12.10.58

Japan #2 : Kyushu (Fukuoka - Kumamoto)

วางแผนเตรียมเที่ยว ไว้เรียบร้อย ตั๋วเครื่องบินพร้อม ที่พักมีแน่นอน ... คนท้องก็ได้รับคำอนุมัติจากคุณหมอ พร้อมจดหมายรับรองสำหรับแสดงให้สายการบินรู้ว่า แม้จะท้องแต่แข็งแรงดีเดินทางได้ ... รอแค่ถึงกำหนดวันเดินทาง สมาชิก 4 คน ก็พร้อมลุยเกาะคิวชู เกาะใต้ของญี่ปุ่นแล้วค่า

14 พ.ย. 57 ... แพ็คกระเป๋า เรียกแท๊กซี่มารับมุ่งหน้าไปสนามบินสุวรรณภูมิ สมาชิกพร้อมหน้า แต่เคาเตอร์ยังไม่เปิดให้เช็คอิน ก็ลากกระเป๋าไปหาข้าวมื้อสุดท้ายของวันกินรองท้องไว้ก่อน เพราะสายการบิน Jetstar เป็น โลว์คอสท์แอร์ไลน์ ไม่มีอาหารเสิร์ฟ คนท้องเองก็ได้ตุนขนมเผื่อไว้ยามหิวด้วย

ท้องอิ่มก็ถึงเวลาเข้ากระบวนการสนามบินพอดี ตั้งแต่เช็คอิน สแกนร่างและสัมภาระ ผ่าน ตม. เข้าไปด้านใน เดินชมสินค้าปลอดภาษี แล้วไปนั่งพักร่างกันที่ King Power Lounge เพราะไฟลท์ 3K509 BKK-FUK บินตอน 02.15 น. ... นั่งใจจดใจจ่อรอเวลาขึ้นเครื่อง ไม่ได้เพราะตื่นเต้นอยากเที่ยวหรอกค่ะ แต่อยากขึ้นไปนอน ง่วงจะแย่แล้ว

ขึ้นเครื่องได้ ก็รัดเข็มขัด จัดหมอนรองคอให้เข้าที่ คว้าที่ปิดตามาสวม แล้วก็ปิดสวิทช์ดับเครื่องตัวเองเลย ... นอนหลับๆ ตื่นๆ 09.30 เวลาญี่ปุ่น เราก็ถึงสนามบิน Fukuoka เรียบร้อย (เวลาที่นี่เร็วกว่าเมืองไทย 2 ชั่วโมงนะคะ) ... ผ่าน ตม. รับกระเป๋า จัดการตัวเองและข้าวของ แล้วก็ลุย

Day 1 : 15 พ.ย. 57 ... เริ่มต้นทริปนี้อย่างเป็นทางการแล้วค่ะ สนามบินฟุกุโอกะ เป็นสนามบินที่อยู่ใกล้เมืองมากกกกก แค่นั่งรถไฟเข้าไปราวๆ 5-6 นาทีเท่านั้นค่ะ ... แต่เราต้องเดินออกจากอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ นั่ง Shuttle Bus ฟรี ไปที่อาคารผู้โดยสารภายในประเทศ แล้วก็ลงไปสถานีรถไฟใต้ดินได้เลยค่ะ

แล้วเราก็มาถึงสถานี Hakata สถานีหลัก สถานีใหญ่ประจำเมืองฟุกุโอกะค่ะ ... มาถึงก็มึนเลย เพราะมีพื้นที่ทั้งบนดินใต้ดินหลายชั้นมากมาย มัวขึ้ตา เดินงงๆ เบลอๆ ดูป้าย จนมาเจอชั้น G ชั้นหลักที่เราต้องการ เพราะเรากำลังตามหา JR office ค่ะ ... หยิบ Exchange Voucher ที่ซื้อมาเปลี่ยนเป็น JR Kyushu Rail Pass เราซื้อแบบ 5 วัน เฉพาะเขต Northern Kyushu เท่านั้น ... แล้วก็จัดการจองที่นั่งสำหรับรถไฟสายต่างๆ ในทริปนี้เอาไว้เลย 

แลก JR Kyushu Pass เรียบร้อย จองตั๋วรถไฟเรียบร้อย ก็หาเสบียงเติมลงท้องกันค่ะ ... ที่สถานีนี้มีร้านครัวซองต์ชื่อดัง ที่ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลยั่วน้ำลาย เลยแวะซื้อมาลองชิมหน่อยนึง ... คนอื่นๆ ปลื้มกัน แต่กลุ่มเราเฉยๆ ไปสำรวจหาอาหารหนักมื้อหลักๆ ดีกว่า เดินไปเดินมาเลือกไม่ถูก เพราะมีตัวเลือกเยอะมาก เลยเข้าร้านซูชิจานเวียนแล้วกัน ไหนๆ ก็เพิ่งถึงญี่ปุ่น จัดซูชิประเดิมซะเลย

ท้องอิ่มแล้ว ก็เดินไปชานชลา ไปรอขึ้น Shinkansen ค่ะ เริ่มใช้ JR Pass ตั้งแต่วันนี้เลย ... จาก Fukuoka เรามุ่งหน้าไป Kumamoto


ระยะทางประมาณ 118 กม. ใช้เวลาไม่เกิน 40 นาทีก็ถึง ... บนขบวนมีเสียงประกาศทั้งภาษาญี่ปุ่น ภาษาอังกฤษ และยังมีตัววิ่งคอยแจ้งว่าถึงสถานีไหนแล้วด้วย สำหรับคนที่เหนื่อยๆ และอยากจะหลับ แนะนำให้ตั้งนาฬิกาปลุกก่อนเวลาที่จะถึงสถานีปลายทางสักหน่อย รับรองว่าถึงตรงเวลาแน่ๆ

ถึง Kumamoto แล้ว ก็ลากกระเป๋าเดินหาโรงแรมเป็นอันดับแรก เข้าไปแจ้งเช็คอิน แต่ยังเข้าห้องพักไม่ได้ ก็ขอฝากกระเป๋าไว้ก่อนแล้วหยิบเฉพาะของที่จำเป็นติดตัวมาลุยเที่ยวกันค่ะ ... การเดินทางในเมือง Kumamoto จะใช้รถรางค่ะ  ใครที่มีแผนเที่ยวหลายจุด ซื้อ 1 Day Pass ใช้น่าจะคุ้มกว่า แต่เรามีเวลาไม่มาก ไปไม่เยอะ ก็ขึ้นไปจ่ายเป็นเที่ยวๆ เอา เตรียมเหรียญให้พอดีกับค่ารถ แล้วไปหยอดตอนจะลงรถ ... ใครที่มีแบงค์ก็ไม่ต้องห่วง บนรถมีเครื่องแลกเหรียญอัตโนมัติค่า

จุดหมายแรก คือ Kumamoto Castle สถานที่ท่องเที่ยวหลักของเมืองนี้ ... ลงที่ป้ายรถราง No. 10 แล้วก็เดินต่อไปอีกสักระยะ เราก็ถึงค่ะ


ว่าที่คุณแม่เดินขึ้นบันไดไม่ไหว ขอนั่งรอด้านล่าง ว่าที่คุณพ่อเลยอยู่เป็นเพื่อน เราสองคนเลยเดินไต่บันไดขึ้นไปชมวิวที่ชั้นบนสุดของปราสาท ... ระหว่างทางแต่ละชั้นจะมีตู้แสดงข้าวของ และภาพต่างๆ ที่เกี่ยวกับปราสาท แต่ส่วนใหญ่เป็นภาษาญี่ปุ่น เราแวะดูแต่ก็ไม่อินเท่าไหร่ แต่ใครที่ชอบก็แวะเดินชมไปเรื่อยๆนะคะ เพราะทางเดินในปราสาทนี้ บังคับเดินขึ้นทางนึง เดินลงทางนึง


ระหว่างทางไม่ดึงดูดใจเท่าไหร่ แต่ชั้นบนสุดสามารถมองเห็นวิวโดยรอบชวนให้ตื่นตาตื่นใจดี ... และมุมนี้มองดีดี จะเห็นเจ้า Kumamon หมีดำแก้มแดงมาสคอตชื่อดังประจำเมืองนี้อยู่ข้างตึก 

ชมปราสาทพอเป็นพิธี ถ่ายรูปเรียบร้อย ก็ย้ายพิกัดกันต่อ ... นั่งรถรางต่อไปอีก 1 ป้าย ที่ No.11 ไปเดินเล่นย่านการค้า Shimotori ค่ะ


เดินเจอบรรยากาศแบบนี้ ก็ออกอาการเหวอ เพราะป้ายส่วนใหญ่เป็นภาษาญี่ปุ่น อยากจะหาร้านอาหาร ร้านขนมนั่งพักก็มึน งง เลือกไม่ถูก ... เดินดูของ เข้าร้านนั้น ออกร้านนี้ไปเรื่อยๆ เริ่มหิว แต่ก็เลือกไม่ถูกว่าจะกินอะไรดี เพราะ งง เดชะบุญที่เหลือบเห็นป้ายร้าน Ichiran Ramen ที่คนไทยเรียก ราเม็งข้อสอบ

เห็นป้ายโฆษณาแขวนอยู่ด้านบน พร้อมลูกศรชี้ แต่ถนนเส้นนี้มีหลายทางแยก เลยไม่แน่ใจว่าจะต้องเลี้ยวซ้ายตรงไหนดี ต้องถามหล่ะ ... หมุนซ้ายหมุนขวา เห็น 2 สาวนักเรียนญี่ปุ่นเดินมา เดาเอาว่าน้องเขาน่าพูดภาษาอังกฤษได้บ้างหล่ะ เลยปรี่เข้าไปส่งยิ้มหวานแบบไทยๆ แล้วเอ่ยปาก "Sumimasen" แล้วชี้ป้ายบอกว่าจะไปร้านนี้อ่ะจ้า ช่วยบอกทางหน่อยได้มั้ย

2 สาวมองป้ายแล้วเดินหมุนดูป้ายทั้ง 2 ฝั่ง แล้วก็ชี้ทางให้ เราเอ่ยปากขอบคุณ พร้อมโค้งนิดๆ ตบท้ายด้วยยิ้มหวานซ้ำอีกที ... น้องเดินนำหน้าไปก่อน เรา 4 คนก็เดินตามไปห่างๆ พอถึงทางแยก น้องก็เดินเลี้ยวไปชะเง้อชะแง้ แล้วถอยกลับมาส่งสัญญาณชี้มือบอกว่าทางนี้ใช่แน่นอน ... พอเรา 4 คน เดินมาทัน ก็ Arigatou และโค้งให้กันอีกรอบ ก่อนจะเดินไปร้าน

ถึงหน้าร้านก็มึนต่อ เพราะเจอตู้กดซื้อราเม็งซึ่งมีแต่ภาษาญี่ปุ่น ... หยอดเงินลงตู้แล้วจิ้มปุ่มตรงรูปที่ชอบใจ รับตั๋วที่ไหลออกมา แล้วถือเข้าไปส่งในร้าน


Ichiran Ramen จะจัดที่นั่งเป็นช่อง พร้อมมีใบรายการวางเอาไว้ให้ลูกค้าเลือก ความแข็งของเส้น ความเข้มของซุป จะใส่หมู ใส่ผัก ใส่พริกแค่ไหน จิ้มเลือกเรียบร้อย ก็ส่งให้พนักงาน ...รอพักเดียวพนักงานก็เอาราเม็.ตามที่สั่งไปมาส่ง ... อากาศเย็นๆ ได้นั่งพักขา ได้ซดน้ำซุปอุ่นๆ อิ่มสบายท้องจริงๆ 

ท้องอิ่มแล้ว ก็เดินเล่นอีกสักพัก ผู้คนคึกคัก อากาศเย็นสบาย แต่เดินได้ไม่นานก็ต้องให้คนท้องพัก ... งั้นกลับโรงแรมกันดีกว่า นั่งรถรางกลับไปป้ายสถานี Kumamoto แล้วเดินไปนิดนึง ก็ถึงที่พักคืนนี้ Toyoko Inn Kumamoto Ekimae


ห้องขนาดกะทัดรัด แต่มีอุปกรณ์ที่จำเป็นครบถ้วน แถมโรงแรมนี้ยังมีชุดนอนไว้ให้ยืมใช้ด้วย สบายเลยค่า ... อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย ก็ทำการรื้อกระเป๋าใหญ่ จัดกระเป๋าเล็ก เพราะเรามีแผนจะตะลอนเที่ยวอีกหลายเมือง ลากกระเป๋าใบใหญ่ไปด้วยคงไม่สะดวกนัก เอาใบเล็กๆ ไปแทน แล้วจัดการส่งกระเป๋าใหญ่กลับไปรอเราที่ Fukuoka ดีกว่า

ขอเข้านอน ชาร์จพลังก่อนนะคะ ... วันพรุ่งนี้จะไปตะลอนเที่ยวที่ไหน ตามไปดู ที่นี่ เลยค่ะ

1 ความคิดเห็น:

Tar la la กล่าวว่า...

ปูเสื่อรอ ^^

แสดงความคิดเห็น