14.10.58

๋Japan #2 : Kyushu (Kumamoto-Beppu)

เมื่อวาน สำรวจเมือง Kumamoto พอสังเขป เข้าที่พัก จัดการแยกสัมภาระ กระเป๋าเล็ก กระเป๋าใหญ่ เข้านอนชาร์จแบตเตรียมร่างให้พร้อม ... รีบตื่นแต่เช้า มาต่อคิวทานอาหารเช้าที่โรงแรมจัดให้


ข้าว ผักดอง สลัด ซุป และ น้ำชา เป็นอาหารเช้าที่ให้ความรู้สึกว่าอยู่ญี่ปุ่นจริงๆ ... ห้องอาหารที่นี่มีที่นั่งจำกัดค่ะ ส่วนใหญ่รีบกินรีบไป ไม่นั่งยืดย้วย และต้องลุกจากโต๊ะไปแบบเก็บทุกอย่างให้เรียบร้อยเหมือนเดิมด้วยค่ะ ... เอาถาดอาหารไปเก็บ แยกภาชนะ เศษอาหาร แล้วต้องเช็ดโต๊ะให้สะอาดด้วยค่ะ เพราะทุกโต๊ะมีกล่องใส่ผ้าเช็ดโต๊ะวางไว้ให้แล้ว

กินข้าวเสร็จ ก็หยิบกระเป๋ามาเช็คเอาท์ แล้วแจ้งเจ้าหน้าที่ว่าให้ช่วยจัดส่งกระเป๋าใหญ่ไปที่โรงแรมในเครือเดียวกัน ที่สาขา Hakata ที่เราจะเข้าพักวันที่ 18 ... พนักงานส่งแบบฟอร์มมาให้กรอก แต่สาวไทยทำหน้าตามึนงงและยิ้มแห้งๆ ใส่ พนักงานสาวเลยใจดีกรอกแบบฟอร์มให้ ยืนรอพร้อมยิ้มหวาน แล้วจ่ายค่าธรรมเนียมจัดส่งของให้พนักงาน

Day 2 : 16 พ.ย. 57 ... ได้เวลาออกเดินทางกันต่อค่ะ เดินออกจากโรงแรมไปสถานีแค่นิดเดียว ตามแผนเก่าตั้งใจจะนั่งรถไฟขบวน Aso Boy 1 ในขบวนรถไฟไฮไลท์ของคิวชู แต่อดนั่งค่ะ เพราะเปลี่ยนเส้นทาง


แม้จะไม่ได้ขึ้นไปทักทาย Kuro Chan บนขบวน Aso Boy ก็ทักทายที่สถานีเลยค่ะ เจ้าหมาดำหน้าตาน่าเอ็นดูวิ่งเล่นอยู่เต็มสถานี หวังว่าจะมีโอกาสได้ทักทาย Kuro บนขบวนสักครั้ง ... ซื้อของฝาก ขนม แล้วเข้าชานชลาไปรอชินคันเซ็นกลับไป Hakata แล้วเปลี่ยนขบวนมุ่งหน้าไป Beppu หาที่นั่งเรียบร้อยก็หยิบตั๋วมาเสียบไว้เบาะด้านหน้าเลยค่ะ แล้วจะหลับยาวก็สบาย ถ้าคุณเจ้าหน้าที่มาตรวจตั๋วก็ไม่มีปัญหา

แต่เราไม่ได้หลับหรอกค่ะ นั่งชมวิวข้างทางเพลินๆ มีพนักงานเข็นรถสารพัดเครื่องดื่ม ขนม ข้าวกล่อง มาขาย อุดหนุนมารองท้องอีกนิด ... นั่งไปถึงสถานีนึง มีเสียงประกาศอะไรสักอย่าง แล้วผู้โดยสารบนรถก็ลุกมาหมุนเบาะที่นั่ง เอ้า เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม หมุนกับเขาด้วย สักพักเดียวเราก็มาถึง Beppu ค่ะ

ถึงปุ๊บก็จัดการเดินสำรวจสถานี เจอร้านอาหารก็แวะรองท้องซะเพราะได้เวลามื้อเที่ยงแล้ว ... ร้านชื่ออะไรไม่รู้ 


หิวตาลาย เปิดเมนูจิ้มสั่งกันแบบงุนงง กินกันจนเต็มพุง แล้วก็ออกไปถามข้อมูลที่ Tourist Information ที่อยู่ในสถานี เพื่อถามเรื่องสายรถเมล์ที่เราจะนั่งไปเที่ยวกัน ได้ข้อมูลชัดเจนพร้อมแผนที่ก็ลากกระเป๋าเดินไปที่พักเลยค่ะ


ใครมาถึง Beppu ก็ต้องผ่านรูปปั้น Shiny Uncle ที่อยู่ด้านหน้าสถานี เป็นบุคคลสำคัญที่ทำให้การท่องเที่ยวเบปปุเป็นที่รู้จักและคึกคักมากขึ้น ... แล้วด้านหน้าสถานียังมีบ่อน้ำพุร้อนให้แช่มือได้ด้วย และเพราะเมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่องบ่อน้ำพุร้อน ระหว่างทางก็จะเจอบ่อน้ำพุร้อนแบบ Hand Bath ให้แช่อยู่อีกหลายจุด


เดินไปไม่นานก็ถึงที่พักคืนนี้ค่ะ Nogami Honkan พักแบบเรียวกัง ก็ต้องเลือกห้องพักสไตล์ญี่ปุ่น นอนห้องเสื่อทาทามิ กับ ฟูกฟุตอง ... วางสัมภาระที่ไม่จำเป็น แล้วก็ออกไปเที่ยวกันต่อ

แต่เปิดดูตารางรถเมล์ที่ได้มาแล้ว กว่าจะรอรถเมล์มาก็นาน กว่าจะไปถึง คงไม่ทันเข้าชม เลยตัดสินใจนั่งแท๊กซี่ดีกว่า ... ลงไปถามเจ้าหน้าที่โรงแรมเรื่องแท๊กซี่ เจ้าหน้าที่ใจดีจัดการโทรเรียกให้เลย รอไม่นาน แท๊กซี่ก็มารับถึงหน้าโรงแรมเลยค่ะ

แท๊กซี่ที่ญี่ปุ่น เราไม่ต้องเปิด-ปิดประตูรถเองนะคะ คุณคนขับจะกดปุ่มเปิด-ปิดอัตโนมัติให้ ยืนรอประตูเปิด ก้าวขึ้นรถแล้วนั่งสวยๆ สบายๆ เท่านั้นพอค่ะ ... นั่งชมวิว ชมเมืองข้างทาง แป๊บเดียวก็ถึงค่ะ จ่ายค่ารถให้คุณลุงคนขับรถ ต่อให้มีแบงค์ใหญ่ คุณลุงก็มีเงินทอนพร้อม ไม่มีปัดเศษขึ้น ปัดเศษลงเหมือนแท๊กซี่เมืองไทย แม้เราจะอยากให้ทิป คุณลุงก็ไม่รับค่ะ นับเหรียญมาทอนเราแบบพอดีเป๊ะ

เรามาที่ 8 Hells (Jigoku) บ่อน้ำพุร้อน 8 บ่อ ที่เป็นไฮไลท์ของเบปปุ แต่ละบ่อจะมีน้ำพุร้อนที่ต่างกันไป มี 6 บ่อ ที่อยู่ในพื้นที่ใกล้กัน เดินเที่ยวได้ และอีก 2 บ่อ ที่ห่างออกไป ... มีตั๋วเข้าชมแบบรวม 8 บ่อขาย แต่เรามีเวลาไม่มากนัก เลยซื้อแบบแยก


เราเข้าชมแค่ 2 บ่อ คือ Umi Jigoku ที่เป็นบ่อน้ำสีฟ้าเหมือนน้ำทะเล กับ บ่อ Oniishibozu Jigoku ที่เป็นบ่อโคลน ค่ะ ... กลิ่นกำมะถันลอยมาเตะจมูกเป็นระยะ ก็ไม่เป็นปัญหา เพราะเรามัวแต่ตื่นเต้นกับการถ่ายรูปใบไม้เปลี่ยนสี แล้วยังเจอตู้ไอติม Glico Seventeen Ice ที่ช่วงนั้นกำลังฮิตในเมืองไทย แต่หากินยากเหลือเกิน มาเจอถึงนี่ก็ต้องลอง 

แล้วออกไปเจอ คัสตาร์ด อีก 1 เมนูขึ้นชื่อของที่นี่ มีขายอยู่ด้านหน้าทางเข้า คู่กับ ไข่ต้ม ไปกัน 4 คน ชอบชิมทุกคน ก็ปักหลักซื้อมานั่งชิมกันจริงจังซะเลย ... พอได้ปักหลักนั่ง ก็ชักจะขี้เกียจเดิน เลยชวนกันนั่งรถกลับไปสำรวจแถวๆ ที่พักดีกว่า

ขามานั่งแท๊กซี่ ขากลับนั่งรถเมล์แล้วกัน แต่ ..... เราออกมาช้าไป 2 นาที รถเมล์สายที่วิ่งผ่านที่พักเราเพิ่งออกไป เอาหล่ะซิ ต้องรอรถคันใหม่ ยืนศึกษาสายรถเมล์ตรงป้ายรถเมล์ด้านหน้า ดูไปก็งง ... สายที่คุณเจ้าหน้าที่ที่ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวบอกมาก็ต้องรออีกนาน ทำอย่างไรดี

ลองขึ้นไปถามคนขับรถ ว่าจะไป Beppu Station คนขับพยักหน้า โอเคขึ้นเลย ... แต่นั่งไปนาน น้านนนน นานนน ทำไมไม่ถึงสักที ดีที่จำจุดสำคัญใกล้ที่พักได้ พอเห็นก็เลยรีบลง ไม่ต้องไปจนสุดสาย แล้วเดินย้อนกลับมาใหม่

เทคนิคการนั่งรถเมล์ญี่ปุ่น ... ขึ้นรถที่ประตูด้านหลัง ขึ้นแล้วหยิบหมายเลขตรงกล่องด้านข้างซึ่งจะบอกให้เรารู้ว่าขึ้นรถจากป้ายไหน ด้านหน้าจะมีจอบอกตัวเลขพร้อมกับราคาค่ารถที่จะปรับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตอนจะลง ก็ดูว่าตัวเลขของเราต้องเสียค่ารถเท่าไหร่ ก็เตรียมเงินให้พอดี หยอดลงกล่องรับเงินด้านหน้า ก่อนจะลงประตูหน้าเลยค่ะ ... แต่ใครที่ใช้บัตรเงินสด ตอนขึ้นก็แตะบัตร ตอนลงก็แตะบัตร สะดวกสุดๆ

นอกจากรถเมล์ญี่ปุ่นจะตรงเวลาแล้ว ยังปลอดภัยสำหรับผู้โดยสารสุดๆ ... ห้ามเดินไปมาตอนรถวิ่ง ตอนขึ้นรถ เราเดินไปถามคนขับเพื่อความมั่นใจ คนขับส่งเสียงเหมือนดุ แล้วโบกมือห้าม พร้อมทำท่าให้กลับมานั่งที่ ... พอรถถึงป้าย ประตูด้านหน้าจะเปิดให้คนเดินลงก่อน ผู้โดยสารไม่ต้องรีบร้อนลุกมาเตรียมลงป้ายเหมือนเมืองไทย นั่งไปให้สบาย พอถึงป้ายที่จะลงค่อยลุกเดินมา แม้คนจะแน่นเต็มคันก็ไม่ต้องรีบลนลาน เพราะคุณคนขับจะรอจนคนลงหมดทุกคนก่อน แล้วค่อยเปิดประตูด้านหลังเพื่อรับผู้โดยสารขึ้น และก็รอจนกระทั่งผู้โดยสารเดินขึ้นจนครบทุกคน ถึงจะปิดประตูรถ แล้วเคลื่อนที่ ... แม้จะใช้เวลาจอดรับ-ส่งผู้โดยสาร แต่ก็ยังมาถึงป้ายตรงเวลาเสมอ เยี่ยมมมมมมมมมสุดๆ

ข้อดีของการนั่งรถเมล์ผิดสาย ผิดทาง เราเลยได้ผ่านห้างสรรพสินค้า ... พอลงรถเรียบร้อยก็เดินไปสำรวจสักหน่อย แต่มีเวลาจำกัด เพราะเรามีนัดทานอาหารค่ำที่โรงแรมอยู่


ชุดอาหารสไตล์ญี่ปุ่น มาอย่างละนิด อย่างละหน่อย แต่มาหลายอย่างขนาดนี้ ทีแรกคิดว่าจะอิ่มรึเปล่าน้อ แต่กินๆ ไป เอ่ออออ อิ่มก่อนจะกินหมด ... ท้องอิ่มก็ได้เวลา ออนเซ็น พอดี 

ที่เรียวกังมีบ่อออนเซ็น ทั้งแบบสาธารณะ และแบบห้องส่วนตัว ... ลูกค้าที่มาใช้บริการห้องพัก 1 ห้อง สามารถจองเวลาใช้บริการห้องออนเซ็นส่วนตัวได้ 1 ชม. ... เรามากัน 4 คน ก็บริหารเวลาแบ่งกัน ผลัดกันไปแช่ออนเซ็น

ครั้งแรกกับการแช่ออนเซ็น ดี๊ ดี ที่ได้ลองในห้องส่วนตัว ลงแช่ได้อย่างสบายใจไม่เคอะเขิน ... น้ำร้อนจัด แช่แล้วตัวแดงเหมือนหมูสุก แต่พอขึ้นจากน้ำแล้ว ตัวเบา สบ๊ายยยย สบายยยย 

ตัวอุ่นๆ กลับมาซุกตัวนอนในฟูกญี่ปุ่น ที่ทั้งนุ่ม ทั้งอุ่น โอ๊ยยยยย หลับสบาย ลืมเมื่อย หายเหนื่อยเลยค่ะ ... ได้ชาร์จแบตเต็มที่ เตรียมตัวสำหรับ วันพรุ่งนี้ ต่อ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น