29.5.54

หนังควบ กับ โรงหนังสำหรับคนรักหนัง

ช่วงนี้มีหนังที่อยากดูทยอยเข้าโรงต่อกันหลายเรื่อง ... พลาดไปแล้วหลายเรื่อง และยังเหลืออีกหลายเรื่องที่กำลังเข้าคิวให้ตามเก็บ ... ความอยากดูหนังมีมาก แต่ราคาตั๋วหนังที่ขยับขึ้นทำเอาต้องคิดหนัก เพราะถ้าดูหนังครบทุกเครื่อง กระเป๋าตังค์คงเปื่อย

นึกขึ้นมาได้ว่ามี Apex เครือโรงหนังใจกลางเมือง ที่เป็นมิตรกับคนรักหนัง ... เลยเข้าไปเช็คหนังและรอบฉาย มีหนังที่เราอยากดูครบ ... ชวนคนดี ตั้งใจเข้าไปดูหนังที่นี่แล้วกัน

วันอาทิตย์ ตื่นแต่เช้า อาบน้ำแต่งตัว ลง MRT ต่อ BTS มุ่งหน้าไปสยามแต่เช้า ... 9.20 ถึงหน้าห้องขายตั๋วของ ลิโด เลือกที่นั่ง จ่ายสตางค์ รับบัตร แล้วก็นั่งรอคนดีอย่างสบายใจ

10.00 น. ได้เวลาฉาย Pirates of The Caribbean : On Stranger Tides

เรื่องย่อ ... การกลับมาของกัปตัน แจ๊ค สแปรโรว์ โจรสลัดมาดกวน ที่ออกเดินทางตามหาน้ำพุแห่งวัยเยาว์ ... ครั้งนี้ผู้ร่วมเดินทางไปกับเขา คือ แองเจลิกา สาวสวยที่เคยมีอดีตกับเขา และยังเป็นลูกสาวของกัปตันแบล็ดเบียร์ด โจรสลัดในตำนานผู้น่าเกรงขาม ซึ่งกำลังออกตามหาน้ำพุวิเศษนี้เช่นกัน

ดูไป ลุ้นไป ขำไป ... บอกไม่ถูกว่าตกหลุมรัก จอนห์นี่ เด็ปป์ หรือ ตกหลุมรัก แจ๊ค สแปรโรว์ กันแน่ เพราะผสมกลมกลืนกันลงตัวดีเหลือเกิน ... แม้จะมอซอ มอมแมม เจ้าเล่ห์ ขี้โกง กะล่อน แต่ก็น่าเอาใจช่วยจริงๆ

ดูหนังจบ ข้ามไปพารากอน จะไปหามื้อเที่ยงเติมพลัง ... แต่คนดีทักมาว่า ดูอีกเรื่องเลยมั้ย ... เอาจริงรึเปล่า ถามกันหลายประโยคจนมั่นใจว่าพูดจริง ... ก็เลยเดินข้ามถนนไป สกาล่า จองตั๋วหนังอีกเรื่อง

ได้ตั๋วหนังมาครอบครองแล้ว ก็ต้องเติมพลังค่ะ ... เวลาเหลือสบายๆ เลือกร้าน Marina HK ใกล้ๆโรงหนังเป็นที่ฝากท้อง ... บะหมี่ลูกชิ้นปลา ชุดข้าวหมูแดง เซี่ยงไฮ้หมู ทานเรื่อยๆ เพลินๆ อร่อยดีค่ะ

14.15 น. ได้เวลาของ Kung Fu Panda 2

เรื่องย่อ ... หลังจาก โป ได้เป็นนักรบมังกร เขาก็ร่วมมือกับเพื่อนๆ เจ้าตำนานผู้พิชิตทั้ง 5 คอยปกป้องหุบเขาแห่งสันติ ... แต่ชีวิตใหม่ของโป ก็ถูกรบกวนด้วยการปรากฎตัวของจอมวายร้ายตัวใหม่ ที่วางแผนจะใช้อาวุธลับที่มีอานุภาพร้ายแรง ยึดครองประเทศจีน และทำลายกังฟูให้สิ้นซาก

โปจึงต้องย้อนกลับไปยังอดีตและขุดคุ้ยความลับของต้นกำเนิดที่ลึกลับของตัวเองให้ได้ ... เมื่อนั้น เขาจึงสามารถที่จะปลดปล่อยพลังที่ซ่อนเร้นภายในเพื่อบรรลุเป้าหมายของตัวเองได้

กังฟู แพนด้า สนุกเหมือนเคยค่ะ เป็นอนิเมชั่นที่สนุก และฮามาก เหมือนได้ดูเรื่องราวของเพื่อนเก่า ... ตกหลุมรักตั้งแต่ภาคแรก ภาคนี้ก็ยังครองใจเราไว้ได้ และถ้ามีภาคต่อไปก็จะตามดูค่ะ

เป็นการดูหนังควบ 2 เรื่อง ที่ประทับใจมาก เพราะหนังสนุก และค่าตั๋วหนังที่จ่ายไป 2 เรื่อง คนละ 180 บาท ... โปรดฟังอีกครั้ง 2 เรื่อง แต่จ่ายค่าตั๋ว 180 บาท คุ้มมากกกกกกกกกก

เพราะค่าตั๋วหนังของโรงหนังในเครือเอเพ็กซ์ ที่นั่งละ 100-120 บาทเท่านั้นค่ะ ... และถ้าเป็นรอบก่อนเที่ยง ค่าตั๋วลดลงเหลือ 80 บาท ... ตั๋วหนังราคา 80 บาท ในวันเสาร์-อาทิตย์ อร๊ายยยยยย เริ่ดที่สุด

แม้บรรยากาศโรงหนังจะดูทึมๆ มอๆ ไม่สว่างสดใส แต่ก็สะอาดนะคะ ... ระบบภาพ ระบบเสียง ก็ไม่ได้ไก่กา เพราะเป็นระบบ Dolby Digital ภาพชัด เสียงชัด ไม่ต้องชัดแจ่มทะลุจอก็ได้ ... ดูได้สบายตา ฟังได้สบายหูก็เริ่ดแล้ว

ระบบจองตั๋วที่ลิโด ใช้คอมฯ แล้ว ตั๋วหนังก็ใช้คอมฯ ปริ้นท์ ... แต่ที่สกาล่า ยังเป็นระบบเลือกที่นั่ง จากผังที่นั่งบนกระดาษ และฉีกตั๋วหนังจากเล่มอยู่เลย ขลังดีจัง

รักษาเวลาฉายหนัง ... ฉายหนังตัวอย่าง 4-5 เรื่อง มีโฆษณาแค่ 1-2 ตัวแค่นั้น ... ดีจัง ไม่ต้องเสียเวลานาน
และที่เป็นเอกลักษณ์ของโรงหนังเครือนี้ คือ พนักงานเดินตั๋วในชุดสูทเหลือง ... เป็นพนักงานรุ่น คุณลุง คุณน้า คุณอา คุณพี่ ที่ยิ้มแย้มและดูแลลูกค้าดี ... วันที่ไปเห็นพนักงานคนนึง ยื่นแขนให้คุณลุงท่านนึงเกาะแขน แล้วพาเดินลงบันไดไปส่งถึงแถวที่นั่ง

อันที่จริง ก็เคยเป็นลูกค้าของเครือนี้ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม ... สยาม ลิโด สกาล่า แวะเวียนไปใช้บริการอยู่เรื่อย มาทิ้งช่วงห่างไปตอนทำงาน เพราะเลือกใช้บริการโรงหนังใกล้บ้าน ใกล้ที่ทำงาน ... แต่พอเจอค่าตั๋วที่ปรับขึ้นอยู่เรื่อยๆ เงื่อนไขจุกจิกมากมาย โฆษณาก็เยอะ ฉายหนังเลท ... ทนไม่ไหว ต้องหาทางเลือกใหม่

แม้จะเป็นทางเลือกใหม่ ที่ไม่สดใส ไฉไล ออกแนวเก่าๆ ขลังๆ แต่ก็คลาสสิค และน่าประทับใจ ... เสียดายอยู่นิดที่คนดูบางตา แม้จะเป็นข้อดีตรงที่ไม่ต้องวุ่นวายกับคนหลายรูปแบบ ... แต่ก็อดหวั่นใจไม่ได้ว่า โรงหนังจะขาดทุน แล้วจะต้องปิดตัวลง

ถ้าโรงหนังในเครือนี้ต้องปิดตัวลง คงเสียใจมาก ... แค่โรงหนังสยามโดนเผาไป แล้วไม่รู้จะได้กลับมาใหม่รึเปล่าก็เสียดายแย่แล้ว ... เหลืออยู่แค่ 4 โรงเท่านั้น ก็ต้องให้กำลังใจกันหน่อย

ตั้งใจไว้ว่า ถ้ามีหนังที่สนใจ อยากดู และเข้าฉายในโรงนี้ด้วย ก็จะไปอุดหนุนที่นี่แน่นอนค่ะ ... กลับไปอุดหนุนรอบนี้ ทำเอาตกหลุมรักเครือ Apex เข้าอย่างจัง โรงหนังสำหรับคนรักหนังตัวจริงเสียงจริงค่ะ

28.5.54

Japanese Class #8

เสาร์ที่ผ่านมาเว้นวรรคพักการเรียนภาษาญี่ปุ่นไปค่ะ เพราะคนดี กับ น้องชาย ยังติดพันภารกิจจัดบ้านเตรียมทำบุญให้ป๊า ... เลยเกณฑ์ Sensei มาช่วยเก็บบ้าน จัดของ ทำความสะอาดแทน

Sensei ต่อรอง ของทำการทดสอบอย่างเดียว ไม่เรียนก็ได้ ... แต่นักเรียน 2 คน ใช้สิทธิความเป็นพี่ ยืนยันหนักแน่นว่าขอเลื่อน Sensei เลยต้องยอมจำนน

มาสัปดาห์นี้คนดีติดงานแต่งงานเพื่อน เลยขอเลื่อนเวลาเรียนจากตอนค่ำมาเป็นเที่ยงแทน ... เราไปหาคนดีที่บ้าน เพราะช่วงเช้าคนดีมีงานที่ต้องเข้าไปเคลียร์กับซัพพลายเออร์ ... ถึงบ้านคนดีปุ๊บ เราก็หยิบศัพท์มาทวนเตรียมเทสต์

สุดท้ายคนดีก็ขาดเรียนคลาสนี้จนได้ เพราะงานยังไม่เรียบร้อย ปล่อยให้เรากับน้องๆ เรียนนำไปก่อน ... เริ่มต้นคลาสด้วยการเทสต์ คำศัพท์ ไทย-ญี่ปุ่น และ ญี่ปุ่น-ไทย อย่างละ 10 คำ

ท่องศัพท์มาเต็มที่ หัดเขียนตัวอักษรมาอย่างดี ผลการเทสต์ ก็ได้ คะแนนเต็ม ... ยะูฮู้้้้

เทสต์จบก็เริ่มเรียนกันต่อค่ะ ... มาทำความรู้จักกับเสียงยาวต่ออีก 2 หัวข้อย่อย ... จบแล้วก็ต่อด้วยเสียงกัก

รู้สึกคลาสนี้ ข้อมูลท่วมท้นล้นหัวเหลือเกิน สงสัย Sensei จะมันมือ เพราะเว้นไม่ได้สอนไปสัปดาห์นึง ... จัดความรู้ให้นักเรียนแบบเต็มพิกัด

พอจำตัวอักษรได้ครบแล้ว ก็เริ่มสนุกค่ะ ... เริ่มสงสัย เริ่มอยากรู้เพิ่มขึ้น ... เวลาเจอข้อความภาษาญี่ปุ่นตามที่ต่างๆ ก็พยายามหัดออกเสียง แม้จะไม่รู้ความหมาย แต่ก็สนุกที่ได้ทบทวนค่ะ

27.5.54

แจ๋วไปปาร์ตี้


นายส่ง Invitation ผ่านทาง facebook ชวน ลูกน้องและผองเพื่อนไปร่วมปาร์ตี้วันเกิด วันศุกร์ที่ 27 พ.ค. สาวๆ เตรียมเฮ รับ วันสุขแห่งชาติ ... พอวันพุธ นายก็แจ้งข่าวด่วน ว่าให้เตรียมตัวย้ายของ จัดออฟฟิศใหม่ เพราะงานตกแต่งออฟฟิศเรียบร้อยแล้ว ย้ายกลับประจำที่เดิมกันได้

เอาหล่ะซิ ... ปาร์ตี้ ปะทะกับ งานขนย้าย ... สาวๆ อย่างเรา จะรับมือกันยังไงดี

ในเมื่อไม่มีทางเลือก ต้องทำทั้ง 2 อย่างภายในวันเดียวกัน ... เราก็ต้องแปลงร่างกันค่ะ

รอบเช้า มาในร่างสาวแจ๋ว แต่งตัวทะมัดทะแมง พร้อมขนย้าย และมอมแมม ... เสื้อผ้าหน้าผม เบาๆ ง่ายๆ พร้อมเลอะ พร้อมเหงื่อท่วม

ครั้งนี้ทำการขนย้ายของเร็วกว่าครั้งก่อนค่ะ สิบโมงนิดๆ ก็เริ่มทยอยขนของกันแล้ว ... และอาจจะเพราะมีประสบการณ์จากครั้งก่อน สาวๆ เลยเก็บของ ย้ายของ จัดของคล่องขึ้น เพราะเที่ยงก็ขนของขึ้นชั้นบนหมดเรียบร้อย

พักทานมื้อกลางวัน ก็กลับมาจัดของ จัดโต๊ะกันต่อ ... ค่อยๆ เก็บ ค่อยๆ จัดไป ระหว่างที่ช่างเข้ามาเซ็ทระบบแลน กับ โทรศัพท์ภายใน ... บ่ายสองนิดๆ ก็เริ่มเข้าที่เข้าทาง

ภารกิจขนย้ายเริ่มเข้าที่ ประดาสาวแจ๋วทั้งหลาย ก็ทยอยกันแปลงร่างค่ะ ... คนบ้านไกลก็เอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยน ส่วนคนบ้านใกล้ก็แวบกลับบ้านไปแปลงร่าง ... เราเองจัดอยู่ในกลุ่มหลังค่ะ

เราแวะกลับบ้าน วิ่งผ่านน้ำ แต่งหน้า แต่งตัว ก่อนแวะเข้าร้านทำผมใกล้บ้าน ใช้บริการสระเซ็ท ให้สวยงามพร้อมรับแขก ... สาวออฟฟิศนี้ ถ้าต้องพบปะคนแปลกหน้า เราก็พร้อมจัดเต็ม เพื่อความสวยงาม เป็นหน้าเป็นตาของออฟฟิศค่ะ

กลับเข้าออฟฟิศแบบพร้อมทั้งเสื้อผ้าหน้าผม ก็ไปเจอประดาสาวๆ แปลงร่างสวยงามกันเรียบร้อย ... ไม่มีใครยอมใคร

จัดเต็มกันแบบนี้ ก็ต้องเก็บภาพเป็นที่ระลึกไว้สักหน่อย ... ช่วงนี้เห่อ มุมหน้าออฟฟิศ เพราะสีสวยเด่น เลยถ่ายรูปเล่นกันสนุกสนาน

พอได้เวลาก็เคลื่อนที่ เคลื่อนพลไปจุดนัดหมาย ... ร้าน Reflection Again ในซอยอารีย์ 3 งานนี้นายเลือกร้านเอง จัดการจองเอง สั่งอาหารเองเสร็จสรรพ ... ประดาลูกน้องไปถึง ก็คว้าไมค์ร้องเพลงเช็คความพร้อมของเครื่องคาราโอเกะ พออาหารพร้อมก็ทิ้งไมค์ กินข้าวเติมพลังกันเต็มที่

เพราะหลังจากอิ่ม ก็เป็นเวลาเอนเตอร์เทน ... ทั้งสนุกกันเอง สนุกตามคำขอของนาย และสนุกเพื่อสร้างสีสันให้บรรดาแขก

ครึกครื้นเฮฮากันทั้งศิษย์ปัจจุบัน ศิษย์เก่า และ แขกของนาย ... พอได้เวลาดีสี่ทุ่ม ก็มีเซอร์ไพรส์ ยกเค้กมาให้เจ้าของวันเกิดได้อธิษฐาน เป่าเทียนวันเกิดตามธรรมเนียม และทำการมอบของขวัญ

หลังจากนั้น ก็เฮฮากันตามอัธยาศัย ก่อนจะค่อยๆ ทยอยร่ำลากลับบ้านกันไปทีละราย สองราย ... เรา กับ สมาชิกชุดใหญ่ ขอลากลับตอนห้าทุ่มนิดๆ

ถ้าเมื่อเช้าไม่ต้องขนย้ายของ ก็คงมีแรงเฮกับปาร์ตี้ได้อีกพักใหญ่ ... แต่นี่สาวแจ๋วหมดแรงไปกับการยกของซะเยอะแล้ว เวลาปาร์ตี้เลยอยู่ยาวเหมือนเคยไม่ไหวค่ะ

26.5.54

ตกหลุมรัก iPad2

เคยอ่านเจอจากที่ไหนไม่รู้ว่า ใครที่ได้ลองใช้สินค้าของ apple สักชิ้นแล้ว จะตกหลุมรักสินค้าอื่นๆ ของค่ายนี้ตามไปด้วย ... เรียกว่ามีชิ้นแรกแล้ว จะมีชิ้นอื่นๆ ตามมา

เราเองหลังจากได้ iPhone 3Gs มาครอบครอง ตอนแรกก็หวั่นใจว่าซื้อมาจะใช้คุ้มรึเปล่า ... ผลปรากฎว่า คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม ใช้มันส์ ใช้เพลิน เรียกว่าติดหนึบหนับกันเลยทีเดียว

พอมี iPad ออกมา ก็ทำเอาตื่นตาตื่นใจเล็กน้อย แต่ไม่ได้ดึงดูดความสนใจกันมากนัก ... แต่กลายเป็นถูกใจคนดีจนต้องสอยมาครอบครอง ... เราจับเล่นบ้างนิดๆ หน่อยๆ

จน iPad2 ออกมา เราก็ไม่ได้สนใจเช่นเคย ใครต่อใครเค้าตื่นเต้นตามข่าวอยากได้กัน เราก็เฉยๆ ... แต่พอไปเห็นตัวจริงที่ iStudio เท่านั้นแหละค่ะ กิเลสพรุ่งปรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด


กลับมาบ้านเปิดดูหน้าเว็บของ apple store นั่งจ้องแล้วจ้องอีก ... คิดแล้วคิดอีก

สุดท้ายก็พ่ายแพ้ต่อกิเลส กดสั่งซื้อผ่านหน้าเว็บไป ... เพราะราคาเท่ากับในช้อป ไม่มีค่าชิปปิ้ง และเก๋กว่าซื้อที่ช้อปตรงที่ สั่งออนไลน์แบบนี้ สามารถสลักข้อความด้านหลังได้ฟรี

ไม่ต้องไปเข้าคิวรอซื้อ ไม่ต้องแวะเวียนไปถามว่าของมารึยัง ... แค่รออยู่เฉยๆ เดี๋ยวพนักงาน DHL ก็จะพาของมาส่งให้ถึงมือ

สั่งซื้อไปวันที่ 11/5 ... ในรายการสั่งซื้อแจ้งว่า ของจะส่งมาถึงช่วงปลายเดือน ... รอ ร้อ รอ ด้วยใจจดจ่อ แวะเวียนเข้าไปดู order status ว่าขั้นตอนไปถึงไหนแล้ว

จนวันที่ 22 เห็นข้อความว่า สินค้าถูกส่งมาแล้ว ... เท่านั้นหล่ะค่ะ กระดี๊กระด๊า ตั้งตารอว่า พนักงาน DHL จะเดินเข้าประตูออฟฟิศมาเมื่อไหร่

จนบ่ายที่กำลังวุ่นวายของวันที่ 26 ... ระหว่างที่เดินขึ้นลงดูพื้นที่ ดูของ เตรียมจัดออฟฟิศใหม่ น้องคนนึงก็บอกว่ามีของมาส่ง หันไปเห็นกล่องพัสดุก็ กรี๊ดดดดด เลย รู้ทันทีว่าใช่แน่ๆ ของที่รอมาถึงมือแล้วแน่ๆ

เปิดกล่องดูก็ยิ้มแป้นแล้นหน้าบาน ... กลับมาชื่นชมที่บ้านอย่างเพลิดเพลินใจ โหลด app มาลองเล่นอย่างสนุกสนาน ... ภาพชัดแจ่ม ใสแจ๋ว ตกหลุมรักเข้าโครมเบ้อเร่อ

ช่วงนี้อยู่ระหว่างเริ่มต้นศึกษาทดลองใช้ หวังว่าจะใช้ประโยชน์ของ iPad2 ได้คุ้มค่าเหมือนกับที่ใช้ iPhone อย่างเพลิดเพลิน

25.5.54

อยากรู้นัก

"เธอบอกจะรัก รักไม่เบื่อหน่าย แต่มันน่าสงสัยว่าจะจริงเหรอ

เธอตอบได้ไหม ไหนลองบอกกล่าว บอกกันหน่อยน้องสาว ว่าเธอคิดยังไง

เธอติดใจฉัน ฉันมันสุดหล่อ ต่อไปจะรักฉันรึเปล่าเธอจ๋า

เธออาจมาหา หากันบ่อยๆ บอกกันหน่อยน้องสาว ว่าเธอคิดยังไง

บอกหน่อยได้ไหม วันใดที่ฉันชรา อืดอาดเชื่องช้า หน้าตาเหี่ยว หมดความหมาย

บอกหน่อยได้ไหม มีใครจะคอยห่วงใยดูแล เธอจะมีรักแท้แค่ไหนอยากรู้

อยากรู้นัก อยากรู้นัก ... "




เพลง อยากรู้นัก ของ คุณเรวัต พุทธินันท์ ... เนื้อเพลงสั้นๆ แต่ความหมายถูกใจ ... อยากรู้นักว่าจะรักกันนานแค่ไหน


รู้จักเพลงนี้เพราะ ปีเตอร์ คอร์ป ไดเรนดัล หนึ่งในนักร้องคนโปรด ได้รับมอบหมายให้เพลงนี้ใน คอนเสิร์ท Tribute to เรวัต พุทธินันท์ เมื่อหลายปีก่อนนู้นนนนน




ไปอยู่ในบรรยากาศคอนเสิร์ท ได้ฟังกับหู ได้เห็นกับตา ก็ยังเก็บความประทับใจจากคอนเสิร์ทนี้เอาไว้ ... เวลาได้ยินเพลงนี้ทีไร ไม่ว่าจะเป็นต้นฉบับ หรือ แบบที่ปีเตอร์เอามาร้อง ก็จะอมยิ้มทุกที


และเพราะเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ทำให้เราสามารถค้นหาเพลงเก่าๆ คลิปเก่าๆ ได้ ... วันนี้เกิดนึกถึงเพลงนี้ขึ้นมา เลยลองค้นดู ก็เจอสมใจ ... ต้องขอขอบคุณคนที่อัพโหลดไว้จริงๆ


เจอทั้งเวอร์ชั่นคอนเสิร์ท ที่ปีเตอร์ร้อง อย่างคลิปด้านบน ... แล้วยังเจอเวอร์ชั่น พี่ก้อง สหรัถ นักร้องคนโปรดอีกคน ร้องสมัยละอ่อน ที่ลานโลกดนตรี





ถูกใจมาก ทั้งสองคลิป เลยต้องเอามาลงไว้ในบล็อก จะได้เปิดดูได้ง่ายๆ ... ขอบคุณเจ้าของคลิปทั้งสองท่านไว้ตรงนี้เลยนะคะ

22.5.54

100 วัน ผ่านไป

นับตั้งแต่วันที่ป๊าจากคนดีไป ผ่านมา 100 วันแล้ว ... ปรับตัวปรับใจมาพอสมควร แต่ก็ยังไม่ชิน


แม้จะยังไม่ชิน แต่ก็มีภารกิจที่ต้องทำรออยู่ นั่นคือ ทำบุญ 100 วัน ... เป็นการทำบุญ 100 วัน แบบผสมผสานระหว่างธรรมเนียมจีนและไทย


ก่อนจะถึงกำหนดทำบุญ สมาชิกในบ้าน ทั้งโซ้ยอี๊ คนดี น้องชาย น้องสาว แฟนน้องสาว ก็ต้องช่วยกันเก็บของ จัดบ้าน ปัดกวาด โยกย้าย ตกแต่งมุมต่างๆ ใหม่ ... เราเองไปช่วยได้นิดๆ หน่อยๆ ช่วงเสาร์-อาทิตย์ ... กว่าพื้นที่ในบ้านจะเรียบร้อย พร้อมรับแขก ทำบุญ ก็เกือบวินาทีสุดท้าย


ตื่นแต่ 6 โมงเช้า ทำความสะอาดรอบสุดท้าย จัดเตรียมพื้นที่สำหรับพระ กางเต้นท์ผ้าใบสำหรับรับแขกกันเอง ... เพราะทำพิธีที่บ้าน นิมนต์พระมาทำบุญ แล้วเลี้ยงโต๊ะจีนญาติๆ และเพื่อนบ้านใกล้เคียง


สถานที่พร้อม ตั้งโต๊ะตั้งของไหว้ป๊าก่อน ... ใกล้ๆ 10 โมง ก็นิมนต์พระมาทำบุญ ถวายเพล ... พระสวดมนต์ ให้พร ถือโอกาสควบทั้งทำบุญ 100 วัน และทำบุญบ้านไปด้วย


ถวายเพลเสร็จก็เลี้ยงญาติ เลี้ยงแขก เลี้ยงเพื่อนบ้าน ... โต๊ะจีนเจ้าอร่อยประจำตระกูล มาตั้งเตาปรุงอาหารกันสดๆ ... ฟ้าเปิด แดดเปรี้ยง แขกนั่งกินข้าวไป ก็ปาดเหงื่อไป อร่อยแบบเหงื่อชุ่ม ... อาหารเสิร์ฟครบทุกรายการ แขกอิ่มหนำสำราญ ก็ได้เวลาอำลาแยกย้าย


เพื่อนบ้านในซอยก็แยกย้ายกลับเข้าบ้าน ญาติๆ บ้านไกลๆ ก็ลากลับ ญาติบ้านใกล้ๆ ก็ช่วยกันเก็บของ เคลียร์ค่าใช้จ่าย ... แล้วความเอิกเกริก ก็กลับสู่ความเงียบสงบ ให้ได้นั่งพักหายใจหายคอสักหน่อย ก่อนที่คนดีจะพาเรากลับมาส่งที่บ้าน


เมื่อคนสำคัญคนหนึ่งไม่อยู่ให้สัมผัสกันได้เหมือนเก่า แม้จะปรับปรุง จัดแต่งพื้นที่ใหม่ ... ความทรงจำเดิมๆ ที่เคยเกิดขึ้นก็ยังคงอยู่ ณ ที่เดิม ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ... คนคนนั้นก็ยังคงยึดครองพื้นที่ในหัวใจเราไว้เช่นเดิม

20.5.54

มัน แบบมึนๆ ที่ Super Giant Asia Tour 2011

เพิ่งค้นพบตัวเองว่าชอบเครื่องเล่นแบบหวาดเสียว หวิวๆ ก็ตอนที่มีสวนสนุกของ Coca-Cola ริมทะเลสาบเมืองทอง ... นับแต่นั้น พอได้ยินข่าวสวนสนุกสัญจรแบบนี้แวะเวียนมาประเทศไทย ก็ต้องหาโอกาสแวะไปให้ได้

รวมพล นัดสมาชิก ไปเมื่อวันที่ 9 พ.ค. เพราะกะจะใช้สิทธิเลดี้เดย์ ซื้อบัตรแพคเกจในราคาย่อมเยา ... แต่ปรากฎว่า นั่งรถไปได้ครึ่งทาง พอเข้าแจ้งวัฒนะ ฟ้าที่ครึ้ม ก็เทฝนลงมาโครมใหญ่ ... ไปถึงที่หมายฝนก็หยุดพอดี แต่ก็เจอประกาศปิด เพื่อความปลอดภัย

ไม่ได้การหล่ะ ต้องหาวันไปจนได้ ... พี่จุ๊บหาบัตรแพคเกจราคาพิเศษมาได้ สบายหล่ะทีนี้ ใช้วันไหนก็ได้ งั้นวันศุกร์ สุขแห่งชาติแบบนี้ ก็ไปมันกันดีกว่า

คนดีไปส่ง แต่มีงาน เลยขอแยกตัวไปก่อน อาจจะตามมาทีหลัง ... ไม่มีปัญหาค่ะ ถึงคนดีเข้ามาด้วยก็ไม่เล่นอะไรอยู่ดี เพราะคนดีแพ้เครื่องเล่นแบบนี้ ... พอพี่จุ๊บ หมวยบี พี่หมี ตามมาสมทบครบถ้วน ก็เข้าไปลุยกันค่ะ


เอาบัตรแพคเกจราคาพิเศษไปยื่นก็จะได้รับสายรัดข้อมือสีส้มๆ แบบนี้มาแทน ... เป็นบัตรผ่านเข้าได้ทุกเครื่องเล่น กี่รอบก็ได้ ตราบใดที่แถบสายรัดยังติดอยู่ในสภาพดี ไม่ฉีกขาดไปก่อน

ผ่านประตูเข้าไปแล้วก็ทำการเดินสำรวจเครื่องเล่นต่างๆ และหมายตาเล็งเอาไว้ว่าจะเล่นอันไหนบ้าง ... เราเล็งเฉพาะเครื่องเล่นเท่านั้น พวกซุ้มเกมส์ต่างๆ ไม่แล เพราะไม่ถนัด และไม่มีดวงทางนี้

เริ่มเครื่องแรกที่ Mega Drop ... ทาวเวอร์สูง 65 เมตร ที่นั่งค่อยๆ เลื่อนขึ้นไป ก่อนจะปล่อยร่วงลงมา ... นั่งห้อยเท้าโล่งๆ เลื่อนขึ้นไปชมวิวมุมสูง แบบโล่งกว้าง ก็ทำเอาตื่นเต้น พอขึ้นไปจุดสูงสุดแล้ว รอลุ้นว่าจะร่วงลงมาเมื่อไหร่ ตื่นเต้นกว่า ... เสียงเครื่องดังกึกๆ ให้ลุ้นอยู่หลายรอบ ก่อนจะดิ่งร่วงลงมาแบบหวืออ วืดเดียว ได้ร้องวี๊ดหน่อยเดียวตอนร่วง แล้วก็จุกแน่นในท้องร้องไม่ออก รู้ตัวอีกทีก็ถึงพื้นเรียบร้อย


หวาดเสียว แบบหวิวๆ ไปแล้ว ก็ต้องหาเครื่องเล่นอื่นกันต่อค่ะ ... มีเครื่องเล่นที่ดูแล้วหวาดเสียวจัดๆ ไม่มากนัก ส่วนใหญ่ ดูแล้วน่าจะนั่งได้เพลินๆ ชวนหมวยบีเล่น หมวยบีบอกว่า "มันนิ้งหน่องอ่ะ" ก่อนจะทำท่าไม่อยากจะเล่น ... แต่ไม่มีทางเลือกค่ะ เพราะเครื่องเล่นมีให้เลือกไม่มาก จะเล่นให้คุ้มค่าบัตรที่ซื้อมาก็ต้องเล่นหล่ะ

เลยพามาต่อแถว Ragnarok เข้าใจว่าชื่อเหมือนเกมออนไลน์ แต่ไม่รู้ว่ามันเกี่ยวกันยังไง ... เหมือนรถไฟเหาะ แต่รางไม่ได้สูง หวาดเสียวมากนัก เท่าที่ยืนดู ที่นั่งจะเหวี่ยง สะบัด และหมุน ... พอเล่นจริงก็พบว่า มันไม่ได้หวาดเสียวเท่าไหร่ เพราะรางไม่ได้ขึ้นสูง และทิ้งดิ่งลงมากนัก มีสะบัดซ้ายขวาให้หวาดเสียวนิดหน่อย เพราะชวนให้คิดว่าอาจจะสะบัดหลุดออกนอกรางได้


แต่ไอ้ที่หมุนนี่ซิคะ มันหมุนติ้ววววววววววว ประหนึ่งกลายร่างเป็นลูกข่าง ... มีช่วงรางอยู่ช่วงเดียวเท่านั้น ไม่ได้ยาวนัก แต่เครื่องหมุนติ้ว แม้จะไม่นานแต่ก็ทำเอาตาลาย มึน จับโฟกัสไม่ได้ เปิดตามองตลอด แต่ติ้วจนมองอะไรไม่รู้เรื่องเลย ... รู้ตัวอีกทีเครื่องหยุด แต่ยังเหมือนหัวหมุนวิ้งงงงอยู่ ตาเบลอ จับโฟกัสไม่ชัด เดินลงแบบมึน งง ... เครื่องเล่นนิ้งหน่องจริงๆ ค่ะ แต่เล่นแล้วทำเอาคนเล่น นิ้งหน่อง มึน วิ้ง

ผ่านเครื่องนิ้งหน่องอันแรกไปแล้ว ก็ไปต่อแถว Extreme เครื่องเล่นที่หมวยบีก็ว่านิ้งหน่องอีกเหมือนกัน ... เจ้านี่น่าจะเป็น signature ของงานนี้ เพราะอยู่ตรงหน้าประตูทางเข้าเลย และไม่เคยเห็น ไม่เคยเล่นจากงานอื่นมาก่อน ... เป็นลูกตุ้มยักษ์ สวิง 270 องศา พร้อมหมุนค้างกลางอากาศ ที่ความสูงประมาณ 35 เมตร ... เอาละเหวย ทั้งเหวี่ยง ทั้งหมุน พร้อมๆ กัน แบบนี้ มีมึนอีกแน่ๆ


ยืนเข้าแถวต่อคิวค่อนข้างนาน เพราะแต่ละรอบใช้เวลาพอสมควร และให้คนขึ้นเล่นได้รอบละ 16 คน ตามจำนวนที่นั่ง ... เราต่อแถวกันพักใหญ่ ลุ้นมาก จนหายลุ้น แล้วกลับมาลุ้นต่อหลายตลบกว่าจะถึงคิว ... พอได้ขึ้นเล่นก็ตื่นเต้น เตรียมใจสนุก


ผลคือ สนุกค่ะ หวาดเสียวดี แต่ก็ทำเอามึน ... นั่งห้อยเท้าโล่งๆ แล้วเครื่องก็หมุนวนรอบตัวเอง พร้อมกับเหวี่ยงให้สูงขึ้นไปเรื่อยๆ รู้สึกเหมือนเล่นไวกิ้งผสมกับจีฟอร์ส ... ตอนเริ่มเล่นก็วี้ดวิ้ว กิ้วก้าว เฮฮาดี ดูหน้าเพื่อนร่วมเล่นรอบนี้ไปด้วย สลับกับรู้สึกว่าตัวลอยหวือขึ้นลงไปมา ... ฮริ้ววววไปมาชักเหนื่อยแล้ว ทำไมนานจัง เสียงสมาชิกคนอื่นก็เริ่มเบาลง เงียบลง ... ผลคือ ตอนที่เฮฮากันนั้น เพิ่งเป็นช่วงเริ่มต้น เครื่องยังเหวี่ยงไม่ถึงจุดสูงสุด กว่าเครื่องจะเหวี่ยงถึงจุดสูงสุด คนก็เหนื่อยกันแล้ว เพราะทั้งเหวี่ยงทั้งหมุน ... หมดรอบลงมาผมกระจายกระจุยกระเจิง เพราะโต้ลมหลายทิศทาง ... สนุกดีนะคะ มันดี แต่มึนนนนน

หมวยบีที่ปรามาสเครื่องนี้ไว้ว่านิ้งหน่อง ... พอลงมาแล้ว มึน นิ้งหน่องซะเอง จนแทบจะขย้อนบะหมี่เกี๊ยวมื้อเย็นออกมา

อาการมึนขนาดนี้ เครื่องต่อไปที่จะเล่น เลือก Super Giant Wheel หรือที่เราเรียกง่ายๆ ว่าชิงช้าสวรรค์ นั่นเองค่ะ ... เค้าบอกว่าสูง 40 เมตร ชมวิวทะเลสาบเมืองทองได้สบายๆ เพลินๆ


ปรากฎว่า นั่งชมวิวแบบไม่เพลินค่ะ เพราะหมุนเร็วเกิ้นนน แถมยังเป็นกระเช้าแบบแกนเดียว นั่งต้องบาลานซ์น้ำหนักดีดี ไม่ให้หมุน ไม่ให้แกว่ง ... ดีที่เป็นกระเช้าเปิดโล่งเลยรับลมเย็นๆ ได้ แต่ก็ทำเอาหวาดเสียวใจหวิวเพราะหวั่นใจว่าจะร่วง ... หมุนวนอยู่ 2-3 รอบ ก็ลง

ผลการเล่นครั้งนี้ สนุกดีค่ะ แต่มึน วิ้ง วิงเวียนกว่าทุกครั้ง ... ไม่แน่ใจว่า เพราะนั่งเครื่องเล่นหมุนๆ 2 เครื่องติดกัน หรือ เป็นเพราะอายุที่เพิ่มขึ้น

ไม่ได้การหล่ะ ฝันที่อยากจะโดดบันจี้จัมพ์ และอีกหลายรายการที่หวาดเสียวแบบนี้ คงต้องรีบจัดสรรคิวไปเล่นซะก่อน ก่อนที่สังขารจะร่วงโรยไปพร้อมอายุ แม้ใจจะยังสู้

18.5.54

นัดพบหน้าร้านส้มตำ

คุณพุ่มพวง ดวงจันทร์ มีเพลง "นัดพบหน้าอำเภอ" ... แต่สำหรับสมาชิกเก่า และสมาชิกปัจจุบัน ของบริษัทนี้ เรามักจะ นัดพบหน้าร้านส้มตำ ค่ะ


เพราะเสาะหาจนเจอร้านส้มตำร้านอร่อย แล้วชักชวนสาวบ้าง หนุ่มบ้างไปชิมลิ้มลอง ถูกปากติดใจไปหลายราย ... แม้จะร้างลา แยกย้ายไปทำงานที่อื่น แต่เราก็ยังหวนมาเจอะเจอ อัพเดทเม้ามอยกันเป็นระยะ ... เลยนัดเจอกันที่ร้านส้มตำกันเป็นประจำ


นัดครั้งนี้เลือก ร้านส้มตำเจ๊จ่อย แถวถนนพิชัย เป็นจุดนัดพบ ... เราติดสอยห้อยตาม หมวยบี กับ พี่หมี ไป เพราะคนดีติดงานแถวบางนา มารับไม่ได้ เลยตามไปเจอที่หน้าร้าน ... ฟอร์จูนเนอร์ 2 คัน มาถึงไล่ๆ กัน ตามเวลานัด


ถึงก่อนสั่งอาหารก่อน แต่ปรับสปีดการกินแบบต่ำ ไม่รีบร้อน เพราะยังมีสมาชิกที่ตามมาอีก 3 ชีวิต


ตำไทยใส่ปู แหนมปีกไก่ หมูแดดเดียว ยำหอยแครง อ่อมทะเล ยำวุ้นเส้น ลาบวุ้นเส้น หมึกย่าง ตับย่าง เนื้อย่าง ... อย่างละจานบ้าง 2 จานบ้าง เรียงรายกระจายเต็มโต๊ะ


4 ชีวิตที่ถึงก่อนก็เลาะเล็มชิมไปเรื่อยๆ รอเวลา ... พอ 3 ชีวิตตามมาสมทบ ก็เม้าท์กันไป หม่ำกันไป เพลิน อิ่ม ฮา ... นานๆ เจอกันที ก็อัพเดทชีวิตกันสักหน่อย ทั้งเรื่องส่วนตัว เรื่องงาน และชีวิตรัก เม้าท์กันเองบ้าง พาดพิงถึงคนอื่นบ้าง ก็ชวนแล้วไม่มา เลยต้องพูดถึงให้หายคิดถึงสักหน่อย


3-4 ชั่วโมงที่นั่งอยู่ด้วยกัน เพลินๆ ขำๆ ... โอกาสหน้านัดกันใหม่ เจอกันใหม่ จะหนีพ้นร้านส้มตำเป็นร้านแนวอื่นรึเปล่าน้อ

17.5.54

ตรวจ ชิม ยิง ช้อป ล้าง

17 พ.ค. วันวิสาขบูชา วันหยุดนักขัตฤกษ์แบบนี้ ก็ต้องมีโปรแกรมออกไปตะลอนทำนั่นนู่นนี่กันค่ะ ... ภารกิจเยอะ เรื่องแยะด้วยกันทั้งคู่ โปรแกรมเลยแน่น


ตรวจ ... คนดีรู้สึกว่าการรับฟังเสียงของหูข้างซ้ายไม่ปกติมาสักระยะแล้ว เสียงดังไปบ้าง แผ่วเบาไปบ้าง วันหยุดแบบนี้ รีบไปหาหมอให้ตรวจดีกว่า ... ตรงไป รพ. เฉพาะทาง อย่าง รพ. หู ตา คอ จมูก ตรงปิ่นเกล้า ... คนเยอะ เดินกันขวักไขว่ แต่ยื่นบัตรแล้วนั่งรอไม่นานก็ได้เข้าพบคุณหมอ สงสัยจะเป็นเพราะเราไม่ได้ระบุคุณหมอที่จะพบ คิวเลยรวดเร็ว


คุณหมอซักอาการ ก่อนจะเอากล้องส่องดูทั้งหู และจมูก เพื่อหาความผิดปกติ ... เป็นครั้งแรกที่เราทั้งสองคนได้เห็นช่องหู และโพรงจมูกแบบลึกซึ้งแบบนี้ ... ไม่มีอะไรผิดปกติให้น่าเป็นห่วง ยกเว้น จมูกซ้ายที่มีอาการบวม เลยอาจส่งผลต่อเนื่องไปยังหูได้ ... คุณหมอจ่ายยาลดบวม และหัดให้เคลียร์หู พร้อมย้ำให้งดการ แคะ แกะ เกาหู ที่ทำให้ผิดภายนอกอักเสบ เกิดสะเก็ดแผล และอาจร่วงหล่นไปในช่องหูด้านใน ... จ่ายตังค์ รับยาเรียบร้อย ก็ไปจุดหมายต่อไป


ชิม ... ถึง CTW ก่อนเที่ยง เดินเลือกร้านอาหารว่าจะฝากท้องไว้ร้านไหนดี เล็งไปเล็งมา เลือก on the table แล้วกัน ยังไม่เคยลองชิมมาก่อน ... สปาเก็ตตี้ไข่กุ้ง สปาเก็ตตี้พาร์ม่าแฮม และ โครเก็ต ... สปาเก็ตตี้ทั้งสองจานหน้าตาดี และรสชาติดี ส่วนโครเก็ตใช้ได้ แต่ไม่ประทับใจ


อิ่มแล้วก็เดินย่อย เข้าร้านนั้น เข้าร้านนู้น ไปเรื่อย วินโดว์ช้อปปิ้งดูนั่นนี่ ย่อยอาหาร และฆ่าเวลา และเตรียมตัวเตรียมใจสำหรับกิจกรรมต่อไป


ยิง ... คนดีมีนัด ยิงเลเซอร์กำจัดขนที่ immagini ค่ะ ... เพราะคนดีเบื่อที่จะกำจัดขนจั๊กกุแร้ด้วยการถอนแล้ว พอดีเราเห็นว่าที่นี่มีโปรโมชั่นเลเซอร์กำจัดขนอยู่พอดี เลยเอามานำเสนอ ... พิจารณาจากราคาแล้ว ก็น่าสนน่าลอง เลยนัดวัน เช็คคิว มาลองคุยดูสักหน่อย


เข้าร้านมา เราคือคนที่โดนพนักงานต้อนรับดีเป็นพิเศษ เพราะเข้าใจว่าเป็นเราที่นัดมา แต่เปล่าเลย คนข้างๆ ต่างหาก ... พอรู้ตัวคนทำชัดเจนแล้ว เราเองก็ยังไม่โดนเมินเฉย พนักงานยังเข้ามาประกบและชักชวนให้ซื้อคอร์สด้วยกัน เพราะคุ้มค่ามาก ... เราเคยกำจัดขนจั๊กกุแร้แบบถาวรด้วยคลื่นวิทยุไปเมื่อหลายปีก่อนแล้ว เหลือขนหลงมาแบบนับเส้นได้ ไม่สนใจเรื่องกำจัดทิ้ง แต่สนใจที่จะปรับผิวที่เป็นตุ่มหนังไก่ให้เรียบเนียนมากกว่า เลยตกลงซื้อคอร์สตามไปด้วย


ระหว่างที่เรากรอกรายละเอียดอยู่ คนดีก็เดินเข้าไปยิงเลเซอร์ก่อนแล้ว ... ที่สาขานี้ใช้เลเซอร์ Diode (เครื่องยี่ห้อ Soprano XL) เป็นตัวกำจัดขน ใช้เวลาไม่นาน และไม่เจ็บเลย เพราะคนดีเข้าไปแป๊บเดียว ก็เดินยิ้มสบายใจออกมา ... เราตามเข้าไปทำเป็นคิวต่อมา ก็ได้รู้ว่า พนักงานจะโกนขนบริเวณที่จะทำ แล้วเอาเจลเย็นมาโปะไว้สักพัก จากนั้นก็ทำการยิงเลเซอร์ตามคลื่นความถี่ที่ตั้งไว้ ... แป๊บเดียวเสร็จ ปาดเจลทิ้ง ทาโลชั่น แล้วก็กลับกันได้ค่ะ


ธุระประจำวันนี้ เสร็จเรียบร้อยแล้ว ยังมีเวลาเหลือ งั้นก็ต้องหากิจกรรมต่อไปมาเสริมค่ะ ... จะมีอะไรดีไปกว่า ช้อปปิ้ง ก็อยู่ในแหล่งขนาดนี้แล้วนี่นา


ช้อป ... เดินสำรวจร้านค้า ดูเสื้อผ้าใน CTW กันพักใหญ่ เดินกันเพลิน เข้าร้านนั้น ออกร้านนี้ ได้ของติดไม้ติดมือมาเล็กน้อย ... เดินจนชักเบื่อแล้ว ย้ายที่ดีกว่า


ล้าง ... ย้ายมาพาบิ๊กเบิ้มมาอาบน้ำให้เอี่ยมอ่องดีกว่า เพราะคนดีพาบิ๊กเบิ้มตะลอนทัวร์ทำงานทุกวัน ครั้นจะล้างรถ ฝนก็ทำท่าจะตกทุกที บิ๊กเบิ้มเลยห่างน้ำมานาน จากสีดำจวนจะกลายเป็นสีเทาไปแล้ว ... อาบน้ำบิ๊กเบิ้มจนเอี่ยมอ่องเป็นมันเงา ยังพอมีเวลา ไปไหนกันต่อดี


ชิม ... ก๋วยเตี๋ยวไก่มะระ หน้าปั๊มปิโตรนาส รัชดา ได้ยินชื่อ ได้ยินเสียงเล่าลือมานานว่าอร่อย ... วันนี้ได้โอกาสลองแวะชิมสักที น้ำซุปกลมกล่อม ถูกปากเรา ไม่ต้องเติมเครื่องปรุงอะไรเลย กินง่ายๆ เบาๆ เพลินๆ สบายท้อง ... อิ่มแล้วก็ไปกันต่อค่ะ


ช้อป ... กลับรถวนเข้า คาร์ฟูร์ เพราะคนดีจะซื้อของเข้าบ้าน มีรายการซื้อของไม่มาก แต่เดินวนอยู่นาน เพราะเลือกไม่ถูกตัดสินใจไม่ได้ ... ออกจากคาร์ฟูร์ เลี้ยวเข้า โรบินสัน รัชดา อีกนิด เพราะยังได้ของไม่ครบ วนเข้าไปเดินดู เดินหา เดินซื้อกันอีกพักใหญ่


เป็นหนึ่งวันที่ใช้เวลาคุ้มค่ามาก แวะหลายที่ ทำหลายอย่าง ... ออกจากบ้าน 9 โมงเช้า กลับเข้าบ้าน 3 ทุ่ม ตะลอนกันร่วม 12 ชั่วโมง เหนื่อย หมดแรง และกระเป๋าเบา แต่ยังไม่จุใจ เพราะยังอยากไป แพลทตินั่ม กับ สวนจตุจักร อีก ... วันว่างครั้งหน้า ออกตะลอนกันใหม่ ใช่มั้ยคะคนดี

15.5.54

: 110 เดือน :

วันที่ 15 ของเดือนนี้ พิเศษค่ะ ... เพราะเราได้อยู่ด้วยกันเกือบเต็มวัน


เพราะคนดียังอยู่ในช่วงจัดบ้าน เก็บของ เตรียมทำบุญให้ป๊า และทำบุญบ้านควบไปด้วย ... เราซึ่งติดสอยห้อยตามมาเรียนภาษาญี่ปุ่นทุกค่ำวันเสาร์ เลยค้างเพื่ออยู่ช่วยเก็บของต่อในวันอาทิตย์


เหมาะเหม็งพอดีที่ตรงกับวันที่ 15 ... ก่อนเข้านอนก็เจอคนดีเป็นคนสุดท้าย ตื่นลืมตาขึ้นมาก็เจอเป็นคนแรก ... แหม เหมือนจะสวีทหวานโรแมนติค


แต่เปล่าเล้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย


ตื่นมากลิ้งๆ ซุกกันไปมาอยู่พักใหญ่ ตัวขี้เกียจเกาะกันทั้งคู่ ... ตื่นแล้วก็หลับต่อ ตื่นมาดูทีวี แล้วก็งีบผล็อยไปอีก ... กว่าคนดีจะลุกไปเริ่มจัดของได้จริงจังก็เข้าบ่ายแล้ว และที่ลุกเพราะน้องชายมาตาม


ส่วนเราที่ได้เค้กชอคโกแลตรองท้องแทนมื้อเช้า ช่วงที่ตื่นขึ้นมาหน่อยนึงนั้น ... หิวโหย มึนหัว วิ้งงงงงงงง งัดตัวตื่นมาอ่านหนังสือได้หน่อย ก็คอตกจะหลับอีก จนมีสายเข้ามือถือคนดีมา เราเลยถือลงไปให้ สลัดตัวขี้เกียจออก เตรียมพร้อมทำงาน


เดินลงไปหาคนดี แบบมึน เวียน วิ้ง ถามว่าตกลงจะให้ช่วยทำอะไรบ้าง ... แต่ก่อนจะเริ่มทำงาน ขอกินอะไรก่อน เพราะหิวมาก ... คนดีเอ็ดมาหน่อยว่าหิวก็บอกเลย ไม่ต้องทำมาถามว่าจะทำงานอะไรก่อน


อ้าวววววว ไหงต้องมาทำเสียงเขียวด้วย ... ก็ตั้งใจถามว่าจะให้ทำงานอะไรจริงๆ แต่ยังมึน เวียน วิ้ง เพราะหิวมาก ก็บ่ายสองโมงเข้าไปแล้ว ยังไม่ได้กินอะไรจริงจังสักมื้อ ทั้งที่ปกติครบทั้งมื้อเช้า มื้อกลางวัน ... น้ำตาเลยหยดแหมะ


ทำเอาโซ้ยอี๊ของคนดีพลอยตกใจไปด้วย ... คนดีบอกไม่มีกับข้าว ไม่มีอะไรเลย จะกินอะไร ... มีอะไรก็กินอันนั้นหล่ะค่ะ


สุดท้ายได้ บะหมี่กึ่งแบบแห้ง ต้มเสร็จคลุกเครื่องปรุงในซอง แล้วก็เติมหมูหยองเข้าไปหน่อย เท่านี้ก็อิ่มสบายท้องแล้วค่ะ ... ไม่ได้เรื่องเยอะ จะกินอะไรแปลกประหลาดพิสดารสักหน่อย แค่หิว ขอให้ได้กินข้าวตามมื้อแค่นั้นเอง


อิ่มแล้วก็เริ่มทำงานได้ค่ะ ... ช่วยคนดี จัด เก็บ แยก ยก ย้าย และทิ้ง ... รามือหยุดงานก็ค่ำแล้ว


อาบน้ำล้างตัว ล้างเหงื่อออก ก็เตรียมตัวกลับบ้านค่ะ ... หิวกันทั้งคู่ เลยแวะหาของอร่อย ง่ายๆ ใกล้ๆ หม่ำกัน


ตรงไปร้านแรก NK ร้านโปรด ปิดตัวเลิกขายซะแล้ว เซ็งจริง ... เลยต้องย้ายหาร้านใหม่ ไปดูแถววงเวียนเล็ก มีร้านบะหมี่ปูเจ้าดังที่น่าสนใจ แต่เราเลยไปเลือกร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลากัน เพราะเห็นคนเยอะ และยังไม่เคยลอง


เป็นหนึ่งวันพิเศษ ที่ได้อยู่ด้วยกันแบบธรรมดา ... ขลุกอยู่ด้วยกัน จิ๊จ๊ะหวานจ๋อยบ้าง เข้าใจไม่ตรงกัน ทุ่มเถียงกันบ้าง ชีวิตธรรมดาแบบเรียบๆ ง่ายๆ ที่เกิดได้ทั่วไป ... 110 เดือนแล้วแต่ รักเหมือนเดิม จ้า

14.5.54

Japanese Class #7

จากคลาสที่แล้วที่ได้เรียนตัวอักษร Hiragana ไปจนครบแล้ว ได้ฝึกหัดเขียนตัว อึ้น ควบกับตัวอื่นๆ และหัดออกเสียงกันสนุกสนาน ... คลาสนี้ก็เรียนรู้เรื่องเสียงพิเศษเพิ่มเติมค่ะ


ในภาษาญี่ปุ่นมีเสียงพิเศษ จำแนกได้ 3 ประเภท ... เริ่มต้นกันที่ เสียงยาว Choo-On อ่านว่า โจออน


เริ่มกันที่เสียงยาวที่ลงท้ายด้วย i (อิ) กับ a (อะ) ... เมื่อเจ้าสองตัวนี้ไปต่อท้ายตัวอักษร เสียงที่เปล่งออกมาก็เปลี่ยนไป ... sensei เลยให้ฝึกทั้งหัดเขียน หัดออกเสียง


จากที่มี หนังสือประกอบการเรียน 1 เล่ม กับ สมุดจดเล่มกลาง กับ สมุดท่องศัพท์เล่มเล็ก ... ก็ต้องเพิ่ม สมุดเล่มใหญ่สำหรับหัดเขียน และสรุปความอีกเล่ม


คลาสนี้ได้คำศัพท์ใหม่ๆ เพิ่มอีกเยอะ จนยอดรวมคำศัพท์ถึง 150 คำแล้ว ... เมื่อถึงกำหนดนี้ ก็ได้เวลาที่ sensei จะทำการทดสอบอีกครั้ง


คลาสหน้า sensei จะทำการทดสอบคำศัพท์เหมือนครั้งก่อน แต่เป็นช่วงคำศัพท์ คำที่ 51-100 ... จากที่ท่องศัพท์แล้ว ก็ต้องท่องศัพท์หนักกว่าเดิม เฮ้อออออออออ


ต้องมาดูกันว่าคลาสหน้า ผลการทดสอบจะเป็นยังไงบ้าง ... ต้องท่อง ท่อง ท่อง อีกแล้ว

10.5.54

13 Years

หมายเลข 13 เป็น Lucky Number ที่มีคนบอกว่าเป็นเลขอาถรรพ์ ... เราไม่เชื่ออาถรรพ์ ไม่ได้กลัวอาถรรพ์ แล้วเลข 13 พิเศษตรงไหน ทำไมถึงต้องหยิบมาเขียนบล็อก


เลข 13 พิเศษตรงที่ เป็นอายุการทำงานค่ะ ... จำวันเริ่มทำงานวันแรกไม่ได้ จำได้แต่ว่าเดือน พ.ค. ปี 2541 ... เรียนจบหมาดๆ พักผ่อนนอนเล่นสักระยะ ก็มาเริ่มทำงาน จำวันที่แน่นอนไม่ได้ แต่จำได้ว่า ไม่ใช่ต้นเดือน ไม่ใช่ปลายเดือน ก้ำกึ่งๆ ช่วงวันที่ 10-15 นี่หล่ะค่ะ


จากนักศึกษาฝึกงานของที่นี่ ... ขยับมาเป็นน้องเล็ก เด็กใหม่ ฝึกฝน เรียนรู้ ปรับ เปลี่ยน ... จนตอนนี้กลายเป็นซีเนียร์ อาวุโส ทั้งอายุที่เพิ่มขึ้น และอายุงานที่นานกว่าคนอื่นๆ


บริษัทตรงกับสายที่เรียนมา อยู่ใกล้บ้านขนาดเดินไปทำงานได้ บรรยากาศการทำงานดี เพื่อนร่วมงานน่ารัก และเจ้านายเก่ง ... นับเป็นเรื่องดี และโชคดีจริงๆ


13 ปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว ... เลยเขียนบันทึกเก็บไว้เป็นที่ระลึกสักหน่อย " I love Siam PR "

8.5.54

ฉลองวันเกิด รำลึกความหลัง

วันนี้เป็นวันธรรมดาแบบพิเศษ อีกวันค่ะ ... เพราะเป็นวันคล้ายวันเกิดคุณพิไล สว. สุดที่รักประจำบ้าน เลยชวนคุณพิไลออกทริปเล็กๆ ฉลองวันเกิดดีกว่า

7 โมง ออกจากบ้านคนดีไปรับ คุณพิไล พ่อ เจ้าน้องชาย และ กิซโม่ ที่บ้านเรา ... เริ่มทริปด้วยมื้อเช้า ที่ร้านกาแฟ แถวถนนวิสุทธิกษัตริย์ ร้านนี้พ่อภูมิใจนำเสนอ เพราะบรรยากาศขลังๆ สไตล์ร้านกาแฟเก่าๆ แบบสภากาแฟ แต่มีชุดอาหารเช้าให้เลือกหลากหลาย




เลือกโต๊ะนั่งได้แล้ว ก็ลุกไปสั่งชุดอาหารเช้า กับ เครื่องดื่ม ... จ่ายสตางค์ และรอเวลาเรียกรับอาหาร เพราะร้านนี้เป็นแบบบริการตัวเองค่ะ


เติมพลังมื้อเช้า ก็ออกเดินทางเลยค่ะ ... ปกติเรากับคนดีจะใช้เส้นทางบางบัวทอง แต่เที่ยวนี้พ่อเสนอเส้นทางนครปฐม ... เอ้า ลองไปดู


หลังจากลองสำรวจเส้นทางใหม่แบบงงๆ เกือบหลงนิดหน่อย ก็สรุปได้ว่า ใช้เส้นทางเดิมน่าจะดีกว่า เพราะตัดตรงไปยังเป้าหมายอย่างรวดเร็ว ... ส่วนเส้นทางใหม่นี้ เหมาะที่จะไปทาง อ.ด่านช้าง ได้สะดวกกว่า

วน อ้อม และเกือบหลงอยู่พักใหญ่ เราก็มาถึงจุดหมายแรกของวันนี้ ... ตลาดสามชุก



ที่พาคุณพิไลมาตลาดสามชุก เพราะคุณพิไลเคยเป็นครูที่โรงเรียนแถวสามชุก เมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว สมัยที่ยังต้องนั่งรถ มาต่อเรือ กว่าจะถึงสามชุกได้ ... ออกจากงานนี้ไป คุณพิไลก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย พาหาย้อนรอยรำลึกความหลังสักหน่อย



มาชมวิวบนสะพาน มองหาท่าเรือ ให้คุณพิไลได้เล็งพิกัด ที่เคยนั่งเรือมาสักหน่อย ... แล้วก็ย้อนเข้าไปเดินชม เดินช้อปในตลาด คุณพิไล กับ คนดี เข้าคู่เข้าขากันดี ชวนกันซื้อ ช่วยกันหิ้ว นิ้วเกือบกิ่ว ... เดินจนหิว เพราะเที่ยงแล้ว เลยขนของขึ้นรถไปหม่ำของอร่อย


มาสุพรรณแบบนี้ ร้านอร่อยที่เลือกฝากท้องมีอยู่ร้านเดียวค่ะ "เล็กเสี่ยวหงส์" ที่ตลาดท่าช้าง ... แม้จะต้องเดินทางจากสามชุกไปเกือบ 20 กม. เราก็ยอมค่ะ


ถึงร้านแล้วก็จัดการสั่งอาหาร รายการเดิมๆ ที่คุ้นเคย ผัดไทยวุ้นเส้น ลูกชิ้นปลากรายลวกจิ้ม ผัดผักรวมมิตร กระเพาะปลาน้ำแดง ต้มยำปลาคัง ไก่ไทยต้มน้ำปลา ... อร่อยเหมือนเดิม หม่ำกันเพลิน


คนกินเพลิน ส่วนกิซโม่หมาน้อยนั้น ทำได้แต่เดินไปเดินมา กับ นั่งกระจ๋องหง่อง มองคน สลับกับมองวิว ... ได้แต่รอ ร้อ รอ จนคนอิ่ม






ท้องอิ่มก็เที่ยวกันต่อค่ะ ... ไปแวะ บ้านอนุรักษ์ควายไทย หรือ บ้านควาย เพราะตั้งใจจะพาคุณพิไลไปดู "ควายยิ้ม" ค่ะ


ไปถึงช้าไปนิด รอบการแสดงโชว์เริ่มไปได้สักพัก รีบซื้อบัตรเข้าไปจับจองที่นั่งชมโชว์ ... เรากับคนดีเคยมาแล้ว ส่วนสมาชิกที่เหลือยังไม่มีใครเคยมา แม้จะช้าไปนิด แต่ก็ทันเห็นควายยิ้มค่ะ






โชว์เรียบๆ ง่ายๆ เหมือนเดิม ไม่มีอะไรหวือหวาน่าตื่นเต้น แต่ก็ดูเพลินๆ ... ไม่ได้ไปดูโชว์เพื่อความตื่นเต้น แต่เหมือนไปอุดหนุน สนับสนุนกันค่ะ


จบโชว์แล้ว ก็บริจาคเงินเป็นสินน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ช่วยค่าเลี้ยงดูกันสักนิด จะถ่ายรูปคู่ หรือ ลองขี่หลังก็ได้ ... เราเองขอแค่ถ่ายรูปคู่ ยังไม่กล้าขี่หลัง ยังเกรงๆ แหยงๆ อยู่ ... ส่วนคุณพิไลเจ้าของวันเกิด เดินยื่นสินน้ำใจใบละ 20 ให้น้องควายทุกตัวที่มายืนโชว์ตัว แต่ไม่กล้าแวะถ่ายรูปด้วย


ส่วนหมาโม่ หมาจิ๋ว พอเจอควายตัวโตๆ ก็ตื่นตระหนก ตัวสั่นงันงก พ่อเลยต้องอุ้มไว้ ... ก่อนจะปล่อยให้เดินเล่นในสนามหญ้า กิจกรรมที่โม่โปรดปราน


สบายใจทั้งคน ทั้งหมาแล้ว ก็ได้เวลากลับบ้านกันค่ะ ตรงดิ่งเข้ากรุงเทพฯ ตามเส้นทางที่คุ้นเคย ... กลับถึงบ้าน ทั้งเรา ทั้งคนดี หลับสลบ หมดแรง

7.5.54

Japanese Class #6

คลาสที่ผ่านมา sensei สอนเครื่องหมายพิเศษ tenten กับ maru เอาไว้ ... แล้วให้ไปเปิดหนังสือทบทวนบทเรียนเพิ่มเติม


เราเป็นนักเรียนที่ดี เปิดหนังสือ เติมคำ ฝึกเขียนตัวอักษร และ หัดเขียน romanji กำกับเอาไว้ ... พอเริ่มเรียนคลาสนี้ ก็สบายยยยยยยย ค่ะ


พอ sensei สอนเพิ่มเติม ให้หัดเขียน และอ่านตัวอักษร อ่านคำศัพท์ในหนังสือ ... เราก็กลายเป็นนักเรียนดีเด่น อ่านคำศัพท์ในบทเรียนได้เสียงดังฟังชัด เพราะมี romanji กำกับไว้แล้ว


คลาสนี้ หัดอ่าน หัดเขียน ตัวอักษรเพิ่ม ... ได้ทำความรู้จักกับตัว อึ้น ... และได้คำศัพท์เพิ่มอีก 10 คำ


เวลาเรียนน้อยเพราะนักเรียนวุ่นวายกับการเก็บของ จัดบ้าน ได้เรียนเพิ่มเติมอีกนิดหน่อย ... แม้จะได้เรียนไม่มาก แต่ก็ทำความหนักใจไม่น้อยค่ะ เพราะต้องท่องจำตัวอักษร หัดเขียนตัวอักษร และต้องท่องศัพท์เพิ่มเติม


ได้ศัพท์ใหม่ๆ เพิ่มทุกคลาส แต่ไม่ในใจเลยว่า ท่องจำติดหัวได้สักกี่คำ ... เฮ้ออ ภาษาญี่ปุ่น ยากจัง

5.5.54

บริจาคเลือด ครั้งที่ 22

ตั้งใจว่าจะบริจาคเลือดสม่ำเสมอ ถ้าทำได้เป็นประจำทุก 3 เดือนจะเริ่ดมาก ... แต่ก็ทำไม่ได้ตามเป้าสักที


เพราะการบริจาคเลือด ไม่ใช่แค่นึกอยากก็ไปบริจาคได้เลย แต่ต้องเตรียมความพร้อมของร่างกายก่อนไปบริจาคด้วย ... เพราะถ้าสุขภาพไม่แข็งแรง เป็นไข้ เป็นหวัด กินยาอะไรอยู่ ก็ต้องเว้น หรือ เลื่อนกำหนดบริจาคเลือดออกไป


ปกติตั้งใจจะไปบริจาคเลือดในทุกวันเกิด แต่ช่วงต้นปี และช่วงเดือนเกิด ป่วย ... เป็นหวัด คัดจมูก เจ็บคอ มีไข้ ต้องพึ่งยาช่วยรักษาอาการ ก็เว้นวรรคการบริจาคไป ...เพราะรู้สึกว่า ถ้าเลือดเราไม่สมบูรณ์ ก็ไม่เหมาะที่จะบริจาค


เว้นวรรค พัก เลื่อน มานานเหลือเกิน วันหยุดแบบนี้เลยจัดคิวไปบริจาคเลือดดีกว่า ... นอนเต็มอิ่มเกิน 8 ชม. ไปแวะทำธุระที่สยามพารากอนแป๊บนึง ... กินอาหารประจำมื้อ ที่ไขมันไม่สูงเรียบร้อย ก็ตรงไปบริจาคเลือดเลย


วันนี้วันหยุด คนเยอะ กรอกเอกสาร แล้วต้องนั่งรอคิวราวๆ 40-50 คน ก่อนเข้าวัดความดันโลหิต และตรวดวัดความเข้มข้นโลหิต ผ่านเรียบร้อย ก็ไปห้องบริจาคเลือดกันค่ะ ... มาจุดนี้ก็ต้องรอคิวอีกพักนึง พอถึงคิวเรียกเข้าห้องบริจาคแล้ว เจ้าหน้าที่ถามว่า "วันนี้บริจาคแขนข้างไหนคะ" ... ข้างไหนก็ได้ค่ะ


มาบริจาคเลือด สามารถเลือกได้นะคะว่าจะบริจาคเลือดทางแขนข้างไหน ตามถนัด ตามสะดวกค่ะ ... ที่ผ่านมาเราไม่มีปัญหา แขนไหนก็ได้ เลยได้เข้าไปที่เตียงบริจาคเร็ว ... เพราะส่วนใหญ่จะขอรอเตียงสำหรับแขนซ้าย พอมีเตียงขวาว่าง เราก็สบายได้ไปก่อน


นอนบนเตียง เจ้าหน้าที่มาสอบถามเช็คข้อมูลอีกรอบ ก่อนจะหยิบอุปกรณ์มาเตรียม และเจาะเลือด ... เจ็บนิดนึง ก็เริ่มปั๊มเลือดลงถุงกันเลยค่ะ ... พอเจ้าหน้าที่ปักเข็มลงแขนเรียบร้อย เราก็จะตั้งหน้าตั้งตาปั๊มเลือด บีบ กำ แบ เป็นจังหวะ ไม่กี่นาทีเลือดก็เต็มถุงตามปริมาณที่เจ้าหน้าที่ตั้งไว้ค่ะ


ถอดเข็มออก นอนพักสักแป๊บ อาการปกติดีก็ย้ายไปห้องพัก ดื่มโอวัลตินเย็นๆ กินขนม เติมพลัง ... รอบนี้ต้องเช็คอาการตัวเองให้ดีค่ะ เพราะมาคนเดียว เกิดวูบวาบไปจะลำบาก


รู้ตัวดีว่า วูบวาบ วิ้ง วิงเวียน เป็นลมอยู่บ่อยๆ ... บริจาคเลือดเสร็จ ก็รีบไปลงรถไฟใต้ดินตรงดิ่งกลับบ้าน ได้นั่งรับแอร์เย็นๆ ก็สบายดี แต่พอต่อมอเตอร์ไซค์มาถึงปากซอยบ้าน อาการเริ่มไม่ดี มึนๆ เวียนๆ เริ่มเท้าเย็นๆ เหงื่อซึมๆ


ไม่ได้การหล่ะ แวะซื้อน้ำอัดลมที่ร้านของชำใกล้ๆ ระหว่างรอรับของและเงินทอน ก็หยิบกุญแจบ้านเตรียมพร้อม ... อาการเริ่มวูบวาบเพิ่มขึ้น ก็หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ บอกตัวเองว่าไม่เป็นไร พอได้น้ำอัดลมมาก็ดูดปรื๊ดชื่นใจ แล้วรีบเข้าบ้าน


เดินเข้าบ้าน รีบเข้าห้องนอน เปิดพัดลม แล้วทิ้งตัวนอนทันที ... เฮ้อออออออออออออ โล่ง


ปีนี้ตั้งเป้าจะบริจาคเลือดให้ได้ 3 ครั้ง ... อยากทำให้ได้ก็ต้องดูแลร่างกาย ดูแลสุขภาพดีดี หวังว่าจะทำได้ตามเป้าเน้อออออ

1.5.54

วัน (ใช้) แรงงาน

1 พฤษภาคม วันแรงงาน ... วันเมย์เดย์ ... วันหยุดพักผ่อนประจำปีในหลายๆ ประเทศทั่วโลก เพื่อระลึกและยกย่องให้เห็นถึงความสำคัญ และพลังของผู้ใช้แรงงาน



สำหรับพนักงานบริษัทอย่างเรา ซึ่งใช้ทั้งแรงงานและแรงสมอง ก็ดีใจที่จะได้หยุด ... แล้วปีนี้โชคดีเพราะตรงกับวันอาทิตย์ เลยได้หยุดชดเชยวันจันทร์เพิ่มอีกวัน



แต่....................................................................................................................



วันหยุดพักผ่อน กลับไม่ได้พักค่ะ ... ต้องมาใช้แรงงาน



เพราะที่บ้านคนดีจะจัดบ้าน เก็บข้าวของ เตรียมทำบุญบ้าน และทำบุญครบ 100 วัน ที่ป๊าเสียด้วย ... เราเลยถูกเกณฑ์มาช่วย จัด เก็บ ขน ย้าย



ราวๆ สิบโมง ถูกเรียกลงมากินข้าว เตรียมท้องให้อิ่มก่อนใช้พลัง ... เปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมมอมแล้วก็เริ่มกันได้เลยค่ะ



รื้อ แยก เก็บ ขาย ทิ้ง ... ทยอยทำไปทีละจุด ทีละมุม รื้อของ จัดของ ทำความสะอาด พื้นที่ชั้นล่าง กับ ชั้นลอย บางส่วน ... ทั้งเรา คนดี น้องชาย น้องสาว แฟนน้องสาว และ โซ้ยอี๊ ช่วยกันคนละไม้คนละมือ



มือมอม เหงื่อท่วม หน้ามัน ตัวเหม็น ... ดูเวลาอีกที เย็นย่ำเริ่มค่ำแล้ว ตอนแรกคนดีจะพาที่บ้านไปทานข้าวนอกบ้าน แต่เมื่อดูจากสภาพข้าวของ สภาพบ้าน และ สภาพคนแล้ว เปลี่ยนใจซื้ออะไรเข้ามากินที่บ้านแทนดีกว่า



บะหมี่ตงเล้ง เจ้าอร่อย เจ้าประจำ คนละ 2 ห่อ ช่วยคลายความหิวโหย และทำให้ท้องเต่ง พุงตึง ... อิ่มแล้วก็มีแรงเก็บของ จัดของกันต่ออีกสักหน่อย ก่อนจะหมดสภาพ ตัดใจเก็บงาน แยกย้ายกันไปอาบน้ำ เข้านอน



ทีแรกคนดีจะพาเรามาส่งที่บ้าน แต่หมดสภาพ หมดแรง แบบนี้ ... เราเลยค้างบ้านคนดีต่ออีกคืน



ก่อนจะเข้านอนถึงได้นึกได้ว่า วันนีวันแรงงานนี่นา วันหยุดสำหรับผู้ใช้แรงงาน แต่ไฉนถึงกลายเป็นวันที่เราใช้แรงงานแบบหมดก๊อกขนาดนี้ ... หูยยยย เหนื่อย เมื่อย จริงๆ