30.5.53

Workshop สีน้ำ : รูปทรงเรขาคณิต

เมื่อคนที่ความสามารถด้านศิลปะเป็นศูนย์แบบเรา อยากจะฝึกปรือฝีมือขึ้นมา ... จะเกิดอะไรขึ้น


ผู้ริเริ่มความคิดนี้คือ บีหมวย ค่ะ ... บีหมวยมาส่งข่าวบอกว่ามีเวิร์คชอปเรียนวาดภาพและสีน้ำ เลือกได้ว่าจะเรียนวันเสาร์หรืออาทิตย์ จะหาเพื่อนไปเรียนด้วย เราสนใจ คนดีสนใจ แต่ติดภารกิจตะลอนทัวร์ทั่วไทยเป็นระยะ ... ถ้าไปเรียนด้วย คงเดี๋ยวขาด เดี๋ยวหาย เลยตัดสินใจขอผ่าน


และแล้วโอกาสนั้นก็กลับมาอีกครั้ง เพราะ ครูลิงใจดี เปิดคอร์สครั้งที่ 2 ... แต่รู้ข่าวช้าไปนิด เลยพลาดการเรียนครั้งแรกไปค่ะ บีหมวยบอกว่าไม่เป็นไร ยังตามทัน ครูใจดีพร้อมรับมือกับนักเรียนหน้าใหม่ มือใหม่ตลอด ... เอ้า ลองดูสักตั้ง


อยากจะลองเรียนวาดสีน้ำมานานแล้วค่ะ แต่ติดปัญหาอยู่ตรงที่ วาดรูปไม่เป็นเล้ยยยยยยยยยยย ... เอาหล่ะเว้ย จะหมู่จะจ่า ออกหัว ออกก้อยกันน้อ ไป ไป้ ไปลุยกันดีกว่า


เช้าวันอาทิตย์ รีบตื่นแต่เช้าตรงไปจุดนัดพบ ... นั่งรอสักพัก ครู และ เพื่อนร่วมคอร์สก็ทยอยมา คอร์สเล็กๆ มีนักเรียน 7 คนเท่านั้น ... นักเรียนพร้อม ครูก็เอาแบบที่เป็นขวดโหล แจกัน ออกมาวาง แล้วแจกอุปกรณ์ให้นักเรียนเตรียมลุย


แค่เห็นแบบก็ไปไม่ถูกแล้วค่ะ ไม่รู้จริงๆ ว่าจะเริ่มต้นยังไง จะเริ่มลากเส้นไหนก่อน ... แล้วครูก็เริ่มสอนการวาดภาพว่าจะเริ่มต้นยังไง ไปยังไง แล้วก็ปล่อยให้ได้ลงมือ และเดินวนช่วยดูผลงานเป็นระยะ


พอวาดภาพเป็นรูปเป็นร่างกันได้แล้ว ก็มาสู่สเต็ปต่อไป "ลงสี" ... วาดรูปว่าเหนื่อยแล้ว จะจรดพู่กันลงสีลุ้นกว่าอีกค่ะ เพราะพลาดแล้วพลาดเลย ลบไม่ได้ ตอนวาดภาพร่างแบบยังมีดินสอให้ลบแก้ไข ... แล้วความรู้เป็นศูนย์แบบนี้ ถึงครูจะแนะทางให้แล้ว ก็ยังไม่มั่นใจ จดๆ จ้องๆ ผสมสี เช็คสีอยู่พักใหญ่ ก็จับพู่กันลุยกันเลย ปาด ป้าย ระบาย


ปาดไป ก็ลุ้นไป งงไป หวั่นใจไป ... ครูผ่านมาเห็นผลงานก็คงกลุ้มใจ ต้องช่วยปรับ ช่วยแก้ ตลอด ... ปาดๆ หยุดๆ ให้ครูเช็คเป็นระยะ เป็นการเรียนทีทุลักทุเลจริงๆ ที่คิดว่าจะมาหัดวาดรูป ระบายสีคลายเครียด กลายเป็นเครียดหนักกว่าเดิม


สุดท้ายก็ได้ผลงานออกมา ... ต้องขอบคุณพี่จุ๊บที่นัดแนะไปถ่ายรูปกับบีหมวย ทำให้เรามีรูปผลงานเก็บไว้เป็นที่ระลึก ถึงแม้จะไม่ชัดแจ่ม แต่ก็ช่วยให้ผลงานดูสวยดีนะคะ (ภาพจาก อัลบั้ม Chilled Sunday ของพี่จุ๊บ )


ตอนนี้เตรียมตัวเตรียมใจลงทะเบียนเรียนคอร์สต่อไป MonoChrome สีเอกรงค์ วาดรูปโดยใช้สีโทนเดียว มีขนมปังเป็นแบบ ... เหอ เหอ เหอ จะรอดมั้ยเนี่ย

29.5.53

The Bounty Hunter

กลับจากภารกิจผู้ติดตามมาถึงกรุงเทพฯ ก็บ่ายกว่า คนดีต้องไปจัดการธุรกรรมทางการเงินอีกหลายสิ่ง หลายธนาคาร เลยเลือกไปใช้บริการแบงค์ย่อยที่เอสพละนาด ... มาถึงนี่แล้ว เลยชวนกันแวะดูหนังซะเลย



The Bounty Hunter - จับแฟนสาวสุดจี๊ดมาเข้าปิ้ง


ไมโล บอยด์ (เจอร์ราด บัทเลอร์) นักล่าค่าหัวได้รับมอบหมายให้ตามตัว นิโคล เฮอร์ลีย์ (เจนนิเฟอร์ อนิสตัน) นักข่าวสาวแกร่ง อดีตภรรยาของเขา ... ไมโลคิดว่างานชิ้นนี้เป็นงานกล้วยๆ แต่ความจริงแล้วยุ่งยากซับซ้อนกว่านั้น เมื่อนิโคลเข้าไปตามสืบร่องรอยของคดีฆาตกรรม ทำให้พวกเขาต้องหนีเอาชีวิตรอด


กล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำว่า สาเหตุหลักที่ดูหนังเรื่องนี้ก็เพราะ เจอร์ราด บัทเลอร์ ค่ะ ช้อบ ชอบ ผู้ชายหุ่นแบบนี้ บุคลิกแบบนี้ ... เจนนิเฟอร์ อนิสตัน ก็ชอบนะคะ เรื่องนี้ชีอยู่ในชุดรัดรูปตลอด หุ่นเป๊ะ มาก


หนังเรื่องนี้จัดอยู่ได้หลายประเภทค่ะ เพราะมีทั้งฉากบู๊แอ็คชั่น ขำขันกับหลายมุข และปนโรแมนติคกุ๊กกิ๊กน่ารักนิดหน่อย ... ดูเพลินๆ ค่ะ ดูไป ลุ้นไป ยิ้มไป ขำไป และแอบหลับไปวูบนึง ... ถ้าใครชอบเจอร์ราด หรือ เจนนิเฟอร์ ก็แนะนำให้ดูค่ะ


สัปดาห์หน้า Sex and The City หนังที่ใจจดใจจ่อรอดูก็จะเข้าฉายแล้ว ... เย้ เย้

28.5.53

ภารกิจผู้ติดตาม 2

เกิดทริปเฉพาะกิจขึ้นอีกแล้วค่ะ ... คนดีส่งช่างไปติดตั้งงานที่นครสวรรค์ แล้วต้องตามไปดู ไปเช็คงาน ต้องการเพื่อนร่วมทางนั่งไปด้วย ... หน้าที่นั้นจะเป็นใครไปได้ ถ้าไม่ใช่ "เรา"


พอเป็นผู้ติดตามเราก็ไม่ทำหน้าที่ใดๆ เลยค่ะ ไม่หาข้อมูลที่พัก ร้านอาหาร เอาไว้เลย ... มอบหมายให้เป็นหน้าที่คนดีจัดการทั้งหมด


ออกเดินทางราวๆ 10 โมงกว่า ไปแบบเรื่อยๆ สบายๆ ตามสไตล์คนดีค่ะ ... หยุดแวะพักหม่ำแมคโดนัลด์ในปั๊มแถวอยุธยา นั่งพักสบายๆ ไม่รีบ ไม่เร่ง เพราะช่างเพิ่งไปถึงไซท์งาน เพิ่งเริ่มติดตั้งงานได้นิดหน่อย


อิ่มแล้วก็ออกเดินทางกันต่อค่ะ เปิดซีดีเพลงรักยุคคีตาฟัง ฟังแล้วก็มาคุยรำลึกความหลังกันว่าใครร้อง ตอนนั้นเรียนอยู่ชั้นไหน ... แล้วก็คุยอะไรต่อมิอะไรไปเรื่อยเปื่อย แป๊บเดียวก็ถึงปลายทางค่ะ


คนดีเข้าไปดูงาน ส่วนเราเปิดนิตยสารที่ติดมานั่งอ่านรอในรถ ... แป๊บเดียวคนดีก็กลับออกมา บอกว่างานยังไม่เรียบร้อย ออกไปหาที่พักกันก่อนดีกว่า รอให้งานเสร็จ ช่างโทรตามค่อยกลับมาดูอีกที


ปัญหาเริ่มมาแล้วค่ะ เพราะไม่รู้ว่าจะพักที่ไหนดี ที่คุ้นชื่อก็โรงแรมพิมาน แต่มีข้อมูลประกอบกว่าเก่า ... อีก 2-3 โรงแรมที่ได้ชื่อมาก็ไม่แน่ใจว่าอยู่ห่างจากไซท์งานมากแค่ไหน เอาหล่ะ ไปดูโรงแรมพิมานก่อนแล้วกัน


โรงแรมหาไม่ยากค่ะ เพราะอยู่ตรงข้ามกับสถานีขนส่งพอดี แต่สภาพภายนอกดูโทรมเหลือเกิน ... จอดรถเรียบร้อยก็ให้คนดีเข้าไปสำรวจดูห้องพักก่อน คนดีหายไปพักใหญ่ก็กลับมาบอกว่าโอเค


ขนสมบัติขึ้นห้องกันค่ะ ... เปิดประตูห้องเข้าไปยังไม่เท่าไหร่ แต่พอได้เดินสำรวจมุมต่างๆ ภายในห้องแล้วแทบจะเป็นลม ... สภาพเตียงกับหมอน ไม่แย่ แต่ก็ไม่ได้ดีนัก ตู้เสื้อผ้าโทรม ผ้าม่านมีรอยขาดรุ่งริ่ง พรมมีรอยด่าง เก้าอี้มีจุดมอม ผนังตรงช่องแอร์ขมุกขมัว ประตูห้องน้ำซีด อ่างอาบน้ำกระเทาะ กระเบื้องห้องน้ำดูมอซอ


อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยย ... เนี่ยนะ ห้องพักราคาคืนละ 850 ทำไมมันมอซอ ชวนหลอนขนาดนี้ คืนละ 400 ก็เหลือแหล่แล้ว ... สภาพห้องแย่มากจนไม่กล้าถ่ายรูปกลับมาค่ะ กลัวจะติดภาพอะไรกลับมาด้วย


ภารกิจผู้ติดตาม ครั้งที่แล้ว ไปขอนแก่น ห้องพักราคา 550 ใหม่ สะอาด สบายตา นอนได้สบายใจ ... ครั้งนี้จ่ายแพงกว่า แต่สภาพห้องทำใจให้หลับอย่างสบายใจยากเหลือเกิน ถ้าคนดีไม่จ่ายค่าห้องไปแล้ว คงไปหาที่พักใหม่แล้วหล่ะค่ะ


ไม่ใช่นอนไม่ได้นะคะ แต่มันชวนระแวงเรื่องความปลอดภัยจากคน และ ที่ไม่ใช่คนอ่ะค่ะ


แต่สุดท้ายเราก็งีบหลับไปพักนึง พอช่างโทรมาตามว่างานเสร็จแล้ว ก็ชวนกันออกไปดู ... คนดีหายเข้าไปตรวจเช็คความเรียบร้อยของงานพักใหญ่ เราก็นั่งอ่านนิตยสารในรถไปเรื่อยๆ


ราวๆ หกโมงเย็น งานเสร็จเรียบร้อย ได้เวลาหิวพอดี ... ไม่รู้ว่าจะไปร้านไหน เพราะไม่มีข้อมุล คนดีไปถามเบลบอยได้ความมาว่า ให้ลองไปตรงริมแม่น้ำ ใกล้ๆ กับศาลจังหวัด มีแพริมน้ำให้เลือกเยอะ


ขับรถวนหาทางไปเรื่อยๆ ก็เจอะแพอาหารริมน้ำให้เลือกหลายร้าน แล้วเราจะเลือกร้านไหนดี ... เราสองคนเลือกใช้ดัชนีชี้วัดส่วนตัว โดยดูจากจำนวนรถยนต์ที่จอดอยู่หน้าร้านค่ะ


แล้วก็เลือก แพอาหาร ข้าวเจ้า ข้าวเหนียว บรรยากาศดีค่ะ มีลูกค้านั่งทานอาหารอยู่พอสมควร ดูแล้วอุ่นใจว่ารสชาติน่าจะใช้ได้ ... เปิดเมนูสั่งอาหารกันเลยค่ะ ปลากระพงทอดน้ำปลา แกงป่าหมูย่าง ลูกชิ้นปลากรายลวกจิ้ม ไข่เจียว ... อาหารรสชาติใช้ได้ค่ะ ตอนแรกสั่งมาแค่ 3 อย่าง แต่พอเจอแกงป่ารสจัดจ้าน เลยขอไข่เจียวมาเสริมสักหน่อย กินข้าวอร่อยๆ รับลมเย็นๆ สบายๆ เพลินดีค่ะ ... ราคาค่าเสียหาย 555 ตัวเลขอารมร์ดี๊ดี


อิ่มแล้วก็กะว่าจะหาวัดแวะเวียนเทียนสักหน่อย แต่ไม่คุ้นทาง และไม่มีวัดอยู่ในเส้นทางผ่านกลับโรงแรมเลย เราเลยตรงเข้าห้องพัก ไปนอนดูทีวี อ่านหนังสือ เล่นเกมกันไป ... ยังดีที่มีเคเบิลหลายช่องให้เลือกดู ถ้าไม่มีแล้วจำต้องนอนเลย สงสัยจะหลับกันไม่ลงค่ะ


เรารอจนง่วงมากๆ ก็ไหว้พระขอพรก่อนนอน ตั้งจิตอธิษฐานหนักแน่น เพราะเป็นห้องพักที่เข้ามาแล้วไม่สบายใจเล้ยยยยยยยย ... กลัวจริงๆ


แต่พอหลับตาได้ ก็หลับยาว ... ตรงข้ามกับคนดีที่หลับไม่ลง เพราะระแวง


เช้าตื่นมา ลงไปจัดการบุฟเฟ่ต์อาหารเช้า ที่มีตัวเลือกไม่มากนัก ... กินกันอิ่มพอควรแล้วก็ขึ้นมาเอกเขนก ดูทีวีพักใหญ่ ก็อาบน้ำแต่งตัวเก็บของเดินทางกลับค่ะ


ภารกิจผู้ติดตาม ครั้งที่แล้ว ไปสายอีสาน ... ครั้งที่สองมานครสวรรค์ ... ครั้งต่อไปจะไปที่ไหนน้อ ... คนดีขา จะไปไหนก็ตามไปด้วยได้ค่ะ แต่ขอห้องพักไม่น่ากลัวแบบนี้นะคะ หลอนเกิน

26.5.53

Curfew

หลังจากที่รัฐบาลทำการกระชับพื้นที่เมื่อวันที่ 19 พ.ค. แล้วมีเหตุวุ่นวายหลายแหล่ ... รัฐบาลก็ประกาศเคอร์ฟิว


Curfew มาจากภาษาฝรั่งเศส couvre feu ... เปิดดิคฯ ดู คำแปลตรงตัวคือ การห้ามออกนอกบ้านในเวลาที่กำหนด ... รัฐบาลประกาศเคอร์ฟิว ห้ามประชาชนออกนอกเคหสถานภายในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย


คุ้นๆ เลาๆ ว่า เคยได้ยินประกาศเคอร์ฟิวตอนยังเป็นเด็กเล็ก เป็นสาวน้อย ตอนนั้นไม่รู้ไม่สนใจจำอะไรไม่ได้ ... แต่ตอนนี้รู้ชัดเจน และมีผลกระทบกับชีวิตประจำวันพอสมควร


เริ่มจากวันแรก 19 พ.ค. รัฐบาลประกาศเคอร์ฟิว 20.00-06.00 น. ... นัดแนะพี่จุ๊บกับคุณต้าจะไปแวะหม่ำของอร่อย แต่พอมีเคอร์ฟิวก็วงแตก แยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมันดีกว่า อดหม่ำของอร่อย และต้องกลับไปจับเจ่าอยู่ในบ้าน ... บ้านใกล้ออฟฟิศซะด้วย ไม่มีที่ใดให้แวะตุนเสบียงได้นอกจาก 7-11 เท่านั้น ได้บะหมี่กึ่งกับขนมจุบจิบนิดหน่อยไว้กันตาย


นับเป็นคืนประวัติศาสตร์สำหรับถนนวิภาวดีรังสิต ที่เงียบสงัด ... เพราะบ้านอยู่ใกล้แยกสุทธิสาร ถ.วิภาฯ ตั้งแต่เล็กจนโตมาป่านนี้ มีเสียงรถวิ่ง เสียงรถซิ่งแข่งกัน พื้นสะเทือนจากรถใหญ่ผ่านตลอดทุกคืน ... แต่คืนนี้เงี้ยบ เงียบ เงียบกริบเลย ทำเอาคนคุ้นเคยกับเสียงรถวิ่งถึงกับเหวอ


20 พ.ค. สถานการณ์ยังไม่เรียบร้อย ยังประกาศเคอร์ฟิวต่อ ปรับเวลาเป็น 21.00-05.00 น. ... หลบลี้เรื่องร้อนๆ ไปสังสรรค์รับลมเย็นๆ พักกาย พักใจที่บางแสน พอตกเย็นก็ต้องรีบร้อนลนลานกลับเข้าบ้านก่อนเวลาเคอร์ฟิว


21 พ.ค. แผนปาร์ตี้ฉลองรับ-ส่งคุณต้า ณ คาราโอเกะ ก็ต้องพับโครงการไป เพราะเคอร์ฟิวนี่แหละ ... เลยย้ายไปจัดปาร์ตี้ชุดนอน ณ บ้านพี่จุ๊บซะเลย กิน เล่น เฮฮากันในเคหสถานตามที่รัฐบาลกำหนดไว้เป๊ะ ถึงจะรวมตัวกันมากกว่า 5 คน แต่ไม่คุยเรื่องการเมืองค่ะ สรวลเสเฮฮากันเต็มที่


24 พ.ค. เริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ กรุงเทพฯ ที่คุ้นเคยกลับมาสู่สภาวะปกติ แต่ก็ยังมีเคอร์ฟิวอยู่ 23.00-04.00 น. ระยะเวลาร่นสั้นขึ้นมา คิดว่าจะสบายขึ้น แต่เปล่าเลย ... เพราะมีธุระต้องไปซื้อของในห้างสรรพสินค้า ห้างก็ปรับเวลาปิดเร็วขึ้น


ออกจากออฟฟิศ ถึงโรบินสัน กินข้าวซะก่อน แล้วค่อยจัดการธุระ ... ภารกิจเกือบจะครบถ้วนแล้ว เหลือบดูเวลา 19.30 น. ตายละวา ห้างจะปิด 20.00 น. รีบ ล่ก ลนลาน


คว้ารถเข็นซื้อของในซุปเปอร์มาร์เก็ต เดินวนหาของ หยิบของ ก็มีเสียงประกาศเตือนเวลาจะปิดห้างตลอด ... ขณะนี้เหลือเวลา 20 นาที ขณะนี้เหลือเวลา 15 นาที ขณะนี้เหลือเวลา 10 นาที ... โอ๊ย ตายแล้ว ไม่เคยเดินซื้อของแบบเครียด ลนลาน และกดดันแบบนี้มาก่อน


ทำเวลาซื้อของ 11 รายการ 21 ชิ้น พร้อมจ่ายเงินเสร็จสรรพ ภายในเวลา 10 นาที ... ลงบันทึกไว้ได้เลยว่าเป็น Fast Speed Shopping ที่เร็วที่สุดที่เคยทำมา


สถานการณ์เริ่มดีขึ้น แต่ยังคงมีเคอร์ฟิวอยู่ 00.00-04.00 น. คิดว่าไม่น่าจะมีผลกระทบอะไรแล้ว แต่ก็มีจนได้ ... เพราะสาวๆ ในออฟฟิศอยากแดนซ์ อยากร้องคาราโอเกะ แต่เจอเวลาเคอร์ฟิวแบบนี้ จะทำอะไร ไปไหนก็ดูไม่สะดวก ทำได้แค่จดๆ จ้องๆ นัดวันกันไว้ก่อน


รอ ร้อ รอ ติดตามสถานการณ์ไปเรื่อยๆ ยกเลิกเคอร์ฟิวเมื่อไหร่ ก็กลับมาใช้ชีวิตได้สบายใจแบบไม่โดนเวลากำหนดเหมือนเดิม ... แต่จะปลอดภัย ไร้เหตุป่วนเมืองรึเปล่า ก็ต้องตามดู ตามลุ้น กันอีกที


สาธุ ขอให้เมืองไทยกลับเป็นเหมือนเดิม คนไทยยิ้มง่าย สมานสามัคคีเหมือนเดิมเร็วๆ เถอะ ... สาธุ

19.5.53

ไว้อาลัย Central Wolrd

19 พฤษภาคม 2553 - Central World ห้างสรรพสินค้าใหญ่ยักษ์ ณ สี่แยกราชประสงค์ ถูกกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงที่ไม่พอใจ โกรธแค้น ที่แกนนำเสื้อแดงประกาศยุติการชุมนุม และยอมมอบตัว บุกเผาทำลาย และขัดขวางไม่ให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้าทำงาน


ผลคือ ไฟไหม้ลุกลาม ... ไฟไหม้นานกว่า 9-10 ชั่วโมง จนตัวตึกเสียหาย โครงสร้างทรุดตัวลงมาบางส่วน


ข่าวที่ได้ยิน และภาพที่ได้เห็น ทำให้น้ำตาจะไหล เพราะโกรธ เสียใจ เสียดาย เพราะพื้นที่ตรงนี้เป็นส่วนหนึ่งของภาพความทรงจำในช่วงชีวิต


ตั้งแต่เริ่มก่อสร้าง และใช้ชื่อเดิมว่า World Trade Center ... เรียนอยู่แถวนั้น เดินผ่านเกือบทุกวัน ตั้งแต่ยังสร้างอยู่ จนสร้างเสร็จ เพราะไปขึ้นรถเมล์กลับบ้านตรงนั้น หลายร้านค้า หลายจุดล้วนเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำ


จนได้ข่าวว่าจะมีการปรับปรุง และเปลี่ยนโฉมใหม่เป็น Central World ... หลังจากปรับปรุง เปลี่ยนโฉมใหม่ ไม่ได้มีโอกาสไปอุดหนุน เดินเล่นเหมือนก่อน


ยังจำได้ว่าครั้งแรกที่ไป ตื่นตาตื่นใจ เพราะใหญ่โตโอ่โถงเหลือเกิน ร้านรวงมากมาย ทั้งร้านค้า ร้านอาหาร ... โอ้ นี่แหละ ห้างสรรพสินค้าที่เราต้องการ


หลังจากนั้นก็ไปเป็นลูกค้าประจำ ทั้งกินข้าว ช้อปปิ้ง ดูหนัง ... นึกไม่ออกว่าจะไปที่ไหน ก็ไป Central World นี่หล่ะ


พอได้ข่าวว่าผู้ชุมนุมเสื้อแดงยึดสี่แยกราชประสงค์ ห้างต้องปิดให้บริการ ... ก็ได้แต่เฝ้ารอวันที่ผู้ชุมนุมจะย้ายที่ หรือ ยุติการชุมนุม เพราะคิดถึง Central World เหลือเกิน


ระหว่างรอก็ได้แต่ลุ้นว่าจะไม่มีผู้ชุมนุมบ้าดีเดือด ทุบตี บุกทำลาย ข้าวของร้านรวงในพื้นที่นั้น ... จนวันที่ 19 พ.ค. รัฐบาลตัดสินใจกระชับพื้นที่ และขอคืนพื้นที่ตรงนั้นกลับมาได้ แกนนำตัดสินใจยุติการชุมนุมและมอบตัว ... ได้ยินข่าวก็โล่งอก แอบดีใจว่าเราจะได้ไปพื้นที่ส่วนหนึ่งของชีวิตกลับมาแล้ว


แต่แล้วข่าวร้ายก็ตามมาติดๆ ... ผู้ชุมนุมที่โกรธแค้น เผาทำลายอาคารตรง Zen ได้แต่หวังว่าเจ้าหน้าที่จะควบคุมเพลิงได้ และเสียหายไม่มากนัก ... แต่ก็มีข่าวร้ายกว่านั้น คือ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้าทำงานไม่ได้ ดับเพลิงที่กำลังลุกไหม้ไม่ได้ เพราะเพลิงแค้นของผู้ชุมนุมยังกรุ่น ขัดขวางและยิงสกัดไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าทำงานได้


สุดท้ายภาพความเสียหายก็ขยายวงกว้างเพิ่มขึ้น ... เห็นแล้วโกรธผู้ชุมนุมที่ไร้สติไม่รู้จักคิด ... เห็นแล้วเศร้าใจที่คนไทยเผาทำลายบ้านเมืองตัวเอง ... เห็นแล้วสงสารร้านค้าและพนักงานที่ทำงานอยู่ในนั้น ... เห็นแล้วเสียใจว่าห้างสรรพสินค้าในดวงใจของเราจะกลายเป็นเศษซากไปแล้ว


ไว้อาลัยให้ Central World ค่ะ ... จะรอวันที่ปรับปรุงซ่อมแซม เสร็จเมื่อไหร่ สัญญาว่าจะกลับไปเป็นลูกค้าและอุดหนุนเหมือนเดิม

15.5.53

: 98 เดือน @ บางแสน :

วันที่ 15 อีกแล้ว วันพิเศษเล็กๆ ของเราสองคน ... เดือนนี้ตรงกับวันเสาร์พอดี หาอะไรพิเศษๆ สักหน่อยดีกว่า จะได้หลบพักจากสถานการณ์การเมืองยุ่งๆ เครียดๆ ไปพักเล่นเย็นใจ


ตอนแรกตั้งใจจะชวนกันไปหม่ำของอร่อยในเมือง แต่ร้านโปรด ร้านอร่อย ที่ไปสะดวก อยู่ใน CTW ที่ยังปิดอยู่ ... งั้นตะลอนออกนอกเมืองก็แล้วกัน ไปไหนดีน้า


เลือกไปเลือกมา มาลงตัวที่ "บางแสน" ค่ะ ... อยู่ไม่ไกล ขับรถไปสะดวก บรรยากาศสบายๆ ที่สำคัญมีของอร่อย


ออกจากบ้านคนดีราวๆ สิบโมงกว่าๆ กิน เป็ดตุ๋นฟักมะนาวดอง รองท้องจากบ้านคนดีมาหน่อย ... แล้วก็ยิงยาวขึ้นทางด่วน เข้ามอเตอร์เวย์ มุ่งหน้าสู่หาดบางแสน ไปตามหาวิวดีๆ และอาหารอร่อยค่ะ


เที่ยงนิดๆ ก็ถึงหาดบางแสน ณ ทำเลประจำ เพราะมีร้านประจำอยู่ค่ะ ... วันนี้คนไม่ค่อยเยอะ ฟ้าครึ้มนิดๆ ลมแรง นั่งเล่นสักพักฝนลงปรอยๆ นิดหน่อย แล้วลมก็พัดวูบหายไป เหลือแต่แดดแร๊ง แรง แต่อากาศดี๊ดี ลมเย็นสบาย


บรรยากาศดีดี เหมาะกับของอร่อยค่ะ มื้อนี้เป็นมื้อปลอดแป้ง ขอโปรตีนจากทะเลล้วนๆ ค่ะ ... มามะ มาดูกันซิว่ามื้อนี้ฉลองกันกี่จาน


ยำไข่ปูเนื้อปู อร่อยกลมกล่อม มาทีไรสั่งทุกที ... พล่าปลากุแล จานนี้ติดมาจากพ่อค่ะ ได้ลองชิมแล้วติดใจปลาดิบสไตล์ไทย พล่ามารสพอเหมาะ กินเพลิน ... ยำปลาดุกฟู จานนี้ก็เยี่ยมค่ะ กรุบกรอบนิดๆ เปรี้ยวนำเผ็ดตาม กินเพลิน ... หมึกทอดกระเทียม หน้าตาไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ น้ำมันเยอะ ดูมันๆ แต่เนื้อหนึกทอดมากำลังดีค่ะ เคี้ยวกรุบ เนื้อเด้งๆ ในปาก อร่อยค่า


แต่จานเด็ดสุด ต้องจานนี้ค่ะ ปูม้านึ่ง ปูม้าตัวเล็ก แต่เคาะและแกะมาให้แล้ว หยิบกินง่าย ... เนื้อปูสดมากๆ หวาน อร่อย ไม่ต้องพึ่งน้ำจิ้มเลยค่ะ ... แต่เค้าทำมาให้แล้วก็ต้องลองค่ะ เปรี้ยวเผ็ดพอเหมาะ กินเพลินที่สุดค่ะ


ค่อยๆ กิน ค่อยๆ เล็ม ไปทีละจาน ตอนแรกนึกว่าไม่หมด แต่ก็หมดตามระเบียบค่ะ ... หมดแล้วก็เอนหลัง เปิดเพลงฟัง นั่งชมวิว เล่นเกม และงีบหลับ


ใกล้ๆ บ่ายสามก็ขยับเนื้อขยับตัว กลับเข้ากทม. แต่ก่อนจะถึงกทม. ต้องแวะอีกร้านนึงก่อน ... ผ่านมาสายตะวันออกแบบนี้ ต้องแวะ ร้านป้านงค์ ที่บางปะกงค่ะ


ร้านนี้ฝอยทองขึ้นชื่อลือชา แต่สำหรับเรา ทองหยิบ นี่เด็ดสุดๆ ค่ะ ... ชอบกินทองหยิบมากกกกกกกกกกกกก แต่หาร้านอร่อยยาก ส่วนใหญ่จะเจอแต่หวานแหลม หวานโดด หวานเกินไปสำหรับคนกินหวานอย่างเรา ... แต่ทองหยิบของร้านนี้ หวาน แต่หวานแบบที่ทองหยิบควรจะหวาน ยังจำได้ว่าครั้งแรกที่ได้ชิม กระโดดด้วยความดีใจ ว่าร้านนี้แหละที่เราตามหามานาน


อร่อยขนาดที่ว่า ถ้าซื้อมาฝากสมาชิกที่บ้าน หม่ามี้ พ่อ คุณพิไล ต้องซื้อกล่องใหญ่มาให้คนละกล่องค่ะ ... กล่องเดียวแบ่งกันไม่ได้ มีเกิดศึกช่วงชิงทองหยิบแน่นอน ขนาดได้กันไปคนละกล่อง ยังต้องเขียนชื่อแสดงความเป็นเจ้าของไว้เลยค่ะ


กินมื้อหลักเรียบร้อย ได้ของหวานล้างปากเรียบร้อย ก็กลับเข้าเมืองมาทำธุระค่ะ ... คนดีพา Nokia E72 ไปส่งให้ศูนย์เช็คอีกครั้ง เจ้าเครื่องนี้เจ็บออดๆ แอดๆ มาเรื่อย แวะมาศูนย์บ่อยจนพนักงานเริ่มจำหน้าได้แล้ว


วันนี้ไม่ต้องรอคิวนาน เข้าไปแป๊บเดียวก็ถึงคิวแล้ว ... ส่งเครื่องเรียบร้อย ก็ออกมาทำตัวเป็นเด็กๆ กันค่ะ ใช้ศิลปะแบบง่ายๆ ช่วยคลายเครียด


เคยซื้อไปลองเล่นที่บ้านอันนึง แต่ทำแล้วไม่ยักกะสวยเนียนเหมือนต้นแบบ เลยชวนกันลองนั่งทำที่ร้านซะเลย เลือกลายน้องเต่าน่ารัก แต่สีที่เค้าให้มาทำให้น้องเต่ากลายเป็น เต่าซ่า เต่าจาไมก้า ... ช่วยคนดีลงสีเหลืองไปจนทั่ว เราก็หันมาขอลองเล่นอีกชิ้น อันนี้ง่ายแค่หยอดสีลงช่องว่าง ทำง่ายๆ เพลินๆ คลายเครียดดีนะคะ หยอดสีเสร็จ ส่งให้พนักงานอบแป๊บนึง ก็ได้คัพเค้กหลากสีมาครอบครองค่ะ


วันครบรอบเดือนนี้ ครบรส จริงๆ ค่ะ กิน เที่ยว และของที่ระลึก ... แต่ที่สำคัญ คือ มีคนดีคนนี้แหละอยู่ข้างๆ ตลอด


คนดีขา ขอบคุณนะคะที่อยู่ข้างๆ กันมา 98 เดือนแล้ว อยู่ด้วยกันแบบนี้ไปอีกนาน น้าน นาน นะคะ ... รักคนดีที่สุดค่า

10.5.53

สายสืบ 20

แถวออฟฟิศมี "พี่สายสืบ" อยู่ 2-3 รายค่ะ ... สายสืบ เป็นศัพท์เฉพาะที่น้องในออฟฟิศ เรียก บุคคลพิเศษที่มีจินตนาการ และโลกส่วนตัว หรือที่ใครๆ เรียกแบบคุ้นปากว่า "คนบ้า"


เห็นว่า "พี่สายสืบ" ฟังดูน่ารักดี ดูเป็นเชิงบวก ... เพราะใครจะไปรู้ว่าเค้าอาจจะเป็นสายสืบปลอมตัวมาสืบราชการลับก็ได้ ใครจะไปรู้


แต่พี่สายสืบแถวออฟฟิศ ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงค่ะ เดินสวนกันไปมาคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่หลายปีแล้ว ... ส่วนใหญ่ก็จะเดินคุยกับตัวเอง เดินรำพึงรำพันบ้าง ส่งเสียงดังบ้าง แล้วแต่อารมณ์ของพี่ๆ เค้า น่ารักบ้าง น่าตื่นตระหนกตกใจบ้าง


มีพี่สายสืบคนนึง เห็นมาตั้งแต่เพิ่งเริ่มทำงาน พี่เค้าจะตัวท้วมๆ ใส่ชุดกระโปรงยาวๆ เครื่องประดับตกแต่งเต็มตัวไปหมด เดินเร็วๆ ผ่านไป ผ่านมา ... แล้วพี่เค้าก็หายหน้าหายตาไปพักใหญ่ กลับมาอีกที ผอมไปเยอะ ยังใส่กระโปรงยาวๆ เหมือนเดิม แต่ไม่มีเครื่องประดับแล้ว


พี่เค้ายังเดินเร็วๆ เดินไป เดินมา บางวันก็เห็นถือถุงกับข้าว และบางทีก็เห็นเค้าเดินขอตังค์ไปตามร้านค้าต่างๆ แล้วแม่ค้า พ่อค้าส่วนใหญ่ก็ยิ้มแย้ม และส่งตังค์ให้ ... พี่เค้าก็ดูปกติดี


มีครั้งเดียวที่พี่เค้าทำให้เราๆ ตื่นตระหนก ... เพราะพี่เค้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าออฟฟิศเรา ถกกระโปรงขึ้น แล้วนั่งยองๆ ฉี่ มันบนพื้นถนน ข้างรถที่จอดอยู่นั่นแหละ ... โชคดีของเราๆ ที่พี่เค้าหันหน้าออกถนน แต่อาจจะเป็นโชคร้ายของคนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม


พี่เมสเซนเจอร์เล่าว่า พี่สายสืบคนนี้ให้เลขแม่น ที่ไปเดินขอตังค์พ่อค้าแม่ค้า บางรายที่ส่งตังค์ให้ก็ได้ตัวเลขแลกกันไป ... ได้ตังค์มาแล้วก็เอาไปซื้อกับข้าว หิ้วกลับไป แต่ไม่รู้ว่าบ้านอยู่ตรงไหนแน่ เห็นเดินไปเดินมาผ่านหน้าผ่านตากันแค่นั้น


เราก็เดินผ่านพี่เค้าอยู่บ่อยๆ เดินตามหลังเค้าบ้าง เดินสวนกันบ้าง แต่ยังไม่เคยเจอพี่เค้ายื่นมือขอตังค์สักที ... แล้ววันนั้นก็มาถึงพี่เค้าก็เดินตรงมายื่นมือขอสตางค์ วันนั้นเดินไปร้านเครื่องเขียนข้างๆ ออฟฟิศ ไม่ได้พกตังค์ไป เลยได้แต่ส่งยิ้มให้แล้วส่ายหน้า


เว้นวรรคไปอีกน้าน นาน ก็มาเจอพี่เค้ายื่นมือขอตังค์อีก เปิดกระเป๋าใบน้อยส่งแบงค์ยี่สิบไปให้ ... ตอนส่งไม่ได้คิดอะไรเลย แต่พอเห็นพี่เค้ายิ้มแฉ่ง ยิ้มหวาน พร้อมกับยกมือขอบคุณกลับมา เราก็ยิ้มตาม แล้วหัวใจฟูขึ้นมา ...


หลังจากนั้นพอเจอหน้ากัน พี่เค้าจะส่งยิ้มหวานมาก่อนเลย แล้วก็ยกมือไหว้ขอตังค์ ... เราก็เปิดกระเป๋าส่งให้ 20 บาททุกที คิดซะว่าจ่ายตังค์ซื้อความสุขเล็กๆ น้อยๆ จ่ายตังค์ซื้อยิ้ม


อาทิตย์ที่ผ่านมา เจอพี่เค้าติดๆ กัน 2-3 วัน เจอกันก็ 20 ยี่สิบ กันทุกวัน เหมือนเป็นธรรมเนียมกันไปแล้ว ... เจอติดๆ กันหลายวัน เลยมาเขียนถึงพี่เค้าสักหน่อยค่ะ


ได้แต่ยิ้มกลับมาทุกครั้งนะคะ ยังไม่เคยได้เลขอะไรจากพี่เค้ากลับมา ... ถ้าวันไหนพี่เค้าแจกเลขอะไรให้ จะมาบอกอีกทีนะคะว่าแม่นรึเปล่า


6.5.53

จดหมายถึงเธอ

จดหมายถึงเธอ คือ ชื่อเพลงของอัลบั้ม Boyd-Nop ... จำได้ว่าครั้งแรกได้ฟังจากกรีนเวฟ ช่วงพี่อ้อย-นภาพร พอดี ไม่ได้ตั้งใจฟังตอนพูดแนะนำเพลง ได้ยินแว่วๆ ประมาณว่าเป็นเพลงของคนที่คนรักเสียชีวิตจากไป เลยเขียนจดหมายถึงคนรัก


ไม่ได้ตั้งใจฟังเนื้อเพลง ฟังแค่แว่วๆ ก็รู้สึกว่าเพลงเพราะ เศร้า สะกิดใจ ... หลังจากนั้น พอได้ยินเพลงนี้ก็จะตั้งใจฟัง ยิ่งฟังก็ยิ่งชอบ จนมาล่าสุดอยากรู้ว่ามี MV รึยัง เลยลองเสิร์ชหา แล้วก็พบว่า MV ง่ายๆ แต่กินใจสุดๆ ค่ะ



เนื้อเพลง จดหมายถึงเธอ ... (จาก siamzone.com)


ชีวิตที่นั่นเป็นยังไงบ้าง เธอปรับตัวได้หรือยัง

มีอะไรที่ยังติดและขัด และมีใครบ้างไหมที่คอยรับฟัง


หน้าตาของเธอเปลี่ยนไปมากไหม ดูแลตัวเองไหมทุกวัน

เรื่องราวที่เคยกังวล ที่เคยพะวง เธอหมดห่วงลงแล้วหรือยัง


ส่วนโลกของฉันก็ยังคงเป็นเช่นนั้น ตั้งแต่วันที่เธอนั้นได้จากไป


ฉันยังคงเป็นอย่างเดิมคือคิดถึง ยังคิดถึงเธอเหมือนเก่า

โลกยังซึมๆ เศร้าๆ หมุนอย่างเหงาๆ ไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงซักเท่าไหร่


ฉันยังคงเป็นอย่างเดิมคือยังรัก ไม่ว่านานแค่ไหน

มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น ที่ตัวฉันได้เปลี่ยนไป

คือเข้าใจแล้วว่าต้องจากกัน


รูปของเธอนั้นฉันยังคงเก็บไว้ วีดีโอที่มีเธอและฉัน

บทเพลงที่เราเคยฟังกันเป็นประจำ ฉันยังเปิดมันแทบทุกวัน


ส่วนโลกของฉันก็ยังคงเป็นเช่นนั้น ตั้งแต่วันที่เธอนั้นได้จากไป


ฉันยังคงเป็นอย่างเดิมคือคิดถึง ยังคิดถึงเธอเหมือนเก่า

โลกยังซึมๆ เศร้าๆ หมุนอย่างเหงาๆ ไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงซักเท่าไหร่


ฉันยังคงเป็นอย่างเดิมคือยังรัก ไม่ว่านานแค่ไหน

มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น ที่ตัวฉันได้เปลี่ยนไป

คือเข้าใจแล้วว่าต้องจากกัน


ฉันจึงขอฝากเพลงนี้ไว้ แทนความคิดถึงที่มีให้

แทนความรัก แทนความรู้สึก ไม่ว่าเธออยู่ที่ไหน


ส่วนโลกของฉัน ก็ยังคงเป็นเช่นนั้น ตั้งแต่วันที่เธอนั้นได้จากไป

ชีวิตฉันก็ยังคงเป็นเช่นนั้น ตั้งแต่วันที่เธอนั้นได้จากไป


ฉันยังคงเป็นอย่างเดิมคือคิดถึง ยังคิดถึงเธอเหมือนเก่า

โลกยังซึมๆ เศร้าๆ หมุนอย่างเหงาๆ ไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงเท่าไหร่


ฉันยังคงเป็นอย่างเดิมคือยังรัก ไม่ว่านานแค่ไหน

มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น ที่ตัวฉันได้เปลี่ยนไป

คือเข้าใจแล้วว่าเราต้องจากกัน


ฉันยอมรับแล้ว เราต้องจากกัน


ทั้งเนื้อเพลง ทำนอง และภาพใน MV ดูแล้วทำเอาน้ำตาหยดค่ะ เปิดให้คนดีดู ก็น้ำตาหยดเหมือนกัน ... ถึงจะเป็นเพลงเศร้า และทำให้น้ำตาหยด แต่ก็จัดเป็นเพลงโปรดนะคะ

5.5.53

IRON MAN 2

เว้นวรรคพักจากการเข้าโรงหนังไปพักใหญ่ แต่เรื่องนี้ Iron Man 2 พลาดไม่ได้ค่ะ ... ถึงแม้โรงหนังที่เป็นทางเลือกให้ไปใช้บริการจะลดน้อยเพราะภาวะบ้านเมืองไปบ้าง แต่เราก็จะดูให้ได้ค่ะ


Iron Man 2 - มหาประลัยคนเกราะเหล็ก 2


หลังจากมหาเศรษฐีนักประดิษฐ์ โทนี่ สตาร์ค เปิดเผยตัวเองไปแล้วว่าเค้าคือ ไอรอนแมน ... เค้าก็ได้รับแรงกดดันจากทางรัฐบาล ให้เปิดเผยเทคโนโลยีการสร้างไอรอนแมน และส่งมอบให้รัฐบาล ส่วนสื่อมวลชนและประชาชนก็คาดหวังให้เค้าช่วยดูแลปกป้องโลก


โทนี่ไม่อยากเปิดเผยความลับของไอรอนแมน เพราะเกรงว่าจะตกไปอยู่ในมือคนชั่ว ... ขณะที่เค้าพยายามคิดค้นพัฒนาชุดเกราะใหม่ ก็มีศัตรูหน้าใหม่คิดค้นชุดเกราะที่มีอานุภาพพอๆ กันออกมาล้างแค้น


เรื่องนี้ดูที่เอสพลานาด ค่าตั๋วหนังขยับขึ้นอีกแล้ว ถ้าค่าตั๋วไม่ขยับขึ้นจะดูหนังแล้วมีความสุขมากกว่านี้ค่ะ ... หนังสนุก ตื่นเต้น สเปเชี่ยลเอฟเฟคท์อลังการ ลอยฟิ้วววววววว ไปๆ มาๆ ปล่อยแสง ปล่อยพลัง ยิงระเบิด กันตูมตามโครมคราม ตื่นตาตื่นใจดีค่ะ ดูเพลิน


ราคาตั๋วหนังขยับขึ้นแบบนี้ สงสัยจะต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการดูหนังมาดูทุกวันพุธที่ค่าตั๋วราคาพิเศษดีกว่า ... เรื่องต่อไปที่เข้าคิวรอฉายและหมายตาว่าจะไม่พลาด คือ Sex and The City ต้นเดือนมิถุนานี้ เจอกันแน่ๆ หวังว่าราคาตั๋วคงไม่ขยับอีกนะ