16.7.51

คนใจร้าย

ปกติเวลาได้กินของอร่อย ก็จะมีความสุข ตาวิบวับเป็นประกาย ... แต่นี้ได้กินของอร่อย แต่กินแล้วหงุดหงิด โมโห และไม่อยากกินอีกเลยค่ะ

วันเสาร์นัดกับคนดีจะไปเดินสวนจตุจักร เพราะคนดีอยากซื้อเสื้อ ... ครึ่งวันเช้าคนดีไปทำงาน ส่วนเราเข้าออฟฟิศมาดูช่างคอมฯ ที่เข้ามาเช็คคอมฯ ประจำเดือนนี้

เที่ยงกว่าคนดีก็มาถึงออฟฟิศ อุ่นกับข้าวนั่งหม่ำกันจนอิ่มแล้ว ช่างคอมฯ ก็ยังทำงานไม่เสร็จ ... เล่นเกม ดูคอนเสิร์ทจาก youtube สุดท้ายคนดีก็นั่งหลับรอ ... กว่าช่างคอมฯ จะเช็คคอมฯ ครบทุกเครื่องก็บ่ายสามโมงกว่า

รีบเก็บของ ปิดออฟฟิศ ขึ้นรถ มุ่งหน้าไปที่จอดรถของรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีบางซื่อ ... ต่อรถไฟใต้ดินย้อนมา 1 ป้ายเท่านั้นก็ถึงจุดหมายของวันนี้

เข้าไปปุ๊บก็ดิ่งไปร้านที่เราตั้งใจจะไปซื้อของก่อนเป็นอันดับแรก เพราะตั้งใจมาซื้อแค่นี้เท่านั้น ... พอได้ของเรียบร้อยก็ถึงคิวคนดี เดินชมตลาด แวะร้านต่างๆ ที่เล็งเอาไว้ ... ส่วนใหญ่ก็เป็นร้านเสื้อที่เคยซื้อไปใส่แล้วชอบใจ แวะกลับมาดูสักนิดนึง เผื่อมีแบบใหม่ๆ ที่น่าสนใจ

เพราะมีร้านเป้าหมายกันแล้วทั้งคู่ ใช้เวลาไม่นานก็ได้ของที่ต้องการครบถ้วนทั้งคู่ ... เลยชวนกันเดินเล่น รอบๆ สักนิดนึง เพราะไม่ได้ตั้งใจจะซื้ออะไรแล้ว เลยเดินวนตามทางหลัก ... ตั้งต้นจากร้านภูฟ้า แล้วเดินวนขวาไปเรื่อยๆ

ไปเจอะร้านทับทิมสยาม คุณลุงคนขาย ตัวโต เคาะกะละมังทับทิมกรอบใบใหญ่เบ้งเรียกลูกค้า ... เสียงเคาะกะละมังดังสนั่น เหมือนเคาะระฆังเลยค่ะ ... ได้ยินตอนแรกสะดุ้ง ตกใจ ไม่คิดว่าจะดังขนาดนี้ พอตั้งสติได้ก็สะกิดบอกคนดีว่ามีคนบอกว่าทับทิมกรอบร้านนี้อร่อย

ทับทิมกรอบจัดเป็นเมนูของหวานที่โปรดปราน คนดีคงนึกได้เลยชวนให้นั่งชิม เพราะด้านในมีโต๊ะเล็ก อยู่ 4 ชุด ... นั่งกินขมมหวาน ชื่นใจ แล้วได้นั่งพักเท้าด้วย เลยตกลง

ทับทิมกรอบเม็ดโตสีชมพูใส ในน้ำกะทิหอมๆ ชื่นใจดีค่ะ ... จะใส่ถ้วยโฟมนั่งทานในร้าน ถือถ้วยโฟมเดินทาน หรือใส่ถุงกลับบ้านก็ 30 บาท เท่ากัน ... ของเราทับทิมกรอบล้วน ส่วนของคนดีใส่แห้ว กับ มะพร้าวกะทิด้วย ก็ราคาเท่ากัน

นั่งกินเพลินๆ ไปใกล้จะหมดถ้วย ก็เห็นมีลูกค้าแวะมาซื้อเรื่อยๆ ... แล้วสักพักก็ได้ยินเสียงเพลงดังแว่วๆ มา เหมือนเสียงวิทยุในรถดังจะผ่านมาถึง ... ปรากฎว่าเป็นคนตาบอด เดินร้องเพลง ผ่านมา แล้วก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าร้านพอดี ... กะว่ากินหมดถ้วย เดินออกไปก็จะแวะหยอดตังค์ช่วยสักหน่อย

... แต่เกิดเหตุที่ทำให้ไม่ได้ทำอย่างที่ตั้งใจไว้ค่ะ

คุณลุงเจ้าของร้าน เคาะกะละมัง โป๊งงงงง โป๊งงงง โป๊งงงงงง เสียงดังลั่น แข่งกับเสียงดนตรีจากลำโพง ... ทีแรกก็คิดว่าแกเคาะเรียกลูกค้า เพราะหน้าร้านเริ่มโล่ง ที่ไหนได้ แกเคาะไล่คนตาบอดที่หยุดยืนร้องเพลงอยู่หน้าร้านแกพอดีค่ะ ... โป๊งงงงง โป๊งงงง โป๊งงงงง ตีแรงขึ้น ดังขึ้นเรื่อยๆ เสียงสนั่นหวั่นไหว ... เคาะแล้วก็ตะโกนไล่ซ้ำ “เดินตรงไปเลย เดินตรงไปเลย เดินไปเลย เดินไปเลย ของขายใกล้จะหมดแล้ว มาหยุดอยู่หน้าร้านทำไม”

เห็นกิริยาคุณลุงแล้วโมโห ได้ยินที่แกบ่นแล้วปรี๊ดดดดดดด ... ทำไมใจร้ายจัง ทำไมต้องไล่กันขนาดนี้ด้วย ... ทับทิมกรอบที่อร่อย หวานหอมชื่นใจ ที่กินหมดไปเมื่อกี้ ขม เฝื่อน ขึ้นมาทันที ... ไม่รู้ว่าคนตาบอดคนนั้นเดินเลี่ยงไปทางไหน เพราะไม่ได้ยินเสียงดนตรีจากลำโพงอีก

เราสองคนลุกออกจากร้าน แล้วหันมาคุยกันว่า จะไม่แวะกินทับทิมกรอบร้านนี้อีกเลย ไม่มีวันที่จะจ่ายตังค์ให้คนใจร้ายแบบนี้ ... ไม่เข้าใจกันทั้งคู่ว่าทำไมต้องไล่กันขนาดนี้ เค้าอาจจะกำลังจะเดินผ่านไป แต่ไม่รู้จะไปทางไหนก็ได้ แค่หยุดอยู่หน้าร้านแป๊บเดียวเอง
เจอแบบนี้ จุกทั้งคู่ รู้สึกแย่ที่ซื้อขนมหวานของคนขายใจขม ... ไม่ช่วยแล้วยังไล่ซ้ำอีก คนอะไร ทำไมใจร้ายจัง

1 ความคิดเห็น:

l0veisl0ve กล่าวว่า...

โอ๊ยยยย.....อ่านแล้วก็ปรี๊ดเหมือนกันค่ะ

ทำไมใจร้ายแบบนี้ !!!

แสดงความคิดเห็น