30.11.53

English Class #5

เรียนภาษาอังกฤษครั้งที่ 5 แล้วค่ะ ... ครั้งนี้มีสมาชิกเรียนแค่ 4 คน เป็นคลาสที่อบอุ่นมาก


นักเรียน 3 คนที่หายไป 2 คนติดงาน อีก 1 ป่วย ... ที่เหลือ 4 คน ก็แบ่งเป็น 2 คนที่ได้เรียนครั้งก่อน กับอีก 2 คน ที่ขาดเรียนครั้งก่อน


หัวข้อการเรียนครั้งนี้ ยังคงต่อเนื่องจากการเรียน ครั้งก่อน ... เพราะหมวยบีเอาตัวอย่างงานแปลมาให้ครูแอนช่วยดู ช่วยแนะนำ เพราะต้องใช้การเรียงประโยคที่มีการขยายความต่อเนื่องกัน ... เราเลยได้เจอ subject กับ predicate กันต่อ


เรากับหมวยบีที่เรียนมาแล้ว ก็ยังงุนงง ... ส่วนคนดี กับตุ๊ดตู่ที่ขาดเรียนครั้งก่อนคงมึนไม่น้อย แล้วคนดีที่อดนอนเพราะไปเข้างาน ติดตั้งงานกลางคืนมา เลยยิ่งตาปรือ ตาปรอย ตาจะปิดระหว่างเรียน


เป็นการเรียนที่เคร่งเครียด จริงจัง และผ่านไปอย่างรวดเร็ว ... ถึงจะมึน งง แต่ก็ได้หัดเรียงประโยคขยายความให้สละสลวยได้บ้าง


ครั้งหน้าจะได้เรียนอะไรน้อ

29.11.53

ทดลอง Body Shape #2

หลังจากไปทดลองใช้บริการ ครั้งแรก ไปแล้ว ตามแพคเกจที่ซื้อไว้ยังเหลือทรีทเม้นท์อีก 1 ตัว ... นัดวัน-เวลาไว้เรียบร้อย ถึงเวลาก็ตรงไปตามนัดได้เลยค่ะ


ทรีทเม้นท์ที่เหลืออยู่คือ ผ้าห่มร้อน IBS เป็นการนวดสลายไขมันและเซลลูไลท์ โดยใช้ Fase Slenderizing Gel ควบคู่กับคลื่นความร้อน Infared Ray เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ซึมเข้าไปเร่งการเผาผลาญไขมัน


ชั้นตอนเหมือนเดิมค่ะ ไปถึงพนักงานก็พาไปห้องทรีทเม้นท์ ครั้งนี้ดูน่าจะเป็นห้องที่สำหรับทำทรีทเม้นท์ผ้าห่มร้อนโดยเฉพาะค่ะ ... เข้าไปแล้วก็ทำการปลดเปลื้องเสื้อผ้า เปลี่ยนใส่เสื้อคลุม แล้วออกมาชั่งน้ำหนัก


ผลพวงจากงานแต่งงานและอาหารโต๊ะจีน ตัวเลขน้ำหนักขยับขึ้นจากครั้งก่อนอีก เหอ เหอ ... กลับเข้าห้องทรีทเม้นท์ พนักงานให้นอนหงายมีผ้าคลุมอก คลุมตัวไว้ แล้วพนักงานก็เริ่มลงเจล แล้วก็นวด เริ่มจากนวดพุง แล้วลงไปขา 2 ข้าง ... พลิกตัวนอนคว่ำ นวดหลังช่วงเอว สะโพก ขา 2 ข้าง ปิดท้ายด้วยแขน 2 ข้าง ... ท่านวดของพนักงานดูเหมือนเป็นการออกกำลังกายไปในตัว เหมือนเต้นไประหว่างนวดด้วย ดูเพลินเชียว


ลงเจลทั่วตัว นวดให้ซึมลงผิว ก็ลุกขึ้นมาโดนจับพลาสติคมาห่อ wrap ทั้งตัว ... รู้สึกเหมือนเป็นอาหารที่กำลังหมักซอสให้เข้าเนื้อ


ขยับร่างแบบมัมมี่ห่อใสๆ ตะกายกลับขึ้นเตียง นอนให้พนักงานเอาผ้าขนหนูมาคลุมตัว ก่อนจะทับด้วยผ้าห่มร้อน ปิดท้ายด้วยผ้าขนหนูคลุมทับอีก ... โอ้วววววว นี่ฉันกลายร่างเป็นไก่อบฟางไปแล้วเหรอเนี่ย


ห้องทรีทเม้นท์ห้องนี้ไม่มีแอร์ พนักงานจัดการขยับพัดลมมาเปิดให้ลมเป่าตรงหน้า ... แล้วจัดการหรี่ไฟห้อง ก่อนจะออกไป ปล่อยเราให้โดนอบอยู่เพียงลำพัง 45 นาที ... นานขนาดนั้น หลับดีกว่า ทั้งเหนื่อยทั้งเพลียจากงานแต่งงานเมื่อวานด้วย


ดับสวิทช์ตัวเอง ผล็อยหลับไปในขณะที่รู้สึกว่าผ้าห่มร้อนเริ่มอุ่นขึ้นเรื่อยๆ ... มาตื่นฟื้นคืนสติตอนไหนก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าร้อนเหลือเกิน รู้เลยว่าเหงื่อซึมออกมาทั่วทั้งตัว ภายในพลาสติคที่ห่อไว้ชื้นไปด้วยเหงื่อ ริมฝีปากแห้งผาก ... ร้อนแบบทุรนทุราย ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน เหลือเวลาต้องทนเป็นไก่อบฟางแบบนี้อีกนานเท่าไหร่


อยากจะยกมือเอื้อมกดออดที่อยู่เหนือหัว เพื่อเรียกพนักงานมาดูก็ไม่ได้ ขยับตัวแทบไม่ได้เลย ... ได้แต่บอกตัวเองให้อดทนไว้ หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ ไม่เป็นไรหรอก ... แต่ใจลึกๆ ก็รู้สึกว่ามันร้อนเหลือเกิน ร้อนจนจะทนไม่ไหวแล้ว ถ้าไม่มีพัดลมเป่าหน้าอยู่บ้างคงได้เป็นลมไปใต้ผ้าห่มร้อนนี่หล่ะ


กำลังพยายามทำสมาธิเพื่อให้รับสภาพตัวเองได้ พนักงานก็เปิดประตูเข้ามาพอดี โอ้ สวรรค์ ... พนักงานยกผ้าออก เปิดผ้าห่มร้อน แล้วจัดการเอากรรไกรตัดพลาสติคที่พันไว้ออก ... เหงื่อไหลจ๊อกกกกกก เห็นๆ


พนักงานปรับพัดลมให้เป่าตัว ให้นอนพักสักครู่ จะได้ไม่เพลีย ไม่หน้ามืด ... จากนั้นให้ลุกไปอาบน้ำในห้องอาบน้ำเล็กๆ เช็ดตัว ทาครีมปิดท้ายที่เตรียมมาให้ แล้วออกไปชั่งน้ำหนัก ... รอบนี้หายไป 4 ขีด น้ำล้วนๆ ชัวร์


เสร็จแล้วกลับมาแต่งตัว ออกไปคุยกับพนักงานที่พยายามขายแพคเกจทรีทเม้นท์เพิ่ม ... แต่ก็รู้ตัวดีว่า ชอบกินขนาดนี้ เสียเงินทำทรีทเม้นท์ไปก็คงไม่ช่วยอะไร ถ้ายังทำให้ใจลดกินของอร่อยลงบ้าง แล้วออกกำลังกายเพิ่มขึ้นด้วยไม่ได้


เลยอุดหนุนอาหารเสริมที่จะช่วยลดสัดส่วนมา 3 กล่อง หลังจากที่พนักงานพยายามต่อรองขายนั่น นู่น นี่อยู่นาน ... ถ้ามีทรีทเม้นท์ที่ช่วยลดไขมัน ขจัดเซลลูไลท์ กระชับสัดส่วนได้ ทั้งที่ยังเอ็นจอยกับของอร่อยได้เหมือนเดิม ค่อยมาว่ากันใหม่นะจ๊ะ

28.11.53

เมื่อน้องเล็กของบ้านแต่งงาน

บ้านคนดีจัดว่าเป็นตระกูลใหญ่ สมาชิกเยอะค่ะ ... นับญาติฝั่งแม่ก็มีกัน 4 ครอบครัว ครอบครัวคนดี ครอบครัวหยี่อี๊ ครอบครัวโซ้ยอี๊ ครอบครัวอากู๋ เลยมีพี่น้อง และลูกพี่ลูกน้องรวมกัน 10 คน


แต่น้องเล็กของบ้านตัดหน้าพี่ๆ แต่งงาน ออกเรือนเป็นรายแรก ... เราเองที่คุ้นเคยก็ได้รับเชิญไปร่วมงานด้วย น้องฝนที่เคยไปค้างบ้าน ไปสนุกสนานกันก็ได้รับเชิญเช่นกัน


เรามาค้างตั้งแต่คืนวันศุกร์ ส่วนน้องฝนตามมาค้างคืนวันเสาร์ ... ที่ต้องมาค้างเพราะมีพิธีการทั้งรอบเช้า รอบค่ำ และรอบเช้าก็เช้ามากกกกกกก มากขนาดที่คนดีตื่นตี 3 อาบน้ำแต่งตัว ทยอยปลุกเรา น้องฝน และสมาชิกในบ้าน ให้แต่งตัวเพื่อพร้อมหน้าพร้อมตาเตรียมออกเดินทางตอนตี 5


ไปแวะรับเจ้าสาวที่บ้าน แล้วไปบ้านเจ้าบ่าว เพราะหน้าบ้านเจ้าสาวกำลังทำถนน ไม่สะดวกที่จะรับแขก ไปอาศัยใช้บ้านทางฝั่งเจ้าบ่าวดีกว่า ... แล้วก็พอดีกับที่ทางเจ้าบ่าวเป็นครอบครัวใหญ่เหมือนกัน ญาติๆ ซื้อทาวน์เฮ้าส์อยู่ติดๆ กันนับสิบหลัง


เปิดหลังนึงให้เป็นเสมือนบ้านเจ้าสาว มีฤกษ์มารับตัวสู่ขอตอนหกโมงกว่าๆ ... รับตัวเสร็จก็ทำพิธีหมั้นสู่ขอ แบบไทย ก่อนจะยกน้ำชาแบบจีน พักทานอาหารเช้า


ตอนสายๆ มีเลี้ยงพระเพล รับไหว้แบบไทย และหลั่งน้ำสังข์ ... กว่างานรอบเช้าจะเสร็จก็ปาไปบ่ายโมงได้ เหนื่อยกันทั้งเจ้าบ่าว-เจ้าสาว และญาติๆ


ญาติฝั่งเจ้าสาวยกขบวนกลับบ้าน นั่งพักได้แป๊บเดียว ก็ต้องแต่งตัวสำหรับรอบเย็น ... เราออกไปทำผมร้านแถวบ้านคนดี งานนี้ของ่ายๆ ม้วนปลายสะบัดออกแค่นั้นพอ


ผมเรียบร้อยก็มานั่งบรรจงแต่งหน้า ออกงานแบบนี้ก็ต้องติดขนตาปลอมให้ตาเด่นเด้งสักหน่อย ... เด้งเกินคาดค่ะ เพราะขนตาปลอมที่หยิบมา ยาวจรดคิ้วกันเลยทีเดียว


หน้า-ผมพร้อม สมาชิกในบ้านทุกคนพร้อม ก็แบ่งขึ้นรถ ออกเดินทางไป ราชนาวีสโมสร ตรงท่าช้างค่ะ ... วันนี้มีจัดงานแต่งงาน 2 งาน ใช้ห้องติดกัน เสียงเพลงจากสองงานลอยมาตีกันอื้ออึงกึกก้อง


งานก็เป็นไปตามลำดับขั้นของการแต่งงาน และมี ส.ส. มาเป็นประธานในงาน เลยเป็นงานแบบเป็นทางการ พูดกันยืดยาว ... จบพิธีการก็เชิญแขกขึ้นไปร้องเพลง ระหว่างบ่าว-สาวเดินถ่ายรูปกับแขก


อาหารเป็นโต๊ะจีน อิ่ม แต่อร่อยบ้างไม่อร่อยบ้าง ... โดยรวมแล้วก็เรียบร้อยดีค่ะ แต่เห็นแล้วเหนื่อย ทั้งเจ้าบ่าว-เจ้าสาว ญาติๆ รับแขกกันเหนื่อย


พอแขกทยอยกลับหมด ญาติฝั่งเจ้าสาวก็ได้เวลากลับ เลยได้เวลาถ่ายรูปหมู่ กับเจ้าบ่าว-เจ้าสาวค่ะ ... มีทั้งหมู่แยกครอบครัว และหมู่มวลชุดใหญ่


ตั้งแต่ไปงานแต่งงานมา งานนี้เป็นงานที่ได้อยู่โยงด้วยตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ... นับเป็นงานที่ใช้พลังเยอะจริงๆ กลับถึงบ้านแทบจะหลับสลบ

27.11.53

Harry Potter and the Deathly Hallows Part 1

และแล้วแฟนหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ และเป็นแฟนหนังด้วยอย่างเรา ก็ได้ดูหนังภาค 7 สักที แม้จะมาแค่ครึ่งเดียวก็เถอะ ... คนดีที่ติดตามดูมาทุกภาค แม้จะไม่เคยอ่านหนังสือ ก็รอดูอยู่เหมือนกัน


เพราะฉะนั้น ต้องหาเวลาจัดคิวไปดูสักหน่อย ... พอดีกับที่เราเก็บเสื้อผ้าไปค้างบ้านคนดีตั้งแต่วันศุกร์ เตรียมตัวไปงานแต่งงาน และคิววันเสาร์ยังว่างอยู่ เหมาะเลย วันนี้หล่ะไปดูหนังกันดีกว่า


คนดีมาปลุกแต่เช้า เพราะจะชวนกันไปเดินสำเพ็งก่อนค่ะ ไม่ได้ไปเดินสำรวจตลาดนานแล้ว พอมีเวลาแบบนี้แวะไปสักหน่อยดีกว่า ... เดินชมตลาดนิดหน่อย ได้ของติดไม้ติดมือมาเล็กน้อย ก็ไปเติมพลังรองท้องดีกว่าค่ะ


ตัวเลือกในใจ คือ ร้านโรตีกรอบหน้าเพาะช่าง เท่านั้น ... สั่ง ก๋วยเตี๋ยวหลอด กับ ข้าวผัดกะปิ มาอย่างละจาน มาแบ่งกัน ... ก่อนจะปิดท้ายด้วย โรตีกรอบคนละจาน อร๊อยยยยยย อร่อยยยยยย


อิ่มแล้วคนดีก็ซื้อโรตีกรอบกลับไปฝากที่บ้าน กลับไปเอารถ แล้วแวะไปบ้านเพื่อน ... ไปทำธุระเรื่องเอกสารบัญชีของบริษัทพักนึง


จัดการธุระเรียบร้อย ก็ตรงเข้าเมือง มุ่งหน้ามา CTW ... จอดรถเรียบร้อย เราแยกไปรับตั๋ว คนดีไปทำธุรกรรมที่แบงค์ แล้วมานัดเจอกันที่ร้าน Fries me to the moon รองท้องด้วยเฟรนช์ฟรายสารพัดแบบสักหน่อย ก็เข้าไปเพลิดเพลินกับหนังกันค่ะ


การผจญภัยครั้งที่ 7 ครั้งสุดท้าย เพื่อตามหาฮอร์ครักซ์ ภารกิจที่เต็มไปด้วยอันตรายที่แฮร์รี่ เฮอร์ไมโอนี่ และรอน จะต้องช่วยกัน เตรียมรับมือ สงครามครั้งสุดท้ายกับโวลเดอมอร์


แม้จะอ่านหนังสือมาแล้ว แต่ก็ลืมเนื้อเรื่องไปเรียบร้อย จำได้เลาๆ ลางๆ บางช่วงบางตอนเท่านั้น ... ทำให้เป็นการดูหนังแบบตื่นตาตื่นใจ ดูแล้วก็ไม่ผิดหวัง


นับวันรอดูตอน 7 ภาค 2 ต่อ ... ระหว่างนี้จะปัดฝุ่่นหยิบหนังสือมาอ่านทวนก่อนดีรึเปล่าน้อ แล้วจะทวนตั้งแต่เล่ม 1 เลย หรือทวนเฉพาะเล่ม 7 ดีน้าาาาา

25.11.53

ปิ้งย่าง + เม้ามอย

นอกจากโลกจะกลมแล้ว โลกยังใบเล็กนิดเดียวนะคะ เพราะเพื่อนของเรา บังเอิญมาเจอกันได้ ... ไหนๆ บังเอิญเจอกันแล้ว เลยนัดเจอกันเป็นเรื่องเป็นราวซะเลย


เรื่องมีอยู่ว่า มีอยู่วันนึงที่คุณกี้กับคุณผึ้งมีแผนไปร้านไจแอนท์ ... บังเอิญกับที่คุณกิ๊กของเราก็จะไปวันนั้นพอดี เลยฝากให้ลองดูว่าเห็นคนลักษณะแบบนี้บ้างมั้ย ก็เจอะพอดี


ผ่านไปนานนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน ร่วมปี ... วันนึงคุณกิ๊กก็โทรมาบอกว่า เจอคุณกี้กับคุณผึ้งที่ร้านไดจัง ... โอ้วววว บังเอิญ โลกกลม จริงๆ


พอเราไปทักคุณกี้ว่าไปทานไดจังวันนี้ นั่งตรงนี้แบบนี้รึเปล่า มีสายรายงานมา ... คุณกี้เลยสงสัยว่าทำไมสายที่เห็นว่าเป็นใคร ไยถึงไม่แวะมาทักทายกัน ... ก็ยังไม่รู้จักกันอย่างเป็นทางการนี่คะ งั้นก็นัดให้รู้จักกันซะเลย ไม่ได้เจอคุณกี้คุณผึ้งนานแล้วด้วย และเราจะได้หม่ำของอร่อยอีกต่างหาก เยี่ยม


ไม่ต้องนัดกันไกล นัดเจอกันไดจังนี่หล่ะค่ะ สะดวกกันทุกคน ... เช็คคิวเช็ควันว่างเรียบร้อย เราจัดการโทรจองโต๊ะ


พี่จุ๊บมารอที่ออฟฟิศเรา รอคนดีแวะมารับ ... คุณกิ๊กตรงไปเจอกันที่ร้าน ... ใกล้ๆ 19.00 น. เวลานัดหมาย สมาชิก 4 คน ไปถึงพร้อมปิ้งแล้ว ... คุณกี้กับคุณผึ้งยังมาไม่ถึง แต่เราก็ขอชิงลงมือลุยก่อน


ทุกรายการที่มีในเมนู (ภาพจาก fanpage ของร้าน ไดจัง ) สั่งมาครบถ้วน ... ปิ้งไป กินไป เม้าไป อร่อย และเพลิดเพลิน


คุณกี้กับคุณผึ้งติดพันกับงาน ตามมาสมทบช้าหน่อย แต่มาถึงก็ลุยได้ทันที ... ปิ้งไป เม้าไป ได้เหมือนกัน


คุยกันเรื่องนั้น นู้น นี้ ไปเรื่อย กว่าจะจัดการของหวาน กว่าจะแยกวงกันได้ก็ปาไปสี่ทุ่ม ... ออกจากร้านแล้วยังมาแวะเม้ากันตรงลานจอดรถได้อีก


จะมีนัดเจอกันอีกรึเปล่า ยังไม่รู้ค่ะ ... แต่ที่รู้คือเครือข่ายเพื่อนเชื่อมโยงเพิ่มขึ้นอีกแล้ว

24.11.53

English Class #4

3 คลาสที่ผ่านมา เรียนกันเพลินๆ สบายๆ ... มาคลาสนี้จริงจัง เข้มข้นขึ้นแล้ว เพราะเราจะเจอ Grammar ล้วนๆ


คลาสนี้ คนดีขาดเรียนเพราะติดไปงานติดตั้งของลูกค้าที่ต่างจังหวัด ... และมีอีก 1 สาว ขาดเรียนเพราะป่วยกระทันหัน ... เหลือกัน 5 คน อบอุ๊น อบอุ่น อีกแล้ว


ครูแอนเปิดคลาสด้วย การใช้ pronoun ทั้งแบบ formal และ informal ... มีการให้สลับ ปรับ แก้ จากแบบไม่เป็นทางการ ให้เป็นทางการ และจากเป็นทางการ ให้ไม่เป็นทางการ ... สรุปได้ว่า มีปัญหากับแบบเป็นทางการ เพราะเลือก verb มาใช้คู่ด้วยไม่ถูก คุ้นชินกับการใช้แบบไม่เป็นทางการมากกว่า


ต่อมาก็มาเจอกับ phrase, fragment, sentence การดูว่าอันไหนเป็นวลี อันไหนเป็นประโยคแบบสมบูรณ์ ... หัดดู หัดแยก ต้องหา subject กับ predicate ให้ได้ ... ทำเอามึนงงไปอีกเล็กน้อย


ก่อนจะปิดท้ายด้วยชีทที่เป็นเรื่องราวของบริษัท Enron ... มีเนื้อเรื่องแยกเป็นข้อๆ มาให้แล้ว หน้าที่ของนักเรียนคือ จัดการเรียงลำดับให้ถูก ว่าประโยคไหนจะมาก่อนมาหลัง ... แค่เรียงลำดับก็ชวนงุนงงแล้ว ยังมาเป็นประโยคยาวๆ ด้วย ... เหอ เหอ เรียงกันสนุกสนาน


รอดตัวไปอีกคลาส ... คลาสหน้าแว่วๆ ว่า จะกลับมา speaking & listening อีก ... อิอิ สนุกอีกแล้ว

23.11.53

ทดลอง Body Shape #1

นั่งเล่น fb อยู่ดีดี เพื่อนก็มาบอกว่าให้ช่วยไปกด like ช่วยโหวตรูปให้หน่อย ... ช่วยตามคำขอเรียบร้อยก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก ได้เห็นข่าวคราวความเคลื่อนไหวของ fanpage หน้านั้นอยู่เรื่อยๆ


แล้ววันนึงก็เห็นข้อเสนอแพคเกจ body shape ราคาพิเศษ ... เห็นแล้วสงสัยใคร่รู้เลย จิ้ม ไปอ่านดูข้อมูลเพิ่มเติม


อ่านๆ ดู ก็น่าสนใจดี ราคารับได้ บวกกับอยากลองอยู่แล้วว่าที่เค้าโฆษณากันโครมๆๆ ว่าลดสัดส่วนได้เท่านั้นเท่านี้ มันทำอะไรยังไงบ้าง ... ว่าแล้วก็ลองซื้อ voucher มา 1 ใบ


ได้ E-voucher ทางอีเมล์แล้ว ก็จัดการเล็งวัน ลงคิว โทรไปนัดเวลา 18.00 น. เย็นวันจันทร์ที่ 23 พ.ย. ... เลิกงานปุ๊บ รีบแจ้นออกไปปั๊บ


ถึงร้านก่อนเวลาพักใหญ่ นั่งรอสักหน่อย พนักงานก็ให้เข้าไปที่ห้องทรีทเม้นท์ ... พนักงานบอกให้เปลี่ยนเสื้อ ปลดเปลื้องชุดที่ใส่มาออก แล้วใส่กางเกงในผ้า และเสื้อคลุมที่เตรียมไว้ ... เรียบร้อยก็ออกไปชั่งน้ำหนัก แล้วก็กลับเข้าห้องเริ่มทรีทเม้นท์กันเลยค่ะ


เริ่มต้นด้วย Detox (LG) โปรแกรมขจัดของเสียและของเหลวที่สะสมออกจากเซลล์ไขมัน ช่วยลดปัญหาเซลลูไลท์ ลดการบวมน้ำ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและระบบน้ำเหลือง


พนักงานเอาผ้ามาเช็ดตัวตามจุดต่างๆ ก่อน แล้วก็หยิบแถบพลาสติคมาพันตรงเอว ต้นขา น่อง ปลายเท้า แล้วเอาแผ่นหนังมาสอดตามจุดที่พันไว้แล้ว จากนั้นก็เอาสายที่โยงจากเครื่องมาติดกับแผ่นหนังที่สอดไว้ ... จากนั้นก็ทำการปล่อยคลื่นค่ะ


พนักงานถามว่าคลื่นที่ปล่อยมาเป็นยังไง รับได้แค่ไหน ไอ้เราก็ไม่เคยทำ ก็งงว่ามันจะมายังไง เพราะยังไม่รู้สึกอะไรเลย ... พนักงานเลยลองเช็คเครื่อง เซ็ทเครื่องใหม่อีกที สักพักก็เริ่มรู้สึกว่าตรงแถบที่พันไว้มันสั่นๆ จื๊ดๆๆๆๆ จักจี้ ยิบๆ ... พอเริ่มรู้สึกแล้ว พนักงานก็ค่อยๆ เพิ่มระดับคลื่นให้ แล้วคอยถามว่ารับได้มั้ย เพิ่มได้อีกรึเปล่า จนถึงระดับที่เราพอใจ แล้วเค้าก็ออกไป ปล่อยให้เราสั่นๆ คันๆ สะดุ้งเป็นครั้งคราว


คลื่นจะสั่นไปตามจุดต่างๆ ที่พันไว้สลับกันไป ทำเอาสะดุ้งแทบทุกครั้งที่คลื่นย้ายที่ ... เพราะมันสั่นยิบๆ คันๆ เสียวๆ เหมือนโดนใครเอาแปรงมาถูเร็วๆ ... เดาไม่ได้ว่ามันจะไปตรงไหน รู้ตัวก็สั่น จื๊ดดดดด แล้ว


นอนสั่นอยู่จนครบเวลา พนักงานก็มาแกะอุปกรณ์ออก เตรียมตัวทำทรีทเม้นท์ตัวที่สอง โปรแกรมพุงทลาย โปรแกรมลดสัดส่วน ไขมันส่วนเกิน และเซลลูไลท์ ด้วยเทคนิดนวดมือ และบริหารกล้ามเนื้อด้วยคอมพิวเตอร์


พนักงานเปิดพุง ลงครีม จากนั้นก็เอาเครื่องนวดหัวกลมๆ ที่มีปุ่มๆ มานวดตัวหน้าท้องและช่วงเอว ... นวดวนไปวนมาจนครีมซึม แล้วก็ลงครีมใหม่ ใช้เครื่องนวดซ้ำ ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนครีมที่เตรียมมาหมด ... จากนั้นก็ติดแถบพลาสติคที่เอว สอดแผ่นหนัง แล้วติดสายโยงเหมือนเดิม


เริ่มขั้นตอนการปล่อยคลื่นอีกครั้ง แต่คราวนี้คลื่นสั่นต่างไปจากรอบแรก ... เหมือนบีบคลาย บีบคลาย แต่ความแรงก็แล้วแต่จะรับไหวเหมือนเดิมค่ะ เราคงอึดเกิน เพราะพนักงานบอกว่ารับคลื่นได้เยอะ ... แต่สั่นทีก็สะดุ้งทีนะคะ ราวๆ ครึ่งชั่วโมงที่นอนสั่นสะเทือน รู้สึกได้ว่ากล้ามเนื้อท้องสั่น และพุงแน่นขึ้นนิดนึง


ครบเวลาพนักงานมาแกะอุปกรณ์ออก สวมเสื้อคลุมออกไปชั่งน้ำหนัก หายไป 5 ขีด ... กลับเข้ามาให้พนักงานทาครีมอีกตัว แล้วก็สวมเสื้อ แต่งตัวกลับบ้านได้ค่ะ


จริงๆ ตามแพคเกจที่เลือกใช้ ยังเหลือทรีทเม้นท์อีกอันค่ะ แต่พนักงานแนะนำว่ามาทำครั้งแรก ทำเท่านี้ก่อนดีกว่าเพราะเกรงว่าจะร้อนวูบวาบเกินไป ... แต่แอบคิดเอาเองว่า ถ้าทำรวดเดียวคงจะใช้เวลาทำนานเกินไป เลยแบ่งทำ 2 ครั้งน่าจะดีกว่า แล้วก็นัดคิวครั้งหน้าไว้เลย


กลับบ้านแบบร้อนท้องวูบวาบๆ ตลอด คงเป็นฤทธิ์ของครีมที่ทาปิดท้าย ... สัดส่วนนั้นไม่รู้ว่าลดไปรึเปล่า แต่รู้สึกว่า กล้ามเนื้อท้องตึงๆ ส่วนน้ำหนักที่หายไป ก็เดาว่าน่าจะเป็นน้ำในร่างกายค่ะ


ก่อนกลับพนักงานเสนอแพคเกจราคาพิเศษมาให้ แต่เราบอกขอไปคิดก่อนแล้วกันค่ะ ... ครั้งหน้าจะมาให้คำตอบว่าจะหลวมตัวซื้อแพคเกจดีมั้ย

20.11.53

พักผ่อน นอนเล่น : สัตหีบ

2-3 ปีหลังจะมีทริปตะลอนเที่ยวเกาะแก่งทะเลไทยกับก๊วนศิษย์เก่า ... แต่ปีนี้งดค่ะ เพราะมีสมาชิกมีการศึกษา ติดเรียนปริญญาโท และยังติดงาน เลยเลื่อนทริปไปก่อน ... เราเลยหาทริปง่ายๆ ใกล้ๆ ไปพักผ่อนนอนเล่นดีกว่า

ไปดู voucher ที่พักจากงานไทยเที่ยวไทยที่ซื้อเอาไว้ แล้วหยิบมาใช้สักอัน ... ล็อคคิวคนดี แล้วมุ่งหน้าไปพักผ่อนกันดีกว่า


เช้าวันเสาร์ คนดีมาแวะรับแต่เช้า แล้วก็มุ่งหน้าไปหาที่เที่ยวระหว่างทางกันก่อนค่ะ ... เป้าหมายอยู่ที่ตลาดเก่าที่ จ.ฉะเชิงเทรา ทริปนี้เลือก ตลาดคลองสวน 100 ปี ค่ะ


ตลาดเก่าตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ตั้องอยู่ริมคลอง อยู่ในพื้นที่ 2 จังหวัดค่ะ ... คือ ตำบลเทพราช อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา และ ตำบลคลองสวน อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ ... เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ชมชีวิตชาวบ้าน ค้าขาย ซื้อของกันเพลินๆ ค่ะ


มีร้านค้า ร้านอาหารเรียงรายเป็นแนวยาววววววว เลือกชมเลือกซื้อกันได้ตามชอบใจค่ะ ... แต่เราสองคนยังไม่ซื้อค่ะ แต่เดินสำรวจร้านอาหารว่าจะฝากท้องมื้อเช้าไว้กับร้านไหนดี ... เดินไปจนสุดทาง เลยซื้อน้ำเฉาก๊วยมากินชื่นใจสักแก้ว


น้ำเฉาก๊วยที่นี่ แปลกกว่าที่อื่นตรงที่ใส่นมสดด้วยค่ะ ... น้ำเลยหอมๆ มันๆ ได้รสชาติกลมกล่อมไปอีกแบบ ตอนแรกที่ซื้อก็คิดว่าแปลกๆ แต่พอกินไปก็อร่อยดี


ได้น้ำเฉาก๊วยเรียกน้ำย่อยแล้ว ก็ต้องหาของหนักแล้วค่ะ ... ตอนเดินสำรวจตลาดเห็นร้านก๋วยเตี๋ยวที่อยู่ติดสะพานไม้มีลูกค้านั่งหนาแน่น เลยเล็งว่าจะมาลองชิมร้านนี้หล่ะค่ะ ชื่อร้านไม่ได้ดูไม่ได้จำมาเลย หิว ห่วงกิน ตรงดิ่งเข้าไปนั่งในร้านทันที


ในร้านมีให้เลือกทั้ง ก๋วยเตี่ยวหมู ก๋วยเตี่ยวเป็ด ... เราเลือก บะหมี่หมูแห้ง แต่ได้เส้นหมี่มาแทน ส่วนคนดีสั่ง เล็กน้ำต้มยำหมู ได้เล็กแห้งต้มยำ แม้จะมาผิด แต่รสชาติก็ใช้ได้ค่ะ ... แล้วสั่ง หอยจ๊อ มาชิมอีกจาน เนื้อปูแน่นๆ เต็มคำ กับน้ำจิ้มบ๊วยเจี่ยของแท้ อมเปรี้ยวอมหวานหอมกลิ่นบ๊วย อร่อยค่าาาาา


อิ่มท้องแบบโล่งอกโล่งใจที่เลือกร้านไม่พลาด ... เดินย้อนกลับทางเดิม แวะปล่อยเต่ากันคนละตัว แล้วก็ขึ้นรถไปกันต่อค่ะ


ตอนแรกกะว่าจะไปแวะตลาดบ้านใหม่อีกที่ แต่เปลี่ยนแผนไปแวะซื้อชิฟฟอนเค้ก ตรงทางไปวัดโสธร แล้วก็วนกลับเข้ามอเตอร์เวย์ ตรงไปพัทยาแทนดีกว่า


ไม่ได้แวะเที่ยวอะไรที่พัทยาหรอกค่ะ แต่เราไปแวะกินมื้อเที่ยงกันที่ร้าน ส้มตำปูม้าเจ๊มาลี ... มื้อเช้าเติมมาเบาๆ แต่เว้นช่วงไม่นาน เลยขอเติมมื้อเที่ยงแบบเบาๆ อีกนิดหน่อย


ไก่ทอด ส้มตำปูม้า หอยแมลงภู่อบตะไคร้ หมึกแดดเดียว ... เบาๆ เพลินๆ อร่อย จัดจ้าน ถูกปากถูกใจ อิ่มแบบไม่ทรมานท้อง


อิ่มแล้วก็ตรงไปที่พักกันเลยค่ะ ไม่เคยไปพักแถบนั้น ก็ต้องลองสุ่มเสี่ยงสำรวจเส้นทางกันหน่อย ... ขับไปเรื่อยๆ หาไม่ยาก แต่นับว่าไกลพอสมควรค่ะ กว่าจะเจอป้าย วราสินธุ์รีสอร์ท ก็ลุ้นกันว่าจะหลง จะเลยมั้ย


เช็คอินเรียบร้อย ได้วิลล่าหมายเลข 1 มองผ่านหน้าต่างเห็นวิวทะเลอยู่ไกลลิบๆ ... เข้าห้องพักได้ก็เริ่มพักผ่อนกันเลยค่ะ เปิดดีวีดีซีรี่ส์ที่ดูติดพันกันอยู่ ดูแบบต่อเนื่องเต็มอิ่ม


พอเย็นๆ ก็ชวนกันออกไปหาอะไรหม่ำ ตอนแรกกะว่าจะฝากท้องไว้ที่ร้านโปรดแถวบ้านอำเภอ แต่ต้องขับรถย้อนไปไกลเกิน เลยเลือกเอาจากร้านแถวนี้แล้วกัน ... ดองบล็อกไว้นาน จนจำชื่อร้านไม่ได้แล้ว จำได้เลาๆ ว่า ปูเป็น อะไรสักอย่างนี่หล่ะค่ะ


ปลาอินทรีย์ทอดน้ำปลา ต้มยำเห็ด ข้าวผัดปู กุ้งอบวุ้นเส้น ... เห็นจานอาหารแล้วอิ่มตื้อขึ้นมาทันที มาเยอะใหญ่โตเหลือเกิน ปลาเนื้ออวบหนา มาพร้อมยำมะม่วงรสเด็ด ต้มยำเปรี้ยวไปนิด ข้าวผัดแฉะไปหน่อย กุ้งอบวุ้นเส้นรสกลมกล่อม วุ้นเส้นเพียบ แต่อบแบบใส่นมมาด้วยเลยมันไปนิด


ผลว่ามื้อนี้ เก็บไม่หมดค่ะ เหลือปลาอยู่ครึ่งชิ้นได้ เลยขอให้ช่วยใส่กล่อง เก็บไว้เสริมมื้อเช้าพรุ่งนี้ ... อิ่มมากก็ชวนกันไปเดินย่อย พนักงานที่รีสอร์ทบอกว่ามีงานวัดที่วัดใกล้ๆ พอดี เลยชวนกันไปเดินสำรวจ แต่แค่วนรถหาที่จอดก็เห็นครบหมดแล้วค่ะ ไม่มีอะไรตื่นตาตื่นใจ มีแต่ร้านอาหาร และเวทีคอนเสิร์ท ... เราอิ่มกันจะแย่แล้ว อาหารใดๆ ก็ไม่ดึงดูดใจแล้ว ชวนกันกลับไปนอนเอกเขนกดูซีรี่ส์ต่อดีกว่า


กลิ้งเกลือกดูทีวีพักใหญ่ก็อาบน้ำเข้านอนค่ะ ... ก็มาพักผ่อนนี่คะ กินอิ่ม นอนหลับ คือเป้าหมายของเรา


แปดโมงกว่า ถึงยอมตื่นลืมตามาบิดขี้เกียจ กลิ้งไปมาพักใหญ่ ถึงได้ชวนกันออกไปหม่ำมื้อเช้า ... มื้อเช้าที่นี่ไม่มีบุฟเฟ่ต์ หรือ ชุดอเมริกันเบรคฟาสท์ค่ะ แต่เป็นข้าวต้มกุ้ง


น้ำซุปรสกลมกล่อม แค่เหยาะพริกไทยเพิ่มก็อร่อยแล้วค่ะ ... นอกจากกุ้ง ยังมีหอยเชลล์ใส่มาด้วย เติมเนื้อปลาที่เหลือมาจากเมื่อวานเพิ่มลงไปยิ่งเพลินค่ะ กวาดกันเกลี้ยงชาม


อิ่มแล้วก็เข้าไปนอนกลิ้งดูทีวีต่อ รอเวลาเช็คเอาท์ ... เก็บกระเป๋า ขนสัมภาระขึ้นรถก็เตรียมตัวกลับค่ะ แต่ภารกิจของทริปนี้ยังไม่หมด เราต้องไปแวะอีกจุดนึงก่อน


นั่นก็คือ ร้านยำแม่เฉลิม กับ ร้านเจ๊จิ๋ม ริมหาดบางแสนค่ะ ... ทริปสีชังพลาด เพราะเจองานรถแข่ง ทริปนี้ไม่ยอมพลาดแน่นอน


ส้มตำปูม้า ยำไข่ปูเนื้อปู ยำปลาดุกฟู และปูนึ่ง เมนูเดิมๆ อร่อยเหมือนเดิม ... อร่อยแค่ไหน ดูหลักฐานจากมือคนดีได้ค่ะ


นั่งแทะปู จ้วงส้มตำและยำกันอย่างเมามัน เผ็ดจี๊ดจ๊าดซู้ดซ้าด แต่ก็อร่อยสมกับที่คิดถึง ... อิ่มแล้วเอนหลังชมวิว รับลมเย็นๆ สบายๆ สักพักก็ชวนกันกลับค่ะ


วนออกมาทางอ่างศิลา เลยได้แวะเดินย่อย ถ่ายรูปเล่นกันอีกสักหน่อยตรง แหลมแท่น ... แดดร่มลมตก เดินชมวิวสบ๊าย สบาย ดูชุดเดินเล่นชมวิวคุณคนดีซิคะ สีสลิ่มเกิ้นนนนน เสื้อชมพู กางเกงฟ้า รองเท้าเหลือง แต่งตัวเหมือนเตรียมเล่นบอลลูนสี


กลับขึ้นรถรอบนี้ก็ตรงดิ่งกลับกรุงเทพฯ กันเลยค่ะ แม้บรรยากาศรายทางจะมีงานลอยกระทงหลายที่หลายจุด แต่เราก็ยิงยาวเข้าเมือง ... ปิดทริปพักผ่อนด้วยการกลับมานอนเอกเขนกที่บ้านต่อ


ทริปหน้าเตรียมตัวไปทะเลอีกแล้ว ... แต่จะทะเลแถวไหนต้องติดตามค่า

16.11.53

English Class #3

คลาสแรก คลาสสอง ยังเบาๆ พอให้ได้ปรับตัว ตั้งตัวกันสักหน่อยก่อน ... คลาสสามแล้ว ครูแอนเริ่มเขยิบ เพิ่มเติมเนื้อหามากขึ้น


คลาสนี้ ขาดนักเรียนไป 1 ราย เพราะ ป่วย ... 2 ราย ที่ขาดเมื่อคลาสที่แล้วก็ดูหวั่นๆ ใจว่าพลาดอะไรไปบ้าง


ครูแอนเขียนหัวข้อการสอนของคลาสนี้ให้ดู มาครบทั้ง Speaking, Listening และ Grammar ... โอ้ว มาครบ จัดเต็มกันเลยทีเดียว ... เอ้า ลุย


เริ่มกันที่ alphabet, consonent, vowels, letter ... แล้วก็หัดออกเสียงควบ cvc ลองหา หัดออกเสียง ส่งเสียงฟุดฟิดฟอไฟกันสนุกสนาน


แล้วมาต่อกันที่ Listening ... ครูแอนอ่านบทสนทนาให้ฟัง แล้วเลือกคำตอบจากที่ให้ไว้ว่า เขาเป็นอะไรกัน มีกี่คน คุยกันที่ไหน


ช้อบ ชอบ สนุกดี ชอบเรียน speaking กับ listening ... เพลินกันไปหน่อย เลยไม่ได้เรียน Grammar ครูแอนบอกว่า ยกไว้คลาสหน้าเลยแล้วกัน จะได้เจอกับ Grammar ล้วนๆ


โอ้ววววววว Grammar ล้วนๆ ... เรียน Grammar เรียน Tense มาตั้งแต่เป็นเด็กน้อย ส่งคืนครูบาอาจารย์ทั้งหลายกลับไปหมดแล้ว ... คลาสหน้า เครียดแน่ๆ

15.11.53

: 104 เดือน :

วันที่ 15 อีกแล้วค่ะ ... เดือนๆ นึงผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน แป๊บเดียวอายุความรักขยับเพิ่มมาอีก 1 เดือนแล้ว


ที่นับอายุความรักทุกเดือนเนี่ย ไม่ได้หวานแหววกุ๊กกิ๊กอะไรเป็นพิเศษหรอกค่ะ ... แต่เป็นการโปรแกรมสมองตอกย้ำคนดีบ่อยๆ จะได้ไม่เผอเรอหลงลืมกันค่ะ


ไม่ว่าจะยุ่งนุงนังขนาดไหน ติดพันภารกิจอะไร ขอแค่ 1 วันให้นึกถึงกันสักหน่อย ... ไม่จำเป็นต้องมีมื้อพิเศษ ขอแค่ได้มาเจอกันอยู่ใกล้ๆ กันเท่านี้ก็พอแล้ว


ยิ่งช่วงนี้คนดีงานเยอะ ยุ่งวุ่นวาย เพราะฉะนั้นการนับอายุความรักทุกเดือนแบบนี้ เป็นการย้ำให้จำแม่นๆ ... "เผื่อลืม" ค่ะ


ไม่รู้นานเท่าไร เรารักกันเมื่อไร และเพราะเหตุใดที่เป็นเธอ
เมื่อรู้ตัวก็มี คำว่าเราแทนกันทุกเช้าที่ตื่น บางครั้งรู้สึกนาน ต้องรื้อฟื้น


เผื่อวันใดเธอลืมไปว่ารักกันหรือเปล่า เผื่อวันเวลาที่เดินผ่าน อาจจะเจือจางทุกเรื่องราว
มีเพียงคำเดียวพอให้เธอชื่นใจ หากความจริงที่เจอมันเลวร้ายแค่ไหน
วันนี้ต้องเจออะไร ฉันรักได้เพียงแค่เธอ


กี่ร้อยวันที่ผ่าน ก็เหมือนเรื่องเมื่อวาน บันทึกที่เขียนอ่าน อยู่ในใจ
ยังรักเธอเหมือนเก่า มีเรื่องราวที่เดินเข้ามาใหม่ๆ แต่รักเธอแบบเดิม ตลอดไป


เผื่อวันใดเธอลืมไปว่ารักกันหรือเปล่า เผื่อวันเวลาที่เดินผ่าน อาจจะเจือจางทุกเรื่องราว
มีเพียงคำเดียวพอให้เธอชื่นใจ หากความจริงที่เจอมันเลวร้ายแค่ไหน
วันนี้ต้องเจออะไร ฉันรักได้เพียงแค่เธอ


จะไม่ขอพรใดใด แค่ทุกครั้งที่ลืมตา
ไม่ใช่แค่ความฝัน เป็นเธอในทุกวัน ที่รักกันอยู่ตรงนี้

(เพลง เผื่อลืม : วัน ทรู ทรี โซล ... เพลงประกอบละคร 365 วันแห่งรัก)






อายุความรักเพิ่มขึ้นทุกเดือน ความหวานก็คงตกหล่นร่วงหายไประหว่างทางบ้าง ... เพื่อไม่ให้ความหวานเหือดแห้ง ก็ต้องโปรแกรมสมองแบบนี้ ย้ำกันบ่อยๆ เป็นการเติมความหวานเล็กๆ น้อยๆ ค่ะ



คนดีขา ... รักคนดีทุกวันไม่เคยลืมนะคะ

14.11.53

Chir Unseen 2 : The Return of Chris Torres

บังเอิญเคยเดินผ่านร้านขายเทปและวีดีโอ ถึงได้รู้ว่ามี คริสโตเฟอร์ ไรท์ มีเดี่ยวไมโครโฟน 1 ไปแล้ว ... ได้หยุดยืนดู ยืนฟัง และยืนยิ้ม อยู่สักพักนึงก็เดินต่อไป


แล้วจู่ๆ วันนึงก็เห็นจากรายการทูไนท์โชว์ว่ากำลังจะมี Chris Unseen 2 เลยรีบคว้ามือถือ โทรชวนคนดีไปดูด้วยกัน ... คนดีเปิดดูอยู่พอดี เลยตกลงใจแบบง่ายดาย


เราจัดการจองตั๋ว แล้วจดโน้ตช่วยจำ กันลืมเอาไว้ ... พอถึงวันงานก็ไปรับบัตรที่จองไว้ที่เคาเตอร์หน้างานได้เลย


โชว์รอบ 13.00 น. แต่โชว์เริ่มช้ากว่าเวลาที่ระบุไว้นิดหน่อย ... พอประตูเปิดผู้ชมก็ทยอยกันเดินเข้าไปประจำที่ ... เราสองคนโชคดีเป็นพิเศษ เจอน้องนักเรียนคนนึงที่น่าจะเป็นแฟนคลับของครูคริส เพราะน้องเริ่มเพลินตั้งแต่โชว์ยังไม่เริ่ม แค่วีทีอาร์ที่ฉาย น้องก็ขำคิกคักจะแย่แล้ว


ครูคริสขึ้นเวที พูดคุย เล่าเรื่อง และยกตัวอย่างภาษาอังกฤษในสถานการณ์ต่างๆ มาเป็นระยะ ... แรกๆ เราก็ขำดี แต่พอตอนท้ายๆ แบตตกวูบ หลับไปเฉยๆ น่าจะเป็นเพราะรู้สึกว่ายืดเยื้อ เหมือนครูคริสจบมุขไม่ลง


พอช่วงสุดท้ายที่มีการแจกของขวัญ ของรางวัล เลยดูคึกคักกันอีกสักหน่อย ... มีช่วงนึงที่ครูคริสบอกว่า มีรางวัลพิเศษ สำหรับบางที่นั่ง ให้ลองเอื้อมมือไปสำรวจที่พนักพิง


คลำไปตอนแรกไม่เจออะไร เพราะคิดว่าน่าจะเป็นสติกเกอร์พิเศษ ที่เอามาแลกของรางวัลอีกที ... ปรากฎว่า รางวัลเป็นถุงผ้าของ His&Her ที่ซ่อนอยู่ในผ้ารองด้านหลังพนักพิงนั่นหล่ะค่ะ


ชอบจังกระเป๋าผ้าเนี่ย แล้วเป็นแบบพับเก็บพกพกง่ายด้วย ... พอคว้าเจอแล้วนั่งฟังอีกสักหน่อย จวนจะจบแล้ว แต่สุดท้ายเราก็ปลีกตัวออกมาก่อน มาแวะอุดหนุน Chris Unseen 1 ติดมือกลับบ้านมาด้วย


เป็นเดี่ยวไมโครโฟนที่ได้สาระ และเฮฮาไปพร้อมกัน ... แม้จะทำให้รู้สึกอึดอัด อืดอาดเป็นบางช่วง แต่ก็นับว่าใช้ได้ค่ะ

13.11.53

ทริปเราสามสี่คน @ เกาะสีชัง

ทริปนี้เกิดจากการคุยกันของคนที่ไม่เคยไปเกาะสีชัง กับ คนที่เคยไปเกาะสีชังแล้ว และอยากไปเก็บตกเพิ่มเติม ... การนัดตะลุยเกาะสีชังจึงเกิดขึ้น


จัดแจงส่งคำชวนผ่าน fb ไปยังเพื่อน พี่ น้อง ที่คุ้นเคยกันหลายคน ... แต่มีตอบกลับคอนเฟิร์มร่วมทริปกันเพียง 4 ชีวิตเท่านั้น มีแค่นี้ก็ไปแค่นี้ค่า


นัดเจอกัน 9 โมง แต่คนดีสาย เลยสายทั้งขบวน กว่าจะออกเดินทางได้ก็ 10 โมง ... ตรงดิ่งยิงยาวไปท่าเรือเกาะลอย เลยนิด หลงหน่อย ได้ลงเรือเที่ยวบ่ายโมง ขึ้นเกาะสีชังก็ราวๆ บ่ายสอง


ขึ้นเกาะได้ก็ตะลอนทัวร์กันเลยค่ะ จ้างรถสกายแล็ปพาเที่ยว ... จุดหมายแรกที่ไปคือ ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ ถึงแล้วแต่ไม่มีแรงไต่บันไดขึ้นไปไหว้สักการะ เพราะหิวมือไม้สั่น ขอเติมพลังก่อน ไม่งั้นไม่มีแรงเดินขึ้นบันไดแน่ๆ


หมึกย่าง ไก่ย่าง ตับย่าง และ ผัดซีอิ๊ว ... แบ่งปันกันรองท้องเบาๆ ให้พอมีแรง พอท้องอิ่ม ก็เริ่มเดินขึ้นบันไดกันได้ค่ะ


ไหว้สักการะเรียบร้อย แวะทำบุญช่วยมูลนิธิสงเคราะห์คนชราที่อยู่ตรงนั้นสักหน่อย ... แล้วก็เรียกสกายแล็ปมารับไปจุดหมายต่อไป


สกายแล็ปพามาส่งที่ ช่องอิศริยาภรณ์ หรือ ช่องเขาขาด ค่ะ ... แต่แดดแรง แดดเปรี้ยง เดินตามทางไปสุดปลายทางไม่ไหวค่ะ หยุดถ่ายรูปกันแค่ครึ่งทางก็ต้องล่าทัพ


บอกให้พี่สกายแล็ปที่จอดรออยู่พาไปส่งที่ร้านอาหาร ที่หาข้อมูลเจอจากในอินเทอเน็ทนี่หล่ะค่ะ ... เห็นว่าร้านอยู่ใกล้กับจุดหมายต่อไปพอดี เลยยืนยันหนักแน่นว่ามาร้านนี้แหละ ร้านชื่อ "เล็กท่าวัง" ค่ะ


มีโต๊ะอยู่พอสมควร แต่ร้านโล่ง ไม่มีลูกค้า คิดว่าเพราะเลยเวลามื้อเที่ยงมานาน แต่ก็อีกนานกว่าจะถึงมื้อเย็น ... เลือกทำเลนั่ง แล้วสั่งอาหารเลย


หมึกผัดไข่เค็ม ต้มยำกุ้งน้ำข้น ปลากระพงลุยสวน ส้มตำปูม้า ... ใช้ไม่ได้สักจานค่ะ กินไปอารมณ์เสียไป หมึกผัดไข่เค็มมันไป ต้มยำน้ำข้น แต่น้ำซุปแยกตัว ปลากระพงเกือบดี ถ้าเครื่องที่ราดหน้ามาจะซอยชิ้นเล็กกว่านี้ บางกว่านี้ และรสชาติกลมกล่อมกว่านี้ ส้มตำเส้นมะละกอช้ำ ไม่แซ่บ ไม่นัวเลย ... โหย กินไปก็นึกถึงคนที่มาแนะนำร้านนี้ ว่าลิ้นจระเข้รึเปล่า แต่เอ๊ะ หรือว่าลิ้นเรานั้นมาตรฐานสูงเกินไป


มุ่งหน้าไปจุดหมายต่อไปแบบ ไม่อิ่ม และไม่อร่อย ... เดินไปนิดเดียวก็ถึง พระจุฑาธุชราชฐาน พระราชวังบนเกาะแห่งเดียวในประเทศไทย ที่ประทับของรัชกาลที่ 5 ... คราวนี้ไม่มีมัคคุเทศก์น้อยช่วยนำทาง เลยต้องสุ่มเสี่ยงลองเดินกันเองค่ะ


ขอแผ่นพับที่มีแผนผังที่ตั้งของเรือนต่างๆ มาเดินสำรวจเส้นทางกันเอง ... บีหมวยระบุเป้ามาหมายชัดเจนว่าอยากเดินชมรอบใหญ่ ซึ่งใช้เวลาราวๆ 1-1.30 ชม.


เดิน เดิน เดิน และเดิน เหมือนมาเดินออกกำลังกาย มากกว่าเดินเล่นชมความงาม เพราะเรามาถึงกันค่อนข้างเย็น เรือนต่างๆ ที่เปิดแสดงนิทรรศการ ปิดไปหมดแล้ว ... เลยเดินอ่านชื่อพระตำหนัก บ่อน้ำ บันได และทางสัญจรต่างๆ ที่เป็นชื่อพระราชทานที่คล้องจองกันอย่างไพเราะ และน่ามหัศจรรย์


เดินไปจนถึงที่หมายในใจบีหมวย จุดชมวิวเนินเขาน้อย ค่ะ ... บันได้ทางขึ้นมีกอหญ้ารก แต่พอเดินขึ้นไปด้านบน วิวที่เห็น สวยคุ้มเหนื่อยค่ะ


จากจุดนี้เราก็ไปต่อกันที่จุดฮิต ใครมาเกาะสีชังไม่มาตรงนี้ ถือว่ามาไม่ถึงค่ะ ... นั่นคือ สะพานอัษฎางค์


เราก็ไปถ่ายรูปเดี่ยว รูปคู่ รูปหมู่ เป็นที่ระลึกสักหน่อย ... นั่งพัก เดินชมวิว รับลมเย็นๆ เพลิ๊นนนนน เพลินนนน


เพลินจนพี่คนขับสกายแล็ปต้องโทรมาตามค่ะ เพราะเรือโดยสารเที่ยวสุดท้ายที่ออกจากเกาะสีชัง คือรอบ 18.00 น. แล้วเวลาขณะนั้นก็ 17.45 น. แล้วค่า ... รีบขึ้นสกายแล็ป ซิ่งปรู๊ดเดียวก็ถึงค่ะ เพราะอยู่ไม่ไกล


จริงๆ มีที่พักค้างคืนได้บนเกาะ แต่ไม่ได้อยู่ในแผนของเราค่ะ ไม่ได้เตรียมตัวมาค้าง แต่เราเตรียมตัวมากินของอร่อย ... เลยต้องย้อนกลับขึ้นฝั่ง แล้วตรงดิ่งไปบางแสน เป้าหมายในใจทุกคนคือ ปูนึ่งและยำเจ้าอร่อยที่บางแสน


แต่ว่ามีงานแข่งรถพอดี ปิดเส้นทางเพื่อทำการแข่งขัน แล้วร้านโปรดของพวกเราก็ติดอยู่ในเส้นทางด้วย ... อด อดค่ะ อด เศร้า


เลยตรงดิ่งยิงยาวเข้ากรุงเทพฯ คนดีรีบแวะเข้าบ้านไปทำธุระแป๊บนึง ... แล้วเราก็ไปปิดท้ายทริปนี้กันที่ร้านข้าวต้มวัดบวร ต่อด้วย มนต์นมสด ... อิ่มม อร่อย กับร้านเดิมๆ ที่คุ้นเคย ก่อนจะแยกย้ายกลับบ้านกันได้


เกาะสีชัง มีอะไรน่าสนใจ แต่ไม่น่าประทับใจ ตรงที่ไม่เจอร้านอร่อยนี่หล่ะค่ะ ... ทริปหน้าเปลี่ยนเป็นเกาะเสม็ด หรือ เกาะล้าน ดีกว่า

9.11.53

English Class #2

ผ่านคลาสแรกไปแบบขำขัน เฮฮา กับมุขของคนดี ... มาคลาสนี้ สมาชิกหายหน้าหายตาไป 2 เพราะติดภารกิจสำรวจเส้นทางทำงานของลูกค้า นักเรียนเหลือ 5 คน ... คงจะอบอุ่น เฮฮา


คลาสนี้ ครูแอน สอนต่อจากครั้งก่อน เน้นเรื่องการออกเสียง Accent กับ Stress ... ครูแอนบอกว่าต้องบริหารลิ้น เพื่อการออกเสียงที่ถูกต้อง หัดทำเสียงสูง เสียงต่ำให้ตรง


แล้วก็มีชีทที่ให้เล่นเกม พร้อมแต้มเป็นเดิมพันให้ 100 แต้ม ... ให้ดูว่าโจทย์ที่ให้มานั้น เน้นการออกเสียงถูกต้องรึเปล่า แล้วลงแต้มเป็นเดิมพันได้ตามชอบใจ ... ตอบถูกก็ได้แต้มบวกเพิ่ม ตอบผิดก็เสียแต้มไป สะสมไปเรื่อยๆ จนข้อสุดท้าย


เกมนี้ ทำเอาคนดียื่นหน้ายื่นตา ปากยื่นปากยาว หัดศัพท์ใหม่ได้หลายคำ ... และที่สำคัญ คือ ทำให้คลาสมีเสียงหัวเราะอีกตามเคย


คลาสนี้ยังเบาๆ ให้พอปรับตัวปรับใจ ... คลาสต่อๆ ไป คงมีอะไรให้ตื่นเต้น ปวดหัวมากขึ้นแน่ๆ

8.11.53

Sammy's Adventure : The secret passage


แซมมี่ ต.เต่า ซ่าส์ไม่มีเบรค คือ ชื่อภาษาไทยของหนังเรื่องนี้ค่ะ ... เจ้าเต่าน้อยหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูตัวนี้แหละค่ะ ที่ทำให้ผู้ใหญ่วัย 30 ตกหลุมรัก และอยากไปดู ... แม้จะมีแต่ 3D และพากษ์ไทย ก็จะดู


ตอนแรกวางแผนจะย่องไปดูคนเดียว ช่วงที่คนดีไปงานต่างจังหวัด ... พอโปรแกรมของคนดีเปลี่ยน แผนที่วางไว้ของเราเลยต้องเปลี่ยนตามไปด้วย


เช็ครอบฉาย โรงฉาย เปรียบเทียบที่สะดวกที่สุดได้แล้ว ก็จัดการจองตั๋วทันทีค่ะ คราวนี้ไปลงตัวที่ SFX เซ็นทรัล เวิลด์ ... เลิกงานปุ๊บก็รีบลงรถใต้ดิน ต่อบีทีเอส ไปเจอคนดีที่ไปทำงานอยู่ในละแวกนั้นตั้งแต่ช่วงสายๆ แล้ว ... วันนี้คนดีน่ารัก ถึงก่อน จัดการไปรับตั๋วหนังที่จองไว้ก่อนเรียบร้อย แล้วมาเดินเล่นเตร็ดเตร่รอเราตามไปสมทบ


ถึงก่อนเวลาหนังฉายพอสมควร เลยแวะไปฝากท้องไว้ที่ร้าน DonDonTei เลือกข้าวราดหน้าแบบญี่ปุ่นมาคนละชาม สะดวก รวดเร็ว อร่อย ... อิ่มข้าวแล้ว แวะเติม ซอฟท์ครีมงาดำ ของร้าน Homu อีกหน่อย ก่อนจะเข้าโรงหนัง


เรื่องย่อ

นับตั้งแต่วินาทีแรกที่เต่าน้อย แซมมี่ ลืมตาดูโลก การเดินทางท่องโลกใต้ทะเลอันแสนกว้างใหญ่ก็เริ่มต้น นี่เป็นสิ่งที่เต่าทะเลทุกตัวทำก่อนที่จะกลับมาสู่หาดที่พวกเขาถือกำเนิด ... แซมมี่ต้องออกไปผจญภัยก่อนที่ตัวเองจะกลับมาพบกับ เชลลี่ คู่แท้ของเขาอีกครั้ง


ตลอดการเดินทาง แซมมี่ และ เรย์ เต่าทะเลเพื่อนซี้ ได้เห็นการกระทำของมนุษย์ที่ทำลายระบบนิเวศวิทยา แต่เขาก็ได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนมนุษย์คนอื่น ... แมมี่ต้องเผชิญหน้ากับปลาปิรันย่า อสรพิษในป่าดงดิบ เจ้าฉลามวายร้าย รวมถึงการค้นพบเส้นทางลับใต้ทะเลลึก ... แต่ไม่ว่ากระแสน้ำจะเชี่ยวกรากขนาดไหน หรือเขาต้องอยู่ใต้ท้องทะเลไปอีกนานเพียงใด เขาก็จะขยับครีบไปข้างหน้าเรื่อยๆ เพราะเป้าหมายเดียวของการผจญภัยอันตื่นเต้นและน่าประทับใจก็คือ การที่เขาจะได้พบกับเชลลี่อีกครั้ง


อนิเมชั่นในรูปแบบ 3D ที่พากษ์โดยทีมพากษ์พันธมิตร ... ลำพังตัวการ์ตูนก็น่ารักน่าเอ็นดูจะแย่แล้ว พอเจอทีมพากษ์ทีมนี้ เลยเป็นอนิเมชั่นที่ทั้งน่ารัก และแอบฮาไปด้วย ... เป็น 3D ที่สวยมากกกกกกกกกกก หลายฉากทำเอาตื่นตาตื่นใจ




ตอนแรกลังเลว่าจะรอดูตอนออกมาเป็นแผ่นดีมั้ย แต่ก็จะมาแบบ 2D ไม่หวือหวาตื่นตาตื่นใจ ... พอได้ดู 3D แม้ราคาตั๋วที่แพงขึ้น แต่ก็นับว่าคุ้มค่ามากเลยค่ะ


(Credit รูปภาพ รูปโปสเตอร์ และคลิป จาก สหมงคลฟิลม์ ค่ะ)

6.11.53

สามชุก - ทริปเฉพาะกิจสำหรับ สว

ตามกำหนดแล้ว 5-8 พ.ย. คนดีจะต้องไปดูติดตั้งงานลูกค้าที่นครศรีธรรมราช ... แต่เพราะสถานการณ์น้ำท่วม ฝนตก น้ำป่า ไม่น่าไว้ใจ โปรแกรมนี้เลยต้องยกเลิก


คนดีที่นัดหม่ามี้กับพ่อไว้ ว่าจะนั่งรถไปเป็นเพื่อนกัน เลยต้องยกเลิก ... เคลียร์คิวรอไว้แล้ว มีเวลาว่างแบบนี้ หม่ามี้กับพ่อเลยจัดทริปเฉพาะกิจขึ้นมา ... จุดหมายปลายทางคือ "ตลาดสามชุก" ค่ะ


เพราะหม่ามี้ยังไม่เคยไป และพ่ออยากจะพาคุณย่าไป ... ทริปสำหรับ สว (สูงวัย) ลุยตลาด เลยเกิดขึ้นค่ะ


เรา คนดี หม่ามี้ พ่อ ออกเดินทางจากบ้านมาแวะรับ น้าอี๊ด (เพื่อนของแม่) แถวกรุงเทพ-นนท์ ... แล้วเลยไปรับคุณย่าที่ปากเกร็ด ... สมาชิกครบก็ออกเดินทางได้ค่ะ


ที่หมายแรก "ร้านเล็กเสี่ยวหงส์" ที่ตลาดท่าช้าง ... ตรงดิ่งผ่านสามชุก ไปเติมพลังกันก่อนค่ะ


หลังจากที่เรากับคนดีค้นพบร้านนี้ แล้วติดใจ พาพ่อกับหม่ามี้มาลอง ก็ติดใจเหมือนกัน เลยพาคุณย่ามาลองชิมบ้างค่ะ ... ร้านติดริมแม่น้ำท่าจีน บรรยากาศร่มรื่น คนไม่เยอะ ไม่วุ่นวาย ที่สำคัญอาหารอร่อยแน่ๆ


เมนูเดิมๆ ที่ติดใจ อย่าง ลูกชิ้นปลากรายลวกจิ้ม ปอเปี๊ยะสวรรค์ ผัดไทย ก็สั่งมาเหมือนเดิม ... แล้วก็สั่งเมนูใหม่ๆ มาลองชิมด้วย


พล่ากุ้ง - กุ้งสดๆ ตัวโตๆ มาเต็มจาน ... ปลาแรดทอดกระเทียม - ตัวพอเหมาะ ทอดมากรอบบบบบ กินได้แม้กระทั่งก้าง ... ต้มยำปลาคัง - รสเบาๆ ทานได้สบาย ... กระเพาะปลายัดไส้ - ต้องเรียกว่า หมูยัดไส้กระเพาะปลามากกว่าค่ะ รสกลมกล่อม อร่อย


ปิดท้ายด้วย ฟักทองญี่ปุ่นอบวนิลา ของหวานที่มีอยู่ในเมนู เห็นแล้วสงสัยว่าคืออะไร เลยลองสั่งมาชิมชิ้นนึง ... ชิ้นนี้เจ้าของร้านภูมิใจนำเสนอ เพราะคิดเมนูเอง ฟักทองอบให้เนื้อนุ่ม แล้วต้องแช่ตู้เย็นไว้ไม่ต่ำกว่า 3 ชม. กินกับซอสวนิลา และ กะทิ


วิธีกินให้ถูกต้องคือ กวาดกะทิที่ราดหน้ามา ลงไปผสมกับซอสวนิลา คนให้เข้ากันดี แล้วค่อยตักฟักทองกับซอสเข้าปาก ... คำแรกที่รู้สึกคือ หอมกลิ่นวนิลา เพราะใช้วนิลาแท้ๆ จากฝักเลย เม็ดเล็กๆ ดำๆ ที่เห็นในจานนั่นหล่ะค่ะ ตัวซอสกับเนื้อฟักทองเข้ากันได้ดี นุ่มๆ หอมๆ อยู่ในปาก และที่สำคัญ เย็นชื่นใจ ... อร่อยมากกก


อิ่มแล้วก็ได้เวลาชมตลาดค่ะ ย้อนกลับไปตลาดสามชุก ... คราวนี้โชคดีหาที่จอดรถได้ใกล้ๆ คุณย่าจะได้เดินสบายหน่อย ... แต่เป็นการเดินชมตลาดที่เคลื่อนตัวช้ามากกกกกกก เพราะคุณย่าอายุมากแล้ว เดินไม่คล่องแล้ว


เรากับคนดีล่วงหน้าเดินชมตลาดกันก่อน เดินครบทุกจุด สำรวจร้านประจำครบแล้ว ก็มาเจอขบวน สว เพิ่งเดินชมตลาดซอยแรกเสร็จ ... แต่คุณย่าดูท่าจะเหนื่อยมาก แล้วไม่มีไม้เท้าช่วยพยุงด้วย รถเข็นก็ไม่มี เลยตัดสินใจให้คุณย่านั่งพักดีกว่า

เป็นไงคะ "ย่ากับพ่อ" เจนเนอเรชั่น 1 กับ เจนเนอเรชั่น 2 หน้าตาเหมือนกันมั้ยคะ



เราเองก็ขี้เกียจจะเดินแล้วเลยปักหลักรออยู่ใกล้ๆ ปล่อยให้แม่กับน้าอี๊ดเดินช้อปปิ้งกันไป ... พักใหญ่ๆ ทั้งคู่ก็กลับมาพร้อมกับถุงพะรุงพะรัง ได้เวลาเคลื่อนพลกลับบ้านค่ะ


เป็นทริปเฉพาะกิจง่ายๆ สบายๆ สำหรับสว ค่ะ ... กิจกรรมไม่เยอะ แต่ต้องกินของอร่อยตามสไตล์บ้านนี้ค่ะ

2.11.53

English Class #1

Hello, Test Test ... อะแฮ่ม ปัดฝุ่น ปรับสมองเข้าโหมดภาษาอังกฤษสักหน่อยค่ะ


เรียนภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ท่อง A B C เรียน Grammar และอีกสารพัดมาจนจบมหา'ลัย ... มีภาษาอังกฤษติดตัวอยู่บ้าง แต่ไม่ได้ใช้ จนเริ่มไม่แน่ใจว่าภาษาอังกฤษที่มีอยู่ในหัวนั้นยังใช้ได้อยู่รึเปล่า


ศัพท์ต่างๆ ที่มีติดหัวก็พอสมควร จับนั่น ผสมนี่ พอจะเข้าใจได้ ... เขียนนี่เป็นปัญหา เพราะGrammar คืนครูไปหมดแล้ว พูดแบบพอเอาตัวรอดไปได้ ผิด-ถูกไม่รู้ แต่ก็หาทางสื่อสารได้ ส่วนฟัง+อ่านก็พอไหว ... เพราะฉะนั้นพอบีหมวยมาชวนเข้าคลาสกับ "ครูแอน" เราเลยตกลงทันที


ครูแอนรับสอนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวอยู่แล้ว หลังจากได้พบปะพูดคุยกันเป็นครั้งคราว บีหมวยเปรยว่าไว้จะมาขอเป็นลูกศิษย์ ... ครูแอนก็ใจดี ตกปากรับคำแล้วเสนอคอร์สสอนทันที


อานิสงส์เลยส่งผลมาถึงสาวๆ ในออฟฟิศ ที่จะมีคุณครูมาสอน มารื้อฟื้นภาษาอังกฤษให้ถึงที่ ... ตกลงนัดวัน-เวลาเรียนเรียบร้อย คลาส 30 ชั่วโมง ทุกวันอังคาร 18.00-20.00 น.


ครูพร้อม วัน-เวลา สถานที่ ลงตัว ก็ต้องทำการทดสอบพื้นความรู้ คุณครูจะได้จัดคอร์สสอนถูก ... ได้แบบทดสอบมา 3 หน้าเต็มๆ เปิดหน้าแรกเจอ Grammar ทำเอาตะลึง ตึง ตึง อึ้งไปหลายนาที


ครูแอนให้ทำเท่าที่ทำได้ ห้ามใช้ตัวช่วย ... ก็งมๆ งงๆ ทำการบ้านส่งกลับไป แล้วมารอลุ้นผลวันเริ่มเรียนค่ะ


คลาสแรกเริ่มกันเบาๆ ด้วย Introduction การทักทาย แนะนำตัว ... รู้สึกเหมือนย้อนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง หัดออกเสียง ปรับลิ้นให้คุ้นกับการออกเสียง ... แล้วก็เฉลยผลแบบทดสอบ พร้อมอธิบายเพิ่มเติม


บรรยากาศการเรียนแบบง่ายๆ สบายๆ สนุกสนานเป็นกันเอง เพราะมีนักเรียน 7 คนแค่นั้น ... แล้วมีตัวป่วนอย่างคนดี ที่ภาษาอังกฤษ งูๆ ปลาๆ พาให้สับสน ทำเอาขำกลิ้งได้เป็นระยะ


สนุกสนานกับภาษาอังกฤษ อาทิตย์ละครั้ง ก็เพลินดีนะคะ