29.8.54

DSLR ตัวแรก

ที่ผ่านมาใช้แต่กล้องคอมแพคป๊อกแป๊กมาตลอด เพราะไม่ได้สนใจที่จะถ่ายรูปจริงจัง แค่ถ่ายเก็บบรรยากาศเท่านั้น ... ความรู้ต่างๆ เรื่องการเล่นกล้อง จัดว่าน้อยมากกกก


ไม่เคยสนใจกล้อง DSLR เพราะรู้สึกว่าตัวใหญ่ เทอะทะ พกพาลำบาก ... ดูจากคนดี และคนใกล้ตัวที่เล่นกล้องนั้น จะไปไหนทีต้องแบกกระเป๋ากล้องใบโตติดไปด้วย


แต่แล้ววันนึง Sony ก็ปล่อยกล้องรุ่น NEX ออกมาให้ตื่นตาตื่นใจ ... แม้จะเป็นมือสมัครเล่นด้านกล้องอย่างเรา ก็ยังตาลุก เพราะมาขนาดกะทัดรัด แต่คุณสมบัติเหมือนกล้องตัวโตๆ แล้วยังเป็นแบรนด์ที่คุ้นเคยกันด้วย ... อย่างที่เคยบอกว่าเป็นคนที่ Brand Loyalty สูงมากกกก ใช้อะไรจนคุ้นก็จะติดอยู่อย่างนั้น ไม่ค่อยเปลี่ยน แต่เพราะเพิ่งใช้ Cyber-shot ตัวล่าสุด มาได้ไม่เท่าไหร่ จะให้เปลี่ยนกล้องใหม่ก็กะไร ก็เลยปล่อยความสนใจนั้นลง


จนมาเจอกับ NEX-C3 เข้า กิเลสที่เคยสงบนั้นก็เริ่มฟุ้งขึ้นมาใหม่ เดินเข้าไปลูบๆ คลำๆ อยู่หลายครั้งหลายหน ... หยิบแล้วก็วาง หยิบแล้วก็วาง หลายรอบ ตัดใจ ข่มใจ เอาไว้ก่อน ยังหาเหตุผลมาสนับสนุนให้ซื้อไม่ได้ เพราะเจ้ากล้องตัวที่ใช้ประจำก็ยังทำงานได้ดี


จนบังเอิญเดินไปเจอ งานลดราคาสินค้าของเพาเวอร์บาย ก็ขอคนดีแวะเข้าไปลูบๆ คลำๆ กล้องเหมือนเดิม ... แต่คราวนี้ต่างออกไปตรงที่ ไม่ได้จับอย่างเดียว แต่ได้ลองเปิดดูฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ ด้วย เท่านั้นแหละ กิเลสฟุ้งตลบอบอวล ไม่ใช่แต่เรา คนดีเองก็ถูกใจ


ประจวบเหมาะกับมีจัดโปรโมชั่น ลดราคา แล้วยังผ่อน 0% ได้อีก ... เลยเสียทรัพย์ พา NEX-C3 สีชมพูแจ๋น ในฐานะ DSLR ตัวแรกกลับบ้านมาอยู่ในความดูแล



แต่ได้กล้องใหม่มาในช่วงที่ไม่ได้มีแพลน มีทริปออกไปไหนเลย ก็เลยไม่เห่อกล้องมากนัก ได้แต่ลูบๆ คลำๆ ลองลูกเล่นนิดๆ หน่อยๆ ที่บ้าน ... ที่สำคัญคือ ขนาดกล้องเปลี่ยนไป พกติดกระเป๋าไม่สะดวกเหมืนเคย เพราะน้ำหนักกล้องมากขึ้น และยังหากระเป๋าใส่กล้องที่จะช่วยดูแลความปลอดภัยไม่ได้ เลยปล่อยเจ้าชมพูอวบตัวนี้ นอนเล่นที่บ้านเป็นหลัก


หลังจากนี้ก็คงจะได้เห็นผลงานจากเจ้าชมพูอวบตัวนี้แน่ๆ ค่ะ ... ส่วนเจ้าชมพูบางตัวเดิมนั้น ก็คงส่งมอบให้ไปอยู่ในความดูแลของ สว ในบ้านเช่นเคย

28.8.54

คอนเสิร์ทสามแยกปากหวาน

หลังจากอกหัก เพราะจองตั๋วเดี่ยว 9 ไม่สำเร็จ ก็ได้ยินโฆษณาคอนเสิร์ทสามแยกปากหวาน พอดี ... เพิ่งรู้ว่าเริ่มเปิดขายบัตรวันเดียวกับเดี่ยวเลย ตอนนั้นคิดว่าพลาดจากเดี่ยวแน่ๆ เลยเบนเป้าหมายมาซื้อบัตรคอนเสิร์ทนี้แทน


ปรึกษาคนดี เลือกวัน เลือกรอบ ก็ทำการจองบัตรทันที ... จองง่ายดาย ไม่ต้องลุ้นเหนื่อยอย่างบัตรเดี่ยว เลือกที่นั่งได้อย่างใจ หักผ่านบัตรเครดิต ได้รหัสจองทันที แค่รอไปรับบัตร ... แล้วราวๆ 2 สัปดาห์ต่อมา คุณพัชก็แจ้งข่าวมาว่าช่วยหาบัตรเดี่ยวให้ได้แล้ว ... เอออออ เอาหล่ะซิ เดือนนี้เป็นเดือนแห่งความบันเทิงกันเลย


เพราะ ป๊อบ ปองกูล  อ๊อฟ ปองศักดิ์ และ ว่าน ธนกฤต เคยโชว์ฝีไม้ลายมือในการปะทะคารมกันใน 7 DIVOs ให้เราได้เห็นความฮา และลงตัวของทั้ง 3 คนนี้แล้ว ... พอจับมาเจอกันเต็มๆ 3 คนแบบนี้ เลยน่าสนใจมิใช่น้อย


คอนเสิร์ท์จัดที่ หอประชุมใหญ่ ม.ธรรมศาสตร์ มี 2 รอบ เสาร์-อาทิตย์ เราเลือกดูรอบวันอาทิตย์ ... ออกจากบ้านเร็วหน่อย เพื่อเวลาไปถึงก่อนพักใหญ่ เพื่อไปหาที่จอดรถค่ะ แล้วก็เหมือนพกดวงมาด้วย เพราะพอเข้าไปแป๊บเดียว ก็เจอรถออกพอดี ... จอดรถเรียบร้อย ก็เดินไปหาอะไรรองท้อง


คนดีพาไปชิม ก๋วยเตี๋ยวเกี๊ยวฟรี สั่งมาคนละชามรองท้องเบาๆ ... เพราะคนดีหมายตาอีกหลายอย่างในละแวกนั้นเอาไว้ เพราะอะไรๆ ก็น่าลองน่าชิมไปหมด สุดท้ายได้ ลูกชิ้นทอดมาถุงโต เพราะความผิดพลาด สั่ง 20 บาท แต่คนดีถือตังค์ไว้ 40 คนขายเลยตักมาให้ 40 บาท ถุงเบ้อเร่อ หมดสิทธิชิมอย่างอื่นต่อ ... แต่เราสองคนพ่ายแพ้ต่อร้านไอติมไผ่ทอง เห็นเป็นไม่ได้ ต้องกิน เพราะหากินยากเหลือเกิน ได้มาอีกคนละถ้วยกำลังเหมาะ อิ่มพอดี ไม่สาหัสเกินไป


อิ่มแล้วก็นั่งเล่นชมวิวไปเรื่อยๆ รอเวลาประตูเปิด ... ตามประสาคอนเสิร์ทไทยค่ะ เปิดประตูช้า เริ่มเล่นช้า ตามเคย



พอคอนเสิร์ทเริ่มเล่น ความฮาก็เริ่มตามมาติดๆ เพราะ 3 หนุ่ม ยิงมุขใสส่กันตลอด ตามสคริปท์บ้าง หลุดสคริปท์ไปบ้าง ... ถ้าให้คะแนนถูกใจ ก็ตามลำดับ ป๊อบ อ๊อฟ ว่าน ที่ปล่อยมุข ลีลา และความฮาใส่กันเต็มที่ ... เป็นคอนเสิร์ทที่นักร้อง พูดเยอะพอๆ กับร้องเพลงค่ะ หัวเราะซะจนสับสนว่ามาดูคอนเสิร์ท หรือมาดูทอล์คโชว์


ปกติคนดีที่ดูโชว์อะไรแบบนี้ แล้วมักจะนิ่งๆ เฉยๆ ไม่ค่อยแสดงอารมณ์ร่วมตามสักเท่าไหร่ แต่กับคอนเสิร์ทนี้ คนดีหัวเราะลั่น เรียกว่าหัวเราะคุ้มค่าบัตรที่เสียมาหล่ะค่ะ


จากเดิมไม่ได้สนใจ ป๊อป สักเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ปลื้มค่ะ ช้อบบบบ ชอบบบ เพราะปล่อยมุขได้ตลอด แถมปล่อยมุขหน้าตายซะด้วย ... ตั้งใจไว้เลยว่า ถ้าบังเอิญเดินเจอตัวเป็นๆ ที่ไหน จะขอถ่ายรูปคู่เป็นที่ระลึกไว้สักหน่อย เพราะน้องป๊อบ ฮาได้ใจจริงๆ ค่ะ

27.8.54

ลองชิม Tokiya

ได้ข่าวร้านอาหารใหม่ของคุณตัน ผ่านทาง fb เห็นแล้วสนอกสนใจอยากไปลองชิม ... เก็บข้อมูลไปโฆษณาชวนเชื่อให้คนดีฟัง แล้วจัดการรวบรัดตัดความ ล็อควัน และโทรจองโต๊ะทันที

ตอนแรกตั้งใจว่าจะกินช่วงบ่ายๆ จะได้อิ่มทนไปจนเย็นเลย แต่เกิดมีภารกิจเร่งด่วนช่วงเย็นโผล่เข้ามา เลยต้องขยับคิวมาเป็นช่วงเช้า ... รีบไปตั้งแต่ร้านเปิดเลย

ร้านอยู่ที่ชั้น 2 ของ สยาม ดิสคัฟเวอรี่ ค่ะ บรรยากาศในร้านเรียบ หรู และถูกใจมาก เพราะสีประจำร้านเป็นสีม่วง สีโปรดของเรา ... ร้าน Tokiya ให้นิยามตัวเองว่า Fusion Steak Course อิ่มอร่อยกับคอร์สอาหาร 8 จาน ได้ในราคา 499 บาทเน็ท


วันนี้ได้นั่งโต๊ะริมกระจก เพราะจองคิวตั้งแต่ร้านเริ่มเปิด เลยยังมีลูกค้าไม่มากนัก ได้นั่งโล่งๆ สบายๆ ดูวิวเพลินๆ ... ได้โต๊ะแล้วพนักงานก็นำเมนูมาให้เลือกอาหาร ซึ่งเราต้องเลือกสั่งให้จบเลย โดยตลอดทั้งคอร์ส จะใช้เวลาประมาณ 1.45 - 2 ชม. เพราะพนักงานจะทยอยนำอาหารออกมาเสิร์ฟตามลำดับ โดยเว้นช่วงเวลาของแต่ละจานอย่างพอเหมาะ

เริ่มที่ Appertizer : Tokiya Style Eringi - เห็ดเออรินจิผัดซอสโทคิยะ


เห็ดเออรินจิย่าง คลุกเคล้ากับซอสสูตรเฉพาะของร้าน เคี้ยวเพลินๆ เป็นจานเรียกน้ำย่อยจริงๆ ค่ะ ... มีเมนู Appertizer ให้เลือกแค่จานนี้เท่านั้นนะคะ

Salad : Smoked Duck Salad - สลัดเป็ดรมควัน


เนื้อเป็ดนุ่มๆ เสิร์ฟพร้อมผักสดกรอบ และน้ำสลัดอมเปรี้ยวนิดๆ ลงตัวแบบสดชื่นดี ... นอกจากนานนี้ยังมีสลัดอีก 3 แบบให้เลือกค่ะ

Soup  : Lobster Bisque - ซุปครีมล็อบสเตอร์


ครีมซุปเนื้อเข้มข้น อร่อยถูกปาก ... แล้วยังมีซุปอีก 3 จานให้เลือกค่ะ

Rice : Yagi-Onigiri - ข้าวทอดญี่ปุ่นทรงเครื่อง 


        + Aromatic Rice - ข้าวอบสาหร่ายปลากรอบ


สเต็ปนี้เลือกต่างกัน เราเลือกข้าวทอด ตักพร้อมซอสที่ราดมาด้วยเข้ากันดี ถูกใจค่ะ ... ส่วนคนดีเลือกข้าวอบ ก็รสกลมกล่อม ใช้ได้

Juice : Mulberry Vinegar Juice - น้ำมัลเบอรี่วีนิการ์


สเต็ปนี้ไม่มีตัวเลือกอื่นค่ะ ... น้ำมัลเบอรี่หมัก รสเปรี้ยวๆ หวานๆ เสิร์ฟมาแบบเย็นฉ่ำเป็นเกล็ดน้ำแข็ง ใครชอบก็จะชอบเลย ใครไม่ชอบดื่มแล้วจะหน้าตาเหยเกสักหน่อย ... ทางร้านบอกว่า เป็นการตัดรสชาติจานก่อนหน้า เพื่อเตรียมความพร้อมให้ลิ้นรับรสเมนคอร์สที่จะเสิร์ฟตามมาได้เต็มที่

Main Coursh : Combu Australian Beef Steak - คอมบุสเต็กเนื้อออสเตรเลีย


เป็นอีกสเต็ปที่เราเลือกต่างกัน คนโปรดปรานเนื้ออย่างเรา ขอเลือกสั่งเนื้อแน่นอน บอกคนดีชัดขอลองชิมสักหน่อย แล้วก็ไม่ผิดหวังค่ะ ตัดชิ้นเนื้อส่งเข้าปากคำแรก แสงพุ่งวิ้งๆ ประทับใจสุดๆ เนื้อนุ่ม และย่างมากำลังเหมาะ กินกับกระเทียมทอดกรอบที่เสิร์ฟมาด้วย เริ่ดดดดดด ... ส่วนคนดีเลือกสั่ง Kurobuta Steak เป็นสเต็กหมูดำ เราไม่ได้ถ่ายรูปมา ได้ชิมคำนึง ก็ใช้ได้นะคะ

ในส่วนของเมนคอร์สนี่ ยังมีให้เลือกอีกหลากหลายเลยค่ะ มีทั้งแบบเดี่ยว และแบบ combination มีเนื้อ 2 ชนิดในจานเดียวกัน

Dessert : Milk Pannacotta - มิลค์แพนนาคอตต้า 


+ Melt Me Gelato Cheesecake Butterfly Pea & Berry - เมลท์มีเจลาโต้ชีสเค้กรสอัญชันเบอรี่


อีกสเต็ปที่อยากชิมต่างกันค่ะ เราเลือกแพนนาคอตต้านมสด เนื้อเนียนๆ นุ่มๆ หวานกำลังเหมาะ เสิร์ฟพร้อมถั่วแดงและซอสชาเขียว ลงตัวพอดี ... ชีสเค้กที่เสิร์ฟมาพร้อมกับไอศครีมเจลาโต้รสอัญชันเบอรี่ค่ะ

ปิดท้ายด้วย Beverage : Blue Lemon + Kiwi Soda


สเต็ปนี้ก็ใจไม่ตรงกันค่ะ เลือกเครื่องดื่มเย็นเปรี้ยวๆ ซ๋าๆ เหมือนกัน แต่เลือกคนละสี รสชาติต่างกันเล็กน้อย

กว่าจะมาครบ 8 สเต็ป ท้องก็เกือบปริค่ะ เรากินสเต็กไม่หมด ขอใส่ถุงกลับบ้านได้สบาย... จากรสชาติอาหาร คุณภาพอาหาร การบริการ และบรรยากาศ นับว่าคุ้มค่ากับราคาค่ะ เพราะลำพังสเต็กเนื้อดีดีแบบนี้ ก็คุ้มแล้วค่ะ

สรุปว่าประทับใจ และคงหาโอกาสกลับไปใช้บริการอีก แต่คงต้องเป็นโอกาสพิเศษ ที่เตรียมท้องว่างมาเป็นพิเศษแล้วด้วย เพราะกินแล้ว อิ่มมากกกกกกกกกกก

***หมายเหตุ*** ภาพจาก iPhone เลยไม่คมชัดเท่าไหรนะคะ ขออภัยค่า

24.8.54

ปาร์ตี้ปิ้งย่าง

เราโปรดปรานการกินเนื้อย่าง แต่คนดีไม่กินเนื้อ เพราะฉะนั้นโอกาสการได้กินเนื้อย่างก็มีจำกัด แล้วแต่จะมีโอกาสสะดวก ... และแล้วโอกาสนั้นก็มาถึงอีกครั้ง


เมื่อฝนเล็ก (น้องฝน) กับ ฝนใหญ่ (เพื่อนฝน) อยากกิน "ไดจัง" เหมือนกัน ... เลยจัดการนัดเจอกัน กินพร้อมกันซะเลย


ปาร์ตี้ปิ้งย่างรอบนี้ มีสมาชิกรวมตัว 6 คน เป็นปาร์ตี้เล็กๆ ... เราจัดการเช็คคิว เช็ควัน แล้วโทรจองโต๊ะล่วงหน้า พอถึงวันนัดก็พร้อมลุย


เรา คนดี ฝนเล็ก ถึงก่อน ถึงก่อนก็สั่งก่อน ลุยก่อนเลยค่ะ ... พี่โอ๋ ฝนใหญ่ และ หนึ่ง ตามมาถึงพร้อมกันพอดี ก็เข้ามาร่วมวงลุย


มากัน 6 คน กินเนื้อ 2 ไม่กินเนื้อ 4 แต่ก็เอร็ดอร่อย อิ่มหนำสำราญกันถ้วนหน้า ... ปิ้งไป กินไป คุยกันไป อร่อย เพลิน อิ่มมมมมมม


นัดครั้งหน้าเพื่อนฝนบอกว่าขอเป็นปาร์ตี้ของหวานบ้าง ... สมาชิกโอเค แต่จะที่ไหน เมื่อไหร่ ยังไม่รู้เช่นเคยค่ะ

23.8.54

1st Time : Thin Prep & Mammogram

หลังจากไป ตรวจสุขภาพ แล้ว สำหรับผู้หญิงในวัย 30+ อย่างเรา ก็ยังมีรายการตรวจเพิ่มเติมค่ะ ... นั่นก็คือ ตรวจหามะเร็งปากมดลูก กับ มะเร็งเต้านม


จริงๆ ที่ รพ พญาไท 2 ที่ไปตรวจสุขภาพก็ได้ค่ะ แต่ยังไม่ได้ศึกษารายละเอียดการตรวจกับโปรโมชั่น เลยเว้นไว้ก่อน ... พอดีเจอโปรโมชั่นประจำเดือนสิงหาคม ของ รพ.เปาโล ราคากับรายการตรวจตรงใจ เลยจัดการโทรนัดวันนัดคิวตรวจทันที


ไปถึง รพ. เช้าหน่อย แล้วก็ไปติดต่อที่ศูนย์สุขภาพสตรีเลยค่ะ กรอกประวัตินิดหน่อย แล้วก็นั่งรอ ... เคยตรวจภายในมาแล้วครั้งนึง ความตื่นเต้นเลยลดลงไปบ้าง แต่ก็แอบลุ้นเล็กๆ


พักเดียวเจ้าหน้าที่ก็เรียกเข้าห้องตรวจ โชคดีที่เจอคุณหมอผู้หญิงเลยไม่เขินนัก นั่งให้คุณหมอซักถามประวัตินิดหน่อย เจ้าหน้าที่ก็พาไปห้องด้านาหลังบอกให้เข้าห้องน้ำทำธุระให้เรียบร้อย แล้วเปลี่ยนมานุ่งผ้าถุง ... ออกมาก็ขึ้นเตียง ขึ้นขาหยั่งเลยค่ะ  


ไฮไลท์ความตื่นเต้นและหวาดหวั่นมาแล้วววว คุณหมอบอกจุดว่าให้นั่งตรงไหน แล้วเอนตัวนอนได้เลย ส่วนขาก็แยกกว้างๆ เลยค่ะ ... เหวอออ ค่อยๆ ขยับขาออกอีกหน่อย ก็ยังไม่ถูกใจคุณหมอ เพราะลืมตัวหนีบเข่าติดกันไว้ คุณหมอเลยจัดระเบียบขาเองซะเลย


รู้สึกว่ามีอุปกรณ์อะไรยุกยิกอยู่นิดหน่อย แล้วคุณหมอบอกว่าอย่าเกร็ง ... แป๊บเดียวเท่านั้นการตรวจและเก็บตัวอย่างก็เรียบร้อย ภารกิจแรก การตรวจ Thin Prep plus HPV เสร็จแล้ว 


จากนี้เจ้าหน้าที่ก็พาไปส่งที่ห้องเอ็กซเรย์ ที่อยู่ในศูนย์ตรวจสุขภาพ ... เริ่มภารกิจ 2 Mammogram 


ไปถึงปุ๊บก็ถูกพาเข้าไปห้องเปลี่ยนเสื้อ ภารกิจแรกเปลื้องชิ้นล่าง ภารกิจนี้เปลื้องชิ้นบน ... แล้วก็นั่งมาคอย แป๊บเดียวก็ถูกเรียกชื่อ เข้าไปในห้องเอ็กซเรย์สำหรับแมมโมแกรมโดยเฉพาะ 


เจ้าหน้าที่ให้ถอดเสื้อคลุมออก แล้วมายืนที่หน้าเครื่อง ... เปลือยอกต่อหน้าคนแปลกหน้าไม่พอ ยังต้องยืนโล่งๆ งงๆ อยู่สักพัก แล้วเจ้าหน้าที่ก็มาจัดท่าทางสำหรับเอ็กซเรย์ ... โดนจับอกวางบนเครื่อง ก่อนจะโดนเครื่องกดทับลงจากด้านบน ข้างซ้าย แล้วก็มาข้างขวา ... แล้วก็เปลี่ยนมาโดนเครื่องหนีบจากด้านข้างอีก สรุปว่าโดนเครื่องหนีบอกไป 4 รอบ แล้วเจ้าหน้าที่ก็ให้นั่งรอหน้าห้องอัลตราซาวนด์


เอ๊ะ เอ๊ะ เอ๊ะ จำได้ว่า เห็นป้ายโปรโมชั่นบอกว่า จะทำอัลตราซาวนด์หน้าอก ในกรณีที่พบความผิดปกติจากการทำแมมโมแกรม ... เอ่อออออ ให้เรานั่งรอหน้าห้องอัลตราซาวนด์แบบนี้ แสดงว่ามีไรผิดปกติเหรอ


นั่งรอพักใหญ่ เพราะคิวอัลตราซาวนด์เยอะ ... เข้าไปก็ได้ขึ้นเตียง แล้วนอนเปิดอก โดนทาเจลเย็นๆ แล้วก็มีอุปกรณ์มาวนไปมารอบๆ ... นอนฟังเสียงคุณหมอกดติ๊กๆๆ ติ๊กๆๆ อยู่พักนึงก็สงสัย เลยเหลือบตาขึ้นไปมองหน้าจอ ... เอ๊ะ ทำไมมีจุดดำๆ อะไรด้วย เอาแล้วววววว มีไรผิดปกติแหงมๆ


อัลตราซาวนด์เรียบร้อย ก็นั่งรอรับฟิลม์พักนึง แล้วก็ถือฟิลม์ลงมาพบคุณหมอที่ศูนย์สุขภาพสตรี ... คุณหมอแจ้งว่า ผลแมมโมแกรมและอัลตราซาวนด์พบถุงน้ำในหน้าอกทั้ง 2 ข้าง ซึ่งไม่น่าเป็นห่วงอะไร ... แต่มีก้อนเนื้อในเต้านมข้างซ้าย ที่คุณหมอจะส่งไปพบคุณหมอแผนกศัลยกรรมเพื่อปรึกษาเพิ่ม


รับฟิล์มเอ็กซเรย์กลับ พร้อมกับเจ้าหน้าที่แจ้งว่า ประมาณสองสัปดาห์ให้โทรมาสอบถามผลการตรวจมะเร็งปากมดลูก ... แล้วก็มีเจ้าหน้าที่พาไปส่งแผนกศัลยกรรม


นั่งรอพบคุณหมอพักเดียว เข้าไปเจอคุณหมอผู้ชายสูงอายุหน่อย ขึ้นเตียงเปิดอกให้คุณหมอตรวจอีกที ... คุณหมอคลำๆ แล้วแจ้งพิกัดก้อนเนื้อให้รู้ว่าอยู่ตรงไหน พอคุณหมอบอกปุ๊บ คลำเจอเองปั๊บ จำแม่นเป๊ะ


คุณหมอถามประวัติมะเร็งเต้านมในครอบครัวเพิ่มเติม และคำถามอื่นอีกนิดหน่อย ... แล้วแจ้งว่า ไม่น่ามีปัญหาอะไร แค่ผ่าออกก็ได้ ไม่ต้องรีบ วันไหนว่างๆ ค่อยนัดผ่าก็ได้ ผ่านิดเดียว ผ่าวันนั้นก็กลับได้เลย ... รับคำคุณหมอแบบงงๆ แล้วก็ลาคุณหมอกลับ


ออกจาก รพ. ตรงไปทำธุระต่อ ระหว่างเดินทางก็ส่งข้อความไปแจ้งให้คนดีรู้ ... แล้วก็มาทบทวนชีวิตตัวเองว่าจะเอายังไงดี


เพราะคุณหมอบอกไม่น่ามีปัญหา ไม่ต้องรีบ แสดงว่าไม่มีอะไรน่าห่วง แต่แนะนำให้ผ่าออก ... เอ๊ะ ยังไงดี ผ่าออกแล้วจบเลย หรือว่า ผ่าเผื่อตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ ยังไงกันแน่น้อ


สรุปกับตัวเองว่า จะไปฟังความเห็นจากคุณหมออีกท่านเพิ่มเติมดีกว่า ... กลับไปหาคุณหมอที่ รพ.ที่เราคุ้นเคยมาตั้งแต่เล็ก ฟัง 2nd opinion เพิ่ม แล้วค่อยมาสรุปว่าจะเอายังไงกับก้อนเนื้อที่เจอนี่ดี


เหอ เหอ แจ๊คพ๊อตจริงๆ ตรวจครั้งแรกก็เจอเรื่องตื่นเต้นเลย ... แต่ก็ดี เจอเร็ว จัดการเร็ว ระหว่างนี้ก็รอไปตรวจอีกรอบแล้วกัน แล้วระหว่างรอนี่จะกังวลใจดีมั้ยน้ออออ

22.8.54

ตำนานสมเด็จพระนเรศวร 4

ภาค 3 ลงโรงฉายไปช่วงเดือนเมษา รอไม่นาน ภาค 4 ก็ลงโรงฉายให้ดูกันต่อ ... กลับจากทริปหัวหินยังพอมีเวลา เลยชวนกันแวะดูหนังซะเลย

ดูหนังรอบบ่ายๆ วันธรรมดาแบบนี้ คนไม่เยอะ ไม่พลุกพล่านดี ซื้อตั๋วง่าย ไม่ต้องรอนาน ไม่วุ่นวาย ชอบจัง

ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 4 ศึกนันทบุเรง ... เนื้อเรื่องดำเนินต่อเนื่องจากภาคที่แล้ว ที่พระยาพะสิมกับพระเจ้าเชียงใหม่พ่ายศึก



พระเจ้านันทบุเรง จึงทรงยกทัพใหญ่เพื่อเป็นการแก้มือ และรักษาพระเกียรติมิให้เป็นที่ดูแคลนแก่เหล่าเจ้าประเทศราชในการปกครอง ... กิตติศัพท์ความยิ่งใหญ่น่าเกรงขามของทัพหงสาฯ ที่ยกเข้ามานี้ ส่งผลให้เจ้าเมืองฝ่ายเหนือของอโยธยาประหวั่นพรั่นพรึง สมคบคิดกันจะแปรพักตร์

แล้วยังมีพระศรีสุพรรณ พระอนุชาเจ้ากรุงละแวกซึ่งขัดพระทัยสมเด็จพระนเรศวร ได้ยุยงให้พระเชษฐาตัดสัมพันธไมตรีกับอโยธยา ... ละแวกจึงกลายเป็นหอกข้างแคร่ที่พร้อมซ้ำเติมอีกด้าน

เลอขิ่น และกองทัพเมืองคัง ซึ่งเป็นสหายศึกร่วมกรำศึกกันมาก็คิดจะถอนตัว เพราะสัมพันธ์รักระหว่างรบกับพระราชมนู ขุนศึกคู่พระทัยจบลงด้วยความร้าวฉาน ... ทั้งศึกนอก ศึกใน และข้อจำกัดที่รุมเร้า ทำให้พระนเรศวรต้องปรับยุทธศาสตร์การตั้งรับ 

หนังยาวเหมือนเดิมค่ะ ดูกันเหนื่อย แต่ก็ยังไม่จบ รอติดตามตอนจบได้ใน ภาค 5 ซึ่งไม่รู้ว่าจะได้ฉายเมื่อไหร่ ... แต่ตามดูมาขนาดนี้แล้วก็ต้องตามดูกันจนจบหล่ะค่ะ 

21.8.54

เพลิน เพลิน ที่หัวหิน : เชอราตัน หัวหิน

ย้อนดูว่าเพลินยังไงไปบ้างแล้ว ได้ ที่นี่ ค่ะ

เช็คเอาท์ออกจากที่พักก็เฉียดเที่ยงพอดี ได้เวลามื้อกลางวัน ว่าแต่มาอยู่ในเมืองที่มีของอร่อยมากมายหลากหลาย ... เราจะเลือกอะไรดีน้อ ร้านเดิมที่คุ้นเคย หรือ ร้านใหม่ที่ไม่เคยลอง

ปรึกษากันแล้วก็ตัดสินใจเลือกตามหาร้านใหม่ดีกว่า ได้ยินชื่อมานาน แต่ยังไปไม่ถึงสักที ร้านที่ว่าคือ ส้มตำเจ๊บุญช่วย หรือ ส้มตำหลังค่าย ค่ะ ... ตั้งท่าจะตามหา ลองชิมหลายหน แต่ไม่สำเร็จค่ะ คราวนี้หมายมั่นว่าต้องไปให้ได้ แล้วก็สมใจค่ะ

ร้านอยู่แถวหมู่บ้านพลร่ม เลียบคลองชลประทาน ไม่มีป้ายร้าน แต่มีสะพานสีสดเป็นจุดช่วยจำ เจอปุ๊บเลี้ยวเข้าไปปั๊บ นิดนึงก็เจอร้านค่ะ ... จอดรถเรียบร้อยก็ลงไปลุยกันเลย


ตำไทยปู  ตับหวาน  หมูย่าง  ตำหอยดอง และ ไก่ย่าง ... มากัน 2 คน สั่งเหมือนอดอยาก จริงๆ คืออยากลองชิมหลายอย่าง แล้วก็ไม่ผิดหวัง เพราะอร่อยทุกอย่างค่ะ ถูกปาก ติดใจ เก็บเข้ารายการร้านโปรดทันที

จัดการทุกอย่างเรียบ เหลือไก่ย่างที่สั่งมาเยอะเกิน ไม่เป็นปัญหาค่ะ ฉีกเนื้อที่เหลือๆ ลงถุงข้าวเหนียวที่เหลือเช่นกัน ติดรถเป็นเสบียงสำรองไว้ก่อน ... แม้จะอิ่ม แต่ก็ยังไม่ยอมปิดจ็อบ


แวะไปกินไอติมที่ ร้านชายไอศครีม อีกนิดนึง ... ล้างรสเผ็ดจัดจ้าน ด้วยไอติมที่เข้มข้นหวานมัน แล้วก็ตรงเข้าที่พักกันค่ะ

ที่พักคืนนี้ คือ เชอราตัน หัวหิน รีสอร์ท แอนด์ สปา หมายตาอยากจะมาพักหลายทีแล้ว แต่ราคาห้องพักนับว่าค่อนข้างสูง ... พอดีบัตรเครดิตที่จะเลิกใช้ ส่งโปรชัวร์ให้ใช้คะแนนแลกห้องพักมาให้ เห็นเข้าก็รีบจัดการทันที 

เพราะเป็นเครือเชอราตัน มาตรฐานการบริการต่างๆ ก็วางใจได้ ทั้งการตกแต่ง สถานที่ ห้องพัก ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ รวมไปถึงบริการ ... ผ่านแน่นอน


แค่เปิดประตูห้องพักเข้าไปก็ถูกใจแล้วค่ะ ... ลงตัวพอเหมาะพอดี สบายตา อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบ ... เราพักผ่อนเพลิดเพลินกับหนังสือที่ติดมือมา ส่วนคนดีเพลิดเพลินกับการซ่อนตาดำบนที่นอนนุ่มๆ

เราสองคนมาถึงพร้อมฝนเทกระหน่ำ นอนเอกเขนกรอจนฝนซา ดวงอาทิตย์อำลาไปหลังก้อนเมฆพักใหญ่ ... เลยชวนกันลงไปเจอไฮไลท์ของที่นี่ นั่นก็คือ สระว่ายน้ำ ค่ะ


สระว่ายน้ำที่นี่ใหญ่โตกว้างขวางอลังการสุดๆ ... ห้อง pool access ก็สามารถลงสระจากระเบียงห้องพักได้เลย แล้วก็เป็นแนวคลองเชื่อมต่อวนได้รอบ ... เราสองคนลงไปลอยคอตรงสระด้านที่ติดหาด เกาะขอบสระชมวิวทะเล สบายตา สบายใจ

ลอยคอ ว่ายวน จนฟ้าเริ่มจะมืด ก็ชวนกันกลับไปแปลงร่าง ออกไปตะลอนตลาดกันค่ะ ... ที่โรงแรมมีรถบริการรับ-ส่งตลาดหัวหิน แต่มีเป็นรอบๆ เราสองคนไม่อยากจะจำกัดเวลาตัวเอง เลยเลือกขับรถไปเองดีกว่า

ไปเดินชิมนั่นนี่นู่น เล็กๆ น้อยๆ ไปเรื่อยๆ ไม่ได้กินอะไรเป็นจานจริงจังนัก ไม่อยากมีมื้อหลักเพราะเกรงจะหนักท้องไป ... ก่อนออกมาก็ได้ไก่ย่างที่เหลือจากมื้อกลางวัน รองท้องมาหน่อยนึงแล้ว มาถึงตลาดก็เดินชมด้วยตา ชิมด้วยปากไปได้เพลินๆ สบายท้องแล้ว ก็ชวนกันกลับที่พักค่ะ

เครื่องนอนที่โรงแรมเนื้อเนียนนุ่มนอนสบ๊าย สบาย ... อาบน้ำเสร็จใหม่ๆ แล้วซุกตัวเข้าไปในผ้าห่ม หนุนหมอนนุ่มกำลังดี โอ๊ยยย มีความสุขที่สุด หลับสบายยยยยยยย

ตื่นเช้ามาก็ตื่นเต้นเตรียมตัวเจอกับมื้อเช้า เพราะเมื่อวานตอนพนักงานเดินพามาส่งห้อง แนะนำว่าห้องอาหารอยู่ตรงไหน เห็นว่าใหญ่โต คงจะมีเมนูหลากหลาย ... แล้วก็ไม่ผิดหวังค่ะ

นับเป็นอาหารเช้าที่มีไลน์อาหารให้เลือกเยอะมากกกกกก แค่เห็นก็ละลานตา ยกให้ขึ้นแท่นแซงหน้าบุฟเฟ่ต์มื้อเช้าของเอวาซอนแล้วค่ะ ... แล้วมาเจอะของโปรดเข้าด้วย คะแนนพุ่งกระฉูดเลย


ของโปรดที่ว่าคือ "ตับบด" ค่ะ ... เจ้าก้อนขยุกที่ขอบจานด้านบนนั่นหล่ะค่ะ ตอนเดินไปสำรวจไลน์อาหาร เจอเจ้านี่เข้า ตาโตเป็นไข่ห่าน ... พอตักมาชิมก็ไม่ผิดหวัง อร๊อยยยย อร่อยยยย ปลาบปลื้มถูกใจที่สุด

ประทับใจกับมื้อเช้าของที่นี่แล้ว ก็เดินย่อยสำรวจสถานที่สักหน่อย ... แล้วก็ได้เวลากลับเข้าห้องพัก เตรียมเก็บข้าวของเช็คเอาท์แล้ว

ส่งท้ายทริปเพลินๆ กันด้วยมื้อเที่ยงที่ ร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดเจ๊ไฝ ... เคยกินตั้งแต่เด็กๆ ตอนอยู่ไม่ไกลตลาด พอย้ายร้านออกมาก็ไม่ได้มาลองอีก มีหนนี้ที่พาคนดีมาลองพิสูจน์ดู


ก๋วยเตี๋ยวเป็ด คนละชาม กับ ขนมจีบปู ก็โอเค พอไหว ไม่ได้ปลาบปลื้มใจอะไรนัก สำหรับเราสองคนเก็บไว้เป็นร้านทางเลือกเวลาเบื่อๆ ก็พอค่ะ ... แล้วปิดท้ายทริปจริงๆ ด้วย ลอดช่องสิงคโปร์ ร้านลุงดำ ร้านโปรด ร้านประจำที่ประทับใจ

จบทริปเพลินเพลิน แล้วมุ่งหน้ากลับเข้ากรุงเทพฯ ... บ๊าย บาย หัวหิน ไว้เจอกันใหม่เร็วๆ นี้

20.8.54

เพลิน เพลิน ที่หัวหิน : พิมานเพลินวาน

หัวหิน อีกแล้วค่า ... จัดตัวเองเป็น Hua Hin's Lover ที่ต้องมีทริปไปหัวหินทุกปี ไปบ่อยก็ไม่เบื่อ ไม่รู้ต้องมนต์อะไรเข้า แต่หลงรักหัวหินมาตั้งแต่เรียนมัธยมแล้ว และรู้สึกคุ้นเคยตั้งแต่เป็นเด็กเล็ก

เราไม่เบื่อ คนดีอาจจะเบื่อ แต่ก็ไม่มีทางเลือก ยังไงก็ต้องมาด้วยกัน ... บรรยากาศเดิมๆ ร้านอาหารเดิมๆ เลยต้องเปลี่ยนที่พักไปเรื่อย

ทริปนี้ตั้งใจมาแบบ ชิลด์ๆ เพลินๆ ตั้งใจพักผ่อน สบายยยยย ... ไม่รีบร้อนออกเดินทาง ไม่แวะเที่ยวไหน ไม่แวะร้านอาหารฮิต พลุกพล่าน ไม่มีมื้อใหญ่อลังการ เพราะคงจะมีมื้อเรื่อยๆ

มื้อแรกของทริปนี้ เลยฝากท้องไว้ที่ บ้านถั่วเย็น ที่เคยลองชิมแล้วชอบใจ ... เพราะมีอาหารจานเดียวทานง่ายๆ ใกล้ๆ มีของหวานพร้อม ทั้งชายไอศครีม และ กล้วยทอดกระทะทอง


ไปถึงก็จวนจะบ่ายแล้ว คนบางตา รออาหารไม่นาน แกงเขียวหวาน ของเรา สปาเกตตี้ขี้เมา กับ ถั่วแดงเย็น ของคนดี ... ชอบใจแกงเขียวหวานร้านนี้ตรงที่ใส่ถัวลันเตา ไม่ใช่มะเขือพวง เลยกินได้เกลี้ยง

อิ่มของคาวแล้วก็ข้ามไปกินไอติม ถึงได้รู้ว่า ร้านกล้วยทอดกระทะทอง ที่เคยอยู่ตรงนี้ย้ายไปแล้ว ... มิน่า คนเลยบางตา ไม่อย่างนั้นคนรับคิวร้านกล้วยทอดแล้ว ข้ามมานั่งรอที่ร้านบ้านถั่วเย็นเพียบ 

คาว-หวาน ครบแล้ว ก็เข้าที่พักกันเลยดีกว่าค่ะ พิมานเพลินวาน ที่อยู่ในเพลินวานนั่นหล่ะค่ะ ... ลูกค้าที่พักที่นี่ ขับรถตรงเข้าไปในที่จอดรถของเพลินวานได้เลยค่ะ แจ้ง รปภ. ที่ดูแลว่ามาพัก ก็จะได้เข้าไปจอดรถชั้นล่างด้านในค่ะ แล้วพนักงานจะมารับขึ้นไปตรงห้องทำการของพิมานเพลินวาน

เช็คอินเรียบร้อย พนักงานก็พาไปส่งที่ห้องค่ะ ซึ่งห้องพักก็จะอยู่ชั้นบนทั้งสองฝั่งของส่วนร้านค้า ... เราจองห้องดีลักส์เอาไว้ เป็นห้องมุม มีพื้นที่ระเบียงมากหน่อย ได้ห้อง 611 ชื่อ เพลินจ้อง 


ห้องตกแต่งสไตล์ย้อนยุค สไตล์เดียวกับเพลินวาน เรโทรสีสันสดใส อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน แอร์ ทีวี+รายการเคเบิล เครื่องทำน้ำอุ่น Wi-Fi พร้อม ขอรหัสจากพนักงานได้เลยค่ะ ... ตกแต่งกลมกลืนกัน

ในห้องไม่มีตู้เย็น แต่ไม่ลำบากเลยค่ะ เดินออกไปห้องอาหารเล็กๆ ตรงช่วงกลางอาคาร ... ที่นี่ตอนเช้าก็เป็นห้องอาหาร พอสายๆ ไปจนค่ำคืน ก็มีบริการเครื่องดื่ม-อาหารว่าง ตลอด น้ำเปล่า น้ำอัดลม น้ำผลไม้ นม ชา กาแฟ น้ำแข็ง และขนมขบเคี้ยวเล็กๆ น้อยๆ ที่อยู่ในนั้น หยิบทานได้ตลอดค่ะ 


เปิดตู้เย็น เทเครื่องดื่ม หยิบขนมมานั่งทานเล่นๆ ชมวิว หรือจะอ่านหนังสือก็ได้ ... หรือจะไปเลือกซื้อขนมของกินจากร้านค้าชั้นล่างขึ้นมาทานก็ไม่มีปัญหา

เราสองคนเอกเขนกนอนเล่นสบายใจ เราดูทีวี ส่วนคนดีหลับ ... พักผ่อนจนแดดร่มลมตก ก็ชวนกันลงไปตามหามื้อเย็นเบาๆ จากร้านค้าในนี้


ได้ ลูกชิ้นปลาทอด มารองท้อง แล้วเดินไปฝากท้องจริงจังที่ ผัดไทย ร.ศ. สั่งมาลองทั้ง ผัดไทย และ หอยทอด ผลคือ ผัดไทยผ่านแบบกล้อมแกล้ม ส่วนหอยทอดนั้นทำเอาอกหัก เพราะเราเคยเจออร่อยกว่านี้ ดีกว่านี้


แล้วแวะซื้อ ขนมถังเต็ม มาลองชิมล้างปากด้วย ... มีให้เลือกมากมายหลายหน้า ยืนตาลายอยู่พักใหญ่กว่าจะเลือกหน้าทองหยิบแบบธรรมดามาลอง ก็อร่อยดีค่ะ

กลับขึ้นมานั่งเล่นที่ห้องอาหารด้านบน ชมบรรยากาศสักพักก็กลับเข้าห้องค่ะ ไปเฝ้าหน้าจอทีวี รอเวลาฉายหนังกลางแปลง ... เพราะความพิเศษของห้องดีลักส์ก็คือ สามารถนั่งดูหนังกลางแปลงที่มีฉายประจำทุกวันหยุด จากระเบียงห้องพักได้เลยค่ะ


นั่งดูหนังอยู่พักเดียวก็กลับเข้ามาดูหนังจากช่อง AXN ในห้องดีกว่า หนังในทีวีตื่นเต้นกว่าหนังกลางแปลงค่ะ ... ดูทีวีเพลินๆ พอเริ่มเคลิ้มๆ ก็เข้าไปลองอาบน้ำอุ่นจากในตุ่ม แล้วก็เข้านอนแบบสบายยยยย

ตื่นไม่เช้า ไม่สาย ออกไปใช้บริการห้องอาหาร มีโจ๊ก ขนมปังปิ้ง ชา กาแฟ รอให้บริการตัวเอง ... ใครชอบอะไร มากน้อยแค่ไหน ก็ตักเองได้เลยค่ะ อาหารเช้ามีให้เลือกน้อย แต่ก็รองท้องกำลังสบาย


อิ่มแล้วก็กลับเข้าห้อง เอนหลัง พักท้อง เก็บภาพบรรยากาศเพลินวานยามเช้า ที่ปลอดคนไว้เป็นที่ระลึกสักหน่อย ... ก่อนจะอาบน้ำแต่งตัว เก็บข้าวของเตรียมเช็คเอาท์


วันพรุ่งนี้ก็ยังอยู่หัวหินค่ะ แต่จะพักที่ไหน ตามไปดู ที่นี่ เลยค่ะ

15.8.54

: 113 เดือน :

วันที่ 15 วันที่อายุความรักของเราสองคนขยับเพิ่มขึ้นมาอีก 1 เดือน ... 113 เดือนแล้ว


รักเรียบๆ ง่ายๆ ไม่มีอะไรหวือหวา ตื่นเต้น ... ไม่ได้รักกันสวีทหวานหยดจนมดเกาะ ... ไม่ได้รักกันแบบฮาร์ดคอร์ โฉ่งฉ่าง โครมคราม ท้าเลิกกันทุก 3 วัน


เป็นรักแบบธรรมดา ดูแลกัน จิ๊จ๊ะหวานจ๋อยบ้าง ทุ่มเถียงเสียงสูงใส่กันบ้าง นิ่งๆ ถอนใจไม่คุยกันบ้าง ... ปกติเหมือนคู่อื่นๆ

ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่เคยรู้สึกว่าตัดสินใจผิด ไม่เคยรู้สึกว่าต้องอดทน ... มั่นใจว่าคนนี้นี่แหละ "ใช่" คนนี้นี่แหละคืออีกครึ่งหนึ่งที่เรารอ

บางครั้งนั่งมองคนดีเงียบๆ แล้วก็ถามตัวเองว่า "ไม่ได้ฝันใช่มั้ย นี่เรามีกันและกันอยู่จริงๆ ใช่มั้ย" ... แม้คนดีจะไม่ได้หน้าตาระดับ A แต่ทุกครั้งที่มองก็ยังชื่นใจ มองแล้วหัวใจกระตุก มองแล้วก็ยังเห็นว่าน่ารักที่สุด


รักคนดีนะคะ

12.8.54

วันของแม่


12 สิงหา วันแม่แห่งชาติ ... เราก็ยกคิววันนี้ให้เป็นวันของแม่

แต่ว่าช่วงเช้าเรามีติดภารกิจอื่นอยู่นิดหน่อย ขณะเดียวกันพ่อก็ตั้งใจจะแวะไปหาคุณย่า ซึ่งหม่ามี้ก็ตามไปด้วย ... เพราะฉะนั้นเลยนัดเจอกันรอบบ่าย

ครอบครัวอื่นอาจจะพาไปเลี้ยงข้าว พาไปเที่ยว แต่สำหรับบ้านเรา พาไปกินไอติม ... ถูกใจทุกคนแน่นอน

นัดเจอพ่อกับหม่ามี้ที่ CTW เราถึงก่อน เดินเตร็ดเตร่รอก่อน วันนี้ฉายเดี่ยว เพราะคนดีติดภารกิจอื่น ... เดินดูโน่นนี่เพลินๆ สักพัก ส ว ประจำบ้านก็มาถึง
พาไปเดินดูร้านอาหาร ให้เลือกว่าอยากจะกินของคาวร้านไหนก่อนรึเปล่า ... พอเดินผ่านร้านไอติมที่ตั้งใจพามา หม่ามี้ก็อยากจะกินไอติมเลย ข้าวไม่กินแล้ว แต่เรากับพ่อลงมติว่า ขอข้าวรองท้องก่อนสักหน่อยเหอะ หม่ามี้เลยยอม

เลยพาเดินชมสารพัดสารพันร้านอาหารละลานตา หม่ามี้ก็ตื่นตาตื่นใจ บอกอะไรก็ได้ ... แต่สุดท้ายพอเดินผ่านร้านซูชิจานเวียน "Heiroku Sushi" ก็ตาลุกวาว หยุดเดินแล้วบอกร้านนี้หล่ะ

เป็นร้านที่ถูกใจ ส ว ทั้งสอง แต่สร้างความเวียนหัวให้กับเรา เพราะเหมือนพาเด็กๆ มาเจอของเล่นชิ้นใหม่ ... ผลัดกันถาม ผลัดกันสงสัย ว่านั่นอะไร นี่อะไร สั่งยังไง หยิบได้มั้ย ราคาเท่าไหร่ กินได้แค่ไหน เห็นในเมนู แต่ไม่เห็นหมุนมาเลย ขนมวนมาแล้ว กินก่อนได้รึเปล่า และอีกสารพัดคำถามมากมาย ...  #$%&#%$*)@%*^ โอ้วววว มึน

ชิมนิด ชิมหน่อย พอสบายท้อง ก็เคลื่อนที่ไปร้านไอติม โปรแกรมหลักของวันนี้ได้แล้ว ... ร้านไอติมที่ตั้งใจจะพามาลอง คนเยอะมาก หม่ามี้เลยบอกว่าไปร้านอื่นก็ได้ เลยพาไปอีกร้านที่รูปแบบไอติมคล้ายกัน แต่คนบางตาสักหน่อย เพราะเปิดมานานแล้ว ... แต่ร้านนี้ก็ทำให้หม่ามี้ตื่นตาตื่นใจ เลือกสั่งไม่ถูก



สุดท้ายได้ไอติม 1 ถ้วย มาแบ่งกัน 3 คน อิ่ม อร่อย พร้อมหน้า ... อิ่มแล้วก็ให้เดินเล่นดูนั่นโน่นนี่อีกพักใหญ่ๆ

เป็นการเดินเล่นที่ทำเอาเราหมดเรี่ยวแรง เพราะต้องรับมือดูแลหม่ามี้กับพ่อพร้อมกัน ... ปกติมีคนดีมาช่วยเดินตามอีกคน แบ่งกันดูได้ แต่วันนี้รับมือคนเดียว 2 เลย ทำเอามึน ได้แต่แอบโทรไปรายงานคนดีเป็นระยะว่าเกิดอะไรบ้าง ... เพราะพา ส ว ประจำบ้านออกมาเดินห้างแบบนี้ทีไร เหมือนพาเด็กๆ เข้าร้านของเล่น แล้วยิ่งเป็นห้างที่ทั้งคู่ไม่คุ้น ไม่ได้มาเดินบ่อยๆ ด้วย ยิ่งสนุกกันใหญ่

ท้องอิ่มแล้ว เดินย่อยแล้ว ก็ชวนกันกลับบ้าน นั่งรถเมล์ชมวิวข้างทางไปเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน ... ถึงบ้านก็แจกกอด แจกหอม กันคนละฟอดสองฟอด ก่อนจะแยกย้ายกันเข้าห้องนอน

รักแม่นะคะ รักพ่อด้วยค่ะ

11.8.54

เดี่ยว 9

"หากว่าเรากำลังสบายจงปรบมือพลัน......" ... แฟนเดี่ยวไมโครโฟน ของพี่โน้ส อุดม คงจะคุ้นเคยกับประโยคนี้ดี

เราเองก็เป็นแฟนเดี่ยวเหมือนกัน แม้จะไม่ได้ดูครบทุกเดี่ยว แต่ก็ดูมาหลายเดี่ยว ... เดี่ยว 9 รอบนี้ก็ตั้งใจว่าจะไปดู ถึงขั้นวางแผนการเตรียมซื้อบัตรไว้ล่วงหน้า

แต่ผ่านการซื้อบัตรก็พลาด เพราะติดภารกิจอื่น เลยต้องฝากเจ้าน้องชายที่ตั้งใจจะดูเหมือนกันไปซื้อแทน ... เพราะฝากคนอื่นไป เลยวางแผนไม่ได้อย่างใจ มีเหตุผิดพลาด ไม่ได้บัตรมาครอบครอง ... อาการและอารมณ์เหมือนอกหักรักคุดอยู่พักใหญ่

เปิดขายรอบแรกพลาดไปแล้ว ได้ข่าวเปิดรอบพิเศษก็เตรียมตัวใหม่ แต่ไปเองไม่ได้อีก ต้องฝากเจ้าน้องชายอีก ... รอบนี้ก็พลาดอีก เพราะบัตรหมดในชั่วพริบตา ... ตกอยู่ในอาการอกหักรักคุดอีกรอบ

ทำใจแล้วว่าคงไม่ได้ดูแน่ๆ เลยเปลี่ยนไปจองบัตรคอนเสิร์ทแทน ... แต่แล้วฟ้าก็ประทานวีรสตรีขี่ม้าขาวมาช่วย คุณพัช ส่งข้อความมาถามว่ายังจะไปดูเดี่ยว 9 รึเปล่า ยังพอมีคนช่วยหาบัตรได้ ... บอกไปแบบทำใจล่วงหน้าว่าอยากดู แต่จะยังหาบัตรได้เหรอ

สุดท้ายเราก็ได้บัตร 1500 รอบทุ่มวันที่ 11 สิงหา มาครอบครอง 2 ใบ ... คุณพัชจัดหา และจัดส่งให้ถึงมือ แล้วยังร่วมขบวนไปเฮฮาพร้อมกันด้วย ได้บัตรแล้วก็สบายใจลั้ลลา รอวัน-เวลาที่จะมาถึงเท่านั้น

เลิกงานก็รีบตรงดิ่งไปสยามพารากอน สถานที่จัดงานซึ่งเราไม่ชอบมากที่สุด เพราะหาที่จอดรถยากมาก ... ได้ที่จอดรถแล้วก็ต้องรีบหาอะไรรองท้อง เพราะใกล้เวลาเริ่มแล้ว ได้ชานมไข่มุก มิสเตอร์เชค มาถ่วงท้องไว้หน่อย

ขึ้นไปถึงหน้างาน ก็ช้อปปิ้งเลยค่ะ เพราะเดินไปเจอซุ้มขายของที่ระลึกของดีแทค ที่พี่โน้ส ออกแบบให้เป็นคอลเล็คชั่นพิเศษ ... พอเหมาะกับที่คนดีเดินไปดูงาน เราเลยสอย ผ้าเอนกประสงค์ กับ แก้วน้ำใบโต มาครอบครอง จากนั้นก็รอเวลาเข้าไปขำ

ตอนแรกที่รู้ว่าจัดที่ พารากอนฮอลล์ ก็ไม่ปลื้มเท่าไหร่ เพราะเคยมาดูคอนเสิร์ทแล้วไม่ประทับใจกับการจัดที่นั่ง เพราะไม่ได้ยกพื้นไล่ระดับ สักเท่าไหร่ โดนคนข้างหน้าบังซะ ... แต่งานนี้ เห็นที่นั่งแล้วประทับใจสุดๆ เพราะพี่โน้ส ลงทุน ไล่ระดับทุกแถว ไม่มีโดนบดบัง ทัศนวิสัยชัดเจนแจ่มแหมวเป็นที่สุด

และทุกที่นั่งยังมีหมอนให้กอดเพลินๆ ระหว่างชม แล้วยังมีหนังสือ 16 ปี แห่งความโดดเดี่ยว วางไว้ให้อ่านเล่นด้วย

รอสักพัก โชว์ก็เริ่ม ประโยคคุ้นเคยก็ลอยมา แล้วพี่โน้สก็ปล่อยของมาเรื่อยๆ ... บางเรื่องก็อิน บางเรื่องก็ไม่อิน แต่เรื่องที่ถูกใจที่สุด ก็ตรงระบบสะกดคำใน whatsapp ของ iPhone นี่หล่ะค่ะ เห็นด้วยเป็นที่สุด ขำซะเหนื่อย

ขำไปเรื่อยๆ เพลินๆ แป๊บเดียว หมดเวลาแล้ว ว้าาาาาาา ยังเพลินอยู่เลย ... โชว์จบก็กลับ แต่ไม่ได้กลับมือเปล่า เพราะพี่โน้สใจดี ให้ถือหนังสือที่วางไว้ทุกที่นั่งติดมือกลับมาด้วย

กลับถึงบ้านพร้อมกับอารมณ์ดีดีที่ยังกรุ่นอยู่ในใจ ... ถ้ามีเดี่ยวครั้งหน้า ก็คงต้องลุ้นฉกชิงบัตรอีกเช่นเคย

10.8.54

GizzyChic

GizzyChic เป็นหน้า fanpage ของพนักงานบริษัท ที่อยากทดลองหัดเป็นแม่ค้า ... จะเรียกให้ถูกก็คือ เป็นความซุกซนของคนอยากเป็นแม่ค้ามือใหม่

ที่มาคือ ความซุกซนของคนอยากช้อปปิ้ง จิ้มดูเว็บนั่นโน่นนี่ไปมา แล้วไปเจอของถูกใจ สนใจ อยากได้ ... ครั้นจะสั่งชิ้นเดียวก็แพงเกิน เลยลองสั่งพ่วงเพิ่มเติมมาด้วย ส่วนที่เกินมาก็เอาออกมาขายแล้วกัน

คิดได้แล้วก็ไปเสนอไอเดียกับคนดี ประหนึ่งทำแผนธุรกิจเสนอ คล้ายๆ จะหาคนร่วมทุน เผื่อโชคดีจะได้สปอนเซอร์มาสนับสนุนโครงการ ... คนดีฟังแล้วอนุมัติโครงการ ไม่อนุมัติงบสนับสนุน บอกให้ลองทำดูก่อนว่าได้เรื่องรึเปล่า ถ้าดีค่อยมาคุยกันใหม่

แล้วก็จัดการสั่งสินค้าที่สนใจ รอลุ้นกับของที่จะมาถึง ... กว่าของจะมา มาแล้วยังต้องไปรับ แล้วยังเจอภาษีอีก ทำเอาแม่ค้ามือใหม่มึน 

ระหว่างรอของทยอยมาส่ง ก็ต้องเริ่มทำหน้าแฟนเพจ ... ความสามารถด้านคอมฯ ก็มีจำกัด ไม่ได้ถนัดโปรแกรมออกแบบตกแต่งอะไรสักเท่าไหร่ด้วย ลองทำงูๆ ปลาๆ ไป ... ผลก็ได้รูปประจำตัว GizzyChic มาให้ดีใจเล็กๆ



ของจริงยังมาไม่ถึงมือ เลยหารูปของที่สั่งจากในเว็บมาทำเตรียมประกอบการขายก่อน ... แล้วตั้งใจว่าของมาถึงก็จะจัดการถ่ายรูป แล้วอัพเพิ่มเติม
เปิดเพจ เปิดร้าน วันแรก ก็ได้สาวๆ ในออฟฟิศช่วยกันกดไลค์ และอุดหนุนสินค้า ... รวมถึงเพื่อนๆ พี่ๆ คนใกล้ตัวช่วยอุดหนุนเป็นกำลังใจให้แม่ค้ามือใหม่ ขอบพระคุณทุกคนมากๆ ค่ะ

*** หมายเหตุ ***
จากวันที่เปิดเพจ จนถึงวันนี้ที่ดองบล็อกไว้นานนนนนน ยังไม่ได้อัพรูปสินค้าเพิ่มในหน้าเพจเลย แย่จริงๆ 

9.8.54

ตรวจสุขภาพ ประจำปี 54

เว้นว่างจากการพบแพทย์ประจำ เพื่อตรวจสุขภาพไปนานนนนนนนน ... ล่าสุดเจอคุณหมอประจำตัว ตอนคนดีเข้า รพ. เพราะกระเพาะอักเสบ คุณหมอเห็นหน้า ทักคำแรกคือ "ตรวจสุขภาพบ้างรึเปล่า" ได้แต่ยิ้มแห้งๆ แหะๆ ส่งกลับไปว่า ไม่ได้ตรวจเลยค่ะ

ที่หลบลี้จากการพบคุณหมอสม่ำเสมอ เพราะคนดีกลัวการเจาะเลือด เนื่องจากเส้นเลือดหายาก โดนเจาะควานประจำ แล้วก็ได้รอยช้ำเป็นที่ระลึกตลอด ... ประกอบกับผลตรวจรอบหลังดีขึ้น ระดับไขมันที่มีปัญหาคงที่ดี คุณหมอยืดระยะเวลานัดตรวจนานขึ้น เลยเถลไถลเลื่อนไหลไปเรื่อย นานจนจำไม่ได้

พอดีเห็น ดีลพิเศษ ที่มีโปรแกรมตรวจสุขภาพพื้นฐานในราคาพิเศษ เลยซื้อดีลเก็บไว้ ... แล้วก็ดองไว้นานจนใกล้จะหมดอายุ เลยต้องรีบงัด voucher ออกมาใช้

เป็นดีลโปรแกรมตรวจสุขภาพของ รพ.พญาไท 2 ... โปรแกรมตรวจครบถ้วนอย่างที่อยากรู้ ในราคาย่อมเยา รับได้ เลยซื้อมา 2 สำหรับเราทั้งคู่ ... จัดคิวตัวเอง แล้วก็โทรนัด รพ. จากนั้นก็เตรียมตัวง่ายๆ ด้วยการงดอาหารและน้ำ 8 ชม.

ตื่นแต่เช้ามืด เพราะเลือกไปตรวจวันธรรมดา แล้วจากบ้านคนดีไปรพ.นี่ ไม่แน่ใจว่าปริมาณรถหนาแน่นแค่ไหน เลยเผื่อเวลาไว้ก่อน ... ผลคือเผื่อไว้ดีเกิน ไปถึงตั้งแต่ 6 โมงนิดๆ ก็อาศัยงีบต่อในรถนั่นหล่ะค่ะ ใกล้ๆ 8 โมง ก็ตื่นไปเข้าตรวจ

แจ้งชื่อ กรอกเอกสารนิดหน่อย แล้วก็เริ่มการตรวจเบื้องต้น ชั่งน้ำหนัก-ส่วนสูง วัดความดัน วัดสายตา เจาะเลือดเก็บ และเอ็กซเรย์ปอด ... แล้วก็รับคูปองอาหาร ไปเติมมื้อเช้าลงท้อง ระหว่างรอผลเลือด และรอพบแพทย์

ดีใจสุดๆ ที่ชั้นล่างมี โอ บอง แปง และสามารถใช้คูปองที่ได้มากับร้านนี้ได้ เลยเลือกครัวซองท์ กับ โกโก้เย็นมาเติมพลัง เติมน้ำตาล ให้สดชื่น ... ท้องอิ่มสบายใจ ก็นั่งคุยกันเพลินๆ ต่อ รอเวลา

เล็งว่ารอมาพอสมควรแล้ว ก็ขึ้นไปนั่งรอที่ศูนย์ตรวจสุขภาพดีกว่า มีเก้าอี้นุ่มๆ แอร์เย็นๆ ทีวีพร้อม ... กลับขึ้นไปก็ตกใจ เพราะมีคนมาใช้บริการเยอะ มากกว่าที่คาดไว้ กะว่าคงต้องรออีกนาน แต่สักพักเดียว เจ้าหน้าที่ก็เรียกชื่อค่ะ

เพราะมาด้วยกัน เจ้าหน้าที่เรียกชื่อต่อกัน เลยถามว่าจะเข้าพบคุณหมอพร้อมกันเลยรึเปล่า ... ถ้าได้ก็ได้ค่ะ เจ้าหน้าที่เลยจัดให้เข้าพบพร้อมกันเลย ... เลยได้เข้าไปนั่งต่อหน้าคุณหมอพร้อมกัน คุณหมอสรุปผลเลือดให้ฟังนิดหน่อย แล้วก็ถามคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องทั่วไปในชีวิตประจำวันอีกนิดหน่อย อย่างนอนวันละกี่ชั่วโมง ใน 1 วัน ดื่มน้ำมากแค่ไหน  สูบบุหรี่ ดื่มเหล้ารึเปล่า และอื่นๆ อีกพอสมควร

จบเรียบร้อยก็ออกมานั่งรออีกพัก รอบนี้รอรับสมุดสรุปผลการตรวจ ... ออกมาเจอว่ามีเก้าอี้นวดไฟฟ้าให้บริการอยู่ แหมมมมม เสียดายที่เจอกันช้าไปนิด ไม่งั้นหล่ะก็จะมานั่งแหมะอยู่ตรงนี้นานแล้ว

ผลการตรวจออกมา ค่อนข้างคล้ายกันค่ะ โดยรวมก็จัดว่าปกติดี แต่ก็มีโคเลสเตอรอลเกินอยู่นิดหน่อยทั้งคู่ ... ระดับไตรกลีเซอไรด์ของคนดีที่เคยสูงจนน่ากังวล ตอนนี้ก็เกินอยู่นิดหน่อย แต่ก็อยู่ในเกณฑ์ที่ไม่น่าเป็นห่วงเหมือนเคย แต่ก็ต้องควบคุมดูแลให้ดี

จบจากภารกิจตรวจสุขภาพแล้ว เราสองคนก็ออกตะลอนทัวร์จัดการภารกิจอื่นๆ ต่อ ... ธกส.  ธ.ออมสิน สถานีตำรวจบางซื่อ ธ.กรุงเทพ ก่อนจะวนไปปิดท้ายไปเยี่ยมคนป่วยที่ รพ.พญาไท 1 ... ใช้เวลา 1 วัน คุ้มค่าจริงๆ

6.8.54

ชมชิม เมืองแปดริ้ว

ทริปนี้เกิดขึ้นเพราะคนดีเปรยกับพ่อว่า "พ่อจะไปพนมสารคามเมื่อไหร่คะ"  ... ได้ยินแบบนี้พ่อเลยยิ้มรับ แล้วจัดการนัดวันทันที

เพราะมีก๊วนเพื่อนพ่ออยู่ที่ อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา หนึ่งในนั้นเป็นเพื่อนสนิทที่เปิดร้านข้าวมันไก่อยู่ ... คนดีคิดถึงข้าวมันไก่ เลยเปรยถามดู จะได้เป็นสารถีขับรถพาไปเที่ยว ไปชิม แล้วก็ได้ไปสมใจ

ทริปนี้ตั้งต้นจากบ้านคนดี เพราะมี โซ้ยอี้ ร่วมขบวนไปด้วย ... แล้ววนไปรับ หม่ามี้ พ่อ และ หมาโม่ ที่บ้านเรา แล้วก็ตรงดิ่งไปฉะเชิงเทรากันเลยค่ะ

จุดหมายแรกอยู่ที่ ตลาดคลองสวน ... จอดรถฝั่ง จ.ฉะเชิงเทรา แล้วก็เดินเลาะชมตลาดมาเรื่อย ทริปนี้เดินชมตลาดแบบเรื่อยๆ มาเรียงๆ จริงๆ ค่ะ เพราะหม่ามี้มาด้วย หม่ามี้ชอบเดินตลาดมากกกกกก เดินเรื่อยๆ ช้อปเรื่อยๆ แล้วมาเจอกับ โซ้ยอี้ของคนดี เข้าคู่กันพอเหมาะ หม่ามี้แนะนำร้านไหนดี ร้านไหนอร่อย โซ้ยอี้ก็ซื้อตามไปด้วย ... งานนี้คนเดินตามหิ้วกันนิ้วกิ่วค่ะ

แค่ตลาดแรก ก็ใช้เวลาร่วม 2 ชั่วโมง ได้ผักกาดดอง+ขิงดอง เจ้าอร่อยมาหลายกิโล แล้วยังมีขนมจุกจิกอีกสารพัด ... ตลาดแรก ท้ายรถก็เต็มไปด้วยของแล้ว

แผนเดิมกะว่าออกจากตลาดแล้วจะแวะวัดก่อน แต่เดินนานเกินจนใกล้เที่ยง เลยเปลี่ยนแผนไปกินข้าวก่อนดีกว่า ... ตรงไปพนมสารคามกันเล้ยยยย

ตรงไปร้านเพื่อนพ่อ จอดรถเรียบร้อย ทักทายกันเรียบร้อย ก็ยกขบวนข้ามไปร้านก๋วยเตี๋ยวปากหม้อฝั่งตรงข้ามก่อน ... พาโซ้ยอี้มาชิม แล้วก็รองท้องสักหน่อย รอบนี้จัดเบาๆ เบาะๆ ปากหม้อแค่คนละรอบ แล้วก็ข้ามถนนกลับมาจัดการข้าวมันไก่เจ้าอร่อยกัน

เป็นการกินข้าวมันไก่แบบบริการตัวเอง จะกินไก่ต้ม ไก่ทอด หรือ หมูกรอบ เลือกได้เต็มที่ ตักเพิ่มเติมได้เองตลอด น้ำซุป กับ น้ำจิ้ม ไม่อั้น ... น้ำเปล่า น้ำอัดลม น้ำชง น้ำผลไม้ แม้แต่เบียร์ ที่อยู่ในตู้แช่ ก็เปิดหยิบได้เองเลย ... พ่อเดินหยิบนั่นนี่เอง จนโซ้ยอี้งง จึงต้องเฉลยว่า ถ้าให้เจ้าของร้านหยิบให้จะมาเยอะมากเกินไป เสียดายของซื้อของขาย

เติมพลังจนอิ่มเต็มที่แล้ว ก็ออกตะลอนกันต่อค่ะ ... ย้อนรถกลับไป วัดสมานรัตนาราม ไปชมพระพิฒเนศปางนอนเสวยสุขที่ใหญ่ที่สุด กันค่ะ



ด้านหน้าองค์พระพิฆเนศ มีรูปปั้นหนูมุสิกะ ซึ่งเป็นต้นห้องของพระพิฆเนศ ถ้าอยากได้สิ่งใด สมหวังสิ่งใด ให้ไปกระซิบที่หูหนู แล้วหนูจะนำความไปบอกท่านต่อให้ แต่ตอนกระซิบต้องเอามือปิดหูอีกข้างไว้ด้วยนะคะ พรที่ขอจะได้ไม่รั่วจากหูหนึ่งไปออกอีกหูหนึ่ง ... หม่ามี้ของเรา กับ โซ้ยอี้ของนก กลายเป็นคู่หูที่เข้าคู่กันดีมาก ทำอะไรทำด้วยกันตลอด ไหว้พระ ขอพร แม้แต่ท่าโพสถ่ายรูปก็นัดกัน

ขอพรเรียบร้อย ก็จูงมือกันไปเดินชมตลาดนัดด้านหน้าทางเข้าวัดค่ะ ปล่อยเรา คนดี พ่อ และหมาโม่ แกร่วรอกันไป ... ดูท่าว่าจะเดินกันนานอีก พ่อเลยให้โทรตาม บอกย้ายไปตลาดน้ำบางคล้าดีกว่า

แต่พอไปถึง ตลาดเริ่มวายแล้วค่ะ พ่อค้าแม่ค้าทยอยเก็บข้าวของกันแล้ว ร้านอาหารทั้งหลายในแพไม่เหลือแล้ว มีแต่ร้านบนฝั่งที่ยังพอมีของอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มากนัก ... ตลาดซบเซาแบบนี้ ขาช้อปเลยเซ็ง ชวนกันเข้าไปพักผ่อนในที่พักดีกว่า

ทริปนี้เลือกใช้ ลานนารีสอร์ท เหมือนเดิมค่ะ ... คุ้นเคยที่สุด อยู่ไม่ไกล ราคาสบายกระเป๋า แต่คราวนี้เลือกห้องพิเศษขึ้นมาหน่อย บ้านเป็นหลัง 600 บาท



เตียงนอน แอร์ ตู้เย็น เครื่องทำน้ำอุ่น พร้อม ... นอน 3 คน ก็ขอเครื่องนอนเพิ่มอีกชุด หมอน ผ้าห่ม ผ้าเช็ดตัว มาเพิ่มได้ ไม่ต้องจ่ายตังค์เพิ่มค่ะ

เอนหลังพักพอหายเหนื่อยสักหน่อย ก็ออกลุยกันต่อค่ะ ไปตามหาร้านที่มีใครสักคนชวนชิมเอาไว้ ... พ่อโทรมาแจ้งความจำนงกับเพื่อนไว้ ว่าช่วยพาไปหน่อย เจ้าถิ่นเองก็ไม่เคยไปชิม เลยเกือบหลง เกือบเลยกันนิดหน่อยพอให้ได้ลุ้น

แล้วก็มาถึง ร้านสมคิดโภชนา ที่ อ. ราชสาส์น ร้านอยู่ติดริมคลอง ที่ปรับพื้นที่ในบ้านส่วนนึงมาทำร้านอาหาร เรามาถึงกันก็จวนจะทุ่มแล้ว มาถึงก็รู้ว่าร้านปิดตอน 2 ทุ่ม ... อ้าว รีบสั่งกันด่วน



อาหารหลากหลายอย่างที่เห็นค่ะ รสชาติโดยรวมก็โอเค แต่ยังไม่เจอจานไหนที่ตักเข้าปากแล้วแสงพุ่งด้วยความปลาบปลื้ม



เสียใจอยู่นิดหน่อยตรงที่ กุ้งแม่น้ำ หมดซะแล้ว เลยอดกินกุ้งแม่น้ำเผาที่เป็นหนึ่งในเมนูเลื่องชื่อของร้านนี้เลย ... เป็นมื้อที่กินกันแบบรีบร้อน เพราะยุงเริ่มออก แล้วสักพักฝนก็เทกระหน่ำ ร้านก็จวนจะปิด เลยใช้เวลาอยู่ในร้านไม่นานนัก เรียกว่าจัดการอาหารหมดปุ๊บก็กลับปั๊บ

แต่ไม่ได้เข้าที่พักเลยนะคะ เพราะยังไม่อิ่มดีค่ะ มาแวะส่งเพื่อนพ่อเลยชวนกันแวะเติมข้าวมันไก่อีกหน่อย ตุนเพิ่มอีกนิด กันหิวยามดึก ... พอท้องตึงแล้วก็เข้าที่พักกันได้จริงๆ สักที

นอนหลับสบายยยยยย แอร์เย็นฉ่ำสุดๆ ตื่นเช้ามาหนาวสะท้าน เพราะอุณหภูมิแอร์อยู่ที่ 19 องศา เย็นฉ่ำจนกระจกฝ้าขึ้น ... เช้ามาก็ลุยกันต่อค่ะ

ไปแวะตลาดเช้า ซื้อเสบียงนิดหน่อย ไปนั่งกินที่ฐานที่มั่นประจำ ที่ร้านเพื่อนพ่อเหมือนเดิม กินไปกินมา เลยได้ข้าวมันไก่มาเสริมอีกหน่อย ... กินข้าวมันไก่ 3 มื้อ ในเวลา 2 วัน โอ้ววววววว หายอยาก

กินอิ่มก็เม้าท์กันต่อ ไม่ได้จะเตรียมตัวกลับนะคะ แต่รอเวลาสำหรับมื้อต่อไปค่ะ ... ระหว่างรอ เราสองคนก็แวะไปรับขนมกุ่ยช่ายเจ้าอร่อยที่โทรสั่งไว้เมื่อวาน ที่ต้องโทรสั่งล่วงหน้าเพราะยอดสั่งรวมทั้งหมด 35 กล่อง ปุ๊บปั๊บไปซื้อเลย คงไม่ได้กินแน่ๆ

ใกล้ๆ เที่ยงก็ย้ายที่ค่ะ ไป ร้านก๋วยเตี๋ยวปากหม้อเจ๊ติ๋ม ร้านอยู่ในซอยนิดหน่อย แต่อร่อยแน่ๆ เพราะเห็นป้ายว่าเคยไปออกรายการชิงร้อยชิงล้าน ... และที่สำคัญ ร้านญาติเพื่อนพ่อค่ะ การันตีรสชาติได้



จริงๆ ร้านก๋วยเตี๋ยวปากหม้อ ใน อ.พนมสารคาม มีมากมายหลายเจ้านะคะ ไส้ก็มีเหมือนๆ กัน เครื่องน้ำซุปก็คล้ายๆ กัน จะต่างกันก็ตรงที่รสมือของคนทำหล่ะค่ะ ... ปากหม้อร้านนี้ตัวอวบเต่ง 6 ตัว 10 บาท ราคาสูงกว่าร้านอื่น แต่ก็ได้กินแบบเต็มๆ คำ และที่แปลกตากว่าร้านอื่นตรงที่มีไส้ข้าวโพด เราเลยจัดมาลองชิมสักหน่อย อร่อยถูกปากค่ะ ข้าวโพดหวานๆ เคี้ยวเพลินดี

อิ่มจากร้านนี้แล้ว ก็ได้เสบียงใส่กล่องติดกลับมาอีก ... พอแวะไปส่งเพื่อนพ่อที่ร้านก็ได้ข้าวมันไก่กลับมาอีกชุดใหญ่ ... บิ๊กเบิ้มได้กลายร่างเป็นรถเสบียงไปแล้ว

ร่ำลากันเรียบร้อย ก็ย้อนกลับไปตลาดคลองสวนค่ะ แต่ก่อนจะถึงก็แวะซื้อขนมเปี๊ยะร้านดังอีกสักหน่อย ... ที่ต้องมาตลาดคลองสวนอีกรอบ เพราะหม่ามี้กับโซ้ยอี้หมายตาจะซื้อกับข้าวหลายอย่าง แต่เกรงว่าถ้าซื้อตั้งแต่เมื่อวาน เดี๋ยวของจะเสีย เพราะไม่ได้เตรียมถังแช่หรือกล่องโฟมติดมา เลยตัดสินใจมาแวะเดินอีกวัน

โซ้ยอี้เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าเดินซื้อของที่ต้องการครบแล้วก็ขอนั่งพักเลย ... ส่วนหม่ามี้ของเรานั้น ต้องทำเหรียญแจกค่ะ เพราะเดินชมตลาดเหมือนยังไม่เคยเดินมาก่อนเลย เหมือนเพิ่งมาเดินครั้งแรก เดินตั้งแต่หัวตลาดยันท้ายตลาดได้ตามลำพัง
  
จบทริปนี้ ท้ายรถบิ๊กเบิ้มก็เต็มไปด้วยสารพัดถุงของกิน กลิ่นอาหารตีกันตลบอบอวลทั่วรถ ... ถึงบ้านก็แยกเสบียงกันสนุกสนาน สมกับเป็นทริปชมชิมจริงๆ ค่ะ