล้วปิดท้ายด้วยการเลี้ยงอาหารกลางวัน และเล่นเกมกับน้องๆ ... แต่เพราะระยะเวลาจำกัด และก็ยุ่งกันถ้วนหน้า ขบวนเลยจำเป็นต้องหดลดลงเพื่อความเหมาะสม และจัดการดูแลได้ง่าย


คุณแพทตี้รับหน้าที่ไปหาชุดกีฬาชุดใหม่ให้น้องๆ และประสานงานกับผอ. และ พี่ๆ ที่ใจดีที่ร่วมบริจาคเงินและของ ... พี่จุ๊บเปิดร้านคราฟท์เป็นที่รับของบริจาค ... ส่วนเราสองคนที่ยุ่งทั้งงาน และทริปอื่นๆ ทำได้แค่โอนเงินไปร่วมซื้อชุดกีฬา แล้วก็เปิดซองขอบริจาคจากน้องๆ ในออฟฟิศ แล้วก็เอาเงินที่ได้จากน้ำใจของน้องๆ ในออฟฟิศไปซื้อนม และขนมต่างๆ ให้น้องๆ


เพราะสมาชิกร่วมเดินทางครั้งนี้น้อยกว่าครั้งก่อน แต่เด็กๆ เยอะมาก เลยยกเลิกการเลี้ยงอาหารกลางวัน และเล่นเกม เพราะเราคงดูแลน้อง เล่นกับน้องได้ไม่ทั่วถึง ... ขอแค่เอาของไปให้น้องๆ ให้ ผอ. รับมอบของต่างๆ และอาจจะมีน้องๆ เป็นตัวแทนมารับบางส่วน


ขบวนนัดเจอกันที่ อนุสรณ์ดอนเจดีย์ ... ขบวนเรามีรถ 2 คัน 6 ชีวิต แก๊งค์ลูกหมูกับเพื่อนที่ไปสำรวจเส้นทางกิน เที่ยว เผื่อจะได้ใช้ประโยชน์ในการจัดงาน ... อีกขบวนเป็นของพี่จุ๊บกับคุณแพทตี้ที่มากัน 2 คน


ขบวนเราถึงก่อนก็ลงไปสักการะ เดินสำรวจ ถ่ายรูปเล่น และนั่งเม้าท์ ... พอพี่จุ๊บกับคุณแพทตี้มาถึงก็เคลื่อนที่ไปโรงเรียนค่ะ โรงเรียนอยู่ไม่ไกล หาไม่ยาก แต่ก็ทำเอางง หลงไปนิดหน่อย ... พอไปถึง ผอ. กับคณะอาจารย์ และน้องๆ ก็รออยู่แล้วค่ะ


น้องๆ ที่มารอเราอยู่ในชุดเสื้อกีฬาสีแดง พอขบวนรถมาถึง น้องๆ ก็มาสวัสดีทักทายกัน แล้วช่วยขนของไปไหว้ที่โรงอาหาร ... สภาพโรงเรียนใช้ได้ค่ะ เพราะรายการโชว์รูม เพิ่งมาบริจาคเงินทำห้องคอมฯ และปรับปรุงทาสีอาคารหลายๆ จุดให้ ดูสดใส สดชื่นขึ้นเยอะค่ะ


เพราะพิธีการไม่มีอะไรมาก ก็ทำการมอบของ ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกสักหน่อย ... ของหลักๆ คือ ชุดกีฬาชุดใหม่สำหรับน้องๆ ทุกคน และมีของจากพี่ๆ ที่ใจดีหลายๆ คนที่ฝากมา ส่วนในรูปเป็นถุงขนมส่วนนึงที่มาจากเงินบริจาคของสาวๆ ในออฟฟิศค่ะ


มอบของถ่ายรูปแล้ว ก็ให้น้องๆ ที่มารอรับ รับเสื้อกีฬาตัวใหม่ไปเปลี่ยนค่ะ จะได้มีรูป before & after เปรียบเทียบ ... พอเปลี่ยนเสื้อแล้วน้องๆ ก็มีโชว์ให้ดูค่ะ เพราะสาวน้อยกลุ่มนี้ เพิ่งไปประกวดการเต้นแอโรบิคแต่พลาดรางวัลไป เพราะน้องๆ เต้นฮูลาฮูป ดูเป็นกิจกรรมเข้าจังหวะมากกว่า คณะกรรมการมีเสียงชื่นชม และได้รับเสียงปรบมือจากผู้ชมเป็นรางวัลตอบแทน ... ถ้าครั้งหน้ามีประกวดเต้นฮูลาฮูปหล่ะก็ รับรองว่าต้องคว้ารางวัลมาได้แน่ๆ ค่ะ


เสื้อกีฬาตัวใหม่ทำให้น้องๆ ยิ้มได้ และดูสดใสค่ะ แค่เสื้อตัวเดียวที่ใส่เหมือนกันทุกคนนี่หล่ะค่ะ ส่งผลกับหัวใจดวงน้อยๆ ของเด็กได้อย่างไม่น่าเชื่อ ... ผอ. บอกว่า เสื้อตัวเก่าสีแดงที่เด็กๆ ใส่มา เป็นเสื้อที่ทำขาย เด็กบางคนมี บางคนไม่มี โดยเฉพาะเด็กอนุบาล ไม่มีเสื้อกีฬาแบบนี้เลยเพราะเพิ่งเข้ามา ส่วนพี่ๆ ที่โตขึ้นมา โดยเฉพาะคนที่ไม่มีก็จะหาเสื้อที่สีเหมือนกันมาใส่เพื่อไม่ให้แตกต่างกับเพื่อน ... แต่พอได้เสื้อตัวใหม่สีฟ้า เหมือนกันหมด ตั้งแต่ น้องอนุบาล - พี่ป.6 เด็กๆ ก็จะไม่รู้สึกแตกต่างแล้วค่ะ


มอบของแล้ว ดูโชว์แล้ว ผอ.ก็พาไปกราบท่านเจ้าอาวาสค่ะ ... ก่อนไปพบท่านเจ้าอาวาส ผอ.เล่าให้ฟังว่า คณะแรกที่มาบริจาคของให้โรงเรียน พอมาพบท่านเจ้าอาวาสท่านก็เผลอพูดตัวเลขออกมา แล้วมีคนเอาไปเสี่ยงโชค แล้วโชคดี ... พอคณะที่ 2 มา ผอ.ก็เล่าเรื่องนี้ให้ฟัง ก็มีคนใจกล้า ลองถามถึงตัวเลขดูบ้าง ท่านเจ้าอาวาสไม่ได้บอกอะไรชัดเจน บอกอ้อมๆ มา แต่ก็ตรงอีก ... พอมาถึงคณะที่ 3 ของพวกเรา เลยต้องขอลองขอลุ้นสักหน่อยค่ะ


กราบท่านเจ้าอาวาสแล้ว ได้เหรียญที่ระลึกมาคนละ 2 ชิ้น ... ก่อนจะยกขบวนไปกราบพระประธานในโบสถ์ แล้วก็ทำทานซื้อขนมปังให้อาหารปลา ... ปลาอิ่มแล้ว ก็ถึงเวลาคนอิ่มบางค่ะ ลาผอ. เตรียมไปหาเสบียงลงท้อง ปรากฎว่าทางคณะอาจารย์ และน้องๆ มีถั่วเคลือบใส่ถุงเล็กๆ ให้เป็นของที่ระลึก ทานเล่นรองท้องกลับมาด้วย ... ไม่ได้หาทานได้ง่ายๆ นะคะ เพราะทำเฉพาะโอกาสที่มีแขกมาเยี่ยมโรงเรียนแค่นั้นค่ะ


ร่ำลาเรียบร้อยก็ยกขบวนมุ่งหน้าไปตลาดท่าช้างที่อยู่ห่างออกไปเกือบ 20 กิโล ... จุดหมายคือ เล็กเสี่ยวหงส์ ร้านอาหารโปรดที่เราประทับใจค่ะ


เพราะมีเรากับคนดีเท่านั้นที่เคยมา หน้าที่ในการสั่งอาหารจะไปตกอยู่ที่ใครได้ ... ก็ต้องเราสองคนนี่หล่ะค่ะ

ปอเปี๊ยะสวรรค์ ผัดผักรวมมิตร ลูกชิ้นปลากรายลวก ขนมจีบกุ้ง


เต้าหู้น้ำแดง หอยจ๊อ วุ้นเส้นผัดไทย ปลาตาข้างเดียวทอดกระเทียม


อาหาร 8 อย่าง 11 จาน หายลงท้องคน 8 คน แบบเรียบ เกลี้ยง ไม่เหลือทิ้งให้เสียดายค่ะ ... คนนำทางมาชิม เห็นสมาชิกใจขบวนเอ็นจอยอีทติ้ง อิ่มหนำสำราญ ก็สบายใจค่ะ ... แสดงว่าร้านนี้ผ่าน โล่งอก


ท้องอิ่มก็แตกขบวนค่ะ พี่จุ๊บกับคุณแพทตี้ กลับก่อน ... ส่วนเราๆ ก็ไปแวะตลาดสามชุก เดินสำรวจตลาดกันต่อ ภาษาที่ออฟฟิศเรียกว่า "กระจายรายได้" ค่ะ เพราะเรากระจายรายได้ให้ร้านต่างๆ ทั่วตลาดกันถ้วนหน้า ช้อปปิ้งไป ถ่ายรูปไป เฮฮาพาเพลิน


อิ่มท้อง อิ่มบุญ แต่กระเป๋าเริ่มแฟบ ก็ถึงเวลาแยกย้ายสลายตัวกลับบ้านค่ะ ... ภารกิจครั้งนี้ เรียบร้อย ครบถ้วน อิ่มใจ อิ่มท้อง และจุดประกายให้เราคิดจะมาทำบุญกับน้องๆ อีกค่ะ โครงการทำบุญเริ่มเมื่อไหร่จะมากระจายข่าวขอความช่วยเหลือนะคะ


ป.ล. ทริปนี้รูปในกล้องมีน้อยมากค่ะ เพราะมีตากล้องไปหลายคน ใครอยากดูรูปแบบเต็มๆ จุใจ เข้าไปดูได้ที่ Facebook ของพี่จุ๊บ นะคะ ... ส่วนรูปอาหารนี่ เป็นหน้าที่ที่ต้องถ่ายค่ะ ไปทริปไหน พอมีอาหารยกมาวางก็จะมีเสียงบอกอย่าเพิ่งแต ให้พี่ตั๊กถ่ายรูปก่อนทุกที เหอะ เหอะ จะภูมิใจดีมั้ยน้อ

7.12.52

อ้า @ หาดใหญ่

วันที่ 3 ของทริปหลีเป๊ะ ไม่มีอะไรโดดเด่นเลยค่ะ ส่วนใหญ่ของวันคือการเดินทาง ... มีที่เป็นไฮไลท์ น่าประทับที่สุด ก็ต้องร้านอาหารที่เราไปแวะฝากท้องไว้ค่ะ


ขอคำแนะนำจากพี่ที่บริษัททัวร์ว่าเข้าไปหาดใหญ่แล้ว เราควรจะไปฝากท้องที่ไหนดี ... พี่เค้าแนะนำ ร้านอ้า คำแนะนำบอกว่าเป็นร้านอาหารไทยกึ่งจีน ที่บรรยากาศร้านไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่อร่อย ... อร่อยนี่หล่ะค่ะที่สำคัญ


หลับสะเงาะสะแงบนรถตู้มาจนถึงหาดใหญ่ พอรถจอดก็งัวเงียเดินลงไป เจอกับร้านอาหารไทยสไตล์จีน เก่าๆ ขลังๆ ... เลือกที่นั่งได้ ก็ชวนกันสั่งอาหารจากรูปภาพที่ติดอยู่ ... มาดูกันค่ะว่ามีอะไรบ้าง

แกงส้มปลายอดมะพร้าวอ่อน

ลูกชิ้นปลาลวก

เต้าหู้ราดหน้าปู

แฮ่กึ๋น

ปวยเล้งผัดน้ำมันหอย

ไข่ระเบิด

ออส่วน

กระเพาะปลาผัดแห้ง

ปลาจาระเม็ดนึ่งบ๊วย


อาหาร 9 อย่าง 2 ชุด กับสะตอผัดกะปิใส่กุ้ง อีก 1 จาน ... ตักกันเอร็ดอร่อยค่ะ อันไหนอร่อยมากก็หมดเร็ว อันไหนอร่อยน้อยก็หมดช้า แต่ส่วนใหญ่หมดเรียบค่ะ


แกงส้มรสชาติจัดจ้าน มาเป็นจานแรก ตักน้ำซุปมาชิม ที่งัวเงียเพิ่งตื่น กลับตาสว่างเลยค่ะ ... เต้าหู้ราดหน้าปูก็เยี่ยมมมมมมมม นุ่มละมุนลิ้น ละลายได้ในปาก ปลาจาระเม็ดก็สด อร่อย ... เรียกได้ว่าอร่อยทุกอย่างค่ะ แต่ความอร่อยมากน้อยต่างกันไปตามความชอบ


จะมีก็แต่ ไข่ระเบิด ที่เป็นไข่ดาว แล้วมีเครื่องเหมือนผัดกะเพราราดมา ที่เหลือมากสุด ... ก็อร่อยนะคะ แต่อย่างอื่นอร่อยกว่า เพื่อไม่ให้เสียของก็จับใส่กล่องกลับมากรุงเทพฯ ค่ะ ... แต่ถึงแค่สนามบินหาดใหญ่ก็หมดค่ะ มีสมาชิกคนนึงหยิบมาเปิดจัดการซะระหว่างรอขึ้นเครื่องบินค่ะ


ร้านอ้า ได้รับคะแนน 5 ดาวเต็มจากสมาชิกของทริปค่ะ เพราะรสชาติเยี่ยม ราคาก็สมเหตุสมผล ... เพราะค่าอาหารและเครื่องดื่มที่สมาชิก 12 คนร่วมกันซัดเรียบภายในครึ่งชั่วโมง ค่าเสียหายอยู่ที่ 2300-2400 ค่ะ เฉลี่ยต่อคนก็ราวๆ 200 บาท ... มาหาดใหญ่ครั้งหน้า ต้องแวะร้านอ้าอีกแน่ๆ ค่ะ

6.12.52

หลีเป๊ะ #2

ย้อนไปดูวันแรก ที่นี่ ค่ะ


นอนเต็มอิ่ม ก็ตื่นตามรหัส 7-8-9 ค่ะ อาบน้ำแต่งตัวมาแวะเติมพลังมื้อเช้าที่ห้องอาหาร ... มื้อเช้าเป็นบุฟเฟ่ต์เลือกตักได้ตามชอบใจ ไข่ดาว ไส้กรอก แฮม ข้าวต้ม ข้าวผัด ผัดไทย ... เรารองท้องอย่างละนิดอย่างละน้อย ข้าวต้มอร่อยค่ะ ถึงจะติดใจแต่ก็ชิมนิดเดียว กลัวอิ่มมาก แล้วนั่งเรือไปจะผ่านคลื่นไส้เอา


อิ่มแล้วก็ชื่นชมวิวเต็มที่ค่ะ นี่หล่ะค่ะ วิวที่น่าตื่นตาตื่นใจ คุ้มค่าที่ต้องตะกายบันไดขึ้นมาจริงๆ ... แล้ววันนี้อากาศดี ฟ้าใส แดดแรง เหมาะที่จะออกไปดำน้ำค่ะ แต่ไม่รู้ว่าคลื่นลมในทะเลจะเป็นยังไงบ้าง ยกให้เป็นหน้าที่ของไกด์แล้วกันค่ะ


แบ่งสมาชิกลงเรือ 2 ลำ ลำละ 6 คน จะได้นั่งกันสบายๆ พร้อมกับพี่ฉู และพี่เพลิน ไกด์และผู้ช่วยพิเศษอีกลำละคน ... แบ่งคนเรียบร้อยเรือก็เคลื่อนตัวออกจากฝั่ง ตอนแรกก็ยังเริงร่าแอ๊คท่าถ่ายรูปเล่นกันได้ แต่นั่งไปพักใหญ่ก็ยังไม่มีวี่แววจะหยุด ... นั่งดูน้ำ ดูฟ้า นานๆ ก็ชักเบื่อ งั้นก็งีบดีกว่าค่ะ


แล้วเรือก็เริ่มชะลอความเร็ว ตื่นลืมตาทันที และนี่คือวิวที่ได้เห็นค่ะ ... ตื่นเต้น ตื่นเต้น จะได้ลงน้ำแล้ว


เห็นมั้ยคะ น้ำใสแจ๋วแหวว พร้อมจะลงไปลอยคอแล้วค่ะ ... แต่ปรากฎว่า พี่ฉู ไกด์ผิวเข้ม แต่ใจดีและน่ารักที่สุด พามาแวะถ่ายรูปที่เกาะรอกลอย แล้วแจกอุปกรณ์ดำน้ำเพื่อจะทดลองดูความสามารถของแต่ละคนค่ะ


สำรวจเกาะ ถ่ายรูป และซักซ้อมกันพอเป็นพิธี ก็ถึงเวลาลุยจริงแล้วค่ะ ... จำไม่ได้ว่าพี่ฉูพาไปดำน้ำที่จุดไหนเป็นที่แรก จำได้แต่ว่า คลื่นแรงมาก พอเรือจอดก็โคลงเหมือนไกวเปลเลยค่ะ ต้องลงดำแบบเกาะเชือกที่ผูกไว้กับทุ่นไปเรื่อยๆ ค่ะ ... คนดีล่วงหน้าไปก่อน เราตามไปทีหลัง ลากหมูหนิงที่ดูทุลักทุเลไปจนทันกลุ่มแรก แล้วก็ผละไปหาคนดีค่ะ


แต่พอไปเจอคนดี คำแรกที่ได้ยินคือ "เค้าจะอ้วก" อ้าว เมาคลื่น หรือ เหม็นขี้หน้า กันแน่คะ ... ประคองคนดีให้ลอยคอ ลูบหลัง ลูบไหล่ให้ สุดท้ายคนดีก็ทำการบริจาคอาหารเช้าให้ปลาที่อยู่แถวนั้นค่ะ


คลื่นลมแรงมาก ทำเอาเหนื่อยและปั่นป่วนไปตามๆ กันค่ะ พี่ฉูเลยระดมพลขึ้นเรือ แล้วพาไปจุดต่อไป ... คนดีขึ้นเรือได้ ก็ยัง โอ้กกกกกกก อ้ากกกกกกก ให้อาหารปลาไปตลอดทาง ... จนไปถึง เกาะหินซ้อน คนอื่นถ่ายรูปเป็นที่ระลึกว่าหินซ้อนกันอยู่ได้ยังไงอย่างพอเหมาะพอเจาะแบบนี้ แต่คนดีก็ยัง โอ้กกกกกกกกกกกกกกก ไม่เลิก


แล้วก็วนไปดำน้ำจุดที่สองค่ะ จำไม่ได้ว่าชื่ออะไร แต่ตรงนี้คลื่นลมสงบกว่า ... ลงไปเห็นปลาแปลกๆ ปะการังสวยๆ และที่สำคัญมีทุ่งดอกไม้ทะเลด้วยค่ะ ... ตรงนี้มีพื้นที่ให้ดำน้ำยาวมากค่ะ ดำน้ำดูกันเพลิน เราประกบคนดี คอยดึง ลาก จูง สลับกับลูบหลังลูบไหล่ให้ เพราะคนดียังโอ้กกกกกก ไม่เลิกค่ะ


ตรงนี้ดำน้ำกันยาวมาก จนเริ่มล้า หน้าตาหมดเรี่ยวแรงไปตามๆ กัน และหลายๆ คนก็เริ่มมีผลกระทบจากเสียง โอ้กกกกกก อ้ากกกก ของคนดี ที่ดังสนั่น ... ทำให้หลายๆ คน ปั่นป่วนมวนท้อง และรู้สึกอยากจะคายอาหารเช้าบริจาคให้ปลากันบ้าง


พี่ฉูเลยเรียกขึ้นเรือ แล้วพาไปพักทานข้าวที่เกาะดงค่ะ ... ขึ้นฝั่งปุ๊บก็มี น้ำเปล่า น้ำอัดลม พร้อมน้ำแข็ง และปีโป้ รองท้องค่ะ ... ส่วนมื้อกลางวัน มี กะเพราไก่ไข่ดาว กับ ข้าวผัดไก่ ให้เลือกค่ะ ทั้งสองอย่างอยู่ในกล่องพลาสติคที่กินหมดแล้วก็เก็บไปล้างมาใช้ได้อีก ประทับใจมากค่ะ ... จัดการของคาวเรียบร้อย ก็มีสับปะรด หวานฉ่ำชื่นใจตบท้ายค่ะ


ใครที่อิ่มแล้ว ก็แอบไปเอนหลัง ถ่ายรูป หรือนั่งเม้าท์กันต่อ ... ส่วนคนดีเอนหลังนอนราบกับพื้นตั้งแต่ถึงฝั่ง งดข้าว รับแต่ปีโป้ น้ำ และสับปะรด ... พอพักจนเริ่มสบายเนื้อสบายตัว ก็ออกเดินทางกันต่อค่ะ


พี่ฉูพาไปนั่งพักที่เกาะราวี ให้บางคนที่สนใจใช้ฟิน ได้ทดลองใช้ ... คนที่ไม่สนก็เลือกทำเลดี เอนหลัง นั่งเม้าท์กันไปค่ะ แล้วก็ขึ้นเรือไปกันต่อค่ะ ไปดำน้ำกันอีก 2 จุด ได้เห็นปะการังผักกาด เจอนีโมตัวเท่าปลายนิ้วก้อย เห็นปลาดาวหมอนปักเข็ม เห็นหอยเม่นชราเพราะปลายเข็มขาวเป็นหย่อมๆ และบางคนเห็นงูทะเล แล้วบอกเราที่ไม่เห็น ทำเอาเรากรี๊ดกร๊าดสยดสยอง


แล้วไปปิดทริปกันที่ เกาะหินงาม เกาะที่มีหินสีดำก้อนมนๆ ที่พอเปียกน้ำแล้วเป็นลาย เงา สวย ... ใครมาถึงที่นี่ก็ต้องเรียงหินให้ได้ 12 ชั้น แล้วอธิษฐานค่ะ เราเรียงได้แค่ 8 ชั้นก็ทลายซะแล้ว เลยเลิกเรียงไปเดินถ่ายรูปเล่นแทน


จริงๆ ยังมี ร่องน้ำจาบัง ที่น่าจะแวะไปดูอีกที่ แต่คลื่นลมแรงพี่ฉูเลยเปลี่ยนโปรแกรมพากลับที่พักแทน ... ไปเดินเล่น ถ่ายรูป ก่อนจะแยกย้ายไปอาบน้ำอาบท่า พักผ่อน


เจอกันเวลาอาหารเย็น อาหาร 5 อย่าง 3 ชุด สำหรับ 12 คน หมดเกลี้ยงค่ะ เราสั่งอาหารอื่นเสริมอีกนิดหน่อย ... มื้อนี้ถ่ายรูปอาหารไว้ตามเคยค่ะ แต่ขอไม่เอามาลง เพราะอาหารไม่ได้น่าประทับใจมากนัก


อิ่มเรียบร้อย ก็เคลื่อนขบวนเดินทางไกลกันค่ะ เดินเลาะทางจากหาดที่พักอยู่ ไปตรงหาดบันดาหยา หรือที่เรียกอีกชื่อว่าหาดพัทยา เพราะแสง สี เพียบ บรรยากาศคึกคักเหมือนพัทยา ... เราไปแวะกิน ชาชัก กับ โรตี และเดินชมบรรยากาศพักเดียวก็กลับค่ะ


แยกย้ายเข้าห้องพัก เก็บของเตรียมกลับค่ะ เพราะนัด 7-8-9 เหมือนเดิม ... แป๊บเดียวเอง หมดเวลาพักต้องกลับเข้าเมืองแล้ว ว้า


วันที่ 3 ของการเดินทางไม่มีอะไรมากค่ะ ... เราออกจากเกาะราวๆ เก้าโมงกว่า กลับขึ้นฝั่งได้ก็ตรงเข้าหาดใหญ่ทันที ไปแวะพักทานมื้อกลางวันที่จัดเป็นไฮไลท์ของวัน แล้วไปเดินซื้อของที่ตลาดกิมหยง ก่อนจะเคลื่อนพลไปนั่งเม้าท์รอเวลาขึ้นเครื่องที่ร้านกาแฟหน้าสนามบิน


เม้าท์กันจนได้เวลาเช็คอิน แล้วก็ตามไปเม้าท์ ไปเฮ กันต่อที่หน้าเกท จนได้เวลาทยอยขึ้นเครื่อง อำลากัน แยกย้ายกันค่ะ ... จบไปอีกทริป สำหรับทริปหน้าที่คุยกันไว้ ยังไม่สรุปว่าที่ไหน เมื่อ่ไหร่ แต่คงเฮเหมือนเดิมค่ะ

5.12.52

หลีเป๊ะ #1

ทริปเกาะหลีเป๊ะ เป็นทริปที่มีการพูดคุยชักชวนกันนานนนนนนนแล้ว แต่รวบรวมสมาชิกไม่สำเร็จสักทีค่ะ เพราะสมาชิกธุระเยอะ คิวเต็ม กว่าจะรวมตัวกันได้ก็เลื่อนมาหลายรอบ ... สุดท้ายก็ได้ไปกันสักที เมื่อวันหยุดต่อเนื่องช่วงวันพ่อที่ผ่านมาค่ะ


สมาชิก 12 คน จากทีมเรา 7 คน ทีมสาวกวาง 5 คน ... นับสมาชิกลงตัวตั้งแต่กลางปี รีบจองตั๋วเครื่องบินเป็นอันดับแรก เราจองเครื่องหางแดงก่อน ส่วนสาวกวางรอจัดคิวสมาชิก กว่าจะลงตัวโปรของหางแดงอัพราคาไปแล้ว มาได้โปรของทีจีแทน ... สองขบวน แยกกันไปคนละไฟลท์ แล้วไปเจอกันที่สนามบินหาดใหญ่ค่ะ


ทีมสาวกวางออกเดินทาง 6.00 น. ส่วนทีมเราออกเดินทาง 7.50 น. ทีมสาวกวางถึงก่อนก็หามื้อเช้าระหว่างรอทีมเราตามไปถึง เดชะบุญที่ไม่มีดีเลย์ ไม่งั้นรอกันแย่ ... ลงเครื่องแล้ว ก็ขนสมบัติขึ้นรถตู้โดยสาร หาดใหญ่-ปากบารากันต่อค่ะ มุ่งหน้าไปท่าเรือ


เกือบๆ เที่ยง ก็ถึงท่าเรือค่ะ จริงๆ จะลงเรือเลยก็ได้ แต่ว่าเราเลือกที่จะรอเรือเที่ยวต่อไปค่ะ เพราะอยากจะไปแวะ ตะรุเตา กับ เกาะไข่ ค่ะ ... ระหว่างรอเลยชวนกันหาข้าวเที่ยงทาน แล้วก็นั่งเม้าท์รอเวลาค่ะ


14.30 น. ได้เวลาลงเรือสปีดโบ๊ทลำโต พอลงเรือได้ก็หลับค่ะ โงกเงกไปจนเรือหยุด ก็ตื่นลืมตา ... ถึง ตะรุเตา แล้วค่ะ ไกด์แวะจอดให้เราลงไปเดินยืดเส้นยืดสาย ถ่ายรูป และไหว้เจ้าพ่อตะรุเตาค่ะ ... แล้วก็รีบโดดลงเรือไปกันต่อค่ะ


ลงเรือก็หลับต่อค่ะ มาตื่นตอนเรือหยุดอีกที ถึง เกาะไข่ แล้วค่ะ ... แต่ไม่ได้ลงไปแวะ ได้แต่ชะแง้ดู เพราะถ้าลงต้องปีนลงทางด้านหลังเรือ ต้องปีนผ่านเครื่องยนต์ลงไปค่ะ ทุลักทุเลน่าดู เลยผ่านดีกว่า ... ไม่อยากทำให้ผู้โดยสารที่ร่วมเรือลำเดียวกันลำบาก


พอไม่ลงเกาะไข่ ก็เดินทางกันต่อค่ะ หลับกันต่อไปจนถึงเกาะหลีเป๊ะค่ะ ... ย้ายขบวนคนกับสมบัติจากสปีดโบ๊ท ไปอยู่บนโป๊ะกลางทะเล แล้วรอจัดระเบียบลงเรือหางยาวไปที่พักกันต่อค่ะ ... เพราะคลื่นโคลงเคลงตรงเกาะไข่ ทำเอาสมาชิกหลายคนปั่นป่วนมวนท้องและมึนหัว พอได้เวลาลงเรือก็รีบเคลื่อนตัวกันอย่างรวดเร็ว


โคลงเคลงฝ่าคลื่นลูกย่อมๆ ไปราวๆ 10-15 นาที ก็ถึงสักทีค่ะ ... ที่พักของเราคราวนี้ชื่อ Moutain Resort ตอนถึงหาดฝั่งที่พักก็ชื่นใจกันเป็นแถว แต่พอเห็นบันไดทางเดินขึ้นที่พักที่อยู่บนเขาก็ท้อแท้ใจค่ะ ... ขึ้นเครื่องบิน ต่อรถตู้ ต่อสปีดโบ๊ท ต่อเรือหางยาว แล้วยังต้องมาตะกายบันไดอีก โอ๊ยยยยย หอบรับประทาน


แต่พอขึ้นไปถึงด้านบัน มองกลับลงมาก็หายเหนื่อยค่ะ บรรยากาศดีมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ... ได้น้ำส้มเย็นๆ เป็นเวลคัมดริงค์ ดื่มชื่นใจ ก็แยกย้ายกันเข้าห้องพักค่ะ


ห้องพักที่ได้เป็นเหมือนกระท่อมน้อยปลายนา ที่มีห้องน้ำในตัว และเราเลือกแบบมีแอร์กันไว้ค่ะ เพราะไม่แน่ใจว่าอากาศเป็นยังไง จะมีลมรึเปล่า กลัวไม่มีลม ได้นอนร้อนตับแล่บแน่ๆ ... สภาพห้องพักไม่ได้หรูหราอลังการ ติดจะโทรมด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะใช้แค่อาศัยนอนเท่านั้น


เข้าห้องพักเก็บข้าวของ อาบน้ำ ล้างเหงื่อ สดชื่นแล้ว ก็ออกไปสมทบที่ห้องอาหารค่ะ ... เพราะก่อนแยกย้ายเข้าห้อง ทุกคนบ่นหิวกันถ้วนหน้า แล้วทริปนี้สมาชิกที่มาล้วนจัดเป็นสายแข็งทั้งนั้น กินเร็ว กินดุ กินจุ กันเกือบทุกคน ไม่ควรช้าค่ะ


อาหารมื้อนี้รวมอยู่ในแพคเกจด้วยค่ะ มีอาหาร 5 อย่าง แต่ พี่อุ๊ เจ้าของทัวร์ที่ดูแลทริปนี้ ใจดี จัด กุ้งกับปูนึ่ง เสริมพิเศษไว้ให้ด้วย ... โอ้โห โอชะ เลยหล่ะค่ะ


เป็นการถ่ายรูปอาหาร ที่รีบถ่ายมากที่สุด และถ่ายแบบมือไม้สั่น ได้รูปมาแบบเบลอๆ นิดหน่อย แต่ก็ไม่คิดจะถ่ายซ้อมกว่าจะได้รูปชัดเจนแจ่มแจ๋วค่ะ ... แค่กดๆ ไว้ เพื่อเก็บเป็นที่ระลึกเท่านั้นพอค่ะ


นี่หล่ะค่ะ เหตุผลที่รีบถ่ายรูป ก็ดูมือของแต่ละคนซิคะ หนุบหนับ หนุบหนับ เคี้ยวกันหยุบหยับ ... ขืนมัวแต่ชักช้าถ่ายรูปกันอยู่ คงกินไม่ทัน และอาจจะโดนกิน เพราะยืนขวางทาง


กินกันจนอิ่มหนำสำราญ ก็ได้เวลานั่งเม้าท์ พักท้องกันค่ะ ... คุยกันไป เฮกันไป คุยกันเพลิน เพราะบรรยากาศดีมากกกกกกกกกกกกก ลมแรง พัดมาเย็นสบาย ไม่มียุงมากัดกวนใจเลยสักตัว


แล้วพอมองบนฟ้า ก็ตาลุกวาววววว ค่ะ ดาวเต็มฟ้าเลยค่า ระยิบระยับวับวาวอยู่เต็มฟ้า ... เลยชวนกันลงไปเดินริมหาด เพราะมืดกว่าด้านบนห้องอาหาร แล้วไปนอนเตียงผ้าใบชมดาวกัน ดาวยดวงเล็กๆ วิบๆ อยู่เต็มไปหมด เหมือนมีใครสะบัดจุดสีขาวบนผืนผ้าสีดำ ... สวย มองเพลิน แล้วได้ลมเย็นๆ ทำเอาจะหลับกันตรงเก้าอี้ผ้าใบ เลยชวนกันกลับเข้าห้องพักนอนเอาแรงไว้เตรียมลุยดำน้ำวันพรุ่งนี้ดีกว่าค่ะ


ติดตามต่อ ตอน 2 นะคะ