28.2.52

อาลัย

หลังจากสวดพระอภิธรรมศพ และบรรจุศพคุณลุงเขยไว้ 100 วันเพื่อรอพระราชทานเพลิงศพ ... 100 วันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ครบกำหนดแล้วค่ะ



บ่ายวันศุกร์มีพิธีเคลื่อนศพจากที่บรรจุ มาสวดพระอภิธรรมวันสุดท้าย ... เราลางานครึ่งวันกลับมารับหม่ามี้ที่บ้านแล้วออกไปวัดพร้อมกัน ส่วนคนดีเสร็จจากธุระก็ตามไปเจอที่งาน ... ฟังสวดเสร็จเรียบร้อยก็ขอตัวตามไปสมทบกับก๊วนแดนซ์



เช้าวันเสาร์หม่ามี้ พ่อ และเจ้าน้องชายออกไปงานแต่เช้า เพราะเจ้าน้องชายจะบวชหน้าไฟให้คุณลุง ... ต่อด้วยเลี้ยงเพล และทำบุญ ... ตอนบ่ายเป็นงานพระราชทานเพลิงศพ



เรากับคนดีตามไปสมทบตอนบ่าย อากาศร้อนอบอ้าว แดดเปรี้ยง ... คนดีใส่เสื้อแขนยาวสีดำกับกางเกงยีนส์ พอมาเจอคุณเจ้าหน้าที่จากสำนักพระราชวังเตรียมงานอยู่ ก็ตกใจว่างานเป็นทางการมาก ... ส่วนเราใส่เดรสสีดำ แขนสี่ส่วน ชายกระโปรงคลุมเข่า พร้อมถุงน่องสีดำ และ รองเท้าส้นสูง เรียบร้อยสุดๆ ทั้งร้อนและเมื่อย



คนดีไม่ค่อยสบาย และไม่ได้เป็นญาติ เลยนั่งหลบอยู่มุมนึงคอยดูกระเป๋าให้เรา ... ส่วนเราคอยยืนสังเกตการณ์ว่าจะให้ช่วยทำอะไรบ้าง สุดท้ายได้รับมอบหมายหน้าที่แจกของที่ระลึก



งานเริ่มราวๆ บ่ายสองโมง เจ้าหน้าที่จากสำนักพระราชวังมาจัดขบวนเคลื่อนโกศ และเวียนรอบเมรุ ... มีเจ้าหน้าที่บรรเลงเพลง จากนั้นก็ตั้งแถวรอรับไฟพระราชทาน



คุณลุงรับราชการทหาร เลยมีแขกผู้ใหญ่ทั้งนักการเมือง และนายทหารระดับสูงมางานหลายท่าน เป็นการให้เกียรติและไว้อาลัย ... เห็นแล้วก็รู้สึกว่า งานศพ เป็นงานสุดท้ายที่เราจะไปรวมแสดงความไว้อาลัยให้คนคนนั้นจริงๆ



พอถึงเวลาตามกำหนด แขกก็เริ่มวางดอกไม้จันทร์ และพระราชทานเพลิงศพ ... หม่ามี้ร้องไห้ น้ำตาท่วมอีกแล้ว เพราะครั้งนี้ต้องลากันจริงๆ



ไม่ชอบไปงานศพเลยค่ะ โดยเฉพาะวันเผา เพราะเป็นวันสุดท้ายจริงๆ ร่างที่เคยมีจะกลายเป็นเถ้าธุลี เศร้าค่ะ ... เสียงปี่ที่บรรเลง ภาพควันที่ลอยจากปล่องเมรุ เฮ้อ เห็นแล้วใจเหี่ยวค่ะ



ขอให้คุณลุงไปสู่สุขคตินะคะ ... ลาก่อนค่ะ

27.2.52

ก๊วนแดนซ์ กับ งานวันเกิด งานแต่งงาน งานศพ

สาวๆ ที่ออฟฟิศนัดรวมตัวแดนซ์กันอีกแล้วค่ะ ... บังเอิญตรงกับวันเกิดสาวคนนึงพอดี สมาชิกเลยสนใจรวมตัวมากกว่าก๊วนชวนกันแดนซ์ก๊วนปกติค่ะ


แต่กว่าจะนัดกันลงตัวก็ยุ่งนิดหน่อย เพราะไม่รู้จะไปร้านไหนกันดี ร้านที่ผ่านๆ มา ยังไม่โดนใจ ไม่ติดใจ จนอยากจะไปซ้ำ ... แล้วยังต้องให้สาวเจ้าของวันเกิดไปเช็คกับแฟนก่อน ว่าจะมีมื้อพิเศษดินเนอร์กันตามธรรมเนียมปฏิบัติรึเปล่า ... และมีน้องอีกคนนึงติดไปงานแต่งงาน ส่วนเราติดไปงานศพ


สาวๆ เลือกร้าน Route 66 ... น้องที่ไปงานแต่ง กับ เราที่ไปงานศพ เสร็จธุระแล้วจะตามไป ... รอแค่เจ้าของวันเกิดเท่านั้น ถ้าคอนเฟิร์มว่าไปได้ ก็ลุย


สุดท้ายก๊วนแดนซ์ ก็รวมตัวออกตะลุยราตรีกันได้ ... 8 สาวมุ่งหน้าไป RCA เป็นชุดแรก แวะกินข้าวกันก่อน ... เรากับคนดีตามมาจากงานศพ มาถึงพร้อมกับ 2 หนุ่ม แฟนของสาวอิ่ม และพี่ชายฝาแฝด ... สักพักแฟนของสาวอ๋อ กับเพื่อน ก็ตามมาสมทบ ... ปิดท้ายด้วยน้องฝน ที่เสร็จจากงานแต่งงานก็ตรงดิ่งมาเลย


จำไม่ได้ว่านั่งโซนชื่ออะไร แต่ทั้ง 15 ชีวิต เกาะกลุ่มกันอยู่ในพื้นที่ส่วนตัว มีโซฟานั่งสบาย สนุกสนานไปตามดนตรีและบรรยากาศ ... สมาชิกครบก็ยกเค้กออกมาเซอร์ไพรส์เจ้าของวันเกิดสักหน่อย แล้วก็กลับมาสนุกกันต่อ


บรรยากาศดี ได้นั่งสบาย มีนักร้องที่ร้องเพลงเพราะประทับใจอยู่หลายวง หลายคน ... แต่กว่าจะมีเพลงมันๆ ให้ลุกขึ้นเต้นได้ก็เที่ยงคืนแล้ว โอ๊ย รอจะสนุกซะเกือบจะเบื่อ


ยังไม่รู้ว่าคราวหน้าก๊วนแดนซ์จะรวมตัวกันอีกเมื่อไหร่ ที่ไหน ... แต่ถ้าสมาชิกอยู่กันครบ เฮไหน เฮนั่น ก็มันทุกที

26.2.52

พรหมวิหาร 4

จากบล็อกหน้าที่แล้ว ที่สะดุดใจกับคำว่า "อุเบกขา" เอ คุ้นๆ ... ลองนึกดู เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เรียกว่า "พรหมวิหาร 4" ใช่รึเปล่าน้า ... เพื่อให้คลายสงสัย จิ้มกูเกิ้ลทันที


ผลออกมาถูกต้อง ค่อยยังชั่ว ความรู้ที่เคยเรียนมายังพอมีหลงเหลืออยู่บ้าง ... เปิดเจอก็ค่อยๆ อ่าน ทบทวนความรู้เดิม แล้วอ่านซ้ำย้ำให้จำแม่นขึ้น ... เลยเก็บมาใส่ในบล็อกจะได้เปิดอ่านย้ำๆ ซ้ำๆ ได้บ่อยๆ


: พรหมวิหาร 4 :
พรหมวิหาร แปลว่า ธรรมของพรหมหรือของท่านผู้เป็นใหญ่ พรหมวิหารเป็นหลักธรรมสำหรับทุกคน เป็นหลักธรรมประจำใจที่จะช่วยให้เราดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างประเสริฐและบริสุทธิ์ หลักธรรมนี้ได้แก่



เมตตา : ความปรารถนาให้ผู้อื่นได้รับสุข

ความสุขเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา ความสุขเกิดขึ้นได้ทั้งกายและใจ เช่น ความสุขเกิดการมีทรัพย์ ความสุขเกิดจากการใช้จ่ายทรัพย์เพื่อการบริโภค ความสุขเกิดจากการไม่เป็นหนี้ และความสุขเกิดจากการทำงานที่ปราศจากโทษ เป็นต้น


กรุณา : ความปราถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์

ความทุกข์ คือ สิ่งที่เข้ามาเบียดเบียนให้เกิดความไม่สบายกายไม่สบายใจ และเกิดขึ้นจากปัจจัยหลายประการด้วยกัน พระพุทธองค์ทรงสรุปไว้ว่าความทุกข์มี 2 กลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้

- กายิกทุกข์ คือ ทุกข์โดยสภาวะ หรือเกิดจากเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติของร่างกาย เช่น การเกิด การเจ็บไข้ ความแก่และความตายสิ่งมีชีวิตทั้งหลายที่เกิดมาในโลกจะต้องประสบกับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

- เจตสิกทุกข์ คือ ทุกข์จรหรือทุกข์ทางใจ อันเป็นความทุกข์ที่เกิดจากสาเหตุที่อยู่นอกตัวเรา เช่น เมื่อปรารถนาแล้วไม่สมหวังก็เป็นทุกข์ การประสบกับสิ่งอันไม่เป็นที่รักก็เป็นทุกข์ การพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก ก็เป็นทุกข์



มุทิตา : ความยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี

คำว่า "ดี" ในที่นี้ หมายถึง การมีความสุขหรือมีความเจริญก้าวหน้า ความยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดีจึงหมายถึง ความปรารถนาให้ผู้อื่นมีความสุขความเจริญก้าวหน้ายิ่งๆขึ้น ไม่มีจิตใจริษยา ความริษยา คือ ความไม่สบายใจ ความโกรธ ความฟุ้งซ่านซึ่งมักเกิดขึ้นเมื่อเห็นผู้อื่นได้ดีกว่าตน เราต้องหมั่นฝึกหัดตนให้เป็นคนที่มีมุทิตา เพราะจะสร้างไมตรีและผูกมิตรกับผู้อื่นได้ง่ายและลึกซึ้ง



อุเบกขา : การรู้จักวางเฉย

การวางใจเป็นกลางเพราะพิจารณาเห็นว่า ใครทำดีย่อมได้ดี ใครทำชั่วย่อมได้ชั่ว ตามกฎแห่งกรรม คือ ใครทำสิ่งใดไว้สิ่งนั้นย่อมตอบสนองคืนบุคคลผู้กระทำ เมื่อเราเห็นใครได้รับผลกรรมในทางที่เป็นโทษเราก็ไม่ควรดีใจหรือคิดซ้ำเติมเขาในเรื่องที่เกิดขึ้น เราควรมีความปรารถนาดี คือพยายามช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นจากความทุกข์ในลักษณะที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม


อ่านไปก็พยักหน้าหงึกหงักอยู่คนเดียว ... เป็นหลักธรรมที่นำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้จริงๆ ทำได้แบบนี้เราเองก็มีความสุข คนที่อยู่รอบๆ ข้างก็มีความสุข


ธรรมะโอสถ เป็นยาวิเศษจริงๆ

คิดถึงธรรมะ เพราะ เจาะใจ

ปกติทุกวันพฤหัส จะดู "เจาะใจ" หรือ "เป็นต่อ" ขึ้นอยู่กับว่าแขกรับเชิญของรายการเจาะใจดึงดูดความสนใจของเราได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าดึงดูดไว้ได้ก็ติดหนึบอยู่กับเจาะใจ ... อย่างเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เปิดไปเจอแขกรับเชิญแล้ว หยุดนิ่ง ไม่กดเปลี่ยนช่องไปไหนเลย


แขกรับเชิญ คือ คุณเหมียว-วรัตดา ภัทโรดม ผู้เขียนหนังสือ "เปลี่ยนความคิด ชีวิตเปลี่ยน" และ "ไขสมการความสุข ตอน อกหัก ฟังทางนี้" ... คุณเหมียวเคยมาออกรายการครั้งนึงแล้ว และได้รับความสนใจจากผู้ชม จนทีมงานเชิญมาออกอาการอีกครั้ง เพื่อมาไขสมการความรัก


คุณเหมียวเล่าถึงประสบการณ์ความรักของตัวเองให้ฟัง ว่ารับมือกับแฟนที่เป็นคนเจ้าชู้ และรับมือกับอาการอกหัก ผิดหวังจากความรักยังไง ... ธรรมะที่คุณเหมียวศึกษา และปฏิบัติ เข้ามาช่วยจัดการสมการความรักให้ลงตัวได้อย่างไร


นั่งดูรายการแล้วมีหลายประโยคที่คุณเหมียวพูดระหว่างให้สัมภาษณ์ ที่ฟังแล้วชอบใจ ฟังแล้วโดนใจ ได้ยินแล้ว "อืมมมมมมมมมมม" พร้อมกับพยักหน้าเห็นด้วย


"คนทุกคนที่ทำให้เรามีความทุกข์ จริงๆ เค้าไม่ได้ทำให้เรามีความทุกข์ เค้าเป็นแค่พาหนะของกิเลส ตัณหา ความบ้า กรรมชั่วของเราเอง เค้าเป็นพาหนะของความทุกข์ของเราเอง ... ไม่มีมนุษย์คนไหนในโลกทำให้เรามีความทุกข์ได้ ไม่มีมนุษย์คนไหนในโลกทำให้เราโกรธได้ นอกจากตัวเราเอง"


"สิ่งที่เกิดขึ้นไม่มีอะไรในโลกนี้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ ทุกอย่างเกิดขึ้นล้วนมีเหตุ เหตุเป็นเช่นไร ผลเป็นเช่นนั้น ... เรารู้ว่าที่เราไปเจอเหตุอย่างนี้ ไม่ใช่เพราะเค้า เพราะเรา เป็นกรรมของเราเอง ที่ทำให้เราต้องเจอคนนี้ ที่เค้าต้องมาทำให้เราเสียใจ ... การมองแบบนี้ทำให้ไม่เกิดความโกรธ ความแค้น และเมื่อมีธรรมะ ก็มองเห็นทุกข์ และตัดกรรมได้เร็วขึ้น"


"คนเจ้าชู้ไม่ได้แปลว่าเราจะไปตัดสินว่าเค้าเป็นคนไม่ดี คนเจ้าชู้ไม่ได้แปลว่าเค้าผิด ... และไม่ได้แปลว่าเราเป็นคนไม่ดี หรือ เป็นคนที่ไม่มีค่าพอ มัน Just happen แค่เกิดขึ้นมาแค่นั้น"


"เพื่อนเรามีกิ๊ก พากิ๊กมากินข้าวด้วยไม่เห็นเศร้าไม่เห็นร้องไห้ แสดงว่าการที่ผู้ชายมีกิ๊กไม่ได้ทำให้เราทุกข์ ... แต่ถ้าเป็นผู้ชายของเราเมื่อไหร่ ทุกข์มาเลย ทุกข์เพราะความเป็นเจ้าของ มาจากการยึดมั่น ถือมั่น"


"สมการความรัก ประกอบด้วย 5 อย่าง ศีลเสมอกัน ขันติ (ความอดทน) เสมอกัน ความเสียสละเสมอกัน สัจจะเสมอกัน ความอดกลั้นเสมอกัน ... ถ้าคนสองคนมี 5 อย่างนี้เสมอกัน ความรักมีโอกาสรอดสูง"


คุณเหมียวบอกว่า "ธรรมะโอสถ เป็นยาที่วิเศษที่สุดสำหรับมนุษย์ทุกคน" การปฏิบัติธรรม ทำให้มีสติ และ อุเบกขา ... สติรู้จัก แต่ "อุเบกขา" นี่ซิ คุ้นๆ อะไรหว่า ความรู้เรื่องธรรมะที่เคยเรียนมา ตกหล่น พร่องหายไปเยอะแล้ว ... เลยต้องไปค้นคว้าหาเพิ่มเติมสักหน่อย


จิ้มถามจากคัมภีร์กูเกิ้ล เพื่อไขข้อข้องใจ จำได้ว่ามี เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา แต่เค้าเรียกรวมว่าอะไรน้อ นึกได้เลาๆ แต่จะใช่รึเปล่า ... แล้วคำตอบของคำถามก็ปรากฎ พอได้อ่านก็ "อืมมมมมมมม" อีกรอบ


การเปิดมาเจอหลักธรรม ได้ย้อนกลับมาอ่านทบทวนความรู้ความจำอีกครั้ง ก็ทำให้ใจนิ่ง ใจสงบได้จริงๆ ... เลยถือโอกาสตั้งใจว่า จะเปิดหาหลักธรรมต่างๆ อ่านมากขึ้น เติมยาวิเศษให้ชีวิตสักหน่อย

23.2.52

เตรียมตัวเดินสายภาคเหนือ

สัปดาห์นี้ คนดีมีโปรแกรมเดินสายทัวร์ประหนึ่งเป็นนักร้องลูกทุ่งที่ภาคเหนือค่ะ ... มีงานติดตั้งร้านลูกค้า ที่ พิษณุโลก เชียงใหม่ เชียงราย


ครั้งก่อนที่ไปดูพื้นที่ วัดพื้นที่ คนดีไปกับลูกค้าค่ะ ... อาศัยนั่งรถติดไปเป็นติ่งเนื้องอก ลูกค้าขับรถพาไปตามร้านของดีลเลอร์อีกที โรงแรมที่พักก็จัดเตรียมไว้ให้ พาไปกิน พาไปเที่ยวครบถ้วนเสร็จสรรพ คนดีแค่เก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าเตรียมเดินทางแค่นั้น


แต่คราวนี้ต่างไปจากเดิมค่ะ ทุกเรื่องที่ลูกค้าเคยจัดการให้ คนดีต้องจัดการเองทั้งหมด ... ศึกษาเส้นทางการเดินทาง เพราะต้องขับรถไปเอง เราที่เคยรับหน้าที่เนวิเกเตอร์ประจำตัวก็ไปด้วยไม่ได้ ... คนดีร่ำๆ จะติด GPS ก็ไม่ทันซะแล้ว


โรงแรม ห้องพักก็ต้องหาเอง เลือกเอง จองเอง ต้องวางแผนเองทั้งหมดว่าจะแวะที่ไหน พักที่ไหน ... อาหารการกิน ก็ต้องจัดการเอง ... ทำทุกอย่างเองทั้งหมด


ก่อนออกเดินทางก็ต้องเตรียมอุปกรณ์ข้าวของไปให้พร้อม นัดกับซัพฯ และช่างที่จะไปติดตั้งงาน ... ต้องจัดการของที่ต้องใช้ตกแต่งร้านให้ครบถ้วน


เราซึ่งเคยรับหน้าที่จัดการเรื่องเส้นทาง ที่พัก ร้านอาหารให้ทั้งหมด ... ก็อยากจะช่วย อยากจะไปด้วย แต่ลางานไปไม่ได้ เพราะช่วงสิ้นเดือนงานเยอะ ... เลยทำได้แค่ เปิดหาแผนที่ ดูเส้นทาง และอธิบายเส้นทางย่อๆ ให้คนดีจดไว้


เรื่องที่พัก ร้านอาหาร ไม่ค่อยห่วงเท่าไหร่ เพราะคนดีมีลูกค้านำทางไปครั้งนึงแล้ว ก็น่าจะยึดแผนเดิมได้ ... แต่เรื่องขับรถคนเดียว ขับทางไกลๆ ตามลำพังนี่ ห่วงมากๆ เพราะคนดีเป็นเด็กอนามัย ง่วงนอนง่าย หลับง่าย


คนดีพยายามจะจัดเวลา เลื่อนเวลาเพื่อให้เราติดสอยไปด้วยได้ แต่ยังไงก็ต้องลางานสักวัน ... แล้วพอดีปลายสัปดาห์นี้มีงานพระราชทานเพลิงศพคุณลุงเขย เลยยิ่งไปไม่ได้ ... คนดีก็พยายามจะหาเพื่อน ทั้งชักชวนและหลอกล่อ หาเพื่อนร่วมเดินทางด้วย ก็ไม่มีใครว่าง


กลับมาเตรียมเส้นทาง และนอนทำใจอยู่ที่บ้านเรา ว่าคงต้องไปเองแน่ๆ ... แล้ววันนี้คนดีเกิดเริ่มป่วย เจ็บคอ เพราะรับเชื้อจากเรา ที่เจ็บคอ และไข้ขึ้น จากการไปตะลอนกลางแดดไหว้พระ ... คนดีทำใจสู้ ส่วนเรายิ่งห่วงหนัก


สุดท้าย ก็ได้ทางออก ลองเอ่ยปากถามหม่ามี้ว่าไปไหนรึเปล่า คนดีกำลังหาเพื่อนนั่งไปพิษณุโลก เชียงใหม่ เชียงราย ... หม่ามี้ได้ยินก็ตาโต สนใจทันที ก่อนจะตกปากรับคำอย่างง่ายดาย แล้วเดินฮัมเพลงไปจัดกระเป๋า


แวบแรกที่รู้ว่าคนดีมีหม่ามี้นั่งรถไปเป็นเพื่อนก็สบายใจขึ้นหน่อย เพราะมีเพื่อนแล้ว และยังกลายร่างเป็นหมอเล็กๆ ช่วยดูแลอาการป่วยได้ด้วย ... แต่แวบนึงก็ห่วงมากกว่าเดิม เพราะไม่แน่ใจว่าหม่ามี้จะไปทำให้คนดีต้องห่วงหน้าพะวงหลังรึเปล่า


ลูกไปไม่ได้ แม่ไปแทน ไม่รู้ผลจะออกมาเป็นยังไง ... ทริปนี้เป็นทริปที่ต้องติดตามข่าวคราวอย่างใกล้ชิดซะแล้ว

21.2.52

เกาะลันตา พิซเซอเรีย @ ซ.รามบุตรี

นอกจากจะมีเป้าหมายในการไปไหว้พระ 9 วัดแล้ว ... สาวๆ ในออฟฟิศยังมีเป้าหมายอยู่ที่ร้านนี้ด้วยค่ะ "เกาะลันตา พิซเซอเรีย" พิซซ่าอบเตาถ่าน ที่สาวๆ บางคนได้ชิมแล้วติดใจ พร่ำบ่นจนคนที่ยังไม่ได้ชิมอยากลอง




หลังจากไหว้พระที่วัดชนะสงครามเป็นวัดสุดท้าย ก็ปล่อยให้รถตู้รออยู่ก่อน ทุกคนพาท้องที่หิว หิวมาก และหิวมากที่สุด เดินทะลุด้านหลังวัด ... ออกไปแล้วก็เลี้ยวซ้าย ตรงไปสุดทาง มองหา O Bangkok แล้วก็จะเจอป้ายร้านใหญ่โตอยู่ด้านหน้าค่ะ



แรกเริ่มเดิมที จะหม่ำที่ร้านเล็ก ในซอยข้างปั๊มเชลล์ ... หลังๆ ย้ายมาร้านในซ.รามบุตรี ที่อยู่ตรงข้ามสน.ชนะสงคราม เดินเลาะกำแพงวัดมาเรื่อย ... เพราะร้านนี้มีรายการอาหารให้เลือกหลากหลายกว่า ... ตอนนี้ร้านปรับปรุงใหม่ ย้ายจากที่เดิมมาเล็กน้อย แต่ขยายใหญ่โตกว้างขวาง มีโต๊ะเพิ่มมากขึ้น


ได้โต๊ะนั่งปุ๊บ ก็ลุยสั่งกันทันทีค่ะ ... ใครสนใจเมนูไหน ก็เช็คความเห็นสมาชิกสักหน่อย แล้วก็เริ่มสั่งเลย


รองท้องด้วย ... ซีซาร์ สลัด 1 จาน


ตามมาด้วย ขนมปังกระเทียม 2 จาน




ขอลองชิม ขนมปังหน้าหมูอบชีส 1 จาน


ผักโขมอบชีส อีก 2 จาน



สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า 2 จาน



สปาเก็ตตี้ซอสเนื้อ 1 จาน สำหรับสมาชิกที่ไม่ทานหมู


เดี๋ยวจะเลี่ยนเกินไป ... สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล 2 จาน รสจัดจ้าน ช่วยตัดความเข้มข้นของ นม เนย ชีส

ร้านพิซซ่า ก็ต้องสั่งพิซซ่าค่ะ ... พิซซ่าหน้าซีฟู้ด 1 ถาด เห็นจานเฟรนช์ฟราย ที่ลืมถ่ายรูปไว้



มาตั้งหลายคน จะสั่งพิซซ่าถาดเดียวได้ยังไง ... พิซซ่าหน้าทูน่า อีก 1 ถาด



ปิดท้ายด้วย พิซซ่าพัฟ ... จำชื่อที่ถูกต้องไม่ได้ค่ะ มาทีไรก็เรียกพิซซ่าพัฟทุกที



ตัดดูไส้ใน ที่แน่นไปด้วย แฮม มะเขือเทส และ ไข่ต้ม

อร่อยทุกอย่างค่ะ ... พิซซ่าร้านนี้แป้งไม่หนา เนื้องบางทานง่าย ที่สำคัญคือ เครื่องเยอะ ชีสเยิ้ม ดึงแล้ว ยืดดดดด ยาววววว จริงๆ ค่ะ


แรกๆ ที่เริ่มกินก็สนุกสนาน ตักกันหนุบหนับ ไม่ชวนกันคุยเลย ... แต่พอท้องเริ่มตึงเท่านั้นแหละ เริ่มเกี่ยงกัน รักกัน ตักใส่จานคนข้างๆ กันใหญ่


แต่ก็จัดการทุกอย่าง ทุกจานหมดเกลี้ยงงงงงง ... ผู้ใหญ่ 11 คน เด็ก 1 คน อิ่มพุงเต่งกันถ้วนหน้าค่ะ ติดใจกันทุกคน แต่คงต้องขอเว้นวรรคไปอีกพักใหญ่ๆ ค่ะ

ไหว้พระ 9 วัด กับ 1 ศาล

เมื่อเดือนที่แล้ว สาวๆ ในออฟฟิศคุยกัน แล้วชักชวนกันไปไหว้พระ 9 วัด ... กว่าจะนัด หาวันที่ว่างตรงกันลงตัว แต่ก็ยังมีสมาชิกมาไม่ครบอยู่ดี


นัดรวมตัวกันที่ออฟฟิศตอน 8 โมง กะว่าจะออกเดินทางตอน 8.30 แต่กว่าสมาชิกจะมากันครบ ออกเดินทางได้ก็ 9 โมง ... ต้อนกันขึ้นรถตู้ มุ่งหน้าตามแผนที่วางไว้


เริ่มต้นวัดที่ 1 "วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร" : เสริมสร้างความคิดอันเป็นสิริมงคล ... มาถึงก็ยกขบวนกันเดินขึ้นไปบนพระบรมบรรพต (ภูเขาทอง) ตอนเดินขึ้นแรก ๆ ก็คึกคักเฮฮา แต่พอไปกลางทางชักเงียบ เพราะเริ่มเหนื่อย ... ขึ้นถึงด้านบนได้ก็ขอพักหอบสักพัก ก่อนจะเริ่มแยกย้ายกันไหว้พระ



เรากับคนดี และน้องอีกคน เห็นป้ายบอกทางขึ้นสวรรค์ เลยเดินขึ้นบันไดไปดู ขึ้นไปไหว้พระเจดีย์ทองด้านบน ... ส่วนสมาชิกที่เหลือ หายลงไปข้างล่างแล้ว



พอต้อนสมาชิกครบ ก็ขึ้นรถมุ่งหน้ากันต่อ ... ข้ามไปฝั่งธนบุรีค่ะ วัดที่ 2 "วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร" : ชื่อเสียงโด่งดัง คนนิยมชมชอบ ไหว้พระตามจุดต่างๆ แล้ว ก็ถวายสังฆทาน ก่อนจะออกไปให้อาหารปลาตรงริมน้ำ




ถังสังฆทานนี่ สมาชิกเตรียมกันมาเองค่ะ แล้วก็เลือกกันเองว่าใครจะถวายวัดไหน ... สมาชิกที่เหลือ ก็หยิบปัจจัยใส่ซองร่วมทำบุญไปด้วย



ไปต่อวัดที่ 3 "วัดอรุณราชวราราม" : ชีวิตรุ่งโรจน์ทุกคืนวัน ... ไหว้พระ ถวายสังฆทานตามลำดับ แต่ไม่ได้หยุดเดินดู เดินเที่ยว หรือ ขึ้นบันไดไปชมความงามของพระปรางค์ ... เพราะสมาชิกเริ่มเหนื่อย และหิวมากขึ้นเรื่อยๆ


แวะถ่ายรูป ต้นสาละ เพราะต้นนี้มีทั้งผล และดอก ... ต้นที่อยู่ใกล้พระอุโบสถ มีแต่ดอก แต่ต้นนี้เห็นมีผลอยู่ด้วย เพิ่งเคยเห็น ต้องเก็บภาพไว้หน่อย



วัดที่ 4 "วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร" : เดินทางปลอดภัยดี มีมิตรไมตรีที่ดี ... สักการะ หลวงพ่อโต หรือชื่อแบบจีน ซำปอกง วัดนี้เลยมีเทียนคู่สีแดงแบบจีน แทนเทียนสีเหลืองๆ แบบที่คุ้นเคย และใช้ธูปมากกว่าที่อื่นๆ



ผ่านไป 4 วัด ก็เที่ยงนิดๆ แล้ว ล่าช้าไปจากแผนที่คาดไว้พอสมควร ... พาสมาชิกแวะทานของว่าง ที่กลายเป็นมื้อเที่ยงไปด้วย ที่ "ร้านโรตีกรอบเพาะช่าง" มากันหลายคน เลยสั่งทั่งโรตีกรอบ โรตีนิ่มหนา โรตีไข่ มาลองจนครบ แล้วยังสั่งก๋วยเตี๋ยวหลอดมารองท้องเพิ่มด้วย ... สมาชิกอิ่มท้อง ชอบอก ชอบใจ แล้วก็ลุยกันต่อ


วัดที่ 5 "วัดสุทัศนเทพวรารามฯ" : วิสัยทัศน์กว้างไกล มีเสน่ห์แก่คนทั่วไป ... ที่วัดนี้กำลังมีสอบพอดี สาวๆ เดินผ่านเข้าไปเลยชะงัก รีบสำรวจ แล้วก็ต้ององนั่งรอหลวงพ่อมารับสังฆทานค่อนข้างนาน เพราะท่านไปเดินเล่นอยู่


รถจอดส่งทางด้านข้าง เลยเดินเข้าจากทางด้านหลัง ... พอออกมาทางข้างหน้าได้ ก็แอ๊คท่าถ่ายรูปกันใหญ่


ไปต่อกันที่วัดที่ 6 "วัดพระเชตุพนวิมลมังครารามราชวรมหาวิหาร" : ร่มเย็นเป็นสุข ... วัดนี้เราจองถวายสังฆทาน เพราะมีพระปางไสยาสน์ (พระนอน) ... เนื่องจากพี่หมอดูบอกไว้ว่าให้ไหว้พระ ถวายสังฆทาน วัดที่มีพระนอน จะได้ใจเย็นๆ


ไหว้พระ ถวานสังฆทานเรียบร้อย ก็ขอแอ็คท่าเลียนแบบรูปปั้นยักษ์สักหน่อย ... สาวๆ เลยวิ่งมาร่วมวงกันอย่างสนุกสนาน


กระเถิบไปอีกนิด วัดที่ 7 "วัดพระศรีรัตนศาสดาราม" : เพื่อจิตใจสะอาด ดุจรัตนตรัย ... ไปถึงจวนเจียนจะสี่โมงเย็น พระอุโบสถจะปิดแล้ว เลยต้องรีบทำเวลากันหน่อย ... ทั้งคนไทย และชาวต่างชาติเยอะมากกกกกกกกก




สมาชิกเลยแตกออกเป็น 2 กลุ่ม แยกกันนั่งรอ เลยมีโอกาสได้ถ่ายรูปนิดหน่อย ก่อนจะเดินออกมาทางพระบรมมหาราชวัง ... ได้ชมความงามของพระที่นั่งต่างๆ แล้วสาวๆ ก็ขอแวะถ่ายรูปกับคุณทหารที่ใส่เครื่องแบบเท่ๆ สักนิด ชาวต่างชาติที่เดินผ่าน อมยิ้มกันใหญ่





ออกจากวัดพระแก้ว เดินยกขบวนเลาะรั้วข้ามถนนไป "ศาลหลักเมือง" : เสริมหลักชัยให้ชีวิต ... ไหว้พระ ไหว้หลักเมืองจำลอง และหลักเมืองจริง ไหว้เทพารักษ์ ครบทุกจุด ... ก็ยกพลมุ่งหน้ากันต่อ




มุ่งหน้าไปวัดที่ 8 "วัดบวรนิเวศวิหาร" : พบแต่สิ่งดีงามในชีวิต ... ที่วัดนี้จุดธูปเทียนไหว้พระได้แต่ด้านนอก ไม่ได้เข้าไปกราบพระประธานด้านใน เพราะเจอกับขบวนทัวร์ไหว้พระของ อ.ลักษณ์ เรขานิเทศ พอดี ... ยกขบวนกันมา 3 รถบัส พวกเราเลยกลายเป็นชนกลุ่มน้อย ต้องล่าถอยออกมา




ปิดท้ายวัดที่ 9 "วัดชนะสงครามวรมหาวิหาร" : มีชัยชนะต่ออุปสรรคทั้งปวง ... วัดนี้ก็ต้องรีบทำเวลาอีกแล้ว เพราะหลวงพ่อที่จะรับสังฆทาน กำลังจะเตรียมตัวไปทำวัตรเย็น ... สาวๆ เลยต้องรีบ ไม่งั้นจะทำให้ท่านลำบาก



ภารกิจไหว้พระ 9 วัด กับ 1 ศาล เสร็จสิ้น อิ่มบุญกันถ้วนหน้า ... อิ่มบุญแล้ว ก็ต้องหาของอร่อยเติมให้อิ่มท้องด้วย หลังวัดชนะสงครามฯ มีร้านอร่อย ร้านเด็ด ที่สาวๆ สนใจอยู่ เลยยกขบวนกันไปหม่ำให้เต็มที่


จะเป็นร้านไหน รอติดตามบล็อกต่อไปนะคะ

20.2.52

ญี่ปุ่นแท้ๆ @ DonDon

DonDon เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่เจอโดยบังเอิญจากเว็บ แล้วโดนใจอย่างแรง เพราะมีเมนูที่เคยเห็นจากรายการทีวีมานานแล้วอยากลอง ... ดั้นด้นไปลองก็ติดใจ จัดเป็นร้านโปรด ร้านประจำ


เอามาเล่าให้สาวๆ ในออฟฟิศฟังหลายครั้ง ชักชวน หลอกล่อให้ไปหม่ำด้วยกันหลายที ไม่มีใครยอมตกหลุมสักที ... แต่คราวนี้ มีสาวๆ สนใจแล้วค่ะ เลยนัดกันยกขบวนชวนกันไปชิมอาหารญี่ปุ่น ที่เป็นของญี่ปุ่นจริงๆ


คนดีจับสาวๆ ขึ้นรถ ไปจอดไว้ที่อาคารจอดแล้วจร ... แล้ว 6 ชีวิต ก็อาศัยรถไฟใต้ดิน ต่อบีทีเอส ไปสถานีพร้อมพงศ์ แล้วเดินเข้าซอยไปอีกนิด ก็ถึง DonDon ... เป็นกลุ่มคนไทยกลุ่มใหญ่ที่สุดที่เดินเข้าร้าน เพราะลูกค้าโต๊ะอื่นๆ เป็นชาวญี่ปุ่นเกือบทั้งหมด


โทรจองไว้ก่อน เลยได้โต๊ะนั่งทันที สาวๆ เปิดดูเมนูแล้วงง เพราะมีแต่ภาษาญี่ปุ่น กับภาษาอังกฤษที่ทับศัพท์ภาษาญี่ปุ่นอีกที ... ยังดีที่มีรูปประกอบเอาไว้ เลยรู้ว่าหน้าตาเป็นยังไง แต่ก็ไม่แน่ใจว่าส่วนผสมมีอะไรบ้าง ... เราเลยนำเสนอเมนูที่สั่งประจำให้ลอง


สั่งอาหารเรียบร้อย คุณแฟนของสาวหมวยก็ตามมาถึงพอดี ... เลยหมดสิทธิ์สั่งอาหาร ได้แต่รอลุ้นว่าจะได้กินอะไร


รองท้องด้วย Cheese KariKari ... เกี๊ยวห่อชีส



Yasai Salad ... สลัดเบาๆ ที่มีทั้งผักกับน้ำสลัดแบบใส และ สลัดมันฝรั่ง


Agedashi Tofu เมนูโปรด ... เต้าหู้ทอดราดน้ำซอส



Curry Udon ... อุด้งแกงกะหรี่ รสชาติเข้มข้น แต่ไม่ฉุนเครื่องแกง



Kakiage Tempura Udon ... อุด้งน้ำใสที่มีรวมมิตรของทอดเป็นแพโปะหน้ามา


ที่สั่งมาเป็นเมนูทานไปเรื่อยๆ ระหว่างรอจานหลัก 2 จาน ที่กำลังปรุงค่ะ ... จานหลักจานแรก คือ Mix Monjya จานนี้หล่ะค่ะที่ดึงดูดให้เราดั้นด้นตามหาร้านนี้



บอกพนักงานตอนสั่งว่าขอทำเองค่ะ ก็ได้ชามที่มีส่วนผสมทั้งหมดใส่รวมกัน ... ครั้งนี้สั่งแบบ Mix เพิ่มชีส มีทั้งเนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อกุ้ง และหมึก ค่ะ


คนให้เข้ากัน แล้วเทส่วนผสมที่เป็นเนื้อลงไปก่อนค่ะ สับๆ กดๆ ให้เนื้อกะหล่ำชิ้นเล็กลง ... พอเริ่มสุก ก็กวาดเนื้อไปข้างๆ แล้วเทส่วนผสมที่เป็นน้ำตามลงไปค่ะ แล้วค่อยเกลี่ยเนื้อและน้ำให้เข้ากัน ... จากนั้นทิ้งไว้ให้เดือด ปุดๆ แล้วโรยหน้าด้วยสาหร่ายป่น กับ งา


สังเกตพอเนื้อเริ่มแห้ง ก็แซะแล้วพลิกกลับ ... ค่อยๆ เริ่มแซะ เริ่มอร่อยจากตรงกลางกระทะก่อนค่ะ


ส่วนอีกจานคือ Mix Okonomi-Yaki หรือพิซซ่าญี่ปุ่นค่ะ ... สั่งแบบ Mix ก็มีสารพัดเนื้อเหมือนกับ Monjya ค่ะ แต่จานนี้ไม่มีกะหล่ำหั่นฝอย แต่มีไข่ไก่ใส่มาค่ะ


ได้ชามส่วนผสมมาแล้ว ก็คนให้เข้ากัน เนื้อส่วนผสมจะข้นเหนียวกว่า Monjya ... แล้วเทลงบนกระทะให้เป็นแผ่นกลมๆ หนาๆ พอสมควร ... ทิ้งไว้รอสุก แล้วก็กลับด้าน รอจนสุกทั้งสองด้าน ก็ดับไฟ หั่นเป็นชิ้นๆ ... ทาน้ำซอสให้ชุ่ม บีบมายองเนสตามชอบใจ แล้วโรยด้วยสาหร่ายป่น กับ งา เหมือนกันค่ะ


ทำไปกินไป อร่อยดีค่ะ ... แรกๆ ก็ตื่นเต้นดี๊ด๊าดีใจ กินกันอย่างสนุกสนาน สั่ง Okonomi-Yaki กับ Monjya มาเพิ่ม แต่ให้ทางร้านทำมาให้เลย ... เว้นช่วงไว้นานไปนิดเลยเริ่มอิ่ม ทีนี้หล่ะ รักกันน่าดู ตักใส่จานเพื่อนเป็นแถว


อิ่ม พุงตึง ตัวหอมหึ่งกันถ้วนหน้า ... เช็คบิล แล้วแยกย้ายกันไป บางส่วนกลับบ้าน แต่เรากับคนดีและสาวอีก 2 คน ชวนกันไปเดินโคเรียน ทาวน์ เพื่อย่อยสักหน่อย ... ก่อนจะแยกย้ายกันกลับจริงๆ


นัดครั้งหน้ายังเป็นอาหารญี่ปุ่นอยู่เหมือนเดิม ... แต่คงต้องเว้นไว้สักระยะก่อน สาวๆ บอก รอเงินเดือนออกก่อนค่ะ

19.2.52

บัณฑิต : ผลงานของ Beauty Check

ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับบัณฑิตใหม่ หมาดๆ "น้องฝน" สาวที่อายุน้อยที่สุดในออฟฟิศ ... เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร เมื่อวันพุธที่ 11 ก.พ. ที่ผ่านมา เป็นบัณฑิตแล้ว ก้าวมาอีกขั้นแล้ว ก็ขอให้ก้าวต่อไปอย่างมั่นคง และสวยงามนะคะ

ลาพักร้อน หลบไปเที่ยวมา 2 วัน กลับมาได้เห็นรูปบัณฑิตใหม่ ที่รอมาหลายวันซะที ... ที่รออยู่หลายวันเพราะว่าอยากเห็นว่าผลงานแต่งหน้าตัวเองของน้องเป็นยังไงบ้างค่ะ หลังจากที่โดนพี่ๆ ฝึกฝนและเคี่ยวกรำ ตรวจสอบความงามกันทุกวันตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา


หลังจากได้รับการสอนเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ และปล่อยให้น้องฝึกแต่งหน้าตัวเอง ... เรากับสาวหมวยคู่หูบิวตี้ ยกสมบัติ อุปกรณ์แต่งหน้าบางส่วนให้ยืมไปทดลองใช้ ฝึกฝีมือ ... และ พี่ๆ ในออฟฟิศ ลงขันรวมกันสั่งซื้อพาเลทท์ ชุดโต ที่มีอายแชโดว์ บลัชออน และ ลิปกลอส พร้อมกับเซ็ทแปรงแต่งหน้าชุดเล็ก จากอีเบย์มาเป็นของขวัญรับปริญญาล่วงหน้า เพื่อให้น้องได้สนุกสนานกับการแต่งหน้า และฝึกฝีมือมากขึ้น


ผลการแต่งหน้าของ น้องฝน เป็นที่พึงพอใจของพี่ๆ เพราะมองหน้าทุกวัน เช็คกันทุกวัน จนน้องมั่นใจขึ้น ... แล้วพอแต่งหน้าไปซ่อมเล็ก ที่มหา'ลัย ก็ได้รับคำชมจากเพื่อนๆ ถึงขั้นมีเพื่อนมาขอให้สอน และขอให้แต่งหน้าให้ด้วย ... น้องเลยมั่นใจที่จะแต่งหน้าตัวเองทั้งวันซ้อมย่อย และวันจริง


แต่ว่า ... คุณแม่ และ พี่สาว ของน้องไม่เคยเห็นผลงานฝีแปรง พอรู้ว่าจะแต่งหน้าเอง ก็ไม่มั่นใจ ... ถามย้ำ ซ้ำๆ อยู่หลายรอบว่า "ไม่จ้างช่างเหรอ แต่งเองจะไหวเหรอ จ้างช่างดีมั้ย จ้างช่างเหอะ" จนน้องชักหงุดหงิด


สุดท้ายน้องก็โชว์ฝีมือแต่งหน้าเองค่ะ ทั้งวันซ้อม รูปที่ปล่อยผม และวันจริง รูปที่รวบผม ... น้องบอกว่าแต่งหน้าตั้งแต่เช้า แล้วไม่มีเวลาส่องกระจกเติมหน้าอีกเลยจนเย็น ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าหน้าเป็นยังไงบ้าง แต่เท่าที่เพื่อนๆ เห็นก็ชมว่าแต่งหน้าสวย


น้องบอกว่า จากวันซ้อมที่แต่งเช้าแล้วอยู่ยาวรวดเดียวไม่ได้เติมหน้าเลย ... วันจริงเลยลงเบสกับรองพื้นเพิ่มขึ้นอีกหน่อย หน้าเนียนขึ้น แต่ก็ดูขาวขึ้นด้วย ... น้องบอกว่าชอบของวันซ้อมมากกว่า


หลังจากที่ได้ดูรูป เห็นผลงานน้องแล้ว ก็พอใจ ... ฝีมือใช้ได้ การฝีกฝนบ่อยๆ ช่วยให้ผลที่ออกมาดีจริงๆ

18.2.52

NARS Workshop : Spring 09

เมื่อเสาร์ต้นเดือน ได้รับโทรศัพท์จากเคาเตอร์นารส์ เซ็นทรัลลาดพร้าว ... โทรมาแจ้งว่าจะมีเวิร์คชอป และชวนไปร่วมกิจกรรมโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ


กำลังไตร่ตรองยังไม่ทันรับปาก เจ้าหน้าที่ก็แจ้งว่าให้พาเพื่อนไปได้อีกคน อยากให้มาร่วม เพราะเป็นการสุ่มเชิญจากสมาชิกที่มียอดซื้อพอสมควร ... ได้ยินแล้วก็ตกลงใจไปทันที เพราะคิดว่าเค้าโทรมาชวน ไม่มีค่าใช้จ่าย ก็ไปใช้สิทธิที่ซื้อมาหลายแล้ว แต่อีกใจก็คิดว่า ไปแล้วน่ากลัวจะเสียทรัพย์เพิ่ม เพราะ คอลเล็คชั่นใหม่ที่ออกมา มีสินค้าที่เข้าตาอยู่ด้วย


หลายวันผ่านไป ก็ได้รับเมล์แนะนำคอลเล็คชั่นใหม่ และแจ้งข่าวเวิร์คชอป ... พอเปิดอ่านก็งง เพราะเขียนว่า ต้องซื้อ voucher ก่อนจะเข้าร่วมเวิร์คชอป แล้วไม่มีเขียนไว้เลยว่าให้พาเพื่อนไปได้ ... อ้าว ไงเนี่ย


เอาไปเล่าให้สาวหมวยคู่หูบิวตี้ที่ชวนไปเวิร์คชอปด้วยกันช่วยคิด ... ตัดสินใจโทรกลับไปถามรายละเอียดเพิ่มเพื่อความชัดเจน เจ้าหน้าที่ยืนยันว่าไม่มีค่าใช้จ่าย เราเลยแจ้งชื่อสาวหมวยลงไว้ด้วย


วันนี้นัดเวิร์คชอปไว้ 18.00-20.00 น. เลิกงานปุ๊บก็รีบดิ่งไปทันที ... ถึงเคาเตอร์แจ้งชื่อเรียบร้อย ไม่ต้องเสียตังค์ซื้อ voucher ใดๆ ก่อนทั้งนั้น ... แต่


เพราะเราไปถึงเป็นคู่แรก เลยต้องนั่งเวิร์คชอปมันตรงเคาเตอร์นั่นหล่ะค่ะ ... ล้างเครื่องสำอางที่แต่งมาตั้งแต่เช้าออกจนเกลี้ยงเกลา ลงครีมบำรุง แล้วเริ่มแต่งหน้าทีละขั้นตอน ... โอ้โห ล้างหน้าเผยหน้าเกลี้ยงกลางห้างว่าเขินแล้ว แต่ต้องแต่งหน้าตัวเอง ทำตาปรือบ้าง อมยิ้มบ้าง เกร็งปากเพื่อจะเขียนอายไลน์เนอร์ ... หน้าตาท่าทางแบบนี้ ไม่ควรจะเปิดเผยในที่สาธารณะเลย


ค่อยๆ แต่งหน้าไปทีละขั้นตอน จนมีสีสันครบถ้วน ... แล้วก็ถึงเวลาเสียทรัพย์ หมายตาอายแชโดว์ไว้หนึ่งชิ้น แล้วได้สมาชิกจากที่ได้ลองใช้ตามมาอีกนิดหน่อย ... เสียทรัพย์ไปตามระเบียบ ไม่ซื้อ voucher ก็เหมือนซื้อหล่ะ


กรุเครื่องสำอางมีเพื่อนมาเพิ่มอีกแล้ว ... แต่งหน้าทุกวัน ก็คงใช้ไม่ทันหมดอายุซะละมั้งเนี่ย


17.2.52

พักผ่อน+ทำงาน : ระยอง-จันทบุรี วันที่ 4

วันสุดท้ายของการลาพักร้อน หยุดพักผ่อนแล้วค่ะ ... เฮ้ออออออออออออออออออออออออออ


เช้าวันนี้ตื่นสายกว่าเมื่อวาน ตื่นแล้วก็ยังกลิ้งไปกลิ้งมา กว่าจะล้างหน้าแปรงฟันออกไปกินข้าวก็เก้าโมงนิดๆ ... คนดียกโน้ตบุ๊คไปนั่งทำงาน ระหว่างรอ ชุด Al medina breakfast มาเสิร์ฟ


กินอิ่มเรียบร้อย คนดีก็กลับมามาส์คหน้า แล้วเปิดดีวีดีดูต่อ ส่วนเราอาบน้ำสระผม เก็บของเตรียมเดินทาง ... เอ้อระเหย เก็บของไปเรื่อยๆ เช็คเอาท์ตอนเที่ยงกว่า


ตอนแรกตั้งใจว่าจะออกเดินทางแต่เช้า เพราะคนดีต้องเข้าไปดูร้านลูกค้าในตัวเมืองจัน แต่จัดการเรียบร้อย ตั้งแต่เมื่อวาน วันนี้เลยไม่ต้องรีบ ... พอไม่รีบ แผนที่จะเที่ยวช่วงเช้าก่อนเข้าไปดูงานเลยพับไป


แล้วแผนเที่ยวก็ไม่ได้ย้ายมาเป็นช่วงบ่าย เพราะคนดีต้องรีบเข้ากรุงเทพฯ มาดูงานติดตั้งบูธของลูกค้าอีก ... เลยเอ้อระเหย ใช้เวลาในที่พักให้เต็มที่ ก่อนจะเดินทางกลับ


เพราะจะยิงยาวเข้ากรุงเทพฯ เลยต้องหาร้านอาหารระหว่างทาง คว้าคู่มือเที่ยวระยองมาเปิดดูทันที ... แล้วก็เลือกแวะร้านแถว สี่แยกกองดิน อ.แกลง "ร้านเกี๊ยวปลาสามย่าน"


ก็ไกด์บุ๊คบอกว่า เกี๊ยวปลาในระยองอร่อย ลองชิมมาแล้วร้านนึงยังไม่เป๊ะถูกใจ เจออีกร้านอยู่ในเส้นทางพอดี ก็ลองชิมอีกสักหน่อย ... ร้านอยู่ห่างจาก ถ.สุขุมวิทเข้าไป 300 เมตร เจอรถจอดอยู่หลายคันให้อุ่นใจ ว่ารสชาติน่าจะใช้ได้


เราสั่งเกี๊ยวปลา คนดีสั่งก๋วยเตี๋ยวเส้นปลา แล้วเลือก ยำเกี๊ยวปลา มากินเล่นๆ ... น้ำซุปอร่อยค่ะ เกี๊ยวก็ใช้ได้อร่อยกว่าร้านแรกนิดนึง กินอิ่มสบายท้องในราคา 90 บาท


อิ่มแล้วก็ตรงดิ่งยิงยาวกลับเข้ากรุงเทพฯ ทันที ... เรานั่งเป็นเพื่อนคนดีช่วยดูทาง บอกทางจนเข้ามอเตอร์เวย์เรียบร้อย แล้วก็หลับผล็อยปล่อยคนดีขับรถเพียงลำพัง


ถึงกรุงเทพฯ กลับสู่โลกแห่งความจริง เตรียมตัวลุยทำงานกันต่อ ... ชาร์จแบตมาแล้ว ก็ลุยงานกันต่อ สู้ สู้

16.2.52

กิ่งไผ่ - ใบรัก

พอรู้ว่าคนดีต้องไปทำงานช่วงที่ไปเที่ยว ส่วนเราไปไหนไม่ได้ ต้องนอนเอกเขนกอยู่ในที่พัก ... เลยบอกคนดีว่า ซื้อนิยายให้สักเล่มซิ รับรองว่าจะไม่เกเร ไม่งอแง


แต่คนดียุ่งมาก เพราะต้องเคลียร์งาน ไม่มีเวลาให้ควงไปเลือกหนังสือ ... เลยถือโอกาสวันที่ไปซื้อของขวัญแวะดูหนังสือซะเลย ก่อนจะเลือกก็โทรไปหยั่งเชิงคนดีก่อน ว่าอนุญาต อนุมัติรึเปล่า ... มีนิยาย 2 เล่ม ทั่วไป 1 เล่ม และ นายรอบรู้ฉบับระยอง คนดีใจดีเหมาจ่ายให้ทั้งหมด


หยิบนิยายทั้ง 2 เล่มติดไปด้วย แต่เลือก "กิ่งไผ่ - ใบรัก" มาอ่านก่อน ... เล่มนี้เป็นผลงานของคุณปิยะพร ศักดิ์เกษม



(ภาพจาก http://www.naiin.com/ )



คำนำจากผู้เขียน

ระหว่างการเดินทาง ท่ามกลางความสนุกสนานรื่นรมย์ เบื้องหลังภาพถ่ายสวยๆ พบปะผู้คนแปลกหน้าต่างชาติต่างวัฒนธรรม ยังมีวินัย ความเสียสละ รวมทั้งความพยายามเพื่อเข้าใจและยอมรับผู้อื่น

การก้าวไปข้างหน้าเพื่อพบสิ่งสิงใหม่ บางครั้งก็เป็นสะเก็ดประกายเล็กๆ ที่จุดให้หวนนึกถึงความเก่าที่ล่วงผ่าน ความผิดความถูก เหตุผลต่างๆนานาของการกระทำที่เคยตัดสินใจ บางทีก็กลับกลายเป็นภาพอันชัดเจนในเวลาเช่นนี้

เวลาแห่งการพบสิ่งใหม่จึงอาจเป็นเวลาที่คนเราสามารถพบความรู้สึก และความต้องการที่แท้จริงในใจตนได้บ้างเหมือนกัน

ระหว่างหน้าหนังสือเล่มนี้ ท่ามกลางความฝันที่หวานและหอม ยังมีแง่มุมให้ขบ มีเรื่องราวให้คิดต่อและไตร่ตรอง แม้มิได้ทิ้งสารอันยิ่งใหญ่ไว้เพื่อพลิกฟ้าสะเทือนดิน ทรงภูมิถึงขั้นเพื่อยกระดับ เรียนรู้พัฒนา หากการปิดหน้าสุดท้ายด้วยรอยยิ้มและใจอันอิ่มสุข ก็น่าจะมีคุณค่าเพียงพอสำหรับการเปิดอ่าน

ความสุข ความงดงามและความพอใจ ไม่ควรกลายเป็นสิ่งอันควรปฏิเสธ!




คำนำจากสำนักพิมพ์อรุณ

พระเอกในนวนิยายของ "ปิยะพร ศักดิ์เกษม" มักเป็นที่ชื่นชอบของสาวๆ นักอ่านเสมอ แถมบาง "พระเอก" ยังได้เป็นต้นแบบชายในฝันของใครหลายคนเลยทีเดียว

"สรรค์" ก็เช่นกัน หลายคนที่อ่าน "กิ่งไผ่-ใบรัก" มาแล้ว ยอมรับว่าเขานี่แหละคือรูปแบบของพระเอกในดวงใจ ด้วยเหตุนี้ "กิ่งไผ่-ใบรัก" จึงมีผู้อ่านถามถึงอยู่เสมอยามหนังสือขาดตลาด

ใครที่รอคอยอยู่ ก็หวังว่าจะเป็นที่ถูกใจทั้งเนื้อหา รูปเล่ม และแบบปก ... ส่วนใครที่ยังไม่เคยอ่าน และอยากอมยิ้มอย่างมีความสุขตลอดการอ่าน รับรองแก้มปริสมใจ



หลังจากอ่านจบแล้วยิ้มแก้มปริจริงๆ ค่ะ ... เมื่อสาวหัวดื้ออย่าง "อารตี" กับ "สรรค์" หนุ่มโสดที่เพียบพร้อม โดนครอบครัวจับคู่เข้าด้วยกัน ... สาวหัวดื้อก็ตั้งป้อมปฏิเสธทันที แต่ก็พลาดตกหลุม โดนอามาชักเชิดให้เดินทางไปเมืองจีนด้วยกัน เป็นเหตุให้เธอได้เข้าไปใกล้ชิดผูกพันกับเขา ... หัวใจที่เคยคิดว่าแข็งแกร่ง กลับอ่อนไหวและหลอมละลายลงอย่างเงียบๆ


ได้อ่านไป ยิ้มไป แล้วได้เที่ยวไปด้วยค่ะ เพราะฉากของเรื่องนี้ พาไปเที่ยวเมืองจีนค่ะ ... อ่านสนุก อ่านเพลิน และมีเวลาเหลือเฟือให้อ่านต่อเนื่อง เลยอ่านจบได้ในวันเดียว

พักผ่อน+ทำงาน : ระยอง-จันทบุรี วันที่ 3


ตื่นเช้าเพราะท้องเริ่มร้องโครกคราก ... อาหารเช้าของที่นี่เสิร์ฟตั้งแต่ 7.30 - 12.00 น.ไม่ต้องรีบตื่นมาหม่ำ แต่เราสองคน ท้องร้องตั้งแต่ 8 โมง

ตื่นลืมตาได้สักพัก ก็กดออกไปแจ้งพนักงานว่าจะออกไปหม่ำแล้ว เพื่อให้เค้าเตรียมอาหารที่เลือกไว้ ... แล้วเราสองคนก็ล้างหน้าแปรงฟัน เปลี่ยนเสื้อ แล้วออกไปนั่งรอที่ศาลาริมหาด


เราเลือกชุด Al medina Breakfast ส่วนคนดีเลือกชุดข้าวต้มกับ ... หมูทรงเครื่องในชุดที่เราเลือก อร่อยมาก


หลังจากจัดการเกลี้ยงแล้ว คนดีกลับเข้าห้องอาบน้ำแต่งตัว เตรียมของออกไปดูงานที่ร้านลูกค้า แถวมาบตาพุด ระยอง ... ก่อนออกไปก็ต้องคว้าแผนที่มากาง ซักซ้อมเส้นทางให้คนดีสักหน่อย เพราะเราไม่ได้ไปด้วย


ส่งคนดีไปทำงานแล้ว ได้เวลาอาบน้ำแต่งตัวบ้าง เริ่มต้นพักผ่อนแบบเต็มที่ ... หยิบนิยาย ออกไปนอนเอกเขนกอ่านบนเตียงผ้าใบ อ่านไป ฟังเสียงคลื่นซัดไปด้วย เพลิน และสบายสุดๆ


อ่านไปเรื่อยๆ จนแดดเริ่มแรงขึ้น ต้องขยับเตียงหลบแดดอยู่หลายรอบ เลยตัดสินใจย้ายเข้าไปเอกเขนกอ่านในห้องต่อ ... เพลิดเพลินกับการอ่านนิยายจนเริ่มหิว เลยพับหนังสือ หอบโน้ตบุ๊คออกไปสั่งผัดไทย แล้วนั่งกินไป โหลดรูปไป จัดรูปไปด้วย


อิ่มแล้วก็ย้ายกลับเข้าห้อง มาอ่านนิยายต่อ ... เวลาผ่านไปจนบ่ายเริ่มแก่ อ่านมากๆ ชักจะเบื่อ เลยเปลี่ยนอิริยาบถไปนั่งเล่นเน็ตในสวนเล็กๆ แทน


พอแสงแดดเริ่มอ่อน ตะวันใกล้จะร่วงลงน้ำอีกแล้ว เลยเก็บของเข้าห้อง คว้ากล้องถ่ายรูป ขึ้นไปบนดาดฟ้าแทน ... บนดาดฟ้า มีโดมสไตล์โมรอคโค และเป็นลานกว้างๆ โล่งๆ มีเก้าอี้ให้นั่งพัก นั่งเล่น เลยหามุมสงบนั่งดูตะวันหล่นน้ำ



มีคนดีนั่งดูตะวันตกน้ำด้วยกัน 2 วัน วันนี้นั่งดูคนเดียว เหงาพิกล กลับเข้าห้องมาขนของออกไปนั่งรอคนดีตรงโต๊ะอาหาร ... คนดียังวุ่นวายอยู่กับงาน แต่จะกลับเข้ามากินข้าวเย็นด้วย ให้เราสั่งอาหารรอได้เลย ....ครัวที่นี่ปิดสองทุ่ม ราวๆ ทุ่มครึ่งก็สั่งอาหาร มาม่าผัดขี้เมาทะเล เต้าหู้ทรงเครื่องสูตรอาม่า ผัดผักรวมมิตร

อาหารเสร็จมาวางรอแล้ว เราเองก็พร้อมแล้ว เล่นคอมฯ จนแบตหมด อ่านนิยายจบเล่ม หันไปหยิบนิตยสารที่อยู่ใกล้ๆ มาอ่านต่อ ... กว่าคนดีจะมาถึงก็เกือบสามทุ่ม อาหารเย็นหมดแล้ว แต่พนักงานที่นี่น่ารัก มายกไปอุ่นให้ทันทีที่เห็นคนดีจอดรถ


อาหารที่นี่อร่อยค่ะ รสชาติดี ราคาค่อนข้างสูงเพราะเป็นอาหารในโรงแรม แต่เมื่อวัดกับคุณภาพ และปริมาณที่ได้ ... ก็ผ่านค่ะ อร่อยแบบนี้ จ่ายแพงนิดนึงก็รับไหว


อิ่มแล้ว แบกพุงเต่งๆ เข้าห้อง มีของที่ระลึกเล็กๆ น้อยๆ มาวางไว้ ... ชอคโกแลต กับ ป้ายอวยพรให้ฝันดี พร้อมแจ้งสภาพอากาศ

เก็บของ อาบน้ำ แล้วก็เอกเขนกเปิดดีวีดีซีรี่ส์ที่พกมาดูกันต่อ ... สนุก เพลิน จนง่วงหลับ หมดไปอีกวันแล้ว

15.2.52

: 83 เดือน :


เดือนนี้เป็นอีกครั้งที่ วันพิเศษของเราสองคน ตรงกับวันที่ออกมาตะลอนเที่ยว ... แถมยังอยู่ติดกับวันวาเลนไทน์พอดี เลยมีกระไอความรักลอยกรุ่นต่อนื่อง ... จริงๆ ก็รักทุกวันนั่นแหละ แต่หาเรื่องให้มีอะไรพิเศษนิดนึง


ตะลอนเที่ยวด้วยกัน ไปไหนด้วยกัน เป็นเพื่อนคู่หู ... บางทีก็คุยกันสารพัด แต่บางครั้งนั่งเงียบๆ อยู่ใกล้ๆ ก็อุ่นใจแล้ว





"ในชั่วชีวิตหนึ่งของคนเรา คงจะมีไม่กี่คนนักหรอกที่สามารถนั่งเถลไถลปล่อยเวลาให้เลื่อนผ่านไประหว่างกันได้โดยไม่รู้สึกเบื่อหน่าย รู้สึกอึดอัดรำคาญใจ และผู้คนเหล่านั่นย่อมต้อง 'พิเศษ' อย่างแท้จริง"

(ข้อความจากส่วนหนึ่งของนิยายเรื่อง "กิ่งไผ่-ใบรัก" ของคุณปิยะพร ศักดิ์เกษม)

คนดีจ๋า คุณคือคนพิเศษคนนั้น ... ขอบคุณที่จูงมือกันมาตลอด รักคนดีค่ะ

พักผ่อน+ทำงาน : ระยอง-จันทบุรี วันที่ 2


หลังจากนอนเต็มอิ่ม และตื่นไปจัดการชุดเบรคฟาสต์อาหารเช้าเรียบร้อย ก็ได้เวลาเก็บเสื้อผ้า เก็บกระเป๋า เดินทางกันต่อ ... ออกสายกว่าที่ตั้งใจเหมือนเดิม


แวะไหว้พระ ทำบุญนิดหน่อยที่วัดวังหว้า ... หม่ามี้กับพ่อย้ำนักย้ำหนาว่าให้แวะไปไหว้หลวงปู่คร่ำ แล้วยังย้ำให้คนดีเช่าผ้ายันต์กลับมาด้วย จะได้ช่วยเรื่องการทำมาค้าขาย


ไหว้พระเรียบร้อย ก็มุ่งหน้ากันต่อ ตรงดิ่งเข้า อ.แกลง ... อ่านเจอในหนังสือคู่มือเที่ยวว่า ที่ระยองมีเกี๊ยวปลาอร่อย แล้วมีร้านนึงอยู่ในตัว อ.แกลง เลยลองวนรถเข้าไปหาดู ชื่อร้าน ก๋วยเตี๋ยวปลานายเคี้ยม


มองหาเทศบาลตำบลแกลงเป็นหลัก เพราะร้านอยู่ไม่ไกลนัก งมๆ ไปจนเจอป้าย เห็นร้านกว้างขวาง รถจอดเยอะ ลูกค้าแยะ ก็อุ่นใจว่าใช่แน่ๆ ... แต่ป้ายร้านนี้มี 2 อัน 2 ชื่อ เลยไม่รู้ว่าอันไหนเป็นชื่อจริง ชื่อเล่น


จอดรถด้านหลังร้านเรียบร้อย ก็เดินหาโต๊ะนั่ง ระหว่างหาโต๊ะก็สะดุดตากับป้ายรายการอาหารขนาดใหญ่ ที่มีทั้งภาพและชื่อประกอบชัดเจน ... เส้นเล็กเย็นตาโฟ เกี๊ยวปลาสามรส และผัดไทยโบราณ รสชาติใช้ได้ น้ำซุปอร่อย ... แต่คนดีที่ชอบกินลูกชิ้นปลา บอกว่ายังไม่ปลื้มมากนัก


อิ่มของคาวแล้ว ลองชิมของหวานต่อ ไอติมกะทิสด กับ ไอติมกะทิโบราณ ... กะทิสด มีถั่วแดง ข้าวโพด ข้าวเหนียว ใส่มาด้วย แล้วเนื้อไอติมจะข้นและเนียนกว่า ... ส่วนกะทิโบราณ มีลอดช่อง แตงไทย ขนมไข่ เนื้อไอติมจะร่วน และเบากว่า เหมือนเป็นน้ำมะพร้าวแช่แข็ง


อิ่มแล้วก็อำลาระยอง มุ่งหน้าไปจันทบุรี จุดหมายอยู่ที่ Al medina Beachhouse ... รีสอร์ทสีขาว สไตล์โมรอคโค ที่หาดคุ้งวิมาน


ตึกขนาดเล็ก สีขาว สบายตา ตกแต่งแบบสไตล์โมรอคโคทุกมุม ... ครั้งนี้เลือกพักห้องหมายเลข 3 ชื่อ Rabat อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบถ้วน สงบ สบาย และมีสไตล์ที่แปลกแต่น่าสนใจ


เก็บของเรียบร้อย นอนเอกเขนกพักร้อนรอเวลาสักหน่อย ...พอแดดเริ่มร่มราวๆ สี่โมงเย็น ก็ขึ้นรถมุ่งหน้าไป ศูนย์ศึกษาธรรมชาติ อ่าวคุ้งกระเบน ไปเดินศึกษา เรียนรู้ธรรมชาติ และความสำคัญของป่าชายเลน


สะพานทางเดินไม้ที่ทำเป็นเส้นทางเดินลัดเลาะไปตามป่าชายเลน แวะพักตามศาลาต่างๆ ที่จัดไว้ อ่านข้อมูล และทำความรู้จักกับธรรมชาติ ... เหมือนกลับไปเป็นเด็ก ได้เดินออกกำลังกาย ได้ความรู้ อากาศดี๊ดี ... การมาครั้งนี้ทำให้รู้ว่า พื้นที่แถวนี้เคยเป็นแหล่งอาศัยของ "หมูดุด" หรือ "พะยูน" แต่ตอนนี้สูญพันธ์ไปจากบริเวณนี้แล้ว


เดินวนระยะ 1,600 เมตร แดดเริ่มราแสง ตะวันเตรียมตัวจะลับฟ้า หล่นลงน้ำไปอีกแล้ว ... เราสองคนรีบขึ้นรถกลับมาที่หาดคุ้งวิมานทันที ตรงดิ่งไป เนินนางพญา จะไปรอส่งตะวันที่จุดชมวิวค่ะ


ลานกว้างๆ โล่งๆ ริมทะเล รับลมเย็นๆ ได้เต็มที่ เราสองคนเลยสนุกสนานกับการถ่ายรูปเหมือนเคย ... มีกล้องในมือคนละตัว กดถ่ายรูปกันสนุกเชียว


พอตะวันลับหายไปในเมฆ แสงเริ่มจาง ฟ้าเริ่มครึ้ม ก็ย้ายที่มาตรงหาดคุ้งวิมาน มาทำการสุ่มเลือกร้านอาหารมื้อเย็นของวันนี้ ... เพราะแถวหน้าหาดมีเพิง และร้านอาหารทะเลให้เลือกอยู่หลายร้านเชียว


สุ่มดวงเสี่ยงเลือก ครัวชบา แล้วปักหลักนั่งในเพิงยกสูงที่อยู่ติดริมหาดเลย ... เป้าหมายที่อยากจะลองชิมคือ หมึกแดดเดียว เพราะแถวนี้มีรถขายหมึกแดดเดียวย่างอยู่หลายคัน ที่สำคัญเค้าบอกกันมาว่า หมึกแดดเดียวที่นี่ สด และอร่อย เลยต้องลองชิม


ส้มตำปูม้า ลาบกุ้ง ปลากระพงทอดน้ำปลา จากครัวชบา สร้างความประทับใจให้เราสองคนมาก รสชาติเยี่ยมเลย ... ส่วนหมึกแดดเดียว จากรถเข็น ก็อร่อยจริงๆ หวาน สด กรอบ ไม่ต้องจิ้มน้ำจิ้มก็อร่อยแล้ว ... มื้อนี้กินกันลืมห่วงโคเลสเตอรอลเลย


อิ่มแล้วเคลื่อนที่อีกนิดเดียวก็ถึงที่พักแล้ว ... เปิดดีวีดีที่พกมาดูอย่างสบายอารมณ์ คนดีดูแล้วติด อินอีกตามเคย ส่วนเรา ขอไปเฝ้าพระอินทร์ก่อน