28.2.53

ลุยร้อนที่แปดริ้ว

วันหยุดต่อเนื่องแบบนี้ ตรงกับวันพระใหญ่ วันมาฆบูชา ... คนดีเลยวางแผนจะชวนที่บ้านไป ไหว้พระที่แปดริ้ว ต่อด้วยกินอาหารทะเลที่บางแสน


ฟังแผนที่วางไว้ก็ดูเข้าที แต่ถึงวันเดินทางจริง ก็ต้องปรับแผนกันสักหน่อย ... สมาชิก 6 คนของทริปนี้พร้อมแล้ว รอแค่คนดี สมาชิกคนที่ 7 คนต้นเรื่องมีงานที่ต้องเคลียร์ จากแผนที่จะออกเดินทางแต่เช้าก็เปลี่ยนมาเป็นสายๆ ... จากที่จะไปบางแสนด้วย ก็กลายเป็นตะลอนอยู่ในแปดริ้วเท่านั้น


เริ่มออกเดินทางตอนสิบโมงกว่า มุ่งหน้าไปไหว้หลวงพ่อโสธร ... จวนจะเที่ยงแล้ว เลยแวะกินก๋วยจั๊บ ร้านตั๊กม้อรองท้องก่อน ... แล้วแวะซื้อชิฟฟอนเค้ก ที่ร้านบ้านอุ๋ม ก่อนจะเข้าไปไหว้พระ


ในวัดคนเยอะมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก เดินกันขวักไขว่ ตาลายค่ะ ... ไหว้พระที่อุโบสถหลังเก่าแล้ว ก็ย้ายไปที่อุโบสถหลังใหม่ ... สองจุดนี้เราขอทำหน้าที่คนเฝ้ารองเท้า ปักหลักยืนถือร่มเป็นจุดนัดพบไม่เข้าไปไหว้พระด้านใน ... เพราะคนเยอะมาก อากาศก็ร้อน เจอคนเบียดเยอะๆ อากาศหายใจน้อย เกรงว่าจะเป็นลม ขอยืนพนมมือไหว้ด้วยใจสงบจากด้านนอกดีกว่าค่ะ


แล้วย้ายเข้าไปไหว้พระที่โรงเจด้านใน มาวัดนี้หลายทีแล้ว แต่ไม่เคยไปที่โรงเจด้านหลังเลย ... ป๊ากับโซ้ยอี้บอกว่าวันนี้เป็นวันไหว้เจ้าวันสุดท้ายของตรุษจีนพอดีให้เข้าไปไหว้สักหน่อย


ไม่เคยมาไหว้ตรงนี้ คนเยอะ แต่ไม่เบียดเสียดเหมือนด้านนอก เลยขอเข้าไปไหว้พระไหว้เจ้าด้านในด้วย ... เข้าไปก็งงๆ ทำอะไรไม่ถูก รู้แต่ว่าต้องจุดธูปไหว้เยอะมาก ชั้นบน 41 ดอก ชั้นล่าง 32 ดอก แล้วเดินไหว้เจ้าตามจุดต่างๆ


ควันธูปคละคลุ้ง แสบหูแสบตา ไม่ค่อยรู้เรื่องด้วย ไม่รู้ว่าต้องเริ่มตรงไหน ยังไงก่อน ... สังเกตว่าใครทำยังไง แล้วเดินวนไปไหว้ตามจุดต่างๆ ไม่รู้ว่าต้องสวดยังไง ขอพรยังไง เลยใช้มุขเดิม ยกธูปขึ้นไหว้แล้วนึกในใจ "สวัสดีค่ะ หนูมาสักการะเพื่อความเป็นมงคลของตัวนะคะ" ปักธูป แล้วย้ายไปจุดต่อไป


เดินวนจนครบทุกจุดทั้งชั้นบน และชั้นล่าง มีกลิ่นควันธูปตลบอบอวลทั้งผม ทั้งเสื้อ มือก็เป็นสีชมพูสดสวย ... แล้วนั่งรอสมาชิกตามมาสมทบที่โรงเจ แวะพักเติมข้าวต้มกับอาหารลงท้องอีกหน่อย แล้วก็ออกเดินทางกันต่อ


จุดหมายอยู่ที่ ร้านกุ่ยช่ายเจ๊อิม กุ่ยช่ายเจ้าอร่อย ... พอถึงร้าน สมาชิกในบ้านคนดี งงๆ ว่า มาทำอะไรลึกลับแบบนี้ พอรู้ว่ามาซื้อกุ่ยช่ายยิ่งสงสัย ว่าอร่อยขนาดต้องดั้นด้นเลยหรือ


ได้กุ่ยช่ายแล้ว ก็ย้ายไปร้านก๋วยเตี๋ยวปากหม้อ ตรงไปร้านประจำแต่ปรากฎว่าเครื่องหมดแล้ว เหลือแต่น้ำซุป ... เลยต้องหาร้านอื่นกันต่อ เพราะเป็นวันพระ วันมาฆบูชาหลายร้านก็ปิด แต่ยังโชคดีที่ร้านเป็นเพิงเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกลยังเปิดอยู่


สมาชิกของทริปเลยได้ลองเมนูใหม่ๆ ก๋วยเตี๋ยวปากหม้อ ก็อร่อย สนุกสนานไปอีกแบบ ... แล้วก็เปิดกล่องลองชิมกุ่ยช่ายที่ซื้อมา เลยเข้าใจว่า อร่อยขนาดที่ต้องดั้นด้นมาชิมจริงๆ


อิ่มพุงตึงมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก เพราะกินต่อเนื่องตลอดวัน ... แต่เพื่อให้ครบสูตร ก่อนกลับเลยแวะซื้อข้าวมันไก่ชลบุรีเจ้าอร่อยกลับมาเป็นมื้อเย็นด้วย


แล้วก็แบกพุงเต่งๆ มุ่งหน้ากลับบ้านค่ะ ... แต่ก่อนกลับ ขอแวะซื้อขนมเปี๊ยะ ตั้งเซ่งจั้ว ขนมขึ้นชื่ออีกนิด แล้วก็ยิงยาววววววววววววววววววว เข้ากรุงเทพฯ


ทริปนี้ร้อนมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ฟ้าเปิด แดดแรง ... ร้อนซะจนไมเกรนขึ้นค่ะ


เป็นทริปที่อิ่มสุดๆ และร้อนสุดๆ จนไม่มีแก่ใจจะถ่ายรูปใดๆ ค่ะ ... ขอติดไว้ทริปบางแสน ที่คนดีวางแผนจะพาที่บ้านไปอีกรอบ ค่อยเก็บภาพมาฝากนะคะ

27.2.53

5 men and a lady


เค้าบอกกันว่า นี่เป็น "คอนเสิร์ทแรกของสุภาพสตรีรักสนุก ตุ๊ก วิยะดา โกมารกุล ณ นคร" ... เราซึ่งจัดตัวเองเป็นแฟนเพลงของผู้หญิงคนนี้ พอได้ข่าวคอนเสิร์ท ก็เกิดอาการลุกลี้ลุกลน อดใจไม่ไหว อยากดูทันที


ตัดสินใจดูทันที และขอร้องแกมบังคับคนดีให้ไปดูด้วย ... เหตุผลหลักคือ ชอบผู้หญิงคนนี้ อยากฟังเพลงที่ร้อง อยากรู้ว่าจะพูดคุยอะไรบ้าง แขกรับเชิญเป็นใคร ยังไง ไม่สน ... ฉันจะดู


จัดการจองตั๋วผ่านเว็บเรียบร้อย แล้วก็คอยเตือนตัวเองไม่ให้ลืมวันแสดง ... พอถึงวันแสดง ก็พร้อมลุย พร้อมสนุก


คอนเสิร์ทจัดที่หอประชุมใหญ่ ม.ธรรมศาสตร์ ... กะแล้วว่าต้องหาที่จอดรถยากแน่ๆ เลยไปก่อนเวลาพอสมควร สี่โมงกว่าก็ถึงแล้ว โชคดีที่เจอที่จอดรถว่าง และอยู่ไม่ห่างจากหอประชุมพอดี ... ได้ที่จอดรถแล้วก็เดินเล่นเตร็ดเตร่ฆ่าเวลา


ช้อปปิ้ง กินข้าว กินขนมเรียบร้อย ก็เดินกลับมาหอประชุม ประตูเปิดพอดี ... นั่งรออยู่พักใหญ่ๆ ราวๆ ทุ่มครึ่งคอนเสิร์ทก็เริ่ม


เปิดตัวด้วยเจ้าของคอนเสิร์ทในชุดสีชมพูสดสวย กับเพลงฮิต "เพียงแค่ใจเรารักกัน" ... ร้องเพลงสักพัก ทักทายผู้ชมสักหน่อย ก็เปิดตัวแขกรับเชิญทั้ง 5 หนุ่ม ในเครื่องแบบต่างกันไป ... ว่าน-ธนกฤต ป็อบ-แคลอรี่ส์ บลาห์ บลาห์ ปิงปอง-ศิรศักดิ์ พลพล และ เสนาหอย ได้รับโจทย์ว่าต้องออกมาแข่งกันจีบพี่ตุ๊กเจ้าของคอนเสิร์ท


ขำๆ เพลินๆ อาจจะมีบางช่วงกระท่อนกระแท่น แปร่งๆ ไปบ้าง ... แต่โดยรวมก็ชอบใจ เพราะชอบเจ้าของคอนเสิร์ทอยู่แล้ว ถึงแม้จะลืมเนื้อบ้าง โก๊ะบ้าง รั่วบ้าง แต่ก็สนุกค่ะ


หลังจากจบคอนเสิร์ท ศิลปินทั้ง 6 ออกมาแจกลายเซ็น ... แต่ไม่ได้อยู่รอค่ะ เพราะคนดีต้องรีบเข้าไปติดตั้งงาน ไปดูงานลูกค้าต่อ ... เสียดายมากกก


หวังว่าพี่ตุ๊กจะมีคอนเสิร์ทเดี่ยวของตัวเองอีกสักครั้ง ... จัดอีกก็จะไปดูอีกค่ะ ชอบผู้หญิงคนนี้จริงๆ

24.2.53

กล่องของขวัญประจำปี

ถึงเวลาส่งกล่องของขวัญประจำปีอีกแล้วค่ะ ... กล่องของขวัญกล่องนี้เป็นกล่องกระดาษใบโต แต่ไม่ได้ห่อสวยงาม และไม่ได้ส่งถึงมือผู้รับโดยตรง ต้องฝากบุคคลที่ 3 บุคคลที่ 4 จัดส่งให้อีกทอด ... แต่หวังว่าผู้รับจะชอบใจ ดีใจ เมื่อได้รับกล่องของขวัญใบนี้


ผู้รับที่ว่าคือ "น้องซิน" สาวน้อยชาวกระบี่ ที่มีผู้ร่วมอุปการะหลายชีวิต ... ปีที่แล้ว จัดส่งกล่องของขวัญรวมมิตรหลายเทศกาลไปให้น้องซินเมื่อเดือนเมษา ผ่านทั้งวันเกิด วันปีใหม่ และวันเด็ก ไปจนจะเปิดเทอมอยู่แล้ว


ปีนี้เลยตั้งใจว่า จะส่งของขวัญไปให้ทันวันเกิดของน้อง ควบปีใหม่ วันเด็ก ซะเลย ... แต่ก็ไม่ได้ทำอย่างที่ตั้งใจค่ะ เตรียมของไว้บ้างแล้ว แต่ยังรู้สึกว่าอยากจะหาอันนั้นอันนี้ให้ด้วย มัวแต่เอ้อระเหย จนล่วงเลยเทศกาลทั้งหลายมาจนได้ ... ไม่ได้การหล่ะ ต้องรีบส่งของแล้ว


วันนี้เลยจัดการแพ็คของลงกล่อง แนบจดหมายทักทายไปหนึ่งฉบับ แล้วห่อกระดาษสีน้ำตาลให้เรียบร้อยตามมาตรฐานไปรษณีย์ไทย ... ฝากให้พี่เมสเซนเจอร์ ไปส่งที่ไปรษณีย์ ส่งตรงไปที่มูลนิธิฯ แล้วให้มูลนิธิฯ ส่งต่อให้ถึงมือน้อง


ประดาของที่แพ๊คลงกล่องไป มีดังนี้

- กระเป๋าเป้ 1 ใบ

- ตุ๊กตา 1 ตัว

- ชุดนอน 1 ชุด

- ชุดเสื้อกล้าม + กางเกงใน 3 ชุด

- เสื้อยืด 1 ตัว

- เสื้อกันหนาว 1 ตัว

- ยางรัดผม 2 ห่อ กิ๊บติดผม 4 คู่

- ดินสอ 2 กล่อง

- หนังสือ การ์ตูนชุดกบนอกกะลา 3 เล่ม

- สมุดโน้ต 2 เล่ม


ใจจริงอยากจะส่งของอีกหลายอย่างให้น้องนะคะ แต่ยังไม่ได้หาจริงจัง ... เลยขอติดไว้ก่อนค่ะ กะว่าจะทยอยซื้อไว้เรื่อยๆ จะได้ส่งของให้น้องช่วงปลายปีนี้พอดี ... แหมการหา ซื้อของให้น้องนี้ สนุกดีนะคะ ถ้าได้เจอตัว กะขนาดตัวได้แม่นกว่านี้ คงสนุกมากขึ้น


ต้องวางแผนแล้วว่า กล่องของขวัญครั้งหน้า จะจัดส่งอะไรให้น้องซินดีน้อ ...

23.2.53

ผิดอะไร

ถ้าถามคนใกล้ตัวว่าเรากับคนดีใครใจดี ... รับรองได้ว่าเสียงออกมาเป็นเอกฉันท์แน่นอนว่า "คนดี" ใจดีกว่า


เพราะเราจัดเป็นพวกสาวฤทธิ์แรง ปรี๊ด วี๊ด แผลงฤทธิ์ ปล่อยของ เม้ง โวย ประจำ แต่จะออกฤทธิ์เมื่อมีเหตุ และจะปล่อยของกับต้นเหตุตรงๆ ไม่เหวี่ยงไปรอบด้าน แค่องค์ลงเม้งใครสักคน ที่เหลือก็หลบลี้หนีหน้าไปหมด ... บางคนบอกว่าแค่อยู่เฉยๆ นิ่งๆ ก็น่ากลัวแล้ว เหมือนมีรังสีที่ทำให้ต้องเกรงแผ่ออกมา


ยอมรับ เพราะเม้งจริง โวยจริง โหดจริง ... แต่ใครจะเชื่อว่า คนดี ที่ดูใจดี๊ ใจดี ก็เม้ง และ เหวี่ยง ไม่เบา


คนดีที่ใจดี๊ ใจดี ก็มีเหตุให้หงุดหงิด ขัดใจเหมือนคนทั่วไปนั่นแหละค่ะ แต่คนดีไม่ค่อยเม้ง วีน โวย กับต้นเหตุเท่าไหร่ ... มาปล่อยของ แผลงฤทธิ์ เหวี่ยงใส่เราประจำ


ก็เข้าใจนะคะ ว่าเราเป็นคนใกล้ตัว อยู่ใกล้ชิดสนิทที่สุด เลยอาจจะเจอเหตุบ่อยกว่าคนอื่น ... ถ้าเหตุนั้นเกิดจากเราเอง ก็ยอมรับผิดโดยดี แต่ร้อยละ 90 ที่คนดีหงุดหงิด มักจะเกิดจากคนอื่น แต่กลับมาเหวี่ยงใส่เรา ... อิฉัน "ผิดอะไร" เนี่ย เข้าใจแต่รับไม่ได้ ค่ะ


วันนี้คนดีก็เหวี่ยงอีกแล้ว ... เข้าใจนะคะ ว่าหิว แล้วเจอรถติดหนึบหนับกว่าจะขยับ รถความร้อนขึ้น แล้วฮอร์โมนยังพุ่งปรี๊ด เพราะน้องจะหัวแตก ... แต่มาเหวี่ยงใส่กันโครมเบ้อเร่อ ทั้งที่เราไม่ได้ผิดอะไรเลย แบบนี้รับไม่ได้


รับไม่ได้ก็ต้องคุยกันค่ะ ปล่อยผ่านไม่ได้ ไม่ชอบใจ ต้องเตือนให้รู้หน่อย แต่ทิ้งช่วงรอให้คนดีปรับระะดับความปรี๊ดลดลง และท้องอิ่มก่อน ... จับเข่าคุยกันระหว่างทางที่คนดีมาส่งบ้าน ถาม ยกตัวอย่าง อธิบาย และบอกให้รู้


มาถึงหน้าปากซอย ร่ำลากันก่อนลง คนดีก็บอกว่า "ขอโทษ" ... ค่อยยังชั่วที่รู้ตัวว่าทำ "ผิดอะไร" ไม่น่ารักยังไง และเอ่ยปากขอโทษโดยที่ไม่ต้องขอ ไม่ต้องทวง


คนดีขา ถ้าเค้าทำผิดแล้วจะเหวี่ยงใส่เค้าก็เข้าใจและยอมรับค่ะ ... ถ้าจะแผลงฤทธิ์ ปล่อยของ เพราะหงุดหงิดคนอื่น แล้วเหวี่ยงใส่กันเป็นบางครั้งก็พอเข้าใจ แต่เหวี่ยงถ้ากระจัดกระจายก็ไม่ไหวนะคะ รับไม่ได้


ขอบคุณนะคะ ที่รับฟัง และ เอ่ยปาก ขอโทษ ... อยากให้คนดี ใจดี๊ ใจดี และน่ารักแบบนี้ไปตลอด ... คนรักกัน ก็ต้องพูดดี คิดดี ทำดีให้กัน จริงมั้ยคะ

16.2.53

เกือบแล้ว

วันที่ 16 วันที่มีคนหลายคนเฝ้ารอและติดตามลุ้น ว่าจะมีโชคดีให้ได้เฮ ... หรือหน้าเหี่ยว รอลุ้นกันใหม่


พอดีที่มีร้านขายลอตเตอรี่ที่สนิทกัน เรียกว่า "ร้านป้า" ... สนิทกันเพราะป้าเคยเปิดแผงขายหนังสือ แล้วที่ออฟฟิศเป็นลูกค้าประจำอยู่หลายปี จนป้าโดนลูกๆ ขอให้เลิกขาย เพราะไม่อยากให้แม่เหนื่อย


ป้าปล่อยแผงให้คนอื่นมารับช่วงต่อ ส่วนตัวป้าก็หายไปพักผ่อนอยู่ในบ้านระยะนึง ... แล้ววันนึงป้าก็กลับออกมาอีกครั้ง ออกมาตั้งโต๊ะขายลอตเตอรี่ ป้าบอกว่า "อยู่บ้านเฉยๆ เบื่อ เหงา มาขายลอตเตอรี่สบายกว่าขายหนังสือ เพราะไม่ต้องขายทุกวัน" แล้วร้านที่ป้ามาตั้งโต๊ะขาย ก็เป็นหน้าร้านทองของญาติกัน ร้อนก็เข้าไปนั่งรับแอร์เย็นๆ สบาย


เออ เห็นป้าสบายดี ก็ดีใจด้วย ... นานๆ ก็อุดหนุนลอตเตอรี่ของป้าบ้าง


ปัญหาคือ ไม่รู้ว่าจะซื้อเลขอะไรดีค่ะ ไปยืนหน้าแผงทีไรตาลายทุกที ... ไม่มีเลขเด็ด เลขเด่น อยู่ในหัว ... แก้ปัญหานี้ด้วยการบอกป้าไปว่า "ช่วยหยิบรางวัลที่ 5 ให้หนูสักใบ"


ป้าถาม "ไม่เอารางวัลที่ 1 เหรอ" "ไม่เอาหล่ะค่ะ กลัวช็อค" ป้าหัวเราะคิกคักก่อนจะเลือกส่งมาให้ พร้อมกับบอกว่าขอให้โชคดี


สิบเอ็ดโมงนายให้เดินไปเบิกตังค์ ระหว่างทางเห็นคนคึกคักอยู่หน้าแผงลอตเตอรี่ เลยนึกได้ว่าวันนี้ลอตเตอรี่ออก ... พอผ่านร้านป้าก็เล็งดูเห็นว่ามีลอตเตอรี่เหลืออยู่ 5-6 ใบ กะว่าจะอุดหนุนกันสักหน่อย


กะว่าตอนเดินกลับจากแบงค์จะแวะซื้อ เลยเหลือบตาไปดูว่ามีเลขอะไรเหลือบ้าง ... ถ้าเจอ 00 คงไม่ซื้อ เหลือบไปเห็น 03 เออ พอไหว เดี๋ยวค่อยมาอุดหนุน


แต่พอเบิกตังค์เสร็จเรียบร้อย รีบซื้อข้าวกล่อง แล้วเรียกมอเตอร์ไซค์วินกลับออฟฟิศเลยค่ะ เพราะไม่อยากถือเงินเดินกลับเอง ระแวง ... แล้วก็ลืมไปเลยว่าจะแวะซื้อลอตเตอรี่


พอตกเย็นเลิกงาน เดินกลับบ้าน ได้ยินเสียงเด็กตะโกนขายเรียงเบอร์ เลยนึกขึ้นได้ว่าจะซื้อลอตเตอรี่ แล้วลอตเตอรี่ออกแล้วด้วย ... ไหน ไหน ไหน ขอดูหน่อยซิว่าออกเลขอะไร ตรงร้านทองที่ป้าตั้งแผงขาย มีบอร์ดประกาศผลลอตเตอรี่ติดอยู่


เหลือบตาแวบไปดูอย่างรวดเร็ว แล้วก็หันหน้ากลับ ... ชะงัก แล้วหันกลับไปดูใหม่ เฮ้ย เลขท้าย 2 ตัว ออก 03


เฮ้ออออออออออออออออออออออออ เกือบแล้ว เกือบจะมีโชคแล้ว ... ถ้าซื้อไปเลยตั้งแต่ตอนเดินผ่านโชคก็มาถึงแล้ว นี่แค่เกือบ โชคเลยเฉียดมาใกล้เหลือเกิน


ครั้งหน้าคิดปุ๊บ จะซื้อปั๊บเลย ... เพี้ยงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง ขอให้โชคมาหล่นปุ๊ลงตักเต็มๆ สักงวดเถอะค่ะ


15.2.53

: 95 เดือน :

วันที่ 15 อีกแล้ว เร็วจัง ... แป๊บๆ ผ่านไปอีกเดือนแล้ว อายุความรักขยับเพิ่มขึ้นอีกนิด 95 เดือนแล้ว


"If I know what love is, it is because of you."

- Herman Hesse -


ควันหลงวาเลนไทน์ยังกรุ่นๆ ... มาสั้นๆ ง่ายๆ แค่นี้พอนะคะ


= รักคนดีที่สุดค่ะ =


14.2.53

Happy Valentine's Day : รักฉ่ำใจ

14 ก.พ. วาเลนไทน์อีกแล้ว ... ปีนี้วาเลนไทน์ ตรงกับตรุษจีนพอดิบพอดี มองไปทางไหน ก็เจอสีชมพู-แดง กระจายทั่วเมือง


เมื่อ ปีที่แล้ว มีทริปไประยอง-จันทบุรี พอดี ... ปีนี้ก็มีทริปตะลอนทัวร์ กาฬสินธุ์-ขอนแก่น เลยต้องแอบซุกของขวัญกับการ์ดลงกระเป๋าเดินทางอีกแล้วค่ะ


เพราะบอกคนดีไว้ว่าปีนี้งดของขวัญแล้ว ไม่รู้คนดีตายใจแค่ไหน ... เลยแอบซื้อ ferrero rocher 1 กล่องไว้ให้ แล้วหยิบให้ตอนเช้าก่อนออกเดินทาง กะให้คนดีตายใจว่าไม่มีอะไรอื่นๆ แล้ว


คนดีถามว่า "ไหนว่าไม่มีของแล้วไงคะ ทำไมถึงซื้อชอคโกแลตให้" ... "ก็ซื้อให้แทนการ์ดไงคะ"


"ขอเป็นการ์ดดีกว่านะ" ... "อ้าว ไม่เอาใช่มั้ย งั้นกินเองก็ได้" พูดจบทำท่าจะหยิบคืน แต่คนดีก็ยึดไว้ไม่ยอมคืน


จนเช้าวันนี้ ตื่นก่อน อาบน้ำก่อน พอคนดีเข้าไปอาบน้ำ ก็รีบรื้อของขวัญกับการ์ดออกจากกระเป๋า แล้วเอาไปวางไว้ตรงกระเป๋ากล้องของคนดี แล้วหยิบกางเกงยีนส์ที่พับไว้วางทับ ... ไม่อยากให้เห็นแบบโจ่งแจ้งทันที แต่กะว่ายังไงตอนเก็บของก็ต้องเห็นหล่ะ


แล้วคนดีก็เห็น ยิ้มปลื้ม หยิบของเดินมาถาม เขย่าๆๆๆ ถามว่า "นี่อะไร นี่อะไร" แล้วแกะห่อของขวัญทันที ... ง่วนกับห่อของขวัญพักเดียว ความสงสัยก็หายไปค่ะ


พอคนดีเห็น Moisture Surge Face Spray Thirsty Skin Relief ก็ยิ้มกว้าง ... เพราะคนดีลองใช้ sample ตัวนี้แล้วชอบใจ ขวดเล็กพกพามาฉีดเพิ่มความชุ่มชื้นระหว่างวัน เพราะคนดีมีปัญหาผิวแห้งค่ะ


สาเหตุที่เลือกซื้อชิ้นนี้ให้ก็เพราะ คนดีลองใช้แล้วถูกใจ ... แล้วก็เป็นของขวัญต่อเนื่องจากวันเกิดที่ให้ครีมเซ็ทนี้ไปแล้ว ... ที่สำคัญแอบแฝงความหมายโดยนัย คือเติมน้ำให้ชุ่มฉ่ำ จะได้รักฉ่ำใจกันไปนานๆ ค่ะ


คนดีขา ... รู้ความหมายโดยนัยที่แฝงไว้แล้วนะคะ หวังว่าคงไม่เผลอเรอปล่อยให้รักของเราแห้งเหี่ยวนะคะ


Happy Valentine's Day ทุกๆ คนค่ะ ... ขอให้มีรักดีดีเกิดขึ้นและคงอยู่ในหัวใจทุกๆ คนนะคะ

13.2.53

ภารกิจผู้ติดตาม

มีทริปพิเศษ ทริปเร่งด่วนเกิดขึ้นค่ะ ... คนดีส่งช่างไปติดตั้งงานให้ลูกค้าที่กาฬสินธุ์ แล้วต้องตามไปตรวจงานดูความเรียบร้อย เลยชวนเรานั่งรถไปเป็นเพื่อน


จริงๆ คนดีบอกล่วงหน้าไว้หลายวันแล้ว แต่ยังไม่สรุปว่าจะเป็นวันไหนเมื่อไหร่ ... เรารับปากไปด้วยถ้าตรงกับ เสาร์-อาทิตย์ แต่ถ้าวันธรรมดาขอผ่าน เพราะไม่อยากลาหยุด


จนวันพฤหัสฯ คนดีมาคอนเฟิร์มว่าตกลงไปแน่ เสาร์-อาทิตย์นี้ ... ได้ค่า จัดกระเป๋าเสื้อผ้าทันที


เช้าวันเสาร์ตื่น 7 โมงนิดหน่อย รีบอาบน้ำแต่งตัว เราไปแวะซื้อเสบียงมื้อเช้า ส่วนคนดีไปตามหาอุปกรณ์ให้ช่างเพิ่มเติม ... กว่าจะพร้อมเดินทางออกจากกรุงเทพฯ ก็ราวๆ 9 โมงได้


คนดีขับรถตรงยิงยาว รังสิต - ปทุมธานี - อยุธยา - สระบุรี - นครราชสีมา - ขอนแก่น - กาฬสินธุ์ ... หยุดแวะพักเข้าห้องน้ำ ซื้อขนม ซื้อแซนด์วิช ซื้อไส้กรอก เสบียงมื้อเที่ยงกินบนรถ


ขับเรื่อยๆ ชิลด์ ชิลด์ ตามนิสัยคนดี 80-100 กม./ชม. ยังโดนตำรวจเรียกจอด เสียค่าปรับ ... ตำรวจบอกว่า กล้องจับความเร็วได้ 124 กม./ชม. กล้องตัวไหนฮึ ขอดูหน้าตาหน่อยซิ นั่งมาด้วยก็เห็นเรื่อยๆ เฉื่อยๆ เข็มไมล์แทบจะไม่เกิน 100 เล้ย


คนดีขับ เรานั่งเล่นเกม คุยกับไปเรื่อยเปื่อย พอเริ่มเข้าเขตกาฬสินธุ์ เราก็ผล็อยหลับ ... ก่อนจะตื่นมาช่วยดูทาง เพราะคนดีเริ่มหงุดหงิดเนื่องจากช่างที่ล่วงหน้าไปก่อนบอกทางพลาด เสียเวลาวนหาอยู่พักใหญ่กว่าจะถึงไซต์งาน


ถึงจุดหมายแล้วคนดีก็ยกของเข้าไปให้ช่างเก็บรายละเอียดงานเพิ่ม ... ส่วนเราปักหลักรอบนรถ เพราะไซต์งานที่ไปยังสร้างไม่เสร็จ ละแวกใกล้เคียงก็ไม่มีร้านไหนให้นั่งรอสบายๆ ... หยิบนิตยสารที่ติดมาเปิดอ่านจบไปเล่ม นั่งเล่นเกมไปอีกหลายรอบ กว่าคนดีจะเสร็จงานออกมาก็ราวๆ 2 ชั่วโมงกว่า


คนดีออกมาเห็นหน้าก็ขำกิ๊ก เพราะเรานั่งกระจ๋องหง่องคุดคู้อยู่บนเบาะ หน้ามันย่อง หัวกระเซิง ... เพราะไม่ได้เปิดแอร์รถไว้ตลอด เปิดสักพักก็ปิด แล้วเปิดหน้าต่างรับลม พอเริ่มระอุมากๆ เข้าก็เปิดแอร์อีกรอบ ก่อนจะปิด เปิดหน้าต่างอีก


พอคนดีมาขึ้นรถ เห็นสภาพเราก็สงสารปนขำ รีบพาไปหาที่พัก ... ตอนแรกกะว่าจะพักกันในตัวเมืองกาฬสินธุ์ แต่เห็นว่ายังไม่ค่ำมาก และทางกลับไปตัวเมืองขอนแก่นก็นิดเดียว เข้าไปหาที่พักในตัวเมืองขอนแก่นดีกว่า


ถึงขอนแก่นตอนเกือบๆ ทุ่ม เข้าที่พัก โรงแรมสิรินเรสซิเดนท์ ... โรงแรมนี้คนดีเคยมาพักตอนมาดูงานกับลูกค้า เห็นว่าห้องพักสะดวกสบาย และราคาก็สบายกระเป๋า


ขนของขึ้นไปเก็บ ก็สำรวจห้องซะเลย ... แอร์ ตู้เย็น ทีวีพร้อมช่องเคเบิล มีไวไฟให้ใช้ฟรี เครื่องทำน้ำอุ่น แต่กระเบื้องพื้นห้องน้ำลื่นไปนิดค่ะ ... ราคาไม่รวมอาหารเช้าอยู่ที่ 550 บาทค่ะ


เก็บของแล้วก็รีบออกไปหามื้อค่ำหม่ำค่ะ เพราะทั้งวันยังไม่ได้ทานอาหารมื้อหลักจริงจัง มีแต่มื้อง่ายๆ ... มื้อนี้คนดีแนะนำอีกเช่นเคยค่ะ เพราะเคยมาชิมแล้ว แต่จำไม่ได้ว่าอยู่ตรงไหนแน่


วนหารอบบึงแก่นนคร แล้วก็เจอร้าน Smile @waterside ร้านอาหารบรรยากาศเก๋ แปลกตากว่าร้านอื่นๆ ในละแวกรอบบึงแก่นนครค่ะ


บรรยากาศดีค่ะ อาหารก็เสิร์ฟเร็ว รสชาติก็ใช้ได้นะคะ ยำมะระหวานพริกขี้หนูกุ้งสด รสจัด อร่อยค่ะ ... ปลากระพงทอดน้ำปลา ปลาเนื้อฟูนุ่ม น้ำจิ้มใช้ได้ ... ออเดิฟอีสาน ที่รวมมิตรมาทั้ง แหนม หมูแดดเดียว ยำหมูยอ และ ไส้กรอกอีสาน ... ปิดท้ายที่ ไข่ตุ๋นทรงเครื่อง จานนี้เนื้อไข่ไม่แนียนอย่างที่ชอบเท่าไหร่ และรสอ่อนไปเลยเมื่อเจอจานอื่นๆ ที่จัดจ้าน แต่ก็ช่วยตัดความเผ็ดของจานอื่นๆ ลงได้ค่ะ


อิ่มแล้วก็เอกเขนกนั่งฟังเพลงเพลินๆ อีกพักใหญ่ๆ เพราะวงที่เล่นดนตรีสด เล่นเพลงคุ้นหูที่ร้องตามได้ แล้วนั่งร้อง-นักดนตรีทั้ง 4 คน เสียงดี ฟังเพลินค่ะ ... คนดีเลยถือโอกาสนี้ฉลองวาเลนไทน์ล่วงหน้าไปเลย


เริ่มค่ำก็ชวนกันกลับค่ะ เพราะตะลอนกันมาทั้งวัน กลับไปอาบน้ำ เอนหลัง นั่งพักในห้องแอร์เย็นๆ ดีกว่า ... คนดีกลับไปนั่งเคลียร์งาน ส่วนเราก็นั่งจิ้มเกมที่ติดไปด้วย ก่อนที่จะผล็อยหลับ


วางแผนกันไว้ว่าจะออกเดินทางตอน 8 โมง แต่กลายเป็นว่า 8 โมงเพิ่งตื่นลืมตากันค่ะ ... กว่าจะอาบน้ำเสร็จ กว่าจะเก็บของ ออกเดินทางกันก็ 10 โมงนิดๆ แล้วค่ะ


จุดหมายแรกที่แวะไปคือ ร้านเอมโอช ร้านโปรดในเมืองขอนแก่น ถ้ามาเมืองนี้ต้องขอแวะหม่ำมื้อเช้าที่ร้านนี้สักมื้อค่ะ ... คนดีเองก็ติดใจร้านนี้เหมือนกัน


ไข่กระทะ ขนมปังสอดไส้ ขนมปังทาเนย และหมูยอทอด ... พร้อมด้วย นมสดเย็น ของเรา กับ โกโก้เย็น ของคนดี ... มื้อนี้อิ่ม สบายท้อง ในราคา 135 บาทค่ะ


ก่อนกลับก็แวะซื้อของฝากสักหน่อย แล้วยิงยาวกลับกรุงเทพฯ ... ขากลับแวะรับพ่อที่มางานแต่งงานแถวปักธงชัย แล้วแวะซื้อของฝากตรงมวกเหล็กอีกหน่อย แล้วดิ่งกลับบ้านค่ะ


เป็นทริปที่ไม่ได้แวะเที่ยวระหว่างทางเลยค่ะ ดิ่งมาแล้วก็ดิ่งกลับ ... เหมือนขับรถมาเปลี่ยนที่นอน แต่ก็ทำให้เราสองคนนึกอยากวางแผนมาตะลอนเที่ยวอีสานสักทริป แต่จะไปที่ไหน เมื่อไหร่ ยังไม่รู้เลยค่า

11.2.53

Valentine's Day


สะดุดตากับหนังเรื่องนี้ตั้งแต่ได้เห็นหนังตัวอย่างเมื่อราวๆ กลางปีที่แล้ว ... และหมายใจให้เป็นหนังที่ Must See ยังไงก็จะไม่ยอมพลาด เพราะมีนักแสดงชื่อดังคุ้นหน้าคุ้นตาเพียบ ... น่าดูเสียจริงว่าหนังจะเป็นยังไงบ้าง


อีกสาเหตุคือ คิดว่าอารมณ์หนังน่าจะคล้ายกับ Love Actually หนังโปรด ... กาปฏิทินรอเลยว่าหนังเข้าเมื่อไหร่จะรีบไปดูทันที


หลังจากช่วงปลายปีต้นปีพลาดหนังไปหลายเรื่อง เหตุจากคนดีงานยุ่งจัดสรรคิวมาดูหนังด้วยไม่ได้ ... เราเองถึงจะยุ่ง แต่ก็ยังพอจัดเวลาไปดูหนังเองคนเดียวได้ แต่คนดีไม่ยอม เพราะอยากจะดูด้วย ผลปรากฏว่า อดดูทั้งคู่ ... เรื่องนี้เราประกาศไว้เลยว่าจะดู ไม่ว่างไปด้วยก็ไม่สนใจแล้ว จะไปเองคนเดียว อย่ามารั้งเสียให้อยาก


คนดีเลยจัดการเจียดคิวงานมาให้ ... เราเลยจัดการจองตั๋วหนังตั้งแต่เช้า รอเวลาเลิกงานแล้วดิ่งไปดูหนังแค่นั้น ... วันนี้ฝากท้องไว้ที่บะหมี่เลข 8 อิ่ม กำลังดีค่า


เพราะรู้อยู่แล้วว่าหนังมีนักแสดงเยอะ เลยรอลุ้นว่าใครจะเล่นเป็นใคร ยังไง เนื้อเรื่องจะเป็นไงบ้าง ... ผลคือ เหตุการณ์เกิดในวันวาเลนไทน์พอดี วันแห่งความรักก็ต้องวุ่นวายกับเรื่องความรัก เป็นความรักหลากหลายวัย สมหวัง ไม่สมหวัง ก็ว่ากันไปค่ะ


ดูดูไป เอ๊ะ ทำไมใจมันไม่อิ่มๆ เต็มๆ เพลินๆ แถมมีหลับไปวูบด้วย ก่อนจะฟื้นมาดูต่อ ... ดูจบสรุปได้ว่า หนังเรื่อยๆ ไม่มีเหตุการณ์อะไรโดดเด่นจนเราต้องลุ้นตาม ยกเว้นตอนเฉลยคู่รักของชายหนุ่มนักอเมริกันฟุตบอลที่ทำให้ร้อง โอ๊ะ


อีกสาเหตุก็คือ นักแสดงชื่อดังเยอะ ตัวละครเลยเยอะ คนนี้เป็นแฟนคนนั้น เป็นเพื่อนกับคนนู้น ซึ่งเป็นแฟนกับคนโน้นอีกที ... แล้วเพื่อนก็มีเพื่อนที่ทำงานดูแลคนนั้น ต้องประสานงานกับคนนู้น ที่มีลูกน้องเป็นคนโน้น ซึ่งเป็นแฟนกับอีกคน ... อูย ยุ่งนุงนังไปหมดค่ะ


ตัวละครมีความสัมพันธ์ วนเวียนมาเจอกันนิดๆ หน่อยๆ ... เพราะตัวละครเยอะเลยต้องเฉลี่ยบทบาทให้ทั่วถึง แล้วไม่รู้ว่าต้องตัดทอนเนื้อเรื่อง ตัดต่อหนังให้พอเหมาะกับเวลาด้วยรึเปล่า เนื้อเรื่องเลยดูตัดฉุบฉับปุ๊บปั๊บ ข้ามจากคนนี้ไปคนโน้น


สรุปว่า ยังคงปลื้ม Love Actually มากกว่าค่ะ ... ข้อดีของหนังเรื่องนี้คือ รวบรวมนักแสดงชื่อดังให้มาเจอกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง เยอะจนจำชื่อตัวละครไม่ได้ค่ะ ว่าใครเล่นเป็นตัวละครชื่ออะไร


ถึงจะไม่ปลื้มหนังเรื่องนี้มากนัก แต่ก็ยังมีมุมน่ารัก ฉากประทับใจ และบทพูดดีดีนะคะ ... "เมื่อเรารักใครสักคน เราต้องรักทั้งหมดที่เค้าเป็น จะมาเลือกรักเฉพาะข้อดีของเค้าไม่ได้" ประมาณนี้หล่ะค่ะ จำไม่ได้แม่นนัก แต่ฟังแล้วชอบจัง


Happy Valentine's Day ล่วงหน้านะคะ ... ขอให้มีความรักดีดีเกิดขึ้นในชีวิตค่ะ

10.2.53

After You, again

เมื่อพุธที่แล้วได้ไปทำความรู้จักกับร้าน After You ... พุธนี้เดินซ้ำรอยเดิม ไปหม่ำขนมที่ร้านนี้อีกแล้วค่ะ แต่ครั้งนี้สมาชิกมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว


เพราะเสียงพร่ำเพ้อของเรา หมวยบี และสาวกบ ที่พร่ำถึงร้านนี้ไม่หยุด ประกอบกับภาพในบล็อกทำเอาสาวๆ ในออฟฟิศตาลุกวาว ... อิอิ แผนล่อเหยื่อสำเร็จ เท่านี้เราก็มีแนวร่วมไปช่วยกันชิมเพิ่มขึ้นค่ะ ... ไปหลายคนก็ได้ชิมหลายเมนู


แต่วันนี้ของดอาหารคาวก่อนอาหารหวาน ... บอกให้หมวยบีจัดการหาอาหารคาวรองท้องตอนบ่ายแก่ๆ ให้เรียบร้อย เพราะเจอทั้งคาว ทั้งหวานครบเช็ท จะอิ่มเกิน


สมาชิก 8 คน ประกอบด้วยเรา คนดี หมวยบี น้องฝน (แก๊งค์ลูกหมูครบทีม) เสริมด้วย สาวกบ สาวตู่ พี่ตู่ และน้องแตง ... จัดระเบียบร่างกายให้เข้าไปอยู่ในฮอนด้า ซิตี้ แล้วมุ่งหน้าตรงไปวิลล่า อารีย์


ลงจากรถปุ๊บก็ดิ่งไปที่ร้านทันทีค่ะ ... ได้โต๊ะหมายเลข 4 ตัวยาวด้านในสุดของร้าน นั่งกันได้ 8 คน สบายๆ แล้วสาวๆ ก็่ส่งเราไปสั่งขนม


3 จานเด่นจากครั้งก่อน มากันครบทีมพร้อมหน้าเหมือนเดิมค่ะ ... เพราะที่เหลือยังไม่เคยชิม และอยากชิม เราก็จัดให้


Mille Crepe


Strawberry Trifle


Chocolate Lava


หน้าตาน่าทานเเหมือนเดิม อร่อยเหมือนเดิม แต่ที่ต่างจากเดิม คือ วางปุ๊บ หายเรียบบบบบบบ อย่างว่องไว ... มาดูเมนูใหม่ๆ จานใหม่ๆ บ้างดีกว่าค่ะ


Tiramisu ... เนื้อเนียนละเอียด นุ่ม ละมุนลิ้น ละลายได้ในปาก ... ตักเข้าปากหนึ่งคำ ก้มหน้า เงยหน้าอีกที เกือบจะเกลี้ยงแล้วค่ะ


Chocolate Mud Brownie ... จานนี้เยี่ยมค่ะ เนื้อเค้กชอคโกแลตเข้มข้น แต่รสกลมกล่อม มาพร้อมกับไอศครีมวนิลา และวิปครีม ... เนื้อเค้กอุ่นๆ กับ ไอศครีมเย็น ตักเข้าปากพร้อมกัน เยี่ยม ... จานนี้อร่อยถึงขั้นต้องสั่งเบิ้ลค่ะ


Banana Split ... เนื้อเครปบางๆ ที่มีกล้วยหอมฝานโปะมา ซ้อนด้วยไอศครีม 3 ลูก เสิร์ฟพร้อม ชอคโกแลตซอส สตอเบอรี่ซอส และอีกอันน่าจะเป็น คาราเมล นะคะ ดูจากสีแต่ลืมดมกลิ่นพิสูจน์ก่อนเทค่ะ


พอราดซอสทั้ง 3 ชนิดแล้ว สีสันก็สวยงามน่าทานยิ่งขึ้น ... จานนี้เราขอแค่ชิมแป้งเครป เพราะไม่กินกล้วยหอมค่ะ แป้งเนื้อบางอร่อย แต่กลิ่นกล้วยหอมฟุ้งเต็มปาก ใครที่ชอบทานกล้วยหอมคงจะประทับใจ


Shibuya Honey Toast ... อีกหนึ่งจานเด็ดที่จัดเป็น Signature ของร้านนี้ ขนมปังอบที่ด้านในชุ่มเนย เสิร์ฟพร้อมวิปครีมและไอศรีมวนิลา (อีกแล้ว) ... ก่อนจะลงมือต้องราดเมเปิ้ลไซรัปให้ชุ่มก่อนค่ะ แล้วตักเข้าปากได้เลย ... จานนี้อุดมไปด้วยเนย นม หอม และเข้มข้นมากๆ


ปิดท้ายด้วย Strawberry Crumble ... เนื้อคุกกี้บิสกิตร่วนๆ คลุกเนยแล้วอบให้กรอบๆ กรุบๆ เสิร์ฟพร้อมไอศรีมวนิลา และซอสสตอเบอรี่ เปรี้ยวๆ หวานๆ กรุบๆ อร่อยอีกแล้วค่ะ


8 เมนู 9 จาน เรียบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ แบบไม่เหลือร่องรอยค่ะ ... อิ่มเพราะเข้มข้นหวานมันทุกจาน กินกันอลังการขนาดนี้ คงจะหายอยากไปอีกพักใหญ่หล่ะค่ะ


จริงๆ ยังมีอีกหลายรายการน่าสนใจนะคะ ... แอบเล็งเมนูอาหารเช้าเอาไว้ ที่ร้านบอกว่าเสิร์ฟตลอดวัน ไว้ต้องหาโอกาสไปลองค่ะ

6.2.53

ภารกิจร้อนๆ ที่เมืองกาญจน์

ทริปท่องเที่ยวของเดือนกุมภาฯ นี้ เกิดขึ้นเพราะภารกิจของเรากับหมวยบีค่ะ ... ภารกิจที่เป็นการบ้านจากพี่หมอดูที่เราสองคนยังทำค้างอยู่


จริงๆ เราทำการบ้านนี้ไปรอบนึงแล้ว แต่ยังทำไม่สมบูรณ์ เลยตั้งใจว่าจะกลับมาทำให้สมบูรณ์อีกครั้ง ... ส่วนหมวยบีติดค้างการบ้านนี้ไว้นานแล้ว ยังไม่สบโอกาสสักที ... ครั้งนี้เลยจับมือมาด้วยกันซะเลย


ตอนแรกวางแผนจะมาครบแก๊งค์ พวกกับสมาชิกขาจรเพิ่มอีก 1-2 ราย ... แต่ไปๆ มาๆ ติดธุระนั่นนี่กันไป เลยเหลือแค่ เรา คนดี หมวยบี และพี่หมี นัดเจอกันที่ที่พักเลยค่ะ


ต่างคนต่างไป หมวยบีถึงก่อนแวะไปถ่ายรูปที่สะพานข้ามแม่น้ำแคว ... เรากับคนดีตามไปถึงทีหลัง นั่งพักสักแป๊บ ก็เริ่มตะลอนทัวร์แบบร้อนๆ กันค่ะ


ตามมาตรฐานของเรา กองทัพเดินด้วยท้อง เพราะเราเจอกันสิบเอ็ดโมงกว่าแล้ว ต้องไปหาอาหารเติมพลังกันก่อนค่ะ ... มื้อนี้เลือกร้าน "ซุ่นเฮง" ค่ะ ... รู้จักร้านนี้มานานนนนนนนน แล้วค่ะ เพราะพ่อกับหม่ามี้พามากินประจำตั้งแต่เป็นสาวน้อย แต่จำพิกัดร้านไม่ชัดเจน เลยไม่แน่ใจ ... จนครั้งหลังๆ ที่มาเมืองกาญจน์ หันไปเห็นป้ายพอดี เลยหมายตาว่าจะมาชิมรื้อฟื้นความทรงจำ


อาหารเด่นของร้านนี้ คือ ผัดไทยค่ะ โดยเฉพาะผัดไทยไร้เส้น ... พี่หมีเลยสั่ง ผัดไทยไร้เส้นทะเล มาลอง บีหมวยกับคนดีชิมแล้วชอบใจ บอกว่ารสชาติใช้ได้ไม่ต้องปรุงเพิ่มเลย ... ส่วน 3 คนที่เหลือ สั่ง วุ้นเส้นผัดไทย เหมือนกัน ผัดมาแห้งดีนะคะ ไม่มัน เส้นร่วน แต่รสอ่อนไปหน่อย แต่ก็อร่อยค่ะ ... สำหรับ ทอดมันปลากราย เยี่ยมค่ะ เนื้อหนึบเป็นปลากรายจริงๆ ค่ะ


อิ่มแล้วก็เริ่มจัดการภารกิจกันเลยค่ะ มุ่งหน้าไป ปราสาทเมืองสิงห์ ... ไปปฎิบัติภารกิจของเราก่อนค่ะ


หอบพวงมาลัย ธูป และทองคำเปลว ไปไหว้พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ... ไปถึงตอนบ่ายต้นๆ แดดเปรี้ยง แสงแดดแผดเผาพลังงาน ขนาดยืนเฉยๆ ยังหมดแรงเลยค่ะ ... เรารีบจุดธูปไหว้ ถวายดอกไม้ แล้วปิดทองคำเปลวอย่างรวดเร็ว ก่อนที่สมาชิกจะเป็นลมไปก่อน


ภารกิจเสร็จเร็ว ก็ได้เวลาเที่ยวค่ะ ... ตรงไปที่ร้อนๆ อีกที่ "พร้อมมิตร ฟิลม์ สตูดิโอ" กองถ่ายหนังตำนานสมเด็จพระนเรศวรค่ะ


เรากับคนดีเคยมาแล้ว แต่หมวยบียังไม่เคยมาค่ะ ... ลังเลอยู่พักใหญ่ว่าจะไปดีมั้ย เพราะร้อนแน่ๆ กะว่าจะไปตอน 4-5 โมงเย็น แต่ไม่แน่ใจว่าปิดกี่โมง เลยแวะไปดูก่อน ไหนๆ แวะแล้วก็ลุยเลยแล้วกัน ร้อนแล้วก็ร้อนกันให้เต็มที่ไปเลย ... ถ้าอากาศเย็นกว่านี้ คงเดินเล่นได้เพลินๆ เพราะ มีจุดใหม่ๆ ที่สร้างเพิ่มขึ้นสำหรับการถ่ายทำภาค 3 และ ภาค 4 ค่ะ ... แต่นี้ร้อนมาก เดินไปจะละลาย


ร้อนกันจนเพลียก็ตรงเข้าที่พัก อินจันทรี รีสอร์ท ที่เพื่อนฝนช่วยติดต่อจองห้องให้ค่ะ ...ที่พักอยู่ไม่ไกลสะพานข้ามแม่น้ำแคว ห้องพักขนาดกะทัดรัด มีทีวี พร้อมเคเบิล ห้องน้ำก็กะทัดรัด แต่ก็สะดวกดีค่ะ แต่ไม่มีตู้เย็นค่ะ


เช็คอิน รับกุญแจ เข้าไปอาบน้ำ นอนเอกเขนก ฟื้นฟูพลังกันก่อน ... จริงๆ คือพักรอเวลามื้อเย็นค่ะ โดนแดดเผาดูดพลังกันถ้วนหน้า ทั้งเหนื่อย ทั้งเพลีย ทั้งหิวค่ะ


ราวๆ หกโมงเย็นก็ย้ายไปร้านอาหารใกล้ๆ ค่ะ ... ไปตามคำแนะนำของเพื่อนฝนอีกเช่นกัน "โฟลทติ้ง" เพราะอยู่ไม่ไกลแล้วดูคึกคักดี


4 คน กับ อาหาร 5 อย่าง เมนูง่ายๆ รสชาติใช้ได้ตามประสาค่ะ แต่ไม่มีอะไรโดดเด่นน่าประทับใจ ... ก็อร่อยนะคะ แต่ไม่ได้อร่อยแบบมาตรฐานแก๊งค์ลูกหมูค่ะ


อิ่มแล้วออกไปแวะซื้อเสบียงสักหน่อย แล้ววนเข้าที่พัก แยกย้ายกันเข้านอน ฟื้นฟูร่างกายที่สูญพลังไปเพราะแดดค่ะ


8 โมงเช้า ไปรวมตัวกันที่ระเบียงริมน้ำ ไปนั่งชมวิวริมแม่น้ำ รับลมเย็นๆ เบาๆ หม่ำ อเมริกันเบรคฟาสท์ ... เติมพลังก่อนตะลุยกันต่อค่ะ


เช้าวันนี้ถึงคิวภารกิจของหมวยบี ทำสังฆทาน และ ถวายปิ่นโต ... แวะไปรับปิ่นโตที่สั่งอาหารไว้ที่ร้านพริกแกง แล้วแวะเข้าวัดทุ่งลาดหญ้าที่อยู่ไม่ไกลค่ะ


ทำภารกิจเรียบร้อยอย่างรวดเร็ว ก็ได้เวลาเที่ยวต่อค่ะ ... พาหมวยบีไปใกล้ชิดกับชีวิตสัวต์ที่ "ซาฟารีปาร์ค"


ซื้อบัตรเข้าชมแล้ว ก็รีบเข้าไปดูโชว์ด้านในก่อนค่ะ ดูโชว์จระเข้ โชว์ช้าง พลาดโชว์สุนัขไปเพราะเราถึงช้าไปนิดนึงค่ะ ... ดูโชว์แล้วก็วนรถเข้าไปดูสัตว์ชนิดต่างๆ ค่ะ ครั้งนี้ไม่โดนสัตว์รุมล้อมรอบรถเหมือนครั้งก่อน สงสัยเพราะอากาศร้อน สัตว์หลายตัวเลยแอบหลบอยู่ในร่มเงา


แต่ก็มีอีกหลายตัวที่ออกมาต้อนรับอย่างใกล้ชิด อิงแอบแนบกระจก ยื่นปาก แหย่ลิ้น ลอดช่องกระจกที่เปิดน้อยนิดมารับแครอทค่ะ ... เรากับคนดีกรี๊ดกร๊าด เพราะน้ำลายของกวาง ม้าลาย และยีราฟยืดหยดเปรอะกระจก ... แต่หมวยบี ชอบค่ะ เปิดกระจกกว้างส่งแครอทเข้าปากสรรพสัตว์ จนหลายตัวยื่นหน้าเข้ามา แล้วแทบจะปิดกระจกหน้าต่างไม่ได้


ตื่นเต้น สนุกสนานจนเที่ยงนิดๆ ก็เริ่มหิวค่ะ ... ขึ้นรถกลับตรงดิ่งไป "ร้านพริกแกง" ร้านโปรด


อร่อยเหมือนเดิมค่ะ โดยเฉพาะ แกงส้มชะอมกุ้ง ของโปรด ... หมวยบีกับพี่หมีที่เพิ่งมาชิมครั้งแรกก็ดูชอบใจ โล่งอกค่ะ 4 คน จัดการอาหาร 6 อย่าง เกลี้ยงเรียบ


ภารกิจเรียบร้อย ท้องอิ่มเรียบร้อย ก็ขึ้นรถมุ่งหน้ากลับบ้านค่ะ ... คนดีขับยาวววววววววววว ส่วนเราหลับยาววววววววววววววว

3.2.53

After You

After You ได้ยินชื่อร้านขนมหวานร้านนี้มานานแล้วค่ะ อยากจะลองไปชิมแต่ยังหาโอกาสไม่ได้ ... จนเห็นร้านมาเปิดที่วิลล่า อารีย์ ก็ดี๊ด๊าดีใจ ว่ากระเถิบเข้ามาใกล้แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้มาชิมสักที


จนวันนี้สบโอกาส เลยชวนสาวๆ มาชิม เพราะมีคอขนมหวาน ที่โปรดปราน เบเกอรี่ เค้ก อยู่หลายคน ... จริงๆ ชวนตั้งแต่เย็นเมื่อวาน แต่เจ้าสาวหมาดๆ ขอผลัดเป็นวันนี้เพราะสามีติดงานกลับบ้านช้า ทางสะดวกกว่า โอเค ได้เลย


แต่วันนี้แก๊งค์ลูกหมูขาดขาค่ะ เพราะคนดีติดงาน วันนี้แวะมาหาไม่ได้ เราเลยรายงานตัวว่าจะไปหม่ำขนมกับสาวๆ ... ส่วนน้องฝนก็ขอตัวจะเคลียร์งานส่งเอกสารให้ลูกค้า ทำเสียงอ่อยๆ แต่พี่ๆ ก็ยังคงเป้าหมายเดิมอย่างมุ่งมั่น


แต่ว่า.....................................................................................................................


เป้าหมายที่ตั้งใจว่าจะตรงไปหม่ำขนมกันเลยมีอันต้องขยับค่ะ เพราะหมวยบีผู้หิวโหย ต้องหม่ำอาหารตามลำดับ คือ เริ่มจากอาหารคาว ต่อด้วยอาหารหวาน ... ถ้าโดดไปที่ของหวานเลย หมวยบีอาจจะเกิดอาการหิวโหยภายหลังจากหม่ำขนมหวาน ต้องไปหาอาหารคาวลงท้อง แล้วก็อาจเดือดร้อนด้วยการต้องหาของหวานตบท้ายอีกที


เพราะฉะนั้นก็ต้องเริ่มต้นด้วยอาหารคาวกันก่อนค่ะ ... มีคำแนะนำให้ไปหม่ำก๋วยเตี๋ยวปลาในซอยอารีย์ เสียงแนะนำบอกว่า "อร่อยใช้ได้" แต่มาตรฐานแก๊งค์ลูกหมู ต้องการอร่อยชัวร์ค่ะ ไม่อยากลองแล้วผิดหวัง


สาวกบที่ร่วมขบวนไปด้วยเคยมาชิมร้านนี้แล้ว การันตีอีกเสียง งั้นก็ควรไปลองชิมสักหน่อย ... รู้สึกจะชื่อร้าน ก๋วยเตี๋ยวนายฉุ่ย ค่ะ ไม่แน่ใจว่าจำถูกรึเปล่าค่ะ แต่รถลวกก๋วยเตี๋ยว พร้อมรูปประกอบที่รายล้อม ดูขลังน่าลองชิมค่ะ


บะหมี่ต้มยำแห้ง รสชาติดีค่ะ อร่อย ไม่ต้องปรุงเพิ่มเลย ... หมวยบีสั่งวุ้นเส้นต้มยำ ส่วนพี่หมี กับ สาวกบ สั่งเกาเหลาโฟ เหมือนกันค่ะ


อิ่มอร่อยกับอาหารคาวกันถ้วนหน้าแล้ว ก็ได้เวลายกพลเคลื่อนขบวนไปจุดหมายที่แท้จริง ... ตอนเดินไปก็ลุ้น กลัวว่าคนจะเยอะรึเปล่า ถ้ารอนาน พาลจะอิ่ม กินไม่ลง แต่โชคดีที่ไปถึงก็มีโต๊ะว่างพอดี


เดินเข้าร้านไปก็สติกระเจิงค่ะ เพราะกลิ่นในร้านหอมหวลตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นขนม รูปภาพขนมก็เย้ายวนใจ ... 3 สาว ผู้โปรดปรานของหวาน และเพิ่งมาร้านนี้เป็นครั้งแรกเหมือนกัน ลำบากใจเลยค่ะ เพราะไม่รู้จะสั่งเมนูไหนมาลองชิมดี เพราะน่ากินไปซะทุกอย่าง


เริ่มต้นด้วย White Strawberry Trifle เพราะเห็นพนักงานทำเสิร์ฟอยู่หลายโต๊ะ หลายถ้วย มันต้องมีอะไรดีแน่ๆ ... เราผู้ซึ่งไม่โปรดปรานสตอเบอรี่สักเท่าไหร่ ก็ยังยอมที่จะลอง


แล้วก็ไม่ผิดหวังค่ะ บัทเตอร์เค้กหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า ราดหน้าด้วยวิปครีม ไวท์ชอคโกแลต และสตอเบอรี่สด ... เสิร์ฟพร้อมกับสตอเบอรี่ซอส หวานอมเปรี้ยวนิดๆ อร่อยค่ะ ... ตักทุกอย่างให้ครบในช้อนเดียว แล้วส่งเข้าปาก อ้ำ อืมมมมมมม อาหร่อย


จานต่อมา Lava Chocolate พระเอกของงานนี้ เพราะเราสามสาวโปรดปรานชอคโกแลตเหมือนกัน ... พอจานนี้วางตรงหน้าปุ๊บ ตาก็เป็นประกาย มือไม้สั่น


เพราะเจ้าเค้กชอคโกลแตสั่นดุ๊กดิ๊ก ส่งสัญญาณบอกว่าชอคโกแลตซอสด้านในอยากจะไหลออกมาโชว์ตัวแล้ว ... พอตัดปุ๊บชอคโกแลตซอสก็เยิ้มออกมา พร้อมกับกลิ่นชอคโกแลตหอมๆ ลอยขึ้นมาเตะจมูก ว้าวววววววววววว


ตักเนื้อเค้ก กับซอส อุ่นๆ แล้วตักไอติมวนิลาเย็นๆ ส่งเข้าปากไปพร้อมกัน ... ความอุ่นของเค้กกับซอส ที่ไม่หวานเกินไป เจอกับความเย็นของไอติม มันลงตัวกันพอเหมาะพอดีจริงๆ ค่ะ ... คำต่อมาก็ตักแบบเดิมแล้วเติมเนื้อสตอเบอรี่เข้ามาด้วย อืมมมมมมม เยี่ยม


แหม แหม แหม ความสุขมันอยู่ใกล้ๆ ตัวนี่เอง ... กำลังเพลิดเพลิน ไม่ทันไร หมดซะแล้ว ไม่เป็นไรยังมีอีกหลายเมนูที่น่าสนใจ น่าชิม แต่ว่าจะชิมอันไหนดี เริ่มเป็นปัญหาค่ะ เพราะจัดการไปสองชิ้นแล้ว ท้องเริ่มตึง


ต้องเลือกกันสักหน่อย เพราะความสนใจ ความชอบของคน 3 คนไม่ตรงกันค่ะ ... สุดท้ายก็ลงตัวที่ Mille Crepe ที่เลือกเมนูนี้เพราะหมวยบีบอกว่า น้องฝนบ่นอยากชิม พี่เลยจัดการสั่งมาชิมแทนให้ พร้อมกับเก็บรูปมาให้ดูหน้าตาแบบใกล้ชิด ... แป้งเครปแผ่นบาง กับครีมสด อร่อยแบบนุ่มนวล เบาๆ


อิ่ม อร่อย ประทับใจที่สุดค่ะ ถึงราคาจะค่อนข้างสูง แต่คุณภาพและความประทับใจที่ได้ ก็คุ้มค่าค่ะ ... ติดใจจนส่งเข้าลิสท์ร้านโปรด และวางแผนจะเป็นลูกค้าประจำกันแล้วค่ะ


คนดีจ๋า ครั้งหน้าเราไปหม่ำที่ร้านนี้ด้วยกันนะคะ