29.9.52

บริจาคเลือดครั้งที่ 19

หลังจากที่บริจาคเลือดไปครั้งก่อน เมื่อวันที่ 28 มิถุนา ... ได้บัตรนัดครั้งต่อไปว่าครบกำหนดวันที่ 28 กันยา แต่ขอกระเถิบมา 1 วัน เพราะวันอังคาร ศูนย์บริการโลหิตปิดตอน 19.30 น. ค่ะ จะได้แวบมาบริจาคหลังเลิกงานได้


พอตั้งใจว่าจะบริจาคเลือดก็ต้องเตรียมตัวค่ะ เข้านอนเร็วกว่าปกติ กะนอนให้เต็มอิ่ม ทานข้าวครบทุกมื้อ และดื่มน้ำเยอะๆ ค่ะ ... พอเลิกงานปุ๊บ ก็รีบเผ่นปั๊บค่ะ


ลงรถไฟใต้ดิน ไปโผล่สถานีสีลม แล้วต่อวินมอเตอร์ไซค์ ราวๆ 17.45 ก็ถึงที่หมายค่ะ ... รีบโทรรายงานตัวกับคนดี แล้วเข้าไปกรอกเอกสาร วัดความดัน เช็คความเข้มข้นของเลือด แล้วก็ไปบริจาคเลือดค่ะ


มาบริจาควันธรรมดาแบบนี้ คนน้อยไม่ต้องรอคิวนานเหมือนวันเสาร์-อาทิตย์ 18.05 น. ก็บริจาคเลือดเสร็จเรียบร้อย ออกมานั่งพักดื่มน้ำ หม่ำขนม เรียกพลังกลับมา ... มาบริจาคเลือดครั้งนี้ได้หนังสือ บันทึกบุญ เป็นของที่ระลึกมาด้วยค่ะ


เปิดอ่านระหว่างบริจาคเลือดอยู่ ก็ได้รู้ข้อมูลดีดีค่ะ ... เอามาแบ่งปันกันสักหน่อย


- คนเรามีปริมาณโลหิตในร่างกายประมาณ 70 ซีซี ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม

- เราสามารถทนต่อการเสียโลหิตได้โดยไม่มีอาการใดๆ ประมาณ 10-12% ของปริมาณโลหิตทั้งหมด

- แต่ละคนจะมีปริมาณโลหิตประมาณ 17-18 แก้วน้ำ แต่ร่างกายใช้เพียง 15-16 แก้วเท่านั้น

- ในเวลา 120 วัน เซลล์เม็ดโลหิตแดงประมาณ 1 % จะถึงกำหนดถูกทำลายขจัดออกจากกระแสโลหิต

- ไขกระดูกจะทยอยสร้างเซลล์เม็ดโลหิตใหม่ๆ ขึ้นมาทดแทน เราจึงมีเม็ดโลหิตที่มีคุณภาพอยู่ในกระแสโลหิตตลอดเวลา

- หมู่โลหิตมี 2 ระบบ คือ เอบีโอ กับ อาร์เอช

- หมู่โลหิตระบบเอบีโอ จำแนกด้วยการค้านพบสารโปรตีนที่ฉาบอยู่บนเม็ดโลหิต แบ่งเป็น 4 หมู่ คือ เอ บี โอ และเอบี

- คนไทย 37.5% หมู่โอ 33.4% หมู่บี 21.7% หมู่เอ 7.4% หมู่โอ

- หมู่โลหิตระบบอาร์เอช จำแนกด้วยสารอาร์เอชที่พบในเม็ดโลหิต แบ่งเป็น อาร์เอชโพสิทีฟ (อาร์เอชบวก) กับ อาร์เอชเนกาทีฟ (อาร์เอชลบ)

- คนไทย 1,000 คน พบอาร์เอชบวก 997 คน อาร์เอชลบเพียง 3 คน จัดเป็นหมู่โลหิตหายาก นิยมเรียกว่า หมู่โลหิตพิเศษ

- บริจาคโลหิตแต่ละครั้งประมาณ 350-450 ซีซี ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัว

- หลังจากบริจาคโลหิตแล้ว โลหิตที่เหลือในร่างกายจะค่อยๆ เข้าสู่สภาวะปกติทั้งปริมาณและคุณภาพใน 120 วัน

- การบริจาคโลหิต ถือเป็นปรมัตถทานบารมีสูงสุดที่มนุษย์สามัญทั่วไปถึงทำได้


กำหนดบริจาคโลหิตครั้งหน้า 29 ธันวาคม ปลายปีพอดี คงไม่ได้ไปตามนัดแน่ๆ ... น่าจะเลื่อนยาวไปบริจาคเอาเดือนมีนา ช่วงเดือนเกิดเลย มีใครสนใจจะเตรียมตัวไปบริจาคเลือดครั้งหน้าพร้อมกันมั้ยคะ


26.9.52

STR reunion 2009

มีนัดกับเพื่อนสมัยมัธยมอีกแล้วค่ะ เว้นช่วงจาก นัดครั้งก่อน ราวๆ ปีนิดๆ นานๆ เจอกันทีจริงๆ ค่ะ ... มีกันอยู่ไม่กี่คน แต่กว่าจะนัดเจอกันได้แต่ละทียากเย็นเหลือเกิน


นัดครั้งนี้ได้รับข้อความผ่านทางเอ็มว่า คุณเพื่อนรายนึงดำริอยากจะเจอ แต่ไม่กล้าโทรหาเราเอง เพราะกลัวเราเม้งใส่ ขอแจ้งข่าวกันเป็นทอดๆ ฝากผ่านกันมา ... เลยบอกคิวว่างไป แล้วรอวันเวลาที่จะยืนยันกลับมา ... จากนั้นก็มีอีเมล์นัดวัน เวลา สถานที่ กระจายข่าวถึงสมาชิกกันถ้วนหน้า


สรุปได้ว่าเจอกันที่ CTW เพราะมีร้านอาหารให้เลือกเพียบบบบบ แล้วก็เดินทางสะดวก อีกอย่างเป็นถิ่นเก่าที่เด็กสมถวิลอย่างเราๆ คุ้นเคยกันอยู่แล้ว ... ถึงแม้จะปรับโฉมใหม่สดใสไฉไลอลังการกว่าสมัยเราๆ เป็นสาวน้อยก็เถอะ


นัดเจอกันราวๆ 4 โมงกว่าไม่ได้ระบุเวลาแน่นอน ... เราควงคนดีไปเดินเล่นช้อปปิ้งตั้งแต่บ่ายต้นๆ แล้ว พอได้เวลานัดก็หาจุดนัดพบปักหลักเจอกัน เลือกชั้น 6 ชั้นที่รวมสารพัดร้านอาหารซะเลย ... พอสมาชิกครบค่อยตัดสินใจเลือกร้าน


เพื่อนๆ ทยอยมากันทีละราย ราวๆ ห้าโมงนิดๆ สมาชิกส่วนใหญ่ก็มาถึง ... ถามความเห็นว่าใครอยากกินอะไร ชอบแบบไหน เพราะมีเพื่อนที่เป็นมังสวิรัต แล้วบางคนก็บอกว่าขอเลือกร้านที่หาทานไม่ได้ตามห้างทั่วๆ ไป ขออะไรแปลกใหม่หน่อย ... โอ๊ย เวียนหัว


สุดท้ายเลยเลือก FoodLoft ซะเลย ใครใคร่กินอะไรก็สั่งเอาตามชอบใจ เพราะมีอาหารหลากหลายประเภท ทั้ง ไทย จีน ญี่ปุ่น เกาหลี อิตาลี ... ไปถึงก็หามุมนั่ง แล้ว 7 สาว ก็แยกกันไปเลือกอาหาร แล้วก็กินไปเม้าท์กันไป อัพเดทชีวิตเรื่องราวของแต่ละคน คุยกันโขมงโฉงเฉง เสียงดัง


จวนจะอิ่ม อีก 3 สาว กับ 1 หนุ่มน้อยก็ตามมาถึง ... สาวต้นเรื่องคนนัด ไปแวะรับเพื่อน และลูกเพื่อนค่ะ ... พอมาครบก็คุยกันสนั่นกว่าเดิมค่ะ เพราะ 3 สาวที่ตามมานี้ มีประเด็นให้คุยกันถ้วนหน้า คนนึงเพิ่งกลับจากรับทุนไปเรียนภาษาที่ประเทศจีน ... อีกคนที่ควงหนุ่มน้อย ก็คุยเรื่องปัญหาครอบครัว ที่สามีไปมีนังเล็กๆ แล้วยังตามป่วนวุ่นวายกับชีวิต


ส่วนสาวคนสุดท้าย คนต้นเรื่องของนัดครั้งนี้ มาพร้อมกับประเด็นฮอตที่เรียกเสียงกิ๊วก๊าวจากเพื่อน ... เพราะชีจะแต่งงานค่ะ


พูดให้ถูกคือ ชีจดทะเบียนสมรสเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันฤกษ์ดี 09-09-09 ... แต่นัดเพื่อนเพื่อประกาศว่าชีจะจัดงานฉลองสมรสปลายปีนี้


ลองเดาดูนะคะ ว่าคนไหน ... เดี๋ยวมีเฉลยตอนท้ายค่ะ


พอเปิดประเด็นนี้ขึ้นมา หัวข้ออื่นก็ตกไปทันทีค่ะ ทุกคนหันมาใส่ใจ สนใจเรื่องนี้เหมือนกันหมด ... เพราะชีปิดเงียบเรื่องแฟน ทั้งที่คบกันมา 4 ปีแล้ว เคยพามาให้เพื่อนเจอครั้งนึง เมื่อราวๆ 2 ปีก่อน แต่ก็ไม่มีข่าวคราวคืบหน้าความสัมพันธ์เพิ่มเติมมาให้เพื่อนๆ รู้ ... เพื่อนๆ เอง ก็ไม่ค่อยวุ่นวายกับเรื่องแฟนเพื่อนเท่าไหร่ ถามข่าวอัพเดทเวลานัดเจอกันเท่านั้น


สรุปว่า ในเร็วๆ นี้จะมีนัดเจอกันอีกครั้ง เป็นนัดแจกการ์ด-รับการ์ด กันค่ะ ... เพราะตอนแรกชีบอกว่าจะส่งไปรษณีย์มาให้ แต่เพื่อนๆ ขอมาเจอกันตัวเป็นๆ ดีกว่า


ทายกันถูกรึเปล่าคะ


สละโสดไปอีกหนึ่ง แต่ที่เหลือที่ยังโสดกันอยู่ก็ไม่เดือดเนื้อร้อนใจ มีเพื่อนร่วมขบวนโสดตั้งหลายคน ... ว่าแต่ใครจะชิงสละโสดเป็นรายต่อไปน้อ


24.9.52

ถ้าเราเลิกกัน

อยู่ดีดีก็นึกซนอีกแล้วค่ะ ... นีกขึ้นมาว่าถ้าเราสองคนเลิกกัน คนรอบๆ ข้าง จะมีปฏิกิริยายังไงบ้าง ... ถ้านึกอยู่เฉยๆ ก็คงไม่รู้ เลยจัดการส่งคำถามไปเพื่อหาคำตอบค่ะ


คำถามคือ "ถ้าเกิดได้ยินว่า ตั๊กกับนกเลิกกันแล้ว เพราะนกปันใจไปหาสาวอื่น ... ประโยคแรกที่จะพูดคืออะไร ???"


คำตอบก็หาจากคนใกล้ๆ ตัว สาวๆ ในออฟฟิศทั้งศิษย์ปัจจุบัน และศิษย์เก่า แล้วยังมีเพื่อน เพื่อนรุ่นพี่ เพื่อนรุ่นน้อง ที่คุ้นเคยกัน ... คำตอบที่ได้มามีหลายแบบ หลายอารมณ์ค่ะ มีทั้งแบบ อึ้ง งง แหย่ ไม่มั่นใจ ขู่ และอาฆาต


สาวกบ "เลว" ... จริงๆ มีคำอื่นพ่วงตามมาด้วย แต่นี่เป็นคำแรกที่หลุดออกมา เลยหยิบมาแค่นี้นะจ๊ะ

สาวอิ่ม "เว่อร์ (ต้องทำเสียงสูงประกอบด้วย) ไม่จริงหรอก"

สาวนุ่น "ไหนๆๆๆ ใครกัน ขอดูหนังหน้าหน่อย"

บีเล็ก "ไปให้รอดนะ กลับมาตายยยยยยยยย"

น้องแตง "เรียกมาตบเลยดีมั้ย"

น้องฝน "No!!! Impossible ... OMBB"

ตุ๊ตตู่ "ไม่เชื่อว่านกมองสาวๆ แต่ถ้ามองผู้ชายก็ต้องแย่งกันหน่อย" ... คนนี้มาแนวแซวเล่นขำๆ เพราะไม่เชื่อจริงๆ

น้องแก้ว "จริงเหรอ (พร้อมตาโต"

พี่โอ๋ "จริงเหรอ ทำไมหล่ะ"

พี่ตูม "ไอ้นก มรึงตาย"

เพื่อนฝน "จริงอ่ะ"

พี่ตุ๊ก "ฮ้า มันกล้าเหรอ ไม่น่าเชื่อว่ามันจะกล้าทำ"

พี่จอย "รู้ได้ไง"

หมวยบี "จิงง่ะ ไม่เชื่อ เข้าใจผิดป่าว"

สาวกวาง "จริงเหรอ เป็นไปไม่ได้ นกไม่ใช่คนแบบนั้น"


นี่หล่ะค่ะ คำตอบหลากอารมณ์ แตกต่างไปตามสไตล์ ขู่บ้าง แซวบ้าง แหย่บ้าง ... มีเพียงสาวกวางคนเดียวเท่านั้นที่แสดงความมั่นใจในตัวคนดีเต็มที่ ถึงกับเอ่ยปากยืนยันการันตีให้เลย


แอบถามสาวๆ โดยที่ไม่ได้บอกคนดีซึ่งนั่งทำงานอยู่ใกล้ๆ เราอ่านคำตอบแล้วก็ขำคิกคัก ขำก๊ากกกกกก จนคนดีงงว่าเป็นอะไร ... กะว่าจะให้เจ้าตัวรออ่านจากบล็อกเอาเอง แต่ก็อดไม่ได้ต้องเล่าสักหน่อย แต่เล่าแค่นิดๆ พอเป็นน้ำจิ้ม


แต่พอสาวๆ ทยอยกลับบ้าน มีบ้างคนแวะมาทักมาถาม คนดีเลยงง สุดท้ายเลยต้องเล่าให้ฟังว่าใครตอบว่ายังไงบ้าง ... คนดีถึงกับออกอาการ เหวอ แต่แล้วสักพักก็อยากรู้ความเห็นของคนอื่นๆ อีก มีบอกให้เราลองโทรถามว่าใครคิดยังไง ... จนได้ยินคำตอบของสาวกวางนี่หล่ะค่ะ ที่ทำให้คนดียิ้มกว้างถูกใจ อยากจะตบรางวัลให้กิ๊กหมายเลข 2 สมาชิกนกเน็ทเวิร์คลำดับต้นๆ


หลายคนที่ได้ยินคำถามแล้วถามว่าเรานึกยังไงถึงถามแบบนี้ ... บางคนแอบแหย่คนดีว่ามีพิรุธอะไรให้เราจับได้รึเปล่า ... แต่ส่วนใหญ่บอกว่าไม่เชื่อว่าจะเกิดขึ้น ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น และคงไม่เกิดขึ้นแน่ๆ ... อะไรทำให้มั่นใจขนาดนี้เนี่ย


ยังมีสาวๆ อีกหลายคนที่เราอยากฟังคำตอบ แต่ยังไม่ได้ถาม แล้วเสาร์นี้มีนัดเจอเพื่อนสมัยมัธยม จะลองไปถามดู แล้วจะเอาคำตอบที่ได้มาใส่เพิ่มค่ะ ... สมาชิกชาวได ชาวบล็อก จะลองตอบคำถามนี้บ้างก็ได้นะคะ

23.9.52

ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ก็สุขได้ด้วยการให้ 108 วิธี

อ่านเจอหัวข้อนี้จากเว็บผู้จัดการ http://manager.co.th/ นานแล้วค่ะ อ่านแล้วชอบใจ เก็บเป็น favorites เอาไว้ ... เลยคิดว่าเอามาเก็บลงบล็อกไว้เลยแล้วกัน



ไม่พูดพล่ามทำเพลงแล้วนะคะ 108 วิธีก็ยาวแล้ว ไปดูกันเลยดีกว่าค่ะ ว่ามีวิธีการอะไรที่ทำให้ตัวเอง และคนอื่นมีความสุข ... เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ช่วยทำให้โลกน่าอยู่ขึ้นค่า



มองและยิ้ม

1. มองทุกคนที่พบกันด้วยสายตาที่เป็นมิตร อย่าคิดว่าคนอื่นจะประสงค์ร้ายต่อเราทั้งหมด แต่ต้องระวังคนหลอกลวงไว้บ้าง

2. ยิ้มให้ทุกคนที่พบกัน ยิ้มด้วยสายตา ยิ้มด้วยใบหน้า ยิ้มด้วยจิตใจ ... อย่าทำหน้าบึ้งหน้างอ ถ้าวันไหนอารมณ์ไม่ดี ลองมองดหน้าตนเองในกระจกเงาบ้าง

3. ทำความรู้จักกับคนที่ไม่รู้จัก โดยพยายามยิ้มให้และกล่าวคำทักทาย

4. โบกมือส่งยิ้มให้เด็กๆ ในรถนักเรียนที่แล่นผ่านไป ยิ้มให้เด็กๆ ในรถข้างๆ หรือเด็กที่มองตาของท่านผ่านกระจกหลังของรถคันหน้าที่ติดไฟแดง

5. มองคนในแง่ดี มองคนในแง่บวก พิจารณาว่า เขาทำอะไรด้วยความหวังดีอย่างไรบ้าง ... อย่ามองคนในแง่ร้าย หรือมองในแง่ลบ อย่าเพิ่งคิดว่าเขาจะทำความชั่ว ความเลวเสียทั้งหมด น่าจะมีความดีอยู่บ้าง หรือเขาอาจทำไปเพราะความไม่รู้ ไม่เข้าใจ หรือ เข้าใจผิดก็ได้

6. มองว่าคนเราสามารถเป็นมิตรกันได้ แม้ว่าจะมีความคิดเห็นต่างกัน หรือมีความเชื่อต่างกัน ... มองว่าการกระทำบางอย่างอาจทำได้หลายวิธี ไม่จำเป็นว่ามีวิธีหนึ่งที่ถูกต้องแล้ว อีกวิธีหนึ่งจะผิด



ทักทาย

7. ทักทายกับคนอื่นเมื่อได้พบกัน ด้วยการกล่าวคำสวัสดี ยกมือไหว้ ยิ้ม หรือก้มหัว ตามความเหมาะสม ... พยายามเรียกชื่อของเขา เพราะทุกคนมีความภูมิใจในชื่อของตน ระวังอย่าเรียกชื่อผิดคน

8. สนทนาทักทายกับเพื่อนร่วมงาน ถามไถ่ทุกข์สุข คุยเรื่องที่เขาสนใจ อย่านั่งใกล้กับใครโดยไม่พูดกัน



ฟัง

9. ตั้งใจฟังคนอื่นพูด ให้เวลาเขาพูด อย่าเพิ่งขัดคอ ขัดใจ อย่าพูดสอดแทรกขัดจังหวะ อย่าทักท้วงให้เขาเสียหน้าต่อคนหมู่มาก

10. รับฟังสิ่งที่เขากำลังทำ หรือที่เขากำลังสนใจ แล้วหาทางสนับสนุนสิ่งที่ดี ... รับฟังความทุกข์ของเขาแล้วหาทางช่วยแก้ปัญหา บรรเทาความทุกข์ รับฟังความสำเร็จและความสุขของเขา แล้วร่วมยินดีด้วย



พูด

11. ใช้คำพูด 4 คำให้ติดปาก คือ ขอบคุณ ขอโทษ ดี ช่วย ... กล่าวขอบคุณเมื่อมีใครทำดีต่อตน ขอโทษเมื่อทำให้ผู้อื่นไม่พอใจ ดีเมื่อผู้อื่นทำความดี และ ช่วยเมื่อต้องการให้ผู้อื่นช่วยเหลือ

12. พูดด้วยคำสุภาพ ไพเราะ อ่อนหวาน มีคำลงท้าย ครับ/ค่ะ ตามความเหมาะสม ... ไม่ใช้คำหยาบคาย ดุด่า เสียดสี ขู่ตะคอก หรือพูดเหน็บแนม อย่าจี้จุดอ่อนให้ช้ำใจ หาเรื่องที่สนุกสนาน ตลกขบขันมาเล่าสู่กันฟังบ้าง ถ้าพูดตลกไม่เป็นให้พยายามจดจำมุขตลกที่คนอื่นเล่าแล้วนำไปเล่าต่อ

13. พูดชมเชยบุคคลอื่นเป็นประจำ เพื่อสร้างกำลังใจ อย่าเอาแต่ตำหนิต่อว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อบุตร ภรรยา สามี และผู้ใต้บังคับบัญชา เช่น ชมว่ามีความพยายามสูงมาก ทำงานได้ดี เอาใจใส่บ้านดี ทำงานรอบคอบดี อย่าพูดแต่เรื่องของตนฝ่ายเดียว เพราะคู่สนทนาจะเบื่อหน่าย

14. พูดถึงคนอื่น และหัวหน้าผู้บังคับบัญชาในด้านดีกับคนที่เขารู้จัก อย่านินทาว่าร้ายผู้บังคับบัญชากับผู้อื่น เพราะอาจจะมีคนเก็บไปรายงานให้ท่านฟังภายหลัง

15. รู้จักขัดแย้งโดยไม่ให้เขาเสียน้ำใจ โดยใช้เทคนิค "ใช่...แต่..." เช่น "ที่คุณว่ามานั้นก็ถูกต้อง แต่อาจจะมีอีกวิธีหนึ่ง..." หรือ "ที่คุณคิดนั้นก็ใช่ แต่คนอื่นเขาอาจคิดอีกอย่างหนึ่งก็ได้กระมัง" หรือ "ของบางอย่างอาจจะมิใช่สีดำหรือสีขาว แต่อาจเป็นสีเทาที่จะว่าขาวก็ได้ ดำได้" หรือ "วิธีที่ถูกต้องอาจมีมากกว่าหนึ่งวิธีก็ได้"

16. พูดคุยกับคนที่ขาดเพื่อน คุยกับคนที่เข้ากับคนอื่นไม่ได้ เพราะเขาเป็นคนที่น่าสงสาร และต้องการความช่วยเหลือ

17. พูดด้วยเสียงดังพอสมควร ไม่พูดแผ่วเบา หรือ ตะโกนให้ดังเกินไป การพูดด้วยการขึ้นเสียง ก่อให้เกิดความโมโห และนำไปสู่การทะเลาะวิวาท

18. พูดคุยในสิ่งที่เขาสนใจ สิ่งที่เขามีความเชี่ยวชาญ หัวข้อข่าวที่เขาสนใจ ระวังไม่คุยคุ้ยเขี่ยสิ่งที่เขาอับอาย หรือต้องการปกปิดไม่ให้ใครรู้

19. หาข่าวเรื่องดีๆ หรือ เรื่องคนที่กระทำความดีมาคุยกันบ้าง เพื่อให้จิตใจเบิกบานอย่าคุยแต่ข่าวร้าย ข่าวลือ หลอกลวง หรือข่าวที่ทำให้จิตใจเศร้าหมอง

20. ไม่พูดหาเรื่องจับผิดคนอื่น ถ้าจะพูดถึงความดีของตนก็ว่าไป แต่ไม่ควรนินทาว่าร้ายคนอื่น หรือคุยว่าคนอื่นสู้ตนเองไม่ได้

21. หาทางพูดคุยกับคนที่ไม่เคยรู้จัก โดยการแนะนำตัวเอง หรือ หาผู้อื่นแนะนำ

22. โทรศัพท์หรือเขียนจดหมายไปหาเพื่อน หรือคนรู้จักที่ไม่ได้ติดต่อกันนานเกินหนึ่งปี รวมทั้งเมื่อได้รับข่าวที่น่ายินดี หรือ ข่าวที่น่าเสียใจ

23. ละเว้นการพูดคำที่ไม่ดี และไม่โกรธ โมโห อย่างน้อยหนึ่งวันต่อสัปดาห์

24. เขียนจดหมาย หรือไปเยี่ยมคนที่กำลังกลุ้มใจเสียใจ หรือประสบปัญหาชีวิต

25. เขียนจดหมาย หรือส่งบัตรแสดงความขอบคุณผู้ที่มีน้ำใจไมตรี ผู้ที่ทำคุณกับเรา

26. เขียนจดหมาย หรือส่งบัตรแสดงความยินดีในวันคล้ายวันเกิด หรือเมื่อมีคนที่รู้จักได้ข่าวดี เช่นได้เลื่อนตำแหน่ง ได้รับการยกย่อง ได้รางวัล

27. เขียนจดหมาย หรือส่งบัตรแสดงความเสียใจ เมื่อคนรู้จักได้รับความเสียใจ เช่น เมื่อเจ็บป่วย หรือญาติมิตรเสียชีวิต

28. เขียนคำชมเชยหรือมอบรางวัลแก่คนที่ให้บริการดีเป็นพิเศษ พนักงานบริการ แม่ครัว หรือยาม โดยส่งผ่านไปทางผู้จัดการ เพื่อเขาจะได้นำไปประกาศชมเชยหรือให้รางวัลต่อ

29. เขียนจดหมายชมเชยการกระทำความดีเป็นพิเศษที่ได้พบเห็นในที่สาธารณะ ผ่านทางหนังสือพิมพ์ เพื่อเป็นตัวอย่างของบุคคลอื่น แล้วส่งไปลงข่าวหนังสือพิมพ์หรือวิทยุ เช่นวิทยุร่วมด้วยช่วยกัน หรือ จส.100

30. เขียนป้ายเตือนอันตรายติดไว้ในที่เหมาะสม เพื่อมิให้ผู้อื่นเป็นอันตราย เช่น ระวังพื้นลื่น ระวังผึ้งต่อย ระวังหมาดุ ระวังไฟดูด

31. ดูชื่อเพื่อนเก่าในหนังสือรุ่น หรือรูปญาติในรูปเก่าๆ แล้วเขียนจดหมาย ต่อโทรศัพท์ถึง หรือส่งบัตรอวยพรปีใหม่



ปิด

32. ปิดเสียงโทรศัพท์มือถือ ขณะที่ไม่ควรพูดโทรศัพท์ เช่น อยู่ในห้องประชุม รับแขก อยู่กับผู้ใหญ่ อยู่ในพิธีการ หรืองานศพ

33. ปิดหรือหรี่เสียงดังจากวิทยุ โทรทัศน์ ที่อาจไปรบกวนเพื่อนบ้านข้างเคียง เขาอาจไม่ชอบเพลงชนิดที่เราชอบฟังก็ได้



ทำ

34. เลื่อนจานอาหารไปให้คนอื่นที่เอื้อมไม่ถึง โดยไม่ต้องรอให้เขาขอร้อง

35. หาทางปลอบใจคนที่กำลังมีความทุกข์ เช่น มีคนในครอบครัวเสียชีวิต

36. ทำความประหลาดใจให้แก่บางคน ด้วยการใช้ความพยายามเป็นพิเศษในการหาสิ่งของที่เขาต้องการมาก แต่เขาไม่สามารถหาได้ด้วยวิธีปกติธรรมดา แล้วจัดส่งไปให้ เช่นผลไม้นอกฤดูกาล ของที่ต้องการอย่างรีบด่วน ของที่ต้องสั่งทำพิเศษ หรือของที่หายากไม่มีจำหน่ายในท้องตลาด

37. พยายามทำให้ศัตรูกลายเป็นมิตร ด้วยการให้ของขวัญ การพูดคุย การเป็นเพื่อน การเห็นอกเห็นใจ การไม่เอาเปรียบ และการยอมลดราวาศอกกันบ้าง

38. ทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด ทำให้ผู้รับบริการเกิดความพอใจด้วยความเต็มใจ

39. ทำความประทับใจด้วยบริการที่เป็นพิเศษกว่าธรรมดา



ช่วยเหลือคนที่รู้จัก

40. สร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว เล่นกับลูก ช่วยน้อง หรือลูกทำการบ้าน ... พยายามลดงานประจำในวันหยุด เพื่อจะได้มีเวลาสำหรับสร้างความอบอุ่นในครอบครัว พาลูกหลานครอบครัวไปเที่ยวด้วยกันอย่างน้อยปีละครั้ง

41. ช่วยรับคนที่รู้จักกันขึ้นรถเมื่อจะไปทางเดียวกัน หรือจะกลับทางเดียวกัน ชวนคนข้างบ้านที่ไม่มีรถ นั่งรถไปซื้อของที่ตลาดพร้อมกัน

42. ทักทาย แนะนำตัวทำความรู้จักกับเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะผู้ที่ย้ายมาใหม่ เช่นแนะนำเรื่องรถขยะ เรื่องการเก็บค่าไฟฟ้า ประปา

43. ส่งอาหารหรือผลไม้ไปให้เพื่อนบ้านเป็นครั้งคราว

44. ให้คนสวนกวาดใบไม้หน้าบ้านของเพื่อนบ้านด้วย

45. ชวนเพื่อนบ้านและลูกของเพื่อนบ้านไปเที่ยวด้วยกันในวันหยุด

46. รับฝากดูแลเด็กเล็กข้างบ้าน เมื่อพ่อแม่ของเด็กไม่อยู่ ชวนลูกเพื่อนบ้านที่พ่อแม่กลับบ้านดึกมาดูแลก่อนพ่อแม่กลับ ชวนมาเล่นที่บ้าน เล่านิทาน ให้อ่านหนังสือการ์ตู ทำการบ้าน (แจ้งพ่อแม่เด็กให้ทราบก่อนเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด)

47. ให้ความสนใจกลุ่มเยาวชนในหมู่บ้าน ถ้าขาดกิจกรรมที่เล่นที่พักผ่อน ควรรวมกลุ่มเพื่อนบ้านหารือกันช่วยเหลือ หรือ ติดต่อกลุ่มที่สามารถช่วยได้

48. ไปเยี่ยมคนแก่ที่อยู่ใกล้บ้านเดือนละครั้ง

49. จ่ายเงินค่าอาหารหรือเครื่องดื่มให้เพื่อนร่วมงานเป็นครั้งคราว อย่าให้เขาเลี้ยงฝ่ายเดียว

50. ช่วยคนขาดแคลน ถ้ารู้ว่าคนรู้จักคนหนึ่งขาดแคลนเงินมาก ลองใส่ธนบัตรใบละร้อย หรือ ห้าร้อยส่งไปให้เขาโดยไม่ต้องบอกว่าส่งมาจากใคร

51. ตัดหนังสือพิมพ์ส่งไปให้คนรู้จัก เพราะว่ามีข่าวของเขาหรือมีเรื่องที่เขาน่าจะสนใจ

52. ส่งอาหารเครื่องดื่ม หรือขนมไปให้เจ้าหน้าที่บริการประชาชน เช่น ตำรวจสายตรวจ พนักงานดับเพลิง บุรุษไปรษณีย์ ยาม พนักงานเก็บขยะ

53. ซื้อตั๋วดูภาพยนตร์ / ดนตรี / กีฬา หรือหนังสือการ์ตูนให้เด็กข้างบ้าน

54. เมื่อเห็นว่าของบางอย่างเหมาะสมสำหรับบางคนที่รู้จัก ควรซื้อหรือหาไปฝากเขา

55. ส่งหนังสือ วารสารที่อ่านแล้วไปให้คนที่เราคิดว่าเขาต้องการ หรือ บริจาคให้ห้องสมุด

56. จ่ายเงินค่าสมัครสมาชิกวารสารที่เหมาะสมส่งไปให้โรงเรียนเก่า

57. หาของฝากหรือของขวัญปีใหม่ไปให้คนที่ติดต่อประจำ เช่น แม่ค้าขายผลไม้ แม่ครัวร้านอาหาร ช่างตัดผม

58. หาของขวัญของฝากให้ลูกน้องหรือเพื่อนร่วมงาน เช่น บัตรทานอาหารฟรี บัตรลดราคา บัตรเติมน้ำมันฟรี บัตรดูละครการแสดง

59. มอบจักรยาน ลูกฟุตบอล แทนพวงหรีดในงานศพ เพื่อเจ้าภาพจะได้นำไปมอบให้เด็กในโรงเรียนชนบท หรือมอบผ้าไตรแทนพวงหรีดในงานศพ เพื่อเจ้าภาพจะได้นำไปถวายพระ

60. ชดใช้หนี้ให้ลูกน้องหรือเพื่อนร่วมงานที่มีหนี้สินล้นพ้นตัว หรือให้ยืมเงินไม่เสียดอกเบี้ย โดยหวังจะให้เขามีกำลังใจในการสู้ชีวิตและทำงานที่เป็นประโยชน์ต่อไป



ช่วยเหลือคนที่ไม่รู้จัก

61. ช่วยทุกคนที่ประสบความยากลำบาก มีปัญหา มีความทุกข์ เช่นคนหลงทาง คนกำลังหิว คนที่ประสบอุบัติเหตุ

62. ส่งเงินและสิ่งของไปช่วยคนที่ประสบสาธารณภัย

63. บอกเดือนสิ่งผิดปกติของคนอื่น เช่น ยางรถแบน ซิปกางเกงไม่ได้รูด

64. ช่วยจับประตูที่เปิดเดินออกไปแล้ว เพื่อไม่ให้ตีคนที่กำลังตามมาข้างหลัง

65. ช่วยชี้ทาง นำทาง ให้คนต่างถิ่นที่มาถามทาง หากอยู่ใกลๆ พอนำไปส่งได้จะวิเศษมาก

66. ช่วยคนที่กำลังหาของที่หาย หรือเมื่อเก็บของได้ก็ส่งคืนเจ้าของ

67. ช่วยถือของให้คนที่หอบของพะรุงพะรัง (แต่ควรระวังอย่าถือของให้คนไม่รู้จักที่นำมาฝาก เพราะอาจมีของที่ขโมยมา หรือยาเสพติดอยู่ในถุง)

68. ช่วยคนที่กำลังจะเอื้อมหยิบของบนชั้นสูงไม่ถึง

69. ช่วยเข็นรถยนต์ของคนอื่นที่เครื่องเสีย ต้องหลบเข้าข้างทาง

70. หาดอกไม้หรือของไปฝากคนป่วยที่ไม่รู้จัก ไม่ค่อยมีคนมาเยี่ยม

71. ช่วยนำคนเจ็บหรือผู้ประสบอุบัติเหตุส่งโรงพยาบาล

72. ช่วยผายปอดคนตกน้ำ

73. ช่วยแนะนำหางานให้คนที่ตกงาน

74. แนะนำวิธีประกอบอาชีพ หรือฝึกอาชีพให้คนที่ต้องการอาชีพ

75. จัดงานเชิญเด็ก คนชรา คนพิการ มาสนุกสาน หรือพาไปเที่ยวในวันสำคัญ ... เดินทางไปเยี่ยมบ้านคนชรา บ้านเด็กกำพร้า หรือเด็กพิการ เพื่อเลี้ยงอาหาร และนำของไปเยี่ยม เน้นผู้ที่ไม่ค่อยมีคนมาเยี่ยม

76. ไปเยี่ยมบ้านแรกรับเด็กอ่อน บ้านราชวิถะ บ้านกรุณา บ้านมุทิตา บ้านอุเบกขา เพื่อเด็กที่ขาดผู้อุปการะ หรือ เด็กที่เคยกระทำความผิดซึ่งไม่ค่อยมีคนมาเยี่ยม

77. ช่วยป้องกันหรือห้ามปรามคนที่กำลังทะเลาะวิวาท หรือจะทำร้ายกัน แต่ต้องระวังลูกหลงด้วย

78. สนับสนุนช่วยเหลือหน่วยงานที่สร้างประโยชน์ต่อสังคม

79. จัดกลุ่มอาสาสมัครช่วยทำงานส่วนรวมนอกเหนือหน้าที่ปกติ

80. สนับสนุนช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสทางสังคม เช่นบริจาคเงินหรือเวลาช่วยมูลนิธิต่างๆ



ยอม/เสียสละ/ให้

81. เมื่อเข้าห้องน้ำ ควรหยิบกระดาษเช็ดอ่างน้ำ หรือเช็ดที่นั่งส้วมให้สะอาดก่อนออกไป เพื่อให้คนที่มาใช้ทีหลังจะได้เข้าห้องน้ำสะอาด

82. เมื่อเข้าคิวกดเงิน จ่ายเงิน ถ้าไม่รีบร้อนนัก เชิญให้คนที่รอข้างหลังที่รีบไปก่อน

83. เมื่อขับรถติดอยู่แต่ไม่เร่งรีบมากนัก โบกมือยอมให้คันหลังที่รีบเร่งกว่าแทรกเข้าหน้าไปได้ก่อน

84. เมื่อเข้าคิวห้องน้ำ ยอมให้คนข้างหลังที่ปวดมากกว่าได้เข้าไปก่อน

85. ออกเงินซื้ออาหาร ให้ขอทานที่หิวโซ

86. ออกเงินให้คนที่ไม่มีเงินหยอดโทรศัพท์สาธารณะ หรือเข้าห้องน้ำสาธารณะ

87. หาของขวัญปีใหม่ หรือของขวัญวันเกิดให้คนที่ไม่เคยได้รับอะไรเลยเมื่อปีก่อน

88. ส่งของขวัญให้คนที่เห็นแก่ตัวไม่คิดถึงคนอื่น โดยไม่ให้รู้ว่าใครส่งมา

89. ให้ความเห็ฯใจ ปลอบใจ คนที่กำลังมีความทุกข์ กลุ้มใจหาทางออกไม่ได้

90. บริจาคโลหิต ดวงตา อวัยวะ หรือเงิน ให้สภากาชาดไทย หรือโรงพยาบาลต่างๆ และชวนให้คนอื่นบริจาคด้วย



มีความเกรงใจ

91. เมื่อโทรศัพท์ถึงใคร ควรถามว่าเขากำลังยุ่งอยู่หรือเปล่า ถ้าเขากำลังมีธุระควรถามว่าจะให้โทรกลับอีกเมื่อไหร่

92. เมื่อมีคนโทรศัพท์มาถึงและฝากหมายเลขไว้ ควรรีบโทรกลับทันทีเมื่อสะดวก

93. ไม่ขอหรือยืมเงิน ของรักของหวงของเพื่อน หรือ ของที่อาจทำให้เพื่อนลำบากใจ

94. เมื่อยืมของจากผู้ใด ต้องรีบคืนทันทีเมือเสร็จงาน ไม่ต้องรอให้ทวง



น้ำใจของเด็กเล็ก

95. ยิ้มหวาน และพูดเพราะกับทุกคน

96. ทักทาย ไหว้ สวัสดีผู้ใหญ่อย่างเหมาะสม

97. เก็บเสื้อผ้า และของเล่นในห้องตนให้เรียบร้อย ไม่ต้องให้คนอื่นมาตามเก็บให้ ทำเตียงตัวเอง กวาดห้องตัวเอง

98. รักษาความสะอาดห้องน้ำ ทิ้งขยะลงถัง ไม่ทิ้งสิ่งสกปรกลงพื้น ถนน หรือแม่น้ำ

99. ช่วยทำงานบ้าน

100. มอบน้ำใจให้ทุกคนในบ้าน เช่น ยกน้ำให้คุณพ่อ แบ่งขนมให้น้อง เล่นกับน้อง สอนน้องทำการบ้าน

101. ยอมให้พ่อดูข่าวโทรทัศน์ขณะที่ตนอยากดูการ์ตูน

102. ร้องเพลง อ่านหนังสือพิมพ์ นวดขา ให้คุณย่าคุณยาย

103. เขียนจดหมายพร้อมส่งรูปถ่ายไปให้ญาติผู้ใหญ่

104. ช่วยปลอบเพื่อนที่ร้องไห้ หรืออยู่ในภาวะเสียใจ

105. พาเพื่อนที่ไม่สบายไปห้องพยาบาล

106. แบ่งขนมให้เพื่อน เพื่อกินด้วยกัน

107. ช่วยคุณครูยกสมุดการบ้านไปห้องพักครู

108. ตั้งใจทำตัวเป็นเด็กดีที่มีน้ำใจ



ในเว็บลงข้อมูลไว้ว่า เรียบเรียงข้อมูลจาก http://www.thaiparents.com/ ที่มาข้อมูล : หนังสือ "108 วิธี มอบน้ำใจให้แก่กัน" ... เอามาพิมพ์ใหม่ ตัดทอนบางข้อที่ยาวไปให้สั้นลงบ้างนะคะ ถ้าเจอสะกดผิด พิมพ์พลาดขอรับผิดเต็มๆ ค่ะ



บางข้ออ่านดูแล้วก็คล้ายๆ กัน บางข้ออ่านแล้วก็งงๆ ว่าจะทำได้เหรอ ควรจะทำจริงเหรอ ... แต่ก็มีหลายข้อที่ทำง่ายๆ เป็นเรื่องใกล้ๆ ตัว หยิบยื่นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ให้กันค่ะ



บางข้อก็เคยทำ หรือทำเป็นประจำ ที่ชอบมากคือ โบกมือส่งยิ้มทักทายให้เด็กๆ ในรถข้างเคียงค่ะ ส่วนบางข้อที่ไม่เคยทำก็จะลองทำดูค่ะ ... เวลาได้รอยยิ้มส่งกลับมานี่ ชื่นใจจริงๆ ค่ะ

22.9.52

Addicted to Social Network

ว่ากันตามจริงแล้ว จัดตัวเองเป็นพวกแพ้เทคโนโลยีค่ะ และปีที่เกิดก็เป็นปีสุดท้ายที่จัดอยู่ในช่วง Gen X พอดิบพอดี ... พอโตมาก็เจอช่วงเปลี่ยนของเทคโนโลยี จาก Analog เปลี่ยนมาเป็น Digital ด้วย

จำได้ว่าตอนเรียนมหา'ลัย เรียนคอมฯ แรกๆ ยังเป็นแผ่นดิส์ก์ขนาด 5 นิ้ว แบนๆ บางๆ อยู่เลย ... พอช่วงปลายๆ ใกล้จะเรียนจบ ก็มี อินเตอร์เน็ท เครือข่ายใยแมงมุมครอบคลุมทั่วโลก เกิดขึ้น ให้ศึกษาและทำความรู้จัก ... ในช่วงเวลานั้น คอมพิวเตอร์ จัดเป็นเรื่องน่าสะพรึงกลัว ใช้แบบหวาดหวั่นเพราะกลัวทำอะไรพลาด

จนฝึกงาน เริ่มทำงาน ถึงได้ทำความคุ้นเคยกับคอมฯ มากขึ้น ลองผิดลองถูก เรียนรู้จากการใช้งานจริงไปเรื่อยๆ ... แรกๆ ใช้เป็นแต่ Word ต่อมาถึงได้คุ้นเคยกับ Excel แล้วก็ชินกับ PowerPoint เพิ่มขึ้น ... ส่วนโปรแกรมเกี่ยวกับการออกแบบทั้งหลายนั้น ความรู้เป็นศูนย์ เลยค่า


ก็ค่อยๆ เรียนรู้กันไป ทดลองกันไป จนใช้งานคล่องขึ้น ... จนมาเริ่มเขียนไดอารี่ เขียนบล็อก ก็ต้องเรียนรู้เพิ่ม ศึกษาเพิ่มอีกค่ะ งม งม งม ลองนั่นลองนี่ไปเรื่อยๆ จนพอเอาตัวรอดมาได้ ... และติดเขียนได เขียนบล็อกนี่แหละค่ะ ที่ทำให้กลายเป็นคนทันสมัยขึ้นมาได้ ... เพราะกลายเป็นคนแรกในออฟฟิศที่มีบล็อก และก้าวเข้ามาคุ้นเคยกับ Social network ไปโดยไม่รู้ตัว


"Social Network คือ การที่ผู้คนสามารถทำความรู้จัก และเชื่อมโยงกันในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง หากเป็นเว็บไซท์ที่เรียกว่าเป็น เว็บ Social Network ก็คือเว็บไซต์ที่เชื่อมโยงผู้คนไว้ด้วยกันนั่นเอง ... Hi5 หรือ facebook ก็เรียกได้ว่าเป็น social network เต็มรูปแบบอีกอย่างหนึ่ง ที่ให้ผู้คนได้มามีพื้นที่ ได้ทำความรู้จักกันโดยเลือกได้ว่า ต้องการทำความรู้จักกับใคร หรือเป็นเพื่อนกับใคร" ... ที่มาจาก keng.com ค่ะ


เพราะชอบอ่านเป็นทุนอยู่แล้ว พอเขียนบล็อกก็ต้องค้นคว้าหาบางอย่างที่ไม่รู้ แล้วเลยไปเจอเรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจให้อ่านและเรียนเพิ่ม และมีเพื่อนผ่านตัวหนังสือ เลยได้ใช้บริการเว็บ Social Network ... รวมๆ กัน เลยทำให้คุ้น และมีข้อมูลอยู่บ้าง


เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายให้งานพิเศษมาค่ะ ให้ช่วยรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ blog, facebook, twitter เพราะนายจะไปบรรยายเกี่ยวกับการตลาดในยุดใหม่ นายอยากได้ภาพประกอบและข้อมูลเพิ่มเติม มาเป็นตัวอย่าง ... ดูแล้วเราน่าจะคุ้นเคยที่สุด เลยให้ช่วยหาข้อมูลให้หน่อย


เรื่อง blog นี่ สบายหายห่วงค่ะ มีข้อมูลอยู่พอสมควร แต่ facebook นี่เพิ่งทำความรู้จักได้พักเดียว ยังรู้ไม่มากเท่าไหร่ ส่วน twitter ยังไม่ได้เริ่มศึกษาเลย ... เอาหล่ะ รู้น้อยก็หาเพิ่ม ไม่รู้ก็ต้องลอง


ตอนนี้เลยมีทั้ง blog facebook และไปสมัคร twitter เพิ่ม ... จากเดิมที่เข้าเมล์เช็คเมล์แค่นั้น ทุกวันนี้ต้องเช็คทุกอย่าง อย่างละหลายรอบด้วย หลังๆ เลยเปิดทิ้งไว้เลย ดูว่ามีความเคลื่อนไหวอะไรบ้าง


จริงๆ งานที่ทำอยู่ ก็ควรจะตามสื่อใหม่ๆ ช่องทางการตลาดใหม่ๆ ให้ทัน ถึงไม่คุ้นไม่คล่องก็ต้องรู้จัก ต้องมีข้อมูลบ้าง เพราะ Social Network เหล่านี้ ... เป็น Social Media ที่จะเป็นประโยชน์ ต่อการทำงานค่ะ ... ตอนนี้สาวๆ ในออฟฟิศเลยวุ่นวาย และติดหนึบหนับกับ Social Network ค่ะ


คุยงานผ่านเอ็มเอสเอ็นกันแล้ว ยังมาเจอกันทักกันผ่าน facebook กับ twitter กันอีก ... เจอกันจนเอียนไปข้างเลยค่ะ

21.9.52

แก๊งค์ลูกหมู : รวมตัวเฉพาะกิจ

หลังจากที่ประกาศปิดตำนานแก๊งค์ลูกหมูไป สมาชิกก็ไม่ได้กลับมารวมตัวกันตระเวนชิมอีก ... ยุ่งไปตามธุระปะปังของแต่ละคน เรื่องงาน เรื่องที่บ้าน ว่ากันไป และที่สำคัญคือ โรคทรัพย์จางอักเสบรุนแรง ยังเล่นงานสมาชิกสาวทั้งสองคนอยู่


เย็นวันจันทร์นี้เรากับคนดีไม่มีแผน ไม่มีธุระจะไปที่ไหน ต่างคนต่างนั่งเคลียร์งานกันไป สาวๆ ในออฟฟิศทยอยกลับบ้าน เหลือหมวยบีกับสาวฝน ที่นั่งรอช่างคอมฯ ซ่อมเครื่องคอมฯให้อยู่ ... เราล้ากับการจ้องคอมฯ แล้ว เลยปิดเครื่องเตรียมตัวเก็บของ พอดีกับที่มีข้อความผ่านเอ็มเอสเอ็นจากสาวฝนมาทักทายคนดี


คุยกันไปคุยกันมายังไงไม่รู้ ผลออกมาว่า คนดีจะตามหมวยบีไปหาพี่หมี เพราะอยากไปชิม "ราดหน้าหมูอึ๋ม" ที่หมวยบีเคยเขียน จะรับราดหน้าหรือผัดซีอิ๊วดีคะ ในบล็อก ... คนดีจะไปลองพิสูจน์ว่า เส้นใหญ่น้ำ กับ ราดหน้าแห้ง ที่ร้านนี้อร่อยจริงรึเปล่า


ออกจากออฟฟิศขึ้นรถคนดี ไปจอดที่สถานีศูนย์วัฒนธรรม แล้วต่อรถไฟฟ้าใต้ดิน ... ไปเจอพี่หมีที่สวนลุมไนท์ แล้วค่อยตรงไปร้าน


ถึงร้านปุ๊บ สั่งอาหารปั๊บ คนดี หมวยบี สาวฝน เลือกราดหน้า ส่วนเราเลือกผัดซีอิ๊ว ... ส่วนพี่หมี เจ้าถิ่นแถวนี้ ไม่สั่งอาหารคาว แต่เดินไปสั่งบัวลอยจากร้านใกล้ๆ กันมานั่งหม่ำค่ะ เพราะระหว่างรอสาวๆ เดินทางมา พี่หมีหาเสบียงลงท้องรองท้องไปพอสมควรแล้วค่ะ


ผัดซีอิ๊ว ผัดมาหอมดีค่ะ ผัดมาแห้ง ไม่มัน ไม่เลี่ยน หอมกลิ่นกระทะ และที่สำคัญเนื้อหมูหมักมาดี เนื้อนุ่ม นิ่ม อร่อย เสียอย่างเดียวที่มาชามเล็ก หมดชามแล้วยังไม่อิ่มค่ะ ... คนดีเลยสั่ง เส้นหมี่ผัดซีอิ๊ว กับ หอยทอดจากร้านใกล้ๆ มาเป็นจานกลางแบ่งกันค่ะ


ตอนแรกหมวยบีหวั่นใจ เพราะกลัวว่าจะไม่ถูกปาก ไม่อร่อย อย่างที่เอ่ยอ้างถึง เกรงว่าถ้าไม่อร่อย จะโดนบ่นผ่านบล็อก และบ่นกันไปยันลูกโต ... และหมวยบีก็สงสัยว่า ทำไมเรากับคนดีถึงลงทุนดั้นด้นจากสุทธิสารมาถึงพระรามสี่ เพื่อมาชิมราดหน้า กับ ผัดซีอิ๊ว ที่หากินได้ทั่วไป


คำตอบก็คือ ถ้ามีคนการันตีว่าอร่อย ก็ต้องตามไปพิสูจน์ให้รู้แจ้ง ถ้าอร่อยก็เจอกันใหม่ แต่ถ้าไม่ก็ลาขาด เจอกันครั้งเดียวพอ ... สภาพของจานราดหน้ากับผัดซีอิ๊วที่เกลี้ยงเกลา ก็พอการันดีได้ว่า ผ่านมาตรฐานแก๊งค์ค่ะ


บล็อกหน้านี้ไม่มีรูปนะคะ เพราะไม่ได้ติดกล้องไป ... และนี่เป็นการรวมตัวกันเฉพาะกิจ ยังไม่กลับมารวมตัวกันถาวรนะคะ ต้องรออาการทรัพย์จางอักเสบเรื้อรังที่สองสาวเผชิญอยู่ ทุเลาเบาบางลงอีกสักนิดค่ะ

19.9.52

รักษาคอมฯ รักษาหน้า

สะโหลสะเหลกลับจาก ปาร์ตี้ในวาระพิเศษ แบบตาจวนเจียนจะปิด รีบอาบน้ำเข้านอนทันที ... เก้าโมงนิดๆ ก็จำใจตื่นแบบสะลึมสะลือ เพราะมีภารกิจที่ต้องรีบไปค่ะ


ภารกิจที่ว่าคือ พาคอมฯ ไปรักษาอาการไม่ปกติค่ะ ... แล้วที่ต้องรีบไปเพราะจะไปพันทิพย์ แล้วจะเอารถไปด้วย ก็ต้องรีบออกจากบ้านจะได้หาที่จอดที่ต้องการได้สะดวกค่ะ ... ขึ้นทางด่วนปรู๊ดเดียวถึงหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ แต่กว่าจะกระดึ๊บผ่านไปถึงจุดหมายได้ก็หงุดหงิดใจน่าดู เพราะรถติดอีกแล้ว


ถึงพันทิพย์เกือบสิบเอ็ดโมง ได้ที่จอดตามที่ตั้งใจ ลานจอดโล่งเลือกได้สบาย ... จอดรถเรียบร้อยก็ช่วยกันขนคอมฯ ค่ะ เราหิ้วโน้ตบุ้คตัวเอง กับสะพายกระเป๋าโน้ตบุ้คของคนดี ส่วนคนดีอุ้ม CPU ของ PC ที่บ้าน ขึ้นไปหาร้านซ่อมคอมฯ ร้านประจำที่ชั้น 2


ไปถึงร้านก็ยังโล่ง เพิ่งมีลูกค้าเอาโน้ตบุ้คมาให้ดูแค่รายเดียว ... เราสองคนก็รีบแจ้งอาการป่วยของคอมฯ ทันที


โน้ตบุ้คเรามีปัญหาลงโปรแกรมแอนตี้ไวรัสตัวใหม่ไม่ได้ หลังจากที่ uninstall ตัวเก่าที่ติดมากับเครื่องออก ไม่ว่าจะทำยังไง ลองวิธีไหน ก็ไม่สามารถ จนต้องใช้แบบไร้แอนตี้ไวรัสมาพักใหญ่ ... โน้ตบุ้คของคนดี เอามาตรวจเช็คว่ามีไวรัสรึเปล่า และให้ช่างช่วยกำจัดให้ ... ส่วน CPU ที่แบกมา เป็นตัวหลักที่ต้องการให้ช่างดูอาการ เพราะไม่สามารถดาวน์โหลดไฟล์จากอีเมล์ได้ และ แอนตี้ไวรัสที่มีอยู่อยากจะอัพเดท โปรแกรมก็ไม่ยอมอัพเดทให้


นั่งเฝ้าเครื่องพักนึง พอเริ่มเข้าที่เข้าทาง ก็ลุกไปซื้อโปรแกรม Nod มาให้ช่างลง เป็นอันว่าโน้ตบุ้คเราเรียบร้อย ... โน้ตบุ้คของคนดี ก็ปลอดไวรัส เรียบร้อยเหมือนกัน เหลือแต่ CPU ที่ต้องฟอร์แมท เลยชวนกันไปกินข้าว จ่ายค่ามือถือ แล้วเดินดูของนั่นนี่นิดหน่อย


กลับขึ้นไปดูเครื่องอีกที ก็เสร็จเรียบร้อย รับกลับได้ จ่ายตังค์แล้วชวนกันไปจุดหมายต่อไป ... ไปรักษาหน้าค่ะ


เพราะเดือนที่ผ่านมา เราโดนสิวบุกค่ะ สิวพากันยกขบวนขึ้นมาปรากฎกายบนแก้มทั้งสองข้าง ... มีทั้งสิวอักเสบ และสิวอุดตัน จนต้องไปหาหมอเอายามาทาสักระยะนึงแล้ว สิวอักเสบทุเลาไปบ้าง ฝากรอยดำไว้ให้ช้ำใจนิดหน่อย แต่ก็ยังไม่หายขาด ผลัดกันผุดขึ้นมาเม็ด สองเม็ด ให้รำคาญใจเป็นระยะ ... แล้วยังมีสิวอุดตัน กระจายตัวอยู่ใกล้ๆ ด้วย ลูบไปก็ระคายมือ


ครั้งล่าสุดที่มาหาหมอ คุณหมอบอกว่าให้กดสิว แต่ขอผ่านเพราะเคยกดแล้วเจ็บมาก แถมยังได้ร่องรอยที่ระลึกมาเพียบ ... แต่หนนี้คงต้องยอมกดสิว เพราะไม่งั้นสิวอุดตัวคงไม่ทุเลา เพราะหัวปิด เห็นเป็นเม็ดเหมือนผื่นกระจายตัวอยู่


รู้ว่าจะต้องกดสิว แล้วต้องใช้เวลาพักนึง เลยชวนคนดีทำทรีทเมนท์หน้าด้วยกัน ... เพราะที่คลินิคมีจัดโปรโมชั่นทรีทเมนท์หน้าแบบต่างๆ อยู่ ราคาโอเค ไม่ลำบากกระเป๋านัก แล้วคนดีเคยเปรยว่าอยากทำทรีทเมนท์ที่ช่วยกระชับรูขุมขมตรงแก้ม ช่วงใกล้จมูก เลยได้โอกาสลอง


เข้าไปพบหมอด้วยกัน เราก็ปรึกษาเรื่องสิวได้ยามา 6 ตัว เพราะที่ซื้อมาหมดเกลี้ยง พร้อมกับ กดสิว และ มาส์กสิว ... ส่วนคนดีหน้าแห้ง มีผื่นนิดหน่อย ได้ยามา 1 ตัว กับทำทรีทเมนท์หน้าใส


ระหว่างทำก็ได้ยินเสียงฝนตกกระหน่ำ ไฟตกไป 2 รอบ ... คนดีทำทรีทเมนท์เสร็จก่อน หน้าขาวแจ่มเด้ง ส่วนเรายังโดนกดสิวอยู่ คนดีเลยยืนดู ยืนลุ้นอย่างเพลิดเพลิน ... คนนึงกลับบ้านพร้อมกับหน้าเด้ง ส่วนอีกคนหน้าพรุน


เดินออกจากร้านพร้อมกับฝนที่ยังตกกระหน่ำ เปียกนิดๆ หน่อยๆ พอเย็นฉ่ำ ... พอกลับเข้าบ้านได้ คนดีก็ชวนเติมพลังด้วยบะหมี่กึ่ง กับเค้กร้านละเลียด ... จากนั้นก็แข่งกันหลับค่ะ อากาศดี เย็นสบาย นอนชดเชยจากที่อยู่ปาร์ตี้ซะดึกเมื่อคืนสักหน่อย

18.9.52

ปาร์ตี้ในวาระพิเศษ

ครั้งล่าสุดที่มีปาร์ตี้ส้มตำที่ร้านกาแฟ ก็เพราะมีวาระแห่งชาติ กินส้มตำเคล้าเรื่องเศร้า ... คราวนี้มีนัดปาร์ตี้อีกแล้วค่ะ แต่เป็นวาระพิเศษ บันเทิงเริงรมย์


จุดเริ่มต้นของนัดครั้งนี้น่าจะมาจากการที่ใครสักคนอยากกินหมูกระทะ แล้วไปๆ มาๆ กลายเป็นปาร์ตี้ไปได้ ... เรานั่งทำงานแล้วก็ได้ข้อความแจ้งว่า ได้วาระสำหรับการนัดรวมตัวครั้งนี้แล้ว เพราะศุกร์ที่นัดเจอกันอยู่ระหว่าง วันเกิดคุณกี้ และวันครบรอบ 3 ปี ของคุณกี้กับคุณผึ้งพอดี ... เลยยกมาเป็นวาระพิเศษของการเจอกันค่า


ได้รับมอบหมายให้จัดหาอาหารเหมือนเช่นเคยค่ะ ... คราวนี้รีบออกจากออฟฟิศตรงดิ่งไปร้านละเลียด ไปแวะซื้อเค้กให้คุณกี้ เป็นของขวัญวันเกิดย้อนหลัง กับพี่จุ๊บ ที่บ่นอยากกินมานาน แต่ลืมซื้อติดไปฝากทุกที


ได้เค้กอย่างที่ตั้งใจแล้ว ก็รีบตรงไปโชคชัย 4 ... รถติดมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ทำเอาคนที่เดินไปทำงานได้แบบเราหงุดหงิด รำคาญใจ เพราะห่างหายจากการเจอรถติดมานานแล้ว


ถึงร้านคุณอ้อ แถวโชคชัย 4 ก็รีบสั่งอาหารทันที ... ตำมั่วซั่ว ตำปูปลาร้า ตำไทยใส่ปู ตำไข่เค็ม ชุดข้าวเหนียว+ไก่ทอด ปีกไก่ทอด หมูยอทอด เส้นหมี่หมูย่าง ก๋วยจั๊บเวียดนาม ไข่ตุ๋น อ่อมเห็ด ซุปหน่อไม้ หมกหน่อไม้ไก่ ... ได้ของปุ๊บก็รีบดิ่งไปจุดนัดพบ Craft Cafe ทันทีค่ะ


กว่าจะฝ่าการจราจรหนาแน่นไปถึง สมาชิกก็มารวมตัวกันครบแล้วค่ะ ... พี่จุ๊บ คุณแพทตี้ คุณแมนดี้ น้องตาล น้องจือ+น้องยุ้ย และคู่พิเศษของวันนี้ คุณกี้+คุณผึ้ง


พอถึงปุ๊บก็รีบจัดอาหารลงจานทันทีค่ะ เพราะวันนี้พี่จุ๊บปิดร้านเร็ว ตอนที่เราไปถึงก็ปิดร้านเก็บร้านเรียบร้อยแล้ว ... จัดอาหารเรียบร้อย ก็มีการมอบของขวัญวันเกิดให้คุณกี้ค่า


มอบของเรียบร้อยก็ได้เวลาหม่ำค่ะ ... ท่าทางสมาชิกจะชอบใจอาหารจากร้านนี้ เพราะจัดการหมดอย่างรวดเร็วว่องไว คราวนี้กะปริมาณอาหารพลาด เพราะของหมดก่อนอิ่มค่ะ ... เลยต้องสั่งจากร้านส้มตำใกล้ๆ มาเสริมเพิ่มอีกชุด


กำลังกินไป บ่นไปกับอาหารชุดที่สอง คุณนุ+คุณอัพ ก็ตามมาสมทบ ... เลยรีบจัดการเคลียร์อาหารคาว เพื่อเปิดทางให้ของหวาน เค้กวันเกิดที่ประยุกต์จากวาฟเฟิลค่ะ


จัดการอาหารเรียบร้อย ก็ได้เวลาถ่ายภาพหมู่ พูดคุยกันครึกครื้นค่ะ ... คุยกันไปจนเวลาเดินเข้าวันใหม่ ถึงเวลาวาระพิเศษที่คุณผึ้งมีของขวัญพิเศษมอบให้คุณกี้ค่ะ ... สมาชิกในวันนั้นเลยได้เป็นผู้ร่วมวางแผนเซอร์ไพรส์ และ ร่วมเป็นประจักษ์พยานค่ะ


จากนั้นก็นั่งคุยนั่งเมาท์กันต่อ จนจวนเจียนจะตีสามถึงได้แยกย้ายกันกลับบ้าน ... นัดปาร์ตี้กันทีไร เม้าท์กันยาวข้ามวันทุกที อดหลับอดนอน หมดสภาพกันเป็นแถว แต่ก็ดีใจที่ได้เจอกัน สังสรรค์กันนะคะ


นัดครั้งหน้ามีวาระพร้อมแล้ว ปาร์ตี้เลี้ยงส่งคุณสร+คุณเกษ แต่จะเป็นปลายเดือนกันยา หรือ ต้นเดือนตุลา ต้องสรุปกันอีกที ... ปาร์ตี้จะยาววววววว อีกรึเปล่าน้อ


ป.ล. เหมือนเช่นเคยนะคะ ต้องรอภาพจากไดคุณกี้ หรือ พี่จุ๊บ ... เพราะติดกล้องไปแต่ไม่ได้หยิบออกมาถ่ายรูปเลยค่า

17.9.52

The Proposal

ตอนแรกที่เห็นโปสเตอร์หนังเรื่องนี้ก็ไม่ได้สนใจอะไร ... แต่ได้เห็นหนังตัวอย่าง วันที่ไปดู 5 แพร่ง เห็นแล้วสนใจขึ้นมาทันทีค่ะ ไม่ค่อยอยากดูเท่าไหร่หรอกค่ะ แค่วันนี้หนังเข้าฉายก็รีบแจ้นไปดูเลยค่ะ


จัดการโทรจองตั๋วเรียบร้อย แล้วก็เคลียร์งานอื่นๆ ก่อนจะออกไปประชุมกับนายตอนบ่าย ... กลับมาถึงออฟฟิศราวๆ สี่โมงกว่า เก็บข้างของ ทำนั่นนี่ได้อีกหน่อยก็เลิกงานค่ะ


เราเลิกงานแล้ว แต่คนดียังติดคุยงานกับลูกค้าอยู่แถวพระราม 3 เพราะฉะนั้นต่างคนต่างเดินทางไปเจอกันที่โรงหนัง จะดีที่สุด ... เราลงรถไฟใต้ดินไปเอสพลานาด ไปรับตั๋วหนังที่จองไว้ก่อน ได้ตั๋วแล้วก็หาร้านหม่ำอะไรรองท้องระหว่างรอคนดีมาหา


เลือกฝากท้องไว้ที่ ลีคาเฟ่ ค่ะ ... เราเลือก ผัดขนมผักกาด กับ ผักกาดแก้วเห็ดหอม อาหารอร่อยเหมือนเคยนะคะ แต่กินข้าวคนเดียวนี่เหงาจัง ... พักใหญ่ๆ คนดีก็มาถึง คนดีเลือก เย็นตาโฟหม้อดิน กับ คะน้าฮ่องกงน้ำมันหอย ... กินอิ่มก็ได้เวลาหนังฉายพอดีค่ะ


เรื่องย่อ The Proposal (ลุ้นรักวิวาห์ฟ้าแลบ) ... ไม่สปอยล์ค่า


มากาเร็ต บรรณาธิการสาวสุดเขี้ยวชาวแคเนเดี้ยน แห่งนิตยสารชื่อดังในนิวยอร์ค ที่ต้องถูกเนรเทศกลับแคนาดาอย่างกระทันหัน เพราะใบอนุญาตการทำงานสำหรับคนต่างด้าวในอเมริกาของเธอถูกปฏิเสธ ... บก. ขาวีนอย่างเธอจึงต้องหาทางจัดการเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน


เธอจึงต้องหาตัวช่วย และหายนะก็ตกมาถึง แอนดรูว์ ผู้ช่วยหนุ่มหล่อหน้าใส ที่ถูกจับมัดมือชกประกาศแต่งงานสายฟ้าแลบแบบไม่ทันตั้งตัว ... นอกจากต้องเผชิญกับความสยดสยอง และความเป็นมารร้ายของเจ้านายสาวแล้ว เขาจะยอมพลีกายเป็นทาสรักของเธอหรือไม่ และเรื่องวุ่นๆ เมื่อเธอจะตามไปเยี่ยมครอบครัวของแอนดรูว์ที่อลาสก้า ที่ไม่รู้ถึงความลับของทั้งสองคนนี้


เป็นหนังสไตล์โรแมนติคคอมเมดี้ ที่เรียกเสียงหัวเราะได้ดี มีช่วงจังหวะที่ทำให้ยิ้ม ทำให้ฮา และทำให้ซึ้ง ครบรสค่ะ ... หนังดำเนินเรื่องกระชับ ฉับไว ความยาวหนังราวๆ ชั่วโมงครึ่ง พอหนังจบแล้ว รู้สึกว่าอยากให้หนังยาวกว่านี้อีกนิด กำลังเพลินค่ะ


เรื่องต่อไปที่หมายตาไว้ "รถไฟฟ้ามาหานะเธอ" หนังตัวอย่างที่เรียกเสียงกิ๊วก๊าวจากสาวๆ ในโรงได้อย่าพร้อมเพรียงค่ะ

15.9.52

: 90 เดือน :

วันที่ 15 แบบนี้ ตัวเลขของอายุความรักก็ขยับเพิ่มมาอีกเดือน ... 90 เดือนแล้ว ใกล้ 100 เข้าไปทุกทีแล้วนะ


วันนี้ไม่มีมื้อพิเศษระหว่างเราสองคน แต่เป็นมื้อพิเศษกับสาวๆ อดีตสมาชิกที่ออฟฟิศ ... นัดรวมตัวสังสรรค์ กินส้มตำ เม้าท์กัน ที่ร้านห้าแยกตำซั่ว คุยกันได้สารพัดเรื่องเหมือนเดิม ทั้งความรัก งาน ครอบครัว ท่องเที่ยว ... มีกัน 5 คน แต่คุยกันสนุกสนานเฮฮา เอิกเกริก


กินกันไป คุยกันไป เพลินจนไม่ได้ดูเวลา แต่พอฝนเริ่มโปรยเม็ดลงมาก็รีบแยกย้าย เพราะจอดรถไกล กลัวเปียกค่ะ ... วงแตกแยกย้าย เรากับคนดีวนไปส่งสาวกวาง เลยได้คุยกันอีกสักพัก


บทสนทนาระหว่างไปส่งสาวกวางนี่แหละค่ะ ที่ทำให้ได้ยินประโยคดีดีหลายประโยค ที่ฟังแล้วใจฟู และยิ้มได้


เป็นครั้งแรกที่ได้รู้ว่า เราเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้คนดีคิดหนักก่อนจะลาออก ... คนดีบอกว่า "ที่คิดหนักก่อนจะลาออก เพราะกลัวว่าจะไม่ได้เจอยัยตั๊กนี่แหละ จากเดิมที่ได้มารับ-ส่ง เจอกันเช้า-เย็น ออกไปทำงาน ปักหลักอยู่ที่บ้าน ไม่ได้มาเจอ ... ห่วงว่าจะเดินไปทำงานยังไง จะข้ามถนนยังไง"


ได้ยินแล้วก็ชื่นใจ "แต่คุณขา เดินแค่แป๊บเดียว แล้วเค้าเดินมาทำงานแบบนี้ 4-5 ปี ตั้งแต่ก่อนจะคบกันอีกนะ" ... พอเราพูดจบ ประโยคที่คุ้นเคยก็ลอยกลับมา "เค้าก็ยังยืนยันเหมือนเดิมนะ ว่ามันไม่เหมือนเดิมแล้ว ตัวมีเค้าแล้ว เค้าก็ต้องดูแล"


ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วง ขอบคุณนะคะที่คอยดูแล ขอบคุณนะคะที่ทำหน้าที่รับ-ส่งมาตลอด ... ดีใจที่รู้ว่าผ่านมา 90 เดือนแล้ว รักของเรายังไม่เก่า


รักคนดีค่ะ

14.9.52

ยิ้มเก๋ๆ

"ยิ้มเก๋ๆ" เป็นคำพูดที่พี่ในออฟฟิศคนนึงเคยพูดไว้ตอนที่ออฟฟิศพาไปเที่ยวบาหลี ... ตอนรอเข้าแถวผ่าน ตม. พี่เค้าหันมาบอกสาวๆ ที่มีมากมายรายล้อมรอบตัวว่า "เดินไปถึง แล้วส่งยิ้มเก๋ๆ ให้ ตม. จะได้ไม่โดนถามมาก" ก่อนจะถามต่อว่า "ทำได้มั้ย ยิ้มเก๋ๆ อ่ะ"


เอ ตกลงพี่เค้าหวังดี หรือ เค้าปรามาสสาวๆ ในออฟฟิศกันแน่เนี่ย


เราหันไปตอบว่า "ยิ้มเก๋ๆ ไม่เป็นอ่ะ ทำได้แค่ยิ้มหวาน เค้าจะให้ผ่านมั้ยพี่" ... ปกติชอบยิ้มอยู่แล้วค่ะ แล้วก็ยิ้มอยู่แบบเดียว คือยิ้มเต็มที่ ยิ้มกว้าง ยิ้มยิงฟัน หรืออาจจะเรียกว่าฉีกยิ้มก็ได้ค่ะ


ยิ้มได้แบบเดียวแค่นี้หล่ะค่ะ ไม่ว่าจะสถานการณ์ไหน ก็ใช้ยิ้มลุยนำหน้าไปก่อน ... ยิ้มทัก ยิ้มขอบคุณ ยิ้มชอบใจ ยิ้มสู้เวลาโดนนายเอ็ด แต่ความกว้างของยิ้มก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์เหมือนกันค่ะ ถ้าโดนเอ็ดก็ยิ้มแห้งๆ จ๋อยๆ แต่ถ้าอารมณ์ดีก็ยิ้มกว้างได้เต็มที่


เมื่อ 2-3 วันก่อน กำลังหาที่จอดรถ เจอ รปภ. คนนึง กวักมือเรียกให้ไปจอดตรงช่องว่าง แล้วตั้งอกตั้งใจโบกรถให้ ... คนดีเห็นบริการเต็มที่แบบนี้แล้วบอกว่า "เดี๋ยวลงรถไป ตัวเองแจกยิ้มเก๋ๆ ให้พี่เค้าหน่อยนะ" ... ได้เลย จัดให้ แต่จะยิ้มเก๋รึเปล่าไม่รู้นะคะ แต่ที่แน่ๆ คือตั้งใจยิ้มหวาน ส่งไปพร้อมๆ กับคำขอบคุณ


เวลาเจอพนักงานบริการ ที่เข้ามาให้บริการด้วยความเต็มใจ และบริการอย่างเต็มที่แบบนี้ ... รอยยิ้มจะปรากฏบนหน้าแบบอัตโนมัติค่ะ จะตั้งใจยิ้มเต็มที่ ยิ้มทั้งหน้า แล้วก็บอกขอบคุณ ... แล้วเวลาเห็นเค้ายิ้มตอบกลับมา ยิ้มก็ยิ่งกว้างขึ้นค่ะ


ลองนึกๆ ดู ส่วนใหญ่จะส่งยิ้มให้พนักงานบริการที่เจอะเจอประจำค่ะ รปภ. ดอร์แมน บีเอ พีซี แคชเชียร์ บริกร แม่บ้าน ได้รับยิ้มแจกจากเราอยู่เรื่อยๆ ... เพราะเคยเป็นพนักงานพาร์ทไทม์ ที่ร้านพิซซ่าอยู่ช่วงนึง พอเจอลูกค้าส่งยิ้มมาให้ ชื่นใจ้ ชื่นใจค่ะ


ใจเขาใจเราค่ะ เราเห็นคนยิ้มให้ยังชื่นใจเลย เพราะฉะนั้นเลยแจกยิ้มเป็นประจำค่ะ ... ยิ้มมากจนคนดีบ่นว่า เราชอบยิ้มหวานหว่านเสน่ห์ไปเรื่อย ... อ๊ะ ก็ส่งยิ้มไป แล้วได้ยิ้มตอบกลับมานี่นา


ล่าสุดที่ไปช่วยติดงาน ระหว่างคนดีสาละวนกับการจัดการชิ้นงานตรงหน้า ... เราที่ยืนช่วยจับ ช่วยถือของ ก็แจกยิ้มให้พนักงานที่มาเมียงๆ มองๆ ทั้งพีซีสาวท้องแก่ ที่ดูแลสินค้าของลูกค้ารายนี้โดยตรง และ พนักงาน สาว หนุ่ม และสาวประเภทสอง ใครเดินผ่านเข้ามา แจกยิ้มให้ทุกคนค่ะ


บางคนก็เดินเข้ามาช่วยยก ช่วยดู ช่วยแก้ไข บางคนก็มาเมียงมอง ช่วยเก็บของจัดของ ... เรียกว่ายิ้มสู้ เพราะช่วยคนดีทำอะไรได้ไม่มากค่ะ เลยใช้ยิ้มขอความช่วยเหลือ และขอบคุณค่ะ


จัดการงานเรียบร้อยมุ่งหน้ากลับบ้าน พอได้รับค่าแรง ก็บอกคนดีว่า "ถึงจะไม่ถนัดงานช่าง แต่ก็ส่งยิ้มหาผู้ช่วยให้ได้นะคะ ลองคิดดูซิ ว่าถ้าตัวมากับน้องผู้ชายที่จะจ้างอ่ะ จะมีพนักงานหนุ่มๆ มาช่วยรึเปล่า" ... คนดีบอกว่า "มิน่าเล่า ยืนแจกยิ้มอยู่นี่เอง ถึงได้มีหนุ่มๆ โผล่มาช่วยเพียบ ถ้าเค้ามาคนเดียว ก็คงปล่อยให้ไอ้อ้วนยืนงมจัดการเองแน่ๆ"


ไม่รู้หรอกค่ะ ว่าเป็นคน ยิ้มเก๋ หรือ ยิ้มหวาน ... แต่ที่รู้ก็คือ ยิ้มไว้ก่อน ดีแน่ๆ ค่ะ

13.9.52

รับจ็อบ

ตามแผนเมื่อวานที่คุยกันไว้ว่า คนดีจะต้องเข้าไปติดป้ายให้ลูกค้า ... แต่กว่าจะแยกตัวจากสมาชิกก็จวนเจียนจะห้าทุ่มแล้ว พีซีของลูกค้าคงกลับบ้านไปเรียบร้อย คนดีเลยยกเลิกแผนที่จะเข้าไปติดงาน เพราะอยากไปเจอกับพีซี ... งั้นก็ตรงดิ่งกลับบ้านค่ะ


กลับถึงบ้านก็คุยกันว่า พรุ่งนี้จะออกจากบ้านเช้าหน่อย จะได้ไปถึงช่วงห้างเพิ่งเปิด คนจะได้ไม่เยอะมาก ... เรารับจ็อบพิเศษ เป็นลูกมือคนดีไปช่วยยกของ และติดงานค่ะ ... ตอนแรกคนดีจะจ้างน้องผู้ชายอีกคน แต่หนุ่มคนนั้นตัวไม่สูงนัก หันมามองแฟนตัวเองแล้วสูงกว่า ตัวก็หนา รากฐานมั่นคง ... งั้นจ้างยัยคนนี้แล้วกัน ค่าแรง 1 วัน 500 บาท พร้อมเลี้ยงข้าวด้วย


ตอนแรกยังไม่กล้ารับปาก เพราะไม่แน่ใจจะช่วยอะไรได้จริงรึเปล่า ... แต่คนจ้างเค้ายืนยันหนักแน่นว่าทำได้ สบายอยู่แล้ว ในเมื่อคนจ้างมั่นใจ เราก็มั่นใจ


แต่แผนพลิกค่ะ ที่กะว่าจะออกจากบ้านราว 9 โมงเช้า กลายเป็นเพิ่งตื่นค่ะ ... นายจ้างเองก็ไม่อยากตื่น เราที่ตื่นก่อนมาปลุกคนดีไปอาบน้ำ ก็นอนยืดย้วยต่อ คนดีที่อาบน้ำเสร็จแล้วก็ไม่ปลุกเรา ปล่อยให้นอนยืด ... กว่าเราจะลุกไปอาบน้ำก็เกือบ 11 โมง ระหว่างอาบน้ำแต่งตัวคนดีก็หลับรอ ... รอกันไปรอกันมา ย้วยจนเกือบเที่ยงกว่าจะได้ออกจากบ้าน


ออกมาในสภาพหิวโหย เพราะฉะนั้นต้องเติมพลังก่อนค่ะ ... นายจ้างและเจ้ามือเสนอ ร้านชิตาเกะ ที่อยู่เลียบทางด่วน ระหว่างทางไปพอดี ... เราเองก็ตกลงทันทีเพราะไม่ได้กินอาหารญี่ปุ่นที่ร้านนี้นานแล้ว


ถ้วยเล็กเป็นออเดิร์ฟที่ทางร้านเสิร์ฟมาให้ค่ะ ... ตามมาด้วย ผักโขมราดซอสงา ต่อด้วย ชุดแคลิฟอร์เนีย ที่มาพร้อมเครื่องเคียง มิโซะซุป และอาหารต้มที่ไม่รู้ว่าเรียกว่าอะไร ชุดแซลมอนย่างซีอิ๊ว มาพร้อมเครื่องเคียงเหมือนกันค่ะ จานนี้อร่อยถูกใจเราทั้งคู่ แซลมอนเนื้อดี กินเพลินค่ะ และ มันฝรั่งบดทรงเครื่อง ก็โคโรเกะ หรือ croquette นั่นหล่ะค่ะ เป็นอาหารโปรดที่เจอต้องลองสั่ง ของร้านนี้ก็อร่อยค่ะ


อิ่มแล้วก็มุ่งหน้าตรงไปแฟชั่นไอส์แลนด์ จุดหมายอยู่ที่โฮมโปรค่ะ ... ไปถึงก็จอดรถ แล้วเดินหาพิกัดที่ถูกต้องก่อนค่ะ คนดีเข้าไปติดต่อกับพีซี ไปคุยรายละเอียด ถามข้อมูลเรียบร้อย ก็กลับมาเลื่อนรถวนไปจอดตรงจุดส่งของทางด้านหลังของโฮมโปร


ขยับแผ่นไม้ชิ้นโตที่สั่งมาลงจากรถ เอาอิงค์เจ็ทมาแปะให้เรียบร้อย แล้วก็ขนเข้าไปข้างในค่ะ ... ไปดูพื้นที่ เช็คจุดแขวน เจาะไม้ ยึดเหล็กฉากที่จะเกี่ยว มีเหตุให้ต้องปรับหน้างานนิดหน่อย แต่ก็ผ่านไปด้วยดี ... เราไปช่วยยก ช่วยหยิบๆ จับๆ ส่งของ ถือของ จัดของนั่นนู่นนี่ไปเรื่อยเท่าที่จะทำได้ ... แต่ที่เกินกว่าหน้าที่คือ แจกยิ้มให้พนักงานต่างๆ ที่เดินมาแวะเวียนให้ความช่วยเหลือและสอบถามค่ะ


เช็คความเรียบร้อย เก็บอุปกรณ์ ถ่ายรูปส่งให้ลูกค้าดู แล้วก็ชวนกันกลับค่ะ ... ทำงานอยู่ในแอร์ ทำงานไม่นานนัก แต่หิวโหยน้ำเย็นๆ ชื่นใจกันทั้งคู่ค่ะ ออกจากห้างมาได้ก็เล็งหาปั๊มเติมแก๊ส แลแวะซื้อน้ำดื่ม คนดีแวะกดตังค์ แล้วส่งค่าแรงมาให้ 500 ... โอ๊ะ ได้จริงๆ ด้วย ให้จริงๆ เหรอ


คนดีบอกว่าให้จริงๆ ก็บอกว่าจ้างก็จ้าง จ้างแล้วก็ต้องจ่าย จะได้ไม่มากินแหนงแคลงใจกันทีหลัง ... อุ๊ยตาย ดีจัง ระยะเวลาทำงานไม่นานนัก แค่ยกของหนักพอให้ปวดเมื่อยเหนื่อยตัวนิดหน่อยแค่นั้น ค่าแรงดีแบบนี้ น่าอาสารับจ็อบบ่อยๆ นะเนี่ย

12.9.52

ติดสอยห้อยตาม

เสาร์นี้ เป็นเสาร์ที่เราสองคนไม่มีโปรแกรมไปไหนค่ะ ... ผิดจากปกติ ที่มักจะมีโปรแกรมเล็กๆ น้อยๆ หรือ โปรแกรมใหญ่ๆ อยู่แทบทุกเสาร์ ... พอเจอเสาร์ที่ว่างแบบนี้ ก็ไปไหนไม่ถูกค่ะ ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี เก้าโมงกว่าแล้วยังนึกไม่ออกเลยว่าวันนี้จะทำอะไร


เลยนอนกลิ้งเกลือก ขี้เกียจอยู่บนที่นอนกันพักใหญ่ จนคนดีได้รับโทรศัพท์เรื่องงาน ก่อนจะหันมาถามเราว่า "ตัวเอง วันนี้เราไม่มีโปรแกรมไปไหนกันใช่มั้ย งั้นเค้าขอไปดูงานที่โรงงานซัพพลายเออร์ได้ป่าว" ... อืม ไหนๆ ก็ไม่มีอะไร ไปก็ไปค่ะ เพราะถ้าไม่ไป คนดีก็คงไม่สบายใจ แล้วก็คงต้องรับโทรศัพท์วุ่นวายแน่ๆ ... ไปจัดการให้รู้แล้วรู้รอด สบายใจดีกว่า


มีโปรแกรมแล้ว ก็จัดแจงอาบน้ำแต่งตัว ... พร้อมเรียบร้อยทั้งคู่ ก็คว้านิตยสารติดมือมา 1 เล่ม เอาไว้อ่านระหว่างรอค่ะ เพราะรู้ว่าต้องนานแน่ๆ


จุดหมายอยู่แถว นครชัยศรี ... ขึ้นรถได้ก็เปิดนิตยสารอ่านไปเรื่อยๆ พอเริ่มแสบตา เพราะแดดจ้า เลยหลับตา และหลับไปเลย ปล่อยคนดีขับรถตามลำพัง ... เพราะเราไม่รู้ทาง ตื่นลืมตาอยู่ก็ช่วยอะไรไม่ได้


มาตื่นก็ตอนถึงร้านก๋วยเตี๋ยว มื้อเช้าควบเที่ยง ของวันนี้ ... ร้านลูกชิ้นปลานายเงี๊ยบ บังเอิญเห็นร้านนี้ตอนมากตลาดดอนหวายครั้งล่าสุด เห็นรถจอดเยอะ ก็คิดว่าน่าจะอร่อย ... คนดีเห็นว่าอยู่ระหว่างทาง เลยเลือกฝากท้องไว้ที่ร้านนี้


มาครั้งแรก งงทั้งคู่ มองเมนูแล้ว เราเลือก เส้นหมี่ปลากับเกี๊ยวปลา ส่วนคนดีเลือก เส้นเล็กต้มยำเพิ่มเครื่อง แล้วสั่ง หนังปลาทอดกรอบ มากินเล่นๆ แบ่งกัน ... น้ำซุปรสกลมกล่อมค่ะ ส่วนเกี๊ยวปลาอร่อยมากกกกก คนดีเลยสั่งเกี๊ยวปลาลวกกลับบ้านอีก 2 ถุง ถุงละ 20 ตัว ... ก่อนจะตบท้ายด้วยไอติมกะทิทรงเครื่องอีกคนละถ้วย อิ่ม อร่อย แต่ตกกะใจ เพราะค่าอาหารรวมเบ็ดเสร็จทุกอย่าง 410 บาท ... ต๊าย ตาย ไม่เคยเจอก๋วยเตี๋ยวแพงขนาดนี้มาก่อน ดีนะที่อร่อย เลยชดเชยกันได้


อิ่มแล้วก็เดินทางกันต่อค่ะ คนดีขับรถ ส่วนเราก็นั่งมองทางไปเรื่อย รู้สึกเหมือนไกลมากกว่าจะถึง ... คนดีแวะเข้าไปดูงานในโรงงาน ส่วนเราลงมานั่งอ่านนิตยสารรอไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่ารอนานแค่ไหน เพราะมีหนังสือในมือ อ่านเพลิน นานแค่ไหนก็รอได้ค่ะ


เสร็จธุระเรียบร้อย เคลียร์งานจนโล่งใจหายกังวล ก็กลับเข้าเมืองค่ะ ... ตรงไปจุดหมายต่อไป คือ Craft Cafe อีกแล้ว เพราะคนดีนัดคุณแพทตี้ไว้ จะไปรับงานอิงค์เจ็ทที่สั่งพิมพ์ ... ไปถึงก็อึ้งตะลึงงันเพราะคนเต็มร้าน มีงานแคส 2 งาน คนเลยวุ่นวายเต็มไปหมด


เราสองคนไม่สนใจใคร ยืดทำเลที่นั่งตรงเคาเตอร์ แล้วสั่งอาหาร+เครื่องดื่มทันที ... แซนด์วิชแฮมชีส กับ แซนด์วิชร้อนทูน่าหอมใหญ่ เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งทอด และเครื่องดื่มชื่อยาวที่จำไม่ได้อีกคนละแก้ว (พี่จุ๊บ เจ้าของร้านช่วยมาเฉลยชื่อเครื่องดื่มให้ด้วยนะคะ)


กำลังจะอิ่ม คุณกี้กับคุณผึ้ง ก็ตามมาสมทบ นั่งคุยกันไป กินวาฟเฟิลกันไป พักใหญ่คุณแพทตี้ก็ตามมา ... เป็นจังหวะที่คนเริ่มซา เราเลยสละเคาเตอร์ไปนั่งโต๊ะเม้าท์กันต่อ ... เม้าท์กันจนได้เวลาปิดร้าน และท้องหิวอีกรอบ


ชวนกันไปกิน ซ้ง เพราะกินได้ทุกคน ที่สำคัญอร่อยแน่ๆ ... ขับรถตามกันเป็นขบวน เลาะซอยนั้นซอยนี้ไปเรื่อย สุดท้ายไปเจอรถติดแถววังหินซะ ถึงร้านก็หิวเต็มที่พอดี


เป็ดพะโล้ ไส้เป็ด เลือด ต้มซุปเปอร์รวม ยำหมูแผ่น หมูสับผัดไข่เค็ม หมูผัดหนำเลี๊ยบ ปลากระพงทอดน้ำปลา ผัดผักบุ้ง ... อิ่ม อร่อย กันถ้วนหน้าค่ะ อิ่มแล้วก็แยกย้าย คนดีจะต้องเข้าไปติดตั้งงาน ... พี่จุ๊บกับคุณแพทตี้ไปเดินเล่นที่ถนนข้าวสาร ... คุณกี้กับคุณผึ้ง คงกลับบ้าน


วันนี้เป็นวันที่ติดสอยห้อยตามคนดี พาไปไหนก็ตามไปด้วย ไม่มีโปรแกรมอะไรของตัวเองสักอย่าง แต่ก็เพลินดีค่ะ ... มีคนดีอยู่ข้างๆ มีหนังสือในมือเล่มนึง เท่านี้ก็อยู่ได้ สบายแล้ว

10.9.52

ศึกมื้อบ่าย

ช่วงบ่ายสามโมงของทุกๆ วันทำงาน จะเป็นเวลาพักเบรคอาหารว่างของสาวๆ ในออฟฟิศค่ะ ... สาวๆ จะมีอาการหิวพร้อมกันเหมือนนัดกันไว้ แต่เปล่าค่ะ ต่างคนต่างหิว ... เมื่อหิวก็ต้องหาเสบียงส่งลงไปในท้องเพื่อบรรเทาอาการค่ะ


บางวันสาวๆ ก็จะตุนเสบียงไว้ตั้งแต่เที่ยง ขนม ผลไม้ ซื้อมาตุนเอาไว้ ... บางวันถ้ามีสาวไปงานข้างนอก ไปประชุม ก็จะหิ้วขนมติดมาฝากเพื่อนๆ ... บางวันสาวๆ ก็จะส่งตัวแทนเดินไปอุดหนุน 7-11 จดรายการที่สมาชิกทั้งหลายเรียกร้อง ไปซื้อและหิ้วมาฝาก


แต่ที่เห็นอยู่บ่อยๆ ก็คือ สาวบ่ม จะมีขนมปัง ขนมเค้ก ขนมอื่นๆ ถือติดมือมาตั้งแต่เช้า มีติดมือมาหลายชิ้น ... สาวบ่มจะกินแค่ชิ้นเดียว แล้วก็วางส่วนที่เหลือไว้ที่โต๊ะตัวเอง หรือ โต๊ะเสบียงส่วนกลาง ... พอบ่ายๆ ใครหิว ก็จะได้ขนมส่วนนี้ช่วยบรรเทาอาการไปได้


ใครหิวก่อน ใครหิวมาก ก็ได้ใช้สิทธิกินขนมชิ้นนั้น ... บางวันมาจาก S&P บางวันมาจาก ยามาซากิ บางวันมาจาก Saint Etoile สลับกันไป ... ปกติก็เห็นถ้อยทีถ้อยอาศัย แบ่งกัน ตกลงกันได้


แต่เมื่อวันก่อน ระหว่างรอประชุม พอเราโผล่หน้าเข้าไป สาวนุ่นก็เดินดิ่งมาหาทันที พร้อมกับชี้บอกให้เรามาดูตรงโต๊ะเสบียง ... พอเราเดินไปถึง สาวนุ่นก็หยิบถุงขนมปังมาส่งให้ดู เป็นถุงขนมปัง ที่มีชื่อ หมวยบี และเวลากำกับไว้ค่ะ


สาวนุ่นบอกว่า "ดูซิ พี่ตั๊ก ดูพี่บีขี้งก เขียนจองเอาไว้เลย"


พอเห็นนุ่นเปิดฉาก หมวยบีก็ต้องแก้ต่าง รีบเดินดิ่งมาทันที พร้อมกับชี้ให้เราดูขนมอีกกล่องที่มีชื่อเขียนจองไว้เหมือนกัน พร้อมบอกว่า "ก็ดูดิพี่ตั๊ก แต่ก่อนนะ ขนมบ่มไม่มีใครกิน บีก็จัดการทุกที เดี๋ยวนี้นะ หายเรียบ บีหิวๆ เดินมาดู อ้าว หายไปหมดแล้ว ... บางทีนะเหลืออยู่คำสุดท้าย แล้วเดินมาบอกว่านี่ เคยกินอันนี้รึเปล่า ดู ดู้ ดู ... แล้วดูซิ มีเขียนจองเอาไว้ด้วย บีเลยเขียนกำกับมั่งดิ"


ได้เห็น ได้ฟัง ก็ได้แต่ขำค่ะ ไม่รู้จะพูดยังไงดี ได้แต่อึ้ง ... เออเนอะ สาวๆ ออฟฟิศนี้ไม่ว่าไซส์เล็ก ไซส์ใหญ่ ไซส์บาง ไซส์หนา เห็นว่าเรื่องกินเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ ค่ะ ... ดูเหมือนจะตีกันแบบนี้ แต่พอถึงเวลาก็ถ้อยทีถ้อยอาศัยแบ่งปันกันดีนะคะ

9.9.52

น้ำลายไหล

ถ้าคนนั่งหลับ แล้วหงายเงิบคอพับไปด้านหลัง มักจะอ้าปาก ถ้าคอพับก้มหน้าคางจรดอก มักจะน้ำลายไหล ... แล้วคนที่นอนราบ เหยียดยาวหลับสบายบนที่นอน ทำไมถึงน้ำลายไหลได้น้อ


กลับจากดู 5 แพร่ง คนดีก็แวะมาพักที่บ้าน รอเวลารับน้องชายกลับบ้านพร้อมกัน ... ตอนแรกก็เอกเขนกดูทีวีอยู่ด้วยกัน แต่พอเราผละมานั่งอัพบล็อก คนดีก็เริ่มซ่อนตาดำ ตาปรือ และหลับผล็อยไปในที่สุด


ขณะที่กำลังอัพไดเพลินๆ สลับกับดูซีรี่ส์ไปด้วย ก็ได้ยินเสียงคนดีโวยวายขึ้นมา "ตัวเองงงงงงงงงง เค้าน้ำลายไหล น้ำลายไหลอ่ะ" ... ภาพที่หันไปเห็นคือ คนดีปรือตามาบ่นงึมงัม ก็มองด้วยความงุนงงว่าจะให้ทำอะไร สักพักคนดีก็เอื้อมมือไปคว้ากระดาษทิชชู่ตรงโต๊ะเครื่องแป้งข้างหัวเตียงมาเช็ด ซับ เหมือนอย่างที่เคยประสบปัญหาน้ำลายไหลครั้งก่อนๆ


เราก็ยังนั่งมองแบบ งงๆ ว่า ก็จัดการเองได้นี่นา แล้วจะปรีอตามาเรียกทำไม ทุกทีก็เห็นคว้ากระดาษเช็ดเอง ... เหมือนคนดีรู้ความคิด เพราะมีเสียงเปรยมาอีกว่า "ตัวเองอะ ไม่ดูแลเค้าเลย ทำไมปล่อยให้เค้านอนน้ำลายไหลแบบนี้ ดูซิแขนเสื้อเปียกหมดแล้ว" ... เรายังนั่งมองแบบ งงๆ และแอบคิดว่า อ้าว อิฉันจะรู้ได้ยังไงหล่ะคะ ว่าวันนี้คุณจะนอนน้ำลายไหล ก็ปกติไม่ได้นอนน้ำลายยืดแบบนี้นี่นา


"ดูซิ ดูซิ แขนเสื้อเค้าแฉะเลยเนี่ย ดูซิ" บ่นไปก็เอากระดาษซับไปด้วย ... อ้าว แล้วจะให้อิฉันทำยังไง ก็เช็ดเองได้นี่นา


คนดีบ่นไปซับไป แป๊บเดียวก็หลับผล็อยต่อ ... เออ เอากับเค้าซิ รู้สึกตัวเอง คว้ากระดาษเอง เช็ดเอง ในท่านอนหงายเหยียดยาวสบาย แต่ปากก็บ่นงึมงัมให้คนที่นั่งหันหลังมองไม่เห็นว่าหลับน้ำลายไหล จัดการเช็ดเองเรียบร้อย ก็หลับต่อซะอย่างนั้น ... งง ง้ง งง


พอน้องชายโทรมาตาม คนดีก็ตื่นงัวเงียขึ้นมานั่ง เราเลยถามว่า "ทิชชู่ที่เช็ดเมื่อกี้อยู่ไหนคะ" ... คนดีเอามือควานเข้าไปในแขนเสื้อ หยิบก้อนทิชชู่ที่ยัดไว้ออกมา พร้อมกับพูดว่า "ทำไมตัวเองแกล้งเค้าแบบนี้ ทำไมเอาทิชชู่มายัดแขนเสื้อเค้าไว้" ... อ้าววววววววววววว ไรเนี่ย


ดู ดู้ ดู น้ำลายไหลเอง ตื่นมางึมงัม แล้วจัดการเอง กลับลงท้ายว่าเราแกล้งซะอย่างนั้น ... อะไรกันเนี่ย งง นะคะเนี่ย

5 แพร่ง

09.09.09 วันที่เลขดี และคนไทยเชื่อว่าเป็นเลขมงคล นอกจากจะมีกิจกรรมดีๆ ที่ให้คนไทยร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และ เพลงสดุดีมหาราชา ตอนเวลา 09.09 น. แล้ว ... ยังเป็นวันที่หนัง 5 แพร่ง เข้าโรงฉายด้วยค่ะ


ปกติไม่ค่อยดูหนังสยองขวัญสั่นประสาทเท่าไหร่ ต้องบอกว่าไม่ใช่แนวค่ะ เลือกดูเป็นบางเรื่องเท่านั้น ... และเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องนึงที่ตั้งใจจะดู ที่ตั้งใจมาก เพราะได้ดู 4 แพร่ง แล้วติดใจค่ะ ถึงจะกลัว จะหลอน แต่ก็ชอบ พอเห็นหนังตัวอย่าง 5 แพร่ง ก็บอกคนดีทันทีว่าจะดูหนังเรื่องนี้


นับวันรอหนังเรื่องนี้เข้า พร้อมกับนัดแนะสาวๆ ในออฟฟิศว่าไปดูหนังพร้อมกันดีกว่า จะได้มีเพื่อนร่วมลุ้น ... ได้สมาชิกร่วมขบวนมา 1 ราย นัดแนะวันกันเรียบร้อย แต่สาวรายนี้มีงานด่วนเข้ามาทั้ง พฤหัสฯ และ ศุกร์ ที่ชวนไว้เลยไปด้วยไม่ได้ ... เหลือกัน 2 หน่อ ตามเดิม งั้นประเดิมดูมันวันแรกนี่เลยแล้วกัน


ตกลงกับคนดีได้ เราก็รีบโทรจองตั๋วหนังทันที ... พอเลิกงานก็รีบออกจากออฟฟิศ เพราะจองตั๋วรอบ 18.35 น.ไว้ ไม่อยากดูรอบค่ำกว่านี้ค่ะ กว่าหนังจะเลิก เดี๋ยวยิ่งมืด จะยิ่งหลอน


คนเพียบบบบบบบบ วุ่นวายมากๆ ดีที่โทรจองตั๋วไว้ก่อน ขนาดคิวสั้นกว่า ก็ยังวุ่นวาย ชักช้า ชวนหงุดหงิด แถมราคาตั๋วก็ขยับขึ้นอีก สงสัยต้องเลิกดูหนังในเครือเมเจอร์และอีจีวีซะแล้ว ... ได้ตั๋วหนังเรียบร้อยก็ลงไปหม่ำทาโกะยากิ ... ท้องอิ่มแล้ว คนกล้าๆ กลัวๆ กับคนกลัว ก็พร้อมดูหนังแล้วค่ะ


5 แพร่ง (Phobia 2) หนังสั้น 5 เรื่อง ผลงานของผู้กำกับ 5 คน กับ 5 นักแสดงนำ จะทำให้เราหวาด ผวา หลอน และ กลัวได้ขนาดไหน


แพร่ง 1 : หลาวชะโอน ... เป้ เด็กชายที่แม่พาหนีมือกฎหมาย เข้าไปบวชในวัดป่าที่ห่างไกล


แพร่ง 2 : ห้องเตียงรวม ... หนุ่มทะเล้นประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ ถูกส่งเข้านอนพักในห้องรวม ที่มีชายชราอาการโคม่านอนอยู่ข้างๆ


แพร่ง 3 : Backpackers ... นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นโบกรถเข้ากรุงเทพ แต่มีบางสิ่งที่ซ่อนอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ของรถพ่วงคันที่ทั้งคู่โบกมา


แพร่ง 4 : รถมือสอง ... นุช เจ้าของเต้นท์รถมือสองขนาดใหญ่ ที่ลูกชายหายไปกลางดึก ท่ามกลางรถมือสองนับร้อยคัน ที่มีประวัติและที่มาต่างกันไป


แพร่ง 5 : คนกอง ... กองถ่ายหนังผีสุดซวย ที่นักแสดงหน้าใหม่ผู้รับบทผี ป่วย ตาย แต่ด้วยสปิริตนักแสดงจึงกลับมาถ่ายหนังให้จบ ... สี่หนุ่มคนกอง จำต้องถ่ายหนังให้จบ โดยปิดไม่ให้ พี่ช่า นางเอกของหนังรู้ความจริง

(ภาพจาก movie.sanook.com และ majorceniplex.com )


รับประกันว่าเป็นเรื่องย่อที่เขียนไว้ ย่อจริงๆ ไม่มีการสปอยล์เนื้อหาสำคัญใดๆ ของหนังทุกตอนค่ะ ... เพราะหนังแบบนี้ ดูเอง ลุ้นเอง สนุกกว่าค่ะ


เราตั้งใจที่จะดูหนังวันแรกๆ เพราะมีเพื่อนร่วมลุ้นในโรงหนังเพียบแน่ๆ จะได้ไม่วังเวงเกินไป เพราะถ้ารอดูวันหลังๆ เกรงว่าคนจะน้อย แล้วจะยิ่งหลอน ... ถึงจะขอมีคนเยอะ ให้อุ่นใจ ก็ขอเลือกนั่งที่ริมทางเดิน เพราะกลัวปฏิกิริยาของคนนั่งข้างๆ จะทำให้ตกใจตาม ... แต่กลายเป็นว่า เสียงลุ้น เสียงกรี๊ด วี๊ด ว้าย จากจุดต่างๆ ของโรงหนัง ดังลอยมาเป็นระลอก ก็ทำเอาหัวใจระรัวได้เหมือนกันค่ะ


เราที่กล้าๆ กลัวๆ พอหนังเริ่มฉาย ก็จัดระเบียบร่างกาย หดขาขึ้นบนเก้าอี้ แล้วจับมือคนดีไว้ข้างนึง ... ส่วนคนดีที่ออกอาการกลัวชัดเจน กลับนั่งนิ่ง ตัวตรง หลังพิงผนักเก้าอี้ ไม่มีอาการลุกลี้ลุกลนใดๆ ... ขนาดมีชายหนุ่มตัวสูง ที่ทำผมแหลม เป็นชาวไซย่าจากการ์ตูนดราก้อนบอลนั่งบังอยู่ข้างหน้า คนดีก็นั่งนิ่ง เรากลัวคนดีจะมองไม่เห็น เลยบอกให้เปลี่ยนที่ คนดีบอกว่า "เรื่องนี้ไม่ต้องเห็นชัดเจนก็ได้ ไม่เป็นไร"


ตลอดเวลาที่ดูหนัง มีอาการ อึดอัด ลุ้น ระแวง กลัว อึ้ง งง และ ฮา ค่ะ ... ถ้าใครที่ตั้งใจไม่ดูหนังเรื่องนี้ แล้วบอกให้เล่าให้ฟังก็ไม่รู้จะเล่ายังไงค่ะ แต่ถ้าถามว่าหนังเรื่องนี้เป็นยังไง จะบอกว่า หนังโอเค สนุก น่ากลัว แต่ไม่ถึงขั้นหลอนค่ะ


คนดีขา ขอบคุณนะคะ ที่ฝืนความกลัวไปดูหนังเป็นเพื่อน แถมยังส่งมือให้ยึด ให้เกาะ ให้อุ่นใจตลอดทั้งเรื่องด้วย ... ขอโทษที่เค้าลืมตัว ตีมือไปหลายแปะ ก็มันลุ้นนี่นา เค้าไม่ได้ตั้งใจ

8.9.52

ประชุม ประชุม ประชุม

เหินห่างว่างเว้นจากการประชุมไปพอสมควร เพราะหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย วุ่นวายอยู่แต่ในออฟฟิศเป็นส่วนใหญ่ค่ะ ... นานๆ ถึงจะตามนายออกไปประชุมข้างนอกเป็นครั้งคราว แล้วก็ประชุมพนักงาน เดือนละครั้ง หรือ สองเดือนครั้ง


แต่ 2 วันนี้ เจอประชุม 3 รอบ ... โอ๊ย คุณพระช่วย นั่งฟัง นั่งคุย เวลาก็เดินผ่านไป แต่ทำไมเหนื่อยจัง


สายๆ เมื่อวาน นายโทรลงมาบอกว่า มีนัดด่วนให้เข้าไปรับบรีฟกับลูกค้า นายไม่สะดวก ระบุมาว่าให้เราควงหมวยบีไปด้วย ... นัดตอน 15.00 น. ราวๆ ชั่วโมง ก็ประชุมกับลูกค้าจบ ฝ่าการจราจรติดขัดแถวสาทรกลับเข้าออฟฟิศ


เช้าวันนี้ 10.00 น. มีประชุมคุยงาน เพื่อเตรียมวางแผนงานให้ลูกค้า ... แชร์ข้อมูลที่ได้มานิดหน่อย ที่เหลือคือนั่งฟังข้อมูลเพิ่มเติม ประชุมเสร็จราวๆ เที่ยงกว่า หิวโหยลงมาหาข้าวกลางวัน ก็เจอคนดีหอบเสบียงจากบ้านมาส่งให้ ... เล็มผัดกะเพรา กับ ไข่ตุ๋น ไปอย่างละน้อย พอประทังชีวิต


14.00 น. มีประชุมพนักงาน เข้าไปเล่า และฟังสรุปงานต่างๆ ของลูกค้า ราวๆ 15.30 ก็จบการประชุม ... กลับลงมานั่งทำงานต่อในสภาพหิวโหยอีกแล้ว รู้สึกเหมือนแบตอ่อน


นาน น้าน นาน ถึงจะเจอประชุม เช้า-บ่าย ต่อกันแบบนี้ ... พอประชุมจบ ก็รู้สึกเหมือนแบตตกทุกที ไม่เข้าใจเล้ย นั่งเฉยๆ แต่ทำไมถึงเหนื่อยจัง ... โอ๊ะ เราแก่แล้วเหรอเนี่ย

5.9.52

หลายที่ หลายภารกิจ

หลังจากเมื่อวานสนุกสนานกับการร้องคาราโอเกะ กว่าจะกลับถึงบ้านก็ตีหนึ่ง ... แต่กลับมาแล้วไม่หลับไม่นอนค่ะ มานั่งดูซีรี่ส์ในทรูอีก 2 เรื่อง กว่าจะได้นอนก็ตีสามกว่า ... ส่วนคนดีหลับอุตุนิยม สบ๊าย สบาย ไปตั้งนานแล้ว


นอนดึก แต่ต้องรีบตื่นค่ะ ราวๆ 8 โมงกว่า ก็ตื่นแล้ว เพราะวันนี้เรามีภารกิจรออยู่ค่ะ ... รีบอาบน้ำแต่งตัว ขึ้นรถ มุ่งหน้าไปศูนย์ฯสิริกิติ์ ค่ะ เราจะไปซื้อแพคเกจใน งานไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 16 ค่ะ


เพราะคัดเลือกตัวผู้ชนะเลิศได้แล้ว ก็ต้องไปสอยมาครอบครองค่ะ ... แล้วที่ต้องไปแต่เช้าเพราะว่า มีแพคเกจของที่นึง จะให้ส่วนลดเพิ่มสำหรับลูกค้าบัตรเครดิตซิตี้แบงก์ 50 คนแรกค่ะ ... และที่สำคัญ จะได้หาที่จอดรถง่าย ไม่ต้องฉกชิงกับใครๆ


ไปถึงราวๆ 9.45 เวลาเหลือเฟือค่ะ ยืนคุยกันรอเวลาประตูเปิดแป๊บเดียวเท่านั้น ... ก็เดินตรงไปบูธแรก รีบไปใช้สิทธิส่วนลดก่อนคะ ไปเป็นลูกค้าประเดิมรายแรกของบูธนี้เลย อิอิ ดีใจ ได้แพคเกจราคาถูกใจ ถึงราคาจะสูงแต่ไปมาแล้วประทับใจ คุ้มค่ะ



แล้วก็เดินไปยังบูธอื่นๆ ต่อ ... ของเราสองคนได้ที่พักที่หัวหิน 3 ที่ และมีพี่ผู้ช่วยฝากซื้อ Casuarina ชะอำ กับ สมาชิกเก่าที่ออฟฟิศฝากซื้อ Al Medina ที่จันทบุรี ... ไปมาแล้วทั้งสองที่ เลยให้คำแนะนำกับทั้งคู่ได้ว่าสถานที่เป็นยังไง ราคาเป็นยังไง


ซื้อแพคเกจครบถ้วนอย่างที่ตั้งใจ ก็เดินวนเข้าไปใน งาน Healt & Cuisine ที่จัดอยู่ในเพลนารี่ฮอลล์ ... ไปเดินวน วน วน ได้ของกินติดมือมานิดหน่อย แล้วก็ได้ มาสก์ดำของโคเซ่ กับ อายครีม จาก goodskinglab ติดมือมาด้วย ... เหอ เหอ ไม่ได้ไปเดินห้าง ก็ยังเสียเงินซื้อสกินแคร์ได้


ตังค์บินออกจากกระเป๋าพอสมควร ก็ถึงเวลาลุ้นโชคของซิตี้แบงก์ที่หย่อนคูปองลุ้นโชคไป ... คราวนี้ไม่มีดวง พลาดไป ก็ไม่เป็นไร คิดว่านั่งพักเหนื่อย รอเวลาเดินทางกันต่อ


จุดหมายต่อไปอยู่ที่ เอสพลานาดค่ะ เราสองคนไปแวะกินข้าวเที่ยงกัน ... ลังเลอยู่นานว่าจะเลือกอะไรดี สุดท้ายก็ลงตัวที่ ข้าวแกงกะหรี่ Cocoichibanya เลือกร้านนี้เพราะรับรองว่ากินแล้วอิ่มทน อิ่มยาวไปจนเย็นค่ะ



คนดีสั่ง ข้าวแกงกะหรี่ ความเผ็ดระดับ 3 มีท้อปปิ้งเป็น โคโรเกะครีมแซลมอน ไส้กรอก และเห็ดรวม ... ส่วนของเราเป็น ข้าวแกงกะหรี่ความเผ็ดระดับ 2 ใส่ โคโรเกะครีมแซลมอน กับ ไก่ทอด ... กินแกล้มกับผักดองที่ทางร้านจัดไว้ให้ อร่อย อิ่ม พุงตึงค่า


อิ่มแล้วก็ออกเดินทางกันต่อ จุดหมายต่อไปคือ สวนจตุจักร เอารถไปจอดตรงที่จอดรถบางซื่อ แล้วนั่งรถไฟใต้ดินมา ... อากาศร้อน แดดแรง เดินแป๊บเดียวเหงื่อซึมค่ะ เป้าหมายของที่นี่คือ คนดีมาซื้อของขวัญงานแต่งงานให้น้องที่ออฟฟิศเก่า


ได้ของขวัญเรียบร้อย ก็เดินดูของกันต่อไปเรื่อยๆ ... เราได้เสื้อยืด 2 ตัว รองเท้าแตะ 1 คู่ ส่วนคนดีได้ เสื้อยืด 3 ตัว ... แล้วได้จาน ชาม ช้อน ส้อม สำหรับจัดปาร์ตี้ที่คราฟท์ คาเฟ่ ... พอซื้อจานปุ๊บ ฝนก็เทลงมาพอดี เลยปิดจ็อบการเดินเล่น ลงรถไฟใต้ดินกลับดีกว่า

แอบแวะถ่ายรูปเล่น ตรงลานจอดรถสถานีบางซื่อสักหน่อย ... ฟ้าเปิด สวยดี เลยกดชัตเตอร์นิดหน่อย พอสนุกสนานค่ะ


มุ่งหน้าไปจุดหมายต่อไป ร้านซ้ง และ ร้านโกยี ไปซื้อเสบียงสำหรับปาร์ตี้ที่คราฟท์ค่ะ ... วันนี้เปลี่ยนเมนูจากส้มตำ เป็นอาหารอื่นบ้าง ข้าวผัดปู มักกะโรนี กระเพาะปลา เป็ดพะโล้ ซุปเปอร์ไก่รวม ยำหมูแผ่น และ หมูผัดไข่เค็ม ... ซื้อเสบียงครบถ้วน ก็ตรงไปที่หมายสุดท้าย


ระหว่างทางไปร้าน บังเอิญหันไปเห็น รุ้ง พอดี ... กรี๊ดกร๊าดวี้ดว๊ายดีใจน่าดู เพราะไม่ได้เห็นรุ้งนานแล้ว ลนลานคว้ากล้องมาเก็บภาพเป็นที่ระลึกสักหน่อย



ไปถึงที่หมายสุดท้าย ร้าน Craft Cafe ก็มีสมาชิกบางส่วนรออยู่แล้ว พี่จุ๊บ (เจ้าของร้าน) คุณแพทตี้ คุณกี้+คุณผึ้ง คุณเกษ+คุณสร ... เรากับคนดี นั่งแป๊บเดียว น้องตาล ก็ตามมา สักพัก น้องจือ+น้องยุ้ย ก็ตามมาสมทบ สมาชิกครบถ้วน รอเวลาร้านปิดเท่านั้น


คุยกันสารพัดเรื่อง ทั้ง วางแผนการเก็บเงิน วางแผนการใช้เงิน กล้องถ่ายรูป อาหาร ภาษา ความรัก ... คุยกันเบาๆ รอเวลาค่ะ เพราะวันนี้ที่ร้านมีแคสงาน นายแบบ นางแบบฝรั่ง หน้าตาดีดีนั่งอยู่เต็มร้าน เจริญหู เจริญตาเป็นที่สุด


พอได้เวลาร้านปิด เวลาปาร์ตี้ก็เริ่มค่ะ ... แต่เป็นปาร์ตี้ที่ไม่คึกคักเหมือนปาร์ตี้ส้มตำ เพราะตั้งใจกินกันจริงๆ จัง รอจนอิ่ม ถึงได้เริ่มคุย เริ่มเม้าท์ ... นอกจากคุย และดื่มแล้ว ยังได้ดูเอเอฟด้วยค่ะ


คุยกันไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็เติมพลังด้วย วาฟเฟิลอร่อยๆ แล้วยังมีชอคโกแลตที่คุณเกษกับคุณสรติดมาด้วย ... อร่อย เพลิน สนุกมาก ซึมนิดหน่อย ก็นั่งคุยกันไปเรื่อยๆ จนตี 3 ถึงได้แยกย้ายสลายตัว


เป็นอีกวันที่ตะลอนทัวร์ทั่วกรุง ... เหนื่อยแต่ก็สนุกค่ะ แต่นอนเกือบเช้าติดกัน 2 วันแบบนี้ เหมือนโดนดูดพลังงานไปเยอะน่าดูค่ะ

4.9.52

ไปเกะ ไปร้องเพลง !!!

สาวๆ ในออฟฟิศรวมตัวกันไปคาราโอเกะอีกแล้วค่ะ ... แต่ก๊วนคาราโอเกะครั้งนี้มีสมาชิกหน้าใหม่เพิ่มขึ้น เพราะสาวๆ ติดใจจากตอนงานวันเกิดของนาย ที่ทั้้งร้อง ทั้งเต้น ทั้งโดด กันสนุกสนาน


นอกจากจะไปร้องเพลงเพื่อความสนุกสนานแล้ว ยังไปโดด ไปเฮ เหมือนได้ไปแดนซ์ ... และบางส่วนก็ใช้โอกาส ฝึกฝนการร้องเพลง ไปด้วย เพราะเราไม่ได้เน้นร้องเพราะ แต่ร้องเอามันค่ะ มั่วบ้าง ผิดบ้าง หลงบ้าง ก็ไม่เป็นไร คนกันเองทั้งนั้น


แต่ถ้าเสียงหลงไปเยอะ หรือผิดจังหวะไปแยะ ก็ช่วยกันดึงกลับให้ไม่เพี้ยนจนเกินไปค่ะ ... พอดีที่มีสมาชิกคนนึงที่มีคุณอาเป็นครูสอนร้องเพลง มีวิชาติดตัวมาบ้าง ร้องเพลงได้ดี เลยกลายเป็นครูสอนร้องเพลงจำเป็นให้กับสาวบางคนค่ะ


สมาชิกขาประจำ ส่วนใหญ่จะมีเพลงประจำตัวที่ร้องทุกครั้ง ... สมาชิกใหม่ ก็มาเพื่อหาเพลงประจำตัวค่ะ ... เพราะการมาคาราโอเกะ เป็นโอกาสดีที่จะฝึกร้องเพลงต่างๆ ค่ะ เพราะมีเนื้อให้ดู และถ้าร้องผิดบ้าง ก็ไม่ว่ากันอยู่แล้ว


พอลองมาไล่ดูรายชื่อเพลงที่ร้องกัน ก็หลากหลายเหลือเกิน ... เพลงใหม่ เพลงเก่า เพลงสากล เพลงลูกทุ่ง เพลงเพื่อชีวิต ... อย่างเช่น


ซินเดอเรลล่า .. แทตทู คัลเลอร์

รักแท้ยังไง .. น้ำชา

มากกว่ารัก .. พีท

สักวันฉันจะดีพอ .. บอดี้สแลม

เรื่องธรรมดา .. เจมส์

สายลม .. เจนนิเฟอร์ คิ้ม

ทำไมต้องเธอ .. เบิร์ด

เขียนไว้ข้างเตียง .. นันทิดา

อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน .. ทาทา

พูดอีกที, พลิคล็อค .. คริสติน่า

รักอยู่หนใด .. ป๊อบ แองเจิ้ล

แช่แวบ .. ประกอบหนังแสบสนิท

ดรีมทีม .. ประกอบหนังดรีมทีม

ใจนักเลง .. แบบ cover ของลูกปัด และ แบบต้นฉบับ พี่อ๊อฟ พงษ์พัฒน์

คนล่าฝัน, ทะเลใจ .. คาราบาว

เหงาเข้าใจ .. ปาน

หนุ่มบาว-สาวปาน .. คาราบาว-ปาน

พรหมลิขิต .. สุทราภรณ์

กล้ำกลืน .. พัชรา แวงวรรณ



และอีกมากมายสารพัดเพลงค่ะ ... เก่าบ้างใหม่บ้าง ช้าบ้างเร็วบ้าง อย่างที่ยกตัวอย่างมานั่นหล่ะค่ะ ร้องไป โดดไป เฮไป ... เริ่มร้องตั้งแต่ทุ่มจนเที่ยงคืนกว่า สนุก และคลายเครียดดีค่ะ

3.9.52

เที่ยวนี้ที่ถวิลหา ... ไทยเที่ยวไทย # 16

ไม่เคยสังเกตว่างานไทยเที่ยวไทยครั้งที่ผ่านๆ มา มีชื่อเฉพาะงานแต่ละครั้งด้วยรึเปล่า ... แต่งานไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 16 นี้ มีชื่อห้อยท้าย "เที่ยวนี้ที่ถวิลหา" อยู่ด้วยค่ะ


งานไทยเที่ยวไทยเป็นงานแฟร์ที่ไปประจำสม่ำเสมอเป็นกิจวัตร ... ครั้งนี้ก็ไม่พลาดค่ะ ยอมอดข้าวเที่ยง แวบออกไปเดินเก็บโบรชัวร์ในงานเหมือนเคย เดินคนเดียว ฉายเดี่ยว ไร้ผู้ติดตามใดๆ เดินเก็บโบรชัวร์อย่างรวดเร็ว


เป้าหมายที่เล็งไว้ ก็หัวหินถิ่นประจำ ว่ามีที่ไหนราคาน่าคบ เงื่อนไขดี ลดราคาเป็นพิเศษน่าสอยเก็บไว้รึเปล่า ... ส่วนที่อื่นๆ ที่เล็งไว้ ก็ประปรายกระจายไปทั่วค่ะ พัทยา ระยอง จันทบุรี เชียงใหม่ เชียงราย ขอพิจารณาเงื่อนไขก่อนว่าคุ้มค่าน่าสนรึเปล่า เพราะแผนเที่ยวยังไม่สรุปค่ะ


แล้วก็ตามธรรมเนียมปฏิบัติเดิมค่ะ คือเราจะคัดโบรชัวร์ที่เราสนใจ เงื่อนไขโอเค ราคาคบได้ ส่งเข้ารอบต่อไปให้คนดีพิจารณาต่อ ... แต่คราวนี้พิเศษกว่าเดิมนิดนึงที่ ลิสท์รายการที่สนใจบางส่วนไว้ก่อนแล้วค่ะ จดราคาจากหน้าเว็บโรงแรม และเว็บเอเจนท์ มาเปรียบเทียบเรียบร้อย เหลือแค่ดูราคาจากในงานว่าลดเยอะ ลดจริง ก็ส่งตัวผ่านเข้ารอบไปได้เลย


อัพบล็อกเสร็จ ก็จะทำการคัดตัวรอบแรกแล้วค่ะ ระหว่างที่รอคนดี ซึ่งรับหน้าที่กรรมการคัดตัวผู้เข้ารอบรองชนะเลิศ ซึ่งงีบหลับอยู่ ... แล้ววันเสาร์ค่อยไปคัดตัวผู้ชนะเลิศในงานค่ะ


ใครที่สนใจไปเดินดูแพคเกจจากโรงแรมต่างๆ ยังมีเวลาพอสมควรค่ะ เพราะงานเพิ่งเริ่มวันแรก ... งานจัดระหว่าง 3-6 กันยายน 2552 ที่ศูนย์ฯสิริกิติ์ ค่ะ

2.9.52

ตกหลุมรัก "ชายคนหนึ่ง"

"เธอไม่ต้องกังวล เธอไม่ต้องเกรงใจ ความรักฉันที่ฝากไว้เป็นเรื่องง่ายกว่านั้น ฉันเป็นเพียงชายคนหนึ่งที่อยากดูแล ห่วงใยเธอเท่านั้น ..... " ... เสียงเพลงชายคนหนึ่ง ของ ปีเตอร์ เป็นเพลงที่เรียกความสนใจของเราได้ทุกครั้งที่ได้ยินค่ะ

เพราะชอบเพลงนี้มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก และก็ชอบ ปีเตอร์ คอร์ป ไดเรลดัล มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก เช่นกันค่ะ ... มากขนาดขอเป็นแฟนคลับติดตามผลงานใกล้ชิด ตามไปดูคอนเสิร์ท ตามไปกรี๊ดดดดอยู่ช่วงนึง

เมื่อ 3-4 วันก่อน ระหว่างนั่งทำอะไรไปเรื่อย ก็ได้ยินเสียงเพลงนี้ดังจากทีวี เลยเงยหน้าดู ... ภาพที่เห็นคือ ตี๋น้อยน่ารักหุ่นจ้ำม่ำ กำลังกระโดดบังน้ำที่สาดกระเช็นให้คุณยาย ... ดูจนจบถึงได้รู้ว่าโฆษณาผงซักฟอก

ดูไม่ต่อเนื่อง เพราะพลาดช่วงต้นไปหน่อย เลยอยากรู้ว่าตอนต้นเป็นยังไงน้อ ... แล้วพอได้เห็นเต็มๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ ก็หลงรักตี๋น้อย ชายคนหนึ่งคนนี้เข้าอย่างจังค่ะ ... พูดให้ถูกก็ต้องบอกว่า ชอบโฆษณาตัวนี้มาก เพราะเพลงประกอบได้ใจไปแล้วเต็มๆ มาเจอเนื้อเรื่องที่ครีเอทีฟคิดมาน่ารักแบบนี้ ยิ่งโดนค่ะ




(Youtube Code from juijang )
... อยากให้ชายไทยมีความเป็นสุภาพบุรุษ เอื้อเฟื้อ มีน้ำใจ แบบตี๋น้อยในโฆษณาตัวนี้เยอะๆ จังเลยค่ะ

1.9.52

เกมบนรถ

ถึงแม้บ้านจะอยู่ใกล้ออฟฟิศขนาดเดินไปทำงานได้สะดวก แต่บางวันก็ต้องอาศัยรถยนต์ลุยการจราจรคับคั่งของกรุงเทพฯ ไปที่ต่างๆ ค่ะ ... เราสองคนเลยต้องหากิจกรรมแก้เบื่อระหว่างอยู่บนรถกันสักหน่อย


เริ่มจากไอเดียของเรา ที่คุณพิไลฝึกให้เล่นมาตั้งแต่เด็กๆ นั่นคือ "บวกเลขป้ายทะเบียน" ... ระหว่างรถติดก็บวกเลขป้ายทะเบียน 4 ตัว ของรถคันที่อยู่รอบๆ เป็นการฝึกบวกเลข จับคู่ตัวเลข หัดคิดเลขในใจ คิดเลขเร็ว ... ก็สนุกดี


เราเป็นผู้โดยสารก็สนุก กวาดตาเจอทะเบียนรถคันไหน ก็บวกเลขได้เลย ... แต่คนดีที่เป็นคนขับก็ลำบากหน่อย เพราะอาจจะเสียสมาธิจากการควบคุมรถ มามองหาป้ายทะเบียน แล้วยังต้องประมวลผลบวกเลขอีก ... เกมนี้เลยเล่นไม่ได้บ่อยๆ


แล้ววันนึง คนดีก็มีไอเดียระหว่างอยู่บนรถ เกมใหม่ก็เกิดขึ้น "ขยายคำ" ... ป้ายทะเบียนจะมีตัวอักษร 2 ตัว ตามด้วยตัวเลข 4 ตัว ... คนดีเสนอให้ลองคิดกันดีกว่า ว่าตัวอักษร 2 ตัวที่เห็น น่าจะย่อมาจากคำว่าอะไร แล้วพูดออกมาดังๆ พร้อมกันค่ะ


เพื่อให้เข้าใจชัดเจน ลองยกตัวอย่างดูดีกว่านะคะ ... -วห xxxx- วห = เวหา ... -มล xxxx- มล = แมลง ... เป็นการฝึกนึกถึงคำศัพท์ต่างๆ ... แต่ว่าเริ่มเล่นได้ไม่เท่าไหร่ ศัพท์ที่ได้ยินก็ชักจะเพี้ยนๆ แปร่งๆ ซะแล้วหล่ะค่ะ


เพราะไอเดียกระฉูดของคนดี ที่ทำให้ตัวอักษรธรรมดา กลายเป็นศัพท์แปลกๆ ทะลึ่งทะเล้น ตามนิสัย ... อยากรู้มั้ยคะ ว่าศัพท์ของคนดีมีอะไรบ้าง


ชอ xxxx ... เรานึกถึง ชะอุ่ม ชะเอม ชะอม ... แต่คนดีนึกถึง ช้างฮึ๊บ (เปลี่ยน ฮ เป็น อ นะคะ) ... ได้ยินปุ๊บ ขำก๊ากลั่นรถเลยค่ะ คิดได้ไงเนี่ย


มีอยู่วันเจอ ชฉxxxx ชหxxxx ชนxxxx จอดอยู่ใกล้ๆ กัน เลยเรียกให้คนดีดูแล้วถามทีละคัน ... คำตอบที่ได้คือ ชฉ = เชื่อฉัน ชห =เชื่อเหอะ ชน = เชื่อน่า ... เออ ช่างคิดให้เรียงต่อกันก็ได้เนอะ


อีกวันเจอ กตxxxx คนดีบอกว่า เกาตูด ... พอวันต่อมาเจอ กตxxxx อีกคัน คนดีเปลี่ยนให้ใหม่เป็น กวนติง ไปซะ ... แล้วเจอ ววxxxx ผ่านมาพอดี คนดีเลยจัด วี๊ดวิ้วให้ ซะเลย


ระยะหลังพอรถติดมากๆ เบื่อๆ หรือเริ่มหงุดหงิด ก็เอาเกมนี้มาเล่นกันประจำเลยค่ะ ... บางทีรถไม่ติด แต่เจอตัวอักษรแปลกๆ ที่ไม่ค่อยได้เห็น ก็ยกมาลองเล่นกันว่าใครจะนึกคำว่าอะไร


เป็นเกมที่สนุก เพลิน และขำดีค่ะ ... ช่วยให้บรรยากาศที่น่าหงุดหงิด กลายมาเป็นขำขันเฮฮาได้ ... ลองไปเล่นกันดูนะคะ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ค่า