28.1.52

วิทยากร - สลบ

ก่อนสิ้นปี เจ้านายส่งอีเมล์มาล็อคตัวให้ตามไปงานบรรยายให้นักศึกษา ... ข้อมูลในเมล์มาไม่ครบ เลยถามนายว่าต้องไปวันไหนบ้าง ... 28 ม.ค. กับ 6 ก.พ. ล็อคคิวตัวเองเรียบร้อย


สัปดาห์ก่อน นายบอกว่า คิว 28 นี้ นายติดงานด่วนไปบรรยายไม่ได้แล้ว ให้เราไปแทน พร้อมกับหนีบน้องในออฟฟิศไปด้วย ... เอ้า ได้ค่ะ ว่าแต่บรรยายเรื่องอะไรคะ นายเตรียมสไลด์อะไรไว้


นายส่งอีเมล์ไฟล์ประกอบการบรรยายมาให้ พร้อมกับให้เราคุยกับ อ. เจ้าของโครงการ ... หัวข้อเกี่ยวกับงานที่ทำอยู่นี่แหละ เหมือนบอกเล่าประสบการณ์ให้นักศึกษาฟัง เตรียมตัวที่จะออกมาทำงานจริง พร้อมกับให้โจทย์เกี่ยวกับงาน เพื่อทำ workshop และคอมเม้นท์น้องๆ นิดหน่อย ... โอเค ได้


ปกติก็ตามนายไปบรรยายเป็นครั้งคราวอยู่แล้ว และมีนักศึกษามาขอข้อมูลของบริษัทฯ อยู่เรื่อย สไลด์ที่นายเตรียมบรรยายครั้งนี้ ก็เคยผ่านตาแล้ว เนื้อหาไม่ยาก ... ทำได้ สบาย แต่จะให้ลุยเดี่ยวก็ไม่ไหว เลยมองหาผู้ช่วยไปด้วย มองไปมองมาก็เลือกสาวหมวยคู่หูบิวตี้นี่แหละ เหมาะที่สุด เพราะมีประสบการณ์ตรงมากที่สุด แจ้งเจ้าตัวให้เตรียมพร้อม แล้วแจ้งนายให้รู้ ... นายอนุมัติ แต่กังวลว่าสาวหมวยจะพูดรอดรึเปล่า เลยบอกให้หนีบน้องอีกคนไปด้วย


3 ชีวิต เลยต้องประชุมดูสไลด์ และนัดแนะ ซักซ้อม เนื้อหาที่จะพูด และช่วยกันคิดโจทย์ที่จะให้น้องๆ ทำเวิร์คชอป ... พร้อมแล้วก็เตรียมตัวลุย


วันที่ 28 ม.ค. นัดเจอกันที่ มรภ.สวนสุนันทา ไม่เกิน 8.15 น. เจอนักศึกษาปี 3 รวมแล้ว 90 คน ... ทักทาย อ. เจ้าของโครงการแล้ว รอบคณบดีมากล่าวเปิดงานแล้ว ... พี่ๆ 3 คน ก็เริ่มต้น ลุยพูด พูด พูด และพูด เล่าประสบการณ์การทำงาน หน้าที่และคุณสมบัติที่จำเป็นสำหรับงาน ... มีพักเบรคตอน 10.30 น. แล้วก็ลุยกันต่อจนเที่ยง แจกโจทย์ให้น้องๆ ให้น้องแบ่งกลุ่มทำงาน และแยกย้ายไปหม่ำมื้อเที่ยง


นั่งหม่ำข้าวกับ อ. ประจำคณะ จนบ่ายโมงก็กลับมาเริ่มต้นรอบบ่ายต่อ ... น้องๆ ยังทำงานไม่เสร็จ ให้เวลาอีกสักพัก ก่อนจะให้ออกมาเริ่มต้นพรีเซนต์ตอน 14.00 น.


พอได้เวลา น้องๆ 6 กลุ่มก็ทยอยออกมาพรีเซนต์ เรากับน้องที่ไปก็ซักถาม และให้คอมเม้นท์ ... กว่าจะหมด 6 กลุ่มก็เกือบๆ 16.00 น.แล้ว พูดสรุปปิดท้ายอีกนิดหน่อย ราวๆ 16.30 ก็เสร็จ ... เฮ้ออออออออออ เสร็จงาน ผ่านไปได้


งานเสร็จก็ต้องเติมพลัง แวะร้านลาบกาฬสินธุ์เจ้าประจำเพราะอยู่ไม่ไกล คนดีเสร็จงานตามมาสมทบด้วย ... กินไป เม้าท์ไปสักพัก พออิ่มก็แยกย้าย


เรากับคนดีกลับถึงบ้านตอนทุ่มนิดๆ ระหว่างนั่งรถก็ง่วงงุนเหลือเกิน รู้สึกเหนื่อยๆ เพลียๆ ... พอถึงบ้านเท่านั้นแหละ หลับ สลบ หลับทั้งๆ ที่ยังไม่ล้างเครื่องสำอาง และไม่อาบน้ำ ไม่ไหวแล้ว เหนื่อย ... จนราวๆ 5 ทุ่มถึงได้ตื่นมา ล้างเครื่องสำอาง อาบน้ำครบสูตร แล้วก็มาเตรียมเข้านอนอีกรอบ


โอ้โห ไม่คิดว่าการไปเป็นวิทยากรชั่วคราว เช้าจรดเย็น จะใช้พลังงานขนาดนี้ เหนื่อย เพลีย ง่วงเหมือนสลบ ... ยังเหลือตามนายไปอีกครั้งนึง ไม่ต้องลุยเป็นตัวหลักแบบครั้งนี้ คงไม่หมดแรงเท่าไหร่ เฮ้อออ

27.1.52

Happy Birthday to My Big_Birdy


Happy Birthday to You ... Happy Birthday to You
Happy Birthday ... Happy Birthday ... Happy Birthday to You


พอนาฬิกาบอกเวลาเลย oo.o1 น. เราก็กด sms ส่งไปอวยพรคนดี ... รอไม่นานก็มีเสียงริงโทนประจำตัวคนดีดังทันที รับปุ๊บก็ร้อง Happy Birthday ให้ฟังทันที คนดีโทรมาขอบคุณสำหรับคำอวยพร แล้วก็กู๊ดไนท์กันซะเลย


ระหว่างวันก็แยกย้ายกันไปวุ่นวาย งานใครงานมัน ธุระใครธุระมัน นัดเจอกันอีกทีก็เลิกงาน ... ห้าโมงนิดๆ คนดีก็มาถึง มารับคำอวยพรจากสาวๆ ในออฟฟิศ เราเลยยื่นกล่องของขวัญให้ ... แล้วก็รีบออกจากออฟฟิศตรงดิ่งไปสาทร


รถติดระหว่างทาง คนดีก็แกะของขวัญ ... พอเห็นของข้างในคนดีก็ตาโต หน้าตาตกใจ ปนประหลาดใจ ตอนเห็น "แว่นกันแดด"


คนดีบอกว่า "ประหลาดใจที่ซื้อแว่นกันแดดให้ ซื้อให้ชดเชยอันที่ทำพังเหรอ" ... "เปล่าคะ ซื้อไว้นานแล้ว ซื้อไว้ก่อนจะชนอันนั้นพังด้วย" ... คนดีเลยงง ว่าทำถึงซื้อให้


นั่งงง และหงุดหงิดกับรถติดอีกสักพัก ก็ถึงร้าน "Secret Garden" อยากลองมาชิมร้านนี้นานแล้ว เลยได้โอกาสใช้เป็นร้านเลี้ยงวันเกิดให้คนดีซะเลย ... วันเกิดทั้งทีก็ควรจะได้กินเค้กฉลองสักหน่อย ร้านนี้มีพร้อมเลยเป็นตัวเลือกที่เหมาะที่สุด



ร้านนี้ คุณกี้ l0veisl0ve เตือนว่าอาหารรสชาติไม่โดน แต่เพราะอยากชิมเค้กเลยต้องมาลอง ... แล้วก็ประจักษ์แจ้งแก่ใจว่า หน้าตาอาหารใช้ได้ แต่รสชาติอาหารไม่โดดเด่นเลย รสอ่อน ค่อนข้างจะจืดไปนิด ... สรุปว่าไม่ปลื้ม คงมาชิมครั้งเดียวพอ


แต่สำหรับพระเอกอย่างเค้ก รสชาติใช้ได้ค่ะ ... Warm Chocolate เนื้อนุ่ม ได้รสชอคโกแลตเต็มๆ เนื้อเค้กอุ่นๆ กับไอติมวนิลา และวิปครีม เข้ากันดี ... สำหรับ Crape Cake พระเอกของร้าน ก็ใช้ได้ แป้งเครปบางๆ ที่ซ้อนเป็นชั้น แทรกด้วยครีม เนียนนุ่ม เข้ากันดีกับสตอเบอรี่ซอสที่ราดมา ... ปกติไม่ชอบกินสตอเบอรี่ แต่ของร้านนี้กลิ่นหอมน่ากิน รสชาติกำลังดี


อิ่มแล้วก็เช็คบิล รีบกลับบ้าน เพราะคนเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ กลับมากกกันที่บ้านดีกว่า ... พอถึงบ้าน คนดีก็รีบขึ้นไปทักทายหม่ามี้ ถามไถ่ถึงอาการ ก่อนที่คนดีจะทำตาปรอย ง่วงงุน ก็ชวนลงมางีบที่ห้อง


แต่พอมาถึงห้อง เจอของขวัญกล่องโตวางรออยู่อีกใบ คนดีก็ตาโต ... ของขวัญชิ้นจริงที่รอคนดีมาเปิด ... คนดีอิดออด เสียดายกระดาษห่อ กับ โบสวยๆ แต่สุดท้ายก็ยอมเปิด



พอเจอของข้างในก็ทำหน้าฉงนสงสัยอีกแล้ว คนดีสงสัยว่าทำไมถึงซื้อของเหล่านี้ให้ ... คำตอบ คือ อยากจะหาซื้อของที่ยังไม่เคยซื้อให้คนดี เดินเลือกอยู่นานก็ลงตัวที่เจ้าพวกนี้


จะได้เปลี่ยนกระเป๋าโน๊ตบุ้คแทนใบเดิมที่สภาพเริ่มแย่ ... ส่วนแผ่นรองเม้าส์ และที่พักข้อมือ ชุดอาหารเช้า ก็จะได้ไว้ใช้เวลานั่งทำคอมฯ นานๆ ... ส่วนชิ้นที่เป็นเหรียญทองของญี่ปุ่น นอกจากจะใช้รองเม้าส์ได้แล้ว ด้านนึงยังใช้เช็ดหน้าจอมอนิเตอร์ด้วย และเป็นเคล็ดเล็กๆ น้อยๆ ให้คนดีมีเงินไหลมาเทมา


เห็นคนดียิ้ม และชอบใจกับของทุกชิ้น รวมถึงการ์ด ก็ชื่นใจ ... เห็นคนดียิ้มได้ เราก็ยิ้มกว้างตามไปด้วย


คนดีจ๋า ... Happy Birthday อีกครั้งค่ะ ขอให้มีความสุขมากๆ นะคะ

26.1.52

Gizmo : ผมกลับมาแล้วครับ

ซาหวัดดีคร้าบบบบบบบ ... กระผ๊มมม "กิซโม่" ชิวาว่าตัวขาวของมี้กลับมาแล้วคร้าบ ผมหายไปนาน ยังจำผมได้รึเปล่าครับ



วันนี้มี้อนุญาตให้ผมกลับมายึดพื้นที่บล็อกของมี้ได้อีกแล้วครับ เพราะผมเพิ่งไปเที่ยวมาครับ ... แล้วมี้เห็นว่าผมไม่ได้มาเล่าเรื่องราวของผมนานแล้ว เลยปล่อยให้ผมมายึดบล็อกได้ครับ



อยากรู้มั้ยครับว่าช่วงที่ผ่านมาผมหายไปไหน ... ผมหนีออกจากค่ายทหารของมี้ ไปเจอสวรรค์สำหรับหมาน้อยตัวจิ๋วๆ ของผมแล้วครับ ... ผมยื่นใบลาออกจากการเป็นลูกชายของมี้ แล้วยื่นใบสมัครเป็นลูกชายคนเล็กของคุณนายแม่แทนแล้วครับ ก็คุณนายแม่ ใจดี๊ ใจดี เอาใจ ตามใจผมเต็มที่ เหมือนได้ขึ้นสวรรค์เลยครับ



ผมอ่ะ ลืมไปแล้วหล่ะครับ ว่ามี้เค้าปล่อยให้ผมอยู่บ้านตั้งแต่เมื่อไหร่ ... แรกๆ ผมก็เบื่อๆ เซ็งๆ นะครับ ก็ผมไม่ได้เจอเพื่อนตัวโตๆ ที่เคยเล่นด้วยกันที่ทำงานมี้เลย แต่พอคุณนายแม่กลับมานะครับ โอ้โห หายเบื่อเลยครับ ... การอยู่บ้านกับคุณนายแม่เนี่ย สวรรค์ชัดๆ


คุณนายแม่เอากรงอันเล็ก อันเก่าที่ผมเคยนอนตอนเด็กๆ ไปไว้ในห้องครับ แล้วก็หาผ้า เบาะ หมอน มาปูรองให้ผมนอน ... หูย ปูเต็มกรง นอนนุ่มนิ่ม สบ๊าย สบายครับ ... ไม่เหมือนกรงใหญ่ในห้องมี้เลยครับ ปูกรงให้ผมแค่ครึ่งเดียวเอง


แล้วห้องคุณนายแม่ มีเบาะรองนั่ง หมอนนุ่มๆ อีกตั้งหลายใบ ผมไปนั่งเล่นนอนเล่นได้ทุกที่เลยครับ ... คุณนายแม่ไม่ดุผมเลย บางทีผมก็แอบย่องไปยึดเบาะที่คุณนายแม่นั่งเลยครับ ... คุณนายแม่รู้ว่าผมชอบนั่ง ชอบนอนบนที่นุ่มนิ่ม ก็เลยเอาเบาะมาวางเพิ่มให้ผมอีก เห็นมั้ยหล่ะครับ ว่าสวรรค์จริงๆ



นอกจากนอนสบายแล้ว ผมก็ยังกินอร่อยด้วยครับ ... เพราะคุณนายแม่ใจดี ให้ขนมแท่งๆ ผมกินบ่อยกว่ามี้ให้เยอะเลยครับ มี้ให้ผมครั้งละอัน วันละครั้ง ... ส่วนคุณนายแม่ให้ผมเรื่อยๆ ถ้าผมทำตัวดี หรือถ้าผมทำท่าเบื่ออาหารเม็ด คุณนายแม่ก็ให้ขนมแท่งผมเพิ่มครับ ... แต่ผมได้ยินมี้บอกคุณนายแม่ว่า อย่าให้ผมกินขนมเยอะ เดี๋ยวผมไม่ยอมกินข้าว มี้เค้ารู้ได้ไงเนี่ย


คุณนายแม่ก็เชื่อมี้นะครับ ลดขนมแท่งๆ ของผมลง แล้วเปลี่ยนมาให้ข้าวถาด ที่มี้เรียก ซีซาร์ แทนครับ ... โอ้โห ของโปรดของผมเหมือนกันครับ ... ปกติมี้ให้ผมกินวันละครั้ง ยกเว้นวันอาทิตย์ที่มี้จะให้ผมกินข้าวถาดเต็มที่ สำหรับคุณนายแม่นี่ วางข้าวถาดไว้คู่กับข้าวเม็ดเลยครับ ให้ผมเลือกกินได้ตามชอบใจ ... ดูซิครับ สวรรค์ใช่มั้ย


แล้วที่เป็นสวรรค์สำหรับผมมากที่สุด คือ คุณนายแม่ปล่อยให้ผมนอนนอกกรงได้ครับ ... คุณนายแม่เอากระเป๋าที่มี้ไว้ใส่พาผมไปไหนมาไหนมาวางไว้ พร้อมกับปูผ้า และวางหมอนนุ่มๆ ไว้เต็ม ให้ผมนอนอุ่นสบาย ไม่ต้องเข้าไปนอนในกรงแล้วครับ เย้ เย้ เย้


ห้องคุณนายแม่กว้างกว่าห้องมี้ แล้วยังปล่อยให้ผมวิ่งเล่นได้ตามชอบใจตลอดทั้งวัน ... บางวันผมแอบปีนขึ้นไปบนที่นอนคุณนายแม่ ก็ไม่มีเสียงดุ เสียงเอ็ดครับ .. ผมหล่ะช้อบ ชอบ ก็พื้นนุ่มๆ นอนเล่นกลิ้งไปมาได้สบาย พอคุณนายแม่เห็นว่าผมชอบ ก็จับผมขึ้นมาวิ่งเล่นบนที่นอนได้วันละครั้งครับ


นอกจากคุณนายแม่แล้ว ก็มีคุณป๋าอีกคน ที่ชอบเล่นกับผม ... พอผมขึ้นมาบนที่นอนคุณป๋าก็จะเล่นไล่จับกับผม หูยยยยยย ผมวิ่ง โดดไปโดดมาทั่วที่นอน เหนื่อยแต่ก็สนุกน่าดูครับ ... คุณป๋าเล่นไล่จับกับผมทุกวัน ทั้งวิ่งเล่นทั่วห้อง แล้ววิ่งเล่นบนที่นอน โอ้โห สนุกที่สุดครับ ผมวิ่งเล่นซะจนหอบลิ้นห้อยย้อยเลยหล่ะครับ


แล้วระยะหลัง คุณป๋าจับผมใส่สายจูงพาไปเดินเล่นเช้า-เย็น ทุกวันอาทิตย์เลยครับ ... พอถึงวันอาทิตย์นะครับ ผมหล่ะอยากจะเกาะติดขาคุณป๋าเลยครับ ผมจะนั่งชะแง้คอยาว รอคุณป๋าที่หน้าประตูห้องเลยครับ ... แล้วผมรู้ได้ยังไงว่าวันไหนวันอาทิตย์เหรอครับ โอ๊ย ง่ายนิดเดียว ก็วันอาทิตย์คุณป๋าจะตื่นช้า เพราะวันธรรมดาคุณป๋าตื่นออกไปทำงานตั้งแต่มืดเลยครับ


บางวันก็มีพิเศษนะครับ คุณป๋าพาผมออกไปเที่ยว ... ถ้าคุณป๋าหยิบสายจูงหล่ะก็ หมายความว่าผมจะได้ไปเดินชมตลาดกับคุณป๋าแน่ๆ ครับ


คุณนายแม่ กับ คุณป๋า ใจดีกับผมที่สุดเลยครับ วิ่งเล่นกับผม นวดให้ผม พาผมไปเดินเล่นบนดาดฟ้า พาผมไปเที่ยวพัทยาด้วย ... แล้วยังให้ผมได้ลองชิมอาหารแปลกๆ ใหม่ๆ ด้วย อย่าง ฝรั่ง มะม่วง องุ่น ลูกเกด และอีกเยอะเลยครับ ... ถ้าเป็นผลไม้ มี้ยอมให้ผมกินเป็นบางครั้งครับ แต่ก็ไม่ให้ผมกินเยอะเท่าไหร่ แต่คุณนายแม่ กับ คุณป๋า ให้ผมกินเต็มที่ครับ ... แล้วยังแอบให้ผมชิมอาหารแปลกๆ ใหม่ๆ อื่นๆ โดยไม่ให้มี้รู้ครับ ถ้ามี้รู้นะครับ ผมอดแน่ๆ

ล่าสุดผมก็ได้ไปเที่ยวมาครับ เพราะไปกันทั้งบ้านผมเลยได้ติดสอยห้อยตามไปด้วย ... ผมอ่ะนอนไม่หลับเลยครับ ก็คุณป๋าอ่ะ หยิบสายจูงมาใส่กระเป๋า ผมก็นึกว่าจะได้ไปเที่ยวแล้ว ก็ชะแง้รออยู่ ก็ไม่เห็นคุณป๋าจะพาไปสักที ... ผมรอจนง่วงแล้ว ก็ยังไม่ได้ไป จนไม่กล้าหลับเลยครับ หลับๆ ตื่นๆ ตลอด


แล้วคุณนายแม่ก็เก็บของไม่ยอมนอนสักที พอคุณนายแม่ไม่ปิดไฟ ผมก็เลยไม่ยอมเข้ากระเป๋านอน ... สลึมสลือนอนมองคุณนายแม่เก็บของ ก็ผมไม่รู้นี่นา ว่าคุณนายแม่ กับ คุณป๋า จะแอบหนีผมไปเที่ยวรึเปล่า

จนฟ้าเริ่มสว่างอ่ะครับ ผมก็โดนจับใส่กระเป๋าลงไปรอข้างล่าง ... ท้ั้งมี้ ปี๊ คุณนายแม่ คุณป๋า เดินเข้าๆ ออกๆ ยกของ ขนของกันใหญ่เลยครับ ผมหล่ะกลั๊วกลัว ว่าจะลืมพาผมไปด้วย ... สุดท้ายผมก็ได้ขึ้นรถไปครับ แต่ไม่ใช่รถปี๊ ผมก็งงๆ ว่านี่เค้าจะไปไหนกันน้อ

ผมได้แวะเดินเล่นระหว่างทางด้วยครับ ผู้ใหญ่แวะกินข้าว ส่วนผมก็ได้ทำธุระหนักเบาจนสบายตัว ... พอสบายแล้วผมก็เดินเล่น และเริ่มสำรวจ สร้างอาณาเขตครับ นานๆ จะได้ออกมาสักที ต้องจองที่กันหน่อยครับ ... แหม แต่โลกนี้กว้างจริงๆ ครับ ผมเดินจองตั้งนาน ยังไม่ทั่วสักที ผมฉีดปรี๊ดๆ จนเกลี้ยงแม๊กเลยครับ ผมยืนรอเล็งอยู่ตั้งนาน ขาสั่นเสียหลักเซแซ่ดๆ ตั้งหลายรอบ



กลับขึ้นรถอีกพักใหญ่ๆ ก็จอดครับ ที่นี่ผมได้ยินเสียงคนเยอะแยะเลยครับ มีทั้งเสียงเล็กๆ เสียงใหญ่ๆ จ้อกแจ้กน่าดู คุณนายแม่บอกว่าเราถึงโรงเรียนแล้วครับ ... ลงจากรถปุ๊บ ผมก็ได้ลงไปทำธุระก่อน พอทำธุระเสร็จผมก็เริ่มสร้างอาณาเขตเหมือนเดิม
ระหว่างที่ผมสร้างอาณาเขตอยู่ก็เจอ พี่ตัวโตหน้าตาคล้ายผม แต่ตัวโตกว่าผมเยอะครับ ... เค้ามานอนอยู่ในที่ที่ผมจองอ่ะ ผมยอมไม่ได้หรอก จะวิ่งเข้าไปถามเค้าสักหน่อยว่ามานอนในที่ผมได้ไง ผมลองโดดไปแล้ว แต่ผมไปไม่ได้ครับติดสายจูง แล้วเสียงมี้ก็ลอยมาบอกว่า "อย่าซ่า" ผมซ่าตรงไหนเหรอครับ


สักพักผมก็โดนจับเข้ากระเป๋าอีกแล้วครับ เพราะผู้ใหญ่ไปขนของกัน ... นอนรอสักพักมี้ก็มายกกระเป๋าผมไป แล้วเปิดให้ผมออกมาให้มือเล็กๆ จับผมเยอะแยะเลยครับ ผมตกใจหมดเลย นึกว่ามี้จะปล่อยผมทิ้งไว้ที่นี่ซะแล้ว


แต่สักพักมี้ก็พาผมขึ้นรถปี๊ครับ เย้ นี่แหละรถที่ผมคุ้นเคย ... ผมเลยสบายใจ หลับได้อย่างสบายอุรา แต่ถึงผมจะหลับ ผมก็ได้ยินเสียงมี้กับปี๊คุยกันแว่วๆ ได้ยินว่าพูดถึงผมอยู่ด้วย สงสัยจะนินทาผมแน่ๆ เลย แต่ผมไม่สนหรอก ก็ผมทั้งง่วง ทั้งเหนื่อย ขอผมงีบหน่อยนึงนะครับ




ผมหลับได้เต็มอิ่ม รถก็จอดอีกแล้ว มี้บอกว่าจะกินข้าว ... ผมไม่เห็นจะหิวเลย ผมได้กลิ่นแปลกๆ ใหม่ๆ อีกแล้ว อยากไปเดินสำรวจจัง ... คุณป๋าเลยใจดี พาผมไปเดินเล่น สำรวจพื้นที่ สร้างอาณาเขตอีกแล้ว คุณป๋าพาผมไปเดินริมท้องนาด้วยครับ กลิ่นแปลกๆ ดีครับ แต่ผมไม่กล้าเดินไปไกล ผมกลัวครับ


พอผู้ใหญ่หม่ำกันอิ่มแล้ว ก็บอกว่าจะไปเที่ยวต่อครับ แล้วผมจะได้เที่ยวด้วยมั้ยคร้าบบบบ ... ยังไม่ทันจะถาม พอรถจอด คุณป๋าก็เดินมาจับผมใส่สายจูง แล้วอุ้มผมไปเลยครับ ... เย้ ผมได้เที่ยวด้วย


คุณป๋าบอกว่าเราอยู่ในสวนผักสมุนไพรครับ ตอนแรกผมไม่ต้องเดินครับ ผมนั่งตักคุณป๋า แล้วสักพักรถก็เลื่อน ผมเลยโดดไปยืนชมวิวบนตักพี่แต๊กแทน ... โอ้โห เห็นวิวชัดแจ๋วเลยครับ มีกลิ่นต้นไม้แปลกๆ มีเสียงแปลกๆ ให้ผมดูเยอะแยะเลยครับ ว้าวววววววววว โลกใบนี้มันช่างใหญ่โตเสียจริงๆ









แล้วสักพักรถก็หยุด คุณป๋าก็จูงผม ให้ผมเดินเล่นครับ พื้นร้อนนิดหน่อย แต่ผมก็สู้ครับ ก็ผมอยากเที่ยวนี่นา ... คุณป๋าขาย้าว ยาว ผมรีบเดินตามน่าดู แหม แดดร้อนๆ เดินเยอะๆ แบบนี้ เหนื่อยที่สุดเลยครับ ลิ้นห้อยอีกแล้ว


ก่อนที่ลิ้นผมจะห้อยย้อยแตะถึงพื้น มี้ก็มาอุ้มผมกลับขึ้นรถครับ มี้บอกว่าจะได้พักแล้ว ... กำลังเคลิ้มจะหลับ รถจอดอีกแล้ว อะไรกันเนี่ย ยังไม่ได้งีบเลย ... พอลงจากรถไป ได้กลิ่นคุ้นๆ เหมือนพวกเดียวกัน แต่ แต่ แต่ กลิ่นมันต่างไปยังไงไม่รู้


โอ้โห ผมรู้แล้วครับ มีพี่ยักษ์หน้าเหมือนผมแต่ตัวเบ้อเร่อตั้ง 2 ตัว ... ผมยอมไม่ได้หรอกครับ ผมต้องส่งเสียงถามพี่เค้าสักหน่อยว่าชื่ออะไร เป็นใคร มาจากไหน ... มี้บอกว่าเค้าเป็นเจ้าถิ่นที่นี่ครับ ผมอย่าซ่า เชอะ ไม่ยุ่งก็ได้ แต่อย่ามาอยู่ใกล้คุณนายแม่ กับ คุณป๋า ของผมก็แล้วกัน ผมไม่ยอมหรอก


อิอิ พี่เค้าตัวใหญ่ไปครับ เลยเข้าห้องไม่ได้ ผมเลยวิ่งเล่นในห้องพัก สบ๊าย สบาย พอพี่เค้าเฉียดมาใกล้ๆ ห้อง ผมก็ส่งเสียงเตือนเค้าหน่อย ... ผมวิ่งเล่น ร่าเริง สบายใจ หลับก็สบาย ตื่นเช้าก็ส่งเสียงปลุกคุณป๋าให้พาไปเดินเล่น แล้วก็ขึ้นรถกลับพร้อมมี้ ปี๊ และคุณนายแม่


พอขึ้นรถได้ ผมก็หลับอีกตามเคย ก็ผมเหนื่อยนี่ครับ ... สงสัยคุณนายแม่ก็เหนื่อย เพราะคุณนายแม่ก็หลับเหมือนกัน กลับถึงบ้านแล้วคุณนายแม่ก็ขึ้นนอนทันทีครับ ผมเลยตามคุณนายแม่ไปนอนด้วย ได้นอนบนที่นอนซุกอยู่ข้างๆ คุณนายแม่ หลับสบ๊าย สบาย


ตอนนี้ผมก็ชักจะง่วงแล้วครับ ผมเล่ามาตั้งเยอะแล้ว ชักเหนื่อยแล้วหล่ะครับ ... ผมขอตัวไปนอนก่อนนะครับ ไว้เจอกันใหม่โอกาสหน้านะคร้าบบบบบบบบบบบบบบบบบ

25.1.52

ทริปเล็กๆ ที่สุพรรณ ฉลองวันเกิดหม่ามี้

หลังจากทำบุญเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาเริ่มทริปเล็กๆ ค่ะ ... ออกจาก อ.ด่านช้าง มุ่งหน้าไป อ.เดิมบางนางบวช


จุดหมายแรก คือ หาร้านอาหารสำหรับมื้อเที่ยงค่ะ เพราะยังไม่ได้ทานมื้อเที่ยงกันเลย ... ระหว่างทางไปก็ไม่มีร้านอาหารน่าสนใจเลย โทรไปขอข้อมูลเพิ่มเติมจากที่พัก ก็แนะนำร้านในตลาดท่าช้าง กับ ริมบึงฉวาก ... ถามสมาชิกร่วมทริป เลือก ร้านอาหารริมบึงฉวากค่ะ


ไม่เคยลองชิมร้านอาหารแถวนี้ เลยต้องสุ่มเสี่ยงเลือกจากร้านที่หน้าตาเข้าที และมีรถจอดมากหน่อย ... เสี่ยงเลือกร้าน "ต้นปาล์ม น้ำปาย" ที่อยู่ตรงข้ามบึงฉวากรีสอร์ทพอดี


สั่งอาหารมาหลายอย่าง ผัดผักรวม ยำผักยกครัว น้ำพริกไข่ปู ฉู่ฉี่กุ้ง และอีกหลายจาน ... แต่ถ่ายรูปไม่ทัน เพราะบิดา มารดา และน้าๆ หิวกันมาก ... อาหารร้านนี้ออกมาหน้าตาคล้ายๆ กัน อย่างผัดผัก กับ ผักที่แกล้มมาในยำ ใช้ผักเหมือนกันเป๊ะ ส่วนเนื้อสัตว์ที่ใส่ ก็เป็นกุ้ง ปลาหมึก และมีเต้าหู มาเหมือนกันเป๊ะ ... กินๆ ไปชักงง ว่ากินอะไรอยู่แน่ อาหารรสชาติธรรมดา ไม่ได้น่าประทับใจจนถึงขั้นอยากกลับมากินอีก


แต่บรรยากาศดี ร้านโปร่ง โล่ง เปิดรับลมเย็นๆ แล้วยังมีวิวทุ่งนาเขียวขจี ให้มองสบายตา มีมุมน่ารักๆ ให้นั่งเล่นพักผ่อน ถ่ายรูป บรรดา สว. (ผู้สูงวัย) ทั้งหลาย กินกันอิ่มเต็มที่ ส่วนเราสองคนขอแค่อิ่มพอประมาณ เพราะเก็บท้องไว้มื้อเย็น ... พออิ่มมาก ก็ต้องเดินย่อยกันสักหน่อย เลยแวะเข้าไปเดินเล่นในสวนผักสมุนไพรของบึงฉวากค่ะ


จริงๆ ไม่ได้เดินหรอกค่ะ นั่งรถรางชมวิวรอบสวนต่างหากค่ะ รถรางพาวนไปจนเกือบครบรอบ ก็ปล่อยให้เราได้เดินชมสวนเองต่อ ... ที่นี่รวบรวมต้นไม้นานาชนิด นานาพันธุ์ เอาไว้เพียบเลยค่ะ แต่ละต้นจะมีป้ายชื่อบอกไว้ด้วย ซึ่งถูกใจเรามากๆ เพราะมีปัญหากับการแยกพันธุ์ต้นไม้ เพราะไม่ค่อยรู้ว่าต้นอะไรเป็นอะไร ดูแล้วมันก็คือต้นไม้เหมือนๆ กันหมด


ที่นี่มีบวบยักษ์ ฟักแฟงลูกโต ให้ดูเพียบ ไม่รู้ว่าเค้าปลูกยังไง ทำไมถึง ได้ใหญ่โตมหัศจรรย์ขนาดนี้ ... ไปเดินตอนบ่ายต้นๆ แดดแรงแจ๋ ร้อนจริงๆ แต่ยังพอมีลมเย็นๆ ที่พัดจากบึงมาช่วยบ้าง ไม่งั้นคนคงเฉาก่อนต้นไม้แน่ๆ


เดินกันพอเหงื่อซึม ก็มุ่งหน้าเข้าที่พัก "ท่าจีนริเวอร์โฮมรีสอร์ท" ที่พักขนาดกะทัดรัด ติดแม่น้ำท่าจีน ที่เคยมาพักแล้วประทับใจ ... เลยกลับมาใช้บริการกันอีกครั้งคราวนี้ได้บ้านพักคนละหลังกับครั้งก่อน เป็นบ้านพักที่อยู่ใกล้สระว่ายน้ำ ... ของเหล่า สว. และเจ้าน้องชาย เป็น บ้านยอดหญ้า ... ส่วนเรากับคนดีได้ บ้านกลิ่นสี บ้านกระจกแปดเหลี่ยมที่อยู่ติดริมสระว่ายน้ำเลย




ถูกใจบ้านหลังนี้มากๆ เพราะข้างในตกแต่งด้วยผ้าม่านสีม่วงทุกมุม ... ช่วงบ่ายๆ เปิดม่านรับแสงแดด ก็ไม่ร้อน ดูสว่าง สบายตาดี ... มีแอร์ ทีวี เครื่องทำน้ำอุ่น ผ้าเช็ดตัวพร้อม แต่ห้องน้ำแอบเซ็กซี่นิดนึง เพราะติดสติกเกอร์ขุ่นบังประตูกระจกเลื่อนบานโตเอาไว้


พักผ่อน เอนหลัง งีบ กันไปสักพัก ราวๆ หกโมงก็ได้เวลาหม่ำมื้อเย็น ... ย้อนกลับไปตลาดท่าช้าง มุ่งหน้าไปร้าน "เล็กเสี่ยวหงส์" ร้านโปรดที่มาชิมเมื่อครั้งก่อนแล้วติดใจ ... คราวนี้พาก๊วนนักชิม มาลองชิมบ้าง แต่ก่อนถึงร้านก็ให้ข้อมูลเกี่ยวกับร้านคร่าวๆ ไว้ก่อน จะได้เตรียมรับมือกับเจ้าของร้านถูก


สั่งอาหารมากมายหลายอย่างอีกตามเคย หมูแดดเดียว ลูกชิ้นปลากรายลวกจิ้ม ผัดผักรวม ปอเปี๊ยะสวรรค์ เต้าหู้น้ำแดง ยำขาหมูตีนเป็ด วุ้นเส้นผัดไทย ไก่ต้มขิง ไส้ตันผัดเกี้ยมฉ่าย ... อูย กินกันอิ่มพุงจะแตก อิ่มเสร็จก็มุ่งหน้ากลับที่พัก


ถึงที่พัก ก็แยกย้ายกันเข้าห้องพัก หลับสลบหมดแรงไปตามๆ กัน ... เพราะส่วนใหญ่นอนดึกตื่นเช้ากันทั้งนั้น


เรากับคนดีตื่นราวๆ 8 โมงเช้า ล้างหน้าแปรงฟันออกไปหม่ำมื้อเช้า ... ข้าวต้ม ขมปังปิ้ง กับโอวัลติน รองท้องพอสบายๆ ระหว่างหม่ำ พ่อก็บอกว่า หม่ามี้ไม่สบาย มีอาการเวียนหัว โลกหมุน ที่เคยเป็น


จัดการมื้อเช้าเรียบร้อย ก็แวะไปดูหม่ามี้ ... มี้บ่นว่า "ฤกษ์ไม่ดีเลย" เพราะวันนี้เป็นวันเกิดหม่ามี้ค่ะ อายุ 36 เอ๊ย 63 แล้ว ... หม่ามี้บอกว่านอนตะแคงผิดข้าง แล้วลุกไม่ดี เลยวูบ วืบ โลกหมุน ห้องตีลังกา สมาชิกเลยปล่อยให้มี้พักผ่อนจนอาการค่อยยังชั่วแล้วค่อยออกเดินทาง



เรากับคนดีกลับเข้าห้อง เอกเขนกดูทีวีสักพัก แล้วก็อาบน้ำแต่งตัวเตรียมเดินทาง ... เดินออกไปดูมี้ที่ห้อง ปรกฎว่า อาการยังไม่ค่อยดีขึ้น เรากับคนดีเลยพามี้กลับบ้านก่อน ส่วนพ่อ เจ้าน้องชาย และน้าๆ เที่ยวกันต่อ ... มี้มึนหัว เวียนหัว และนั่งหลับมาตลอดทางที่กลับ คนดีก็ขับรถแบบระมัดระวัง พยายามขับให้เร็ว แต่สะเทือนน้อยที่สุด

บ่ายนิดๆ ก็ถึงบ้าน พาเจ้าของวันเกิดที่ป่วยไปนอนพักต่อ ... เราสองคนที่ไม่ป่วย ก็พากันหลับอีกคนละงีบ ก่อนจะแยกย้ายกันไปทำธุระของใครของมัน


วันนี้เลยไม่ได้พาเจ้าของวันเกิดเที่ยวฉลองอย่างที่ตั้งใจเลย ... ไม่เป็นไร ไว้พาไปเที่ยววันหลังก็ได้ ตอนนี้นอนเยอะๆ กินยา แล้วหายป่วยเร็วๆ ก่อนดีกว่า ... รักแม่ที่สุดค่ะ

24.1.52

ทำบุญ บริจาคของ @ โรงเรียนวัดหนองเปาะ

เปิดประเดิมทริปเที่ยวต้นปี ด้วยการเที่ยวควบทำบุญ ... วัตถุประสงค์หลัก คือ ทำบุญ ส่วนเที่ยวถือเป็นผลพลอยได้


ที่มาของการทำบุญครั้งนี้ มาจากการทาสีห้องใหม่ค่ะ ... เพราะว่าก่อนจะทาสีห้องใหม่ได้ ก็ต้องเก็บของ แล้วมีนิตยสารเยอะมากกกกกกกกกกกกกก เลยคิดว่าเอาไปบริจาคดีกว่า ... พอเก็บของ ขนตู้เสื้อผ้าออกมา ก็ยิ่งเห็นว่าของเยอะแน่น จะไม่มีที่เดิน เพราะฉะนั้น ควรจะขนตู้สักใบไปบริจาค


เลยคิดว่าจะเช่ารถกระบะ ขนตู้ กับ หนังสือไปบริจาค ... แต่จะไปบริจาคที่ไหนดี ???


จิ้มหาในกูเกิ้ล ก็เจอโรงเรียนหลายแห่ง ใกล้บ้าง ไกลบ้าง ... แต่สะดุดกับโรงเรียนในสุพรรณบุรี เพราะอยู่ไม่ไกลมาก แล้วยังใกล้กับที่พักที่เคยไปพักด้วย ลองโทรไปสอบถาม ผอ. ตามเบอร์ที่มีอยู่ ... ปรากฎว่า โรงเรียนนั้น ถูกยุบไปแล้ว ว้า


ผอ. บอกว่าตอนนี้ย้ายไปอยู่ "โรงเรียนวัดหนองเปาะ" แล้ว ซึ่งก็เป็นหนึ่งในรายชื่อโรงเรียนที่กำลังขาดแคลนที่เจอจากเน็ทเหมือนกัน เลยสอบถาม ผอ. ว่า ขาดแคลนอะไรบ้าง


ตามข้อมูลที่ได้มา คือ โรงเรียนมีอาคารเรียน 3 หลัง ใช้งานมานานแล้ว บางส่วนผุพัง อยู่ระหว่างดำเนินการขอรื้อถอน บางส่วนชำรุดทรุดโทรม ต้องซ่อมแซม สายไฟ หลอดไฟ ใช้งานแทบจะไม่ได้ ... ใช้พื้นที่ของห้องเรียนบางส่วนเป็นห้องสมุด ส่วนหนังสือที่มีก็เป็นแบบเรียนเก่าๆ ไม่มีหนังสือใหม่ๆ ให้เด็กๆ อ่าน ... แล้วยังขาดอุปกรณ์การเรียนการสอน เครื่องเขียน อุปกรณ์กีฬา ทุนอาหารกลางวัน และอื่นๆ อีกมากมาย


ได้ยินแล้วก็อึ้ง บอกผอ.ไปว่า มีนิตยสาร กับ ตู้หนังสือ 1 ตู้ ที่จะเอาไปบริจาค ... แล้วจะลองหาสิ่งของอื่นๆ เพิ่มเติม แล้วจะติดต่อกลับไปอีกที


นำความที่ได้มาแจ้งให้หม่ามี้ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทราบ เผื่อมีใครจะร่วมบริจาคอะไรด้วย ... เพราะยังไงก็จะเช่ารถกระบะไปอยู่แล้ว ไหนๆ จะขนไปแล้ว ก็ขนไปให้เต็มที่
หม่ามี้ตกลง แต่ขอเวลาเก็บของอื่นๆ ด้วย เลยขอเลือกวันเดินทางเป็น 24-25 ม.ค. ถือโอกาสไปบริจาคของ ทำบุญช่วงวันเกิดพอดี ... กำหนดวันเรียบร้อย ก็แจ้งข่าวขอความช่วยเหลือ ร่วมทำบุญ บริจาคของกันทันที


ระหว่างนั้นก็ติดต่อขอข้อมูลต่างๆ จาก ผอ. ทั้งจำนวนนักเรียน แผนที่ การเดินทาง และนัดวันเวลาที่จะเดินทางไป ... ไม่เคยไปดูสถานที่จริง ไม่เคยเห็นเด็กๆ เห็นแต่จากรูปภาพที่ ผอ. ส่งมาเท่านั้น


ระหว่างที่รอของจาก เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ เรากับคนดีก็ไปตระเวนช้อปปิ้งสำเพ็ง ซื้อถุงผ้า ดินสอ ปากกา ยางลบ ไม้บรรทัด กบเหลาดินสอ สีเทียน ดินน้ำมัน ลูกบอล ไม้แบด แปรงสีพัน แก้วน้ำ ... หอบของพะรุงพะรัง อยู่ 2 รอบ 2 เสาร์


ได้ของมากองรอเดินทาง ให้บ้านรกขึ้น ... แล้วก็ของหลั่งไหลมาจากที่ต่างๆ ทั้งจากเพื่อนรุ่นพี่โรงเรียนมัธยม ... พี่ๆ น้องๆ อดีตสมาชิกที่ออฟฟิศ ... ลูกค้าของคนดี ... เพื่อนของคนดี ... เพื่อนๆ น้องๆ จากที่ทำงานเจ้าน้องชาย ... ที่ช่วยกันกระจายข่าวไปยังสมาชิกรอบตัว แล้วก็ช่วยรวบรวมของ และเงินทำบุญมามอบให้


ตอนแรกก็ไม่แน่ใจว่าจะมีของไปบริจาคมากน้อยแค่ไหน แต่แล้วของก็หลั่งไหลมาเรื่อยๆ ทั้งมาส่งที่บ้าน และมาส่งที่ออฟฟิศ ... พอของมากองที่ออฟฟิศ เลยขออนุญาตนาย ขอพื้นที่วางของ รวบรวมของ นายเลยถามว่าจะไปทำอะไร ที่ไหน แล้วควักกระเป๋าร่วมทำบุญมาด้วย 5000 บาท ... อู๊ย ดีใจแทนเด็กๆ ค่ะ


เก็บตังค์ที่ได้จากนายเรียบร้อย ก็รวบรวมจากสาวๆ ในออฟฟิศเพิ่ม มากน้อยตามกำลังทรัพย์ และจิตศรัทธา ... บางคนก็ให้ทั้งของ ทั้งเงิน บางคนไม่สะดวกเก็บของ ซื้อของ ก็ให้เงินอย่างเดียว ... ช่วยมากช่วยน้อยแค่ไหน ถึงเด็กๆ แน่นอน


ตอนแรกกะจะยกขบวน ชวนกันไปทำบุญ แล้วแวะเที่ยวกันสักหน่อย แต่เพราะหม่ามี้เลือกวันช่วงตรุษจีนพอดี สมาชิกเลยไม่สะดวกหลายราย ... เหลือแต่สมาชิกในบ้าน คนดี และเพื่อนหม่ามี้ ตอนแรกก็กลัวว่าจะเหงา แต่ตอนหลังก็ดีใจ เพราะของทยอยมาเยอะมาก ถ้าไปหลายคนเกรงว่าจะไม่มีที่นั่ง


ถึงวันเดินทาง นัดรถกระบะมารับของที่บ้านตอน 6.15 น. ขนตู้หนังสือ กับนิตยสารบางส่วนขึ้นรถก่อน ... แล้วย้ายไปออฟฟิศ ไปขนของที่ออฟฟิศขึ้นรถ ... ชิ้นโตๆ ยกขึ้นรถกระบะ ชิ้นเล็กๆ ย่อมๆ ก็ขนใส่ท้ายรถขนดี พอของที่ออฟฟิศหมด ก็วนกลับมาที่บ้าน


ทยอยขนของขึ้นรถกันอย่างสนุกสนาน ขนไป จัดไป ขนไป ลุ้นไป ว่าจะขนหมดมั้ย จะต้องเช่ารถเพิ่มแบบเร่งด่วนรึเปล่า ... สุดท้ายก็เรียบร้อย รถกระบะ รถตู้ รถคนดี มีของบริจาคกระจายอยู่ถ้วนหน้า


ขนของเสร็จเรียบร้อย ก็พร้อมออกเดินทาง ราวๆ 8 โมง ... รถ 3 คัน ได้แผนที่คันละชุด แยกกันเดินทาง ไปแวะพักกินข้าวแกงหน่อยนึง แล้วก็มุ่งหน้าเดินทางกันต่อ ... เราหลงนิดหน่อย เพราะตีเส้นทางในแผนที่พลาด แต่โทรหา ผอ. ทัน เลยไม่หลงไปไกล แต่อีก 2 คัน หลงไปไกลพอควร กว่าจะงมทางมาถึงโรงเรียนครบทุกทันก็ 11 โมงกว่า


ระหว่างรอรถอีก 2 คัน ก็ซักถามพูดคุยกับ ผอ. หนึ่งนุช ได้พักใหญ่ ... โรงเรียนมีพื้นที่รวม 20 ไร่ ได้รับบริจาคจากชาวบ้านตั้งแต่สมัยก่อน พื้นที่กว้างขวาง จัดสรรเป็นอาคารเรียน โรงอาหาร สนามฟุตบอล พื้นที่เพาะปลูก บ่อน้ำเลี้ยงปลา และสวนป่า

อาคารไม้ชั้นล่าง (ที่เห็นในรูป) ที่ทั้งร้าว และผุพัง ตอนนี้เป็นห้องเก็บของจะถูกซ่อมแซมให้เป็นห้องสำหรับชั้นอนุบาล ซึ่งมีเด็กๆ อยู่ราวๆ 40 กว่าคน ... ส่วนชั้นบนที่ปัจจุบันจัดให้เป็นห้องสมุดบางส่วนอยู่นั้น ก็รอการต่อเติมและซ่อมแซม พื้นที่ชั้นล่างที่อยู่ระหว่างอาคารไม้ทั้ง 2 หลัง ... ซึ่งงบประมาณทั้งหมดรอการบริจาคเพื่อมาดำเนินการ


ส่วนพื้นที่เพาะปลูก (รูปล่างขวา) จะใช้เพาะปลูกพืชผัก ไว้ใช้สำหรับทำอาหารกลางวัน แต่จะปลูกได้เฉพาะช่วงหน้าฝน เนื่องจากหน้าร้อน น้ำในบ่อไม่พอ ปลูกอะไรก็แห้งตายหมด ... บ่อน้ำที่เลี้ยงปลา พอปลาโตก็จะนำไปขาย แล้วเอาเงินมาเป็นทุนอาหารกลางวันต่อ


เด็กๆ 103 คน ที่โรงเรียนนี้ เรียนฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย โรงเรียนจัดสรร จัดการดูแลให้ทั้งหมด ทุนอาหารกลางวันก็ได้งบประมาณวันละ 800 บาท ... แต่เสื้อผ้าที่ผู้ปกครองต้องจัดหามาให้เอง ก็เลยขาดแคลน มอมแมมไปบ้าง


น้องๆ ที่มาช่วยขนของ และรับของ มี 15 คน ... ผอ. บอกว่าเด็กๆ ติดวันจ่ายของตรุษจีน เลยถามว่าน้องๆ มีเชื้อจีนเหรอ "เปล่า" ... แต่ที่หยุดเพราะตามผู้ปกครองที่ทำงานในไร่อ้อย ไปช่วยงานเถ้าแก่ เจ้าของโรงงาน เจ้าของไร่ เตรียมของไหว้ เพราะเตรียมงานเสร็จ ก็จะมีเลี้ยงข้าว ... ผอ. บอกว่า ถ้าตรงกับวันธรรมดา เด็กๆ หยุดเรียนเพียบ ทั้งวันจ่าย วันไหว้ เพราะผู้ปกครองพาไปด้วย


พอรถอีก 2 คันมาถึง น้องๆ ตัวเล็กๆ ที่เห็นช่วยกันขนของ ยกของอย่างแข็งขัน ... ตอนแรกเห็นตัวเล็กๆ ก็หวั่นใจว่าจะยกกันไหวเหรอ แต่ ผอ. และ อ. ที่มาคุม บอกว่าตัวเล็กๆ แต่แรงดี แข็งแรง เพราะเด็กๆ ตามผู้ปกครองไปช่วยทำงานอยู่ประจำ ... กล่อง ถุง กระเป๋า มัดหนังสือ มายืนเข้าแถวช่วยกันยก แป๊บเดียว เสร็จเรียบร้อย

พอเห็นของที่ยกมาวางกองรวมกันทั้งหมดแล้วก็ตกใจ ... เออ เยอะเหมือนกันแหะ ... ทั้งคนขนมาบริจาค และคนรับบริจาคเห็นแล้วก็อึ้ง ว่าเยอะขนาดนี้เชียวเหรอ ... ตู้หนังสือเก่า ที่หม่ามี้กำกับให้เจ้าน้องชายเอาสีที่เหลือจากทาห้องเรามาแปลงโฉมใหม่ ไม่พอใส่หนังสือที่ขนมาแน่นอน

เครื่องเขียน หนังสือเก่า นิตยสารเก่า ตุ๊กตามือสอง ของเล่น อุปกรณ์กีฬา เสื้อผ้ามือสองทั้งของเด็กและผู้ใหญ่ ขนมปังกรอบ ขนมปี๊บ นมกล่อง น้ำผลไม้กล่อง ถูกลำเลียงงเรียบร้อย ... ก็ทำพิธีมอบกันเล็กๆ น้อยๆ เด็กๆ ที่มาช่วยขนของวันนี้ก็ได้รับของก่อนเลย ถุงผ้าที่มีเครื่องเขียนจัดชุดไว้แล้ว ได้สิทธิเลือกสีเลือกลายได้ก่อนใคร

มอบของกันพอเป็นพิธี เราก็หยิบซองเงินที่ได้รับบริจาคมามอบให้ผอ.ต่อ ... รวบรวมจากเจ้านาย พี่ๆ น้องๆ จากเพื่อน และ ลูกค้าของคนดี รวมถึงของเราสองคนที่สมทบเพิ่ม เป็นเงินทั้งสิ้น 11,300 บาท ... แล้วมีจากเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ของเจ้าน้องชาย และของหม่ามี้ร่วมสบทบอีก 2,300 บาท


มอบของ มอบเงินเรียบร้อย ทางน้องๆ กับ ผอ. ก็กล่าวขอบคุณพอเป็นพิธี ... ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ก่อนจะร่ำลากัน เพราะเด็กๆ กับ ผอ. และ อ. จะต้องช่วยกันขนของเก็บอีก


ถึงจะไม่ได้แจกของให้เด็กๆ ทุกคน ไม่เห็นหน้าตาว่าเป็นยังไง แต่หน้าของน้องๆ 15 คน ที่มาช่วยขนของ และรับของ ก็บ่งบอกความตื่นเต้นดีใจได้ ... ขนของไปก็แอบเปิดถุง แอบชะแง้ดูในกล่อง ว่ามีอะไรบ้าง แล้วก็ยิ้มตาวาว ตื่นเต้น ... ได้เห็นแบบนี้ก็ชื่นใจแล้ว


หวังว่าของทั้งหมด และเงินทุกบาท จะเป็นประโยชน์กับเด็กๆ ทุกคน ... เห็นเด็กๆ ตื่นเต้น ดีใจ ยิ้มได้ ก็ชักอยากจะรวบรวมของบริจาค กิจวัตรประจำซะแล้ว ปีละครั้ง ก็น่าจะดีเนอะ ทำบุญด้วย เที่ยวด้วย อิ่มใจดีจัง

22.1.52

Beauty Check

พนักงานในออฟฟิศส่วนใหญ่เป็นสาวๆ แล้วก็ต้องออกไปพบปะลูกค้า และผู้คนอื่นๆ เป็นครั้งคราว ... เพราะฉะนั้น การแต่งตัว แต่งหน้า ก็เป็นเรื่องนึงที่ต้องคอยตรวจสอบให้เรียบร้อย จะได้ไม่ขายขี้หน้า เดี๋ยวเสียชื่อบริษัทฯ


แต่ก่อนก็จะเน้นเรื่องเสื้อผ้า แต่งตัวเป็นหลัก ว่าเรียบร้อย เหมาะสมรึยัง แต่งตัวจะไปงานไหน แบบที่ใส่มาโอเคมั้ย ควรจะปรับเพิ่มลดอะไรรึเปล่า ... สาวๆ ออฟฟิศนี้ พูดกันตรงๆ ชี้กันชัดๆ สวยบอกสวย แปลกบอกแปลก แรงบอกแรง กะโปโลก็บอกกะโปโล ... เพราะถ้าคนอื่นจะตำหนิ หรือ ชม เค้าไม่ได้ระบุตัวบุคคล แต่เหมารวมใช้ชื่อบริษัทเลย


แต่หลังจากที่เรา กับ สาวหมวยคู่หูบิวตี้ เกิดอาการต่อมอยากสวยอักเสบขั้นรุนแรง ... จูงมือกันไปเรียนแต่งหน้า และเริ่มสะสมกรุเครื่องสำอางมากขึ้น รวมถึงแต่งหน้ากันบ่อยขึ้น ... พฤติกรรม Beauty Check ก็เริ่มเกิดขึ้นตามมาด้วย


จากเดิมที่แต่งหน้ากันเอง หน้าใครหน้ามัน เราสองคนก็เริ่มระบาดไปยุ่งกับหน้าชาวบ้าน เพราะเห็นแจ้งกันทั้งคู่ว่า "ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง" จริงๆ ... เพราะฉะนั้น ถ้าวันไหนมีใครจะต้องออกไปงานข้างนอก ก็จะต้องเช็คความพร้อม ความงามกันสักหน่อย ... สาวที่ไม่ค่อยแต่งหน้า ก็จะบอกให้เติมปากสักนิด เติมแก้มสักหน่อย พอให้มีสีสัน แต่ถ้าใครที่แต่งหน้าประจำอยู่แล้ว ก็จะดูความเรียบร้อย ว่าแก้มจาง ปากจืด ตาซีด ไปรึเปล่า จะได้เติมให้สวยครบเช้งกระเด๊ะ ... ถ้าใครที่จำเป็นต้องจับเติมหน้าได้ เราสองคนก็จะแทคทีมช่วยกันเดิมทันที


แต่ก่อนก็ Beauty Check เป็นครั้งคราว แต่ช่วงนี้ต้องทำทุกวันค่ะ ... เพราะมีน้องคนนึงในออฟฟิศใกล้จะรับปริญญา เราสองคนเลยยึดตำแหน่งที่ปรึกษา แนะนำให้น้องหัดแต่งหน้าเอง จะได้ประหยัดตังค์ไม่ต้องจ้าง ... จากเดิมที่น้องแต่งหน้าเองอยู่แล้ว แต่แต่งแบบลองผิดลองถูกเหมือนที่เราสองคนเคยทำมาก่อน พอจะต้องแต่งจริงจัง ก็บอกให้เอากรุเครื่องสำอางที่มีติดมาออฟฟิศ แล้วมาหัดแต่งหน้าตามสเต็ป ซ่อนจุดด้อย เสริมจุดเด่น


สาวหมวยเป็นมือหนึ่ง เราเป็นมือสอง แล้วมีน้องอีกคนมาช่วยเสริม 3 คน รุมน้องเล็กคนเดียว ... เริ่มตั้งแต่ เบส รองพื้น คอนซีลเลอร์ ลงแป้ง เขียนคิ้ว ลงสีตา วาดอายไลน์เนอร์ ดัดขนตา ปัดมาสคาร่า ปัดแก้ม ทาปาก ปิดท้ายด้วยติดขนตาปลอม ... สาวหมวยลงมือทำให้ดูข้างนึง แล้วให้น้องลองทำเองข้างนึง โดยมีเรากับ น้องอีกคน ช่วยดู และกำกับ ผลงานออกมาสวยหวานถูกใจพี่ๆ แต่น้องไม่มั่นใจ เพราะไม่เคยแต่งเต็มยศแบบนี้


ร่ำเรียน ถ่ายทอดวิชากันไปแล้ว ก็ต้องฝึกฝน ... เรากับสาวหมวย เลยมอบการบ้านให้น้องแต่งหน้าตามสเต็ปทุกวัน ไม่ต้องครบสูตรเป๊ะก็ได้ แต่ต้องหัดลงสีตามาทุกวัน ... มอบการบ้านเสร็จ ก็มอบอุปกรณ์บางชิ้นให้ไปลองใช้ด้วย พร้อมกับแนะว่า น้องควรจะซื้ออุปกรณ์อะไรเพิ่ม โดยเลือกที่จำเป็นและจะได้ใช้บ่อยๆ เท่านั้น อันไหนที่ไม่ค่อยได้ใช้ ก็มาหยิบยืมของพี่ๆ ไปลองแล้วกัน


ทุกเช้าหลังจากนั้น พอน้องเดินเข้ามาก็ต้องผ่านด่านเราเพื่อเช็คสีตา ว่าสีอ่อนไปมั้ย ไล่สีดีรึยัง ... แล้วก็ไปผ่านด่านสาวหมวย ว่าคิ้วเป็นยังไง กรีดอายไลน์เนอร์เป็นยังไง สีตาเป็นยังไง ... วันไหนดีก็ชมกันไป วันไหนบกพร่องไปบ้าง ก็ชี้จุด หรือ จัดการเติมแก้ไข


2-3 วันก่อน น้องมาเล่าให้ฟังว่า เข้ามหาลัยไปทำธุระ เพื่อนทักว่า ไปทำอะไรมา สวยขึ้น แต่งหน้าสวยดี แต่งยังไง ให้สอนให้หน่อย ... น้องบอกว่า แต่งแบบที่คุ้นเคยตามสไตล์ตัวเองไป พอได้ยินเพื่อนชม ก็สารภาพว่า แต่งเองแบบงูๆ ปลาๆ ถ้าเจอพี่ๆ ที่ออฟฟิศหล่ะก็ แจ่มเด้งกว่านี้แน่ ... พี่ๆ เลยได้ทีสำทับว่า เห็นมั้ย ฝึกฝีมือบ่อยๆ เดี๋ยวก็คล่อง ชิน และปรับแต่งตามสไตล์ตัวเองได้ดีขึ้น เพราะฉะนั้น แต่งหน้ามาให้เช็คทุกวัน จนจะรับปริญญานั่นแหละ


ปัญหาของสาวคนนี้ อยู่ที่ ลงสีตาจาง บาง เหมือนไม่ได้ทา เลยต้องจับให้ลงสีชัดขึ้น เพราะถ้าถ่ายรูปออกมาเดี๋ยวจืดไปนิด น้องก็กลัวว่าตาเข้มไป ทั้งที่ สาวๆ ในออฟฟิศลงมติเป็นเอกฉันท์ว่าสีสวย ไม่เข้ม แต่น้องก็ไม่มั่นใจ ... บอกให้ฝึกเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ชิน เดี๋ยวก็ดีขึ้น แต่น้องก็ท้อแท้ ว่ามันยุ่งยากเหลือเกิน กลัวจะดูเลอะ จ้างช่างดีกว่า พี่ๆ ก็ไม่ยอม บอกว่าถ้าจะจ้างช่าง พี่ยอมตื่นเช้ามาแต่งให้เอง


ช่วงนี้เหมือนเป็นครูฝ่ายปกครอง ที่ต้องเช็คหน้าตาทุกวัน ... พอเรียกน้องเช็คที่ไร น้องก็จะทำหน้าแหยงๆ หวาดๆ แต่พี่ๆ ก็หาได้สนใจไม่ ก็อยากให้น้องสวยนี่นา

20.1.52

ปัญหาคัพอก

คนดีมอบหมายภารกิจ ช่วงที่คนดีไปงานลูกค้าที่เชียงใหม่ 18-19 ม.ค. ให้เอานาฬิกาเรือนที่สายขาดไปส่งซ่อม ... เป็นการเอาคืน เหมือนที่เราเคยมอบภารกิจให้คนดีจัดการระหว่างที่ไม่อยู่ ... ทำเป็นบ่นนิดๆ หน่อยๆ แต่ก็ยอมไปจัดการให้ เพราะจะได้ไปเดินช้อปปิ้ง


ถึงเซ็นทรัลลาดพร้าว ก็ตรงดิ่งไปเคาเตอร์ของนาฬิกาเจ้าปัญหาก่อนเลย เช็คราคาค่าเปลี่ยนสาย และ สอบถามรายละเอียดเพิ่ม แล้วโทรแจ้งคนดี ... สรุปว่า ยังไม่ส่งซ่อม คนดีขอกลับมาหาใบรับประกันก่อน แล้วค่อยส่งซ่อมทีเดียว ... ภารกิจของคนดีเสร็จแล้ว ก็เริ่มต้นช้อปปิ้ง


คราวนี้มีรุ่นน้องตามมาด้วย น้องจะมาหาซื้อเครื่องสำอางเพื่อเตรียมแต่งหน้ารับปริญญา ... เนื่องจากพี่ๆ ลงมติว่า หัดแต่งหน้าเองเอาไว้ แล้วแต่งหน้าเองดีกว่า เก็บตังค์ไปใช้อย่างอื่นที่จำเป็นแทน ... เพราะยังมีเวลาอีก 1 เดือน ในการฝึกฝีมือ ฝีแปรงให้คุ้นเคย เพียงแต่ซื้อของเพิ่มเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ... เราเลยไปเดินคุม และเดินให้คำแนะนำ ให้ซื้อของที่ขาดและจำเป็นต้องใช้เท่านั้น


ภารกิจคุมน้องซื้อของเรียบร้อย ก็แยกย้ายกันไป ... ได้เวลาเริ่มต้นภารกิจของเราสักที นั่นก็คือ บุกแผนกชุดชั้นใน ... ตั้งใจจะมาซื้อเสื้อในค่ะ เพราะที่ใช้อยู่ปัจจุบัน บางตัวถึงกำหนดต้องปลดระวางแล้ว ... มาเดินสำรวจแบบรวดเร็วไปแล้วครั้งนึง วันนี้เตรียมตัวมาบุก ตามหา และพร้อมลองค่ะ เพราะทุกครั้งที่ซื้อเสื้อใน ต้องลองทุกครั้งค่ะ ถึงจะเป็นแบรนด์เดิมที่เคยใช้ แต่แบบที่เปลี่ยนไป การตัดเย็บที่ต่างไป ก็อาจจะทำให้ขนาดเสื้อในไม่พอดีเหมือนเดิม


เริ่มต้นที่ bsc ที่ใช้ประจำ รุ่นที่เคยใช้โดนโละจากราว เปลี่ยนเป็นคอลเลคชั่นใหม่แล้ว แต่ยังไม่เข้าตา ... เหลือบไปเห็นรุ่นเดิมที่เคยใช้ อยู่ในพื้นที่เซลล์ รีบดิ่งไปดู ราคาลดลงเหลือ สามร้อยนิดๆ แต่ไม่มีไซส์ที่ใส่ประจำค่ะ หมดแล้ว หมดเลย ... งั้นก็ตั้งต้นสำรวจแบบนับ 1 เลยแล้วกัน เดินวนไปตามชุดชั้นในแบรนด์ต่างๆ เพื่อมองหาแบบที่ต้องการ เจอที่โดนใจจริงๆ อยู่ไม่เท่าไหร่


เลยวนไป วาโก้ แบรนด์ที่คุ้นเคย ... แบบที่มีเพชรวิบวับ ลูกไม้ มีลวดลาย ตัดทิ้ง มองหาแต่แบบเรียบๆ เท่านั้น พนักงานเข้ามาแนะนำก็หยิบมาให้ลอง ... 2 ตัวที่ลอง ทั้งทรง แบบ ขนาด ไม่โดนใจเลยสักอย่าง ... ตัดสินใจกลับไป bsc เจ้าประจำดีกว่า


เดินวนๆ ๆ จนเจอแบบที่พอจะเข้าตา และใกล้เคียงกับแบบเดิมที่ใช้ แจ้งขนาด แล้วหยิบเข้าไปลอง 2 ตัว ... โอ๊ะ โอ๋ ทำไมมันไม่พอดีเหมือนเคยหล่ะ


ออกจากห้องลองมาแจ้งพนักงาน ขอปรับขนาด ลองปรับทั้งคัพ และ รอบตัว ... หยิบเข้าไปลองอีก 2 ตัว ตัวที่เปลี่ยนรอบตัวแต่คัพเดิม หลวมไป ตัวที่เปลี่ยนคัพแต่รอบตัวเท่าเดิม โอเค ... อ้าว เฮ้ย ทำไมเป็นอย่างนี้ นี่ฉันอ้วนขึ้นจนอกขยาย หรือว่า การตัดเย็บเปลี่ยนไป จนทำให้คัพเดิมที่เคยใช้ใส่ไม่พอดี ... ระหว่างที่ฉงนสงสัย ก็ใส่เสื้อไปด้วย ใส่เสื้อเสร็จพนักงานมาร้องถามหา พร้อมกับยื่นเสื้อในอีกรุ่น อีกแบบมาให้ลอง


ถอดเสื้อลองอีกรอบ ก็ใส่ได้พอดีนะ แต่ไม่ชอบทรงนี้ ... เปลี่ยนกลับชุดเดิม แล้วเดินออกมา ตัดสินใจจะจ่ายตังค์ ... พนักงานบอกว่า แบบที่ชอบ ขนาดที่พอดี มีแค่สีเดียว เอ้า ตัวเดียวก็ตัวเดียว ... แล้วสักพักพนักงานก็บอกว่า จะลองเช็คสต็อครุ่นที่ลองตอนแรกให้ แต่เป็นอีกสีนึงนะ เอ้า โอเค จัดมา หามา


ระหว่างรอก็เดินวนๆ ดูไปเรื่อยๆ พร้อมกับบ่นงึมงัมกับตัวเอง ว่าทำไมถึงใส่คัพเดิมไม่ได้ ทั้งที่ตัวที่ใส่มาก็คัพเดิม แล้วทำไมตัวใหม่ที่ซื้อกลับต้องปรับคัพเพิ่มขึ้น ... พอปรับคัพเพิ่ม ก็หาแบบ หาไซส์ที่ชอบยาก เสียอารมณ์ที่สุด ... เดินงึมงัมกับตัวเองสักพัก พนักงานก็เดินยิ้มแป้นมา ยื่นเสื้อในแบบที่เลือกตอนแรก แต่เปลี่ยนสีมาให้ ... ถือเข้าไปลองอีกตัว


ลองแล้ว ใส่ได้สบายดี ... เอ้า ตกลงซื้อ 2 ตัว ตอนแรกกะว่าจะมาซื้อ 3-4 ตัว แต่หาแบบ หาคัพ อย่างที่ชอบยากเหลือเกิน ได้เท่านี้ก็เอาเท่านี้ก่อน


นั่งรถกลับบ้านก็ยังสงสัยไม่เลิก ว่า ฉันอ้วนขึ้น หรือ เค้าตัดเสื้อในเล็กลง ... ไม่เคยซื้อเสื้อใน แล้วเจอคัพอก ที่เป็นปัญหาคับอกเลย ก็คิดว่าโชคดีแล้วที่แม่ให้มาพอเหมาะไม่มาก ไม่น้อยไป ... นี่เป็นครั้งแรกที่ต้องเจอปัญหาคัพอกแบบนี้ ... เฮ้ออออ

19.1.52

แปลงโฉมห้อง ภาค ขยายภาพ

จากบล็อกหน้าที่แล้ว โชว์ภาพแปลงโฉมห้องภาค 2 แบบจับรวมเป็นหมู่ ... มีคอมเม้นท์ และข้อความผ่านเอ็มเอสเอ็นมาขอดูภาพแบบชัดๆ ... จัดให้ตามคำขอค่ะ


ตู้หนังสือ ผลงานของช่างมือหนึ่งที่ช่วยแปลงโฉมให้เป็นสีเดียวกับห้อง

ผลงานเติมให้เต็ม ของผู้ช่วยช่างและเจ้าของห้องค่ะ




กระเถิบมาดูมุมกว้างๆ ... กระจกที่รอติดสติกเกอร์เพิ่ม



เตียงหน้าตาเหมือนโซฟา พร้อมลิ้นชักเก็บของด้านล่าง ... ชิ้นนี้โดนใจสุดๆ เป็นชิ้นหลักที่ทำให้ตัดสินใจเสียเงิน


ตู้เสื้อผ้าใบใหญ่ กับ ตู้เก็บของใบเล็ก ที่พอเริ่มจัดของก็เริ่มรก


ประตูขาวๆ กับ กลาสบ็อกซ์ ที่ช่วยให้ห้องไม่ม่วงจนเกินไป



เฮ้อออออออออออออ อยากให้ห้องโล่งๆ แบบนี้ตลอดไปจัง ... แต่ยังมีสมบัติที่รอให้จัดอยู่อีกเพียบเลย

18.1.52

แปลงโฉมห้อง : ภาค 2

หลังจากได้เริ่มต้นขั้นตอน แปลงโฉมห้อง : ภาค 1 ไปแล้ว ... วันนี้ก็ถึงกำหนดนัดส่งเฟอร์นิเจอร์ที่สั่งไว้ ... ขั้นตอนการแปลงโฉมห้อง ก็ก้าวเข้าสู่ ภาค 2



2-3 วันก่อน มีพนักงานโทรมาคอนเฟิร์มนัด และแจ้งเวลาที่จะเข้ามาส่ง พร้อมกับเช็คที่อยู่ และเส้นทางกันอีกรอบ ... แจ้งไว้ว่าราวๆ เที่ยง เที่ยงครึ่ง จะมาส่ง รู้เวลาแล้วก็แจ้งสมาชิกในบ้าน เพื่อเตรียมพื้นที่รอรับของ



วันนี้ราวๆ 10.30 น. พนักงานส่งของโทรมาบอกว่ากำลังเดินทาง และสอบถามเส้นทางที่ชัดเจนอีกรอบ ... อธิบายทางแป๊บเดียว รถก็โผล่เข้าซอยมาพอดี จอดรถเรียบร้อย ก็เริ่มทยอยขนกล่องและอุปกรณ์ เตรียมประกอบ



พนักงาน 3 คน ทยอยขนของ และเริ่มประกอบเฟอร์นิเจอร์ โป๊ก ปั๊ก โครม คราม โดยมีพ่อช่วยดูให้ ... ส่วนเราหลังจากแจ้งจุดติดตั้งแล้ว ก็เดินขึ้นๆ ลงๆ ซักผ้า ซื้อของ ทำอะไรไปเรื่อย



ราวๆ 12.30 เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นก็ประกอบเรียบร้อย ... เรามาเช็คความเรียบร้อย แจ้งจุดติดกระจก เซ็นรับของ แล้วพนักงานก็กลับออกไป ... งานหนักก็เริ่มต้นอีกครั้ง


ตอนทยอยขนของ เก็บของออกว่าเหนื่อยแล้ว ... ขนของกลับมาจัดให้เรียบร้อยเหนื่อยกว่า เพราะสมบัติเยอะเหลือเกิน ... จัดหนังสือกลับเข้าชั้นหนังสือที่คนดีทาสีใหม่แล้ว จัดเสื้อผ้าเข้าตู้แล้ว จัดของจุกจิกเข้าตู้ใบเล็กแล้ว ... จัดไปได้ราวๆ 60% ก็ต้องพัก เพราะต้องเว้นที่ว่างไว้สำหรับเก็บรายละเอียดที่ยังค้างอยู่



เพราะตรงหน้าต่างยังไม่เรียบร้อย ... เหลือติดสติกเกอร์ขุ่นตรงกระจก กับ ติดราวม่าน และใส่ม่านกลับเข้าที่ ... ขั้นตอนติดสติกเกอร์ ก็ต้องรอคนดี ช่างมือหนึ่งประจำตัวมาติดให้ เลยต้องเว้นที่ว่างริมหน้าต่างให้โล่งๆ ไว้ก่อน



แล้วยังวานให้คนดีช่วยออกแบบโต๊ะเครื่องแป้งเคลื่อนที่ และสั่งช่างเจ้าประจำผลิตด้วย ... บอกแบบที่ต้องการไปเรียบร้อยแล้ว คนดีร่างแบบมาให้ดูแล้ว ตอนนี้ก็รอดูผลงานที่ช่างจะผลิตออกมาให้ ... ผลการแปลงโฉมห้อง คงจะมีภาค 3 ที่เสร็จสมบูรณ์จริงๆ อีกที



กว่าห้องจะเสร็จเรียบร้อย ... เหนื่อยจริงๆ เลย

16.1.52

ย้อนหลัง @ นาฏยศาลา หุ่นละครเล็ก

เนื่องจากวันที่ 15 ที่ผ่านมา ไม่ได้มีการฉลองเล็กๆ ตามธรรมเนียม เพราะคนดีไม่อยู่ ... เลยขยับมาฉลองย้อนหลังกันอีกวันนึงแทน หม่ำของอร่อยตามธรรมเนียม แต่ที่พิเศษขึ้นมาอีกนิด ตรงที่ดูโชว์ด้วย


ซื้อบัตรเข้าชมหุ่นละครเล็ก จากงานไทยเที่ยวไทยเอาไว้ ... ตอนแรกกะว่าจะดูช่วงปลายปีเพราะอากาศเย็น สบายดี จะได้เดินเล่นสวนลุมไนท์เพลินๆ ด้วย ... แต่ยุ่งวุ่นวายกันทั้งคู่ เลยผลัดไปก่อน เลื่อนไปก่อน จนมานึกขึ้นได้ว่า บัตรจะหมดอายุเดือนหน้า งั้นต้องหาโอกาสใช้ซะแล้ว


โทรสำรองที่นั่งล่วงหน้า 1 วัน รับหมายเลขจอง แล้วก็ไปก่อนเวลารอบฉาย ... กะว่าจะไปหาอะไรหม่ำแถวนั้น เราไม่ค่อยหิว ส่วนคนดีค่อนข้างหิว และบ่นอยากกินก๋วยเตี๋ยว ... ไปถึงสวนลุมไนท์ฯ แวะซื้อขนม ของว่างให้ลูกหมาโม่ แล้ววนหาที่จอดรถ


จอดรถเรียบร้อยก็เดินไปที่ โรงละครก่อนเลยค่ะ ไปแจ้งยืนยันตั๋ว และรับหมายเลขที่นั่ง ... คนดีลังเลว่าจะออกไปเดินหาอะไรหม่ำข้างนอก หรือจะหม่ำตรงร้านอาหารของโรงละครเลย สุดท้ายเพื่อความสะดวก ก็หม่ำซะตรงนี้แล้วกัน


หวั่นใจเล็กๆ ว่า อาหารจะออกมารสชาติเอาใจชาวต่างชาติ เพราะส่วนใหญ่เห็นชาวต่างชาตินั่งทานกันอยู่ค่อนข้างเยอะ แต่ก็ต้องลองดู ... สลัดทูน่า ยำวุ้นเส้น เส้นใหญ่ผัดขี้เมากุ้ง ที่เสิร์ฟมาในจานสไตล์ไทยๆ ... หน้าตาก็ดูเข้าที แล้วรสชาติหล่ะ ลองตักชิม อืมมมม ใช้ได้ ผัดขี้เมา กับ ยำ รสจัดจ้านแบบถูกปากคนไทย


เสียดายที่ไม่ได้หยิบกล้องติดไป เลยไม่ได้ถ่ายรูปอาหารไว้ ... กินอิ่มก็ได้เวลาเข้าไปดูหุ่นละครเล็กพอดี เพราะลืมเอากล้องมา เลยไม่ต้องฝากกล้องเอาไว้ด้านนอก เนื่องจากไม่อนุญาตให้บันทึกภาพระหว่างที่มีการแสดง ก็สบายไป ... แต่ก็มาเสียดายทีหลังที่ไม่ได้ถ่ายรูปกับหุ่นละครหลังจากการแสดงจบแล้ว


การแสดงที่ดูวันนี้ ตอน "กำเนิดพระคเณศ" ... ได้แผ่นพับเรื่องย่อก่อนจะเข้าชมการแสดง
แต่เรื่องย่อที่เอามาลง คัดลอกมาจาก http://www.thaipuppet.com เว็บไซต์ของ นาฏยศาลา หุ่นละครเล็ก (โจ หลุยส์) ค่ะ


เมื่อพระอิศวรสูญสิ้นพระสตีผู้เป็นชายาไป พระองค์ได้สละซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างและบำเพ็ญเพียรทรมานตนอยู่เพียงลำพัง ... ครานั้นอสูรตารกา จึงคิดการณ์จะเป็นใหญ่ เผ้าทำพิธีบูชาพระพรหม จนได้รับพรให้มีฤทธิ์เดชเก่งกล้ากว่าใครในสามโลก มีเพียงบุตรแหล่งพระอิศวรเท่านั้นที่จะสังหารอสุรีได้


ครั้นได้รับพรแล้ว ตารกากำเริบจิต พาพลพรรคอสุราขึ้นมาราวีกับเหล่าเทวาบนสรวงสวรรค์ ... พระอินทร์จึงรีบรุดไปแจ้งเหตุแก่กระพรหม พระพรหมจึงให้พระกามเทพไปอัญเชิญพระแม่อุมาปารวตี ซึ่งแท้จริงแล้ว คือพระสตีกลับชาติการเกิด ให้ได้ประสบพักตร์กับพระอิศวร ให้พระกามเทพแผลงปุบผศรไปต้องอุราพระอิศวร จนเกิดความรักในพระแม่อุมา และได้วิวาห์ครองคู่กัน


ระหว่างพระอิศวรเสด็จไปบำเพ็ญเพียร พระแม่อุมาอยู่กับนางวิชยาแต่เพียงลำพัง สดับเสียงอันสะเทือนเลื่อนลั่นในชั้นฟ้า จึงสอบถามจนรู้ว่าตารกากำลังฮึกเหิมรุกรานเหล่าเทวา นางวิชยาจึงทูลว่า พระอุมาน่าจะมีบริวารไว้คุ้มครององค์ ... พระอุมาจึงได้สร้างพระกุมารขึ้นเมื่อคราสรงน้ำ โดยปั้นจากเหงื่อไคล แล้วอัญเชิญพระคงคามาสรงวารี จนได้เทวกำเนิดเป็นพระกุมาร


พระอุมาให้พระกุมารนั้นเฝ้าหน้าทวารา มิให้ผู้ใดล่วงเข้ามาได้ ครั้นเมื่อพระอิศวรเสด็จกลับมาพบกุมารน้อยขวางกั้นมิให้เข้าสู่ด้านในได้ ความพิโรธบังเกิด ... ในที่สุดพระอิศวรจึงใช้ตรีศูรขว้างไปถูกเศียร่ของพระกุมารนั้นขาดลอยหายไป ... พระอุมาออกมาเห็นเหตุการณ์ จึงโศกเศร้ายิ่งนัก ทูลแก่พระอิศวรว่า นั่นคือบุตรอันเกิดจากตน พระอิศวรจึงให้พระวิสสุกรรมเร่งรุดไปทางทิศตะวันตก เพื่อหาเศียรมาต่อชีวีให้พระกุมา


พระวิสสุกรรมไม่พบเศียรของพระกุมาร จึงได้นำเศียรช้างมาแทน พระอิศวรทำพิธีต่อเศียรให้กุมารและประทานชื่อให้ว่าพระคเณศ ... จากนั้นพระอินทร์ได้ทูลเรื่องอสูรตารกา พระอิศวรจึงให้พระคเณศไปปราบ เพื่อความผาสุกของสามโลก ตารกาจึงสิ้นชีพ พระคเณศจึงเป็นมหาเทพที่เคารพมาจนถึงปัจจุบัน


โชว์สวยดีค่ะ หุ่นละครเล็กเคลื่อนไหวได้เหมือนมีชีวิต ต้องชมความสามารถ ในการชักเชิดหุ่นอย่างพร้อมเพรียงกันของผู้เชิดทั้ง 3 ต่อหุ่น 1 ตัว ... จังหวะการก้าวเท้า การเดิน การแสดง พร้อมเพรียงและทำให้หุ่นมีชิวิตได้จริงๆ


องค์ประกอบการแสดงอื่นๆ ก็ครบถ้วนดีค่ะ ... วงดนตรีบรรเลงสดๆ พร้อมกับการขับเล่าเรื่อง ใช้เทคนิค แสง สี เสียง ช่วยประกอบให้โชว์ดูน่าสนใจ ... แต่เสียอยู่หน่อยตรงที่ ข้อความภาษาอังกฤษ ที่เล่าเรื่องราวระหว่างการแสดงนั้น ตัวเล็กไปนิดนึง


ราคาค่าบัตรเข้าชมสำหรับคนไทยอยู่ที่ 400 บาท ต่อ คน ก็นับว่าคุ้มค่ะ ... ลองคำนวณเป็นค่าแรงของผู้ที่เชิดหุ่นก็คุ้มแล้วค่ะ เพราะหุ่นตัวนึง ใช้ผู้เชิด 3 คน นี่ตลอดโชว์ น่าจะใช้ผู้เชิดราวๆ 12-15 คน สลับกันไปมา ... ตัวหุ่นก็มีความประณีต งดงาม รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เยอะแยะกว่าจะทำมาเป็นหุ่นได้ ... แล้วนี่ได้ไปดูในราคาพิเศษ คุ้มยิ่งกว่าคุ้มค่ะ


เราสองคนเห็นพ้องต้องกันว่า น่าจะกลับมาดูการแสดงอีก อาจจะพาผู้ใหญ่ที่บ้านใครมาดูด้วย ... เสียดายที่สุด ที่ไม่ได้ติดกล้องไป เลยต้องหาโอกาสกลับมาใหม่อีกครั้ง

15.1.52

: 82 เดือน :

วันที่ 15 อีกแล้ว ... ถึงวันนี้ก็ได้นับจำนวนเดือนเพิ่มอีก 1 แต่เดือนนี้ไม่มีอะไรพิเศษในวันนี้ เก็บไว้พิเศษวันอื่นแทน


เพราะวันที่ 14-15 คนดีไปตระเวนทำงานอยู่แถว ชัยนาท นครสวรรค์ พิษณุโลก กับลูกค้า ... ธรรมเนียมที่จะกินข้าวเย็นด้วยกันก็เป็นอันต้องงด ไม่เป็นไร ไม่มีปัญหา ... คนดีไม่อยู่แบบนี้ เราก็ได้โอกาสเริงร่า ลั้ลลา แต่ดันมีเหตุให้เคืองกันผ่านโทรศัพท์นิดหน่อย เลยลั้ลลาไม่เต็มที่


11 โมง วันที่ 14 มีเหตุเคืองกันผ่านสาย คนดีก็เงียบหาย เราเองก็เงียบด้วย กลายเป็นต่างคนต่างแยกกันไปทำธุระ ไม่ได้คุยกัน ไม่ได้โทรหากันอีกเลย จนเที่ยงคืน ... เป็นครั้งแรกที่อยู่ไกลกัน แต่ติดต่อกันได้ แล้วไม่ได้คุยกันนานที่สุด ... คนดียุ่งอยู่กับงาน ส่วนเราเลิกงานแล้วไป เริงร่านวดหน้าที่เคาเตอร์คาเนโบ เซ็นทรัล ลาดพร้าว ก็ไม่ลั้ลลาเหมือนปกติ ... ที่เคยโทรรายงานตัวหากัน เงียบจ้อยทั้งคู่ โทรกู๊ดไนท์ก่อนนอนก็เงียบสนิท มี sms จากคนดีมาบอกว่าให้ติดต่อที่เบอร์ไหน ครั้งเดียว


พอเที่ยงคืน ถือว่าเข้าวันใหม่แล้ว บันทึกในมือถือก็เตือนว่าเป็นวันครบรอบ เลยกด sms ส่งไป Happy anniversary พร้อมกับข้อความเล็กๆ น้อยๆ สักหน่อย ... ก่อนจะเข้านอนแบบ เบื่อๆ เซ็งๆ


ยังดีที่เช้าวันนี้ มี sms จากคนดีตอบกลับมา สายๆ เสียงริงโทนที่คุ้นเคยก็ดัง ... เฮ้ออออออออออ นึกว่าจะไม่โทรมาซะแล้ว ... ถ้าวันนี้ไม่ได้คุยกันอีก คงเฉาแน่ๆ ถึงจะมีแผนไปทำเล็บ ก็คงไม่ลั้ลลาเหมือนเคย ... ได้ยินเสียงแล้ว ก็กลับมาสดชื่นได้เหมือนเก่า


คนดีขา ... 82 เดือนแล้วที่เดินจูงมือกันมา ดีกันบ้าง ตีกันบ้าง ยังไงก็รักคนดีเหมือนเดิมนะคะ ... รักทุกวัน และจะรักตลอดไปค่ะ

13.1.52

ตอบ Tag

- - ตอบ Tag - -

1. วันนี้วันที่เท่าไหร่
ตอบ 13 ม.ค. 2552

2. กี่โมงแล้ว
ตอบ 21.25

3. ชื่อเล่น
ตอบ ตั๊ก ... พี่ตั๊ก ป้าตั๊ก คุณตั๊ก คุณนาย กะต๊าก อวบ คมกฤช เจสสิก้า - ขึ้นอยู่กับว่าใครเรียกค่ะ

4. และ 5.รวมกัน ว่า ตอนนี้ใช้โทรศัพท์ยี่ห้ออะไรอยู่ รุ่นอะไรเหรอ
ตอบ เครื่องหลักใช้ประจำ Nokia N73 เครื่องสำรอง ก็เป็น Nokia แต่จำรุ่นไม่ได้ค่ะ

6. เสียงเรียกเข้าตอนนี้ล่ะ
ตอบ ใช้หลายเพลงตามกลุ่มค่ะ

7. เพลงที่อยากให้เป็นเสียงเรียกเข้ามากที่สุด
ตอบ คนพิเศษ เวอร์ชั่น วิยะดา ค่ะ

8. เพลงใหม่ที่สุดเท่าที่ฟังตอนนี้
ตอบ แล้วแต่วิทยุจะเปิดให้ฟังค่ะ

9. และ 10. เล่นเครื่องดนตรีอะไรเป็นมั่ง และคิดว่าตัวเองเล่นเก่งไม๊
ตอบ เคยเรียน เปียโน ขิม ขลุ่ย ... แต่ตอนนี้คืนอาจารย์ไปหมดแล้ว

11. ดารานักร้องที่ look ดีที่สุดในสายตาคุณ
ตอบ พี่ก้อง นูโว ... พี่อ้อม สุนิสา ... ปีเตอร์ คอร์ป ไดเรนดัล

12. สไตล์การแต่งตัวของคุณ
ตอบ เรียบๆ ง่ายๆ สะดวก สบาย ตามกาลเทศะ ... วันทำงานเสื้อตัว กระโปรงตัว วันหยุด เสื้อยืด กางเกงยีนส์

13. ถ้าไม่มีของสิ่งนี้แล้วจะไม่ยอมออกจากบ้านไปไหนเลย
ตอบ กระเป๋าตังค์ ถ้าไม่มีตังค์ก็ไม่รู้จะไปยังไง

14. ในกระเป๋าตังค์ใส่อะไรไว้บ้าง
ตอบ แบงค์ เหรียญ บัตรเครดิต บัตรเอทีเอ็ม บัตรสมาชิกหลายแหล่ สลิปบัตรเครดิต บัตรประชาชน ใบขับขี่

15. คำพูดที่ติดปากที่สุด
ตอบ คุณ... เรียกใครๆ ว่าคุณเป็นส่วนใหญ่

16. ปีใหม่ที่ผ่านมาไปเที่ยวไหน
ตอบ เดินวนอยู่ในห้อง และอยู่ในบ้าน วุ่นวายกับการทาสีห้องนอนใหม่ค่ะ

17. อาหารที่กินได้ไม่มีวันเบื่อ
ตอบ ส้มตำ กับ ชอคโกแลต

18. และ 19. เกมที่คิดว่าตัวเองถนัดที่สุด และ เกมที่เล่นประจำตอนนี้
ตอบ เกมเด็กๆ อย่าง ทำฟาร์ม ขายกาแฟ ขายเบอเกอร์ เปิดสปา ตอนนี้ที่เล่นประจำ ก็ Ranch Rush กับ Tropix 2

20. เพื่อนที่สนิทที่สุดคือ
ตอบ คนดี เพราะเจอกันบ่อยที่สุด คุยกันได้ทุกเรื่อง

21. อยากบอกอะไรกับเค้า
ตอบ ขอบคุณที่เป็นทุกๆ อย่าง ทั้งแฟน ทั้งเพื่อน และอีกมากมายหลายอย่าง

22. เป้าหมายตอนนี้
ตอบ จัดห้องใหม่ให้ลงตัว และเก็บของไปบริจาค

23. ขับรถเป็นไหม
ตอบ เป็นค่ะ

24. แล้วตอนนี้มีรถขับอยู่รึเปล่า
ตอบ ไม่มีค่ะ ... เป็นมือรอง ขับสลับให้คนดีเวลาคนดีง่วงค่ะ

25. รถยนต์ที่อยากเป็นเจ้าของที่สุด
ตอบ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ หรือ ฮอนด้า ซีอาร์วี

26. เครื่องดื่มที่โปรดปรานเป็นอันดับแรก
ตอบ ฟรุตพันช์ หรือ น้ำมะนาวโซดา

27. สูบบุหรี่ไหมอ่ะ
ตอบ ไม่

28. ร้านตัดผมร้านประจำ
ตอบ แฮร์ โอลิมปิค คาร์ฟูร์ รัชดา

29. ร้านอาหารที่ทานประจำ
ตอบ ลาบกาฬสินธุ์ ห้าแยกตำซั่ว โกยี เอ็มเค ฮะจิบัง และอีกหลากหลายร้าน

30. เวลาอยู่ที่โรงเรียน ที่มหาลัย ที่ทำงาน ว่างๆ จะทำอะไร
ตอบ เล่นเน็ต อ่านกระทู้ อ่านบล็อก อัพบล็อก

31. เวปไซต์ที่ต้องเข้าเวลาเล่นอินเตอร์เน็ต
ตอบ hotmail ... jeban ... pantip ... manager

32.และ 33. แอบปลื้มใครอยู่หรือเปล่า ทำไมถึงปลื้มเขาล่ะ
ตอบ ไม่มีเลยค่า

34. เคยหาเพื่อนทางจดหมายรึเปล่า
ตอบ เคยค่ะ สมัยมัธยม

35. แล้วเคยหาเพื่อนทางอินเตอร์เน็ต
ตอบ ไม่ได้ตั้งใจหาเพื่อนทางเน็ต ... แต่ได้เพื่อน และมิตรภาพดีดี ผ่านตัวหนังสือจากไดอารี่ออนไลน์

36. ถ้าสามารถขอของวิเศษจากโดเรมอนได้อย่างนึงจะขออะไร
ตอบ ขอกระเป๋าวิเศษสำรองของโดเรมอนค่ะ

37. การ์ตูนเรื่องที่ติดอยู่ตอนนี้
ตอบ โคนัน ที่อ่านตั้งแต่มัธยม แล้วยังไม่จบสักที ... ดอคเตอร์ เค ที่ตอนนี้เป็นเวอร์ชั่น K2

38. ชอบทานก๋วยเตี๋ยวเส้นอะไร
ตอบ ไม่ชอบเส้นใหญ่ค่ะ ส่วนเส้นอื่นๆ ทานได้หมด ขึ้นอยู่กับว่าเป็นก๋วยเตี๋ยวประเภทไหน

39. ห้องนอนติดโปสเตอร์ของดาราบ้างหรือเปล่า
ตอบ ไม่ติดค่ะ แต่มีโปสเตอร์ของปีเตอร์ ใส่กรอบวางอยู่ 1 อัน

40. หนังเรื่องที่ดูเรื่องล่าสุด
ตอบ Bedtime Stories ดูไปหน่อยนึง หลับไปค่อนเรื่อง

41. แล้วหนังสนุกไม๊
ตอบ หลับๆ ตื่นๆ เลยตอบไม่ถูกว่าสนุกมั้ยค่ะ

42. อยากเรียนต่อด้านไหน
ตอบ ไม่อยากเรียนด้านไหนจริงจัง แต่อยากเรียนจิปาถะ นู่นนี่ ... ทำขนม ทำอาหาร งานฝีมือ ภาษา

43. แล้วอยากเรียนต่อที่ไหนล่ะ
ตอบ ไม่มีค่ะ

44. เรื่องที่รู้สึกแย่ตอนนี้
ตอบ ตอนนี้รู้สึกปกติ สบายดี ไม่มีอะไรแย่ค่ะ

45. เวลาไปเรียนหรือไปทำงานไปยังไงอ่ะ
ตอบ เดินไปค่ะ

46. ปกติแล้วใช้น้ำหอมยี่ห้ออะไรอยู่
ตอบ ใช้หลายกลิ่นสลับกันค่ะ Diesel Fuel for Life ... DKNY Be Delicious ... Clinique Happy ... Clinique Happy Heart ... DKNY ... CK One Summer

47. แล้วเรื่องความรักตอนนี้เป็นอย่างไร
ตอบ ความรักดี มีความสุขดีค่ะ

48. ภาษาที่อยากพูดได้มากที่สุด
ตอบ ญี่ปุ่น

49. คิดยังไงกับนิยามรัก
ตอบ ความรักมีองค์ประกอบหลายอย่าง ยากเกินจะนิยามด้วยประโยคเดียว

50. ข้อห้าสิบแร้วววว....ตอนอาบน้ำร้องเพลงด้วยรึเปล่า
ตอบ เป็นบางครั้ง ต้องอารมณ์ดีสุดๆ

51. คิดว่าการแต่งงานนั้นขึ้นอยู่กับอะไร
ตอบ ถามคำถามนี้กับตัวเอง ตั้งแต่ไปงานแต่งงานเพื่อนหลังเรียนจบ แต่ยังหาคำตอบไม่ได้

52. บอกรักครั้งสุดท้าย กับใคร เมื่อไหร่
ตอบ จำไม่ได้ว่าบอกเมื่อไหร่ แต่บอกกับคนดี คนเดิม ค่ะ

53. แฟนนอกใจจะทำยังไง
ตอบ ต้องสืบพยาน และพิจารณาคดีกันยาววววววววววววว ค่ะ

54. ถ้าคุณเป็นนกจะบินไปไหน
ตอบ บินไปทะเล

55. ถ้าโลกเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมอยากอยู่ส่วนไหนของโลก
ตอบ ถ้ามีแรงดึงดูดไม่ให้ร่วงลงไป ก็อยากลองไปอยู่ตรงมุม ตรงขอบค่ะ คนคงน้อยกว่าตรงกลางๆ

56. เบอร์มือถือลงท้ายด้วยเลขอะไร
ตอบ 35

57. ชอบวิชาอะไร
ตอบ ไม่มีวิชาโปรดค่ะ

58. หากขา ไม่ใช่อวัยวะที่คุณเดิน คุณคิดว่าจะใช้อะไรเดินแทนขา
ตอบ ถ้ายังเหลือเข่า ก็คงใช้เข่า แต่ถ้าไม่มีคงใช้ก้นถัดไปเรื่อยๆ

59. คนรักที่คบตอนนี้เป็นอย่างไร
ตอบ น่ารัก อารมณ์ดี ขี้เล่น ช่างแหย่ เป็นคนสำคัญ เป็นแฟน เป็นเพื่อน และเป็นทุกๆ อย่าง

60. วันนี้กินอะไรไปแล้วบ้าง
ตอบ เช้า - ซาลาเปาหมูแดง แรบบิท ของ 7-11 กับ นมสด ... กลางวัน ส้มตำ กับ น้ำเก็กฮวย ... บ่ายแก่ๆ ข้าวตังทรงเครื่อง

61. เพื่อนอกหักจะปลอบใจว่ายังไง
ตอบ เค้าคงไม่ใช่คู่ของเรา

62. ถ้าลมพัดสิ่งหนึ่งออกไปจากชีวิตคุณได้ จะให้พัดอะไรไปอ่ะ
ตอบ พัดไขมัน และน้ำหนักส่วนเกิน

63. ถ้าเพื่อนแย่งแฟนคุณไปทำไง
ตอบ ไม่เคยเจอ และไม่อยากเจอ

64. หนังสือที่ชอบอ่านคือหนังสืออะไร
ตอบ นิยาย นิตยสาร

65. ถ้าคุณทำผิด คุณจะขอโทษด้วยคำพูดแบบไหน
ตอบ "ขอโทษค่ะ"

66. ขอเนื้อเพลงที่คุณชอบที่สุด
ตอบ "ให้อยู่ลำพังคนเดียวก็คงไม่เอาแล้ว ทำไม่ได้ อยากจะมีชีวิตที่มีเธอ ก็มีเพียงเธอคนเดียว ที่ทำให้วันนี้ นั้นมีค่า ฉันไม่มีอย่างอื่นจะต้องตามหา อยากจะใช้วันเวลาที่ฉันมี เดินไปกับเธอ" ... เพลง อยู่คนเดียวไม่ได้แล้ว ของ ชัด

67. อยากไปเที่ยวไหนตอนนี้
ตอบ ตอนนี้ยังไม่นึกอยากไปไหนค่ะ ... แต่มีโปรแกรมไปเที่ยวจันทบุรี เดือนหน้าค่ะ

68. อยากบอกอะไรกับคนที่ส่งเมลล์ไปให้
ตอบ Have a nice day

69. ส่งให้เพื่อนมีใครบ้าง
ตอบ น้องลิง monkey

70. เขาแต่ละคนเป็นแรงบันดาลใจในเรื่องไหนให้คุณบ้าง ถึงส่งให้เขาอ่ะ
ตอบ เขียนไดเขียนบล็อก ด้วยภาษาเฮฮา ขำบ้าง งงบ้าง สนุกดี

8.1.52

เดินสาย

หลังจากคนดีออกจากงานมาฉายเดี่ยวเพียงลำพัง ก็ต้องจัดการงานทุกอย่างเองทั้งหมด ... ถึงจะมีส่งต่อให้ซัพพลายเออร์รับไปทำบ้าง แต่ส่วนใหญ่แล้ว ตนก็ต้องเป็นที่พึ่งแห่งตน ... ล่าสุด ก็ใกล้จะกลายร่างเป็นนักร้องลูกทุ่ง เดินสายทั่วประเทศ


เนื่องจากงานตกแต่งร้านค้าที่ลูกค้าส่งมาล็อตแรก สำเร็จ เสร็จ ลุล่วงด้วยดี ผลงานออกมาเป็นที่น่าพอใจ ลูกค้าเลยอนุมัติงานล็อตสองมาให้ ... เป็นร้านที่กระจายอยู่ตามจังหวัดต่างๆ ซึ่งคนดีต้องไปวัดพื้นที่ เพื่อมาวางแผนการตกแต่งร้านต่อ ... เหอ เหอ สนุกหล่ะ


เริ่มจาก วันที่ 8 ม.ค. ไปวัดพื้นที่ร้านค้าที่ ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ... ติดรถไปกับลูกค้า ไปเช้า เย็นกลับ ตะลอนทัวร์ 3 จังหวัดภายใน 1 วัน


ตามมาด้วย 14-15 ม.ค. ไปวัดพื้นที่ร้านค้าที่ ชัยนาท กับ พิษณุโลก ... รอบนี้ก็เดินทางไปพร้อมกับลูกค้าเหมือนเดิม แต่ต่างจากเดิมตรงที่ มีค้างคืนด้วย


ปิดท้ายด้วย 19-21 ม.ค. ไปวัดพื้นที่ร้านค้าที่ เชียงใหม่ เชียงราย ... รอบนี้ยังไม่สรุปวันว่าจะเดินทางวันไหน แต่คนดีเดินทางตะลอนวัดพื้นที่ 2 จังหวัดเพียงลำพัง เดินทางเอง วางแผนเอง จัดการทุกอย่างเองทั้งหมด ... น่าเป็นห่วงก็รอบนี้หล่ะค่ะ เพราะโดดเดี่ยว


ตอนแรกคนดีกะว่าจะขับรถขึ้นเหนือไปเอง แต่ขับไปคนเดียวน่าเป็นห่วง ทางก็ไม่คุ้นเคย แล้วยังเป็นเด็กอนามัย หลับง่ายด้วย ... แถมสภาพรถไม่ค่อยสมบูรณ์เท่าไหร่ ได้เวลาส่งเข้าศูนย์เช็คตามระยะ ต้องเปลี่ยนยาง แล้วเบรคก็ส่งเสียงพิกล ไม่เหมาะที่จะขับทางไกล เพียงลำพัง ... แต่คนดีบอกว่าถ้าไม่เอารถไป ก็คงเดินทางข้ามจังหวัดลำบาก


เราเลยเสนอว่า นั่งรถทัวร์ หรือ เครื่องบิน ไปเชียงใหม่ แล้วเช่ารถขับไปร้านลูกค้า ขับข้ามจังหวัด น่าจะดีกว่า ... คนดีเห็นด้วย แต่ก็ยังลังเลว่าจะเลือกใช้ทางไหนดี รถทัวร์ เครื่องบิน แล้วจะไปเชียงรายก่อน ค่อยย้อนมาเชียงใหม่ หรือ จะตั้งต้นเชียงใหม่ทั้งไป-กลับ ... แล้วจะไปเช้า ตะลอนให้จบภายในวันเดียว หรือ จะค้างสักคืนดี ... ตอนนี้เลยโทรเช็คข้อมูลทั้งจากลูกค้า และคนคุ้นเคยที่อยู่ทางนั้น


แล้วยังมีร้านในกรุงเทพฯ อีกหลายร้านที่ต้องตระเวนเข้าไปวัดพื้นที่อีก ... คนดีบ่นนิดหน่อย ไม่ได้บ่นที่ต้องตระเวนเดินสาย แต่บ่นว่า มีงานเอกสาร และส่งของในช่วงตะลอนทัวร์อีกหลายอย่าง ไม่รู้จะแยกร่าง แบ่งภาคไปจัดการงานทั้งหมดยังไง


อยากจะช่วย ก็ไม่รู้จะช่วยยังไง เพราะมีงานที่ต้องทำเหมือนกัน ... ทำได้แต่ส่งกำลังใจให้ คอยช่วยเล็กๆ น้อยๆ นิดๆ หน่อยๆ เท่าที่จะช่วยได้ ... ว่าแต่ ช่วงที่คนดีไม่อยู่แบบนี้ แอบแวบไปทำสวยดีกว่า

3.1.52

1 วัน : คิ้ว - หนัง - ช้อปปิ้ง

เหน็ดเหนื่อยกับการเร่งรีบทาสีห้องให้เสร็จภายในกำหนด ก็เพราะว่าวันหยุดที่เหลือ 2 วัน มีธุระที่จะต้องทำ และจะต้องไปค้างบ้านคนดี ... เสร็จแล้วก็ได้เวลาพักผ่อน ที่พักผ่อนสำหรับคนที่อยู่กรุงเทพฯ ในช่วงปีใหม่ ก็ต้องห้างสรรพสินค้า


ถึงจะได้พักแล้วก็ต้องรีบตื่น นอนเกือบตี 5 9 โมงก็ต้องตื่นแล้ว รีบอาบน้ำแต่งตัว รีบออกจากบ้าน เพราะมีนัดไปทำคิ้วที่ Anastasia เป็นครั้งที่ 3 ... นัดไว้ 11 โมง ถึงก่อนเวลานัดนิดหน่อย เราแยกไปทำคิ้ว ส่วนคนดีแยกไปจองตั๋วหนัง


ไม่ได้เจอพนักงานคนเดิมที่เคยทำคิ้วให้ เปลี่ยนคนใหม่ แต่ขั้นตอนก็เหมือนเดิม ...ใช้เวลาไม่นาน ผลที่ออกมาก็เหมือนเดิม คิ้วที่เริ่มรกก็กลับมาเป็นแนวสวย แต่คราวนี้มีผื่นแดง และตุ่มหลังจากการแว๊กซ์ชัดกว่า 2 ครั้งก่อน แสบๆ คันๆ ยิบๆ แต่สักพักก็หาย


พาคิ้วที่คันยิบๆ ไปนั่งหม่ำมื้อเช้าควบเที่ยงที่ ลี คาเฟ่ ... เมนูเดิมๆ ที่คุ้นเคย ขนมผักกาด ข้าวผัดปลาเค็ม เย็นตาโฟหม้อดิน ... อิ่มแล้วก็เตรียมไปดูหนัง



Bedtime Stories คือ หนังที่เลือกดูค่ะ แต่ปรากฎว่าดูไปหลับไป ... เข้าไปเจอแอร์หนาวฉ่ำ นั่งดูหนังแบบทรมาน แล้วจู่ๆ ก็ง่วงงุนหลับผล็อย ... ได้ดูหนังช่วงต้นเรื่อง กับท้ายเรื่องแค่นั้น ช่วงกลางเรื่องปรือตามาดูเป็นพักๆ จากตั้งใจไปดู เลยกลายเป็นตั้งใจไปหลับ


ดูหนังจบ และหลับอิ่มเต็มที่ ก็ได้เวลาเริ่มช้อปปิ้ง ร้านไหนๆ ก็มีป้ายเซลล์ แล้วจะไม่แวะดูสักหน่อยได้ยังไง ... สุดท้ายไปเสียตังค์ที่ร้านโปรดของช่วงนี้ forever 21 เราได้มา 3 ชิ้น คนดีได้มา 1 ชิ้น ... ได้ใช้ voucher ส่วนลด 200 บาท 2 ใบ ที่ได้มาจากครั้งก่อน จ่ายตังค์เรียบร้อยก็เอาใบเสร็จไปแลก voucher อีก ก็ได้ 200 บาท 2 ใบ เหมือนเดิม


ออกจากร้านนี้ก็ไปแวะดูร้านอื่นอีกหลายร้าน รวมถึงไปโฉบเคาเตอร์เครื่องสำอางของโปรดด้วย ... เพราะคนดีให้ของขวัญปีใหม่ เป็นชอคโกแลต กับ งบที่อนุญาตให้เลือกซื้อ 'อายแชโดว์แต้แว้ด' ได้ 1 ชิ้น ... เดินโฉบเคาเตอร์อย่างเพลินเพลิน แต่เลือกไม่ได้ เพราะมีสีที่เล็งไว้แล้ว แต่ยังไม่เจอที่โดนใจ และกลัวว่าจะซ้ำกับสีเดิมที่มีอยู่ เลยขอเก็บสิทธิที่ได้ไว้ก่อน


ย้ายไปเดินซื้อของขวัญให้ญาติๆ คนดี กันต่อ ได้ของครบก็มุ่งหน้ากลับบ้านคนดี ... ถึงบ้านคนดีก็ยังไม่ได้พัก เราหยิบเอาเอกสารมาทำสรุปตัวเลขเตรียมส่งนาย ลงรายการเสร็จก็ช่วยคนดีเก็บรายละเอียด และเช็คความเรียบร้อยของเสื้อที่คนดีจะแจกพี่ๆ น้องๆ


สรุปแล้วก็ได้นอนตอนเที่ยงคืนเศษอีก ... โอ๊ย เป็นวันหยุดยาว ที่ได้พักผ่อนนอนน้อยเหลือเกิน

2.1.52

แปลงโฉมห้อง : ภาค 1

หลังจากอิ่มหนำสำราญสบายพุงกันแล้ว ก็ถึงเวลาทำการย่อย ... กลับถึงบ้านก็ทำการแปลงร่างเป็นชุดพร้อมมอม กางเกงขาสั้น เสื้อยืด ผ้าโพกหัว และผ้าปิดจมูก


เริ่มต้นด้วยการทำให้ห้องโล่ง ขนสมบัติทั้งหลายที่ยังอยู่ในห้อง ออกไปกระจัดกระจายตามมุมต่างๆ ของบ้าน กระจายความรกไปให้พ่อแม่และเจ้าน้องชาย ... เราแยกของที่ไม่ค่อยได้ใช้ กับของที่ยังใช้บ่อยๆ แยกใส่กล่องใส่ถุง ส่วนคนดีก็ช่วยมัดนิตยสารและขนไปวางเตรียมบริจาค


พอย้ายข้าวของออกจากห้องเรียบร้อย ก็ขยับตู้ เตรียมพื้นที่เริ่มทำการแปลงโฉมห้อง ... เริ่มต้นด้วยการขัดผนังห้องเก่าบางส่วน ตรงไหนที่แตกร้าว ลอก ร่อน ก็ต้องทำการโป๊วก่อน โป๊วแล้วทิ้งให้แห้ง ก่อนจะใช้กระดาษทรายขัดให้เรียบเนียน ... คนดีตามหารอยแตก และโป๊ว ส่วนเราตามขัดทีหลัง



ค่อยๆ เก็บไปทีละมุมห้อง โป๊วไป ขัดไป ฝุ่นฟุ้งทั่วห้อง ทั้งหัว ตัว เสื้อ และพื้นห้องขาวโพลน ... ทำงานไป ก็หยุดพักเป็นช่วงๆ พักนานหน่อยตอนมื้อเย็นที่พ่อทำพอร์คชอพฉลองส่งท้ายปี ... อิ่มแล้วก็กลับมาเก็บงานกันต่อ คืนวันที่ 31 กว่าจะได้เข้านอนกันก็เกือบตีหนึ่งกว่า


เช้าวันที่ 1 วัน วันแรกของปีใหม่ ตื่นกันตอนเก้าโมงนิดๆ ตื่นปุ๊บก็แปลงร่างเตรียมมอมกันต่อ ... คนดีเริ่มเตรียมอุปกรณ์ทารองพื้นปูนเก่า ส่วนเราไปอุ่นเสบียงมื้อเช้า ... พออิ่มเรียบร้อยก็ได้เวลาทารองพื้นปูนเก่า คนดีทาไปเรื่อยๆ ส่วนเราก็ย้ายเสื้อผ้าออกจากตู้เสื้อผ้า เตรียมจะขนตู้ออกจากห้อง


ปรากฎว่าคนช่วยยกตู้อยู่ไม่ครบ เลยไม่สามารถยกตู้เสื้อผ้าไม้ที่หนักอึ้งออกมาได้ ทำได้แค่ขยับ ย้าย ให้มีที่ว่างเข้าไปทำงานตรงผนังหลังตู้ ... เก็บโป๊วแล้วก็ขัดกันต่อ ขัดเสร็จก็ลงน้ำยารองพื้น


ระหว่างรอน้ำยารองพื้นปูนเก่าที่กลิ่นคลุ้งแห้ง ก็ช่วยกันปูกระดาษหนังสือพิมพ์รองพื้นห้อง เพื่อเก็บฝุ่น และกันสีหยด ... แล้วก็ลงไปพักหม่ำมื้อบ่าย ข้าวเหนียว ไก่ย่าง ข้าวผัด จากร้านวิเศษไก่ย่าง ที่พ่อกับหม่ามี้ซื้อมาฝาก ... อิ่มแล้วก็ได้พักนานหน่อย เพราะน้ำยารองพื้นปูนเก่าที่ทาไว้ ต้องทิ้งไว้ 8 ชั่วโมง ก่อนจะลงสี


ระหว่างพัก ก็ไปหยิบเสื้อยืดที่คนดีจะแจกพี่ และ น้องๆ มาใช้กาวกากเพชรวิบวับ เพ้นท์ตัวหนังสือ ... คนดีร่างแบบตัวหนังสือ ส่วนเราก็บรรจงหยอดกาวตามแนวให้สวยงาม


ราวๆ ทุ่มก็เริ่มลงสีห้อง ... เริ่มจากสีอ่อนที่เลือกไว้ก่อน ทยอยทาไปทีละมุม ทีละฝั่งตามลำดับ ... ระหว่างคนดีเริ่มทา เราก็ลงมือติดเทปกาวแบ่งพื้นที่สี เพราะมีบางส่วนที่จะทาสีเข้ม ... คนนึงทาสี คนนึงติดเทป แบ่งงานกัน ช่วยงานกันไปเรื่อยๆ พอเราติดเทปครบทุกมุม ก็ไปช่วยทาจุดใหญ่ๆ ให้คนดีเก็บรายละเอียดจุดเล็กๆ


ระหว่างรอสีรอบแรกที่ทาแห้ง คนดีก็ขยับตู้หนังสือเอามาทาสีใหม่ให้ด้วย ... เพราะสีที่ซื้อมาเหลือเฟือ จะได้มีตู้หนังสือสีเดียวกับห้องเป๊ะ แล้วก็วนไปทาสีผนังบางส่วนซ้ำรอบสอง ... คืนวันที่ 1 ซึ่งเป็นวันที่ 2 ของการทำงาน ปิดงานเข้านอนกันตอนตีสองกว่า เข้านอนพร้อมกับแขนล้า


เช้าวันที่ 2 ม.ค. ตื่นมาเกือบสิบโมง ... ตื่นปุ๊บก็แปลงร่างเหมือนเดิม แล้วก็ไปอุ่นเสบียงมื้อเช้ามาเติมพลังกันก่อน ... อิ่มแล้วก็ลุยงานทันที เราลอกเทปกาวผนังที่ทาสีเรียบร้อยออก แล้วแปะเทปกาวใหม่เพื่อกันไม่ให้สีเข้มที่จะทาวันนี้ล้ำไปในพื้นที่สีอ่อนที่ทาเรียบร้อยแล้ว ... ส่วนคนดีก็ทยอยทาสีอ่อนรอบสองผนังส่วนที่ยังเว้นไว้ พอทาครบทั้งห้อง ก็มาลงมือทาสีเข้ม


เห็นสีอ่อนตอนแรกก็ตกใจ เพราะเข้มกว่าที่ต้องการไปนิดนึง แล้วพอทาทั้งห้องก็เลยดูแปลกๆ ไม่ชินตา ... แต่พอทาสีเข้มแล้วถูกใจ เพราะสีเข้มที่เลือกมา เป๊ะ โดนใจมากๆ ห้องกลายเป็นสีม่วงทั้งห้อง ... แต่พอดูไปนานๆ ยิ่งรู้สึกว่าสีอ่อนที่เลือกมาเข้มไปหน่อยนึง แต่ไม่เป็นไร รวมๆ ก็ยังใช้ได้ แต่ดูแล้วรู้สึกเกย์เหลือเกิน



พอทาสีห้องเรียบร้อย คนดีก็มาทาสีตู้หนังสือให้ ใช้สองสีสลับกันเหมือนสีห้องเป๊ะ ... ระหว่างคนดีทาสีตู้ เราก็จัดการลอกเทปกาวออก แล้วเริ่มเก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เพราะบางส่วนลอกร่อนหลุดมาพร้อมเทปกาว และบางจุดก็มีสีเลอะ ล้ำ เกินพื้นที่นิดหน่อย


ช่วยกันเก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ทั่วห้อง กว่าคืนนี้จะได้นอนก็ปาไปตีสี่กว่า จวนจะตีห้าอยู่รอมร่อ ... ทั้งเหนื่อย ทั้งล้า ทั้งเพลีย หัวถึงหมอนก็หลับผล็อย


ปฏิบัติการแปลงโฉมห้อง ภาค 1 ก็สำเร็จเรียบร้อยทันเวลา แต่ห้องก็ยังไม่สมบูรณ์ ... เหลือการแปลงโฉม ภาค 2 รอเฟอร์นิเจอร์ที่สั่งไว้มาส่ง และจัดการเก็บของเข้าห้องเหมือนเดิม ห้องนอนใหม่ก็จะสมบูรณ์


ระหว่างนี้ก็ใช้ห้องนอนใหม่แบบครึ่งๆ กลางๆ ไปก่อน ... รอวันที่ 18 ม.ค. ที่เฟอร์นิเจอร์มาส่งแล้ว ก็จะได้ห้องนอนใหม่แบบสมบูรณ์ ... อยากเห็นจังว่าจะเป็นยังไง