26.10.53

วิทยากร - ฝึกงาน

จากที่เคยเป็น "นักศึกษาฝึกงาน" แต่ ณ ขณะนี้ อัพเลเวลมาเป็น "คนดูแลนักศึกษาฝึกงาน" แล้ว ... เลยได้โอกาสมาเป็น "วิทยากรแนะนำนักศึกษาฝึกงาน"


เราเป็น นศ.ฝึกงานรุ่นแรกของบริษัทฯ เรียนจบ ก็ได้โอกาสมาทำงานที่นี่ ... แล้วก็กลายเป็นรุ่นพี่ เพราะมีรุ่นน้องจาก มหา'ลัย มาฝึกงาน อยู่มาอยู่ไปนายก็มอบหมายหน้าที่ ในการคัด และดูแล นศ.ฝึกงาน มาให้ ... สบายค่ะ


เพราะดูแลน้องฝึกงาน เลยได้พูดคุย พบปะกับ อ. จากมหา'ลัย อยู่เสมอๆ แม้จะจบมานานนนนน ... อ. โทรมาติดต่อที่ฝึกงาน มาฝากน้อง และมานิเทศ นศ.ฝึกงาน ... พอรับโทรศัพท์แล้วได้ยินเสียง อ. ที่เคยสอน เลยไม่แปลกใจ


โดยเฉพาะช่วงใกล้ปลายเทอมแรก ที่ นศ. จะเริ่มทยอยหาที่ฝึกงาน ... วันนึงก็ได้รับสาย อ.ท่านนึง โทรมาฝาก นศ.ฝึกงาน และจะส่งตัวมาให้ดู ให้พูดคุยก่อน ... หลังจากคุยก็ตกลงรับน้องฝึกงาน


ผ่านไป 2-3 วัน ก็ได้รับสายจาก อ.ท่านเดิม ... เข้าใจว่า อ. โทรมาถามความคืบหน้าเรื่องน้องฝึกงาน แต่ปรากฎว่า อ.โทรมาติดต่อให้ไปเป็นวิทยากร ไปพูดคุยเตรียมความพร้อมให้น้องๆ ที่จะออกไปฝึกงาน


อ๋อออออออออออออออออออออออออออออออออออออ


ฟังหัวข้อและความต้องการ ของทางคณะ ก็ตกปากรับคำทันที เพราะงานนี้สบาย ... ปกติเวลามีน้องฝึกงานมาใหม่ ก็ต้องอบรมระเบียบต่างๆ ให้อยู่แล้ว แล้วมีน้องฝึกงานผ่านมาหลายต่อหลายรุ่น พูดมาเยอะ


แต่นึกไปนึกมา มีเวลา 3 ชั่วโมง ครั้นจะพูดคนเดียวคงเสียงแหบแห้ง ... หาพวกไปช่วยเสริมทัพดีกว่า ว่าแล้วก็มองหาผู้ช่วย จะมีใครเหมาะไปกว่า "บีหมวย" ศิษย์เก่าคณะ และสถาบันเดียวกัน แล้วหัวข้อที่คณะอยากให้เน้น มีเรื่องของงานเขียนอยู่ด้วย เมื่อตอนมีเวิร์คชอปของออฟฟิศ บีหมวยก็รับผิดชอบหัวข้อนี้พอดี


รีบไปแจ้งนายเรื่องที่คณะติดต่อมา แล้วก็ขออนุญาตหนีบบีหมวยไปด้วย ... นายเห็นดีเห็นงาม อนุญาตทันที


ไปแจ้งข่าวบีหมวย แล้วก็คุยกันเรื่องพรีเซนเทชั่น ... บีหมวยตกใจ อิดออด ต่อรองอยู่พักใหญ่ แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ ต้องร่วมหัวจมท้ายไปด้วยกัน ... แยกย้ายกันไปทำพรีเซนเทชั่นในส่วนที่ต้องรับผิดชอบ แล้วมาคุยซักซ้อมกันสักหน่อย


ถึงวันบรรยาย นัดเจอกับบีหมวยแต่เช้า เข้าไปมหา'ลัย ด้วยกัน ... ทักทาย อ.ที่ติดต่อและดูแลโครงการเรียบร้อย รอเวลาาสักพัก ก็เริ่มลุยบรรยายได้เลยค่ะ


เริ่มจากต้องเตรียมตัวยังไง คุณสมบัติของนศ.ฝึกงานที่ดีมีอะไรบ้าง งานที่จะได้รับมอบหมาย แล้วก็แตะมือให้ บีหมวยรับไปพูดเรื่องของงานเขียน ... ปิดท้ายด้วยเล่าประสบการณ์ทั้งแบบที่ดี และที่ผิดพลาด


ทางคณะแจ้งว่าอยากได้พรีเซนเทชั่นเหมือนเป็นคู่มือให้นศ.ฝึกงาน ... แต่เนื้อหาที่จะทำพรีเซนเทชั่นมีไม่มากขนาดนั้น เลยต้องอาศัยเล่าประสบการณ์ ยกตัวอย่าง เพื่อน้องจะเห็นภาพได้มากที่สุด แล้วก็เปิดโอกาสให้ซักถาม ... ไม่รู้ว่าได้ประโยชน์ครบถ้วนอย่างที่คณะต้องการรึเปล่า แต่เรากับบีหมวย ก็ลุยพูดกันจนหมดไส้หมดพุงหมด 3 ชั่วโมงนั่นแหละ


บรรยายจบ เที่ยงพอดี กะว่าจะไปกินข้าวหมูอบ ไก่อบ เจ้าอร่อยหน้าม. แต่ปรากฎว่าร้านปิดเพราะปิดเทอมอยู่ ... อดเลย เรากับบีหมวยเดินหน้าเหี่ยว หาอะไรกินกันตายกันไป ... หมดแรงจากการบรรยายก็แย่แล้ว ยังไม่ได้กินของอร่อยเพิ่มพลังอีก


ใครจะคิด ว่ายืนพูดอยู่ 3 ชั่วโมง จะทำให้เหน็ดเหนื่อยและหิวโหยได้ขนาดนี้ ... เฮ้ออออออออ

25.10.53

วันของกิ๊ก

หลังจากตกลงใจมี กิ๊ก แล้ว ... ก็ต้องมีนัดเดทกับกิ๊กสักหน่อยค่ะ


แต่ทั้งคิวกิ๊ก คิวเรา ว่างไม่ตรงกันสักที กว่าจะนัดเจอกันได้ ... พอดีมีวาระ มีเหตุ เลยได้เจอกันสักที เป็นนัดเดทที่ชวนกันไปทำดีค่ะ


นัดเจอกันบ่ายโมงที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติค่ะ ชวนกันไปบริจาคเลือด ... ต่างคนต่างไป ไม่มีแวะรับกัน เจอกันที่นั่นเลยสะดวกกันทั้งคู่


เราถึงก่อน กรอกเอกสาร วัดความดันเรียบร้อย ก็ออกมาเจอคุณกิ๊กกำลังกรอกเอกสารพอดี ... ผ่านขั้นตอนเอกสารเรียบร้อยทั้งคู่ ก็ได้เวลาสละเลือด ... ดวงสมพงศ์จะเป็นกิ๊กกันจริงจริ๊งงงงง เตียงบริจาคเลือดมีเป็น 10 ดันได้เตียงตรงข้ามกันพอดิบพอดี


ปั๊มเลือดเต็มถุงเรียบร้อย แวะพักดื่มโอวัลติน กินขนม นั่งพักสักหน่อย ... ก็ย้ายทำเลค่ะ ไปหาที่นั่งคุยกันจริงจังดีกว่า


คุณกิ๊กพาไป Paradise Park เพราะเรายังไม่เคยไป และมีร้านอาหารให้เลือกหลากหลาย ... หลังจากเดินสำรวจก็ลงตัวที่ Pancake Cafe


สั่งแพนเค้ก 2 จาน แต่นั่งเม้าท์ ปรึกษา ปรับทุกข์ แลกเปลี่ยนความเห็น รำลึกความหลัง คุยกันนานนนนน เป็นชั่วโมง ... นั่งจนเมื่อยก็ย้ายที่ ลุกเดินช้อปปิ้งซื้อขนม ตุนเสบียงกันหน่อย


ได้เสบียงแล้ว คุณกิ๊กพาขึ้นรถชวนไปหม่ำมื้อเย็น ... ระหว่างลังเลไม่แน่ใจว่าจะไปร้านไหนดี ก็วนออกมาเจอ Ducki Suki ที่เรายังไม่เคยลองอีกเช่นกัน งั้นก็ลงตัวที่ร้านนี้แหละ


เดินเข้าร้าน สั่งอาหาร แล้วก็กินไปเม้าท์กันไป ปรึกษาหารือ แลกเปลี่ยนความเห็นกันอีก ... กินเรื่อยๆ เฉื่อยๆ จนโต๊ะอื่นที่มาทีหลัง กินเสร็จกลับไปก่อน


จบมื้อเย็นก็ได้เวลากลับบ้านแล้วค่ะ ... รอบเช้าคุณกิ๊กไม่ได้มารับ แต่รอบค่ำขับรถมาส่งตามประสากิ๊กที่ดี ... ถึงบ้านเรียบร้อย สบายใจ


เป็นการนัดเดทกันสองต่อสอง ที่คนดีไม่มีเอี่ยวด้วย แต่ก็รายงานตัวให้คนดีรู้เป็นระยะว่าทำอะไร อยู่ที่ไหนแล้ว ... คนดีเองหายห่วงเพราะรู้ว่าคุณกิ๊กดูแลเราดีแน่ แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ ว่าเราพูดคุยปรึกษาอะไรกันบ้าง


ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ ก็คุยกันตามประสากิ๊กนั่นหล่ะค่ะ ก็วันนี้เป็นวันของกิ๊กนี่คะ

23.10.53

Tonkatsu Raku Tei

เว้นว่างห่างหายไม่ได้อัพบล็อกแนะนำร้านอาหารมานานแล้ว ... เพราะหลังๆ วนเวียนอยู่แต่ร้านเดิมๆ ไม่ได้แวะไปลองชิมร้านใหม่ๆ เลยไม่รู้จะเอาเรื่องเก่ามาเล่าใหม่ทำไมค่ะ


สบโอกาสได้ไปลองร้านใหม่ เลยเก็บภาพมาลงบล็อกสักหน่อย ... Tonkatsu Raku Tei


ร้านนี้อยู่ที่ชั้นใต้ดินของอาคาร Citi Resort ใน ซ.สุขุมวิท 39 พิกัดเดียวกับร้านไจแอนท์นั่นแหละค่ะ แต่อยู่คนละตึกกัน ... จอดรถที่เดียวกัน แต่ร้านนี้ต้องเดินออกมาแล้วลงบันไดไปชั้นใต้ดินของตึกข้างๆ


ได้ยินชื่อร้านนี้มานานแล้ว พอดีแวะมาทำธุระในละแวกใกล้เคียง เลยนัดคนดีเจอกันที่ร้านนี้ซะเลย ... เจอหน้ากันก็รีบจูงมือกันลงบันไดไปหม่ำ เพราะเที่ยงนิดๆ แล้ว หิว หิว หิว


บรรยากาศร้านสไตล์ร้านอาหารญี่ปุ่นทั่วไป เรียบๆ โล่งๆ ง่ายๆ แต่ไฟสลัว ดูครึ้มๆ อึมครึมไปนิด ... ที่ชวนหงุดหงิดหัวใจก็คือ สัญญาณของดีแทคแย่มากกกกกกกกก


บนโต๊ะมีโถน้ำจิ้มแบบเผ็ด กับกาน้ำจิ้มแบบหวาน กระดาษทิสชู่ พริกป่น และตลับไม้จิ้มฟัน ... เมนูเสียบอยู่ในแท่นบนโต๊ะ เปิดดูก็ละลานตา เพราะมีเมนูของทอดมากมายหลายแบบ แล้วยังมีรายการอาหารอื่นๆ ให้เลือกอีกเพียบบบบบบบบบบ


พิจารณาอยู่นาน ก็ตัดสินใจได้ค่ะ ... คนดีเลือก Katsumi ชุดหมูทอดราดหน้าไข่ ... ส่วนเราเลือก Horenso Chiizu Maki Rosu Katsu ชุดหมูทอดสอดไส้ผักโขมกับชีส


ในชุดอาหารนอกจากจานหลักที่สั่ง ก็มีข้าว ซุป เครื่องเคียงถ้วยน้อย ... ส่วนของเรามี กะหล่ำปลีหั่นฝอย กับ สลัดมันฝรั่ง เคียงในจานมาด้วย ... สลัดมันฝรั่ง อร่อยยยยยยยยยย


ด้วยความที่ชอบอาหารทอดอยู่แล้ว และทงคัตสึก็จัดเป็นหนึ่งในเมนูอาหารญี่ปุ่นที่โปรดปราน ... ร้านนี้เลยถูกปาก ถูกใจ เพราะเนื้อหมูนุ่มกำลังดี มีน้ำจิ้ม 2 รสให้เลือก แบบเผ็ดจะเผ็ดนิดๆ ติดปลายลิ้นนิดหน่อย กินได้เพลินๆ สบายๆ เสียแต่งาบดที่ให้มาถ้วยน้อยไปนิด


แต่คนดีบอกว่า ชอบ Saboten ที่ชั้น 6 อิเซตันมากกว่า ... คนดีติงว่า หมูทอดราดหน้าไข่ที่สั่งมาหวานไปนิด และ มิโซะซุปก็เค็มไปหน่อย ... แต่เราชอบนะ ไม่เป็นไร ยังมีอีกหลายเมนูให้แวะมาลอง


ถ้ามีโอกาสผ่านไปแถวนั้นก็คงจะแวะกินอีกค่ะ ... แต่พออิ่มจากร้านนี้ เตรียมขึ้นรถกลับ ก็เจออีกร้านที่น่าสนใจ แหม ที่ตึกนี้มีร้านอร่อย น่าสนใจหลายร้านเหลือเกิน ต้องหาเวลาไปลองชิมเพิ่มอีกแล้ว

21.10.53

สวัสดีรีเทนเนอร์

หลังจากที่กลับไปพบคุณหมอจัดฟันเมื่อต้นเดือน ย้อนดูได้ ที่นี่ ... ก็ครบกำหนดที่คุณหมอนัดให้กลับไปรับรีเทนเนอร์แล้ว


เลิกงานก็รีบตรงดิ่งไปคลินิคทำฟันอย่างรวดเร็ว คราวนี้คนดีติดภารกิจไม่ได้มารับไปส่งร้าน และรอรับกลับเหมือนอย่างเคย ... แต่ก็ไม่มีปัญหาค่ะ มาคนเดียวได้สบายมาก คุ้นเคยดี


ไม่ตื่นเต้นเหมือนครั้งก่อน ที่ต้องลุ้นว่าจะต้องติดอุปกรณ์รึเปล่า ... รับรีเทนเนอร์แค่นี้ แป๊บเดียว สบายมาก ไม่เจ็บ ไม่ปวดแน่นอน


นั่งรอคุณหมอพักใหญ่ ก็ถึงคิวเข้าตรวจแล้วค่ะ ... เอนนอนให้คุณหมอเช็คฟันสักหน่อย แล้วคุณหมอก็หยิบรีเทนเนอร์มาใส่ให้ ... แต่ เอ๊ะ


คุณหมอทำรีเทนเนอร์มาให้แค่ชิ้นเดียว เฉพาะฟันบนเท่านั้น ... เอ๊ะ โอ๊ะ อะไร ยังไง


ระหว่างสมองกำลังแล่นปรู๊ดปร๊าดเพราะความสงสัย คุณหมอก็อธิบายให้กระจ่างใจว่าทำไมถึงใส่เฉพาะชิ้นบน ... เพราะจะต้องปรับฟัน ปรับโครงอะไรก่อนนี่แหละค่ะ จำไม่ได้แล้ว เพราะคุณหมอพูดเร็ว ... แล้วไม่ว่าคุณหมอจะทำอะไรยังไง ก็ว่าตามนั้นหล่ะค่ะ


ระหว่างกำลังดีใจว่า สบายแล้ว ใส่รีเทนเนอร์เฉพาะฟันบนเท่านั้น ... คุณหมอก็พูดประโยคต่อมาว่า "อีกสัก 3 เดือน ค่อยมาดูกันใหม่ ค่อยมาติดอุปกรณ์ที่ฟันล่าง"


โอ้วววววว สุดท้ายก็หนีอุปกรณ์ไม่พ้น ปีหน้าเตรียมตัวกลายร่างเป็นสาวฟันเหล็กได้เลย ... แต่คุณหมอก็ให้กำลังใจว่า "ติดไม่นาน"


เอาค่ะ รอดูผลกันต่อไป ช่วงนี้ก็รักรีเทนเนอร์มากเป็นพิเศษ พยายามเตือนตัวเองให้ใส่ติดปากให้นานที่สุด ... ถอดออกเฉพาะช่วงมื้ออาหาร แม้คุณหมอจะบอกว่า ถ้าทานอาหารนิ่มๆ ให้ลองใส่ทานไปด้วยเลย แต่ไม่สามารถจริงๆ ค่ะ เคี้ยวไม่ได้เลย


คุณหมอนัดเจอกันหลังปีใหม่ ... ระหว่างนี้ทำใจ และรอเลือกสียางติดอุปกรณ์ไว้ล่วงหน้าดีกว่า ว่าแต่ว่าตอนนี้เค้ากำลังฮิตยางสีอะไรกันน้ออออออ

16.10.53

1 วันหรรษา : เช้ากีฬา ค่ำบันเทิง

แหะ แหะ ดองบล็อกไว้นาน น้าน นานอีกแล้ว หยากไย่เกาะ สนิมเกรอะ ... ปัดฝุ่น กวาดหยากไย่ รื้อฟื้นความทรงจำมาเขียนบล็อกแล้วค่ะ


เสาร์ที่ 16 ตุลา จัดเป็น 1 วันหรรษาค่ะ เพราะกิจกรรมของวันนี้สนุกสนานบันเทิง และมีผู้มีอุปการะคุณสนับสนุนทั้งเช้าและเย็น


เพราะนายได้รับจดหมายขอสนับสนุนกิจกรรมของสมาคมศิษย์เก่าบางมดฯ ที่จัดโบว์ลิ่งการกุศล ... นายให้ความร่วมมือ ให้จัดทีมไปแข่ง 2 ทีม สาวๆ ในออฟฟิศเลยต้องรวมตัวกันแต่เช้า เพื่อไปโยนโบว์ลิ่งการกุศลค่ะ


สถานที่แข่งขันคือ เมเจอร์โบวล์ พระราม 2 นัดรวมตัวกัน 9 โมงเช้า ... ทีมแข่ง และ กองเชียร์ ทยอยมารวมตัวกัน เพราะความเคยชินที่ต้องมาเตรียมงาน พวกเราเลยมาถึงกันก่อนทีมจัดงานซะอีก ... งานนี้มาในฐานะแขก ไม่ต้องช่วยจัดการอะไร เลยนั่งเม้าท์มอยฆ่าเวลา สักพักก็ได้เวลาลงทะเบียน พิธีเปิด แล้วก็เริ่มลุยโยนกันได้ค่ะ


โบว์ลิ่งการกุศล เล่นง่ายค่ะ ขอแค่โยนลูกให้โดนพินเท่านั้น เพราะคิดคะแนนแบบ ล้มพินเดี่ยวเป็น Spare ล้มพินคู่เป็น Strike ... ขอแค่ไม่ล้างท่อก็ได้คะแนนแน่นอน แล้วก็โยนน้อยกว่าเกมปกติด้วย เล่นแป๊บๆ ก็จบเกมค่ะ


พวกเราแบ่งเป็น 2 ทีม ทีมละ 3 คน ที่เหลือเป็นกองเชียร์ ... คนโยนก็โยนกันโครมๆ เข้าไป เราไม่หวังแต้ม ไม่หวังถ้วย โยนตามหน้าที่ โยนเอามัน ... ส่วนกองเชียร์ ก็เชียร์บ้าง ขำบ้าง และหลับบ้าง


ตั้งหน้าตั้งตาโยนแป๊บเดียวก็จบครบทั้ง 3 เกมแล้วค่ะ ... จาก 35 ทีมที่เข้าแข่งขัน เราได้ลำดับที่ 16 กับ 20 ไม่ดี แต่ก็ไม่แย่นัก ... เล่นจบแล้วก็รีบย้ายขบวนไปเติมพลัง ก่อนที่บางคนจะแยกย้ายกันไปตามภารกิจ


ยังเหลือสมาชิกอีก 5-6 คนที่ยังเกาะกลุ่มเหนียวแน่น เพราะเรามีกิจกรรมยามค่ำร่วมกันอีกรอบค่ะ ... กิจกรรมที่ว่าคือ Unseen ETC Concert


ย้ายฝั่งจากพระราม 2 ข้ามไปเมืองทองธานี ไปขอแวะพักที่คอนโดพี่จุ๊บสักหน่อยก่อน ... ดูทีวีบ้าง เม้าท์บ้าง หลับบ้าง เข้าเซฟโหมดเก็บแรงไว้ครึกครื้นยามค่ำ


พอได้เวลาก็อำลาพี่จุ๊บ ย้ายไปธันเดอร์โดม ... รีบไปหาที่จอดรถ เพราะมีทั้งงานแฟร์ และคอนเสิร์ทใหญ่ที่อิมแพค แล้วต้องรีบไปรับบัตรจากผู้มีอุปการะคุณที่ใจดี ให้บัตรมา 7 ใบ ... ตรงไปจุดนัดพบรับบัตรเรียบร้อย ก็เตรียมตัวเข้าไปดูคอนเสิร์ทกันเลยค่ะ


ประตูเปิดเข้าไปด้านใน เราถึงได้รู้ว่าทำเลที่ได้นั้นเยี่ยมเกินคาด เพราะอยู่กลางเวที ห่างจากเวทีมาพอสมควรแต่ก็ไม่ไกลเกินไป เก็บบรรยากาศบนเวทีได้ครบถ้วน ... ขอบคุณผู้มีอุปการะคุณมากค่าาาาาาาา


คอนเสิร์ท Unseen ETC นี้ไม่อนุญาตให้นำกล้องเข้าไปบันทึกภาพ เพราะต้องการให้เป็นคอนเสิร์ทแบบ Exclusive จริงๆ ... ทีมงานเองก็ไม่มีการบันทึกเทปเพื่อนำมาจำหน่ายเป็นดีวีดีภายหลัง เพราะฉะนั้นก็เก็บบรรยากาศให้เต็มที่


เปิดตัวด้วยวีทีอาร์ของหนุ่มๆ อีทีซี ในแบบ unseen ที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหน ... แล้วก็เริ่มด้วยการร้องเพลงกับวงออเครสตร้า จากนั้นหนุ่มๆ ก็ทยอยร้องเพลงฮิต สลับกับร้องเพลงร่วมกับแขกรับเชิญ พัดชา เอเอฟ โดม ปกรณ์ ลัม เจเน็ท เขียว และคุณสันติ ลุนเผ่


เป็นคอนเสิร์ทเล็กๆ อบอุ่น ใกล้ชิด เป็นกันเอง น่าประทับใจ และที่สำคัญคือได้ฟังเพลงเพราะ ... และดีที่สุดตรงที่ไม่ต้องเสียตังค์ ว้าววววววว


เดินออกจากคอนเสิร์ทแบบอิ่มใจ ตอนใกล้ 5 ทุ่ม ... ออกมาเจอฝนเทกระหน่ำ สร้างความลำบากในการเดินทางกลับนิดหน่อย กว่าจะทยอยส่งสาวๆ กลับบ้าน แล้วกลับถึงบ้านคนดีก็เกือบตีสอง ตาจะปิดแล้ว


ตื่นแต่เช้า ตะลอนทัวร์ยาวจรดเย็น แต่ก็สนุกสนาน นับเป็น 1 วันหรรษาจริงๆ ค่ะ ... แล้วได้สนุกสนานแบบไม่เสียตังค์ด้วยเนี่ย ดีที่ซู้ด

15.10.53

: 103 เดือน :

วันที่ 15 อีกแล้ว ... เดือนนี้เป็นเดือนแรกที่เขียนบล็อกเรื่องนี้หลังวันที่ 15 ช้าไปกว่าปกติ


ตั้งใจไว้ว่าใน 1 เดือน ไม่ว่าจะขี้เกียจ เกเร หรือมัวตะแล๊ดแต๊ดแต๋ยังไง ก็จะต้องเขียนบล็อก 1 วัน ในวันที่ 15 ... วันอื่นจะช้า จะเลท จะดองบล็อกยังไงไม่ว่า แต่วันนี้ต้องเขียนตรงวันให้ได้


แล้วความตั้งใจนั้นก็มีอันผิดพลาดคลาดเคลื่อนไปจนได้ ... แย่จริง


วันที่ 15 เดือนนี้ ตรงกับวันศุกร์ ... ศุกร์แห่งชาติ ฝนตก รถติด และยังกินเจ ... เราสองคนไม่ได้มีโปรแกรมพิเศษ แต่มีเพื่อนร่วมเดินทาง และเพื่อนร่วมห้องเพิ่มมาอีกคน


เพราะวันรุ่งขึ้นมีภารกิจของออฟฟิศแถวพระราม 2 เลยหนีบ "น้องฝน" สาวอ่อนนุช มานอนค้างที่บ้านคนดีด้วยเลย ... พรุ่งนี้เช้าจะได้ออกเดินทางสะดวก


พอถึงบ้านคนดี นั่งพักได้สักแป๊บ ก็เกิดการประลองเกม wii ขึ้น ... เล่นกันพักใหญ่ ก่อนจะหยุดพักดูซีรี่ส์เรื่องโปรด ... ที่ตั้งใจว่าจะอัพบล็อก ก็ดึกเกินแล้ว ต้องรีบเข้านอน เพราะต้องตื่นเช้า


บล็อกประจำวันที่ 15 ที่มีประจำทุกเดือน เลยคลาดเคลื่อนเกินวันอย่างมิได้ตั้งใจ ... เฮ้ออออ


ถึงบล็อกเดือนนี้จะมาช้ากว่าเดิม ... แต่ 103 เดือนที่ผ่านมา ก็รักคนดีคนเดิมไม่เปลี่ยนนะจ๊ะ


- รักคนดีที่สุดค่ะ -

9.10.53

ทริปเราสองสามคน @ Casuarina

ทริปเฉพาะกิจ เกิดขึ้นแบบฉุกเฉิน เพราะมีคนอยากพักผ่อน ปลีกวิเวก ... เมื่อขอมาเราก็จัดให้ เพราะเราเองก็อยากปลีกวิเวกพักผ่อนแบบสบายๆ อยู่เหมือนกัน


ตอนแรกเล็งที่พักแถว ชะอำ-หัวหิน เอาไว้ แต่ที่พักที่สนใจห้องเต็มซะแล้ว ... เลยต้องเลือกทำเลใหม่ กว่าจะลงตัว ก็ทำเอาลุ้นอยู่หลายตลบ


ที่พักเรียบร้อย ก็ต้องหาจุดนัดพบรวมพลสมาชิก กว่าจะได้จุดนัดลงตัว ก็ต้องตกลงกันอยู่นาน ... ที่พักพร้อม จุดนัดพบพร้อม สมาชิกพร้อม ก็ออกเดินทางกันได้เลยค่ะ


8 โมงเช้า ล้อหมุนออกจากสยาม ไปแบบเรียบๆ เรื่อยๆ ไม่รีบร้อน จุดหมายแรกอยู่ที่ชะอำ ... ไม่ได้แวะเที่ยว แวะชมอะไรหรอกค่ะ แต่จะแวะกิน มื้อหลักมื้อแรกของวันที่ ครัวเม็ดทราย


กุ้งทอดพริกเกลือ ปูม้านึ่ง ข้าวผัดปู แกงส้มปูไข่หน่อไม้ดอง ... อร่อยทุกอย่างค่ะ กุ้ง ปู สดมากกกกก ... ประกาศออกเจชั่วคราว แล้วตั้งมั่นกับการกินอาหารทะเล ทริปนี้ ไก่ หมู เนื้อ งดเด็ดขาด เราจะกินแต่อาหารทะเลเท่านั้น


เริ่มกินกันแบบเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน เริ่มตั้งต้นตั้งแต่ 10.30 น. กินเสร็จเรียบร้อยเกลี้ยงเกลา ราวๆ 12.00 น. พอดี ... กินกันเหมือนโกรธกัน เพราะก้มหน้าก้มตาแทะปู ตั้งอกตั้งใจกินไม่คุยกันเล้ยยยยยยย


อิ่มแล้วเก็บตังค์ ต้องขอบคุณผู้มีอุปการะคุณที่เป็นเจ้ามือมื้อนี้ ... ใจดีแบบนี้ขอให้สมหวัง ร่ำรวย สาวรัก สาวหลงค่า


แวะตุนเสบียงเล็กน้อย แล้วก็มุ่งหน้าเข้าที่พักซึ่งอยู่ไม่ห่างมากนัก ... ขับรถไปราวๆ 20 นาที ก็ถึงแล้วค่ะ Casuarina Resort ที่พักที่หมายของทริปนี้


ไปถึงเช็คอินเรียบร้อย แต่ยังเข้าห้องพักไม่ได้เพราะแขกชุดก่อนหน้ายังไม่เช็คเอาท์ ... ไม่เป็นปัญหา เราก็เอกเขนกเอนหลังกันตรงล็อบบี้นั่นแหละค่ะ


รอพักนึงห้องพักก็เรียบร้อยค่ะ แต่ฝนก็เทลงมาพอดี ... เดินกางร่มกระย่องกระแย่งเข้าห้องพัก Deluxe Villa ห้องพักอยู่ติดสวน ชมวิวได้สบาย


เข้าห้องพักได้ก็พักผ่อนกันตามอัธยาศัย ทริปนี้ควงมาสอง เป็นทริปเราสองสามคน ... แม้คนดีจะพักผ่อนด้วยการหลับอุตุ เราก็ยังมีเพื่อนคุย


เบื่อจะคุย ก็ออกเดินสำรวจเก็บภาพที่พัก ไปนั่งรับลม ชมวิวสบายๆ ริมหาด ... แม้จะมาเจอกับกรุ๊ปใหญ่ที่มาสัมมนา ก็ยังพอจะหาความเป็นส่วนตัวได้ เพราะพื้นที่กว้าง หาทำเลนั่งพักได้สบายๆ ... นั่งรับลม มองวิวทะเลเงียบๆ เพลินสุดๆ


พักสบายๆ แดดร่มลมตก ท้องเริ่มร้อง ก็ชวนกันไปจัดการมื้อเย็นค่ะ ... หกโมงกว่าๆ รีบไปห้องอาหารค่ะ รีบไปสำรวจว่าชนกับกรุ๊ปรึเปล่า จะมีที่นั่งมั้ย ถ้าไม่มีจะได้กลับตัวออกไปหาร้านอื่นในละแวกใกล้เคียง


โชคดีที่ยังมีมุมสบายๆ ให้เรานั่งได้เพลินๆ ... ได้ที่นั่งแล้วก็สั่งอาหารกันเลยดีกว่าค่ะ


ข้าวผัดโป๊ะแตก เต้าหู้ทรงเครื่องเนื้อปู ต้มยำกุ้ง ... ไป 3 คน สั่ง 3 อย่าง เพราะอาหารที่นี่ จานใหญ่มากกกกกกกกกกก ตอนแรกกะจะสั่งเพิ่ม แต่พอเห็นขนาดจานที่มาเสิร์ฟ ก็ท้อใจ ... รสชาติอาหารใช้ได้ค่ะ ข้าวผัดมันไปนิด


กินกันไป คุยกันไป เพลินๆ สบายๆ ก่อนจะตัดสินใจชวนกันกลับเข้าห้องดีกว่า ... ยุงเริ่มมา หนีไปรับแอร์เย็นๆ ในห้องพักดีกว่า ... เอนหลัง ดูทีวี เล่นเกม อ่านหนังสือ ก่อนจะแยกย้ายกันเข้านอน


แขกพิเศษของทริปตื่นแต่เช้าออกไปชมอาทิตย์ขึ้นจากน้ำ ส่วนเราสองคนหลับอุตุ ... 7 โมงนิดๆ บิดขี้เกียจ ล้างหน้าแปรงฟัน ออกไปจัดการมื้อเช้ากันค่ะ


บุฟเฟ่่ต์ที่ห้องอาหารแบมบู ไข่ดาว แฮม ไส้กรอก ข้าวผัด ข้าวต้ม สลัด ขนมปัง ชา กาแฟ ผลไม้ ... เลือกตักได้ตามชอบใจค่ะ ... โชคดีที่เราออกไปเร็ว นั่งได้สักพัก สมาชิกของกรุ๊ปเริ่มทยอยมาจัดการอาหารเช้า


จัดการมื้อเช้าอิ่มแล้วก็กลับเข้าไปพักกันต่อค่ะ ... ก็เพราะทริปนี้ตั้งใจมาพักผ่อน พักสบายๆ ก็เอนหลัง ดูทีวี ก่อนจะอาบน้ำเก็บกระเป๋า เตรียมตัวกลับ


เช็คเอาท์เรียบร้อย ก็มุ่งหน้าไปจัดการมื้อเที่ยงที่ร้านก๋วยเตี๋ยวปลา วี.ไอ.พี. มื้อเบาๆ ง่ายๆ ก่อนจะตรงดิ่งยิงยาวกลับเข้ากรุงเทพฯ


เหมือนเป็นทริปเปลี่ยนที่นอน เพราะไม่ได้มีกิจกรรมใดๆ เลย นอกจากกินและนอน ... ก็ตั้งใจจะไปพัก ก็พักจริงๆ ค่ะ ไปกัน 3 คน แต่ก็มีช่วงที่ได้อยู่ลำพัง ได้พักเต็มที่ ไม่วุ่น ไม่เหนื่อย ไม่เพลีย


ได้พักเต็มที่จริงๆ แบบนี้ ชอบจัง ... ต้องวางแผนไปอีกสักรอบถ้าจะดี ส่วนจะไปที่ไหน เมื่อไหร่ กับใคร ยังไม่สรุปค่า

8.10.53

ผมใหม่ ทรงเดิม

ช่างตัดผมเจ้าประจำจัดการซอยผมดัด ที่ยาวฟู ประหนึ่งแม่บ้านญี่ปุ่น ของคนดีให้เป็นผมซอยสั้นตั้งแต่ต้นปี ... พอผมเริ่มยาวก็จัดการซอยผมสั้นข้าง ยาวข้าง มาให้ ได้ทรงนี้มาตั้งแต่ กลางเดือนมิ.ย.


ผ่านไป 2 เดือน ผมข้างที่สั้นเริ่มยาวไม่เป็นทรง ... ต้องไปให้ช่างจัดการให้สักหน่อย ก็ได้ผมทรงเดิมที่สั้นขึ้นไปอีกนิด หัวทุยขึ้นมาอีกหน่อย แต่ก็ยังมีเค้าโครงเดิมอยู่




(ตัดครั้งที่ 2 : 5 สิงหาคม 2553)


ผ่านมาอีก 2 เดือน ผมข้างที่สั้นก็ยาวทิ่มหู ดูไม่เป็นทรงอีกแล้ว ... ก็ต้องนัดไปให้ช่างจัดการให้อีก ... คนดีกะว่าจะขอให้ช่วยเก็บทั้ง 2 ข้างให้สั้นเท่าๆ กัน เหลือด้านบนไว้ปัดเป๋ หรือ เปรี้ยวซ่าเป็นกึ่งๆ โมฮอค


แต่ไม่ทันได้เอ่ยปากอะไร ... ช่างก็จับผม เช็คผม ก่อนจะรำพึงว่า "ผมสั้นแค่นี้ จะทำอะไรใหม่ๆ ได้บ้างเนี่ย" แล้วก็ลงกรรไกรฉับๆ


สุดท้ายก็ได้ผมทรงเดิม สั้นข้าง ยาวข้างเหมือนเดิม แต่ทั้ง 2 ข้างสั้นขึ้นไปอีกนิด ... ถึงแม้จะไม่ต่างจากเดิมมากนัก แต่พอตัดผมใหม่ ก็ดูหน้าตาสดใสดี




(ตัดครั้งที่ 3 : 8 ตุลาคม 2553)


ตัดผมเสร็จ พี่ช่างบอกกับคนดีว่า ปลายปีมาเจอกันใหม่ คราวนี้จะดัดผมให้แล้ว ... โอ๊ะ โอ๊ะ อูมามิ จะรีเทิร์น เหรอเนี่ย


ส่วนเราติดสอยห้อยตามไปให้กำลังใจ ไม่ทำอะไรกับผมเพิ่ม ... พอสบหน้าช่างเลยขอถามสักหน่อย "ทำอะไรได้บ้างรึยังคะ" ... ช่างเห็นปุ๊บ คิ้วขมวด ส่วยหน้า ก่อนจะเข้ามาเช็คผมแล้วบอกว่า "ปลายปีเจอกัน เล็มผมให้นิดนึง"


โอเคค่ะ เลี้ยงผมให้ยาวสลวยก็ได้ค่ะ ... ไม่ได้ตัดไม่เป็นไร รอติดตามทรงผมใหม่ๆ จากคนดีก็ได้ค่ะ

7.10.53

จัดฟัน ?!?!?!

"จัดฟันเป็นกระบวนการแก้ไขความไม่สมดุลที่เกิดขึ้นจากการเรียงตัวของฟัน และการสบฟัน ที่ผิดปกติให้กลับไปสู่สภาพที่ปกติ" ... (ที่มาจาก judfuns.com)


เราเริ่มรู้จักการจัดฟันเมื่อตอนเรียน ม.ต้น เพราะคุณหมอบอกว่ามีปัญหาเรื่องการสบฟัน ... ไม่รู้สาเหตุที่แน่ชัดว่าอะไรยังไงกันแน่ เพราะคุณหมอไม่ได้อธิบายอะไรให้ฟังเอง แต่คงคุยกับหม่ามี้แล้ว ... เพราะเท่าที่เห็นฟันก็เรียงตัวดี ฟันบนครอบฟันล่าง แต่มีแนวโน้มที่ฟันบนจะยื่น เด้งออกมา


เริ่มจัดแบบไม่ต่อเนื่อง เพราะคุณหมอเปลี่ยนคลินิคที่นัดให้ไปพบไปเรื่อยๆ ลืมบ้าง ขี้เกียจบ้าง จนสุดท้ายก็ไม่ได้ทำอะไรจริงจัง ... จนเรียนจบมหา'ลัย ไปรักษาฟันกับพี่สาว (ลูกพี่ลูกน้อง) แล้วพี่ย้ำหนักแน่นว่าควรจะจัดฟันเถอะ


คลินิคที่ไปมีอาจารย์หมอที่เชี่ยวชาญด้านนี้แวะเข้ามาประจำ เข้ามารักษาต่อเนื่องเดือนละครั้ง ผ่อนจ่ายรายเดือนไปเรื่อยๆ ... เลยได้ทำการจัดฟันอย่างจริงจัง อ.หมอบอกว่า เป็นเคสที่ฟันล่างดันฟันบน เลยดูเหมือนจะทำให้ฟันยื่น และการสบฟันก็ไปกระทบเพดานปาก ... รักษาต่อเนื่องจนฟันเรียงตัว การสบฟันปกติดี ได้รีเทนเนอร์ (Retainer : พลาสติคยึดฟันหลังการรักษา) มาใส่


ใส่รีเทนเนอร์ต่อเนื่องอยู่พักใหญ่ จากที่ใส่ตลอด ก็มาใส่ก่อนนอน ... แล้วเกิดทำหายไปชุด ไปทำใหม่ แล้วทำหายอีกชุด ทีนี้เลยทำเฉยๆ เพราะเห็นว่านานแล้ว ไม่ได้สนใจ ไม่ใส่คงไม่เป็นอะไร


แต่.................................................................


ระยะหลังๆ เริ่มสังเกตเห็นว่า ... ฟันล่างด้านหน้าเริ่มเบียด ซ้อน และเก ... อ้าว แววปัญหามาแล้ว


ไปขูดหินปูนล่าสุด เลยถามพี่สาวว่าควรจะต้องจัดฟันอีกรอบมั้ย ... ได้คำตอบกลับมาว่า ควรจะให้ อ.หมอดูเถอะ ส่วนรีเทนเนอร์เนี่ย ต้องใส่ไปจนกว่าจะตายจากกันหล่ะ


ขูดหินปูนเสร็จ ก็นัดวันพบ อ.หมอเลย ... เตรียมใจรับสภาพไว้แล้วว่าอาจจะต้องติดอุปกรณ์จัดฟันอีกครั้ง


ถึงวันนัดไปนั่งรออย่างที่เคยคุ้น ... พอเข้าไปยิงฟันให้ อ.หมอ เห็นเท่านั้น อ.หมอร้อง "โอ๊ย ทำไมเป็นอย่างนี้หล่ะ" ... อ.หมอให้เรากัดฟัน แล้วเล็งดูจุดต่างๆ สลับกับดูใบประวัติ เอียงซ้าย เอียงขวาให้พิจารณาอยู่พักใหญ่


อ.หมอก็บอกว่า "เดี๋ยวพิมพ์ฟันไปก่อน ใส่รีเทนเนอร์ไปสัก 3-4 เดือน แล้วค่อยมาดูกันใหม่ อาจจะต้องติดอุปกรณ์ที่ฟันล่าง" ... แล้วก็จัดการสั่งผู้ช่วยให้เตรียมอุปกรณ์พิมพ์ฟัน


โล่งอก ... ตอนแรกกังวลว่าจะต้องติดอุปกรณ์จัดฟันเลย แม้จะเตรียมใจมาแล้ว แต่ก็หวั่นใจ เพราะถ้าติดอุปกรณ์ปุ๊บ ความเจ็บปวดจะตามมาทันที ... แล้วต้องมาเจ็บฟันในช่วงที่กินเจ คงไม่ไหวแน่ๆ


ยืดระยะเวลาไปได้อีกหน่อย ... อีก 14 วัน รีเทนเนอร์จะกลับมายึดพื้นที่ในปาก แล้วรอติดตามผลอีกพักใหญ่ ว่าจะต้องเป็นสาวฟันเหล็กอีกมั้ย

5.10.53

น้ำหอม...หอมจัง

จัดเป็นคนที่ติดน้ำหอมค่ะ เริ่มใช้น้ำหอมประจำแบบจริงจังมาตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัย ... ตอนนั้นก็ใช้เป็นขวดๆ ให้หมดไป กลายเป็นกลิ่นประจำตัวไปโดยปริยาย

แต่ ณ ตอนนี้ มีน้ำหอมที่ใช้อยู่ 4-5 ขวด มีกลิ่นประจำที่โปรดปรานอยู่ 3 กลิ่น คือ DKNY, Be Delicious, Diesel Fuel For Life for Her ... จัดเป็น 3 กลิ่นที่ต้องมีตลอด



แล้วจะมีกลิ่นอื่นมาเสริม สลับไปมา แล้วแต่ช่วง แล้วแต่โอกาส ... แต่ตอนนี้มีตัวเก็งที่จะพัฒนามาเป็นกลิ่นประจำตัวเพิ่มแล้วค่ะ กลิ่นที่ว่าคือ Clinique Happy Heart ค่ะ






(ที่มาของรูป Clinique )



ได้เจ้าขวดนี้เป็นของขวัญจากคนดี ได้มาเป็นเซ็ท พร้อมกับ Clinique Happy และ บลัชสีสวยอีกตลับ ... ได้มาก็ใช้สลับกับกลิ่นอื่นๆ มักจะหยิบมาใช้ในวันที่อยากจะอารมณ์ดี เพราะถือเคล็ดว่าชื่อน้ำหอม น่าจะทำให้ชีวิต Happy ... นานๆ ใช้ที ไม่ค่อยใช้บ่อย


เมื่อหลายเดือนก่อน ไปทำธุรกรรมทางการเงินที่ธนาคาร ... พอส่งเอกสารให้พนักงานแล้ว ก็ยืนรอตามปกติ จู่ๆ น้องเค้าก็ทักว่า "ขอโทษนะคะ" ใจคิดว่าสงสัยจะทำอะไรตกหล่นอีกแล้ว แต่น้องกลับถามว่า "พี่ใช้น้ำหอมของ Clinique รึเปล่าคะ"


พยักหน้าตอบรับไปแบบเหวอๆ งงๆ เพราะสงสัยว่าน้ำหอมเราฉุนไปรึเปล่า ... น้องเค้าก็ตอบกลับมาพอดีว่า "หอมดีค่ะ" ... เออ โล่งอก นึกว่าฉีดเยอะไป


แล้วเหตุการณ์นั้นก็วนมาอีกรอบ กับพนักงานอีกคน ... แวะทำธุรกรรมที่ธนาคารก่อนจะเข้าออฟฟิศ เพิ่งออกจากบ้านมาไม่นาน แวะระหว่างทางเพราะธนาคารอยู่กลางทางจากบ้านไปออฟฟิศพอดี


เจอพนักงานอีกคน พอส่งเอกสารไปแล้วก็ยื่นรอ คราวนี้เสียงลอยกลับมาว่า "น้ำหอม หอมจัง ทำไมเราใส่แล้วไม่หอมแบบนี้" ... โอ๊ะ นี่ฉันใส่น้ำหอมเยอะเกินไปรึเปล่า พนักงานแบงค์ทักเรื่องน้ำหอม 2 คนแล้ว แล้วเฉพาะกลิ่นนี้ด้วย


เอ ก็ไม่น่านะ ฉีด 4 ฟืด 4 จุด เหมือนเดิมทุกวัน ไม่เคยฉีดเพิ่มมากกว่านี้ ... แต่เจ้าขวดนี้เป็น Perfume Spray สงสัยจะกลิ่นเข้มข้นไปมั้ง


เดินถึงออฟฟิศรีบตรงไปโต๊ะพี่ผู้ช่วย ไปยืนในระยะที่พอๆ กัน แล้วถามว่าได้กลิ่นน้ำหอมมั้ย ฉุนไปรึเปล่า ... แวบแรกพี่เค้าไม่ได้กลิ่น แต่สักแป๊บก็บอกว่าได้กลิ่นแล้ว ไม่ฉุนไป กำลังดี ... โล่งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง


เลยสันนิษฐานว่า สงสัยจะถูกกับน้ำหอมกลิ่นนี้ ... จากที่เป็นน้ำหอมสลับ สงสัยจะได้ขยับฐานะเป็นกลิ่นประจำตัวแล้ว

3.10.53

Workshop สีน้ำ : Cupcake

หลังจากได้ลงเรียนสีน้ำกับครูลิงใจดี ตอนเปิดรุ่น 2 ไป 3 หัวข้อ ... ก็หายหน้า ลาขาดจากการเรียนไปเลย เพราะติดทริปตะลอนทัวร์


โชคดีที่ครูลิงเปิดสอนรุ่น 3 ต่ออย่างรวดเร็ว ... ติดตามข่าวตลอด แต่ก็ยังไม่ว่างไปร่วมคลาสด้วย มาลงตัวกับหัวข้อ Cupcake นี่หล่ะค่ะ


สถานที่เรียนที่เดิม เวลาเดิม แต่เพื่อนร่วมเรียนเปลี่ยนหน้าไป ... และคู่หูที่มาเรียนด้วยก็เปลี่ยนคนค่ะ


สาวฝน ที่เคยสนใจอยากจะมาเรียนด้วยตอนรุ่น 2 แต่ติดภารกิจ ปลีกตัวไม่ได้ ... มาลงตัวก็ตอนนี้พอดี ตอนแรกก็อิดออดกังวล เลยบอกว่ามาลองดูเหอะ ขำขำ ... ไม่มีพื้นฐานครูก็สอนได้ มาลองดู


ผลคือ หน้ายุ่ง เครียด งุนงง จับต้นชนปลายไม่ถูกอยู่พักใหญ่ ... แต่สักพักก็ฉลุยค่ะ ผลงานออกมาสวยงามอย่างที่เห็น น้องฝนบอกว่าถนัด ดรออิ้ง แต่ไม่ชอบลงสี ... ครั้งแรกได้ขนาดนี้ก็เก่งแล้วค่ะ


เพราะครั้งนี้นางแบบเป็นคัพเค้ก ครูลิงใจดี ใจดีสมชื่อ เพราะจัดคัพเค้กให้นักเรียนได้หม่ำคนละชิ้นด้วยค่ะ ... ดรออิ้งเสร็จแล้ว เติมพลังด้วยคัพเค้กอร่อยๆ แล้ว ก็ลุยลงสีกันต่อค่ะ


ครั้งก่อนๆ ที่มาเรียน เรามักจะเครียด หน้ายุ่ง ทั้งดรออิ้งและลงสี โดยเฉพาะตอนผสมสี ลงสี จะเครียดหนัก ... แต่ครั้งนี้ สบายๆ ค่ะ สงสัยจะเป็นเพราะได้เติมน้ำตาลในเลือด ได้หม่ำขนมอร่อย เลยทำให้สบายใจขึ้น


ผลงานก็ออกมาอย่างที่เห็นค่ะ ... จากแบบ ดรออิ้ง และ ลงสี ... ภาพที่ลงสีเสร็จแล้ว ถ่ายมาเอียงๆ เลยดูภาพบิดๆ เบี้ยวๆ พิกล


เป็นการเรียนที่สบายใจ ครูเข้ามาช่วยดู ช่วยแก้งานน้อยกว่าครั้งก่อนๆ ... ถึงแม้จะใช้เวลานานกว่าเดิม แต่ก็เพลินๆ สบายๆ ดีค่ะ ทำเอาอยากลองวาดเล่น ลงสีเองที่บ้านดูบ้าง


ยังมีอีกหลายหัวข้อที่พลาดไป แต่ก็ยังตามเก็บไม่หมด เพราะติดตะลอนเที่ยว ... อย่าง ดอกไม้ ภาพคน Re-product ที่อยากเรียน แต่ยังไม่ได้เรียน ถ้าเปิดสอนอีกเมื่อไหร่ ก็จะตามเก็บให้ได้ค่ะ ... มีใครสนใจไปเรียนด้วยกันมั้ยคะ

1.10.53

มาราธอนปาร์ตี้

แหะ แหะ ดองบล็อกไว้นานเกิ้นนนนนน ... ต้องรีบสลัดตัวขี้เกียจ ก่อนที่จะลืมเรื่องราวของแต่ละวันไปหมด ... ปัดฝุ่น กวาดหยากไย่ ไล่แมงมุม เรียบร้อยแล้วก็ไปปาร์ตี้กันเลยค่ะ


ที่มาของปาร์ตี้ครั้งนี้ เกิดเพราะ "พี่จุ๊บ" อยากจะเมา ... พรรคพวกก็จัดให้ ... ตอนแรกกะจะออกนอกเมือง ไปพัทยา แต่ติดเหตุหลายอย่าง เลยย้อนกลับเข้าเมืองมาคาราโอเกะกันดีกว่า


ฐานที่มั่นของปาร์ตี้ครั้งนี้ คือ ใบไม้ร่าเริง สาขาเกษตร ค่ะ ... ไปถึงร้านราวๆ หกโมง ไปถึงแบบหิวซ่ก พี่จุ๊บ เรา คนดี หมวยบี น้องฝน เปิดเมนูสั่งอาหารอย่างรวดเร็ว ลิสท์เพลงทั้งหลายเก็บไว้ก่อน


รอไม่นาน อาหารก็มาถึงค่ะ กลิ่นหอมยั่วน้ำลายเป็นที่สุด ท้องที่หิวอยู่แล้ว น้ำย่อยไหลจ๊อก ... ทุกคนละกิจกรรมตรงหน้ามารวมตัวที่หน้าจานอาหาร



ข้าวผัดคะน้าปลาเค็ม หมึกไข่นึ่งมะนาว ไก่ทอดเกลือ ปลากระพงทอดน้ำปลา และอีกหลายจาน ... จำชื่อไม่ได้แล้วค่ะ และก็ไม่สนใจจะถ่ายรูปเก็บไว้แล้ว เพราะหิวตาลาย กลิ่นหอมยั่วน้ำลายที่สุด ขอกินก่อนแล้วกัน ... รสชาติอาหารใช้ได้นะคะ จัดการกันเรียบทุกจาน


ท้องอิ่ม มีพลังแล้ว ก็ลุยร้องเพลงกันได้ค่ะ ... หาเพลง เลือกเพลง ลิสท์เพลงยาวเป็นหางว่าว ร้องเพลงกันอย่างเมามัน


ร้องกันอยู่ 5 คน ก็มีสมาชิกคนที่ 6 มาสมทบ ... คุณพัชเคลียร์งานเสร็จ ตามมาร่วมร้องเพลงด้วยอีกคน แต่มาถึงค่ำมากแล้ว เลยออกลีลาได้ไม่มากนัก


ร้องกันจนตี 1 ร้านปิด เค้าปิดระบบไล่ถึงได้เลิก ... แต่ปาร์ตี้นี้ยังไม่เลิกค่ะ อพยพย้ายไปคอนโดพี่จุ๊บกันต่อ


ถึงคอนโดก็น่าจะราวๆ ตี 2 แล้ว แต่ยังหยิบแผ่นเต้น ออกมาทดลองเต้น ออกกำลังกายกันยามดึก ... คว้าฮูลาฮูปมาเหวี่ยง ... แล้วยังมีทดลองหัดท่าโยคะกันอีก


เรียกเหงื่อกันพอสมควรก็ทยอยไปอาบน้ำ ... ดูเวลาแล้วก็จวนเจียนจะตี 5 แต่ก็ยังไม่หลับไม่นอน ... ยังตั้งวงชวนกันลับสมอง บวกเลข ฝึกวิชาคณิตคิดในใจ


จน 6 โมงเช้า ถึงได้ดับสวิท์ช ปิดไฟ หลับสลบกันเป็นแถว


แต่ .............................. ปาร์ตี้นี้ยังไม่จบค่ะ


10-11 โมง ทยอยตื่น อาบน้ำ แต่งตัว ไปเติมพลังมื้อเช้า ณ เวลาเที่ยง ที่ร้านไก่ตะกร้า ... ร้านนี้ไม่ได้ถ่ายรูปไว้เลยค่ะ เพราะหิวมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก แบตหมด เข้าเซฟโหมด ไม่อยากทำอะไรเลย นอกจากกินข้าว


ไก่ตะกร้า ขนมจีนน้ำยาปู ข้าวโพดทอด ข้าวผัด ส้มตำ และอีกหลายอย่าง ทยอยมาเสิร์ฟ ทยอยส่งลงท้อง ... อร่อยค่ะ อิ่ม สบายท้อง สบายตัว สบายใจ


อิ่มมื้อเที่ยงแล้ว แต่ก็ยังไม่แยกย้ายค่ะ ... ยกพลกันไปตามหาของหวานกันต่อ


หมวยบีเปรยมาอยากกินแพนเค้ก พรรคพวกก็จัดให้ ... ยกพลขึ้นรถมุ่งหน้าไป นวมินทร์ อเวนิว จุดหมายอยู่ที่ร้าน Pancake Cafe


นี่แหละค่ะ จานทั้งหลายเหล่านี้ที่ทำให้เราดั้นด้นมา ... จำชื่อได้แค่จานเดียว Demon & Angle แพนเค้กชอคโกแลต กับ ไอศครีมวนิลา ส่วนจานอื่นๆ ก็อร่อยค่ะ ... อร่อยจนลืมร้าน After You ไปเลย


คาว-หวาน ครบถ้วนเรียบร้อย ก็แยกย้ายกันได้จริงๆ สักทีค่ะ ... เริ่มปาร์ตี้กันตั้งแต่ 18.00 น. มาเลิกราแยกย้ายกันก็ราวๆ 17.00 น. ได้ ... ปาร์ตี้มาราธอนกันจริงๆ


ถึงบ้านได้ หลับ สลบ จัดเป็นปาร์ตี้ที่ดูดพลังจริงๆ ค่ะ ทำเอาระบบการนอนรวนไปอีกหลายวัน ... ปาร์ตี้ครั้งหน้าขออย่ามาราธอนขนาดนี้นะคะ