ตะลอนขึ้นๆ ลงๆ รถไฟใต้ดิน วันที่ 2 ซะเหนื่อย ... วันสุดท้ายแล้ว เหลือเวลาพักผ่อนตะลอนทัวร์กันอีกไม่เท่าไหร่ เพราะฉะนั้นต้องใช้ให้คุ้มค่ะ
7.00 น. เวลาฮ่องกง เสียงโทรศัพท์ที่ตั้งปลุกไว้ก็ดัง รู้สึกเหมือนเพิ่งล้มตัวนอนไปแป๊บเดียว ได้เวลาต้องตื่นแล้วเหรอเนี่ย ... งัดร่างที่เมื่อยล้ามากขึ้น เข้าไปอาบน้ำแต่งตัว
เรากับคนดีมีภารกิจที่จะแยกไปจัดการก่อน แล้วกลับมาสมทบกับพี่และน้องของคนดีช่วงเที่ยง ... เลยต้องเก็บกระเป๋าให้เรียบร้อย แล้วเช็คเอาท์ แต่ขอฝากสัมภาระไว้ก่อน
ตามนิสัยก็ต้องเติมพลังกันก่อน เช้านี้เราสองคนเลือกฝากท้องร้านอาหารใกล้ๆ ที่พักนี่หล่ะค่ะ ... ตอนแรกกะว่าจะเลือกร้านที่อยู่ติดกับทางเข้าตึกพอดี แต่ดูแล้วไม่ถูกชะตาชอบกล เลยเดินเขยิบไปอีกนิด เพราะเห็นว่ามีร้านอาหารอยู่อีกร้านนึง
เดินไปถึง เห็นตัวหนังสือไทยอยู่ด้วย อะฮ้า เข้าที ... แล้วก็เห็นป้ายการันตีของ ม.ร.ว.ถนัดศรี ด้วย ชื่อร้านอะไรก็ไม่รู้ไม่ได้สนใจ แต่ป้ายนี้ทำให้ตัดสินใจเลือกร้านนี้เลยหล่ะ ... เข้าไปนั่งปุ๊บก็ได้เมนูภาษาอังกฤษมาเลย เช้าๆ แบบนี้ เลือกโจ๊กดีกว่าค่ะ ... คนดีเลือกโจ๊กไข่เยี่ยวม้า ส่วนเราเลือกโจ๊กไข่เยี่ยวม้า + ตับหมู แต่ยกไข่เยี่ยวม้าให้คนดี
เนื้อโจ๊กเนียนละเอียด แต่รสอ่อนไปนิด กินกับปาท่องโก๋ตัวยาวที่ตัดมาเป็นชิ้นๆ ... อร่อยยยยยยยยยยยยยยยยยย
อิ่มแล้วก็ได้เวลาเริ่มภารกิจค่ะ ... กลับเข้าที่พักไปโทรติดต่อร้านจิวเวลรี่ เพื่อนัดเวลาและขอคำแนะนำเรื่องเส้นทาง เลยให้พนักงานที่โฮสเทลช่วยเขียนชื่อจุดหมายปลายทางเป็นภาษาจีนให้เลยค่ะ แล้วเค้ายังช่วยเปิดหาแผนที่จากกูเกิ้ล เล็งพิกัดจุดหมายที่เราจะต้องไปให้ด้วย
เดินไปลงรถไฟใต้ดิน บัตรที่ซื้อเมื่อวันยังใช้ได้อยู่เพราะยังไม่ครบ 24 ชม. จาก East Tsim Shu Stui ไปลง Hong Hom แค่สถานีเดียวเท่านั้นค่ะ ... แล้วเดินวน งงๆ เงอะๆ งะๆ ไปหาจุดเรียกแท๊กซี่ เพื่อจะไปที่หมาย คือ โรงงานจิวเวลรี่ ค่ะ
เมื่อปีที่แล้วที่ออฟฟิศพามาฮ่องกง เราซื้อ จี้กังหัน ไปให้คนดี พร้อมกับคำการันตีว่ารับประกันตลอดชีพ ซ่อมได้ เทิร์นได้ ... คนดีห้อยติดตัวไว้ตลอด จนเริ่มหมอง แต่ก็ไม่สำคัญเท่า กังหันในจี้ไม่หมุนติ้วเหมือนเคย ไหนๆ ก็ตั้งใจมาช้อปปิ้งแล้ว แวะมาให้ร้านขัดเงาและเช็คอาการให้สักหน่อยดีกว่า
ปกติโรงงานจิวเวลรี่แบบนี้ นักท่องเที่ยวทั่วไปเดินดุ่มๆ วอล์คอินเข้ามาเลยไม่ได้ ส่วนใหญ่จะมาเป็นคณะทัวร์ ที่มีไกด์ท้องถิ่นพามาค่ะ ... แต่เราเคยมาแล้ว เลยโทรติดต่อเข้ามาก่อน พนักงานเลยนัดจุดนัดพบ มารอรับและพาเข้าไปชมด้านใน
เข้าไปเจอพี่โกโก้ คนไทยที่มาทำงานนานจนดูกลายเป็นคนฮ่องกงไปแล้ว ... ครั้งที่แล้วพี่โกโก้แนะนำคุณสมบัติของจี้กังหันจนสาวๆ ในคณะเราฟังกันจนเคลิ้ม พร้อมจะเสียตังค์ แต่เจอราคาจี้เข้าไปหงายท้องไปตามๆ กัน ... คราวนี้พี่โกโก้ก็ออกมาต้อนรับเหมือนเคย มาดูแล แนะนำ และอนุมัติให้เปลี่ยนจี้อันใหม่ให้เลยค่ะ
ได้จี้อันใหม่แบบเดิมมาแล้ว ก็ชวนกันดูนั่นนี่ เสียทรัพย์กันไปพอควร ... ก่อนจะร่ำลากลับ พี่โกโก้ใจดี ให้พี่หยกสาวไทยอีกคนที่มาทำงานที่นี่อยู่นาน เดินไปส่งเราที่ป้ายรถเมล์ ... แหม กำลังจะถามพอดี เพราะตอนแท๊กซี่วนมาเห็นรถเมล์สายนึงไป star ferry จุดหมายต่อไปของเรา
โดดขึ้นรถเมล์ นั่งเพลินๆ แป๊บเดียวก็มาถึงแล้วค่ะ ... ถึงท่าเรือริมอ่าวแบบนี้ ก็ต้องแวะถ่ายรูปกันสักหน่อยค่ะ ช้อบ ชอบ วิวตรงนี้ มาทีไรแวะถ่ายรูปทุกที
ถ่ายรูปจุใจ ก็ตรงดิ่งเข้าไปใน Harbour City จุดหมายของเราคือ ทอยอาร์อัส ค่ะ ... ไม่ได้มาซื้อของเล่นนะคะ แต่มาหมุนไข่ค่ะ ของฝากไปให้สาวๆ ค่า ... หมุนไข่ได้ครบถ้วนตามจำนวนที่ต้องการแล้ว คนดีก็โทรนัดพี่ชายกับน้องสาวให้มาเจอกัน จะชวนกันไปเก็บตกที่ร้าน H&M กันต่อค่ะ
เดินสำรวจกันจนจุใจ เลือกเสื้อ ลองเสื้อ กันสนุกสนาน เพราะเวลาเหลือเฟือ ได้ของติดไม้ติดมือกันมาเพิ่มอีกพอควร ... ช้อปจุใจแล้ว ท้องก็หิวพอดี ชวนกันยกขบวนเดินไปร้าน Yuen Kee เค้าว่ากันว่า ร้านนี้ลูกชิ้นรวมมิตรอร่อยค่ะ
คนดีซึ่งโปรดปรานลูกชิ้น ไม่พลาดที่จะลองสั่งค่ะ แต่ลูกชิ้นรวมร้านนี้มีทั้ง ลูกชิ้นปลา หมึก และเนื้อวัว ค่ะ เพราะฉะนั้นใครไม่ทานเนื้อวัวต้องแจ้งไปด้วยนะคะ ... 3 พี่น้อง ไม่ทานเนื้อวัว เราเลยต้องรับผิดชอบลูกชิ้นลูกโตเกือบเท่าลูกปิงปอง 3 ลูก ตื้อกันเลยค่ะ
ส่วนเราเลือก หวั่นทั่นหมิ่นเหมือนเดิม แล้วก็ไม่ผิดหวัง เพราะเกี๊ยวกุ้งร้านนี้เทพมากกกกกกกกกกกกกก กัดคำแรกถึงกับเพ้อเลย ... ผัดหมี่รสอ่อนไปหน่อย แต่ก็พอไหวค่ะ ... จานต่อมาเป็นหมึกทอดพริกกระเทียม หมึกทอดมากำลังดี เนื้อกรุบ กินเพลินค่ะ ... แต่จานข้าวอบทะเล ที่มีซอสส้มๆ นั้น จานใหญ่อลังการ หน้าตาดูไม่งาม แต่รสชาติพอไหวค่ะ มาเสิร์ฟหลังสุด เห็นแล้วท้อ
อิ่มแล้วก็ชวนกันไปโฮสเทล แพ็คของลงกระเป๋าให้เรียบร้อย แล้วชวนกันลากกระเป๋าลงรถไฟใต้ดิน จาก Tsim Sha Tsui ไป Central แล้วเดินไปเปลี่ยนสายที่สถานี Hong Kong ไปสถานี Kowloon ค่ะ ... ดูสภาพลูกทัวร์ซิคะ
ลูกทัวร์ลากกระเป๋าใบเล็กที่จุดของแน่น ยังทำหน้าเมื่อยขนาดนี้ ... แล้วเราที่เป็นหัวหน้าทัวร์มาพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เป้ง จะหน้ายุ่งขนาดไหน ลองจินตนาการเอาเองนะคะ
ถึงสถานี Kowloon จัดการรีฟันค์เงินจากบัตร Octopus คืน แล้วซื้อบัตรรถไฟ AE (Airport Express) แบบ Group of 4 ราคาพิเศษสำหรับ 4 คน เตรียมเข้าสนามบินค่ะ
ซื้อบัตรเรียบร้อยก็ลากกระเป๋าไปช้อปกันต่อก่อนค่ะ ... จุดหมายคือ Onitsuka Tiger ที่อยู่ในห้าง Elements นี่หล่ะค่ะ เราตั้งใจจะไปใช้ voucher 50 HKD ที่ได้มา เพราะหมายตารองเท้าเจ้านี้ไว้ ... แต่กะว่าถ้าไม่ถูกใจก็จะไปใช้ซื้อสินค้าในร้านอื่นที่ร่วมรายการ
เสียเวลาช้อปไปพักหญ่ายยยยยยยยยยยยยยยยย ได้ของครบถ้วน เสียทรัพย์ด่านสุดท้าย ... ก็ลากกระเป๋ากลับมาจับรถไฟสายด่วนพิเศษเข้าสนามบินค่ะ ... จริงๆ เราสามารถเช็คอินได้ที่สถานีของรถไฟสาย AE ได้เลยนะคะ แต่ว่าบางสายการบินก็เป็นข้อยกเว้น ไม่สามารถเช็คอินได้ รวมถึง Air Asia ที่เราเลือกใช้ด้วยค่ะ
นั่งรถไฟแป๊บเดียวก็ถึงสนามบิน ตรงดิ่งไป Terminal 2 ไปรอต่อคิวเคาเตอร์เช็คอิน ... หาอยู่นานว่าอยู่ตรงไหน หาเจอก็ปักหลักรอพักใหญ่ แต่ใช้เวลาเช็คอินไม่นานค่ะ แป๊บเดียวก็เรียบร้อย แต่ต้องย้อนกลับมา Terminal 1 เพราะยังไม่ระบุว่าเครื่องจะออกจากเกทไหน เจ้าหน้าที่ให้เราเช็คดูที่นี่
ผ่าน ตม. ไปอย่างรวดเร็ว เราตั้งใจจะไปหม่ำเบอเกอร์คิง แล้วปักหลักนั่งรอนิ่งๆ สบายๆ เพราะเท้าเมื่อยสุดๆ ... คนดี และ พี่ น้อง ก็อยากนั่งพักเหมือนกัน แต่เลือกซื้อราเมนจาก Ajisen มากินแทน
จัดการอาหารเรียบร้อย ประกาศแจ้งเกทก็บอกแล้ว เพราะฉะนั้น ไปเอกเขนกรอที่หน้าเกทเลยดีกว่า ... 20.50 น. เวลาฮ่องกง เครื่องหางแดงก็พาเราเหิรฟ้ากลับมาสุวรรณภูมิ
เดินมาราธอนกัน 3 วัน เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ก็พากันกลับเข้าสู่ชีวิตปกติ ลุยงานกันต่อไป ... ฮ่องกงจ๋า เราจะเจอกันอีกเมื่อไหร่ ยังมีอีกหลายที่เที่ยวที่น่าสนใจ น่าไปชมอยู่อีกเยอะนะเนี่ย
4 ความคิดเห็น:
ยังมีอีกเหรอ แค่นี้ก็เดินขาจะหลุดออกมาแล้วเนี่ย อ่านแล้วก็เหมือนกลับไปอีกรอบเลย
big_birdy
ขำอ่ะ ดูหน้าลูกทัวร์ดิ สภาพเหนื่อยมาก คริคริ
กวาง
หน้าตาแลเหนื่อยจริง อะไรจริง ยังกะคนเสียแชร์น่ะ 55555555555555
BeMuay
ถุงผ้า feel good แต่ดูหน้าเจ้าของถุงดิ ...... ก๊ากกกกกก ไม่น่าจะ feel good สักเท่าไหร่
แสดงความคิดเห็น