29.6.54

My Crocs

ได้ยินชื่อ ได้เห็น รองเท้า Crocs มานานนนนนนนนนนนนนนนน แล้วค่ะ ... แต่ไม่สนใจ ไม่เข้าตา เพราะฉงนสงสัยว่า รองเท้าอาไร้ ทำไมหัวโตนัก


ลองนึกภาพตัวเองใส่รองเท้าแบบนี้ ภาพเท้าโตๆ ของเจ้าตัวการ์ตูน นก Tweety ก็ลอยมา ... เพราะเราเท้าเหี่ยวๆ ไม่ค่อยมีเนื้อ เจอรองเท้าแบบนี้ คงออกมาเป็นการ์ตูนแน่ๆ


หลังจากนั้นก็ไม่เหลือบ ไม่แล รองเท้าแบรนด์นี้อีกเลย ออกจะเมินใส่ด้วยซ้ำ ... แต่จู่ๆ วันนึง เดินเล่นในห้าง แล้วเห็นติดป้ายลดราคา เป็นรองเท้าแบบ flat ปลายเรียว ดูเรียบๆ น่าจะใส่ง่าย เลยไปลองสวมดู ... อุ๊ย เบา สบายดีจัง


ลองๆ เลือกๆ แล้วก็เสียเงินซื้อกลับมา 1 คู่ กะไว้ใส่เดินเล่นๆ ขำๆ เพราะน่าจะใส่เดินเล่นได้ทุกสภาพอากาศ ... แต่ผลปรากฎว่า เคยใส่ระยะยาว 1 วันเต็มๆ พอถอดมา เล็บหัวแม่เท้าเขียวปี๋ทั้งสองข้าง ... เพราะรองเท้าพอดีเกินไปค่ะ เดินๆ ไปแล้วเลยบีบเล็บ ห้อเลือด เล็บเขียวๆ ดำๆ อยู่เกือบเดือน ... เก็บเข้าตู้ บอกเลิกกันเด็ดขาด


เมินกันรอบสอง พร้อมแค้นเคืองอยู่ในใจ ... แต่แล้ววันนึง ฟ้าก็กลั่นแกล้ง เดินผ่าน Shop ที่เมเจอร์ รัชโยธิน แล้วเห็นรองเท้าสีม่วงแขวนอยู่ ... อร๊ายยยยยยยยยยยย ถูกใจ


เหมือนโดนรองเท้ากวักมือเรียก ให้เข้าไปลูบๆ คลำๆ แล้วก็สังเกตเห็นว่า หัวมันไม่พองโตเท่าเดิม ... รุ่นนี้ชื่อ Crocband ขอบรองเท้าก็เป็นริ้ว ขาว-ดำ ไม่ได้เป็นสีเดียวกับตัวรองเท้า ... อุ๊ยตายแล้ว น่าลองจริงเชียว ขอให้พนักงานช่วยหยิบลงมาลอง ... ลองแล้วรู้สึกแปลกๆ เพราะด้านหน้าเท้าหลวมๆ โล่งๆ ไม่คุ้นเคย แต่ลองเดินดู ก็สบายดี ไม่กัด ไม่หลุด ไม่หลวม


แล้วก็พลาดท่า ซื้อกลับมาจนได้ เราสีม่วงแน่นอน ส่วนคนดีก็สอยสีเหลืองสดใสมา ... ไม่ได้ซื้อรองเท้าอย่างเดียว แต่ซื้อ jibbitz ตัวติดตกแต่งรองเท้ากลับมาด้วย ... ที่เห็นในรูปเป็นชิ้นที่ซื้อเพิ่มทีหลังนะคะ


จากเดิมที่เมินกัน ก็กลายเป็นรองเท้าที่พาไปลุยมาหลายที่ เพราะใส่ง่าย ถอดสะดวก เดินสบาย ลุยน้ำ ลุยดินได้ทุกที่ ... จัดเป็นรองเท้าคู่โปรดไปโดยปริยาย


พอโปรดแล้ว ก็ต้องติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวรุ่นใหม่ๆ ... ช่วงบอลโลกก็มีรุ่น Crocband ที่เป็น Collection ธงชาติต่างๆ ที่เข้ารอบออกมา อยากได้เหมือนกัน แต่ตามหาแบบที่ชอบ และไซส์ที่พอดีไม่ได้ เลยอดไป


จนมาเมื่อเร็วๆ นี้ เห็นรุ่นใหม่ Carlie Mary Jane ออกมา เห็นแล้วสะดุดตา สะดุดใจ กิเลสพุ่ง ... อยากรู้ อยากลอง อยากได้ ... แต่ไม่ค่อยเห็นที่ช้อปต่างๆ สักเท่าไหร่ มีโชว์ไว้แค่ไม่กี่คู่


แวะเวียนไปติดตามข่าวคราวจากเว็บไซท์ จาก fanpage ... เห็นมีคนมาถามถึงกันค่อนข้างเยอะ ... กิเลสพุ่งเพิ่มเป็นทวีคูณ


กิเลสเพิ่มขนาดที่ต้องขอไปแวะเวียนช้อปที่อยู่ใกล้บ้านสักหน่อย ... อกหักไป 2 รอบ เพราะไม่เจอของ ได้ข่าวว่าช้อปที่เอสพลานาดมีของอยู่ ขอแวะไปดูหน่อยเหอะ


พอเหมาะพอดี คนดีไม่มารับ เลิกงานก็ตรงดิ่งไปทันที ... เดินเข้าร้านปุ๊บ ใจฟู แล้วก็เหี่ยวทันที เพราะมีของโชว์อยู่ แต่มีน้อย และมีแต่สีดำ เกือบจะอกหักแล้ว ... แต่พอเดินเข้าไปด้านใน เห็นพนักงานกำลังรื้อของจากลัง เช็คสต็อค และจัดของอยู่ โอ้ววววววววววว รองเท้าที่ฉันตามหา เพียบเลย


เดินรีๆ รอๆ ให้พนักงานเช็คของ จัดของสักพัก ระหว่างรอ ก็หยิบรุ่นโน้น รุ่นนี้มาลองไปเรื่อยๆ ... พอพนักงานเช็คสต็อคเรียบร้อยก็เดินมาถาม มาดูแลเรา


ลองสวมแค่แป๊บเดียว ก็พาเจ้านี่กลับมาอยู่ในความครอบครองค่ะ ( ภาพจาก crocs.com ) ... เดินสดชื่นลั้นลากลับบ้าน แม้จะมาเจอฝนตกกระหน่ำ ต้องติดอยู่ที่สถานีรถไฟใต้ดิน แล้วต้องลุยฝนกลับบ้านก็อารมณ์ดี๊ดี


อารมณ์ดีแค่ไหน ก็แค่ต้องขอเอามาเขียนบล็อกถึงหล่ะค่ะ ... ตอนนี้ยกให้เจ้านี้เป็นรองเท้าคู่ใจ ไว้ใส่ลุยฝนสบาย หายห่วง

26.6.54

ใส่บาตร + เดินตลาดเช้า

เวลา ตี 5 นิดๆ ของเช้าวันอาทิตย์ ควรจะเป็นเวลาที่ยังตกอยู่ในภวังค์นิทรา ... แต่เราถูกคนดีปลุกให้ตื่นขึ้นมา แม้จะมัวขี้ตา แต่ก็ต้องจำยอมงัดตัวเองลุกจากที่นอนแสนสบาย ... เพราะเช้านี้มีภารกิจ และมีนัดรออยู่ค่ะ


ภารกิจที่ว่า คือ ภารกิจใส่บาตรพระ 12 รูป ของคนดี ... เป็น 1 ในการบ้านที่ได้จากพี่หมอดูเจ้าประจำ ซึ่งระบุมาว่าให้ใส่บาตรในช่วงระหว่างวันที่ 25-30 มิ.ย. โดยต้องมีกล้วยน้ำว้า 2 ใบ กับ ส้ม 1 ผล ด้วย


การใส่บาตรพระ 12 รูป สำหรับคนอื่นอาจจะลำบาก เพราะในกรุงเทพฯ หาพระเดินบิณฑบาตรยาก ... แต่สำหรับคนดีแล้ว สบายมาก เพราะในซอยบ้านมีวัด และใกล้ๆ ก็มีอีกหลายวัด มีพระเดินบิณฑบาตรเยอะมาก


เตรียมผลไม้ ธูป เทียน พวงมาลัย ไว้เรียบร้อย ออกไปอาศัยซื้อชุดกับข้าว กับร้านประจำ แล้วก็ตั้งเก้าอี้รอนิมนต์พระได้เลยค่ะ ... คนดีถือถาดคอยใส่ อาหาร ขนม น้ำ แล้วเราคอยส่ง ชุดผลไม้ มาลัย ธูป เทียน เติมให้ กับ คอยนิมนต์พระที่เดินผ่านไปมาให้รอรับบาตร ... ใช้เวลาไม่เกิน 15 นาที ก็เสร็จเรียบร้อยค่ะ


ใส่บาตรเรียบร้อยแล้ว เข้าบ้านเก็บของ แล้วขึ้นรถมุ่งหน้าไปนัดต่อไป ... ตลาดวัดแขก


พ่อกับหม่ามี้โฆษณาชวนเชื่อเอาไว้ ว่าที่ตลาดวัดแขกมีร้านขาหมูเจ้าอร่อย ขายเฉพาะตอนเช้าเท่านั้น เพราะขายดีมาก ถ้ามาถึงสัก 8 โมง ก็แทบจะหมดแล้ว ... สรรพคุณขนาดนี้ ไม่ลองไม่รู้ค่ะ เลยต้องมาลองกันให้รู้


เรากับคนดีมาถึงก่อน ยืนรอแป๊บเดียว พ่อกับหม่ามี้ก็ตามมาสมทบ ... ดั้นด้นจาก ถนนอิสรภาพ กับ ถนนสุทธิสาร มาเจอกันที่สีลม เพื่อข้าวขาหมู


พ่อตรงไปจองโต๊ะไว้ก่อน ปล่อยให้หม่ามี้ คนดี และเรา ได้เดินดูตลาดสักหน่อย ... แค่แป๊บเดียว หม่ามี้ก็ชวนคนดีซื้อ ผัดหมี่ ข้าวเหนียวสังขยา ข้าวเหนียวหน้าปลา และ กุ่ยช่าย ติดมือมาเรียบร้อย


นั่งรอข้าวขาหมูสักพักก็ได้กินค่ะ พ่อจัดหนัก สั่งจานแยกให้คนละจาน แล้วยังสั่งจานรวม คากิ ไข่ เต้าหู้ มาเพิ่มด้วย ... เราสบายตัว เพราะกินเนื้อล้วน ในจานเลยมีแต่เนื้อล้วน แล้วไปแจมเต้าหู้ กับไข่ ในจานรวม ... เนื้อหมูเปื่อยนุ่ม เต้าหู้ก็นุ่มอร่อย ... ส่วนอีก 3 จานนั้น เป็น เนื้อหมู+เอ็น คนดีบอกอร่อยมาก กินจนจุก


อิ่มแล้วก็เดินชมตลาดกันต่อค่ะ พ่อพาไปพิกัดชี้ให้ดูร้านขายลูกชิ้นปลาเจ้าอร่อย ... หม่ามี้พาเดินไปซื้อฝรั่งเจ้าประจำ


แค่เดินไป-กลับ รอบเดียว ก็หิ้วกันนิ้วกิ่ว ละลานตา มีของน่าซื้อน่าชิมเยอะ ... คนดีที่ชอบเดินตลาดอยู่แล้ว ตื่นตาตื่นใจและมีความสุขมาก ถึงกับหมายมั่นว่าจะมาอีกให้ได้


เป็นเช้าวันอาทิตย์ที่สนุก อิ่ม และเหนื่อยกระเพาะเหลือเกินค่ะ ... กลับถึงบ้าน หลับเหมือนโดนยาสลบ

25.6.54

Gizmo & RPO: Responsible Pet Ownership

เจอข้อมูลโครงการรณรงค์ของอาหารสุนัขเพดดิกรี ชื่อ "โครงการรณรงค์เรื่องการดูแลสุนัขอย่างรับผิดชอบและเหมาะสม (RPO: Responsible Pet Ownership)" ... ในฐานะที่มีหมาโม่ตัวน้อยอยู่ในความดูแล เลยต้องย้อนดูตัวเองสักหน่อย ว่าการดูแลของเราเข้าข่ายรึเปล่า


เพดดิกรี บอกไว้ว่า "สุนัขเป็นเพื่อนแท้ที่สร้างรอยยิ้ม และนำความสุขมาให้เรา เราจึงควรตอบแทนความรัก ความภักดี และความซื่อสัตย์ของสุนัขด้วยการมอบคุณภาพชีวิตที่ดีเป็นการตอบแทน ซึ่งทำได้ด้วยการมอบอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน ที่พักพิง ความรัก และการดูแลที่เหมาะสมให้กับเพื่อนสี่ขา"


และมีข้อมูลจาก รศ.น.สพ.ปานเทพ รัตนากร คุณหมอที่คุ้นชื่อคุ้นหน้า ให้ข้อมูล "หลักสวัสดิภาพสัตว์เพื่อเลี้ยงสุนัขให้เป็นสุข 5 ข้อ" ดังนี้

  1. อาหารที่เหมาะสม ... อาหารสำเร็จรูปที่ผลิตเพื่อสุนัขโดยเฉพาะ มีสารอาหารครบถ้วน และสมดุล เพื่อให้สุนัขได้รับสารอาหารที่ร่างกายต้องการ
  2. ฝึกฝนอบรม ... เพราะสุนัขแต่ละตัวมีลักษณะนิสัยที่ต่างกันออกไปตามแต่สายพันธุ์ ควรฝึกให้ทำตามคำสั่งง่าย เช่น หยุด รอ มา ไม่ โดยฝึกอย่างค่อยเป็นค่อยไป ให้อิสระในการแสดงออกตามธรรมชาติของสุนัขตามสมควร โดยผู้เลี้ยงต้องเข้าใจธรรมชาติของสุนัขที่ต้นเลี้ยง
  3. ออกกำลังกาย ... เพื่อให้สุนัขแข็งแรง หลีกเลี่ยงปัญหาโรคภัยไข้เจ็บ
  4. ป้องกันดีกว่ารักษา ... พาสุนัขไปเช็คร่างกายเป็นประจำ ฉีดวัคซีนตามช่วงอายุ ดูแลสุขภาพปากและฟัน เพื่อให้สุนัขมีสุขภาพที่แข็งแรง
  5. การดูแลในเรื่องต่างๆ ... สถานที่เลี้ยงสบายกาย สะอาดสะอ้าน ไม่อึดอัดคับแคบ อับชื้น สกปรก การดูแลไม่ให้สุนัขหวาดกลัว บางตัวกลัวเวลาฝนตกฟ้าร้อง แยกออกจากสัตว์ที่เป็นคู่อริ อาจจะเป็นสุนัขด้วยกัน หรือสัตว์ชนิดอื่น เพื่อป้องกันไม่ให้สุนัขเกิดความหวาดระแวงจนเป็นเหตุให้ป่วยใจ ซึ่งอาจลามมาป่วยกายได้

ข้อมูลเค้าว่ามาแบบนี้ ไหนมาย้อนดูตัวเองซิ ว่าตัวเรานั้น เลี้ยงหมาโม่ให้เป็นสุข และเป็นเจ้าของที่ดูแลสุนัขอย่างรับผิดชอบและเหมาะสมรึเปล่า

  • อาหารที่เหมาะสม ... อาหารสำเร็จรูปสำหรับสุนัขโดยเฉพาะ ตามสายพันธุ์ ตามอายุเป๊ะ แต่หมาโม่ดันชอบกินอาหารเม็ดสำหรับหมาเด็กมากกว่า สงสัยจะเม็ดเล็ก เคี้ยวง่าย ... มีขนมของว่าง ของกินเล่น เสริมด้วย ... ระยะหลัง หม่ามี้กับพ่อ มีแอบให้ชิมของกินของคนบ้าง จนชักจะเสียหมาแล้ว
  • ฝึกฝนอบรม ... หยุด รอ มา ไม่ หมาโม่ไม่ทำเลย ฝึกได้แค่ขอมือ สวัสดี หมอบ และมีคำสั่งพิเศษอื่นอีกนิดหน่อย แต่จะทำหรือเปล่า ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของหมาโม่เท่านั้น ... หมาอาร์ทเอ้ยยยย
  • ออกกำลังกาย ... เพราะเป็นหมาตัวเล็ก แค่ให้วิ่งเล่นเก็บของไปมา โม่ก็เหนื่อยแฮกแล้ว แม้เหนื่อยแต่สนุก ... ระยะหลังได้ออกไปวิ่งเล่นช่วงเย็นทุกวัน สบายใจลั้ลลาเป็นที่ซู้ดดดดด
  • ป้องกันดีกว่ารักษา ... จับหยอดยาป้องกันเห็บ หมัด จับให้กินอาหารเสริมป้องกันพยาธิหัวใจ และพาไปตรวจร่างกายฉีดวัคซีนปีละหน แม้จะเลทไปสักหน่อย แต่ก็ไม่เคยลืม ... วันนี้นี่แหละที่เพิ่งพาไปสดๆ ร้อนๆ จับใส่เสื้อให้ดีใจ นึกว่าจะได้เที่ยว ที่ไหนได้ โดนพามาฉีดตรูดดด
  • การดูแลในเรื่องต่างๆ ... เป็นหมาตัวเดียวในบ้านที่มีแมว พื้นที่เหลือเฟือสำหรับหมาจิ๋ว และช่วยกันระแวดระวัง ไม่ให้เจอกับแมวจังๆ เพราะหมาน้อยคงเพลี่ยงพล้ำแน่ๆ ... เวลาฝนตก ฟ้าร้อง เสียงดัง โม่จะวิ่งหัวซุกหัวซุนหาที่แอบ ถ้ามีคนอยู่ก็มีคนมาอุ้มชูดูแลแน่ๆ แต่ถ้าคนไม่อยู่ก็หาพื้นที่ปลอดภัย อุ่นใจไว้แล้ว
สรุปว่า เราคงจะดูแลรับอย่างรับผิดชอบและเหมาะสมในระดับนึง ... แต่จะถูกใจตรงใจหมาโม่รึเปล่า ต้องไปถามหมาโม่ดูค่ะ


"ซาหวัดดีคร้าบบบบบ มี้บอกให้ผมมาเล่าว่า คนตัวโตๆ ในบ้านนี้ดูแลผมเป็นยังไงบ้าง ... ผมขอฟ้องก่อนเลยครับ วันนี้คุณนายแม่จับผมใส่เสื้ออย่างหล่อ เห็นแบบนี้ผมก็คิดว่าต้องได้เที่ยวแน่ๆ ... สายๆ หน่อยมี้ก็มารับผม แต่เอ๊ะ ทำไมมี้ไม่เอากระเป๋าประจำตัวผมไปด้วย ทำไมหยิบแต่สายจูง มี้จะพาผมไปไหนนะ


นั่งรถชมวิวเพลินๆ พักนึง มี้ก็จับผมถอดเสื้อตัวหล่อออก แล้วใส่แต่เสื้อรัดอกสำหรับสายจูง ... รอไม่นานรถก็จอด ฟุดฟิด ฟุดฟิด โอ๊ยยยยย กลิ่นแบบนี้ ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยย อาววววววววววววววว


คุณนายแม่กับคุณป๋า ช่วยโม่ด้วยคร้าบบบบ มี้พาผมมา โรงพยาบาลทำไม ... ทำไมมี้ไม่พาผมไปเที่ยวแบบที่คุณนายแม่กับคุณป๋าพาผมไปหล่ะ ม่ายยยยย อาววววว จะกลับบ้าน


แต่ผมเป็นหมาน้อยตัวจิ๋วหลิวแค่นี้ จะไปสู้อะไรมี้ได้ มี้ล็อคผมแน่น แล้วจับเข้าห้องฉีดวัคซีน เห็นพี่ๆ เพื่อนๆ หลายตัวนั่งอยู่ ก็อุ่นใจ แต่ไม่สบายใจเล้ยยยย ... ไม่ได้อยากจะรักมี้หรอกนะครับ แต่ผมไม่มีทางเลือก ก็ต้องนั่งซุกมี้อยู่นี่แหละ


แล้วก็ถึงเวลาขึ้นเตียงเย็นยะเยือก โอ๊ย หัวใจหมาจิ๋วจะปลิดปลิว แม้จะไม่รักมี้ แต่มี้เป็นที่พึ่งเดียวที่ผมมีตอนนี้ ยืนซบมี้ไว้นี่แหละ ถ้ามุดเข้าไปซ่อนตัวในเสื้อมี้ได้ ผมทำไปแล้ว ... อร๊ายยยย ใครเอาแท่งเย็นๆ มาสอดก้นผม มี้กระซิบบอกว่าเค้าเรียกว่าปรอทวัดไข้ ... ผมสบายดี ผมไม่มีไข้ รีบๆ เอาออกไปเถอะคร้าบ


โล่งอก แท่งเย็นๆ ออกไปแล้ว แต่เอ๊ะ ใครมาทาอะไรเย็นๆ ตรงตัวผม โอ๊ะ เข็มจิ้ม ... หมาจิ๋วอยากจะร้องไห้ ผมอยู่ของผมดีดีต้องเอาเข็มมาจิ้มผมทำไม ... มี้กระซิบบอกว่า เป็นยาที่จะทำให้ผมแข็งแรง ผมก็แข็งแรงดีนี่นา ต้องมาจิ้มผมทำไม


มี้บอกภารกิจวันนี้เสร็จแล้ว รอจ่ายตังค์ กับรอปี๊มารับ ... ระหว่างรอ ผมเห็นเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ สี่ขาแบบผมเต็มเลยครับ มีหลายแบบ หลายพันธุ์ และหลากหลายอาการป่วยครับ ... บางตัวก็มาฉีดวัคซีน ตรวจสุขภาพแบบผม แต่บางตัวไม่สบายเยอะมาก น่าสงสาร


พอมี้พาผมออกมานั่งรอปี๊มารับที่ด้านนอก หัวใจผมก็สดชื่นแล้วครับ แค่ได้พ้นออกมาจากกลิ่นยาที่ชวนหวัน ผมก็สดชื่นแล้ว ... นี่มี้ยังให้ผมได้เดินเล่นด้วย โอ้ววววว สนามหญ้า ดิน และลมเย็นๆ ช่างปลอบขวัญให้หมาตัวน้อยๆ ได้ดีที่สุดครับ แต่มี้ให้เวลาผมเดินแป๊บเดียวเอง ก็จับผมมานั่งตักรอ ผมยังอยากเดินเล่นอยู่เลย


จะว่าไป มี้อ่ะ ใจร้ายกับผมเรื่อย ชอบจับผมอาบน้ำ หยอดยา ป้อนยา ตัดเล็บ แคะหู แล้วก็พามาฉีดยาแบบนี้ รู้มั้ยว่าผมไม่ชอบเล้ย ... มี้ชอบมาเล่นกับผมนะครับ แต่ผมอ่ะไม่อยากเล่นด้วยหรอก ผมจำใจ ไม่งั้นมี้ก็แกล้งแหย่ผมไม่เลิก


ไม่เหมือนคุณนายแม่กับคุณป๋า ที่ใจดีกับผมที่ซู้ดดดดดดด ... คุณนายแม่ให้ผมเดินเล่น นอนเล่นได้ทั่วห้อง เวลานอนก็ได้นอนเตียงเดียวกัน จะนอนตรงหัวก็ได้ นอนข้างๆ ก็ได้ ... ก่อนนอนก็มีเวลาเล่นสนุกกับคุณป๋า ตอนเย็นๆ คุณป๋าก็พาผมเดินเล่นทุกวัน พาไปเที่ยวบ้านคุณย่าเรื่อยๆ ... แล้วทั้งสองคนก็ให้ขนมผมกินบ่อยๆ ถ้าเป็นมี้อ่ะเหรอ ผมได้กินแค่ไม่กี่อันหรอก


คนตัวโตๆ บ้านนี้ก็ดูแลผมดีนะครับ ผมก็สบายดี ... โอ๊ะ รถปี๊มาแล้ว ผมต้องวิ่งไปขึ้นรถแล้วครับ เผื่อผมจะได้เที่ยวต่อ ผมไปก่อนนะครับ โอกาสหน้าเจอกันใหม่คร้าบ"


กิซโม่เป็นหมาตัวเดียวในบ้านที่ เสียหมาไปเรียบร้อยแล้วค่ะ เพราะหม่ามี้กับพ่อตามใจมากกก ที่เคยฝึกวินัย ประหนึ่งเป็นหมาทหารไว้นั้น เสียหมด ... กลายเป็นหมาอารมณ์ติสท์ มีงอน เมิน ประท้วงด้วยการไม่ยอมกินขนม ต้องง้อ พะเน้าพะนอ มีหงุดหงิด อารมณ์เสีย แต่เพราะเป็นหมาตัวเล็ก เลยทำไรมากไม่ได้


เราเองก็ได้แต่พยายามเลี้ยงหมาโม่อย่างดูแลและรับผิดชอบ ปนๆ กับหมั่นไส้ไปด้วย ... หมาอาไร้ ตัวนิดเดียว แต่เรื่องมากเกิ้นนนนนน

24.6.54

Japanese Class #11

ยังไม่ได้เริ่มต้นเรียน Katakana เลยค่ะ ... เพราะเมื่อคลาสที่แล้ว Sensei ให้การบ้านเอาไว้ คลาสนี้เลยมาตรวจการบ้านกันค่ะ


การบ้านที่ว่า ก็เป็นแบบฝึกหัดต่างๆ ที่อยู่ในหนังสือแบบเรียนนี่หล่ะค่ะ Sensei จะระบุว่าให้ทำหน้าไหนบ้าง ... เราจัดเป็นนักเรียนที่ซน แอบเปิดหน้าแบบฝึกหัดทำล่วงหน้าไว้บ้างแล้ว ... เลยสบาย


ตั้งแต่คลาสที่แล้ว ที่ Sensei ให้การบ้าน เราก็ทำล่วงหน้าไว้เรียบร้อย ... พอมาคลาสนี้ก็ทบทวน ตรวจทานกัน


คลาสนี้ทำให้รู้ว่า เราจำตัวอักษรได้ อ่านได้ จำคำศัพท์ภาษาญี่ปุ่นได้ แต่ดันจำคำแปลภาษาไทยไม่ได้ ... มีคำศัพท์ภาษาญี่ปุ่นติดอยู่ในหัว อ่านแล้วคุ้น แต่จำคำแปลไม่ได้ ตายแล้ว ไม่ไหวนะเนี่ย


สงสัยจะต้องท่องศัพท์มากขึ้นกว่าเดิมซะแล้ว เพราะนึกไม่ออกจริงๆ ว่าจะทำยังไงให้จำศัพท์ได้มากขึ้น ... นึกออกทางเดียวคือต้องท่อง ท่อง และท่อง


Sensei บอกว่า เหลืออีก 3-4 ครั้งก็จะครบจำนวน 30 ชั่วโมงแล้ว จะปิดคอร์สแล้ว ... แต่ทำไม้ ทำไม เรายังรู้สึกว่ารู้อะไรไม่เท่าไหร่เลย เฮ้ออออออ

20.6.54

ปากกาคู่มือ

มีร้านขายเครื่องเขียนอยู่ใกล้ๆ ออฟฟิศ เวลาเบื่อๆ เซ็งๆ ลุกออกไปเดินดูเครื่องเขียน เปลี่ยนบรรยากาศ แล้วมักจะได้ปากกาติดมือกลับมาอยู่เรื่อย ... เลยเพิ่งรู้ตัวว่า อ้าว เราชอบซื้อปากกานี่หว่า


แต่พอลองมาพิจารณาดูดีดี ไม่ได้ชอบซื้อปากกาหรอกค่ะ ... แต่ตามหาปากกาคู่มือ คู่ใจ อยู่ต่างหาก


ปากกาที่ตามหา ก็คือ ปากกาสีน้ำเงิน ขนาดเส้น 0.38 มม. เขียนลื่น น้ำหมึกไหลสม่ำเสมอ และถ้าเป็นปากกาแบบกดจะเริ่ดมาก ... เพราะถ้าเป็นปากกาแบบมีปลอก ปลอกปากกามักจะหายไปก่อนทุกที


พอเจอปากกาที่เข้าข่ายใกล้เคียงแบบนี้ เราจะเรียก "ปากกาเขียนสวย" ... ซึ่งจะถูกยกอันดับให้เป็นปากกาคู่มือ คู่ใจ หยิบใช้ตลอด ถ้าหายไปจะเสียใจ บ่นอุบอิบ แล้วก็ตามหาปากกาด้ามใหม่มาทดแทน


แต่ตอนนี้ ได้เจอปากกาคู่มือตัวจริงเสียงจริงแล้วค่ะ ... ต้องขอบคุณคนดีที่แนะนำให้ได้รู้จักกัน


g'soft Fizz Hi Grip o.38 mm. by Sakura (Thailand) ... นี่แหละ เนื้อคู่ที่เฝ้าตามหามานาน ขนาดเส้น 0.38 มม. ตามต้องการ แม้จะเป็นแบบปลอกแต่ก็หยวนได้ เพราะน้ำหมึกสีเข้มสม่ำเสมอ ตั้งแต่เริ่มเขียน จนหมดด้าม แม้ช่วงท้ายๆ จะสีเข้มขึ้นสักนิด แต่เขียนลื่นตลอดตั้งแต่เริ่มใช้ จนใช้หมด


ใช้ดี ถูกใจเป็นที่สุด ... ใช้ดีขนาดที่ พอสาวๆ ในออฟฟิศมาลองใช้ เป็นต้องเอ่ยปากทุกคนว่าปากกาเขียนดีมาก ... ชมอย่างเดียวไม่ว่ากัน แต่นี่เล่นจ้องจะฉกไปเป็นสมบัติส่วนตัวด้วย โอ้ อันตราย


เพราะถ้าปากกาด้ามนี้หาย มีโวยวายแน่ๆ เพราะเขียนถูกใจที่สุดแล้ว ยังไงก็ต้องตามหาจนเจอให้ได้ ... เพื่อป้องกันปัญหาปากกาคู่มือหายไปจากโต๊ะ เลยเอาสติกเกอร์ที่มีชื่อเรามาแปะไว้ยืนยันความเป็นเจ้าของ แล้วซื้อมาตุนไว้อีกหลายด้าม


จากนั้นก็คิดได้ว่า ซื้อแจกให้สาวๆ ในออฟฟิศคนละด้ามซะเลย ... มีเหมือนกันหมดแล้ว จะได้ไม่จ้องมาฉกปากกาของเราไป


ใช้ดีถูกใจแค่ไหน ... แค่ตั้งแต่ต้นปีมานี่ ใช้ปากกาหมึกหมดเกลี้ยงไป 3 ด้ามแล้ว ใช้หมดจนหยดสุดท้าย อย่างที่เห็นในรูปนั่นหล่ะค่ะ ... นึกอยากให้บริษัทฯ ที่ขาย มีโปรโมชั่น ให้สะสมปากกาด้ามเก่าที่หมด ไปแลกปากกาด้ามใหม่ซะจริงๆ


ตอนใช้ด้ามแรกหมดก็ภูมิใจนักหนา เพราะที่ผ่านมาถ้าไม่ทำปากกาหาย ก็ใช้ๆ ไปหมึกจาง หรือปลายปากกาแตกหมึกเยิ้ม ... แต่นี่เขียนลื่น เขียนเพลิน เขียนดี ถ้าไม่ทำหาย หรือ ติดมือใครไป ก็ทำหน้าที่ได้สมบูรณ์ที่สุด


ยกตำแหน่งให้เป็นปากกาคู่มือ ขึ้นอันดับ 1 ในดวงใจอย่างไม่ต้องสงสัย ... มีด้ามสำรองตุนอยู่ไม่ต่ำกว่า 4 ด้าม และตอนนี้คิดจะซื้อมาตุนไว้อีก 1 กล่อง 12 ด้าม ... เพราะปักใจรักมั่น จะไม่เปลี่ยนใจไปใช้ยี่ห้ออื่นอย่างแน่นอน


ใครสงสัยใคร่รู้ว่าเขียนดีจริงรึเปล่า ต้องลองหามาใช้ดูนะคะ ... บอกได้แค่ว่า ถ้าปากการุ่นนี้เลิกขาย หรือ เลิกผลิต เราคงเสียใจน้ำตาตกหล่ะค่ะ

19.6.54

ข้าวตุ๋น MK

"กินอะไร กินอะไร กินอะไร ไปกินเอ็มเค" เพลงโฆษณาที่ติดหู ติดปาก ... เพราะถ้าใครถาม กินอะไร เพลงนี้ ประโยคนี้ก็ลอยลมมาทุกครั้งค่ะ


เราสองคนก็แวะเวียนไปเป็นลูกค้าอยู่บ่อยๆ ... หลักๆ ก็ไปกินสุกี้นั่นหล่ะค่ะ ติ่มซำ เป็ดย่าง บ้างเล็กน้อย ... แต่มีเมนูพิเศษ ที่มีกุ๊กพิเศษจะปรุงให้กินเป็นครั้งคราว


เมนูที่ว่า คือ "ข้าวตุ๋น" ซึ่งไม่เคยกินที่อื่น มีที่นี่เท่านั้น


จำได้เลาๆ ว่าเคยมีกระดาษรองของเอ็มเคนี่แหละที่แนะนำวิธีทำเมนูนี้ แล้ววันนึงเรากับคนดีก็ลองชวนกันทำชิมดู ... จำไม่ได้แล้วว่าชวนกันปรุงเมนูนี้มานานแค่ไหน เอาเป็นว่านานพอๆ กับอายุความรักของเราสองคนนั่นหล่ะค่ะ


วิธีทำเมนูนี้ไม่ยากเลยค่ะ แต่ต้องใช้เวลาสักนิด ... เริ่มต้นด้วยการจัดการสุกี้ที่สั่งมาให้เรียบร้อย เหลือแต่น้ำซุป ... ซึ่งน้ำซุปที่เหลือนี่หล่ะค่ะ เด็ด เพราะผ่านการต้มผัก ต้มเครื่อง จนได้น้ำซุปหวานกลมกล่อม


สั่งข้าวสวยมาถ้วย 1 เทลงหม้อ แล้วหมั่นคนเรื่อยๆ ... คนๆ วนๆ หมุนๆ จนข้าวพองตัว บาน ขั้นตอนนี้หล่ะค่ะ ที่ใช้เวลานาน ... ถ้าคนไปแล้วน้ำซุปงวดไป ก็ขอน้ำซุปมาเติมเพิ่ม แต่ขอเทใส่ถ้วยไว้ แล้วค่อยๆ เติมนะคะ อย่าเทพรวดลงหม้อไปเยอะๆ เลย ไม่งั้นกว่าน้ำจะเดือด ข้าวจะบาน เสียเวลานานค่ะ


ระหว่างรอข้าวบาน ก็เตรียมเครื่องปรุงอื่นๆ ดังนี้ ... 1. เนื้อปลาทรงเครื่อง จะเลือกใช้เนื้อสัตว์ประเภทอื่นก็ได้ตามชอบค่ะ ... 2. ไข่ไก่ ตีแตกเหมือนจะทำไข่เจียว ... 3. น้ำมันงา เพิ่มความหอม ... 4. ซีอิ๊วขาว ปรุงรส ... 5. ต้นหอมซอย เพิ่มสีสัน ... 6. พริกไทย ลืมหยิบมาเข้าฉากด้วยค่ะ ช่วยแต่งรสแต่งกลิ่นอีกนิดหน่อย


และกุ๊กพิเศษ มือคน มือปรุงรส ... ต้องเชื่อมือกุ๊กคนนี้หล่ะค่ะ เพราะเคยเปิดร้านขายข้าวต้มอยู่ช่วงนึง จ่ายตลาดเอง ทำกับข้าวเอง ขายเองมาแล้ว ... ต้องเชื่อฝีมือกันหน่อย


คนจนข้าวบานได้ที่แล้ว ก็เติมเนื้อปลา แล้วก็ปรุงรสด้วย น้ำมันงา ซีอิ๊ว พริกไทย ... คนให้เดือดอีกสักนิด ก็ใส่ไข่ค่ะ เราเลือกเทไข่ผ่านตะกร้อลวก ไข่จะได้เป็นริ้ว เป็นเส้นสวย แต่พอเทไข่แล้วต้องหมั่นคนนะคะ ไม่งั้นไข่ลงไปนอนก้น ติดก้นหม้อค่ะ ... ปิดท้ายด้วย ต้นหอมซอย และพริกไทยอีกนิด


ปรุงจบครบถ้วนกระบวนความแล้ว ก็จะได้ข้าวตุ๋น อย่างที่เห็นนี่หล่ะค่ะ ... เป็นเหมือน ลูกครึ่งระหว่างข้าวต้ม กับ โจ๊ก รสหวานกลมกล่อม ทานง่ายๆ


แต่ก่อนก็กินกันอยู่ 2 คน ... หลังๆ ก็หาเหยื่อ หาสมาชิกเพิ่ม ไม่พ้นสมาชิกแก๊งค์ลูกหมูหล่ะค่ะ ... ลองชิมแล้วก็ติดใจกันไป แต่ไม่ได้กินกันบ่อยๆ เพราะบางทีจัดสุกี้หนักแน่นจนท้องเต็มเกินจะเติมอะไรลงไปไหว


ใครสนใจลองทำบ้าง ไม่สงวนสูตรค่ะ ... แต่แนะนำว่าถ้าจะทำเมนูนี้ ต้องกินสุกี้เบาๆ อย่าหนักมากนัก ไม่งั้นจะอิ่มเกิ้นนนนน

18.6.54

X-Men: First Class

หนังเข้าโรงฉายตั้งแต่ต้นเดือน แต่กว่าจะจัดคิวลงตัวมาดูได้ก็เลยกลางเดือนมาหน่อยแล้ว ... แต่ยังไงก็ต้องดูให้ได้ ไม่พลาดแน่นอน ก็เป็นแฟนหนังเอ็กซ์เมนนี่คะ


เลือกใช้บริการเครือ Apex อีกครั้ง ตั้งใจจะไปดูหนังรอบเช้าสิบโมง เพื่อบ่ายจะได้ไปทำธุระอื่นต่อ ... แต่คนดีติดเคลียร์งานหน่อยนึงเลยต้องปรับแผน เราเลยขออยู่รอลุ้นจองบัตรเดี่ยว 9 ผ่านเว็บสักนิด ... ผลเป็นดังคาดเว็บล่มตั้งแต่ 9 โมงเศษ เพราะฉะนั้น 10 โมง ไม่ต้องพูดถึง ล่มแบบสาหัส ... อย่าเสียเวลาเลย ออกจากบ้านดีกว่า


ไปจอดรถที่ CTW แล้วเดินไปดูหนัง ระหว่างทางมีเหตุให้ขุ่นเคืองใจกันหน่อย บรรยากาศอึมครึม เฮ้อออ ... เดินไปถึงโรงหนัง ก็พบว่า ไฟดับ งดฉายหนังรอบ 12.30 น. ... นึกๆ ก็โล่งใจที่มาไม่ทันรอบ 10.00 น. ไม่งั้นอาจจะนั่งดูหนัง แล้วเจอไฟดับกลางเรื่องก็ได้


เดินเล่นดูอะไรไปเรื่อยเปื่อย ก่อนจะตัดสินใจว่าจะปรับแผนใหม่ยังไงดี ... จะดูหนัง หรือ จะไปต่อตามแผนเดิมดี คิดไปคิดมาดูหนังก็ได้


... เรื่องย่อ ...

จุดกำเนิดของเรื่องราวอันยาวนานของ X-Men ... ความเป็นมาของกลุ่มมนุษย์กลายพันธ์ และเรื่องราวก่อนที่ Charles Xavier และ Erik Lensherr จะเปลี่ยนมาใช้ชื่อ Professor X และ Magneto ... เรื่องราวสมัยที่ทั้งคู่ยังไม่เป็นศัตรูคู่อาฆาต แต่เป็นเพื่อนรัก เพื่อนสนิท ที่ทำงานร่วมกัน

ทั้งสองค้นพบพลกำลังพิเศษของตัวเอง และฝึกฝนที่จะควบคุมพลังการกลายพันธุ์ของตน ...แล้วยังช่วยกันฝึกฝนมนุษย์กลายพันธุ์คนอื่น เพื่อช่วยกันต่อสู้ หยุดยั้งการคุกคามโลกครั้งใหญ่ ... บอกเล่าเรื่องราวว่า X-Men มารวมตัวกันได้อย่างไร และ สาเหตุที่ทำให้ Professor X กับ Magneto บาดหมางและกลายเป็นศัตรูกัน


หนังตื่นตาตื่นใจตามแบบฉบับของ X-Men ค่ะ ได้เห็นมนุษย์กลายพันธุ์แบบใหม่ๆ พลังพิเศษแปลกตาจากเดิม ... สำหรับเราที่เป็นแฟนหนัง สนุกสนาน เพลิดเพลิน และได้คำตอบของข้อสงสัยหลายเรื่อง ... หนังจบแล้ว แต่รู้สึกอยากให้มีภาคต่อออกมาอีก มีอีกก็จะตามดูเรื่อยๆ ค่ะ


หนังสนุก ในราคา 100 บาท คุ้มค่าและประทับใจ

17.6.54

Japanese Class #10

ศุกร์ที่แล้ว sensei ไม่สบาย ของดสอน ... ประดานักเรียนก็แยกย้ายกันไปจัดการธุระปะปังทั้งหลายแหล่ ... ศุกร์นี้ กลับสู่สภาวะปกติค่ะ แม้ sensei จะยังไม่หายดี แต่ก็เรียนกันเหมือนเดิม


ต้องขยับเวลาเรียนออกไปนิดหน่อย เพราะคนดีติดงาน กว่าจะเคลียร์งานเสร็จ กว่าจะมารับเราได้ ไปถึงบ้านคนดีก็จวนจะสามทุ่มแล้ว ... กินผัดมาม่าฝีมือโซ้ยอี๊เพิ่มพลังสักหน่อยก็เริ่มเรียนกันเลยค่ะ


คลาสนี้ เปิดประเดิมเริ่มต้น ด้วยการสอนร้องเพลงค่ะ ... เป็นเพลงช้างในแบบญี่ปุ่น ... sensei แจกเนื้อเพลง แล้วเปิดซีดีให้ฟังเพลง และร้องตาม ... ฝึกฟัง ฝึกออกเสียง ไปพร้อมๆ กัน สนุกสนานแบบขำๆ ค่ะ


ร้องเพลงแบบขำๆ กันไปแล้ว sensei ก็ทบทวนบทเรียนครั้งก่อนนิดหน่อย เพราะมีนักเรียนขาดไป 1 คน ... เลยได้ทวนการบ้านที่ให้ไปด้วย ... จากนั้นก็ได้เรียนศัพท์ใหม่เพิ่มขึ้นอีกนิดหน่อย


sensei ประกาศอย่างเป็นทางการว่าจบ Hiragana แน่ๆ แล้ว ... ครั้งหน้าจะได้เริ่มทำความรู้จักกับ Katakana กันอย่างจริงจัง


ยังจำตัวอักษร Hiragana ได้ไม่แม่นเป๊ะ ก็ต้องเตรียมตัวท่อง Katakana เพิ่มอีกแล้ว ... เรียนมาขนาดนี้แล้ว ก็ต้องเดินหน้าลุย สู้กันต่อไป

16.6.54

แชมพูประจำบ้าน

ค้นพบแชมพูที่เหมือน ยาสามัญประจำตัว ที่ต้องมีติดบ้านไว้ตลอดค่ะ ... จริงๆ ก็ค้นพบมานานพอสมควรแล้ว แต่เพิ่งสังเกตตัวเองเมื่อเร็วๆ นี้ ว่าต้องซื้อติดบ้านเอาไว้ประจำ ขาดกันไม่ได้ ขาดเมื่อไหร่ปัญหากวนใจมาทันที


จริงๆ เคยเขียนถึงเจ้าแชมพูตัวนี้แล้วครั้งหนึ่งที่ jeban.com ... เพิ่งมานึกขึ้นได้ว่าน่าจะเขียนไว้ที่นี่ด้วย เพราะใช้ประจำไม่ต่ำกว่า 5 ปีแล้ว ของดีมีประโยชน์แบบนี้ ต้องบอกต่อค่ะ


ก่อนอื่นต้องย้อนหลังไปสักนิดว่ารู้จักเจอะเจอกันได้ยังไง ...


ช่วงหนึ่งของชีวิต เจอะปัญหารังแคสาหัส จนถึงขั้นเรียกได้ว่า เป็นผลพวงจากเชื้อรา ... เพราะหนังศรีษะหลุด ลอก ร่อน จากขนาดรังแคทั่วไป ก็เริ่มลอกเป็นแผ่นใหญ่ขึ้น กระจายไปทั่ว ... ลองเอามือลูบดู บางจุดจะนูนหนาเหมือนสะเก็ดแผล


ใช้แชมพูขจัดรังแคหลายสูตร หลายยี่ห้อ ทั้ง คลีนิค เฮดแอนด์โชลเดอร์ ขวดไม่ถึงร้อย จนมาถึง เคเรตาส ขวดละหลายร้อย ... อาการดีขึ้นเล็กน้อย พอเลิกใช้อาการกลับมาทันที


บังเอิญไปเจอคลีนิคผิวหนัง ที่ให้คำปรึกษาด้านผมและหนังศรีษะด้วย ไม่รอช้า รีบปรึกษาคุณหมอทันที ... คุณหมอก็วินิจฉัยว่ามีอาการของเชื้อราอยู่ด้วย แนะนำให้ทำทรีทเม้นท์ ที่จะฉีดยาบำรุงเข้าไปที่หนังศรีษะโดยตรง ... รีบตกลง ทำทันที


พนักงานพาไปสระผม เป่าให้แห้ง แล้วใช้เข็มเล็กๆ ปลายแหลม จิ้มจึ้กๆๆๆๆๆ ไปทั่วหนังศรีษะ ... เจ็บยุบๆ ยิบๆ นิดหน่อย ทนได้สบายค่ะ ... ทำทรีทเม้นท์เสร็จก็ได้ยากลับมากินร่วมด้วย ... แต่จะสิ้นสติไปตอนได้ยินค่ารักษา 5 พันกว่าบาท หูอื้อ ตาลาย วิ้งงงงงงงงงงงง


จ่ายตังค์ไปแบบวิงเวียน กลับมากินยาตามคุณหมอสั่งจนครบสัปดาห์ ก็กลับไปพบคุณหมอตามนัด ... ผลที่ได้คุ้มค่า 5 พันที่เสียไป เพราะหายเป็นปลิดทิ้ง ... ให้คนดีช่วยเช็คอาการ ก็บอกว่าปกติแล้ว โล่งใจ กินยาต่อเนื่องไปอีกสักระยะ


ผ่านไปได้ราวๆ 3-4 เดือน อาการเดิมเริ่มกลับมากวนใจ เริ่มมีรังแค หนังศรีษะลอกเป็นวง ร่อนเป็นแผ่นอีกแล้ว .... โอ๊ยยยยยย ถ้าต้องไปทำทรีทเม้นท์อีก 5 พัน นี่ไม่ไหวนะคะ ต้องหาทางอื่นเสริมแล้ว


คนดีเลยแนะนำ Selsun ให้รู้จัก บอกว่าให้ลองใช้ดู เพราะป๊าแนะนำมา ใช้แล้วดี รังแคหายสนิท ... ลองมาตั้งหลายอย่าง หลายวิธีแล้ว จะลองอีกสักอย่างจะเป็นไร


เข้าร้านขายยา ซื้อขนาดขวดจิ๋วสุดมาลองก่อน ... เลิกใช้แชมพูตัวอื่น ใช้เจ้านี่สระผมทุกครั้ง สระครั้งละ 2 ที วันเว้นวัน ... อาการค่อยๆ ดีขึ้น วงหนังศรีษะที่ลอกร่อนค่อยๆ ลดขนาดลงเรื่อยๆ จนหายสนิท ไม่หลุด ไม่ร่อน ไม่คัน


รายละเอียดบางส่วนจากหลังขวด
ชื่อ - เซลซั่น ซัสเพนชั่น ซีลีเนียม ซัลไฟด์ 2.5%
คุณสมบัติ - ขจัดรังแค บรรเทาอาการคันศรีษะและรักษาเกลื้อน
วิธีใช้ - ใช้สระผม ทิ้งไว้ 2-3 นาทีจึงล้างออก ถ้าจำเป็นสระอีกครั้งแล้วล้างออกให้เกลี้ยง เพื่อการกำจัดรังแคที่ให้ผลสมบูรณ์ ในระยะ 3 สัปดาห์แรก ควรใช้สัปดาห์ละ 2 ครั้ง เมื่อรังแคหายแล้ว ลดเหลือสัปดาห์ละครั้ง เป็นประจำ หรือใช้ตามคำแนะนำของแพทย์


เป็นแชมพูยาสีนวล ทั้งสีและกลิ่นคล้ายกับคาลาไมด์ที่บรรเทาอาการคัน ... มีฟองพอสมควร แต่ทิ้งไว้สักพักฟองก็ยุบหายไป ... ข้อดีคือ แก้ปัญหารังแคได้ชะงักงัน แต่ก็มี ข้อเสียตรงที่ ใช้แล้วผมจะกระด้าง ต้องใช้ควบคู่กับครีมนวดผม หรือ ทรีทเม้นท์ ที่ช่วยบำรุงผม


ซื้อติดบ้านไว้ประจำ เวลาเริ่มคันๆ เริ่มมีรังแค ก็รีบหยิบมาใช้ทันที ใช้สระรอบแรก แล้วทิ้งไว้พักใหญ่ ... ตามด้วยแชมพูธรรมดาที่ใช้ประจำ ก่อนจะตามด้วยครีมนวดผมแบบเข้มข้น


ที่ต้องซื้อติดบ้านไว้ เพราะบางทีไปใช้บริการร้านทำผม สระ-ไดร์ กลับมามักจะได้อาการคันยิบๆ กลับมาด้วย ... อาจจะเป็นเพราะไม่ถูกกับแชมพูที่ร้านใช้ เลยต้องพึ่ง Selsun


ใครสนใจก็หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปค่ะ แก้ปัญหารังแคได้แน่ ... ใช้เอง ลองเอง แล้วเวิร์ค แต่สำหรับคนที่เพิ่งลองใช้ แนะนำให้ลองซื้อขวดเล็กสุดมาก่อนนะคะ เพื่อไม่เหมาะ ไม่ดี ไม่ถูกกัน หรือ แพ้


ใช้เองแล้วดี เลยบอกต่อ แต่ไม่ได้หมายความผลที่ได้จะออกมาเหมือนกันทุกคนนะคะ ... โปรดใช้วิจารณญาณ ในการตัดสินใจก่อนค่ะ

15.6.54

: 111 เดือน :

วันที่ 15 เดือนนี้ พิเศษค่ะ ... พิเศษตรงที่อายุความรัก 111 เดือนแล้ว พิเศษตรงที่มาเป็นเลขตองนี่หล่ะค่ะ ... ไม่รู้ว่ามันอยู่ยาวจะไปถึง 222 รึเปล่า มันเลยพิเศษ


เพราะมีอะไรพิเศษนิดๆ หน่อยๆ เลยต้องหามื้อพิเศษกันค่ะ ... ไม่ได้มีมื้อพิเศษที่ร้านอาหารพิเศษกันนานแล้ว ไปร้านไหนกันดีน้อ


นึกได้ว่าซื้อ voucher จากเว็บที่ขายดีลพิเศษเอาไว้ เลยหยิบเอามาใช้โอกาสนี้ซะเลย ... ร้านพิเศษสำหรับมื้อพิเศษของเราสองคนคือ Pizza Cafe by Sikrintarn ค่ะ


ร้านอยู่ใน ซ.สหการประมูล อยู่ในบริเวณเดียวกับ ออลสตาร์ กอล์ฟ คอมเพล็กซ์ค่ะ ... วนรถเข้าไป หาที่จอดรถเรียบร้อย ก็จะเจอร้านอยู่ระหว่าง สนามยิงธนู กับ ร้านขายอุปกรณ์กอล์ฟ ค่ะ


ร้านตกแต่งสวยเก๋ ดูอบอุ่น เป็นกันเอง เราไปตอนบ่ายแก่ๆ ร้านยังโล่ง ไม่มีลูกค้า ... เดินเข้าไปนั่งด้านในร้าน รับแอร์เย็นๆ น้องพนักงานก็ส่งเมนูมาให้ พร้อมกับให้คำแนะนำว่าจะสั่งอะไรดี


ขนมปังกระเทียม 4 Season Pizza ซีซาร์สลัด สปาเกตตี้หอยเชลล์ผัดขี้เมา ... อาหารทยอยออกมาทีละจาน เราสองคนก็ลองชิมกันไป แล้วก็สรุปว่า อร่อยทุกอย่างงงงงงงงง


ขนมปังกระเทียม ออกมาร้อนๆ กลิ่นหอมมมมม ฉุยยยย ขนมปังกรอบ เนยชุ่ม แต่ไม่ฉ่ำจนแฉะ ... ซีซาร์สลัด ผักกรอบ น้ำสลัดกลมกล่อม แป๊บเดียว เกลี้ยง ... สปาเกตตี้หอยเชลล์ผัดขี้เมา เส้นกำลังดี ผัดมากลมกล่อม


พระเอกอยู่ที่ 4 Season Pizza ... ก็ร้านชื่อ Pizza Cafe ก็ต้องลองสั่งมาชิมหล่ะค่ะ แต่เลือกไม่ถูกว่าจะสั่งพิซซ่าน่าอะไรดี เจอเมนูนี้เข้าไป สั่งได้ 4 หน้าในถาดเดียว เลยลองซะ ... ได้น้องพนักงานช่วยแนะนำหน้าต่างๆ ให้ด้วย


แซลมอนรมควัน มีไข่ปลาโรยหน้ามาด้วย ... พาร์ม่าแฮม ของชอบ ... ไส้กรอกอิตาเลี่ยน ซ่อนตัวอยู่ใต้ชีส ... แฮมกับเห็ด มีพริกหวานโรยหน้ามาให้เห็นความต่าง ... อร่อยทุกหน้าค่ะ


ถาดนี้มี 8 ชิ้น หน้าละ 2 ชิ้น แบ่งกัน 2 คนลงตัว ได้ชิมกันครบทุกหน้า ... เป็นครั้งแรกที่คนดีทานพิซซ่าได้มากกว่า 2 ชิ้น เพราะพิซซ่าของที่นี่แป้งบาง ทานง่าย ... แป้งบางเฉียบ ทานได้สบายๆ ไม่เลี่ยน ไม่หนักท้องเกินไป


เป็นมื้อที่อิ่ม อร่อย บรรยากาศดี กินได้เพลินๆ ได้แวะเวียนกลับไปใช้บริการอีกแน่ๆ ค่ะ ... ก็กินข้าวด้วยกันอยู่บ่อยๆ แต่นานๆ ทีมีมื้อพิเศษแบบนี้ ก็หัวใจฟูดีนะคะ


แม้อายุความรักจะเพิ่มขึ้น แต่ไม่ยอมให้รักเก่า เหงา ขม หรอกค่ะ ... เติมความหวานเล็กๆ น้อยๆ เพิ่มรสชาติ


รักคนดีเหมือนเดิมค่ะ

12.6.54

แม่บ้านญี่ปุ่นแปลงร่าง

ผ่านมาเกือบ 70 วัน หรือ ราวๆ 2 เดือน ที่คนดีได้ผมดัดลอนสวยมาครอบครอง ... จากผมสั้น ลอนสวย ก็เริ่มยาวสลวย ลอนเริ่มฟู ฟุ่ง ควบคุมทิศทาง และเซ็ทลำบาก ... จากบอยแบนด์เกาหลี กลายเป็นแม่บ้านญี่ปุ่นแล้ว


เราเห็นแล้วก็กลุ้มใจแทน จนต้องเอ่ยปากบอกคนดีว่า นัดคิวตัดผมเหอะ ... ขากลับจากทริปพัทยา ยังพอมีเวลาลองโทรนัดคิวดู มีคิวว่างพอดี งั้นก็ตรงจากพัทยาเข้ามาร้านตัดผมกันเลย


ถึงร้านตอน 5 โมง ตามเวลานัดพอดิบพอดี นั่งรอแป๊บเดียว คนดีก็ถูกตามไปสระผม ... ส่วนเรานั่งอ่านหนังสือรอไปเรื่อยๆ


ระหว่างรอก็คอยเงยหน้ามามองหา มาดูเป็นระยะว่าเป็นยังไง ทำอะไรอยู่บ้าง ... ตอนแรกก็เห็นมานั่งเป่าผม รอตัดผม เงยมาอีกที อ้าว ตัดแล้วนี่หว่า ... โอ๊ะ โอ๊ะ โอ๊ะ ตายแล้วววววว


ภาพที่เห็นลิบๆ เท่าที่มองลอดผ่านคน และกระจกไป คือ คนดีโดนรวบผมช่วงบนขึ้น แล้วด้านข้างก็ถูกไถออก ... ตายแล้ว จะได้ทรงอะไรเนี่ย


รีบคว้า iPhone มาส่ง whatsapp ไปถามไถ่ ... ก็ไม่ได้คำตอบอะไรเพิ่มเติม ได้แต่รอลุ้นตอนจบ ... นั่งรอพักเดียว ก็ได้คำตอบค่ะ


ผมดัดยังคงเหลืออยู่ค่ะ ซ้าย-ขวา ถูกไถ ซอย เล็ม ออกไปพอสมควร เปิดหู เปิดคอ ดูโล่ง เบาขึ้นเยอะ ... ส่วนด้านหน้าปัด เป๋ ป้าย ดูไปดูมา คล้ายทรงผมของ เบล สุพล


เราเลยทำเป็นกรี๊ดกร๊าด วี้ดว๊าย "ใช่เบล รึเปล่าคะ ช่วยร้องเพลงให้ฟังได้มั้ยคะ" ... คำตอบที่ได้กลับมา คือ "เอิ่ม ไม่ใช่เบล สุพล นะคะ นี่ บาน สุกร ค่ะ"

ได้ยินแล้วฮาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา ... แม่บ้านญี่ปุ่นกลายร่างกลับมาเท่ ฮา น่ารัก แบบคนดีตัวจริงแล้ว

นอนอิ่ม กินอร่อย @ พัทยา #2

หลังจาก วันแรก กินเต็มอิ่ม นอนเต็มที่ไปแล้ว ... วันที่สองนี้เราก็ยังคงเป้าหมายเดิมไว้ค่ะ


ตื่นมา 8 โมงนิดๆ แล้วยังอืดอาดยืดยาดอยู่อีกพักใหญ่ กว่าจะลงไปกินข้าวเช้าได้ ... มื้อเช้าเป็นบุฟเฟ่ต์ แต่มีไลน์อาหารไม่มากนัก ไข่ดาว ไส้กรอก แฮม ข้าวผัด ข้าวต้ม ซุป สปาเกตตี้ สลัด ขนมปัง นมสด น้ำผลไม้ ชา กาแฟ ... เดินตักได้ตามถนัด และตามชอบค่ะ


มื้อนี้ 1 จาน กำลังเหมาะ ข้าวต้มปลา 1 ทัพพี ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น อิ่มกำลังดี ไม่มาก ไม่น้อย ... อิ่มแล้วก็กลับขึ้นห้องพัก ไปดูดีวีดีกันต่อ


ดีวีดีจบพร้อมๆ กับได้เวลาเช็คเอาท์พอดี ... ออกจากโรงแรมก็ไม่แวะเที่ยว แวะพักที่ไหนอีก รีบตรงดิ่งไปบางแสนกันค่ะ


จุดหมายคือ ร้านยำแม่เฉลิม กับ ร้านเจ๊จิ๋ม ร้านประจำของเราค่ะ ... ตรงดิ่งมาสั่งอาหารเดิมๆ ที่คุ้นตา คุ้นปาก


ยำปลาดุกฟู ยำไข่ปูเนื้อปู ส้มตำปูม้า และพระเอกที่ขาดไม่ได้ ปูนึ่ง ... อร่อยเหมือนเดิมค่ะ ทั้งยำ ส้มตำ และปู เนื้อปู ขาวๆ อวบๆ หวานๆ โอ๊ยยยยยยยยย อร่อยที่ซู้ดดดดดดด


วันนี้กินแบบทำเวลาอย่างรวดเร็ว ถึงปุ๊บ ก็สั่งปั๊บ ได้อาหารแล้ว ก็ลุยตักเข้าปากกันอย่างเพลิดเพลิน ... กินเหมือนโกรธกันค่ะ เพราะไม่คุยกันเลย ก็ปากง่วนกับอาหารตรงหน้า


อิ่มแล้วก็ตรงดิ่งไปบางปะกง อีก 1 จุดหมายของทริปนี้ ... ร้านขนมหวานป้านงค์ ร้านที่ขายฝอยทอง และ ทองหยิบ อร่อยที่สุดในโลก


ซื้อขนมเรียบร้อย ก็ถือว่าจบทริปนี้อย่างเป็นทางการค่ะ ... กลับเข้าเมือง เตรียมตัวสู่ภารกิจการทำงานเหมือนเดิม


คนดีจ๋า ขอบคุณมากๆ นะคะ ที่พาเที่ยว ... ทริปนี้ได้พักผ่อนนอนเต็มอิ่ม ชาร์จแบตกลับมาเต็มที่จริงๆ ... ไว้ไปเที่ยวกันอีกเนอะ

11.6.54

นอนอิ่ม กินอร่อย @ พัทยา #1

จู่ๆ ก็นึกเบื่อกรุงเทพฯ เลยต้องหาเรื่องเที่ยวค่ะ ... หยิบ voucher ที่ซื้อเก็บไว้ออกมาคัดตัว แล้วก็เลือกที่พักใกล้ๆ ไปง่ายๆ อย่างพัทยามาโทรจองห้องพัก


ทริปนี้ ไม่แวะเที่ยว แวะดูอะไรที่ไหนเลยค่ะ ... ตั้งใจ ไปนอนอิ่มๆ กินของอร่อย และ ดูดีวีดี ถ้าเรียกเพราะๆ ก็เป็นทริปชาร์จแบต แต่ถ้าเรียกตรงตัว ก็คง เป็นทริปเปลี่ยนที่นอน หรือ ทริปขี้เกียจ


ขี้เกียจตั้งแต่เริ่มออกเดินทาง ... คนดีตั้งนาฬิกาปลุกตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้า อาบน้ำเรียบร้อยก็มาปลุกเราราวๆ หกโมงครึ่ง เราต่อรองขอตื่นนอนตอน 7 โมง ซึ่งไม่เคยเป็นมาก่อน ... พอได้เวลาก็ตื่น อาบน้ำ แต่งตัว พร้อมออกเดินทางราวๆ 8 โมงนิดๆ


ไปแบบเรื่อยๆ ไม่รีบร้อนตามเดิมค่ะ ... คราวนี้เลือกใช้เส้นทาง บางนา - ชลบุรี แล้วค่อยวิ่งเลี่ยงเมือง ... ชมวิว ฟังเพลง คุยกันไปเรื่อยเปื่อย


แวะจุดหมายแรก ร้านส้มตำปูม้าเจ้มาลี 1 ในร้านประจำ ... ไปถึงค่อนข้างเร็ว ร้านโล่ง ยังไม่มีลูกค้าโต๊ะอื่นเลย สั่งอาหาร แล้วก็นั่งกินกันไป คุยกันไป เพลินๆ


ส้มตำปูม้า น่องไก่ทอด หอยแมลงภู่อบตะไคร้ กุ้งอบวุ้นเส้น ... ใช้ได้เหมือนเคยค่ะ ส้มตำรสจัดจ้าน น่องไก่กรอบ จนรู้สึกเหมือนกำลังกินไก่ลุงเคน หอยแมลงภู่ตัวโต แต่น้ำจิ้มเผ็ดโดดไปนิด กินไปซี้ดซ้าดไป กุ้งอบวุ้นเส้น เนื้อวุ้นเส้นกำลังดี แต่รสอ่อนไปนิด ... อิ่ม แน่น เหนื่อย


แต่เรายังไม่หนำใจค่ะ จัดการของคาวแล้ว ก็ต้องไปหาของหวานล้างปากกันต่อ ... จุดหมายที่ 2 คือ La Baguette ร้านเบเกอรี่น่ารักๆ หน้าโรงแรมวู้ดแลนด์


Macadamia Cake กับ Nutella Parfait ... แมคคาเดเมีย อร่อยเริ่ดถูกใจ แต่ นูเทลล่านั้นสร้างความลำบากใจให้เราสองคนมาก เพราะมีกล้วยเป็นส่วนผสมด้วย ตักเข้าปากคำแรก กลิ่นกล้วยหอมคลุ้งเต็มปาก ทำเอาคนไม่ชอบกินกล้วยอย่างเราสองคน ลำบากนิดหน่อย ... เนื้อสัมผัส กับส่วนประกอบอื่น อร่อยนะคะ ถ้าตัดกล้วยหอมออกไปคงปลาบปลื้มมาก


อิ่มครบทั้งคาวหวานแล้ว ก็ตรงเข้าที่พักกันเลยค่ะ ... หนนี้ใช้บริการ Cosy Beach Hotel ค่ะ โรงแรมอยู่บนเขาพระตำหนัก แม้จะไม่ติดหาด แต่ก็มีทางเดินเลาะลงไปหาดได้


จุดสำคัญที่ทำให้เลือกพักที่นี่ เพราะห้องพักที่เราเลือกค่ะ ... ตาม voucher ที่ซื้อไว้ เป็นห้อง deluxe pool access แต่ใช้ในช่วงที่กำหนดไว้ ได้อัพเกรด เป็นห้อง ocean front


ข้อดีของห้องนี้คือ ได้มองเห็นวิวทะเลเต็มๆ ตา แค่เปิดม่านก็ชมวิวสวยๆ ได้แล้ว ไม่ว่าจะอยู่ในห้องนอน ห้องน้ำ หรือ ระเบียง ก็เห็นทะเลเต็มๆ ... ชอบที่สุด


อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบถ้วนค่ะ แอร์ เครื่องทำน้ำอุ่น ทีวี เครื่องเล่นดีวีดี ไดร์เป่าผม ตู้เย็น ... เสียนิดเดียวที่มี wifi แต่ไม่ฟรีค่ะ


ไม่เป็นปัญหา เพราะเราใช้ iPhone เป็นโมเด็มแทนได้ ... แล้วทริปนี้ก็ตั้งใจ กิน นอน เต็มที่ พอเข้าห้องพักได้ ก็เปิดดีวีดีดู gossip girl ซีซั่น 4 กันอย่างเพลิดเพลิน


ดูเพลินจนหลับ ตื่นมา 5 โมงเย็น ... รีบล้างหน้า ปรับสติ แล้วออกไปหม่ำข้าวเย็นกันค่ะ ... มื้อเย็นเป็นมื้อลำบาก เพราะมีร้านโปรดอยู่หลายร้าน เลือกไม่ถูกว่าจะไปที่ไหนดี ตัดปัญหา เลือกไปร้านใหม่ที่ยังไม่เคยไปเลยดีกว่า ตรงไปที่ มุมอร่อย สาขานาเกลือ


ได้ยินชื่อมานาน ว่าอาหารอร่อย และวิวดี ... เรื่องอาหารนี่ต้องลองชิมก่อนว่าถูกปากรึเปล่า แต่เรื่องวิวนี่มาถึงร้านปุ๊บก็ยอมรับเลยว่าทำเลเริ่ดมาก


โทรจองโต๊ะไว้ตอน 17.30 แต่มาถึงราว 18.00 ตั้งใจมากินข้าวไป ชมดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปค่ะ ... แดดยังแรง เลยต้องทำตัวเป็นเซเลบริตี้ ใส่แว่นกันแดด สั่งอาหาร และนั่งทานข้าวพักใหญ่


แกงส้มไข่ปลาริวกิว หมึกผัดไข่เค็ม ผัดเรือโป๊ะโบราณ ข้าวผัดน้ำพริกปลาทู ... แกงส้มเริ่ดค่ะ น้ำแกงเข้มข้ม รสกำลังดี ที่ถูกใจคือ มีทั้งผักกาดขาว ไข่ชะอม ยอดมะพร้าว และหน่อไม้ หมึกผัดไข่เค็ม ก็เข้มข้นกลมกล่อม ผัดเรือโป๊ะโบราณ พริกแกงเข้ม แปลกตรงที่ใส่กากหมูมาด้วย แล้วก็มีเนื้อสัตว์ที่เดาไม่ได้ว่าเป็นอะไร เคี้ยวหนึบๆ เพลินดี ข้าวผัดก็กลมกล่อม ... สรุปว่าถูกปากค่ะ


อิ่มจากของคาว ก็สั่งของหวานต่อเลย น้ำแข็งบดราดหน้าผลไม้ เหมือน ไอซ์ มอนสเตอร์ เบาๆ เย็นๆ กินง่าย ชื่นใจดีค่ะ ... แล้วนั่งกินไป ชมวิวฟ้าค่อยๆ เปลี่ยนสีไป ช่างเป็นมื้ออาหารที่รื่นรมย์เป็นที่สุด


อิ่มแน่นอีกมื้อ ก็ย้ายพุงเต่งๆ กลับเข้าที่พัก นอนดูดีวีดีกันต่อ ... นอนแช่น้ำอุ่น ชมวิวทะเลยามค่ำ ... ออกไปกินลมชมจันทร์ริมระเบียง ... เป็นการพักผ่อนชาร์จแบตที่ถูกใจมากกกกกกก


ส่วนวันพรุ่งนี้ จะพักผ่อนยังไง ที่ไหน ตามไปดู ที่นี่ ค่ะ

8.6.54

The Hangover 2

ไม่ได้ดู The Hangover ภาคที่แล้ว ... แต่เหตุผลที่อยากดู The Hangover 2 เพราะ หนังมาถ่ายทำในเมืองไทย และมี อาหนิง นิรุตต์ เล่นด้วย ... เท่านี้หนังก็น่าสนใจแล้วค่ะ


หนังเข้าฉายตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม แต่จัดสรรเวลาดูไม่ได้ เพราะยังติดลิสท์หนังที่ข้างอยู่ ... พอไล่ดูครบแล้ว ก็ถึงคิวของเรื่องนี้ค่ะ


เลือกใช้บริการเครือเอเพ็กซ์อีกครั้ง เพราะประทับใจ คราวนี้เข้าไปนั่งดูสบายๆ ที่ ลิโด มัลติเพล็กซ์ 2 ... ค่าตั๋ว 100 บาท เลือกที่นั่งได้เอง เว้นที่นั่งได้ โล่งๆ สบายๆ ไม่ต้องเบียดกับใคร ... โฆษณาน้อย หนังตัวอย่างพอสมควร ฉายหนังได้ตามเวลา เริ่ดดดดดดดดดดด

- เรื่องย่อ -

ฟิล สตู อลัน และดั๊ก เพื่อนก๊วนฮาชุดเดิมที่ไปก่อเรื่องวุ่นที่ Las Vegas ในภาคที่แล้ว กลับมารวมตัวกันอีกครั้งในทริปสุดระทึกที่ประเทศไทย ... เหล่าก๊วน The Hangover เดินทางมาประเทศไทย เพื่อฉลองงานแต่งงานของสตู แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์ลืมไม่ลงในปาร์ตี้สละโสดที่เวกัส ทำให้สตูเข็ดขยาด และตั้งใจจะจัดปาร์ตี้สละโสดแบบเรียบง่าย กิน Brunch กับเพื่อนแค่นั้น

แต่เหตุการณ์ไม่เป็นไปตามแผน อะไรๆ ที่เคยเกิดขึ้นที่เวกัส นั้นน่าเข็ดขยาดเพียงใด ... สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นที่กรุงเทพฯ ก็เกินกว่าจะจินตนาการได้

(ภาพและเรื่องย่อจาก www.majorcineplex.com )


เป็นหนังที่ บ้า และ ฮา มากค่ะ ... ไม่ได้ดูภาคแรกก็สามารถดูภาคนี้รู้เรื่องได้ และเดาได้ว่า ภาคแรกก็คงบ้า และฮาไม่แพ้กัน


ตอนเริ่มต้นเรื่อง คนดีงีบหลับไปพักนึง เพราะเหน็ดเหนื่อยจากงานและนอนน้อย ... แต่พอหนังเริ่มไปได้สักพัก เสียงหัวเราะจากเพื่อนร่วมดูในโรงหนังก็กระตุ้นให้คนดีตื่นมาดูหนังได้ แล้วก็ดูไป ขำไปจนหนังจบ ... แล้วบอกว่า เราไปหาภาค 1 มาดูกันเถอะ


แม้บางช่วงของหนังอาจจะไม่สมเหตุสมผล เนื้อเรื่องอาจจะส่งให้ภาพของกรุงเทพฯ ดูติดลบสักหน่อย ... แต่โดยรวมก็สนุก ฮา และบ้าบิ่นมาก

4.6.54

Pet Expo 2011

ตั้งแต่มีหมาโม่มาอยู่ในความดูแล งาน Pet Expo ก็กลายเป็นอีก 1 งานแฟร์ที่เราพยายามจะจัดสรรเวลาแวะเวียนไป

หลังจากช่วงเช้าแวะไปทำธุระกับที่บ้านคนดีเรียบร้อยแล้ว ... บ่ายแก่ๆ มีเวลาว่าง และคนดีไม่ติดงานอะไร จุดหมายของเราก็ตรงไปที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สถานที่จัดงานกันเลยค่ะ

เป็นงานแฟร์ที่ต้องเดินอย่างระมัดระวัง เพราะผู้ชมงานสี่ขา มีทั้งเดิน วิ่ง ลาก อาจจะพันขา หรือ สะดุดกันได้ ... แล้วอาจจะเจอทุ่นระเบิด หรือ แอ่งน้ำ ที่เจ้าสี่ขาปล่อยออกมา แล้วเจ้าของไม่จัดการให้เรียบร้อย ... นอกจากเดินหันซ้ายขวาดูของ ดูร้านค้าแล้ว ยังต้องเดินก้มหน้าคอยดูทางด้วย

เป้าหมายของเรา คือ ข้าวเม็ด ขนม และ สายจูง ... ได้ของครบถ้วนตามที่ตั้งใจ แล้วยังได้กระเป๋าใบใหม่มาให้หมาโม่เพิ่มด้วย

จบภารกิจของชิวาว่า ก็ไปจัดการภารกิจของคนต่อ ... แวะกินข้าว แวะดูข้าวของเครื่องใช้ ก่อนจะกลับเข้าบ้านแบบหมดเรี่ยวหมดแรง

3.6.54

Japanese Class #9

ย้ายวันเรียนภาษาญี่ปุ่นแล้วค่ะ จากเดิมที่เรียนวันเสาร์ 2 ทุ่ม เปลี่ยนมาเป็นวันศุกร์ 2 ทุ่มแทน ... ย้ายเพราะ sensei ขอจัดตารางสอนใหม่

คลาสนี้นักเรียนหายไป 1 คน น้องชายคนดีติดเคลียร์งาน ขอตัว ปล่อยให้เรียนล่วงหน้ากันไปก่อน ... Sensei ก็เริ่มสอนเสียงกักต่อ สอนศัพท์ใหม่ๆ เพิ่ม หัดเขียน หัดออกเสียง

เรียนไปได้สักพักนึง ก็มีหยุดพักทานข้าวเย็นค่ะ ... เพราะหยี่อี๊เพิ่งมาถึงบ้านพร้อมเสบียงชุดใหญ่ บะหมี่ตงเล้งเจ้าอร่อย ... หัวหน้านักเรียนอย่างคนดี เลยใช้สิทธิความเป็นพี่บังคับให้ sensei หยุดสอน กินข้าวกันก่อน

อิ่มอร่อยแล้วก็กลับมาเรียนกันต่อค่ะ ได้ศัพท์ใหม่ๆ เพิ่มอีกหลายตัว ตั้งแต่เริ่มเรียนมา ได้คำศัพท์สะสมมาจะเกือบ 200 ตัวแล้ว ... คลาสนี้เจอเสียงกักเข้าไปทำเอามึน ต้องทำความเข้าใจกับการออกเสียงใหม่ ต้องท่องเพิ่มอีกแล้ว

sensei บอกว่า สอน hiragana จบแล้ว คลาสหน้าจะเริ่มสอน katakana ... โอ๊ยยยย ตายแล้ว รู็สึกว่าข้อมูลท่วมท้น ของเก่ายังไม่เป๊ะ จะมาเริ่มของใหม่กันต่อแล้ว ... มาถึงขั้นนี้แล้วก็ต้องลุยต่อไป ท่องกันต่อไปค่ะ