27.7.53

2 ปี 473 หน้า

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจริงๆ ค่ะ แป๊บเดียวเขียนบล็อกที่นี่มา 2 ปีแล้ว


ช่วงปีที่ผ่านมาความถี่ในการอัพบล็อกลดลง ไม่ค่อยได้หยิบเรื่องราวรอบตัวมาเขียนเหมือนก่อน ... และอีกสาเหตุสำคัญคือ ติด Facebook


เรื่องราวที่เขียนส่วนใหญ่ ก็จะเป็นทริปเที่ยว ร้านอาหาร ดูหนัง ดูละคร ดูคอนเสิร์ท หรือเรื่องราวในแต่ละวันที่มีเหตุอะไรที่ควรจะจดจำไว้ ... แต่ถ้าไปร้านอาหารเดิมๆ ซ้ำๆ ก็ไม่เขียนแล้วค่ะ เพราะส่วนใหญ่ก็สั่งอาหารเดิมๆ เมนูเดิมๆ เอามาลงก็ซ้ำ งั้นไม่ลงดีกว่า


บางทีอัพเดทเรื่องราวแต่ละวันไว้บน FB แล้ว เลยคิดว่าไม่เอามาเขียนลงบล็อกแล้ว ... ความถี่ในการเขียน จากเดือนละ 20-24 หน้า ก็ลดลงมาเหลือแค่ 10-12 หน้า ลดลงมาครึ่งนึงกันเลยทีเดียว ... แย่จริงเชียว


ยังคงเขียนบล็อกอยู่นะคะ ยังไม่เลิกเขียนค่ะ เพราะใช้บล็อกเป็นบันทึกช่วยจำ ถ้าไม่เขียนเก็บไว้จะจำไม่ได้ ... ถึงแม้ความถี่จะลดลง และดองบล็อกไว้บ้าง แต่ก็ยังไม่หายหน้าหายตาแน่นอนค่า


ใครที่ตามอ่านอย่างเปิดเผย หรือ ตามอ่านแบบเงียบๆ ก็ขอบคุณมากนะคะที่สนใจเรื่องราว และติดตามกัน ... ต้องมารอดูว่า ครบปีที่ 3 จะมีหน้าบล็อกขยับเพิ่มขึ้นมาสักแค่ไหน

26.7.53

ทัวร์ ส ว ตราด-จันทบุรี-ระยอง #3

หลังจาก เมื่อวาน เป็นทัวร์ตะลอนชิมกระจายไปแล้ว มาติดตามกันว่าวันนี้จะชิมกระจุย กินกระจายอีกรึเปล่าค่ะ


7 โมงเช้า เสียงหัวหน้าทัวร์โทรมาปลุก ... จัดการอาบน้ำแต่งตัวแพ็คกระเป๋าอย่างรวดเร็ว รีบยกของไปขึ้นรถ ... เพราะคณะทัวร์จะออกไปตามหาร้าน ไข่กระทะ ที่เคยมาทานเมื่อหลายปีมาแล้ว


หลงไปนิดหน่อย เพราะมีความเปลี่ยนแปลง แต่สุดท้ายก็หาเจอค่ะ ... แต่ว่าร้านที่เคยมาปิดร้าน เลยต้องเลี้ยวเข้าร้านใกล้ๆ กัน ... ปกติไปกินไข่กระทะที่ไหน ก็สั่งไปเลยว่าจะเอากี่จาน แต่ร้านนี้ มีไข่กระทะให้เลือกหลายแบบ เลยเสียเวลานั่งเล็งเมนูเพื่อตัดสินใจอยู่พักใหญ่ สุดท้ายเราก็เลือกแบบที่คุ้นเคยเหมือนเดิม


อิ่มแล้วก็ออกตะลอนกันต่อค่ะ หม่ามี้อยากไปอ่าวคุ้งกระเบน เอ้า ไปก็ไป ... แวะไปกินลม ชมบรรยากาศ ให้ ส ว ได้ลงไปเดินยืดเส้นยืดสายแวะเข้าห้องน้ำ ... เด็กแถวหลังอย่างเราก็นั่งรอบนรถเหมือนเคย ถ่ายรูปเล่นเพลินๆ แล้วสุดท้ายก็แกล้งหมาโม่ดีกว่า


ทุกครั้งที่รถจอด กิซโม่จะลุกลี้ลุกลนเพราะคิดว่าจะได้ลงไปเดินเล่น จะคอยชะเง้อจะแง้มองหาพ่อ เพราะพ่อเป็นคนพาจูงประจำ ... พอเห็นพ่อเดินมาเราก็รีบบอกให้พ่อพาโม่ไปเดินเล่มริมหาด ดูกันซิว่าโม่จะยังกลัวทะเลอยู่รึเปล่า ... ผลก็อย่างที่เห็นค่ะ พอเท้าแตะทราย โม่ก็ลนลานจะตะกายขึ้น พอขึ้นไม่ได้ ก็ทิ้งตัวลงถ่วงน้ำหนักยันพื้นสุดขีดไม่ยอมเดิน แม้ทางที่พอจะพาไปคือทางขึ้นบันไดก็ตาม ... หมาโม่หัวใจกระเจิงไปแล้ว


พักพอควรแล้วก็ขึ้นรถเดินทางไปกันต่อค่ะ ... ขึ้นรถได้เด็กแถวหลังก็หลับตามระเบียบ มาตื่นอีกทีก็ถึงลานจอดรถวัด ขบวน ส ว แวะสักการะหลวงปู่คร่ำค่ะ


ไหว้พระเรียบร้อย ก็ได้เวลาหม่ำค่ะ ร้านอยู่ไม่ไกลเลยวัดไปสักหน่อยเดียว ... เป้าหมายนี้ตามคำขอของหม่ามี้ ร้านส้มตำจำรุง ค่ะ ... คนแน่นเต็มร้านเลยต้องรอคิวนานสักหน่อย กว่าจะได้ ไก่ย่าง หมูกระเทียมพริกไทยดำ แหนม ส้มตำไข่เค็ม และข้าวมัน มาลอง อร่อยทุกอย่างค่ะ


ตามมาด้วย ส้มตำปลาย่าง ส้มตำแครอท ส้มตำไทยปู ส้มตำผักรวม อร่อยทุกอย่างค่ะ แต่ส้มตำปลาย่างเผ็ดจัดจ้านมาก กินคำเดียวปากแทบเจ่อ ... ครั้งก่อนที่มากับคนดีรู้สึกว่าส้มตำร้านนี้หวานไปนิด แต่มาคราวนี้รสชาติกลมกล่อมอร่อยขึ้น ... แต่เพราะคนเยอะลูกค้าเต็มร้าน อาหารเลยมาช้าและมาไม่ครบ


แต่ไม่เป็นไรค่ะ ถึงอาหารจะมาไม่ครบ ยังไม่อิ่มพุงตึง ก็ไม่เป็นปัญหา ... เพราะเราจะมุ่งหน้าไป ร้านผัดไทยคุณไกร ตามคำขอของเราบ้าง ... เสนอร้านนี้เพราะอยากให้ได้ลองชิมผัดไทยเนื้อปูค่ะ ลูกอยากกินร้านนึง แม่อยากกินร้านนึง พ่อเลยตัดปัญหา มาทั้งสองร้านเลย


ยำปลาข้าวสาร ลูกชิ้นลวก เกี๊ยวปูทอด ผัดไทยเนื้อปู ยำปูม้า ... อร่อยสมใจอยากค่ะ ผัดไทยเนื้อปู อร่อยเหมือนเดิม


อิ่มพุงตึงแน่ๆ แล้วคราวนี้ก็ขึ้นรถเดินทางกันต่อค่ะ เด็กแถวหลังหลับเหมือนเดิม ... มาตื่นตอนกำลังวนรถหาทางเข้า วัดป่าประดู่ ... จุดเด่นของวันนี้คือ พระนอนเอนซ้าย ซึ่งต่างจากพระนอนองค์อื่นๆ ที่เอนขวา


อีกจุดนึงคือ ลอดใต้โบสถ์ ค่ะ ... ช่องเล็กๆ ที่เห็นนั่นแหละค่ะ จะมีป้ายแนะนำ ว่าจะต้องเดินยังไง และจำนวนการลอดแต่ละรอบเพื่ออะไร ... ขนาดหม่ามี้ตัวนิดเดียว ยังต้องก้มต้องย่อแทบแย่


ขึ้นรถเดินทางกันต่อค่ะ รถเคลื่อนเราก็หลับ รถจอดเราถึงตื่น ... ลืมตามาคราวนี้รถจอดอยู่ที่ ไร่องุ่นซิลเวอร์เลค ลงไปยืดแข้งยืดขา ชมวิว ดื่มน้ำองุ่นชื่นใจ


ยืดเส้นยืดสายแล้วก็กลับขึ้นรถ เคลื่อนตัวไปอีกนิดนึงก็ถึงเป้าหมายค่ะ ... ร้านป้า หนึ่งในร้านอาหารประจำบ้านเรา บรรยากาศไม่ดี แต่อาหารอร่อยค่ะ เสียดายที่วันนี้ส่วนประกอบ เครื่องปรุงไม่ครบ ของหมด ของขาดไปหลายอย่าง เราเลยอดกินเมนูอร่อยไปหลายเมนู


ผัดผักรวมมิตร ผัดเผ็ดปลาดุก ผัดเรือโป๊ะ โป๊ะแตก กุ้งแช่น้ำปลา ... อร่อยทุกอย่างค่ะ โดยเฉพาะผัดเผ็ดปลาดุก เนื้อปลาหั่นเป็นชิ้นทอดจนกรอบเคี้ยวกร้วมถึงเครื่องดีจริงๆ


ยำถั่วพู ข้าวผัดปลาเค็ม แกงป่ากุ้งสับ แพนงหมู ... ยำถั่วพูอร่อย ข้าวผัดก็เยี่ยมเหมือนเดิม ตอนแรกจะสั่งแกงป่าปลาเห็ดโคน แต่ปลาหมด เลยเลือกเป็นกุ้งสับแทนก็ใช้ได้นะคะ ส่วนแพนงหมูเค็มไปนิด


อิ่มเรียบร้อย ชำระค่าเสียหาาย แล้วยิงยาวเข้ากรุงเทพฯ ... รอบนี้ไม่หลับแล้วค่ะ เพราะหลับมาตลอดทริป ขากลับเลยนั่งดูวีซีดีบนรถมาเพลินๆ


ทริปนี้ดูจะเป็นทริปตะลอนชิม มากกว่าตะลอนเที่ยว ก็ต้นตำรับพามาเองนี่คะ ... ทริปนี้ทำให้คนดี อึ้ง ทึ่ง งง ว่าป้าๆ น้าๆ แต่ละคน กินเก่ง กินกระจาย ดูไม่เหมือนอายุแตะ 60 เลย


เห็นว่ามีนัดสำหรับทริปหน้าแล้ว ... กาญจบุรี - พฤศจิกานี้ เจอะกับทริป ส ว ตะลอนชิมได้อีกค่ะ

25.7.53

ทัวร์ ส ว ตราด-จันทบุรี-ระยอง #2

ย้อนดูวันแรกได้ ที่นี่ ค่ะ ... วันแรกตะลอนทัวร์กับ ส ว มาถึงบ้านห้วยแร้ง จ. ตราด ค่ะ ... แล้ววันนี้จะไปไหนต่อ ยังไม่รู้ค่ะ หัวหน้าทัวร์ไม่เปิดเผยอะไรเลยค่ะ


เสียงหม่ามี้ พ่อ ป้าๆ น้าๆ ดังลอยมาปลุกแทนเสียงนาฬิกา คว้ามือถือมาดู ยังไม่เจ็ดโมงเลยค่ะ ... ไปไหนยังไงยังไม่รู้ ลุกไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนแล้วกัน


แต่งตัวเสร็จก็มาปลุกคนดีให้ไปอาบน้ำต่อ ระหว่างนั้นเราก็เก็บเสื้อ ผ้าห่ม หมอน มุ้ง ... อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย เก็บเครื่องนอนเรียบร้อย เก็บกระเป๋าเรียบร้อย ข้าวต้มหมู+กุ้ง หม้อโต ที่เจ้าของบ้านเตรียมไว้ให้ก็เสร็จเรียบร้อยพอดี ... หิวมากรีบลุกไปหม่ำ จนลืมถ่ายรูปเก็บไว้


อิ่มแล้วก็ออกเดินทางกันต่อค่ะ ... เริ่มต้นคณะ ส ว ขอแวะที่ศูนย์จัดการโฮมสเตย์ก่อนค่ะ ไปแวะอุดหนุนผลิตภัณฑ์ที่ทำจากน้ำมันมะพร้าว และสบู่เปลือกมังคุด เพิ่มเติมจากเมื่อวานที่ยังช้อปไม่จุใจค่ะ


เรา คนดี และหมาโม่ หลับรอบนรถตามเคย ... รถเคลื่อนตัวไปได้พักใหญ่ก็จอดอีกแล้วค่ะ ปรือตามาดู ศูนย์โอทอปของที่นี่ ไม่ลงดีกว่า ปล่อยประดา ส ว ลงไปช้อป น้ำมันเหลือง น้ำปลา และหมวกสาน เพิ่มมาอีกหน่อย


รถเลื่อนไปได้อีกนิด ยังไม่ทันจะจัดระเบียบร่างกายให้สบาย ได้ยินเสียง จอดดดดดดดดดดด ... อีกแล้ว แวะร้านของฝากอีกแล้ว คราวนี้จอดหน้าร้าน "คุณอ้อ" เอ้า แวะด้วยก็ได้ ... ลงไปได้น้ำพริกสารพัดอย่าง ปลาหมึกปรุงรส ทอฟฟี่กะทิ ทอฟฟี่ทุเรียน ขึ้นรถมาอีกชุดใหญ่


หลังจากจอดซื้อ ประชันกับหมู่มวลนักท่องเที่ยวจากรถบัส 2 คัน เหล่า ส ว ก็ขึ้นรถมุ่งหน้าไปต่อ ... เขยิบไปได้ไม่เท่าไหร จอดอีกแล้ววววววว อาไรกันค่าาาาาา ... แวะจอดหน้าร้าน กุลนารถ ได้ผลไม้พับ เวเฟอร์ผลไม้ น้ำผลไม้ ขึ้นรถมาอีกชุด


ตายแล้วววววววว ... ไม่เกิน 3 ชั่วโมง แวะซื้อของฝากไป 4 จุด คุณพระช่วย ช้อปอะไรกันนักค่าาาาาาาาาาาาาา


กลับขึ้นรถรอบนี้ สมาชิกแถวหลัง 2 คน กับ 1 ตัว ตีตั๋วหลับแข่งกันยาวววววว ... มาตื่นอีกทีก็ถึงร้านอาหารแล้วค่ะ งานนี้คุณบิดาหัวหน้าทัวร์เลือกร้าน ครัวคุณแดง อย่าถามเลยนะคะว่าพิกัดอยู่ตรงไหน เพราะหลับตลอด


เดินสะเงาะสะแงะมัวขี้ตาเข้าร้านไป นั่งปุ๊บก็เปิดเมนูอาหารสั่งไป 1-2 จาน แล้วก็นั่งมึนๆ งงๆ ฟัง ส ว ทั้งหลายสั่งอาหาร ... นั่งรอไม่นานอาหารก็มาส่งค่ะ เพราะเรามาถึง 11 โมงหน่อยๆ ลูกค้ายังไม่เข้าร้าน


ปลากะปี๊ทอดกรอบ อร่อยดีค่ะ กรอบกรุบเคี้ยวกร้วม ... กะเพราทูน่า รสชาติใช้ได้ ... ข้าวตังหน้าตั้ง หม่ามี้สั่งมาให้คนดีที่บ่นอยากกิน อร่อยดีค่ะ เป็นจานที่ช่วยตัดความเผ็ดของจานอื่นๆ ได้ ... ปลาอินทรีย์ทอดน้ำปลา อร่อยจนต้องสั่ง 2 ค่ะ


พล่าปลา จานนี้เด็ดโดนใจค่ะ แยกเครื่องกับน้ำมา รสน้ำพล่าเปรี้ยว หวาน มัน อร่อย ... ปลาเห็ดโคนทอดกรอบ กรอบเคี้ยวได้ทั้งตัวเลยค่ะ ... หมูผัดกะปิ จานนี้หม่ามี้สั่งเอาใจคนดีอีกเช่นกัน รสชาติใช้ได้แต่คนดีบอกว่าฝีมือมี้ทำอร่อยกว่า (เอาใจกัน อวยกัน แววว่าคนดีจะได้ขึ้นแท่นเป็นลูก แล้วเราจะตกกระป๋องลอยมารำไร) ... หลน รสชาติใช้ได้ จำรสชาติได้แต่จำไม่ได้ว่าหลนอะไร ... สะตอผัดกุ้ง รสชาติใกล้เคียงกับหมูผัดกะปิค่ะ ก็ใช้ได้ ... ไก่ต้มระกำ เปรี้ยวปะแหล่มๆ ซดน้ำซุปแล้วชื่นใจดี


ผัดผักรวมมิตร จานหลักที่สั่งทุกร้าน ใช้ได้ค่ะ ... แกงป่าปลาเห็ดโคน แจ่ม แต่ถ้าเข้มข้นกว่านี้อีกนิดจะเริ่ดดด ... หมูคำหวาน เปรี้ยวๆ หวานๆ เค็มๆ อร่อยค่ะ ... น้ำพริกไข่ปู เนื้อน้ำพริกเนียนใสเกินไปนิด ... แกงเลียง รสกลมกล่อมค่ะ ... น้ำพริกลงเรือ จานนี้ไม่ได้ชิมค่ะ เพราะมาตอนอิ่มแล้ว


อาหาร 16 อย่าง 18 จาน ... อลังการสุดๆ แล้วก็กินกันเกลี้ยง ค่าเสียหายมื้อนี้ถ้าจำไม่ผิดอยู่ที่ 18xx มั้งคะ ... อิ่ม อร่อย ประทับใจ


อิ่มแล้วก็ขึ้นรถ เตรียมเข้าที่พักค่ะ แต่ระหว่างทางแวะสักการะ อนุสาวรีย์พระเจ้าตาก ในสวนสาธารณะเป็นมงคลแก่ตัวกันหน่อยค่ะ ... งานนี้หมาโม่เลยได้ลงมาเดินเล่น เริงร่า สำราญใจสุดๆ


จากนั้นก็วนเข้าที่พักค่ะ หัวหน้าทัวร์เลือกที่ วังปลารีสอร์ท ค่ะ ... สถานที่กว้างขวาง ห้องพักสะดวก สบาย ราคาย่อมเยา 350-500 บาท มีแอร์ ทีวี เครื่องทำน้ำอุ่น ตู้เย็น พร้อม ... ถ่ายรูปมาไม่ชัด เลยไม่เอามาลงนะคะ


ได้พักผ่อนนอนเอนหลัง ดูทีวีแป๊บนึง ฝนก็เทลงมาให้ฉ่ำใจ อากาศดี๊ดี สบ๊ายสบาย เลยหลับกันเพลิน ... ราวๆ ห้าโมง หัวหน้าทัวร์ก็เรียกขึ้นรถออกไปตะลอนหาร้านอร่อยมื้อเย็นค่ะ


ร้านนี้เพื่อนพ่อแนะนำมา แต่บอกพิกัดมาไม่ชัดเจน เลยเสียเวลาหลง วนหาอยู่พักใหญ่ กว่าจะไปถึงก็ทำเอาแทบจะถอดใจย้ายร้าน ... สุดท้ายเราก็เจอ ร้านเรือนริมน้ำ แต่ฝนตกลูกค้าแน่นร้าน และส่วนใหญ่เพิ่งได้โต๊ะ ยังไม่ได้สั่งอาหาร ... พวกเราเลยต้องขอถอยทัพย้ายร้านกันดีกว่า


วนกลับออกมาหาร้านอาหารแถวท่าแฉลบที่เราหลงเลยมาตั้งแต่แรก ... ร้านไหนๆ ก็มีรถจอดแน่นหน้าร้านไปหมด ถ้าใช้สูตรเดิมเลือกร้านที่มีรถจอดเยอะๆ เราคงไม่ได้กิน คราวนี้เลยต้องเลือกร้านที่รถน้อยค่ะ ... ไปเจอร้านนึง ถ้าจำไม่ผิดน่าจะชื่อ ร้านพิม สั่งจอดเลยค่ะ เพราะจะสองทุ่มแล้ว หิวไส้จะกิ่ว


หมึกผัดไข่เค็ม เค้าแนะนำว่าเด็ดเลยสั่งมาลอง แล้วก็เด็ดจริงๆ ค่ะ มาแบบไข่เค็มแห้งๆ กรอบๆ เกาะทั่วเนื้อหมึก เอ่ยปากชมเปาะทุกคน ... หอยแครงลวก จานแรกมาสุกไปนิด เลยสั่งแบบสุกกลางๆ มาลองซ้ำอีกที สด อร่อยค่ะ ... แกงป่าปลาเห็ดโคน รสเข้มข้น ใช้ได้ค่ะ ... ต้มยำรวมมิตรน้ำใส น้ำซุปเด็ดจนต้องสั่งมา 2 และขอเติมน้ำซุปอีกรอบค่ะ
ไข่เจียวปู อาหารง่ายๆ แต่ถูกปากทุกคนแน่ๆ ... ผ้ดฉ่า จำไม่ได้ว่าปลาอะไร จำได้แต่ว่า กลมกล่อมใช้ได้ค่ะ ... ไข่ตุ๋นทรงเครื่อง มาเป็นหม้อไฟ ซ่อนปลา กุ้ง หมึก หอย ไว้ข้างใต้ ทานได้เพลินๆ ... ผัดผักรวมมิตรใส่กุ้ง แป๊บเดียวเกลี้ยงค่ะ ... ลูกชิ้นผัดฉ่า รสผัดกลมกล่อมดี แต่เนื้อลูกชิ้นไม่ได้เรื่องค่ะ


อิ่มแล้วก็ขึ้นรถ เคลื่อนขบวนกลับที่พักค่ะ ... แยกย้ายกันเข้าห้องพัก ไม่มีนัดรวมตัวพิเศษ เพราะนั่งรถกันเหนื่อย แล้วยังกินกระจายสุดๆ กระเพาะทำงานหนักมาก สถานการณ์ท้องตึงขนาดนี้ การได้หลับซุกตัวในผ้าห่มอุ่นๆ ในห้องแอร์ฉ่ำ มีเสียงฝนกล่อม ดีที่สุดค่ะ


ส่วนพรุ่งนี้จะตะลอนกินกระจายแบบวันนี้อีกรึเปล่า ตามไป ที่นี่ เลยค่ะ

24.7.53

ทัวร์ ส ว ตราด-จันทบุรี-ระยอง #1

ทริปที่ 3 ของเดือนกรกฎาคมนี้ เป็นทริปที่ไปในฐานะผู้ติดตามค่ะ ... ตามจริงๆ เพราะไม่รู้อะไรเลย รู้แค่ว่า รถออกตี 4 และจะไปตราด แต่ไปตรงไหนบ้าง ทำอะไรบ้าง ไม่รู้แม้แต่นิดเดียว .. รู้แต่ว่าทริปนี้เราจะกลายเป็นเด็ก เพราะสมาชิกทัวร์ท่านอื่นๆ เป็น ส ว (สูงวัย) กันถ้วนหน้า


เป็นทริปที่ต้องตื่นแต่เช้าอีกแล้ว 2.45 น. มี้ก็มาเคาะประตูปลุก ... เราเพิ่งล้มตัวนอนไปตอน 2.00 น. ก็งัดตัวเองไปอาบน้ำแต่งตัว ... ส่วนคนดี มีเข้างาน ติดตั้งงานให้ลูกค้า (อีกแล้ว) ตอนที่เราโทรไป ตี 2 งานยังไม่เรียบร้อย พออาบน้ำเสร็จโทรไปอีกรอบ เกือบจะเรียบร้อยแล้ว ... ผลคือคนดีเดินเข้าบ้านมาตอนจะตี 4 รีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วหอบสัมภาระขึ้นรถ


ประดา ส ว ของทริปนี้ เป็นป้าๆ น้าๆ ที่เคยทำงาน รพ.กับมี้ และนัดกันเที่ยวประจำค่ะ ส่วนใหญ่เกษียนแล้ว ... เลยมีบางคนมาค้างที่บ้านด้วยเลย และบางคนที่ต้องวนรถไปรับค่ะ ... หลังจากวนรถไปรับแล้ว สมาชิกทั้งหมดก็มี 9 คน กับ 1 ตัว ค่ะ


เรากับคนดี และหมาโม่ ยึดที่นั่งแถวหลัง ขึ้นรถได้ก็แข่งกันหลับค่ะ ... หลับๆ ตื่นๆ ไปเรื่อยๆ จนรู้สึกว่ารถจอดนิ่งนาน ลืมตางัวเงียมาเจอว่า จอดแวะกินข้าวเช้าค่ะ ... พลิกนาฬิกาดูประมาณ 8 โมงนิดๆ ไม่รู้แวะตรงไหน แต่ที่แน่ๆ มี ข้าวหมูแดง ข้าวหน้าเป็ด ให้เลือก ตื่นมากินข้าวหมูแดงแบบงง แล้วขึ้นมาหลับต่อ


กำลังหลับเพลินๆ รถจอดอีกแล้ว ... อ๋อ ส ว ลงไปช้อปปิ้งผลไม้ค่ะ เราก็นั่งมองจากบนรถ ได้ผลไม้ขึ้นมา 2-3 ถุงใหญ่ ... รถเคลื่อนไปอีกพัก เคลิ้มหลับไปได้หน่อย อ้าว จอดอีกแล้ว ... หม่ำอีกแล้วค่ะ


พลิกดูนาฬิกา เพิ่งจะ 10.30 เร็วไปมั้ยค่าาาาา ... พ่อบอกว่ากินก่อนเลย ไม่งั้นย้อนไปย้อนมา เอ้า กินก็กินค่ะ ... ร้านอากู๋ซีฟู้ด อยู่ติดริมแม่น้ำ แต่ตรงไหน ยังไง ไม่รู้เลยค่ะ


ผัดผักรวมมิตร ต้มยำรวมมิตร ปลากระพงทอดน้ำปลา รวมมิตรลวกจิ้ม โดนัทกุ้ง ... รสชาติใช้ได้ค่ะ


หมูมะนาว กุ้งแช่น้ำปลา ซีฟู้ดกระทะร้อน ข้าวผัดปลาเค็ม พล่าปลา ... กระทะร้อนหวานไปนิดค่ะ


จัดการอาหารเสร็จก็ขึ้นรถเดินทางกันต่อ แถวหลังก็หลับตามระเบียบค่ะ ... โงกเงกไปจนรถหยุด ลืมตาดูก็เจอศาลเสด็จเตี่ย เป็นธรรมเนียมของที่บ้านค่ะ ถ้ามาเที่ยวจังหวัดชายทะเล จะต้องแวะสักการะเสด็จเตี่ยค่ะ


เรียบร้อยแล้วก็ขึ้นรถกันต่อ เราก็หลับไปจนรถหยุด ปรือตามาดูเหมือนแวะศูนย์จัดการโฮมสเตย์ แล้วก็ปิดตาหลับ ... มาตื่นอีกทีตอนรถจอด อ้าว ถึงที่พักแล้ว ดูนาฬิกา โอ้โห สี่โมงเย็น


เป็นบ้านพักของชาวบ้านที่เข้าร่วมเป็นที่พักโฮมสเตย์ ... ที่นอนคืนนี้อยู่ลานโล่งชั้นบน มีเสื้อ ฟูก หมอน มุ้ง เตรียมไว้ให้พร้อม ได้บรรยากาศธรรมชาติสุดๆ


ใกล้ๆ กันมีเม่น้ำ และฝาย ... น้ำไหลแรง เสียงดังซู่ซ่าตลอด เดินเล่นไปชมบรรยากาศ สดชื่นค่ะ ... นั่งพักเอกเขนก ล้างหน้าล้างตา ทานผลไม้ที่ซื้อมา อุดหนุนสินค้าทำเองของเจ้าของบ้าน ... สักพักก็มีเสียงโทรศัพท์โทรมาตามให้ไปทานข้าวค่ะ


ปกติก็จะทานข้าวกับเจ้าของบ้านเลยค่ะ แต่ว่าพ่อโทรมาจองที่พักกระชั้นชิดไปนิด แล้วมากลุ่มใหญ่ เค้าเลยจัดการไม่ทัน เลยให้เราไปทานอาหารที่ศูนย์ฯ เพราะมีคณะนักศึกษามาพัก ดูงานด้วยค่ะ


ปลาทูต้มเค็ม แกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากราย ปลาต้มระกำ และน้ำพริกกับมะเขือเผา ... ปลาทูรสกลมกล่อม แกงเขียวหวานแจ่มเพราะลูกชิ้นเหนียวหนึบ ปลาต้มระกำจืดไปนิด ส่วนน้ำพริก อร่อยสุดยอดค่ะ


จัดการของคาวเสร็จแล้ว ก็มี ขนมจาก เป็นของหวานล้างปาก ... เปิดโอกาสให้เราได้ลองห่อเอง ปิ้งเองด้วยค่ะ คนดีขอลองห่อหนึ่งอัน ... ขนมจากกินตอนร้อนๆ อร่อยดีค่ะ


อิ่มแล้วเราสองคนกับหมาโม่ ขึ้นรถไปงีบรอเวลาป้าๆ น้าๆ อุดหนุนสินค้า และพูดคุยกับชาวบ้าน ... ก่อนจะเคลื่อนขบวนกับไปที่พัก


ถึงบ้านพักก็เลือกทำเลจับจองที่นอน ปูเสื่อกางมุ้ง แล้วทยอยอาบน้ำค่ะ ... ยังไม่สามทุ่มดี เราก็หลับปุ๋ย หลับป๊อกไปแล้ว


เปิดทริปวันแรก นอนๆ กินๆ ขึ้นๆ ลงๆ รถ ... แล้ววันที่สองจะเป็นยังไง ตามไป ที่นี่ เลยค่ะ

21.7.53

ต้องไป ไทสบาย

ปวดเมื่อยเนื้อตัวอยากจะไปนวดตั้งแต่ต้นเดือนแล้วค่ะ แต่เพราะมีทริปเที่ยวต่อเนื่อง 3 วีคติดกัน เลยมีอะไรต่อมิอะไรให้จัดการเตรียมให้เรียบร้อยก่อน ... เลยจัดคิวไปนวดไม่ได้สักที่


เสาร์ที่ 10 ก.ค. อดรนทนไม่ไหว จัดการธุระหลายแหล่แล้วก็ตรงไปร้าน แต่ไม่ได้โทรจองไว้ก่อน ... ไปถึงก็พบว่าคิวเต็ม ลูกค้าแน่น อดนวด เดินจ๋อยกลับบ้าน


วันต่อมาก็ออกไปตะลอนทริปสมุยกับออฟฟิศ ไปดำน้ำ ปีนเขา สร้างความเมื่อยล้าเพิ่มให้ร่างกายอีกหน่อย ... กลับมากรุงเทพฯ พร้อมอาการขาล้าๆ นิดหน่อย


สัปดาห์ต่อมาก็เหิรฟ้าไปเดินมาราธอน ตะลอนทัวร์ที่ฮ่องกงอีก ... 3 วัน เดินกันกระจุยกระจาย ขาล้า เปลี้ย และปวดเมื่อยเพิ่มขึ้น อาการค่อยทวีจากเท้า มาข้อเท้า ขยับมาเข่า ลามขึ้นมาหลัง บ่า ไหล่ ... กลับจากฮ่องกงพร้อมกับสังขารไม่เต็มร้อย เดินกระย่องกระแย่ง โอดโอยตลอด


อาการที่มีคือ นิ้วโป้งเท้าชาทั้ง 2 ข้าง เจ็บข้อเท้าซ้าย เจ็บเข่าขวา (อันนี้เจ็บมานานแล้วตั้งแต่ก่อนไป) ปวดหลัง บ่าตึง ... อาการเหล่านี้ต้องได้รับการบำบัดเบื้องต้น เพราะฉะนั้นรีบโทรจองคิวนวดทันที


จองนวดไทย 2 ชั่วโมงสำหรับเรากับคนดีเอาไว้ ... เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย ก็เอนตัวนอนพัก สักพักพนักงานมาเช็ดเท้าให้ แล้วก็ถามคำถามคุ้นเคย "มีอาการตรงไหนคะ"


"เจ็บเข่าขวา เจ็บข้อเท้าซ้าย และปวดหลังตั้งแต่บ่าถึงเอวค่ะ" ... พนักงานจัดท่าเริ่มนวดจากขาซ้ายก่อนเลย กดบางจุดก็เจ็บ แต่ปล่อยแล้วสบาย นอนสะดุ้งสลับเคลิ้มเป็นระยะ ... พอนวดขาซ้ายเสร็จ ก็รู้สึกได้เลยว่าขาเบาสบายขึ้น


นอนหลับๆ ตื่นๆ ไปตลอดระยะ 2 ชั่วโมง ... ตื่นมาพร้อมกับเนื้อตัวที่เบาขึ้น อาการขาที่ล้าๆ หนักๆ เดินกระย่องกระแย่งหายเป็นปลิดทิ้ง เดินได้สะดวก


เหลืออาการบ่าตึง กับ ปวดหลังอีกหน่อย อันนี้เป็นอาการประจำ สะสมมานาน คงต้องมาซ้ำอีกถึงจะดี ... นอกจากสบายตัวแล้ว ยังได้หลบพักให้สบายใจด้วย ชอบจัง

20.7.53

เปิดถุงช้อปปิ้ง จากการเดินมาราธอน

เดินมาราธอน ตะลอนทั่วเกาะฮ่องกง 3 วันเต็มๆ ก็ต้องได้ของติดไม้ติดมือกันมาบ้างหล่ะค่ะ ... ส่วนใครจะได้อะไรมาบ้าง เลื่อนลงไปดูกันเลยค่ะ


เริ่มจากของคนดีก่อนดีกว่า ... คนดีไม่ได้มีแผนว่าจะซื้ออะไร แต่ที่แน่ๆ คนดีสนใจ H&M เป็นพิเศษ เพราะปีที่แล้วเราซื้อเสื้อเชิ้ตลายสก็อตมาฝาก 2 ตัว คนดีเห็นปุ๊บตาโตปั๊บ ถูกใจสุดๆ


รูปบนของดนดีทั้งหมดค่ะ ... สีฟ้าขวาสุดเป็นกางเกงขาสามส่วน ที่เหลือมาจากหลายร้านค่ะ ทั้ง H&M, Giordano, Bossini, Esprit ตัวไหนมาจากไหนจำไม่ได้ค่ะ ... คิดตี้ฝากน้องสาวอีกคน ... เสื้อยืดดำฝากน้องชาย ... สองตัวขวาสุดก็ของคนดีอีกเช่นกันค่ะ


มาที่หมวดรองเท้าของโปรดของคนดีค่ะ ... Onitsuka Tiger สีสดสุดๆ ... คู่สีดำจาก H&M ... คู่สีน้ำเงินจาก Crocs ฝากป๊าค่ะ


ต่อด้วยของจุกจิกจุ๊กจิ๊ก ... กำไลกับพวงกุญแจซ้ายบน จากร้านจิวเวลรี่ พี่โกโก้แนะนำว่ากำไลช่วยเรื่องสุขภาพ ส่วนพวงกุญแจก็เป็นเหมือนของขลังนำโชค สำหรับคนดีที่มีธุรกิจส่วนตัวเชื่อไว้ก็ไม่เสียหาย ราคาไม่สูงจนใจสั่น ซื้อใช้ติดตัวไว้ก็ไม่เลว


ขวาบน jibbitz ติดรองเท้า Crocs ค่ะ ... ส่วนกระดาษซับมัน ซื้อใช้เอง และซื้อฝากค่ะ ... จริงๆ ยังมีชุด Moisture Surge ของ Clinique ด้วยแต่คนดีไม่ได้ถ่ายรูปมา สงสัยจะลืมค่ะ


ถุงช้อปปิ้งของคนดีมีเพียงเท่านี้ มาเปิดดูถุงช้อปปิ้งของเราต่อค่ะ รู้สึกว่าตัวเองซื้อของไม่เยอะ แต่พอดูรูปก็ไม่น้อย ... ที่เอามานี่เฉพาะของตัวเอง ไม่มีของฝากซื้อ และของที่ซื้อมาฝากนะคะ


เริ่มด้วยเครื่องสำอาง และของจุกจิก ... น้ำหอม CK euphoria กับ ออยล์ล้างหน้าของ Shu Uemura จากดิวตี้ฟรี รางน้ำค่ะ สองชิ้นนี้เพื่อช่วยหมวยบี เหยื่อการตลาด ที่ต้องการกระเป๋าโดเรมอน ... ส่วน Clinique Take the day off : makeup remover ราคา 119 HKD จากร้าน Bonjour ค่ะ


แถวล่าง Pin กับ พวงกุญแจ Stitch การ์ตูนสุดโปรด ... ขนาดไม่ได้เข้าดิสนีย์ยังเสียเงินจนได้ เพราะมี shop อยู่ที่สนามบิน แวะดูก็เสียทรัพย์ตามระเบียบ


ต่อด้วย ของจุกจิกจาก H&M ได้มาไม่มาก แต่โปรดทุกชิ้นค่ะ ... เริ่มที่แว่นกันแดด ราคาอันละ 10 HKD คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม ... ตามมาด้วยเซ็ทตุ้มหู 3 แบบ 3 ไซส์ แผงนี้ 29.90 HKD ... เข็มขัด กับ กระเป๋า ชิ้นละ 99 HKD ราคาปกติไม่ได้ลด แต่โดนใจมากกกกเลยคว้าติดมือทันที


ตามมาด้วย เสื้อ 3 ตัว จาก 3 ร้านค่ะ ... สีฟ้าตัวแรกจาก H&M ราคา 50 HKD ... ถัดมาจาก Bossini ราคา 79 HKD ... ปิดท้ายด้วย Esprit ราคา 89 HKD ... เดิน 3 วัน ได้เสื้อ 3 ตัว กะว่าจะได้มากกว่านี้ แต่ไม่เจอที่ถูกใจหรือราคาไม่ต่างจากเมืองไทย ก็ปล่อยผ่านค่ะ


รูปล่าง จี้กังหัน ชิ้นเล็กแต่ราคาไม่เล็ก จำไม่ได้ว่าราคาเท่าไหร่ค่ะ บอกได้แค่ว่าราคาแพงสุดในบรรดาของที่ซื้อมา ... ถูกใจตั้งแต่เห็นเมื่อปีที่แล้ว แต่ไม่ได้ซื้อ มาครั้งนี้พ่ายแพ้ต่อแรงดึงดูด มารอหน้ามืดตอนเห็นใบแจ้งหนี้


ปิดท้ายด้วยชิ้นเป้าหมาย ... ตั้งใจไว้ว่าจะแวะมาดูรองเท้า Onitsuka Tiger ถ้ามีสีถูกใจจะสอยมาสักคู่ แล้วก็ได้เสียทรัพย์สมใจหมาย


คู่นี้ราคาเต็ม 900 HKD ใช้โค้ดส่วนลดที่ได้มาลดไป 10% เหลือ 810 HKD แล้วยังใช้ voucher 50 HKD ที่ได้คูปองจากบัตรรถไฟ Tourist Day Pass ลดไปอีก เลยเหลือ 760 HKD ... เมื่อเทียบราคากับ shop ในเมืองไทยแล้ว ถูกกว่าพอสมควร งั้นก็สมควรสอยเจ้าเสือมาอยู่ด้วยค่ะ


นอกจากนี้ยังมีของฝากซื้อและซื้อฝากอีกเยอะ ... ทั้งถุงจากคิงเพาเวอร์ถุงโต ผ้าพันคอ เสื้อยืด น้ำหอมอีกหลายขวด และไข่หมุน ... เป็นการแพ็คกระเป๋าที่ลำบาก เพราะห่วง กลัวน้ำหอมที่สาวๆ ฝากซื้อฝากหิ้วจะแตก เพราะของตัวเองมีน้อย เสื้อผ้าจะห่อกันแรงกระแทกก็น้อย ของแตกระหว่างทางหล่ะก็น้ำตาตกแน่ ... แต่ทุกอย่างก็รอดมาได้ด้วยดีค่ะ ปลอดภัยถึงมือผู้รับครบถ้วน


3 วัน 2 คืนในฮ่องกงน้อยไปจริงๆ ค่ะ เพิ่มอีกวันกำลังเหมาะ เที่ยวได้หลายที่และช้อปปิ้งเก็บตกได้ครบถ้วน ... เพราะฮ่องกงไม่ได้มีดีแค่ช้อปปิ้ง

19.7.53

เดินมาราธอน ตะลอนฮ่องกง #3

ตะลอนขึ้นๆ ลงๆ รถไฟใต้ดิน วันที่ 2 ซะเหนื่อย ... วันสุดท้ายแล้ว เหลือเวลาพักผ่อนตะลอนทัวร์กันอีกไม่เท่าไหร่ เพราะฉะนั้นต้องใช้ให้คุ้มค่ะ


7.00 น. เวลาฮ่องกง เสียงโทรศัพท์ที่ตั้งปลุกไว้ก็ดัง รู้สึกเหมือนเพิ่งล้มตัวนอนไปแป๊บเดียว ได้เวลาต้องตื่นแล้วเหรอเนี่ย ... งัดร่างที่เมื่อยล้ามากขึ้น เข้าไปอาบน้ำแต่งตัว


เรากับคนดีมีภารกิจที่จะแยกไปจัดการก่อน แล้วกลับมาสมทบกับพี่และน้องของคนดีช่วงเที่ยง ... เลยต้องเก็บกระเป๋าให้เรียบร้อย แล้วเช็คเอาท์ แต่ขอฝากสัมภาระไว้ก่อน

ตามนิสัยก็ต้องเติมพลังกันก่อน เช้านี้เราสองคนเลือกฝากท้องร้านอาหารใกล้ๆ ที่พักนี่หล่ะค่ะ ... ตอนแรกกะว่าจะเลือกร้านที่อยู่ติดกับทางเข้าตึกพอดี แต่ดูแล้วไม่ถูกชะตาชอบกล เลยเดินเขยิบไปอีกนิด เพราะเห็นว่ามีร้านอาหารอยู่อีกร้านนึง


เดินไปถึง เห็นตัวหนังสือไทยอยู่ด้วย อะฮ้า เข้าที ... แล้วก็เห็นป้ายการันตีของ ม.ร.ว.ถนัดศรี ด้วย ชื่อร้านอะไรก็ไม่รู้ไม่ได้สนใจ แต่ป้ายนี้ทำให้ตัดสินใจเลือกร้านนี้เลยหล่ะ ... เข้าไปนั่งปุ๊บก็ได้เมนูภาษาอังกฤษมาเลย เช้าๆ แบบนี้ เลือกโจ๊กดีกว่าค่ะ ... คนดีเลือกโจ๊กไข่เยี่ยวม้า ส่วนเราเลือกโจ๊กไข่เยี่ยวม้า + ตับหมู แต่ยกไข่เยี่ยวม้าให้คนดี


เนื้อโจ๊กเนียนละเอียด แต่รสอ่อนไปนิด กินกับปาท่องโก๋ตัวยาวที่ตัดมาเป็นชิ้นๆ ... อร่อยยยยยยยยยยยยยยยยยย


อิ่มแล้วก็ได้เวลาเริ่มภารกิจค่ะ ... กลับเข้าที่พักไปโทรติดต่อร้านจิวเวลรี่ เพื่อนัดเวลาและขอคำแนะนำเรื่องเส้นทาง เลยให้พนักงานที่โฮสเทลช่วยเขียนชื่อจุดหมายปลายทางเป็นภาษาจีนให้เลยค่ะ แล้วเค้ายังช่วยเปิดหาแผนที่จากกูเกิ้ล เล็งพิกัดจุดหมายที่เราจะต้องไปให้ด้วย


เดินไปลงรถไฟใต้ดิน บัตรที่ซื้อเมื่อวันยังใช้ได้อยู่เพราะยังไม่ครบ 24 ชม. จาก East Tsim Shu Stui ไปลง Hong Hom แค่สถานีเดียวเท่านั้นค่ะ ... แล้วเดินวน งงๆ เงอะๆ งะๆ ไปหาจุดเรียกแท๊กซี่ เพื่อจะไปที่หมาย คือ โรงงานจิวเวลรี่ ค่ะ


เมื่อปีที่แล้วที่ออฟฟิศพามาฮ่องกง เราซื้อ จี้กังหัน ไปให้คนดี พร้อมกับคำการันตีว่ารับประกันตลอดชีพ ซ่อมได้ เทิร์นได้ ... คนดีห้อยติดตัวไว้ตลอด จนเริ่มหมอง แต่ก็ไม่สำคัญเท่า กังหันในจี้ไม่หมุนติ้วเหมือนเคย ไหนๆ ก็ตั้งใจมาช้อปปิ้งแล้ว แวะมาให้ร้านขัดเงาและเช็คอาการให้สักหน่อยดีกว่า

ปกติโรงงานจิวเวลรี่แบบนี้ นักท่องเที่ยวทั่วไปเดินดุ่มๆ วอล์คอินเข้ามาเลยไม่ได้ ส่วนใหญ่จะมาเป็นคณะทัวร์ ที่มีไกด์ท้องถิ่นพามาค่ะ ... แต่เราเคยมาแล้ว เลยโทรติดต่อเข้ามาก่อน พนักงานเลยนัดจุดนัดพบ มารอรับและพาเข้าไปชมด้านใน


เข้าไปเจอพี่โกโก้ คนไทยที่มาทำงานนานจนดูกลายเป็นคนฮ่องกงไปแล้ว ... ครั้งที่แล้วพี่โกโก้แนะนำคุณสมบัติของจี้กังหันจนสาวๆ ในคณะเราฟังกันจนเคลิ้ม พร้อมจะเสียตังค์ แต่เจอราคาจี้เข้าไปหงายท้องไปตามๆ กัน ... คราวนี้พี่โกโก้ก็ออกมาต้อนรับเหมือนเคย มาดูแล แนะนำ และอนุมัติให้เปลี่ยนจี้อันใหม่ให้เลยค่ะ


ได้จี้อันใหม่แบบเดิมมาแล้ว ก็ชวนกันดูนั่นนี่ เสียทรัพย์กันไปพอควร ... ก่อนจะร่ำลากลับ พี่โกโก้ใจดี ให้พี่หยกสาวไทยอีกคนที่มาทำงานที่นี่อยู่นาน เดินไปส่งเราที่ป้ายรถเมล์ ... แหม กำลังจะถามพอดี เพราะตอนแท๊กซี่วนมาเห็นรถเมล์สายนึงไป star ferry จุดหมายต่อไปของเรา


โดดขึ้นรถเมล์ นั่งเพลินๆ แป๊บเดียวก็มาถึงแล้วค่ะ ... ถึงท่าเรือริมอ่าวแบบนี้ ก็ต้องแวะถ่ายรูปกันสักหน่อยค่ะ ช้อบ ชอบ วิวตรงนี้ มาทีไรแวะถ่ายรูปทุกที


ถ่ายรูปจุใจ ก็ตรงดิ่งเข้าไปใน Harbour City จุดหมายของเราคือ ทอยอาร์อัส ค่ะ ... ไม่ได้มาซื้อของเล่นนะคะ แต่มาหมุนไข่ค่ะ ของฝากไปให้สาวๆ ค่า ... หมุนไข่ได้ครบถ้วนตามจำนวนที่ต้องการแล้ว คนดีก็โทรนัดพี่ชายกับน้องสาวให้มาเจอกัน จะชวนกันไปเก็บตกที่ร้าน H&M กันต่อค่ะ


เดินสำรวจกันจนจุใจ เลือกเสื้อ ลองเสื้อ กันสนุกสนาน เพราะเวลาเหลือเฟือ ได้ของติดไม้ติดมือกันมาเพิ่มอีกพอควร ... ช้อปจุใจแล้ว ท้องก็หิวพอดี ชวนกันยกขบวนเดินไปร้าน Yuen Kee เค้าว่ากันว่า ร้านนี้ลูกชิ้นรวมมิตรอร่อยค่ะ


คนดีซึ่งโปรดปรานลูกชิ้น ไม่พลาดที่จะลองสั่งค่ะ แต่ลูกชิ้นรวมร้านนี้มีทั้ง ลูกชิ้นปลา หมึก และเนื้อวัว ค่ะ เพราะฉะนั้นใครไม่ทานเนื้อวัวต้องแจ้งไปด้วยนะคะ ... 3 พี่น้อง ไม่ทานเนื้อวัว เราเลยต้องรับผิดชอบลูกชิ้นลูกโตเกือบเท่าลูกปิงปอง 3 ลูก ตื้อกันเลยค่ะ


ส่วนเราเลือก หวั่นทั่นหมิ่นเหมือนเดิม แล้วก็ไม่ผิดหวัง เพราะเกี๊ยวกุ้งร้านนี้เทพมากกกกกกกกกกกกกก กัดคำแรกถึงกับเพ้อเลย ... ผัดหมี่รสอ่อนไปหน่อย แต่ก็พอไหวค่ะ ... จานต่อมาเป็นหมึกทอดพริกกระเทียม หมึกทอดมากำลังดี เนื้อกรุบ กินเพลินค่ะ ... แต่จานข้าวอบทะเล ที่มีซอสส้มๆ นั้น จานใหญ่อลังการ หน้าตาดูไม่งาม แต่รสชาติพอไหวค่ะ มาเสิร์ฟหลังสุด เห็นแล้วท้อ



อิ่มแล้วก็ชวนกันไปโฮสเทล แพ็คของลงกระเป๋าให้เรียบร้อย แล้วชวนกันลากกระเป๋าลงรถไฟใต้ดิน จาก Tsim Sha Tsui ไป Central แล้วเดินไปเปลี่ยนสายที่สถานี Hong Kong ไปสถานี Kowloon ค่ะ ... ดูสภาพลูกทัวร์ซิคะ


ลูกทัวร์ลากกระเป๋าใบเล็กที่จุดของแน่น ยังทำหน้าเมื่อยขนาดนี้ ... แล้วเราที่เป็นหัวหน้าทัวร์มาพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เป้ง จะหน้ายุ่งขนาดไหน ลองจินตนาการเอาเองนะคะ


ถึงสถานี Kowloon จัดการรีฟันค์เงินจากบัตร Octopus คืน แล้วซื้อบัตรรถไฟ AE (Airport Express) แบบ Group of 4 ราคาพิเศษสำหรับ 4 คน เตรียมเข้าสนามบินค่ะ


ซื้อบัตรเรียบร้อยก็ลากกระเป๋าไปช้อปกันต่อก่อนค่ะ ... จุดหมายคือ Onitsuka Tiger ที่อยู่ในห้าง Elements นี่หล่ะค่ะ เราตั้งใจจะไปใช้ voucher 50 HKD ที่ได้มา เพราะหมายตารองเท้าเจ้านี้ไว้ ... แต่กะว่าถ้าไม่ถูกใจก็จะไปใช้ซื้อสินค้าในร้านอื่นที่ร่วมรายการ


เสียเวลาช้อปไปพักหญ่ายยยยยยยยยยยยยยยยย ได้ของครบถ้วน เสียทรัพย์ด่านสุดท้าย ... ก็ลากกระเป๋ากลับมาจับรถไฟสายด่วนพิเศษเข้าสนามบินค่ะ ... จริงๆ เราสามารถเช็คอินได้ที่สถานีของรถไฟสาย AE ได้เลยนะคะ แต่ว่าบางสายการบินก็เป็นข้อยกเว้น ไม่สามารถเช็คอินได้ รวมถึง Air Asia ที่เราเลือกใช้ด้วยค่ะ


นั่งรถไฟแป๊บเดียวก็ถึงสนามบิน ตรงดิ่งไป Terminal 2 ไปรอต่อคิวเคาเตอร์เช็คอิน ... หาอยู่นานว่าอยู่ตรงไหน หาเจอก็ปักหลักรอพักใหญ่ แต่ใช้เวลาเช็คอินไม่นานค่ะ แป๊บเดียวก็เรียบร้อย แต่ต้องย้อนกลับมา Terminal 1 เพราะยังไม่ระบุว่าเครื่องจะออกจากเกทไหน เจ้าหน้าที่ให้เราเช็คดูที่นี่


ผ่าน ตม. ไปอย่างรวดเร็ว เราตั้งใจจะไปหม่ำเบอเกอร์คิง แล้วปักหลักนั่งรอนิ่งๆ สบายๆ เพราะเท้าเมื่อยสุดๆ ... คนดี และ พี่ น้อง ก็อยากนั่งพักเหมือนกัน แต่เลือกซื้อราเมนจาก Ajisen มากินแทน

จัดการอาหารเรียบร้อย ประกาศแจ้งเกทก็บอกแล้ว เพราะฉะนั้น ไปเอกเขนกรอที่หน้าเกทเลยดีกว่า ... 20.50 น. เวลาฮ่องกง เครื่องหางแดงก็พาเราเหิรฟ้ากลับมาสุวรรณภูมิ


เดินมาราธอนกัน 3 วัน เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ก็พากันกลับเข้าสู่ชีวิตปกติ ลุยงานกันต่อไป ... ฮ่องกงจ๋า เราจะเจอกันอีกเมื่อไหร่ ยังมีอีกหลายที่เที่ยวที่น่าสนใจ น่าไปชมอยู่อีกเยอะนะเนี่ย

18.7.53

เดินมาราธอน ตะลอนฮ่องกง #2

ความเดิม ตอน 1 เริ่มวันแรกขาก็รวดร้าวซะแล้ว ... มาดูกันต่อเลยค่ะว่าวันนี้จะเดินมาราธอนกันสาหัสขนาดไหน



8.00 น. เวลาฮ่องกง ตื่นลืมตามาพร้อมกับขาเมื่อยๆ ล้าๆ อาบน้ำเรียบร้อยก็ปลุกคนดีตื่นมาอาบน้ำต่อ กะว่าจะออกไปหม่ำข้าวเช้าเร็วหน่อย จะได้ตะลอนทัวร์กันเต็มวัน ... แต่เพราะไม่ได้นัดเวลากับสมาชิกอีกห้องนึง เราสองคนเรียบร้อยแล้ว แต่อีกห้องเพิ่งตื่นค่ะ สงสัยจะเหนื่อย เพลียจากเมื่อวาน


ใกล้ๆ 10 โมง สมาชิกพร้อมหน้า เดินเท้าตามลายแทงไปหามื้อเช้าอร่อยๆ ค่ะ ... มาฮ่องกงแบบนี้ ก็ต้องเลือก ติ่มซำ กับ โจ๊ก ซิคะ ... เลือก Tao Heung Restaurant ร้านนี้มีเมนูภาษาอังกฤษช่วยให้การสั่งอาหารสะดวกขึ้นสักหน่อยค่ะ


เราให้คนดีปรินท์รายการอาหาร พร้อมภาพประกอบ และวิธีออกเสียง ติดไปด้วย ... ไปถึงก็พลิกมาเปิดคู่กับเมนู แล้วจิ้มให้พนักงานดู ก็เข้าใจตรงกันง่าย ... นั่งรอสักพัก ซิ้วหมาย (ขนมจีบ) ชาซิ้วป๊าว (ซาลาเปาหมูแดง) ฮาก่าว (ฮะเก๋า) ก็มาเสิร์ฟค่ะ


ขนมจีบที่นี่อร่อยสุดยอดดดดดดดดดดดดดดดดด ฮะเก๋าก็มีกุ้งตัวโตเต็มๆ คำ ซาลาเปาหมูแดงกลมกล่อมใช้ได้ค่ะ ... ส่วนที่เหลือก็พอไหวนะคะ ก๋วยเตี๋ยวหลอดไส้หมูแดง กับ ไส้กุ้ง แป้งบาง ทานง่ายค่ะ โจ๊กรสจืดไปนิด แต่เนื้อเนียนดีค่ะ ส่วนอีกอย่างที่เป็นของทอดไม่รู้ว่าอะไรค่ะ แต่พนักงานทำท่าแนะนำว่าดี เลยลองสั่งมา ก็ไม่เลวค่ะ


กินอิ่มแล้ว ก็พร้อมออกเดินทางกันค่ะ ... วันนี้เราจะตะลอนทัวร์ทั่วเกาะฮ่องกงด้วยรถไฟฟ้าเป็นหลัก เราเลยซื้อตั๋วแบบ Tourist Day Pass ราคา 55 HKD สามารถใช้โดยสารรถไฟฟ้าได้แบบไม่จำกัดเที่ยวตลอดเวลา 24 ชม. ตั้งแต่เริ่มใช้บัตร ... ไปซื้อได้ที่เคาเตอร์บริการลูกค้าในสถานีต่างๆ ซื้อแล้วพนักงานจะส่งห่อบัตรมาให้ 1 ชุด ด้านในจะมีบัตรส่วนลดจากที่ต่างๆ อยู่ด้วย ... อย่างที่เห็นในรูปนั้น เป็นคูปองที่สามารถไปแลก voucher มูลค่า 50 HKD ที่ Elements ค่ะ แค่แลกใบนี้มา ก็คุ้มเกินคุ้มแล้วค่ะ


เราลงสถานี Tsim Sha Tsui แล้วเดินลัดเลาะไปตามทางเดินใต้ดินเพื่อไปสถานี East Tsim Sha Tsui ขึ้นรถไฟ ไปลงสถานี Tai Wai ค่ะ จุดหมายก็คือ Che Kung Temple หรือ แชกุงหมิว วัดเก่าแก่ของฮ่องกง เป็นหนึ่งใน 4 วัดศักดิ์สิทธิ์ที่คนฮ่องกงจะตระเวนสักการะในช่วงตรุษจีนค่ะ


วัดนี้ขึ้นชื่อในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ด้านโชคลาภทรัพย์สินเงินทอง และเป็นที่มาของจี้กังหันนำโชค ... เมื่อปีที่แล้วเราควักกระเป๋าซื้อจี้กังหันจากร้านจิวเวลรี่ไปให้คนดีแล้ว ก็ลองพามาไหว้เจ้าพ่อแช้ก๊งถึงวัดซะเลย


ออกจากสถานีมา เดินลัดเลาะมาอีกสักหน่อยก็ถึงค่ะ จะเห็นกำแพงสีแดงๆ ได้ชัดเจน ... มาถึงก็เจอทัวร์คนไทยเต็มวัด ได้ยินแต่ภาษาไทยที่คุ้นหู แม้แต่เจ้าหน้าที่ในวัดก็สามารถพูดภาษาไทยได้เล็กๆ น้อยๆ อย่างบอกราคาของ แนะนำการไหว้สักการะได้ ...


เริ่มจากซื้อธูปเทียน มีหลากหลายเซ็ท หลายราคาให้เลือกค่ะ ... เราเลือกซื้อชุดใหญ่ มีทั้งธูปเล็ก ธูปใหญ่ และชุดกระดาษอะไรไม่รู้ ซื้อชุดเดียวแบ่งกับคนดี แล้วเดินไปด้านใน เจ้าหน้าที่ให้เราเขียนชื่อลงไป แล้วเอาธูปไปจุดให้ ระหว่างรอธูปก็เขียนชื่อลงสมุดทำบุญ เจ้าหน้าที่ก็ให้ซองแดงอะไรมาแล้วบอกว่า โชคดี เฮงๆ รวยๆ ... จากนั้นก็รับธูปไปปักไหว้ตามจุดต่างๆ เสร็จแล้วก็เข้าไปหมุนกังหันด้านใน


ออกมาแวะซื้อของที่ระลึกจากทางวัดติดมือกลับมาเป็นของฝากด้วย แบ่งปันโชคกันถ้วนหน้าค่ะ ... เสร็จแล้วก็จับรถไฟสายเดิม ย้อนจาก Tai Wai กลับมา East Tsim Sha Tsui แล้วเดินกลับมา Tsim Sha Tsui ขึ้นรถไฟไปสถานี Central ค่ะ


เดินเลาะตามทางใต้ดินซึ่งเป็นมอลล์ย่อมๆ จากสถานี Central ไป สถานี Hong Kong ขึ้นรถไฟไปสถานี Sunny Bay ต่อรถไฟสาย Disneyland Resort ค่ะ


เราไม่ได้มีโปรแกรมเที่ยวดิสนีย์แลนด์หรอกค่ะ แต่ไหนๆ ก็ใช้รถไฟฟ้าได้แบบไม่จำกัดเที่ยวแล้ว เราเลยแวะเข้าไปถ่ายรูปที่สถานี และพื้นที่ด้านหน้าของดิสนีย์กันค่ะ ... แดดเปรี้ยงงงงงงงงงงงง เหมาะที่จะเที่ยวสวนสนุกจริงๆ เพราะไม่มีฝนตกกวนใจ แต่อากาศร้อนเกิ้นนนนนน แค่เราเดินกันแป๊บเดียว เหงื่อหยดยังกะน้ำไหล


ถ่ายรูปกันพอสมควรก็เดินกลับมารับลมเย็นๆ รอที่สถานีดีกว่า แล้วก็นั่งย้อนออกมาที่ Sunny Bay แล้วต่อรถไฟไปสถานี Tung Chung ... สถานีนี้เป็นจุดหมายของคนที่จะมาขึ้นกระเช้า Ngong Ping แต่เราไม่ไปค่ะ เราเดินเข้าไปที่ Citygate Outlet เลยค่ะ


ตามแผนคือจะมาช้อปปิ้ง แต่ ณ เวลานั้น บ่ายสองโมงแล้ว หิวซ่ก และ ขาล้า กันถ้วนหน้า เพราะฉะนั้นต้องเติมพลังก่อนค่ะ ... เดินวนไปชั้น 3 ไปฝากท้องไว้ที่ Food Republic ศูนย์อาหารของที่นี่


เดินหาที่นั่ง แล้วสำรวจร้านอาหารต่างๆ มีอาหารหลากหลายชาติให้เลือก แม้กระทั่งอาหารไทย แต่ดูหน้าตาแล้ว ถ้าสั่งอาหารไทยมากินคงได้มีโมโหแน่ๆ ... ไปเลือกสั่งเมนูง่ายๆ ดีกว่า เราเลือก หวั่นทั่นหมิ่น (บะหมี่เกี๊ยวกุ้ง) ส่วนคนดีเลือก จ๊ก (โจ๊ก) ... บะหมี่เกี๊ยวของเรารสกล้อมแกล้มพอไหว แต่น้ำซุปมีรสแป้งจากเส้นบะหมี่เยอะไปหน่อย แต่โจ๊กไก่สไลด์ของคนดี เป็นโจ๊กที่มีรสไก่เจ้มจ้น เพราะไก่สไลด์ที่บอกไว้ในเมนู คนดีบอกว่าเหมือนไก่สับจากไก่ต้มไหว้ตอนตรุษจีนเลยค่ะ


ส่วนน้องสาวกับพี่ชายของคนดีก็เลือกซื้อมาคนละจาน จำชื่อไม่ได้ว่าอะไรค่ะ ... ลืมถ่ายรูปอาหารทั้ง 4 จานเลย หิวจัดเลยรีบซัดลงท้อง


อิ่มแล้วก็ได้เวลาช้อปปิ้งค่ะ เดินวน วน วน ตามร้านต่างๆ สักหน่อย ... ของก็อยากจะดู แต่ขาก็ล้าเหลือเกิน เดินได้เฉพาะร้านเป้าหมายที่เล็งๆ เอาไว้ ส่วนที่นอกเหนือความสนใจก็ตัดทิ้งค่ะ ... เดินจนสาแก่ใจ ก็จับรถไฟ ย้อนกลับเข้าเมือง


จากสถานี Tung Chung เราย้อนมาที่สถานี Kowloon ... เป้าหมายของเราอยู่ที่ห้าง Elements แวะมาแลก Gift voucher 50 HKD ค่ะ จริงๆ ตั้งใจว่าแลกแล้วจะใช้เลย แต่ดูเวลาแล้ว เดี๋ยวจะกลับไปดูโชว์ไม่ทัน งั้นเราค่อยมาใช้ voucher ที่ได้มา วันพรุ่งนี้แล้วกันค่ะ


จับรถไฟจาก Kowloon กลับมา Hong Kong แล้วเดินเลาะมาที่ Central จับรถไฟกลับ Tsim Sha Tsui ค่ะ ... เป็นไงคะ ใช้ตั๋วรถไฟที่ซื้อเมื่อเช้าคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม ถึงไม่แลก voucher ก็ขึ้นๆ ลงๆ รถไฟใต้ดินสารพัดสายจนคุ้มแล้วค่ะ ... เก็บภาพชื่อสถานีต่างๆ บางส่วนที่แวะไปในวันนี้มารวบรวมเอาไว้ นอกจากจะช่วยเตือนความจำว่าไปทางไหน สายไหนบ้างแล้ว ก็เป็นที่ระลึกด้วยค่ะ เพราะสถานีที่ฮ่องกง ตกแต่งสีต่างกันไป สวยเชียวค่ะ


(ป.ล. สีของชื่อแต่ละสถานี เป็นสีตามเส้นทางสายที่รถไฟวิ่งตามสีที่ระบุในแผนที่ค่ะ)


ออกจากสถานีมา ก็รีบเดินจ้ำไปที่ริมอ่าวค่ะ เราต้องรีบไปจับจองที่ดู Symphony of Lights ค่ะ ... ทำเลดีจะอยู่ตรงชั้น 2 แถวหอนาฬิกา แต่เรามาถึงจวนเจียนจะได้เวลาโชว์แล้ว ไม่แน่ใจว่าที่ดีดีโดนจับจองไปรึยัง ... เราเลยปักหลักตรงที่ว่างริมอ่าวซะเลยค่ะ เจอว่า ทำเลดี พอนั่งได้ ก็เสียบปุ๊บ


20.00 เป๊ะ โชว์ก็เริ่มค่ะ ตึกริมน้ำฝั่งฮ่องกง พากันเปิดไฟกะพริบตามจังหวะเพลง ... ดูเพลินนนนนนนนนนน ... กำลังเพลินๆ สบายๆ 15 นาทีโชว์ก็จบแล้วค่ะ ว้า ยังเพลิน ยังนั่งสบายอยู่เลย ต้องออกเดินกันต่ออีกแล้ว


เดินย้อนไปทางท่าเรือเฟอร์รี่ เพื่อจะไปปร้านอร่อยมื้อเย็น แต่ว่าเจอ Mister Softee รถขายไอติมเจ้าอร่อย ... เลยชวนกันซื้อ ซอฟท์ครีมมาคนละอัน เดินกินเพลินๆ รองท้องก่อนไปเจอมื้อเย็นค่ะ


มื้อนี้ฝากท้องไว้ที่ Taiwan Beef Noodle ค่ะ เห็นคนเยอะเต็มร้านเชียว เลยจอดที่ร้านนี้ไม่เดินไปถึง Sweet Dynasty ที่หมายตาไว้แต่แรก ... ร้านไม่ได้มีแต่ก๋วยเตี๋ยวเนื้อขายนะคะ มีอาหารหลากหลายประเภทให้ลองค่ะ เลือกตามสูตรเดิมคือสั่ง 4 จาน สำหรับ 4 คน เพราะอาหารที่นี่จานใหญ่เกิ้นนนนน


จำชื่อไม่ได้เหมือนเคยค่ะ ... จำได้เฉพาะข้าวผัดที่เราสั่ง เพราะนึกอยากกินข้าว เป็นข้าวผัดใส่ไก่กับปลาเค็ม ผัดมาแบบใส่ผงกะหรี่ด้วย อร่อยดีค่ะ ... เต้าหู้ทอดก็อร่อยค่ะ กุ้งผัดเม็ดมะม่วงก็ดี เสียแต่จานน้ำ ที่เป็นบะหมี่รสชาติพิกล


อิ่มแล้วก็ได้เวลาช้อปปิ้งค่ะ เรามีภารกิจที่จะต้องไปสอยน้ำหอมที่สาวๆ ฝากซื้อ เดินข้ามถนนนาธานไปร้านเป้าหมาย ได้ของที่ต้องการในเวลารวดเร็ว ... แล้วก็เดินลัดเลาะชมร้านค้าแถวนั้นอีกสักหน่อย ก่อนจะย้อนกลับมาแวะร้าน H&M ตรงถนน Canton ใกล้กับ Harbour City เข้าไปเดินกันจดหมดเวลา จนร้านปิดนั่นหล่ะค่ะ ถึงได้ถอยทัพกลับที่พัก


ห้าทุ่มกว่าลากสังขารที่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง กลับมาห้องพักกระจิ๋วหลิวของเรา แบ่งแยกสมบัติที่ชวนกันช้อป และช่วยกันหิ้ว ... ก่อนจะแยกย้ายกันแพ็คกระเป๋า พักผ่อน เตรียมลุยกันต่อวันพรุ่งนี้วันสุดท้าย


พรุ่งนี้จะเป็นยังไง จะเดินกันกระจุยขนาดไหน ตามมา ที่นี่ เลยค่ะ

17.7.53

เดินมาราธอน ตะลอนฮ่องกง #1

2.30 น. เวลาประเทศไทย เสียงเคาะประตูห้องเพื่อช่วยปลุกเราให้ตื่นก็ดังขึ้น ... จำใจต้องงัดตัวเองจากที่นอน อาบน้ำ แต่งตัว เช็คสัมภาระ แล้วมุ่งหน้าไปสุวรรณภูมิค่ะ


3.45 น. ถึงสนามบินเรียบร้อย รอ 3 พี่น้อง ลูกทัวร์เฉพาะกิจครั้งนี้ตามมาสมทบ ... ราวๆ 4.15 น. สมาชิก 4 คนก็พร้อมหน้า จัดการเช็คอินที่เครื่อง self check-in ของแอร์เอเชีย แต่ปรากฎว่าเคาเตอร์ที่รับโหลดกระเป๋าและแสดงหลักฐานยืนยันตัวตนยังไม่เปิด ... เราเลยต้องไปต่อคิวเคาน์เตอร์เช็คอินปกติ


กว่าจะโหลดกระเป๋าได้ กว่าจะเช็คอินเรียบร้อย ยืนรอนานจนหงุดหงิด เกือบ 5.30 น. ถึงผ่านด่านนี้เข้าไป ตม. โชคดีที่ ตม. คนไม่เยอะ คิวไม่ยาว แป๊บเดียวก็ผ่าน ไปปลดเปลื้องสัมภาระผ่านเครื่องสแกนเข้าไปได้ ... รีบเดินจ้ำไปรับของที่เคาเตอร์คิงเพาเวอร์ แล้วก็จ้ำไปเกท แวะกินเบอเกอร์คิงที่แพงเป็นพิเศษ แบบด่วนสุดๆ จนจุก แล้วรีบไปเกท เพราะบอร์ดดิ้งตอน 6.20 น.


รีบ เร่ง ล่ก แต่ก็ยังทันเวลา ได้นั่งพักเหนื่อยสักแป๊บก่อนจะจับเครื่องบินไฟลท์ FD3712 เหิรฟ้าไปฮ่องกง ... ขึ้นเครื่องได้ ก็ปิดสวิทช์ดับ หลับยาววววววค่ะ


10.20 น. เวลาฮ่องกง เครื่องก็ลงจอดที่สนามบิน เช็ค แล็บ ก๊อก ค่า ... รีบเดินไปเข้าคิวผ่าน ตม. อย่างรวดเร็ว แล้วไปรอรับกระเป๋า คราวนี้ผ่านตม.อย่างรวดเร็ว แต่มาเสียเวลารอกระเป๋านานนนนนนนนนน


กระเป๋าพร้อม คนพร้อม ก็ชวนสมาชิกเดินออกไปขึ้นรถเมล์ สาย A21 ค่ะ ใช้เวลานานหน่อย แต่ค่ารถถูกกว่ารถไฟด่วน AE ... ขามากระเป๋ายังเบา ลากขึ้น-ลงรถเมล์ยังสะดวกค่ะ แล้วรถเมล์สายนี้ก็จะมีป้ายไฟบอกตลอดว่าตอนนี้เราอยู่ที่ไหนแล้ว และกำลังจะถึงป้ายรถลำดับที่เท่าไหร่ มีสถานที่ใกล้เคียงคืออะไร ... จุดหมายของเราอยู่ที่ ป้ายรถ No. 13 Tsim Sha Tsui Station


ลงรถแล้วก็ลากกระเป๋าข้ามถนน เดินไปอีกสักหน่อย จุดหมายของเราคือ Hanyee Building บนถนน Hankow ... Hop Inn Hostel ที่พักของเราครั้งนี้ตั้งอยู่ที่ชั้น 2 ของตึกนี้ค่ะ ... โฮสเทลราคาย่อมเยา ที่เพิ่งเปิดให้บริการไม่นาน ขนาดห้องอาจจะเล็ก แต่ดูสะอาดสะอ้านดี ที่สำคัญคือ พนักงานที่ดูแลทุกคน น่ารักมากกกกกกกกกกกกกกก


ห้องพักขนาดประมาน 2x2 ม. เท่านั้น แล้วมีห้องน้ำในตัวด้วย แค่วางกระเป๋าก็จะไม่มีทางเดินแล้วค่ะ ... ห้องสีฟ้าของเรากับคนดี เล็กกว่าห้องสีขาวของพี่ชายกับน้องสาวคนดีสักหน่อยค่ะ แต่มีอุปกรณ์เหมือนกันค่ะ ทีวีจอแบนที่สามารถเล่นดีวีดีได้ในตัว และแอร์ตัวเล็กแต่ทำงานดีมาก เย็นฉ่ำจนหนาว


ตอนที่ไปถึงยังเข้าห้องพักไม่ได้ ก็ฝากกระเป๋าไว้ก่อน แล้วออกตะลอนทัวร์กันเลยค่ะ ... เที่ยงกว่าแล้ว สมาชิกหิวกันถ้วนหน้า งั้นก็ต้องเพิ่มพลังค่ะ เดินลัดเลาะระยะพอสมควร ไปยังร้าน Relax for a while


สั่งอาหารมาคนละจาน อย่าถามเลยนะคะว่าชื่ออะไร เพราะชื่อภาษาจีนก็อ่านไม่ออก คำอธิบายภาษาอังกฤษก็ยาวเกินจะจำหมด ... จำได้แต่รสชาติว่าเป็นยังไง ร้านนี้จานซ้ายบน ข้าวซี่โครงหมูทอดพริกกระเทียม อร่อยดีค่ะ ส่วนจานอื่นๆ ธรรมดา ไม่แย่ แต่ก็ไม่น่าประทับใจ


อิ่มแล้วก็ลงรถไฟใต้ดิน ไปสถานี Central เดินไปท่ารถเมล์ได้ตึก Exchange Square ไปรอรถเมล์สาย 6 ค่ะ ... รถเมล์ที่นี่มีป้ายแยกกันชัดเจน ว่าป้ายนี้สำหรับรถเมล์สายอะไรบ้าง และบอกรายละเอียดเส้นทางพร้อมราคาไว้ ... ขึ้นหน้า ลงหลัง หยอดตังค์ลงกล่องข้างคนขับเลยค่ะ ไม่มีทอนนะคะ เตรียมตังค์ให้พอดี แต่ถ้าอยากสบายก็ซื้อบัตร Octopus ไว้ แตะตื๊ดๆ เหมือนรถไฟฟ้าบ้านเราค่ะ


เราขึ้นรถเมล์สาย 6X ตรงไปยัง Repulse Bay ค่ะ ลงรถตรงป้ายหน้าตึกที่มีรูแบบนี้หล่ะค่ะ มองเห็นเด่นชัดเป็นจุดสังเกตได้ดี ... ลงรถแล้ว ข้ามถนน เดินลงบันไดลัดเลาะไปตามทาง


จุดแรกที่เราไปไหว้คือ องค์เจ้าแม่กวนอิม จะให้ดี ต้องยืนบนแผ่นกระเบื้องอย่างในรูปนะคะ เป็นจุดที่จะสบตาองค์ท่านได้พอดีค่ะ ... แล้วก็ไปไหว้เทพเจ้าแห่งโชคลาภ หยิบแบงค์มาลูบองค์ท่านแล้วเก็บใส่กระเป๋า ... ไหว้เจ้าแม่ทับทิม เดินข้ามสะพานต่ออายุ ไปไหว้เทพที่ถือสมุด และมีด้ายแดงผูกนี่หล่ะค่ะ ขอเรื่องเนื้อคู่


ใครที่โสดก็ไหว้ขอพรท่าน อย่าลืมระบุเวลาไปด้วยนะคะ ว่าอยากให้ท่านส่งเนื้อคู่มาให้เมื่อไหร่ ถ้าไม่ระบุเวลาท่านอาจจะคิดว่าไม่รีบ รอได้ แล้วส่งเนื้อคู่มาตอนอายุ 50-60 แล้วก็ได้ค่ะ ... ใครที่มีคู่แล้ว และคู่มาด้วย เค้าว่ากันว่าให้ชวนกันไปนั่งตรงแท่นหิน แต่ถ้าคู่ไม่มาก็ไปนั่งคนเดียวแล้วนึกถึงหน้าคู่ของเรา


เสร็จแล้วก็เดินถ่ายรูปกัน แล้วก็ไปเสี่ยงทายโยนเหรียญเข้าปากปลามังกรค่ะ ... 3 คนพี่น้องโยนเข้าทุกคน ช้าบ้างเร็วบ้างแต่ก็เข้า ส่วนเราโยนเข้าแล้วเด้งออก 2 รอบ โอ้ว สงสัยจะไม่มีโชคซะแล้วค่ะ


จบภารกิจตรงนี้ก็จับรถเมล์สายเดิม ย้อนกลับมาแถว Central แล้วเราก็เดินลัดเลาะชมตึกสูงสวยๆ เพื่อจะไป Peak Tram ... เราจะนั่งรถรางขึ้นไปชมวิวด้านบนค่ะ ... ตรงนี้คนเยอะมากกกกกก เข้าแถวรอคดเคี้ยวไปมา แล้วยิ่งเย็นคนก็ยิ่งเยอะ เพราะส่วนใหญ่จะขึ้นไปเก็บภาพวิวตึกมุมสูงยามโพล้เพล้ และแสงสีของตึกต่างๆ ค่ะ


แต่กรุ๊ปเราขอดูวิวยามบ่ายแก่ๆ ก็พอค่ะ แล้วก็ถือโอกาสนั่งพักเท้ากันพักใหญ่ ... ด้านบนลมเย็น สบาย นั่งรับลมชมวิว ได้เพลินๆ ... อ๋อ เราเลือกชมวิวจากระเบียงของ Peak Galleria นะคะ เพราะถ้าขึ้นไปตรง Sky Terrece ของ Peak Tower ต้องเสียค่าเข้าชมเพิ่ม เพราะเค้าว่าเป็นจุดชมวิวมุมสูงที่สวยที่สุด ... เราขอแค่มุมสูงก็พอ ไม่ต้องสวยสุดก็ได้ ประหยัดตังค์ไปได้หลายเหรียญค่ะ


วิวสวยจนต้องเก็บภาพเป็นที่ระลึก ... นี่หล่ะค่ะ โฉมหน้าของลูกทัวร์ 3 พี่น้อง ... เป็นลูกทัวร์ที่หลงเชื่อทัวร์ลีดเดอร์จำเป็น พาเดินมาราธอนซะทั่วเลย


ชมวิวจุใจแล้ว ก็นั่ง Peak Tram ลงมาเหมือนเดิม มาถึงก็เดินลัดเลาะชมร้านแถว Central สักหน่อย ก่อนตัดสินใจเติมพลัง เพราะหกโมงกว่าแล้ว ... คราวนี้เลือกร้าน Ajisen Ramen


ร้านบะหมี่ที่มีหมวยผมซาลาเปาเป็นโลโก้ ... เช่นเคยค่ะ จำชื่อเมนูไม่ได้ว่าคืออะไร แต่เป็นราเมนเหมือนกันค่ะ รสชาติน้ำซุปคล้ายกัน ยกเว้นชามที่บอกว่ารสจัด ก็จะมีพริกเพิ่มและสีเข้มขึ้นหน่อย แต่ไม่เผ็ดมากอย่างที่คนไทยคุ้นเคย ... ชามใหญ่มากกกกก ช้อนก็คันเบ้อเร่อ หูย กินลำบากเกิน


อิ่ม อร่อย เรียกพลังได้แล้ว ก็แวะช้อปปิ้งที่ร้าน H&M หน่อยนึง ... แล้วลงรถไฟใต้ดิน ไปสถานี Mong Kok ได้เวลาช้อปปิ้งค่ะ ร้านรวงแถวนั้นมีสินค้าให้เลือกหลากหลาย เดินผ่านเฉยๆ ยังตาลาย เพราะฉะนั้นต้องเดินไปแวะไปค่ะ


เดินไปได้สักหน่อย ก็ชวนกันลองชิมของใหม่ๆ ... Happy Lemon ที่เราเลือกสั่ง Honey Lemon รสจืดเหมือนกันน้ำเปล่าแล้วบีบมะนาวลงไปนิดนึง เสียอารมณ์ ... ส่วนบะหมี่ยำหน้าตาแปลก รสเหมือนสุกี้แห้ง แปลกๆ ดีค่ะ รสน้ำจิ้มติดปากเข้มข้นยาวนาน ... ส่วน Hui Lau Shan ร้านน้ำผลไม้ที่มีพระเอกเป็นมะม่วงนั้น ชาวบ้านว่าอร่อยล้ำ แต่กรุ๊ปเราไม่มีใครชอบมะม่วงสุกสักคน เลยไม่ปลื้มค่ะ ลองสั่งเมนูอื่นมาชิมก็พอกล้อมแกล้ม


เดินชมตลาด ชมร้านค้าเพลินๆ เจอะน้องหมาน่าเอ็นดู ยืนขี่คอเจ้านายนิ่ง น่ารักเชียว ... แล้วก็แวะดูเสื้อร้านนั้น ร้านนี้ไปเรื่อย จู่ๆ ฝนก็เทลงมาโครมเบ้อเร่อ แต่ไม่ลำบากเพราะเราแวะดูเสื้อในร้านไหนรอฝนซาก็ได้


พอฝนซา ขาก็เริ่มล้า เลยชวนกันจับรถไฟใต้ดินกลับไปที่พักกันดีกว่า ... แต่มาเจอฝนซู่ใหญ่ตอนจะออกจากสถานีพอดี เลยต้องรอให้ฝนซาก่อนจะชวนกันวิ่งลุยฝนกลับที่พัก


23.30 น. เวลาฮ่องกง เราก็ลากสังขารที่อ่อนล้า ขาที่เริ่มรวดร้าว และเปียกมะล่อกมะแล่กกลับถึงที่พัก ... แยกย้ายกันเข้าห้องพัก พรุ่งนี้ค่อยตะลุยเดินมาราธอนกันต่อ


ว่าแต่วันนี้ก็เดินมาราธอนจนขาล้าแล้ว ... วันถัดไปจะเดินขนาดไหนตามไปชม ที่นี่ ค่ะ