ย้อนอ่านวันแรกได้ ที่นี่ ค่ะ
นอนชาร์จแบตเต็มที่แล้ว ก็ตื่นมาเตรียมตัวตะลอนกันต่อค่ะ ... ก่อนออกเดินทางก็ต้องเติมพลังให้ร่างกายกันก่อนค่ะ มื้อเช้าที่โรงแรมภูมิไทย เป็นบุฟเฟ่ต์ค่ะ มี ไข่ดาว ข้าวผัด ข้าวต้ม ขนมปัง ไส้กรอก สลัด ผลไม้ ขนมปัง ชา-กาแฟ ... อาหารอาจจะมีให้เลือกไม่มาก แต่ก็เพียงพอสำหรับ 1 มื้ออิ่มๆ ค่ะ
อิ่มแล้วก็มุ่งหน้าไป วัดพระธาตุช่อแฮ วัดศักดิ์สิทธิ์ คู่เมืองแพร่ และเป็นวัดพระธาตุประจำปีเกิดของคนเกิดปีขาล ด้วยค่ะ ... มา จ.แพร่ ถ้าไม่แวะนมัสการพระธาตุช่อแฮ เค้าว่ามาไม่ถึงค่ะ
ถ้าพร้อมแล้วก็เดินขึ้นบันไดไปนมัสการพระธาตุกันค่ะ ... ขึ้นทางประตูด้านนี้จะไปเจอ ซุ้มสีขาว (ในรูปขวาบน) ที่ประดิษฐาน พระเจ้าทันใจ พระพุทธรูปปางสมาธิที่มีคนมากราบไหว้บนบานอยู่เสมอค่ะ
จากนั้นก็เข้าไปนมัสการองค์พระธาตุที่อยู่ด้านในต่อค่ะ ... เค้าบอกกันว่า ถ้านำผ้าแพรเนื้อดีมาถวายพระธาตุ จะทำให้ชีวิตมีความผาสุข เจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน และมีพลังคุ้มครองป้องกันศัตรูค่ะ ... ถ้าไม่ได้เตรียมไป ทางวัดก็มีชุดบูชาจัดเตรียมไว้นะคะ
ไหว้พระแล้วก็กลับลงมาด้านล่างค่ะ ตรงลานจอดรถมีร้านค้าเรียงรายอยู่ ก่อนขึ้นไปเล็งช่อดอกไม้ใบเตย กับ น้ำใบเตย ไว้ ... อุดหนุนสินค้าก่อนจะเดินทางกันต่อค่ะ แล้วได้หมอนน้องช้างติดมือมาด้วยค่ะ เพราะหมอนบนรถคนดีเละ นิ่มเกินไปแล้ว
เราซื้อของเท่าที่เห็น แต่คุณพิไลกับคนดี เดินเล่นเพลินๆ จนไปเจอะกับร้านนึง ที่มีทั้งผ้า เสื้อ ให้เลือกเยอะ ... เลยช้อปปิ้งกันเพลินค่ะ ได้เสื้อ ได้ผ้า ติดมือมาใช้เอง และเป็นของฝากเพียบ
เผลอใช้เวลากับการช้อปปิ้งไปราวๆ 2 ชั่วโมง ตั้งตัวได้ก็รีบมุ่งหน้าไปจุดหมายต่อไปค่ะ วนอุทยานแพะเมืองผี ภูมิประเทศที่ถูกกัดเซาะตามธรรมชาติจนเป็น หน้าผา และ เสาดิน รูปร่างต่างๆ ... ไปถึงช่วงเที่ยงพอดี แดดแรง ร้อน เลยเดินชมธรรมชาติอยู่ไม่นานค่ะ
เดินกลับออกมาก็เจอป้ายบอกทางไป ต้นดิกเดียม ... เคยได้ข้อมูลว่า มีอยู่ที่ วัดปรางค์ อ.ปัว จ.น่าน ไม่ยักกะรู้ว่าที่แพะเมืองผีก็มี เลยเดินไปดูสักหน่อยค่ะ ยังเป็นต้นเล็กๆ ไม่โตมากเท่าไหร่
เสร็จแล้วก็ขึ้นรถ เดินทางกันต่อค่ะ มุ่งหน้าไป อ.นาน้อย จ.น่าน ปลายทางอยู่ที่ อุทยานแห่งชาติศรีน่าน ค่ะ ... เพราะต้องเร่งทำเวลา เราเลยไม่ได้แวะทานมื้อเที่ยงค่ะ พอผ่านช่วงชุมชน เจอตลาด เจอ 7-11 ก็แวะซื้อของสักหน่อย พอดีเจอไก่ย่างห้าดาว เลยซื้อตุนเป็นเสบียงไว้ด้วยค่ะ
ระยะทางไม่ไกลมาก แต่วนเวียนขึ้นเขาเลยใช้เวลาพอสมควรค่ะ กว่าจะขึ้นไปถึง ดอยเสมอดาว ที่พักของคืนนี้ก็ สี่โมงเย็นพอดีค่ะ ... แต่วิวที่เห็นก็คุ้มค่าเหนื่อยค่ะ วิวสวย บรรยากาศดี เห็นแล้วหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งค่ะ ที่สำคัญอากาศดี เย็น สบาย ... ใกล้ๆ กันมี ผาหัวสิงห์ หน้าผาที่มีรูปร่างคล้ายหัวสิงห์ค่ะ
ขับรถขึ้นไปจอดด้านบนได้เลยค่ะ แล้วจ่ายค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานที่ด้านบน ... เราติดต่อจองเต้นท์ไว้ล่วงหน้าแล้ว ก็จ่ายค่าเช่าเต้นท์ 500 บาท ไปพร้อมกันเลย เป็นเต้นท์หลังใหญ่แบบ 6 คนนอน ที่รวมเครื่องนอนไว้ด้วยแล้วค่ะ ... จริงๆ มีเต้นท์หลังเล็กสำหรับ 2-3 คนนะคะ แต่กลัวจะเบียดกันเกินไปเลยขอเป็นหลังใหญ่ดีกว่า
จากลานกางเต้นท์ มีทางเดินลงไปห้องน้ำ (ที่เห็นหลังคาเขียวๆ รูปซ้ายล่าง) สภาพห้องน้ำก็ตามประสาที่มีคนใช้เยอะแต่ขาดคนดูแลค่ะ ... มอ มอม กลอนหลุด ลูกบิดพัง ทำนองนี้หล่ะค่ะ เรามาช่วงคนน้อยก็ไม่ค่อยเป็นปัญหา เลือกได้ เลี่ยงได้ แต่ถ้ามาช่วงคนเยอะๆ นี่ ไม่ยากจะคิดเลยค่ะ
สำรวจที่ทาง ชมวิวได้สักพัก ถ่ายรูปกันพอสมควร ก็ต้องเติมเสบียง เติมพลังค่ะ ... มื้อนี้กินกันตายค่ะ อาหารง่ายๆ บะหมี่กึ่งคนละกระป๋อง อกไก่อบชานอ้อย ไก่จ๊อ เห็ดปรุงรส ไข่ต้ม ... รีบกินแล้วรีบอาบน้ำค่ะ เพราะลมแรงมากกกกกกกกกกก อากาศเย็น
เราอาบน้ำแบบลวกๆ ล่กๆ เพราะน้ำเย็นมาก และสภาพห้องน้ำไม่เอื้อต่อการบรรจงอาบ ... ส่วนคุณพิไล กับ คนดี อาบเฉพาะส่วนค่ะ
อาบน้ำเสร็จก็มุดเข้าเต้นท์ หลบลม เพราะยิ่งค่ำลมยิ่งแรง และฟ้ามืด ไม่มีอะไรให้ทำ ให้ดูแล้วค่ะ ... ต้องรอดึกกว่านี้อีกหน่อย ค่อยออกมาดูดาว
แต่ไม่ต้องรอดึกมาก แค่ 2 ทุ่ม ดาวก็ออกมาโชว์ตัวแล้วค่ะ เพราะอยู่บนยอดดอย เลยเหมือนดาวอยู่ใกล้ๆ ... นอนเอกเขนกกลิ้งไป กลิ้งมาสักพักก็หลับค่ะ รีบหลับ เพราะต้องตื่นเช้ามาลุ้นทะเลหมอก
แต่ ..........................................................................................................................
ยิ่งดึกเสียงลมพัดเต้นท์ก็ดังขึ้นเรื่อยๆ ลมแรงขึ้นเรื่อยๆ จนคนดีสะกิดปลุก บอกว่าเต้นท์มันดูผิดปกติพิกล ให้เราช่วยออกไปส่องไฟฉายให้หน่อย ... ออกไปดูก็เจอโครงเต้นท์ตรงมุมที่คนดีนอนยุบตัวไปข้างแล้วค่ะ เพราะลมพัดแรงมาก ซัดเข้าด้านนั้นเต็มๆ จนโครงยวบ ยุบไป
พลิกนาฬิกาดู ก็ราวๆ ตีสาม ลมพัดแรง หนาวมากกกกกกกกกกกกกกกกกก ต้องออกไปยืนดันโครงเต้นท์กันอยู่ ... แต่พอเงยมองบนฟ้า ก็คุ้มที่มายืนโต้ลมหนาวค่ะ เพราะดาวเต็มฟ้าเลย สมชื่อดอยเสมอดาวจริงๆ เหมือนผ้าห่มสีดำที่มีกลิตเตอร์วิบวับระยิบระยับเต็มไปหมด ... เห็นดาวเยอะกว่าฟ้าที่หลีเป๊ะ และเห็นใกล้กว่ามากเลยค่ะ
ความพยายามที่จะแก้ไขเต้นท์ให้ปกติไม่เป็นผลค่ะ เพราะลมแรงมาก จนสักพักก็ได้ยินเสียงโครงดังป๊อก แล้วก็ยวบไปอีกมุม ... เราเลยต้องช่วยกันย้ายของ ไปนอนเต้นท์หลังใหม่ โชคดีที่เจ้าหน้าที่กางเต้นท์ไว้หลายหลัง ไม่งั้นหล่ะก็ต้องไปขดตัวนอนในรถกันแน่ๆ
ย้ายเครื่องนอนเข้าเต้นท์ใหม่ได้ ก็ผล็อยหลับกันต่อค่ะ แต่หลับแบบระแวงว่าเต้นท์หลังใหม่จะยุบตัวอีกรึเปล่า เพราะลมแรงจริงๆ ... นอนฟังเสียงลมตีเต้นท์ดัง หวือ หวือ หวือ ไปจนหลับ ... รีบนอน เพราะต้องรีบตื่นค่ะ
ตามติดไปดูวันที่สาม ที่นี่ค่ะ
4 ความคิดเห็น:
ช่อใบเตยสวยจังคะ
คุณตั๊กคะ ไปถามหาร้านอร่อยจากตำรวจ
คิดได้ไงคะเนี๊ย
*คุณต้า
พอดีขับรถไปอยู่หน้าสถานีตำรวจพอดีค่ะ มีที่จอดแน่นอน เลยให้วนเข้าไปจอด แล้วลงไปถามค่ะ ... เห็นว่าเป็นคนท้องที่ ต้องพอรู้ร้านอาหารบ้างหล่ะค่ะ
คุณตำรวจที่ถูกถามก็ทำหน้างงๆ นะคะ คาดว่าคงเป็นรายแรกที่ขึ้นสถานีตำรวจเพื่อถามหาร้านอร่อย
พี่นกแม๊น แมน แหม..เต้นท์ผิดปกติก็ส่งพี่ตั๊กออกไปดู
BeMuay
มันเป็นหน้าที่ของพี่เลย ที่จะต้องสั่งให้พี่ตั๊กออกไปจัดการ นี่แหละเอกลักษณ์ของเอกบุรษ 555
จาบร้า....เหรอ พี่ให้พี่ตั๊กเค้าไปส่องไฟฉายเฟร้ย
ทริปนี้แนะนำว่า...ชีวิตนึงต้องไม่พลาด เกิดมาแล้วไม่ได้ไปจะเสียดาย
big_birdy
แสดงความคิดเห็น