29.4.52

Gizmo : I'm 2 years old


ซาหวัดดีคร้าบบบบบบ ... ผม "กิซโม่" ชิวาว่าตัวขาวของมี้ มายึดหน้าบล็อกของมี้อีกแล้วครับ ... มี้บอกว่าวันนี้เป็นโอกาสพิเศษครับ เลยอนุญาตให้ผมมายึดพื้นที่ได้


มี้บอกว่า วันนี้เป็นวันเกิดของผมครับ ผมอายุ 2 ขวบเต็มแล้วครับ ... เอ่อ 2 ขวบ นี่เยอะมั้ยอ่ะครับ แล้ววันเกิดนี่ พิเศษยังไงเหรอครับ


มี้บ่น ว่าผมยิ่งโตแล้วยิ่งยุ่ง ยิ่งซน ยิ่งรู้มาก และ ยิ่งเรื่องมากครับ ... มี้ว่าตอนผมเป็นเบบี้ตัวเล็กๆ เพิ่งมาอยู่กับมี้อ่ะ น่ารัก น่าเอ็นดู แล้วก็เลี้ยงง่ายกว่าตอนนี้เยอะ




เพราะตอนเล็กๆ ผมตัวนิดเดียว กินอิ่มก็ง่วง นอนหลับเต็มอิ่มก็ตื่น วิ่งเล่นจนเหนื่อยก็หิว ... กิน - นอน - วิ่งเล่น อยู่แค่นี้หล่ะครับ


พอโตขึ้น มี้บอกว่า ผมอ่ะ ซนมากๆ เป็นชิวาว่าพันธ์ผสมระหว่างลิงกับจิงโจ้ครับ ... ผมว่าผมก็เป็นเด็กดีนะครับ แล้วผมก็หล่อขึ้นด้วย




ผมหล่ะไม่เข้าใจมี้จริงๆ เล้ยยยยย ... บอกว่าวันนี้วันพิเศษ แต่ไม่เห็นมีอะไรพิเศษกว่าวันอื่นๆ เลย ก็เหมือนทุกๆ วันนั่นแหละ มี้ก็บ่นผมเหมือนเดิม แถมยังเปิดรูปตอนที่ผมยังบ๊องแบ๊วให้ดูด้วย ไม่เท่เลย ... โม่เซ็ง


มี้บอกว่าให้ผมอดใจรออีกหน่อยครับ ของขวัญจะตามมาทีหลัง ... แล้วมี้ก็ลุกไปเก็บของใส่กระเป๋าสีน้ำเงิน โอ๊ะ โอ๊ะ โอ๊ะ นั่นมันกระเป๋าสมบัติของผม เวลามี้จะพาผมออกไปเที่ยวใกล้ๆ นี่ครับ


มี้จะพาผมไปเที่ยวเหรอคร้าาบบบบบบบบบ ... มี้คร้าบบบ มี้จะพาผมไปเที่ยวใช่มั้ย ... มี้คร้าบบบ มี้จะพาผมไปเที่ยวไหน


โอ๊ย มี้ไม่ยอมตอบผมเลยครับ คุณพี่ คุณป้า คุณน้า คุณอา ทั้งหลายครับ ... ผมขอตัวไปตามถามมี้ก่อนนะครับ ว่าจะพาผมไปเที่ยวจริงรึเปล่า แล้วผมจะกลับมาเล่าให้ฟังทีหลังนะครับ
ผมไปก่อนนะคร้าบ สวัสดีครับ

27.4.52

ไม่ผ่อง แต่ ไม่ผด

ลังเลอยู่นานว่าจะจัดบล็อกหน้านี้เข้าหมวดไหนดีค่ะ ... เข้าหมวด Note เป็นบันทึกช่วยจำ หรือ หมวด Talk บ่น เม้าท์ เล่าไปเรื่อย หรือ หมวด Beauty เรื่องสวยๆ งามๆ


สุดท้ายก็จัดเข้าหมวด Beauty ค่ะ เพราะผู้หญิงก็ต้องห่วงสวยห่วงงาม ... แล้ว ปัญหาผดผื่น ที่เคยบ่นไว้ ก็หายแล้ว กลับมาเรียบเนียน ขี้เหร่น้อยลง กลับสู่สภาวะปกติ โล่งอก สบายใจ


หลังจากที่ไปหาคุณหมอ ได้เจลล้างหน้า และยามาทา ... โดยมีตัวนึงที่คุณหมอบอกว่า ให้ทา 3 วันเท่านั้นพอ ไม่เคยใช้มาก่อน แต่คุณหมอบอกว่า 3 วัน ผดผื่นจากการแพ้อะไรไม่รู้ จะดีขึ้น


อยากรู้ว่าจะจริงรึเปล่า เลยถ่ายรูปเก็บไว้ค่ะ ... เก็บภาพทั้งแก้มซ้าย แก้มขวา หน้าผาก ไว้ทั้ง 3 วัน โดยระยะเวลาที่ถ่ายรูปไว้ก็ใกล้เคียงกันค่ะ


ค่ำวันพุธที่ได้ยามา ก็ล้างหน้า ทาครีมตามคุณหมอสั่ง ... เช้าวันพฤหัสฯ ก็ล้างหน้าทาครีมตามลำดับเหมือนเดิม ... กลับมาบ้านก่อนจะล้างหน้า อาบน้ำ ก็ถ่ายรูปเก็บไว้


ทำแบบนี้ต่อเนื่อง ... ค่ำวันพฤหัสฯ และ เช้าวันศุกร์ ถือว่าได้รับยาวันที่ 2 ... ค่ำวันศุกร์ และ เช้าวันเสาร์ ถือว่าได้รับยาวันที่ 3


ได้รับยาครบ 3 วันแล้ว ... ผลจะเป็นยังไง ไปดูกันเลยค่ะ



ลองลูบก็รู้สึกได้ว่า ผด ผื่น ที่ขึ้นเป็นเม็ดๆ และเป็นปื้นๆ ลดลง หน้าเรียบขึ้น ลูบแล้วไม่สาก ระคายมือ ที่เคยคันยิบๆ ก็หายสนิทค่ะ ... ลองดูด้วยตาก็เห็นว่าผิวเรียบ เนียนขึ้น ไม่เป็นผด ผื่น ปื้นๆ เหมือนตอนเพิ่งกลับมาจากวัด


จริงๆ ถ่ายรูปไว้ครบทั้งแก้มซ้าย แก้มขวา และหน้าผากนะคะ ... แต่พอเปิดดูรูปแล้ว รูปข้างแก้มทั้ง 2 ข้างไม่ชัดค่ะ เบลอๆ มัวๆ ... มีแต่รูปหน้าผากนี่หล่ะค่ะที่ชัดเจนหน่อย

สำหรับผดผื่นที่แขน ก็หายไปเรียบร้อยนะคะ ... ไม่เป็นตุ่ม เป็นปื้นแล้วค่ะ ได้แขนเรียบๆ กลับมาแล้วค่า ... เย้

สรุปว่าผลการใช้ยา 3 วันของคุณหมอ เป็นที่พอใจค่ะ ... แต่ปัญหาที่ยังอยู่ คือ สิว ค่ะ มีสิวเม็ดเล็กบ้าง เม็ดกลางบ้าง ผุด โผล่มาหลายจุด


ระยะหลังมานี่ไม่ค่อยเจอปัญหาสิวบุกเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะโผล่มาก็แค่ 1-2 เม็ด แถวๆ คาง โผล่มาช่วงใกล้น้องหัวแตก (มีรอบเดือน) ... แต่นี่ เล่นผุดทั้งคาง แก้ม จมูก หน้าผาก กระจายกำลังไปทั่ว


แหม จัดการผดผื่นหาย แต่ก็ยังมีสิวมากวนใจอีก ... เอ้า ไม่เป็นไร ค่อยๆ จัดการกันไป ตราบใดที่ยังมีสิว แสดงว่ายังไม่แก่ ฮอร์โมนยังปรี๊ดปร๊าดอยู่ ... เรื่องสิว เรื่องจิ๋วๆ เนอะ

26.4.52

บุญกิริยาวัตถุ 10

กลับจากถือศีล ปฏิบัติธรรม ก็ยังอินกับพระธรรม คำสอน อยู่ค่ะ ... แล้วยังขนซื้อหนังสือธรรมะกลับมาอีกหลายเล่ม


แต่เล่มที่เปิดบ่อยๆ ช่วงนี้ เป็นคู่มือ ทำวัตร-สวดมนต์ ค่ะ ... ตอนที่ใช้หนังสือเล่มนี้ที่วัด ก็เจอหน้าที่เขียนถึง "บุญกิริยาวัตถุ 10" อ่านแล้วชอบใจ เลยดึงออกมาเก็บไว้ที่บล็อกค่ะ


บุญกิริยาวัตถุ 10 ... "ที่ตั้งแห่งบุญ, ทางแห่งความดี" เป็นข้อปฏิบัติที่ช่วยชำระจิตให้ปราศจากความโลภ โกรธ หลง เพื่อบรรเทาและกำจัดทุกข์ในชีวิต

ทานมัย - บุญเกิดจากการให้ การเสียสละ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ทั้งวัตถุทาน และอภัยทาน

สีลมัย - บุญเกิดจากการควบคุมการกระทำทางกาย วาจา ให้เรียบร้อยเป็นปกติ ไม่เบียดเบียนตนและคนอื่น

ภาวนามัย - บุญเกิดจากการอบรมจิตให้สงบ และเกิดปัญญารู้แจ้งในอริยสัจจ์

อปจายนมัย - บุญเกิดจากการอ่อนน้อมถ่อมตนอยู่เสมอ

เวยยาวัจจมัย - บุญเกิดจากการช่วยเหลือเกื้อกูลในกิจที่ถูกต้องดีงาม แก่เพื่อนและสังคม

ปัตติทานมัย - บุญเกิดจากการแผ่เมตตาและบุญกุศลที่ตนได้ทำแก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย

ปัตตานุโมทนามัย - บุญเกิดจากการอนุโมทนาพลอยยินดี กับความดีของผู้อื่น

ธัมมัสสวนมัย - บุญเกิดจากการฟังหรือศึกษาธรรม

ธัมมเทศนามัย - บุญเกิดจากการแนะนำข้อธรรมที่ตนได้ศึกษา และปฏิบัติ มาให้แก่ผู้อื่น

ทิฏฐุชุกัมม์ - บุญเกิดจากการอบรมความคิดความเห็นของตนให้ถูกต้องกับหลักธรรมในพระพุทธศาสนา เช่น เรื่องเชื่อกฎแห่งกรรม อริยสัจสี่ เป็นต้น


ที่ชอบใจ เพราะอ่านแล้วเห็นว่า ทำได้ง่ายๆ ไม่ยาก หมั่นทำบ่อยๆ ก็ดีแก่ตัวเอง ... แล้วคนรอบข้างก็คงจะสบายหู สบายตา สบายใจ ด้วย


ถึงจะอินกับธรรมะ แต่ยังไม่ถึงขั้นบรรลุ หรือ ละกิเลสได้ทั้งหมดหรอกนะคะ ... แค่อารมณ์ ปรู๊ด ปร๊าด ปรี๊ด น้อยลงค่ะ

25.4.52

ของขวัญวาเลนไทน์

แหะ แหะ ไม่ได้หลงวัน หลงเดือนนะคะ ... แต่เพิ่งได้รับของขวัญวาเลนไทน์ครบถ้วนสมบูรณ์วันนี้เองค่ะ


2 เดือนก่อน ตอนวาเลนไทน์ ได้รับการ์ดจากคนดีว่า ได้รับสิทธิเลี้ยงข้าว 1 มื้อ กับ สปา 1 ครั้ง ... ใช้สิทธิ เลี้ยงข้าวฉลองวาเลนไทน์ ไปเมื่อเดือนก่อน ... ยังเหลือสปานี่แหละค่ะที่ยังไม่ได้ใช้สักที


พอดีที่กลับจากปฏิบัติธรรมแล้วปวดหลัง เมื่อยหลังเหลือเกิน ... ตอนอยู่ที่วัดปวดหลังตอนนั่งสมาธิ และเดินจงกรมตลอด ... กลับมาแล้วเลยขอใช้สิทธิสปาทันทีค่ะ


เช้าวันนี้ คนดีขอให้ตื่นแต่เช้าเพราะจะเอาโกลดี้ไปให้ร้านที่ติดแก๊ส ช่วยเช็คอาการเครื่องกระตุก และดับอีกครั้ง ... ไปถึงร้าน แปดโมงกว่า ช่างดูอาการ ลองเครื่อง เช็ค และจูนเครื่องให้ใหม่ ราวๆ เก้าโมงกว่าก็เสร็จ รีบมุ่งหน้าตรงมาสปาที่เลือกไว้ทันทีค่ะ


เลือกใช้สิทธิที่ Let's Relax สาขารัชดา ค่ะ ... เลือกโปรแกรม Heavenly Relax - นวดเท้า และ นวดไทยประคบ 2 ชั่วโมง 45 นาที ค่ะ


โทรจองเวลาไว้ตอน 10.30 น. แต่มาถึงสปาตอน 10.00 เป๊ะ ... สปาเพิ่งเปิด เลยสงบ เงียบ สบายดีค่ะ


(ที่มาของภาพ จาก http://www.bloomingspa.com/ เว็บหลักของ Let's Relax ค่ะ)
นวดเสร็จแล้วก็เริ่มตะลอนทัวร์กันต่อ ... ข้ามฟากไปฟอร์จูน ไปดูแผ่นโปรแกรม ซื้ออุปกรณ์ไอทีที่ชำรุด แล้วหม่ำข้าว


อิ่มแล้วก็มุ่งหน้าไป คริสตัล ปาร์ค ... ภารกิจหลัก คือ ไปซื้ออาหารให้หมาโม่ และเจ้าเหมียวที่บ้านค่ะ ... ปกติซื้อร้านประจำที่สาขาสวนลุม ไนท์ แต่เมื่อเช้าแวะไปร้านยังไม่เปิด เลยลองโฉบมาดูที่นี่แทนค่ะ ... ถือโอกาสมาเดินเล่นด้วยค่ะ เพราะเราทั้งคู่ไม่เคยมาเลยค่ะ


เราซื้ออาหารหมาแมวเรียบร้อย คนดีทำธุรกรรมทางการเงินที่แบงค์เรียบร้อย ... แวะกินไอติมดับร้อน ก่อนจะมุ่งหน้าไปหาซัพพลายเออร์ของคนดีค่ะ เพราะมีงานที่ต้องส่งให้ทำ


แวะเรียบร้อยแล้ว คนดียังไม่เสร็จธุระค่ะ ... มุ่งหน้าไปโรบินสัน รัชดา คนดีแวะไปซื้ออุปกรณ์เครื่องเขียนที่บีทูเอสค่ะ


จัดการธุระเรียบร้อย ก็ได้เวลามื้อเย็นพอดี ... แวะ ห้าแยกตำซั่ว รองท้องสักหน่อย ก่อนกลับเข้าบ้านค่ะ


เป็นการรับของขวัญวาเลนไทน์ ที่ต้องแลกกับการตะลอนทัวร์ทั่วกรุงเทพฯ ... ปรากฎว่าที่นวดสบายไปตอนเช้า หลังจากตะลอนไปทั่ว ตกเย็นชักจะเริ่มเมื่อยอีกแล้วหล่ะค่ะ เฮ้อออออออออออ

24.4.52

Beef : Beef : Beef


วันนี้เป็นวันเนื้อ เนื้อ จริงๆ ค่ะ เป็นวันที่กินเนื้อวัวต่อเนื่องทั้งวัน ... มาสังเกตดู ตั้งแต่คบกับคนดีมา วันนี้เป็นวันที่กินเนื้อวัวมากที่สุดเลยค่ะ


เนื่องจากคนดีไม่กินเนื้อค่ะ เพราะฉะนั้นเวลาไปร้านอาหาร ก็งดเมนูเนื้อไปโดยปริยาย ... เพราะถ้าสั่งมาแล้วก็ต้องรับผิดชอบแต่เพียงลำพัง ไม่ไหวอ่ะค่ะ เยอะเกินไป ... ยกเว้นแต่ว่าไปกันเป็นหมู่คณะ แล้วมีคนกินเนื้อ ก็จะได้อานิสงส์นั้น ร่วมแจมกับเค้าด้วย


มื้อเช้าฝากท้องไว้กับแซนด์วิชอบร้อน และ ชีสไบท์ ใน 7-11 และ น้ำผลไม้ 1 กล่อง ... อยู่ท้อง อิ่มกำลังสบาย ... เป็นมื้อเดียวที่ปลอดเนื้อค่ะ


มื้อกลางวัน ดับเบิลชีสเบอเกอร์ จากแมค ที่สั่งมาส่งที่บ้านค่ำเมื่อวาน ... อยู่ๆ ก็เกิดนึกอยากกินดับเบิลชีส แต่พอสั่งมาแล้วก็กินไม่ลง เลยเก็บมาเป็นมื้อกลางวัน


พอดีกับที่ฝากน้องที่ออฟฟิศซื้อ เนื้อเค็ม จากร้านข้าวเหนียวเนื้อหมูฝอย เนื้อฝอย เจ้าอร่อยมา 2 ขีด ... เลยแกะถุง หยิบมา 4-5 ชิ้น มาหม่ำเป็นมื้อกลางวันด้วย


มื้อเย็นมีนัดกับที่บ้าน คุณพิไลเป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าว เนื่องในวันเกิดเจ้าน้องชายค่ะ ... จริงๆ จะเลี้ยงกันตั้งแต่วันเกิดแล้ว แต่สมาชิกอยู่กันไม่ครบ เลยเลื่อนมาวันนี้ค่ะ


ตอนแรกก็คิดว่าจะไปร้านอาหารแถวลาดพร้าวที่พ่อสนใจ ... สุดท้ายกลายเป็น ซิสเลอร์ สาขา เอสซีบี ปาร์ค


5 คน ก็สั่งอาหารกันคนละจาน ... พ่อ กับ เจ้าน้องชาย สั่งเนื้อแน่นอนอยู่แล้วค่ะ คุณพิไล เลือกแซลมอน คนดีเลือก ไส้กรอก กับ ไก่บาร์บีคิว ... ส่วนเรา หลังจากพิจารณาเมนูอยู่นาน สุดท้ายก็เลือก สเต็กเนื้อสับ ชื่ออะไรก็จำไม่ได้แล้วค่ะ


ที่สั่งเพราะกะจากปริมาณแล้วว่าน่าจะจัดการหมด ... แต่พอกินเข้าจริงๆ ก็ทำเอาแย่ค่ะ กว่าจะจัดการหมด ก็อิ่มมากกกกกกกกกกกกกกกกก


แบกพุงเต่งๆ กลับมาบ้าน ก็นึกได้ว่ายังมีเนื้อเค็มที่เหลืออยู่ด้วย ... เหอ เหอ จัดการหมดแล้ว คงงดกินเนื้อวัวไปอีกพักใหญ่หล่ะค่ะ

23.4.52

น้องซิน : รับ - ส่ง


น้องซิน คือ น้องอุปการะ ที่มีผู้อุปการะร่วมกันดูแล ถึง 13 คน ... ทำความรู้จักน้องซิน ได้ที่นี่ ค่ะ



ถึงน้องซินจะมีผู้อุปการะเยอะ แต่ผู้อุปการะก็ภารกิจเยอะกันทั้งนั้น ... ดูแลน้องมาได้ราวๆ 5 เดือนแล้ว ผ่านทั้งวันเกิดน้อง วันปีใหม่ วันเด็ก และวันสงกรานต์ ผู้อุปการะก็ยังไม่ได้ส่งจดหมาย หรือ ของ ไปรับขวัญน้องอุปการะของพวกเราเลย


คิดได้ว่าน่าจะส่งของไปให้น้อง ส่งจดหมายไปทักทายน้องสักหน่อย ตอนต้นปี จะได้รวบยอดวันเกิด - ปีใหม่ - วันเด็ก ... แล้วก็รับหน้าที่แทนสมาชิกคนอื่นๆ จะไปหาซื้อของให้น้อง แต่ก็ติดนั่นนู่นนี่ ไม่ได้หาซื้อของให้น้องสักที


เพิ่งจะได้ซื้อของที่อยากจะให้น้อง เมื่อปลายเดือนที่แล้ว ทยอยซื้อมานิดๆ หน่อยๆ ... แต่ก็ยังได้ไม่ครบอย่างที่ตั้งใจ เพราะอยากจะเขียนจดหมายคุยกับน้องก่อน จะได้ซื้อของที่น้องจำเป็นต้องใช้ และได้ใช้ประโยชน์จริงๆ



นี่แหละค่ะ ประดาของที่ทยอยซื้อมา ... เริ่มจากตุ๊กตาหมีที่ซื้อไว้นานมาก แล้วมีเครื่องเขียนนิดหน่อย เพราะคิดว่าน้องจะได้ใช้ช่วงเปิดเทอม ... หนังสืออ่านเล่นๆ เพราะเห็นว่าน้องชอบภาษาไทย แถมด้วยสมุดนิทานระบายสีประสาเด็กผู้หญิง ... ปิดท้ายด้วยกระเป๋าผ้า กับ ถุงเท้า


จริงๆ อยากจะซื้อเสื้อยืด กระโปรง กางเกง ชุดนอน เสื้อกล้าม กางเกงใน กิ๊บติดผม โบผูกผม และรองเท้าให้น้องด้วย ... แต่ติดปัญหาตรงที่กะไซส์น้องไม่ถูกค่ะ ... เลยกะว่าจะลองถามผ่านจดหมายดูว่า น้องสูงเท่าไหร่ หนักเท่าไหร่ เผื่อจะได้ประเมินรูปร่างถูก


เพื่อไม่ให้ของถึงน้องช้าไปกว่านี้ และน้องจะได้ทันใช้ตอนเปิดเทอม ... วันนี้เลยติดต่อคุณพัช ขอที่อยู่ และรายละเอียดในการจัดส่งของให้น้อง ... ส่วนจดหมายที่จะแนบไปด้วย คงจะเขียนเสาร์-อาทิตย์นี่หล่ะค่ะ


บังเอิญที่ น้องซิน เขียนจดหมายส่งมาถึงคุณพัช ซึ่งเป็นตัวแทนคณะอุปการะ ... คุณพัชเลยส่งจดหมายน้องมาให้อ่าน ... กลายเป็นน้องเขียนจดหมายถึงผู้อุปการะซะก่อนแล้ว



มีข้อความมาพร้อมกับรูปภาพ เหมือนฉบับแรก ... งั้นสีที่ส่งไปให้ก็น่าจะถูกใจ



ของเรายังไม่ได้ส่งไป แต่ได้รับจากน้องมาก่อนแล้ว ... ว้า พี่ๆ นี่ช้ากว่าน้องซินเยอะเลย

22.4.52

ผ่อง : ผื่น : ผด


กลับจากเข้าวัด ถือศีล 9 วัน มีคนถามว่าหน้าผ่อง อิ่มบุญรึเปล่า ... เหอ เหอ ไม่ผ่องค่ะ มีแต่ ผื่น และ ผด ค่ะ


คนดีมีอาการผด ผื่น คัน ก่อนค่ะ หน้ามีผื่นแดง และผดเม็ดเล็กๆ ขึ้นหน้า และรู้สึกแสบๆ คันๆ ... ไม่แน่ใจว่าแพ้อะไร หรือ เพราะอากาศร้อน เลยให้คนดีล้างหน้า และใช้น้ำแข็งลูบประคบ จะได้ช่วยบรรเทา


ส่วนเรามีผดเม็ดเล็กๆ ขึ้นแขนเป็นแนว คิดเอาเองว่าเป็นร่องรอยจากยุงกัด ... ตอนแรกมีไม่กี่เม็ด แต่นับวันก็ทวีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ... ไม่รู้จะใช้ยาอะไรทา เลยไปคุ้ยหาคาลาไมน์จากตู้ยาของวัดมาโป๊ะไว้


พอกลับมาถึงบ้าน อาการผื่นแพ้บนหน้าของคนดีก็ดูจะแย่ เพราะแก้มแดงเป็นปื้น แสบๆ คันๆ ไม่หาย ... คนดีเลยไปหาหมอผิวหนังแถวบ้าน ได้ยาทา ยากิน มาทาน ... 2 วันผ่านไปอาการก็ยังไม่ค่อยดีขึ้นเท่าไหร่


ส่วนเรา ผดเม็ดเล็กๆ เต็มแขนข้างขวา เห็นเป็นตุ่มนูนๆ เล็กๆ เป็นแนว ลูบแล้วระคายมือน่าดู ... แขนซ้ายที่ตอนแรกไม่มี เจ้าผดเม็ดเล็กๆ ก็ผุดขึ้นมาเหมือนกัน ... ที่สำคัญที่สุดคือ หน้ามีผด ผื่น ขึ้นเป็นปื้น ไม่แสบ ไม่คัน แต่ลูบแล้วสะดุดมือ ... น้องๆ ที่ออฟฟิศเห็นแล้วทักกันเกรียวว่าหน้าไม่เรียบ


วันนี้คนดีทนหน้าตัวเองไม่ไหว เลยชวนไปหาหมอผิวหนังเจ้าประจำแถวอนุสาวรีย์ชัยฯ ... เราเองหน้าก็เริ่มคันแล้ว เลยตกปากรับคำทันทีค่ะ


คุณหมอเห็นหน้าแล้ว จ่ายยาให้เราสองคนเหมือนกันเด๊ะ ... เจลล้างหน้า ครีม 1 หลอด โลชั่น 1 ขวด ครีม 1 กระปุก ส่วนของเรามี ครีมทาตัว เพิ่มมาอีก 1 ... เสียทรัพย์ไป 580 บาท


มีครีมตัวนึงที่คุณหมอบอกว่า ใช้แค่ 3 วันเท่านั้นพอ 3 วันหายแน่ ... คนดีเองเคยใช้ยาตัวนี้แล้ว ก็การันตีว่า 3 วันอาการดีขึ้นจริงๆ


เอาหล่ะต้องมาดูกันว่า 3 วันหลังจากนี้ ผด ผื่น จะหายไป แล้วกลับมา ผ่อง ใหม่ ... สาธุ้ ขอให้หน้ากลับมาเรียบ ผ่อง สมกับเพิ่งทำบุญกลับมาทีเถิด

20.4.52

Monsters vs Aliens


กลับจากเข้าวัด ก็ยังเหลือวันหยุดลาพักร้อนอีก 1 วันค่ะ ... ลาเผื่อไว้ขอพัก และ ซักผ้า ซึ่งก็ได้ซักผ้าจริงๆ และยังได้ปรับตัว ปรับเวลาตัวเองให้เข้าระบบเดิม


ตื่นแต่เช้า มาจัดการเคลียร์เสื้อผ้าที่ใช้ตอนเข้าวัด แล้วก็จัดการเสื้อผ้าอื่นๆ ด้วย ... จนคนดีมาถึงตอนใกล้เที่ยง พร้อมกับโจ๊ก เสบียงมื้อเช้าควบมื้อเที่ยง จัดการกันจนเรียบ คนดีก็ชวนออกไปทำธุระ แล้วจะได้แวะดูหนัง


เปิดเว็บ เสิร์ชว่ามีหนังเรื่องอะไรน่าสนใจรึเปล่า ... พอเจออนิเมชั่นเรื่องนี้ Monsters vs Aliens (มอนสเตอร์ ปะทะ เอเลี่ยน) ก็เลยรับคำคนดี อาบน้ำแต่งตัว มุ่งหน้าไปเอสพละนาด


ไปถึงก็เจอว่าเรื่องนี้ฉายในระบบ 3D ราคาตั๋วแพงขึ้น แล้วยังต้องเสียค่าแว่นตาสามมิติด้วย ... เอ้า หลวมตัวมาแล้ว อยากดูอยู่ด้วย เลยจ่ายตังค์แพงขึ้น






: เรื่องย่อ :


ซูซาน เมอร์ฟี่ย์ หญิงสาวชาวแคลิฟอร์เนีย ถูกสะเก็ดดาวพุ่งเข้าชนในวันแต่งงานของเธอ ทำให้ร่างกายของเธอขยายใหญ่ขึ้นอย่างลึกลับ ... ทางกอกทัพ ได้รับแจ้งข่าวการคุกคามของมอนสเตอร์ประหลาดตัวใหม่ จึงออกปฏิบัติการทันที


ซูซานถูกจับและนำตัวไปยังฐานปฏิบัติการลับของรัฐบาล ที่นั่น เธอได้รับการขนานนามใหม่ว่า ไจนอร์มิก้า ... และต้องอาศัยอยู่ในที่กักขังร่วมกับกลุ่มตัวประหลาดอื่นๆ ประกอบด้วย ดร. ค็อกโรช สุดปราดเปรื่อง ที่ทำการทดลองผิดพลาดจนร่างกลายเป็นแมลงสาป, เดอะมิสซิ่ง ลิงก์ บรรพบุรุษของสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ ที่ถูกแช่แข็งจากยุคดึกดำบรรพ์, บ็อบ ก้อนเจลาตินยืดได้หดได้ที่ไม่มีทางถูกทำลาย และ อินเซ็คโตซอรัส หนอนยักษ์ขนาด 350 ฟุต



สนุกดีค่ะ ... ปกติชอบอนิเมชั่นอยู่แล้ว มาเจอเรื่องนี้ก็แปลกดี มอนสเตอร์ เจอกับ เอเลี่ยน ... ที่ทำให้หนังน่าสนใจและดูเพลินก็ตรงที่เป็น 3D นี่แหละค่ะ เพราะภาพเป็นสามมิติ มีตื้นลึก ดูเหมือนสัมผัสได้ ... ดูแล้วก็เข้าใจว่าทำไมถึงเก็บค่าตั๋วแพงขึ้น แต่เพิ่มแค่นิดเดียวก็พอมั้ง


ตอนนี้รอ UP อนิเมชั่นอีกเรื่อง ... แต่เรื่องต่อไปที่จะดู น่าจะเป็น X-men Origins: Wolverine ก่อนค่ะ ก็พี่ฮิวจ์ แจ็คแมน กล้ามบึ้ก สุดหล่อ คนโปรดแสดงนี่คะ ... ดูด้วยกันนะคะ คนดี

19.4.52

เจริญสติ @ วัดสุนันทวนาราม : 3

จิ้ม ย้อนหลัง เจริญสติ @ วัดสุนันทวนาราม : 1

จิ้ม ย้อนหลัง เจริญสติ @ วัดสุนันทวนาราม : 2

บล็อกที่แล้ว ลำดับกิจวัตรประจำวันตามกำหนดการไปแล้ว ... บล็อกนี้มาพูดถึงกิจกรรมพิเศษ ที่เพิ่มมาเล็กๆ น้อยๆ บ้างค่ะ


วันที่ 12 เมษา ที่วัดมีบวชพระใหม่ กับ สามเณร ค่ะ เลยเป็นวันที่มีทั้งรถ และญาติโยม เต็มวัดไปหมดค่ะ ... ทั้งเสียงรถ เสียงคน พลุกพล่าน วุ่นวาย กวนสมาธิน่าดูค่ะ แต่ก็ถือเป็นบททดสอบว่า เราจะปล่อยวาง ไม่ยินดียินร้าย กับสิ่งที่เข้ามารบกวนได้รึเปล่า



แล้วช่วงบ่ายวันนี้ ก็มีวิทยากรพิเศษ มาบรรยายแทนพระอาจารย์ค่ะ ... คุณโดโด้ ยุทธพิชัย ที่เป็นลูกศิษย์พระอาจารย์มิตซูโอะ รับหน้าที่บรรยายถึงหนทางแห่งการพ้นทุกข์ค่ะ ... พูดถึงภพภูมิ ทั้ง 31 ภพ ว่าทำบาป ทำกรรมใด แล้วจะได้รับผลอย่างไร ก็เพลินดีค่ะ


วันที่ 13 เมษา วันสงกรานต์ อยู่วัดวันสงกรานต์ จะมีอะไรเหมาะไปกว่า สรงน้ำพระ ... ทางวัดจัดทำรางไม้ไผ้ สำหรับสรงน้ำพระพุทธรูป แล้วปลายทางน้ำก็จะไปสรงน้ำพระอาจารย์มิตซูโอะ ด้วยค่ะ



ก่อนจะสรงน้ำพระ ก็มีขบวนผ้าป่าเฉพาะกิจ ที่ มูลนิธิ มายาโคตมี รวบรวมเงินบริจาค เพื่อสร้างอาคาร และสำนักปฏิบัติธรรมที่กรุงเทพค่ะ ... ผู้ที่มาปฏิบัติธรรมเลยได้ร่วมทำบุญ สมทบทุนเพิ่มกันคนละเล็กละน้อยตามกำลัง และศรัทธาค่ะ


เช้าวันที่ 14 เมษา ... มีพระอาจารย์นำเดินจงกรมรอบพิเศษ ชมพื้นที่รอบๆ วัดค่ะ แต่เพราะพื้นที่กว้างมาก พระอาจารย์เลยพาไปชมตรงอุโบสถก่อน ... เดินจงกรม ชมวิว กราบพระ และ ฟังเรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ ตอนจัดการฝังลูกนิมิต สมโภชน์อุโบสถค่ะ


ตอนบ่ายๆ ก็ได้ทำบุญอีกแล้วค่ะ ... เวลาทำวัตรจะมีหนังสือคู่มือประกอบ แล้ววันนี้ก็จะเปลี่ยนมาใช้เล่มใหม่ เลยมีการบอกบุญ ให้ผู้ปฏิบัติธรรมได้ทำบุญด้วยค่ะ ... คือ ใครที่สนใจจะทำบุญก็ไปซื้อหนังสือ แล้วเขียนชื่อว่าเป็นธรรมบรรณาการจากใคร



ซึ่งหนังสือนี้ จะนำมาใช้ที่ศูนย์เยาวชน และถ้าได้จำนวนเพียงพอตามที่กำหนดแล้ว ก็จะนำหนังสือที่เหลือรวบรวมไว้ไปบริจาคให้กับโรงเรียนต่างๆ ... เรากับคนดีก็ร่วมกันทำบุญไปคนละ 10 เล่ม เพราะทำเผื่อให้กับสมาชิกคนอื่นๆ ในบ้านด้วยค่ะ ... สนุกสนานกันตอนนึกชื่อ-นามสกุลของสมาชิกที่จะเขียนนี่หล่ะค่ะ

พอทำบุญเสร็จ ตอนค่ำมาทำวัตรที่ศูนย์เยาวชน พอได้หนังสือสวดมนต์มาก็รีบเปิดชื่อดูกันใหญ่ ว่าชื่อใคร ใช่ชื่อเรารึเปล่า


แต่ก่อนจะได้ใช้หนังสือสวดมนต์เล่มใหม่ ก็มีกิจกรรมพิเศษค่ะ ... คือหลังจากเดินจงกรมแล้ว ทางวัดจัดให้วางเทียนรอบเจดีย์ค่ะ รีบวาง แล้วรีบกลับมานั่งชมความงามของเทียนที่สว่างไสวรอบเจดีย์


วันที่ 15 เมษา ... พระอาจารย์พาเดินจงกรมรอบพิเศษช่วงเย็นค่ะ พาไปชมพระเขียว ได้ดูวิวสวยๆ และบริเวณด้านหน้ามีป่าต้นไม้ประจำจังหวัด ทั้ง 76 จังหวัดค่ะ ... แล้วก็พาไปชมอุทยานการเรียนรู้ที่กำลังก่อสร้างค่ะ



เป็นการเดินจงกรมรอบใหญ่ หลายกิโลเมตรอยู่ค่ะ ... ถึงจะเหนื่อย แต่ก็เพลินดีค่ะ เพราะอากาศดี วิวสวย


วันที่ 16 เมษา ... ไม่มีกิจกรรมพิเศษ แต่มีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ทำให้วันนั้นไม่ธรรมดาค่ะ ... เป็นวันที่กลับมาทำวัตรเย็นที่ธรรมศาลาค่ะ แต่ว่าช่วงบ่ายมีฝนกระหน่ำลงมาซู่ใหญ่ เลยทำให้แขกประจำธรรมศาลาออกมายึดพื้นที่


แขกประจำธรรมศาลา เป็น แมลงตัวดำๆ คล้ายเต่าทอง แต่ไม่ใช่ค่ะ เค้าจะเดินไปเดินมาแวะเวียนทักทายผู้ปฏิบัติธรรมอยู่เป็นประจำ ... เห็นพระอาจารย์บอกว่า ช่วงหน้าฝนจะมาเยอะหน่อย


ช่วงบ่ายฝนตกซู่ลงมา คุณแมลงเกิดแตกฮือกระจายออกมายุบยับผิดปกติ ... ออกมาเดินยั้วเยี้ยเต็มพื้น และกระจายขึ้นเสาเยอะมาก มากขนาดที่ว่าเดินหลบกันลำบาก อาจจะทำบาป ผิดศีลกันได้โดยไม่ตั้งใจ



พอตอนเย็นเดินมาเตรียมตัวทำวัตร เห็นธรรมศาลาแล้ว ไม่มีใครกล้าขึ้นค่ะ ... เพราะคุณแมลงออกมาเดินยุบยับมากกว่าเดิม มากขนาดที่ทำให้เสาสีปูนเปลือย กลายเป็นสีดำเป็นย่อมๆ ค่ะ


พระอาจารย์ท่านนึงเดินมาเห็นเลยบอกว่า ธรรมศาลาโดนเสื้อดำยึดไปแล้ว สงสัยเราจะต้องเปลี่ยนที่ทำวัตรกันใหม่ ... ลังเลระหว่าง จะยกขบวนไปศูนย์เยาวชน หรือ ไปใช้พื้นที่ตรงโรงฉัน ... แต่พอดูดินฟ้าอากาศแล้ว ก็สรุปว่า ลงมานั่งตรงลานด้านหน้าธรรมศาลาก็หน้าจะได้



ช่วยกันปูเสื่อ จัดที่ วางเบาะ เรียบร้อย ... ปัญหาที่ตามมาก็คือ ไฟส่องสว่างไม่พอ เลยต้องใช้เทียนไขมาจุดช่วยเพิ่มแสงสว่าง ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบค่ะ


วันที่ 17 เมษา มีเดินจงกรมรอบพิเศษช่วงเช้า พระอาจารย์พาไปชมถ้ำส่องฟ้า เป็นที่ที่จัดไว้สำหรับพระรูปใดที่ต้องการปลีกวิเวก ... ใจก็อยากจะไปชมความงาม แต่เพราะไม่ชอบเข้าถ้ำ เลยลังเล สุดท้ายก็ไม่ได้ไป เข้าห้องไปนอนอุตุ


วันหลังๆ ผู้ปฎิบัติธรรมเหลือน้อยลง ก็ไม่มีกิจกรรมพิเศษอะไร ทำตามกิจวัตรประจำวันกันไป ... แต่ก็มีเหตุ คุณแมลงเสื้อดำบุกธรรมศาลาตอนบ่ายอีกค่ะ เลยไม่มีใครยอมขึ้นศาลา ... พระอาจารย์มิตซูโอะเลยต้องย้ายไปธรรมปุจฉา-วิสัชนา ที่โรงฉันค่ะ


******************************


เป็นการเข้าวัด ถือศีล ปฎิบัติธรรม ที่สนุกดีค่ะ ... ใจสงบ ใจสบาย ยังไม่บรรลุโสดาบัน แต่ก็พอจะได้หลักธรรมกลับมาใช้ ทำให้ใจสงบ สบายมากขึ้น ... ถ้ามีโอกาสก็คงกลับไปอีกแน่นอนค่ะ


ที่ได้กลับมานอกจากความสบายใจแล้ว ก็เป็นของที่ระลึกเล็กๆ น้อยๆ จากวัดค่ะ ... เพราะมีจำหน่ายหนังสือธรรมะ และวีซีดีธรรมะ ของพระอาจารย์มิตซูโอะ รวมถึงเสื้อยืด สกรีนประโยคธรรมะของพระอาจารย์ด้วยค่ะ ... แล้วยังมี เสื้อผ้า กระเป๋า ของใช้เล็กๆ น้อยๆ จากศิลปะการทอผ้าแบบซาโอริของญี่ปุ่น ซึ่งมูลนิธิ มายาโคตมี ที่พระอาจารย์มิตซูโอะก่อตั้งจำหน่ายอยู่ด้วยค่ะ


สินค้าซาโอริ เป็นผลงานของผู้ประสบภัยสึนามิ ที่มูลนิธิเข้าไปช่วยพัฒนาสร้างอาชีพ และนำมาจำหน่าย ... ซึ่งรายได้ก็จะนำกลับไปช่วยเหลือชาวบ้านค่ะ


******************************


เป็นการมาปฏิบัติธรรมที่มีเรื่องน่าประทับใจเยอะค่ะ ... ญาติธรรม ที่ร่วมปฏิบัติธรรมด้วยกัน ที่มีทั้งผู้ชาย ผู้หญิง หลากหลายวัย ตั้งแต่เด็กๆ ไปจนถึงผู้สูงอายุ


พอมาอยู่รวมกัน ใส่ชุดขาวเหมือนกัน ก็ลดความเป็นอัตตาของแต่ละคนไป ทุกคนเหมือนกัน เท่ากันหมด ไม่มีฐานะทางสังคมมาแบ่งแยก ... ชุดขาวอยู่รวมกันเป็นกลุ่มๆ แล้ว ดูไปก็เหมือนสถานบำบัด กึ่งๆ เข้าค่ายค่ะ เพราะพอมีญาติโยมที่เข้ามาเยี่ยมชมวัด ซึ่งแต่งตัวปกติ สีสันสดใส เลยกลายเป็นไม่เข้าพวกกับชุดขาวที่เดินกันเต็มไปหมด


อยู่รวมกัน ก็กลายเป็นสังคมย่อยๆ ค่ะ ช่วยเหลือกันเล็กๆ น้อยๆ ... ใครที่ไปถึงศาลาก่อน ก็จะปัดกวาดศาลา จัดวางเบาะที่นั่ง พร้อมกับหนังสือสวดมนต์เตรียมไว้ให้



อย่างพี่ที่เห็นในรูปทางซ้ายนี่ แอบชื่นชมค่ะ เพราะพี่เค้าเดินเท้าเปล่าภายในวัด ตลอด 9 วัน ไม่ว่าจะเดินไปไหน ทำอะไร ทางจะเรียบ หรือ ขรุขระ พี่เค้าก็ไปเท้าเปล่าตลอด ... แล้วพี่เค้าก็แสดงน้ำใจ ช่วยจัดการเรื่องเล็กๆ น้อยๆ กวาดทาง จัดของอยู่ประจำ ... ตอนเช้าพี่เค้าก็ตามพระไปบิณฑบาตรด้วยค่ะ


แล้วก็มีพี่ผู้ชายอีกคน จะเห็นพี่เค้าไปถึงศาลาก่อนเวลาประจำ ... ไปกวาดพื้น ถูพื้น นำเบาะมาวางเรียง จัดวางหนังสือสวดมนต์ ... ว่างๆ ก็กวาดทางเดินในวัด เดินผ่านตรงไหนไม่เรียบร้อย ก็จัดการให้เรียบร้อยสวยงาม ... เราสองคนเห็นแล้ว ก็ประทับใจ ชื่นชม และจะลุกไปช่วยพี่เค้าจัดเบาะทุกที


ส่วนหนุ่มน้อยทางขวามือ อายุ 10 ขวบเท่านั้นค่ะ มาปฏิบัติธรรมกับที่บ้าน ... เราสองคนยกให้เป็นเด็กดีเด่นประจำรุ่นค่ะ เพราะน้องกิริยาสำรวม สุภาพ เรียบร้อย มีสัมมาคารวะ ยิ้มแย้มแจ่มใส มีน้ำใจช่วยเหลือ อะไรที่พอจะทำได้ ทำไหว เสนอตัวช่วยเหลือตลอดค่ะ ... และที่สำคัญตั้งใจปฏิบัติมาก


เป็นหนุ่มน้อยที่ได้ใจเราสองคนไปเต็มๆ ... เห็นแล้วต้องชมไปถึงผู้ปกครองของน้อง ที่อบรมน้องมาได้ดีมากๆ ขอให้บุญรักษาน้อง และโตไปเป็นสุภาพบุรุษ เป็นคนดีของสังคม


ญาติธรรมที่ประทับใจอีกคน เป็นสาวน้อยหน้าใส น่าจะเพิ่งทำงานได้ไม่นาน ... วันที่ฝนตกตอนบ่าย แล้วมีคุณแมลงบุกธรรมศาลา ร่มที่ธรรมศาลามีไม่พอกับจำนวนคนค่ะ เพราะวันก่อนที่ฝนตก มีคนหยิบร่มจากธรรมศาลาไปใช้ แล้วไปเก็บไว้ตรงโรงฉัน


กำลังยืนกลุ้มใจว่าจะลุยฝนไปยังไงดี เพราะเสื้อก็ขาว น้องคนนี้ก็เดินกางร่ม เอาร่มจำนวนนึงจากโรงฉันคล้องแขนมาส่งที่ธรรมศาลา ... เรารับร่มจากน้อง พร้อมกับส่งรอยยิ้ม คำขอบคุณ และอนุโมทนาบุญค่ะ


พอเดินไปถึงโรงฉัน เราก็หยิบร่มจำนวนนึงคล้องแขนกลับมาส่งเพิ่มเติม ... pay it forward ค่ะ น้องทำความดีมาให้แล้ว เราก็ควรจะทำความดีต่อไป เพราะร่มที่น้องถือมาเพิ่มให้ ยังไม่พอกับจำนวนคนที่ยังติดฝนอยู่


ญาติธรรมที่ไม่น่าประทับใจก็มีนะคะ ก็ไม่น่าจดจำ ... แต่เห็นแล้ว ก็ทำให้หันมาพิจารณาตัวเองว่า เราเห็นที่เค้าทำแล้วไม่ชอบใจ เราก็ไม่ควรทำแบบนั้น ไปทำตามแบบอย่างที่ดีดีกว่า


******************************


อีกเรื่องที่ไม่น่าประทับใจ ก็คือ ยุง ค่ะ ... ยุงที่นี่ดุมากค่ะ กัดเจ็บน่าดู นอกจากยุงแล้วยังมีแมลงอีกสารพัด เพราะเป็นวัดป่า ต้นไม้เยอะ แมลงเลยเยอะ ... บินมารบกวนกันระหว่างเจริญสติตลอด เป็นตัวแปรที่กวนใจ และช่วยพิสูจน์ว่าเรามีสติ สมาธิ มากแค่ไหน


แต่ที่ร้ายที่สุดก็ยุงหล่ะค่ะ เพราะกัดเจ็บมาก กัดแล้ว แป๊บเดียว เป็นตุ่มบวมๆ แสบๆ คันๆ ... ที่วัดมีจำหน่ายตะไคร้หอมทาไล่ยุง ก็ไม่กลัวนะคะ เลือกกัดตรงที่ไม่ทาค่ะ ร้ายจริงๆ


ที่ร้ายกว่านั้นคือ ตอนนี้ แขนสองข้าง เป็นตุ่มเล็กๆ เต็มไปหมดค่ะ ... สันนิษฐานว่า เป็นร่องรอยจากการโดนยุงกัด ที่ตุ่มบวมยุบแล้ว แต่จุดที่โดนกัดยังคงค้างอยู่ ถ้าอีก 2-3 วันไม่ดีขึ้น คงต้องไปหาหมอ ไปขอยาทาแล้วค่ะ


******************************


วันสุดท้ายของการปฎิบัติธรรมก็ใจหวิวๆ นะคะ ที่ต้องกลับมาเจอโลกที่วุ่นวายเหมือนเดิม ... ถึงจะได้ธรรมะโอสถติดกลับมาช่วยรักษาใจให้สงบ แต่ก็รู้สึกได้ว่า ความสงบ ห่างไกลจากข่าวสาร และความวุ่นวายนี่ ก็ช่วยให้เราได้พักผ่อนจริงๆ




ก่อนกลับ คนดีที่ไม่ได้ไปเดินจงกรมชมอุโบสถ ชวนให้ไปกราบพระก่อนจะกลับ ... อุโบสถที่นี่ เรียบง่าย แต่มีรางวัลการันตีนะคะ



เราลากลับตอน 9 โมงนิดๆ ออกมาโดยไม่ได้อาศัยทานข้าวจากทางวัด ... แล้วตรงดิ่ง มาแวะซื้อพืชผักระหว่างทาง ก่อนจะดิ่งไปร้านอาหารร้านโปรด



ตั้งใจจะมาฝากท้องมื้อเช้า ควบ มื้อเที่ยง ที่ร้านพริกแกงค่ะ ... ไก่รวนเค็ม แกงส้มชะอมกุ้ง ไข่เจียวซาลาเปาไส้หมู และ ลาบวุ้นเส้นหมู ... อร่อยทุกอย่างค่ะ แต่กว่าจะจัดการหมดก็อิ่มตื้อค่ะ แถมอิ่มไปยันมื้อเย็น เพราะชินกับการกินข้าวมื้อเดียวค่ะ

จบทริปทำบุญ แบบอิ่มใจ และอิ่มท้องค่ะ ... เป็นทริปที่ไปแล้วติดใจ และอยากจะกลับไปอีกค่ะ ตอนนี้รู้แล้วว่า ถ้าต้องการพักใจจะเลือกไปที่ไหนดี

18.4.52

เจริญสติ @ วัดสุนันทวนาราม : 2

จิ้ม ย้อนหลัง เจริญสติ @ วัดสุนันทวราราม :


บล็อกที่แล้ว เกริ่นไปเยอะแล้ว ... ถึงเวลาเจาะลึกแล้วค่ะ ว่า 9 วัน ในวัด อยู่ยังไง ทำอะไรบ้าง


เริ่มจากสถานที่ ... วัดป่าสุนันท์ฯ มีพื้นที่ 1,500 ไร่ ต้นไม้เยอะ ร่มครึ้ม ทำให้อุณหภูมิกลางเดือนเมษา ในจังหวัดกาญจนบุรี ไม่ร้อนอย่างที่คิด ... แถมยังเจอฝนเป็นระยะเกือบทุกวัน ตกลงมามากบ้างน้อยบ้าง แต่ช่วงกลางวันแดดแรง ก็เหงื่อซกเหมือนกันค่ะ


ตั้งแต่ปากทางเข้า ไปจนด้านใน มองเห็นต้นไม้เขียวตลอดค่ะ ... เราสองคนเพิ่งมาครั้งแรก ก็งงๆ งมเข้าไปหาที่จอดรถ แล้วไปติดต่อเจ้าหน้าที่ ลงทะเบียนค่ะ ... พอได้ห้องพักก็มีเจ้าหน้าที่เดินพาไปส่ง


ได้ห้องเบอร์ 7 ที่อาคารวิริยะ ... อาคารแต่ละหลังมีห้องพักประมาณ 10 ห้อง ขนาดของแต่ละห้องก็ราวๆ 2 เมตร คูณ 2 เมตร ... ภายในเป็นห้องโล่ง มีราวแขวนผ้าเล็กๆ พร้อมเสื่อ หมอน ผ้าห่ม ไม่มีไฟ ไม่มีปลั๊กค่ะ


นอกจากอาคารแบบมีห้องย่อยแบบนี้แล้ว ก็มีอาคารแบบหลังใหญ่ ที่นอนรวมกันด้วยค่ะ ... อุบาสิกาจะได้นอนห้องย่อยค่ะ ห้องละ 2-3 คน แต่ถ้ามากันหนาแน่น ห้องย่อยเต็ม ก็ต้องไปนอนอาคารนอนรวมค่ะ ... ส่วนอุบาสก ได้ห้องนอนรวมแน่นอนค่ะ



เก็บของเปลี่ยนเสื้อแล้วก็รีบเดินไปที่ ธรรมศาลา ค่ะ ไปปฐมนิเทศ ฟังกำหนดการ และรับศีล 8 ... ที่นี่เป็นศูนย์รวมกิจกรรมหลักค่ะ ทำวัตรเช้า เดินจงกรม นั่งสมาธิ ฟังธรรม รับพร เหมือนศาลาการเปรียญของวัดหล่ะค่ะ ... เป็นศาลาไม้หลังใหญ่ ที่มีลานด้านหน้า และทางเดินรอบๆ ศาลา ไว้ให้เดินจงกรมค่ะ



ที่นี่เลยมีป้ายเตือนเพื่อ งดใช้เสียง และใช้เครื่องมือสื่อสารต่างๆ เพื่อความสงบค่ะ ... ถ้าจะกระซิบนิดๆ เบาๆ ก็พอได้ค่ะ แต่ก็มีบางคนที่ไม่สนใจคนรอบข้างและคำเตือนใดๆ คุยเสียงดัง เปิดมือถือ รับสาย คุยโฉ่งฉ่าง


แล้วอีกเรื่องที่ต้องระวังเวลาขึ้นธรรมศาลา คือ การเดิน ค่ะ ... เป็นศาลาไม้ เดินลงส้น จะดัง และสะเทือนไปทั่ว รบกวนคนอื่นที่นั่งอยู่ คุณเจ้าหน้าที่เตือนว่า ให้เดินเหมือนแมวย่อง ค่ะ ... น้ำหนักการเดิน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดและน้ำหนนักตัวนะคะ เพราะผู้ชายตัวโตๆ บางคนเดินเบา เดินเงียบ กว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ บางๆ อีกค่ะ


มาเข้าสู่กิจวัตรประจำวันกันต่อค่ะ ... 2.45 เสียงระฆังปลุก ให้ลุกมาล้างหน้า แปรงฟัน เตรียมตัวไปทำวัตรเช้าค่ะ ... บางคนก็ลุกไปอาบน้ำเลยนะคะ เก่งจริงๆ ค่ะ อากาศเย็นฉ่ำ น้ำเย็นเฉียบ


คืนแรกไม่ได้ยินเสียงระฆังปลุกเลยค่ะ ได้ยินเสียงคนเปิดประตู และเดินไปมา ก็ลืมตาตื่นมาคิดว่า เค้าตื่นก่อนระฆัง หรือ ระฆังตีไปแล้ว ... พอคว้ามือถือมาดูเวลาก็ตาลุกเลยค่ะ จะตีสามครึ่งแล้ว รีบตาเหลือกเลยค่ะ ... แต่คืนต่อๆ มา ได้ยินเสียงระฆังก็ตื่นทันที หลังๆ ตื่นก่อนระฆังอีกค่ะ


3-4 วันแรก ไปถึงก็นั่งสมาธิเลยค่ะ แล้วเริ่มต้นทำวัตรเช้าตอน 4.00 น. แล้ว 5.00 ก็ฟังธรรมจากพระอาจารย์ค่ะ ... แต่ 4-5 วันหลัง สลับกันค่ะ เริ่มทำวัตรเช้าตอน 3.15 แล้วต่อด้วยนั่งสมาธิ และฟังธรรมรับอรุณ


6.00 น. ก็เดินจงกรมค่ะ ... บางวันมีเดินจงกรมรอบพิเศษ ที่พระอาจารย์จะเดินนำชมรอบๆ วัดค่ะ ... แต่ก่อนจะไปเดินจงกรม ส่วนใหญ่ก็จะแวะพักดื่มกาแฟ ชา โอวัลติน สักหน่อยก่อนค่ะ


ช่วงนี้พอจะมีเวลาว่าง บางคนก็เลือกที่จะไปอาบน้ำ แต่เราสองคนกลับเข้าห้องไปงีบค่ะ ... เพราะอากาศยังเย็น รออาบสายๆ หน่อยดีกว่า


8.00 น. ก็ไปธรรมศาลา สมาธิภาวณา ฟังธรรม รับพร ... 9.00 น. ก็ไปถวายภัตตาหาร และเข้าแถวรอรับประทานอาหารค่ะ จัดเป็นเวลาโปรดของวันเลยค่ะ เพราะกินได้มื้อเดียว ไม่มีใครพลาดแน่นอน


อาหารที่นี่มีทั้งอาหารที่พระท่านรับบิณฑบาตรมา และอาหารที่ทางโรงครัวทำใหม่ค่ะ ... มีทั้งแบบมังสวิรัติ และแบบที่มีเนื้อสัตว์ค่ะ ผลไม้ ขนมหวานพร้อม ... เจ้าหน้าที่จะจัดวางบนโต๊ะ ให้เลือกตักเองแบบบุฟเฟ่ต์เลยค่ะ แต่ไม่ได้ตักใส่จานนะคะ แต่เป็นกะละมังใบโต เลือกตักได้มากน้อยตามชอบใจค่ะ


อาหารแต่ละวันก็จะเปลี่ยนไปนะคะ ทางโรงครัวทำเมนูใหม่ๆ มาเปลี่ยนค่ะ อร่อยทั้งนั้น ... อิ่มแล้ว ก็ต้องเอากะละมังไปล้างเองนะคะ
อิ่มแล้วก็มีเวลาพักผ่อนอีกสักหน่อย จะไปงีบ ไปอาบน้ำ หรือ ช่วยงานในวัดก็ได้ค่ะ ... กวาดพื้น ถูศาลา จัดหนังสือ ขัดห้องน้ำ หรือช่วยงานอื่นๆ ค่ะ


11.00 น. ได้เวลาธรรมบรรยาย จะมีพระอาจารย์ ทั้งพระ และแม่ชี มาบรรยายธรรม นำเจริญสติ ... อานาปานสติ คือ การใช้ลมหายใจในการฝึกสติค่ะ คำประจำคือ หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ ... ซึ่งการเจริญสตินี้ ทำได้ ทั้ง นั่ง ยืน เดิน นอน ค่ะ


ปฏิบัติ 1 ชั่วโมง ก็ได้พัก 1 ชั่วโมงค่ะ ... 13.00 น. กลับมาปฏิบัติกันต่อค่ะ จะนั่งสมาธิ เดินจงกรม หรือ ยืนเจริญสติ ก็ได้ทั้งนั้นค่ะ เลือกได้ตามชอบใจ และตามถนัด ... หรือจะอ่านหนังสือ ศึกษาพระธรรมคำสอนก็ได้ค่ะ


15.00 น. ธรรมปุจฉา-วิสัชนา กับ พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก (อ่านว่า คะ-เว-สะ-โก) ท่านเจ้าอาวาส ... พระอาจารย์เป็นคนญี่ปุ่น แต่พูดภาษาไทยได้ค่อนข้างดีค่ะ แต่ยังติดสำเนียงญี่ปุ่นอยู่บ้างค่ะ ... ช่วงนี้จัดเป็นช่วงเวลาโปรดเลยค่ะ เพราะพระอาจารย์จะตอบคำถามที่ผู้ปฏิบัติเขียนคำถามไว้ค่ะ และบางทีพระอาจารย์ก็เล่าเรื่องอื่นๆ ให้ฟังด้วย สนุกค่ะ ... เป็นช่วงที่เราสองคนจะต้องหาที่นั่งที่มองเห็นพระอาจารย์ค่ะ เพราะหน้าตา ท่าทางเวลาท่านเล่า ช่วยให้เรื่องสนุกขึ้นค่ะ


16.00 น. เป็นอีกช่วงที่โปรด เพราะได้พักดื่มน้ำปานะ ซึ่งเจ้าหน้าที่โรงครัวจะเตรียมใส่กระติกมาวางไว้ให้ ... ได้ลุ้นทุกทีว่าวันนี้จะได้ดื่มน้ำอะไร น้ำมะตูม น้ำขิง น้ำใบเตย น้ำลำไย น้ำมะขาม+ชา น้ำเก็กฮวย+หล่อฮังก้วย น้ำกระเจี๊ยบ

ในรูปใหญ่เป็นศูนย์รวมค่ะ พระอาจารย์มิตซูโอะ จะนั่งรับญาติโยมที่มาเยี่ยมตรงนี้ ... ด้านหลังท่านเป็นโรงฉัน ที่พระท่านจะนั่งฉันช่วงเช้าค่ะ ... ส่วนรูปเล็ก เป็นโรงดื่มน้ำปานะ และ หนังอ่านหนังสือค่ะ


ดื่มน้ำปานะแล้ว ก็ได้พักค่ะ จะทำงานเล็กๆ น้อยๆ อ่านหนังสือ สนทนาธรรมเพิ่มเติมกับพระอาจารย์ก็ได้ค่ะ ... แล้วก็ไปจัดการอาบน้ำ ทำความสะอาดห้องพัก เตรียมตัวสำหรับกิจกรรมรอบเย็นค่ะ




ห้องน้ำที่นี่ก็จะคล้ายกับห้องพักค่ะ คือเป็นอาคารแยกต่างหาก และมีห้องน้ำแยกย่อยเป็นห้องเล็กๆ ... ข้างในมีทั้งส่วนอาบน้ำ และโถสุขภัณฑ์ค่ะ ซึ่งมีทั้งแบบนั่งราบ และนั่งยอง เลือกได้ตามถนัดค่ะ ... ข้อแม้ของการใช้ห้องน้ำที่นี่ ซึ่งเป็นข้อตกลงกันคือ ตอนออก สะอาดกว่า ตอนเข้า



17.45 น. เสียงระฆังเตือนสำหรับกิจกรรมช่วงเย็นค่ะ ... 3-4 วันแรก ใช้ที่ ศูนย์เยาวชน ซึ่งอยู่ห่างจากที่พักไปราวๆ 1 กิโลเมตร ก็ค่อยเดินกันไป เดินเจริญสติไป ชมธรรมชาติข้างทางไปค่ะ ... 4-5 วันหลัง กลับมาใช้ที่ ธรรมศาลาเหมือนเดิม เพราะผู้ปฏิบัติทยอยกลับไปบ้าง สมาชิกน้อยลง


ทางเดินร่มครึ้ม ต้นไม้เยอะ ถนนลาดยาง เดินสบายค่ะ ... วันแรกคนดียังนุ่งผ้านุ่งค่ะ แต่พอเห็นว่าที่นี่ให้ใส่กางเกงได้ ก็หันมาใส่กางเกงทุกวันเพราะเดินสะดวกกว่า


ใกล้ๆ กับศูนย์เยาวชน ก็มี เจดีย์ ที่อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างค่ะ คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ประมาณปลายปีหน้า ... ตอนนี้ยังไม่สมบูรณ์ก็ยังน่ามองค่ะ แล้วมีวันนึงที่พิเศษ ที่ทางวัดจัดให้วางเทียนประดับเจดีย์ แสงเทียนสว่าง มองเพลินเลยค่ะ

18.00 น. เริ่มเดินจงกรม ... ทั้งรอบธรรมศาลา และ ศูนย์เยาวชน จะมีทางเดินที่ทำไว้ให้เดินจงกรมค่ะ ... แต่ก็มีรอบพิเศษ ที่พระอาจารย์พาเดินชมรอบวัดค่ะ


19.00 น. ทำวัตรเย็น ... มีหนังสือคู่มือให้ท่องตามค่ะ จะเริ่มจากบททำวัตรเย็นก่อน แล้วก็จะมีบทเสริม ซึ่งสลับสับเปลี่ยนกันไปตามแต่ท่านจะเลือกค่ะ

20.00 น. พระอาจารย์มิตซูโอะ มาบรรยายธรรมค่ะ จะนั่งสมาธิเจริญสติไปด้วย หรือ นั่งฟังอย่าเดียวก็ได้ค่ะ ... คืนแรกที่ฟัง มึน งง เพราะเคยแต่นั่งสมาธิแบบเงียบๆ หรือ มีเสียงเพลงคลอเบาๆ ... แต่นี่พระอาจารย์มิตซูโอะ บรรยายยาว แล้วยังเป็นภาษาไทยที่ไม่ชัดเจน ปนสำเนียงญี่ปุ่นอีก แล้วท่านจะพูดซ้ำๆ กว่าจะต่อประโยคได้ เพราะท่านต้องใช้เวลาเรียบเรียง และนึกคำ ... หูย ทำเอาสมาธิกระเจิง

แต่สัก 2 วันก็ปรับตัว ปรับหูได้ค่ะ ... ชินกับวิธีการพูด การเล่าเรื่องของท่านมากขึ้น ทีนี้ก็สนุกเลยค่ะ ฟังเพลิน

ซึ่งท่านพระอาจารย์มิตซูโอะก็เล่าเพลินค่ะ ... กำหนดการบอกว่าเข้านอนพักผ่อนตอน 21.00 น. แต่ก็เลยเป็น 21.30-21.45 เกือบทุกวัน ... แล้วก็ต้องเดินลุยทางมืดๆ กลับไปอาคารที่พักค่ะ

เราสองคน อาบน้ำรอบเย็น พร้อมแปรงฟันเรียบร้อย แล้วพอถึงห้องก็เข้านอนเลย ... คืนแรกก็กระสับกระส่ายอยู่พักกว่าจะหลับได้ แต่คืนต่อๆ มา แป๊บเดียวหลับปุ๋ยค่ะ

นอกจากกิจวัตรประจำวันตามกำหนดการแล้ว ... บางวันก็มีกิจกรรมพิเศษเพิ่มมานิดๆ หน่อยๆ ขอต่อบล็อกหน้านะคะ บล็อกจะได้ไม่ยาวเกินไปค่ะ


จิ้ม เจริญสติ @ วัดสุนันทวนาราม : 3

17.4.52

เจริญสติ @ วัดสุนันทวนาราม : 1

ตั้งใจไว้ตั้งแต่ต้นปีแล้วค่ะ ว่าช่วงสงกรานต์จะลายาวไปเข้าวัดปฏิบัติธรรม ... บังเอิญที่ได้การบ้านจากพี่หมอดู ว่าให้หาเวลาเข้าวัด ถือศีล โดยระบุมาว่าต้องเป็นวัดป่า ที่กาญจนบุรี พร้อมระบุชื่อวัดมาชัดเจน


หาข้อมูลอยู่พักใหญ่ก็ไม่เจอวัดที่ระบุมา แต่เจอข้อมูลของ วัดสุนันทวนาราม ว่าเป็นวัดป่า และมีเปิดอบรม อานาปานสติภาวนา เป็นระยะตลอดทั้งปี ... ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมก็ยิ่งสนใจ เลยโทรปรึกษาพี่หมอดู ขอมาที่นี่แทนวัดที่ระบุมาให้ พอพี่เค้าบอกได้เลย ก็โทรติดต่อวัดทันที


หลังจากติดต่อวัดแล้ว ก็ลองเสิร์ชหาข้อมูลเพื่อเตรียมตัวไปเรื่อยๆ ... รู้ว่าที่นี่ ทานอาหารมื้อเดียว แล้วต้องตื่น ตี 2.45 มาทำวัตร โอ้ จะไหวมั้ยเนี่ย แต่ก็ไม่เปลี่ยนใจ เตรียมเสื้อผ้า เตรียมของใช้ ไว้เรียบร้อย ... ส่วนใจ พร้อมแล้ว รอวันเดินทางเท่านั้น


ส่วนคนดีก็วางแผนเข้าวัด ถือศีล ช่วงสงกรานต์เหมือนกัน แต่ได้รับการบ้านมาว่าควรจะเป็นวัดเขา ... เลยหาข้อมูลวัดเขาของ กาญจนบุรี และจังหวัดใกล้เคียง เพื่อที่จะได้แวะรับ-ส่งเราได้ จนได้ที่สนใจอยู่ที่ราชบุรี ... แต่หลังจากลองเสิร์ชข้อมูลจากเน็ท ก็มีข้อมูลน้อยเหลือเกิน ข้อมูลล่าสุดก็ตั้งแต่ปี 46 เบอร์โทรศัพท์ที่ได้มาก็โทรติดต่อไม่ได้ ... เลยไม่แน่ใจว่ายังเปิดรับอยู่รึเปล่า และต้องทำยังไงบ้าง


จนคืนวันที่ 10 คืนสุดท้ายที่จะเตรียมตัว ... คนดีวางแผนว่าจะขับรถเลยไปดูจุดหมายของคนดีก่อน แล้วจะมาส่งเรา ถ้าเผื่อที่นั่นไม่รับ ก็จะได้ตามมาที่เดียวกับเราเลย ... เปิดคอมฯ ต่อเน็ท หาแผนที่และเช็คระยะทาง พอเห็นระยะทาง และเวลาที่ต้องขับรถไปๆ มาๆ แล้ว คนดีเลยตัดสินใจมาถือศีล เข้าวัดเดียวกับเราก่อน ... แล้วค่อยจัดสรรเวลาไปถือศีล ที่วัดเขา ทางภาคเหนือ อีกที


ตอนเขียนบล็อก 85 เดือน ก็ยังคิดว่าจะต่างคนต่างไปนะคะ ... แต่พอรู้เอาวินาทีสุดท้ายว่าได้ไปที่เดียวกัน ก็อุ่นใจดีค่ะ


ออกเดินทางจากบ้านคนดีตอน 7 โมงเช้า ... ได้ข้าวเหนียวหมูฝอยเป็นมื้อเช้าคนละกล่อง แล้วแวะพักตรงปั๊มในตัวเมืองกาญจน์ คนดีเติมลูกชิ้นปลาลวกที่เราซื้อไว้ให้ ส่วนเราก็เลือกพายจากร้านสะดวกซื้อในปั๊ม เป็นอาหารรองท้องเราทั้งคู่ก่อนจะตรงดิ่งเข้าวัด ... เพราะถึงวัดก็ต้องอดแล้ว


10 โมงกว่าๆ ก็ถึงวัด ตรงไปติดต่อเจ้าหน้าที่ ลงทะเบียน รับห้อง แล้วรีบเข้าห้องเปลี่ยนชุดขาว ... มุ่งหน้าไปปฐมนิเทศ ฟัง กฎระเบียบ และกำหนดการต่างๆ ปิดท้ายด้วย รับศีล 8 ... แล้วก็เริ่มเข้าสู่การปฎิบัติธรรม ตามกำหนดการดังนี้


02.45 ระฆังปลุก

03.00 สมาธิภาวนา

04.00 ทำวัตรเช้า

05.00 ฟังธรรมรับอรุณ

06.00 เดินจงกรม

08.00 สมาธิภาวณา ฟังธรรม รับพร

09.00 ถวายภัตตาหาร รับประทานอาหาร

11.00 ธรรมบรรยาย

13.00 ธรรมปฏิบัติ

15.00 ธรรมปุจฉา - วิสัชณา กับ พระอาจารย์มิตซูโอะ

16.00 ภาวณากับงาน ดื่มน้ำปานะ สรีรกิจ

17.45 นั่งสมาธิ เดินจงกรม

19.00 ทำวัตรเย็น ฟังธรรมบรรยาย

21.00 พักผ่อนตามอัธยาศัย


กำหนดการของการเข้าอบรมตลอด 9 วัน เป็นแบบนี้ตลอดค่ะ แต่อาจมีปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม ตามสถานการณ์ ... ลำบามั้ย ทรมานรึเปล่า หรือสนุกสนานดี รู้สึกยังไงบ้าง ขอติดไว้หน้าต่อไปนะคะ


หน้านี้ขอเกริ่นกำหนดการ กับ เครื่องใช้ที่จำเป็น ก่อนค่ะ ... เผื่อมีใครสนใจจะไป และกำลังหาข้อมูลอยู่ จะได้เตรียมตัวถูกค่ะ

เสื้อผ้า - สำหรับอุบาสิกานะคะ เสื้อขาว ผ้านุ่ง หรือ กางเกง (สีขาว สีดำ หรือ สีสุภาพ) ... ที่นี่อนุญาตให้ใส่เสื้อยืดได้ค่ะ แต่ขอเป็นแบบไม่รัดรูป ส่วนกางเกงจะเป็นกางเกงผ้า กางเกงเล ก็ได้ค่ะ ... แนะนำให้เลือกแบบที่ระบายลมได้ดีค่ะ เพราะช่วงกลางวันอากาศอบอ้าวค่ะ

รองเท้า - เลือกรองเท้าแตะ สวมสบาย เดินสบาย เปียกได้ เลอะได้ เหมาะที่สุดค่ะ

ของใช้ส่วนตัว - ครีมอาบน้ำ แชมพู แปรงสีฟัน ยาสีฟัน โรลออน เท่านี้พอค่ะ เพราะถือศีล 8 งดเครื่องหอม เครื่องสำอางค่ะ แต่ครีมกันแดด อนุโลมได้ เพราะใช้กันมะเร็งผิวหนัง ถือเป็นยาค่ะ ... คือดูเจตนาที่ใช้ ถ้าใช้เพื่อปรุงแต่งให้หอม ก็ไม่เหมาะค่ะ แต่ถ้าใช้เพื่อป้องกันก็ใช้ได้ค่ะ ... แนะนำ เบบี้ออยล์ลูบผิวหลังอาบน้ำ และแป้งเด็กแบบที่ช่วยป้องกันผดผื่นค่ะ เพราะอากาศชื้น เหงื่อเยอะ

ถุงพลาสติค - ไว้ใส่เสื้อผ้าใหม่ สำหรับใครที่ชอบเปลี่ยนเสื้อในห้องน้ำค่ะ เพราะห้องน้ำราวแขวนไม่กว้างมาก ... แต่เห็นบางคนก็เปลี่ยนเสื้อในห้องนอน แล้วนุ่งผ้าถุงไป-กลับ ระหว่างห้องน้ำกับห้องพักค่ะ

ถังใบเล็ก หรือ ขัน – ใส่อุปกรณ์ของใช้สำหรับอาบน้ำค่ะ

ผ้าเช็ดตัว - ผืนกลางสำหรับเช็ดตัว เช็ดผม 1 ผืน และขนาดเล็ก สำหรับไว้ชุบน้ำ เช็ดเนื้อเช็ดตัวคลายร้อนระหว่างวันค่ะ

ไม้แขวนเสื้อ ไม้หนีบผ้า - สำหรับ ตากผ้า พึ่งลม ทำสัญลักษณ์ไว้ จะได้ไม่สับสนค่ะ

ยา - ยาประจำตัว และยาทากันยุงค่ะ เพราะที่นี่ยุงดุมากค่ะ

ขวดน้ำ - ไว้ใส่น้ำดื่มพกติดตัวค่ะ เพราะตลอดบ่ายดื่มได้เฉพาะน้ำค่ะ

ร่มพับ - ไว้กันแดด กันฝนค่ะ อากาศที่นี่ ฝนตก แดดออก ... จริงๆ ที่วัดก็มีร่มให้ยืมใช้นะคะ แต่เพื่อไม่พอ มีของเราพกไปเอง สะดวกดีค่ะ

ไฟฉาย - ตอนค่ำ กับ เช้ามืด มืดจริงๆ ค่ะ พกไว้ส่องดูทางระหว่างเดินไป-กลับค่ะ

กระเป๋าใบเล็ก - ไว้ใส่ของจุกจิกค่ะ อย่าง ขวดน้ำ ร่ม ไฟฉาย แล้วเอาไปวางจองที่นั่งได้ด้วยค่ะ

ผ้าห่ม หมอน - ที่วัดมีให้ค่ะ แต่เป็นแบบผ้าขนหนูผืนโตๆ กับหมอนสี่เหลี่ยม เผื่อใครไม่ชอบใช้ ก็ติดของตัวไป

สำหรับใครที่สนใจจะอบรม อานาปานสติ ช่วงยาวๆ ก็คลิกดู กำหนดการฝึกอบรม เลยค่ะ ... แต่ถ้าใครอยากจะไปปฏิบัติช่วงสั้นๆ ก็โทรติดต่อวัด หรือ ไปติดต่อที่วัดได้เลยค่ะ ... กำหนดการคล้ายกัน แต่ความเข้มข้นในการฟังธรรม ปฏิบัติธรรม ไม่ได้มีตารางชัดเจน ไม่ได้มีอาจารย์นำสอน ... แต่จะเปิดให้ฝึกเองระหว่างการทำงานค่ะ เรียกว่า ภาวณากับงาน ค่ะ
เตรียมตัวพร้อมแล้ว หน้าต่อไป จะมาเล่าอย่างละเอียดค่ะ ... ว่า 9 วันที่เข้าวัด ไปทำอะไรบ้างค่ะ


จิ้มไปดู เจริญสติ @ วัดสุนันทวนาราม : 2

16.4.52

วุ่นวายส่งท้ายก่อนสงบจิต


กลับมาจากปฎิบัติธรรมแล้วค่ะ ... จะทยอยอัพรายละเอียดช่วงปฎิบัติธรรมนะคะ มีเรื่องอยากจะบันทึกไว้เยอะเลยค่ะ ... ขอเริ่มต่อจากวันที่อัพเดทล่วงหน้าไว้เลยแล้วกันค่ะ


10 เมษายน วันสุดท้ายของการทำงานก่อนจะหยุดยาวเข้าวัดสงบจิต ... เพราะม็อบเสื้อแดงออกยึดพื้นที่หลายจุดตั้งแต่เที่ยงวันที่ 9 รวมถึงแยกสุทธิสาร-วิภาวดี แถวหน้าบ้านพอดี


คืนวันที่ 9 มีประกาศนายกฯ ให้วันที่ 10 เป็นวันหยุดราชการ แต่เราทำงานบริษัทเอกชน เลยส่ง sms แจ้งสาวๆ ว่าให้เข้ามาทำงานก่อน ... ดูสถานการณ์ และรอดูคำสั่งจากเจ้านายอีกที


เช้าวันที่ 10 เดินออกจากบ้านไปทำงาน เห็นขบวนเสื้อแดงยืนยึดพื้นที่หน้าสถานีดับเพลิงสุทธิสาร ปิดถนนไปแล้วหนึ่งด้าน ... ถึงออฟฟิศก็ให้สาวๆ เช็คลูกค้าว่าที่ไหนหยุดบ้าง แล้วก็ทำงานกันไป ติดตามสถานการณ์กันไป


บ่ายนิดๆ ได้ข่าวว่า แยกสุทธิสาร-วิภาวดี โดนปิดทุกด้านแล้ว การจราจรโดนจัดเส้นทางเลี่ยง เบี่ยงกันวุ่นว่าย ... รถผ่านหน้าออฟฟิศ มุ่งหน้าออกไปทางรัชดาทั้งหมด ถึงจะเป็นวันหยุดแต่ถนนรัชดาก็รถเยอะขึ้นเรื่อยๆ ... รายงานสถานการณ์ให้นายรู้ นายเลยให้ปิดออฟฟิศราวๆ บ่ายสามโมง ให้สาวๆ ทยอยกลับบ้านได้


เรานั่งเตรียมเอกสาร อยู่กับพี่แม่บ้าน จนสี่โมงกว่าก็ชวนกันกลับ ชวนกันเดินไปแยกสุทธิสาร-วิภาวดี ... ยิ่งใกล้ถึงบ้าน ก็ยิ่งงง เพราะเสื้อแดงชุมนุมปิดแยกจนมาถึงปากซอยบ้านพอดี ... เพราะบ้านอยู่ไม่ใกล้ปากซอยเลยได้ยินเสียงเชียร์ เสียงเฮ ลอยมาเป็นระยะ


เก็บของเรียบร้อย ก็หอบผ้าไปซักบนดาดฟ้า เลยได้สังเกตการณ์ไปด้วย ... เห็นขบวนเสื้อแดงตามมาสมทบเพิ่มขึ้น ซิ่งมอเตอร์ไซค์เป็นเด็กแว๊นซ์ กับขบวนพี่วิน ... มาสมทบกัน เชียร์กัน เฮกัน ฟังเสียงแว่วๆ เหมือนมีฉิ่งฉาบทัวร์อยู่ตรงสี่แยก เอิกเกริก โฉ่งฉ่างน่าดู


โทรรายงานสถานการณ์การจราจรให้คนดีรู้เป็นระยะ เพราะคนดีจะต้องมารับเพื่อไปตั้งต้นเดินทางออกจากบ้านนู้น ... คุยกันตลอดว่าจะมาทางไหนดี จะเจอกันตรงไหน ยังไง สุดท้ายก็รอให้ค่ำๆ ก่อน ราวๆ สามทุ่ม คนดีถึงจะมาหา หวังว่าการจราจรในละแวกนี้คงซาไปเยอะ


พอดีกับที่ขบวนเสื้อแดงสลายตัว กลับไปรวมกันที่ทำเนียบ ... การจราจรแยกสุทธิสาร-วิภาวดี เลยกลับมาเป็นปกติ ถนนกลับมาโล่ง รถวิ่งได้สะดวก ... สามทุ่มนิดๆ คนดีก็แวะมารับได้สบาย


ออกไปเห็นสภาพถนนหน้าปากซอยบ้านก็อนาถใจ ... ถนนโล่ง รถน้อย แต่เศษซากขยะ กล่องโฟม ถุงพลาสติค ขวดเครื่องดื่มชูกำลัง ทิ้งเกลื่อนกลาดเต็มไปหมด ...นี่แค่ชุมนุมกันวันเดียวเต็มๆ แค่นั้นนะเนี่ย ขยะเขรอะเชียว ถ้าอยู่กันยาว สงสัยจะแย่


เห็นแล้วก็ได้แต่ถอดถอนใจ ขอให้วันที่เหลือวุ่นวายน้อยลง ... แล้วเราก็ขอหนีความวุ่นวาย ไปเข้าวัดก่อนดีกว่า

15.4.52

: 85 เดือน :


15 เมษายน ... วันนี้อายุความรักของเราสองคนก็เขยิบเพิ่มมาอีก 1 เดือนแล้วค่ะ แต่เดือนนี้เราสองคนไม่ได้อยู่ด้วยกัน ไม่ได้มีร้านอาหารพิเศษ ไม่ได้มีมื้อพิเศษ ไม่ได้มีกิจกรรมพิเศษ


เพราะตอนนี้เราสองคนแยกย้ายกันไปสงบจิต แยกกันไปปฏิบัติธรรม ... เราเข้าวัดป่าที่กาญจนบุรี ส่วนคนดีขึ้นวัดเขาที่ราชบุรี


เป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี ที่ต่างคนต่างไป ต่างคนต่างอยู่ แบบไม่เห็นหน้า ไม่ได้ยินเสียง เพราะโทรคุยกันไม่ได้ ... เป็นครั้งแรกที่อยู่ห่างกันนานถึง 9 วัน นานที่สุด ... ห่างกันนานๆ คงทำให้คิดถึงกันมากขึ้น


คนดีจ๋า 9 วันเท่านั้นเองเนอะ แป๊บเดียวเอง ... วันนี้วันที่ 15 ก็เหลืออีกแค่ 4 วันเท่านั้น เดี๋ยวเราก็ได้เจอกันแล้ว ... แยกกันไปฝึกจิตให้สงบ แต่คงมีบางแวบที่คิดถึงคุณแน่ๆ เลย


* หมายเหตุ * บล็อกหน้านี้ไม่ได้อัพเดทจากวัดป่าที่กาญจนบุรีนะคะ อัพไว้ล่วงหน้าค่า

9.4.52

สงบจิต

11-20 เมษา ขอหายหน้าไปจากบล็อกนะคะ ... ขอลาไปสงบจิต เข้าวัด ปฏิบัติธรรมค่ะ


จะหายตัวจากเมืองกรุง ไปอบรม "อานาปานสติภาวณา" ที่วัดป่าสุนันทวนาราม จ.กาญจนบุรีค่ะ ... แล้วจะกลับมาเล่าว่า ไปทำอะไรมาบ้าง และได้อะไรกลับมาบ้างค่ะ


สวัสดีวันสงกรานต์ สวัสดีปีใหม่ไทย ล่วงหน้านะคะ ... ขอให้หัวใจสดชื่น ชุ่นชื่น ฉ่ำเย็น ทุกคนเลยค่ะ

7.4.52

ก้านกล้วย ๒


หลังจากหยุดมา 3 วัน วันนี้ก็กลับสู่ชีวิตประจำวัน ทำงานกันต่อ ... ออกไปหาลูกค้า กลับมาเคลียร์เอกสาร แล้วก็ทำนั่นนู่นนี่ไปเรื่อยๆ


พอบ่ายแก่ๆ คนดีก็แวะเข้ามาหา พูดคุย ทักทายกันซักพัก คนดีก็ถามว่า "วันนี้ไปดูหนังกันมั้ย" อารมณ์ไหนเนี่ย ... ถามไปถามมา ได้ความว่า คนดีรอรับของจากซัพพลายเออร์ เลยชวนไปดูหนังฆ่าเวลา ... โอเค ได้เลย


เลิกงานแล้วก็ชวนกันขึ้นรถ ลุยฝน ฝ่ารถติด มุ่งหน้าไปเมเจอร์รัชโยธิน ... ฝนตก รถติด เคลื่อนกระดุ๊บกระดิ๊บไปได้ทีละหน่อย แต่ไม่เป็นไร วันนี้เราไม่รีบ


ถึงโรงหนัง หาที่จอดรถได้ ขึ้นไปดูรอบหนัง จองตั๋วเรียบร้อย ก็จูงมือกันออกไปกินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านเด็กเส้น ... วันนี้คนดีนึกอยากกินก๋วยเตี๋ยว เลยต้องตามใจกันหน่อย ... อิ่มแล้วก็ใกล้เวลาได้ดูหนังพอดี




จากประวัติศาสตร์ สู่การผจญภัยครั้งใหม่ ... ชัยชนะจากสงครามยุทธหัตถี ก้านกล้วยได้รับการแต่งตั้งเป็น เจ้าพระยาปราบหงสาวดี เป็นช้างทรงที่พระนเรศวรทรงใช้ในการศึกสงครามทุกครั้ง ... รวมถึงสงครามครั้งใหม่ของกรุงหงสาวดี ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า


แต่ก่อนที่การเริ่มทัพจะเริ่มขึ้น เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ทหารหงสาบุกมาจับชาวบ้านอยุธยาไปเป็นเชลย และได้นำชบาแก้วและลูกแฝดของก้านกล้วยไปด้วย ... ก้านกล้วย ไม่มีหนทางอื่น นอกจากต้องแอบหลบหนีจากกรุงศรีอยุธยา เพื่อช่วยลูกเมียกลับมาให้เร็วที่สุด ครั้งนี้เขาต้องต่อสู้เพียงลำพังบนดินแดนของศัตรู ต้องเผชิญหน้ากับช้างศึกที่แข็งแกร่งที่สุดอย่าง งานิล พร้อมด้วย อองสา มหาอำมาตย์จอมเวทย์มนตร์ ... นี่คือภารกิจที่ใหญ่หลวงยิ่งกว่าครั้งใด


เป็นอนิเมชั่นของไทย ที่ใช้ได้เลยค่ะ ภาพสวย ดูเพลิน ... แต่ก็มีบางจุดที่ดูแล้วสะดุดตาว่าไม่ค่อยเนียน ส่วนใหญ่เป็นฉากที่มีไฟไหม้ค่ะ บางจุดดู โดดๆ หลอกๆ พิกล


ส่วนเนื้อเรื่อง ดูไปก็ต้องคอยเตือนตัวเองไว้ว่าดูการ์ตูนอยู่ บางช่วงอาจจะเกินจริงไปบ้าง ก็อย่าไปคิดมาก ... ดูเพลินๆ ก็บันเทิงดีค่ะ ดูแล้วยิ้มได้ หัวเราะได้ สบายๆ ไม่ต้องคิดมาก



โดยเฉพาะบรรดาขบวนช้างเด็ก ตัวเล็กๆ ทั้งหลาย ... มีหลายตัวเหลือเกิน จำชื่อได้ไม่ครบ แต่น่ารักกันถ้วนหน้า


ช่วงนี้ปิดเทอม เลยเป็นเทศกาลหนังของเด็กๆ ... วันนี้ดูอนิเมชั่นของไทย ก็ได้เห็นตัวอย่างอนิเมชั่นจากฮอลลีวู้ดที่น่าสนใจอีกหลายเรื่อง ... นัดกับคนดีเรียบร้อย ว่าหนังเข้าเมื่อไหร่ จะจูงมือกันไปดูแน่นอน

6.4.52

ซัก รีด มาราธอน


เสาร์-อาทิตย์ 2 สัปดาห์ก่อน มีภารกิจตะลอนออกไปธุระกับคนดี ... ภารกิจซักเสื้อทุกวันอาทิตย์ เลยต้องเว้นไว้ แล้วมารวบยอดซักทีเดียว


3 สัปดาห์เต็มๆ เลยมีเสื้อรอซักกองพะเนินล้นตะกร้า แล้วยังมีชุดปฏิบัติธรรมที่เพิ่งไปซื้อมาอีก ที่จะต้องซักเหมือนกัน ... งานนี้ ผ้าท่วมท้น ล้นเป็นภูเขาแล้วค่า


เมื่อวานกลับจากช้อปปิ้ง ก็รีบขนเสื้อไปเข้าเครื่องซักผ้าส่วนนึง แล้วส่วนนึงก็แช่กะละมัง รอซักมือ ... แล้วกลับมาจัดระเบียบ แยกผ้า แบ่งสี วางแผนว่าจะซักอะไรก่อน-หลัง ยังไงดี


ซักไป ก็ต้องดูที่ตาก และสภาพอากาศด้วย เพราะเมฆแน่น ฟ้าครึ้ม ... แล้วฝนก็ตกลงมาจริงๆ แผนที่จะซักผ้าที่วางไว้ ต้องปรับ เพราะที่ตากไม่พอ


เช้าวันนี้ ตื่นตั้งแต่ 8 โมงกว่า ตั้งใจจะลุกมาซักผ้าแต่เช้า ... รีบใส่ชุดปฏิบัติธรรมสีขาวของเราลงเครื่องก่อน แล้วก็แช่ผ้าบางส่วนที่จะซักมือเอาไว้


ระหว่างรอ ก็เปิดเตารีด รีดผ้าไปพลางๆ ... พอผ้าชุดแรกเสร็จ ก็จับชุดปฏิบัติธรรมของคนดีลงเครื่องต่อ ... แล้วก็กลับมารีดผ้าต่อ


พอชุดสองเรียบร้อย ก็ถึงคิว ผ้านุ่งปฏิบัติธรรมที่เป็นสีดำลงเครื่องบ้าง ... จัดการซักผ้า ควบรีดผ้า ไปเรื่อยๆ แล้วก็ต้องคอยดูสภาพท้องฟ้าอีกเหมือนเคย เพราะเมฆแน่น ถ้าฝนตกลงมาหล่ะก็ ลำบากแน่


แล้วฝนก็ตกจริงๆ กระหน่ำเป็นฟ้ารั่ว ... โชคดีที่ชุดผ้าขาวที่ซัก ตากไปแล้ว ยังพอได้รับแสงแดดนิดหน่อย เลยแห้งบ้าง ก็เก็บมารีดเพื่อเคลียร์พื้นที่ราวตากผ้า


ชุดปฏิบัติธรรม สะอาด หอมกรุ่น ... ก็ทยอยเก็บผ้าทั้งชิ้นใหญ่ ชิ้นเล็ก ชิ้นน้อย ที่จะต้องเอาไปใช้ระหว่างปฏิบัติธรรมมาซักให้พร้อมใช้


วันนี้เลย ทั้งซักผ้าด้วยเครื่อง ซักผ้าด้วยมือ ไปพร้อมๆ กับฝนตก ... แล้วก็รีดผ้าไปพลางๆ ระหว่างรอขั้นตอนการซัก ... เปิดงานซักผ้าตั้งแต่ 9 โมงกว่าๆ เริ่มรีดผ้าราวๆ 10 โมงครึ่ง กว่าจะเคลียร์ผ้าทั้งซัก ทั้งรีด เท่าที่ทำได้ในวันนี้ ก็ 5 โมงเย็น


ยืนรีดผ้าขาแข็ง แถมยังเจอยุงกัด แล้วยังต้องเดินขึ้นๆ ลงๆ ระหว่างชั้นลอย ที่รีดผ้า กับ ดาดฟ้า ที่ซักผ้า ... นอกจากจะได้ผ้าหอม ผ้าเรียบ พร้อมใช้แล้ว ยังได้ออกกำลังกายอีกด้วย


คิดว่าค่ำๆ คงจะปวดขา เมื่อยขา ที่ไหนได้ กลับปวดหลัง เมื่อยหลัง ซะอย่างนั้น ... คนดีขา ขอใช้สิทธิไปสปา ของขวัญวันเกิดที่ค้างอยู่ได้มั้ยคะ ปวดหลัง เมื่อยหลัง จังเลย

5.4.52

สำเพ็ง พาหุรัด ชุดปฏิบัติธรรม


ยังคงตามหาชุดปฏิบัติธรรมอยู่ค่ะ ... เพราะเสาร์ที่แล้ว มาสำเพ็ง แต่ไม่ได้เดินย้อนไปดูชุดขาวที่พาหุรัด เพราะอากาศร้อนมาก และของพะรุงพะรัง เลยยกเลิกกระทันหัน กลับไปตะลอนที่อื่นแทน


แล้วตะลอนหามาเรื่อยๆ ก็ได้มานิดๆ หน่อยๆ แต่ยังไม่ใช่อย่างที่ต้องการ ... วันอาทิตย์นี้เลยต้องตะลอนมาพาหุรัด เพราะรู้ว่ามีขายแน่ๆ


ตื่นเช้าอีกแล้ว งัวเงียไปอาบน้ำแต่งตัว แล้วออกจากบ้านราวๆ 9.30 น. ง่วงงุน สะลึมสะลือไปบนแท๊กซี่ ... ราวๆ สิบโมงก็ถึงหน้าเพาะช่าง เดินผ่านร้านที่ขายชุดขาว แต่ยังไม่แวะซื้อ เพราะหิวกันทั้งคู่ เลยเดินดิ่งไปเติมพลังกันก่อนค่ะ


ร้านสวีท เป็นร้านขาย สเต็ก สลัด และอาหารอีกหลายชนิด ... เห็นร้านนี้มานานแล้วค่ะ เพราะร้านอยู่ติดกับโรตีกรอบหน้าเพาะช่าง แต่เพิ่งมีโอกาสได้ชิมวันนี้




สเต็กไก่ ไส้กรอก ไข่ดาว ของคนดี - สเต็กหมู ไส้กรอก ไข่ดาว ของเรา - แซนด์วิชแฮมชีส แบ่งกัน ... เป็นมื้อควบเช้ากับเที่ยง ที่อิ่มกำลังดี


ตอนแรกกะว่าจะกินโรตีกรอบเป็นของหวานสักหน่อย แต่ร้านเพิ่งเปิด ยังไม่ขายโรตี เราสองคนเลยอด ... งั้นก็เริ่มช้อปปิ้งเลยแล้วกัน


เดินย้อนไปนิดเดียวก็เจอร้านที่ขายชุดขาวหลายร้าน เลือกเข้าร้านแรก แล้วลองดูแบบต่างๆ ... เราได้เสื้อขาว ผ้านุ่งดำ ผ้านุ่งขาว กางเกงขาว อย่างที่ต้องการ ... จ่ายไปพันกับอีกนิดหน่อย ซื้อมาเต็มที่ กะว่าเหลือแน่ๆ


ส่วนคนดี ก็ได้ เสื้อขาว ผ้านุ่งขาว กางเกงขาว มาทั้งหมด 5 ชุด ชุดละ 180 บาท ก็ 900 พอดีเป๊ะ ... ได้ชุดขาวอย่างที่ต้องการแล้ว ก็เตรียมตัวกลับ คนดีบอกว่ายังไม่ร้อนมาก คนยังไม่เยอะ เดินไปขึ้นรถตรงสำเพ็งกันดีกว่า


เลยเดินย้อนกลับไปสำเพ็ง ... ระหว่างทางเลยได้ของติดมือกลับมาอีกนิดหน่อย เข็มขัดสำหรับผ้าถุง เสื้อทับเผื่อเสื้อขาวเนื้อบางไป ที่คาดผมหูมินนี่ และปืนฉีดน้ำ ที่ซื้อเอาไว้ แต่คงไม่ได้ใช้


เดินฝ่าคนที่มากขึ้นเรื่อยๆ และอากาศที่ร้อนขึ้นเรื่อยๆ ไปจนถึงสำเพ็ง ... คนดีก็นึกได้ว่า ลูกค้าจะซื้อไข่พลาสติคสำหรับจับสลาก เลยชวนไปลองหาดู เราเลยพาดิ่งไปร้านขายของเล่น เจอปุ๊บ จ่ายตังค์ปั๊บ แล้วรีบกลับทันที


กะจะนั่ง 204 แอร์ จากท่าน้ำราชวงศ์ยาวมาลงบ้านเลย ... แต่รถแอร์มีแต่เสริมพิเศษ วิ่งไปทางดินแดงเข้าห้วยขวางเลย ... ถ้าจะนั่งยาวมาลงบ้าน ต้องเป็นรถเมล์ครีมแดง ซึ่งคงร้อนสุดๆ เราสองคนเลยนั่งรถแอร์มาต่อดีกว่า


มาต่อแท๊กซี่ที่สามเหลี่ยมดินแดง จริงๆ จะรอรถเมล์ก็ได้ แต่ร้อนมาก เหงื่อซก เลยขอขึ้นแท๊กซี่วิ่งฉิวๆ มีไอเย็นๆ ดีกว่า ... นั่งแท๊กซี่ไปก็หันไปมองคนดีเป็นระยะ เพราะเพิ่งจับคนดีทำสีผมใหม่ วันนี้ทั้งวัน ว่างเป็นต้องหันไปมองสีผมของคนดีทุกที




เลือกสีให้เอง ผสมเอง ละเลงเอง แล้วก็มองอยู่คนเดียุว ... คนดีผมสั้นกว่าเดิมเยอะ อุปกรณ์ก็สะดวก เลยละเลงเล่นง่ายกว่าแต่ก่อน ทำแล้วสีที่ออกมาก็ชัดดี


วันนี้ภารกิจลุล่วงเรียบร้อยสักที ทั้งร้อน ทั้งเหนื่อย พอกลับถึงบ้าน เราสองคนก็หลับ สลบ ... พอบ่ายๆ ฝนตก อากาศเริ่มเย็นสบาย ก็ได้เวลาที่คนดีจะต้องกลับบ้าน


คนดีกลับไปแต่ตัว ทิ้งสมบัติที่ซื้อมาวันนี้ไว้ให้เราจัดการซักรีด ให้พร้อมใช้ ... เป็นภารกิจของวันพรุ่งนี้ต่อไป มีแวว เหนื่อยอีกแล้ว

4.4.52

ตะลุยแพลทตินั่ม แวะหม่ำซ้ง

เช้าวันเสาร์ไม่ได้นอนยาวๆ อย่างที่อยาก เพราะมีนัดกับสาวๆ ไปเดินแพลทตินั่มค่ะ ... ภารกิจหลักคือจะไปมองหา ชุดขาวไปปฏิบัติธรรม แต่ถ้าจะได้อะไรติดไม้ติดมือกลับมาก็เป็นผลพลอยได้ค่ะ


นัดสาวฝน กับ หมวยบี ไว้ที่แพลทตินั่มตอน 11.00 น. แต่ก็ไม่แน่ใจว่าน้องจะเบี้ยวรึเปล่า เพราะกลับบ้านดึก และไม่ได้ยืนยันนัดกัน ... พอใกล้ได้เวลานัดโทรไป สาวๆ ก็ใกล้จะถึงที่นัดแล้ว


เอารถไปจอดไว้ที่เซ็นทรัลเวิลด์ แล้วรีบเดินตามไปสมทบกับสาวๆ ที่ฟู้ดคอร์ท ... กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ท้องร้องเดี๋ยวเดินไม่ไหวค่ะ ... เติมพลังงานกันถ้วนหน้า ก็ได้เวลาลุยค่ะ


เริ่มลุยจากชั้น 5 ชั้นเครื่องประดับ ... เป็นชั้นที่ดูดสตางค์ออกจากกระเป๋ามากที่สุด และใช้เวลาเดินนานมากกกกกกกกกกก เพราะแวะกันเกือบทุกล็อค ทุกซอย


แล้วก็เดินย้อนลงไปชั้น 4 3 2 1 ตามลำดับ ... หมวยบีปลีกตัวไปราวๆ บ่ายสาม เพราะต้องกลับไปดูแลอาม่า และมีนัดกับญาติ ... ราวๆ สามโมงครึ่ง เรากับคนดี ก็ขอตัวบ้าง เพราะภารกิจตามหาชุดขาวไม่คืบหน้า อาจจะต้องข้ามไปดูฝั่งประตูน้ำ ... ปล่อยสาวฝนเดินตามลำพัง


3-4 ชั่วโมงที่เดินอยู่ในแพลทตินั่ม ได้ของมาเพียบ ... สร้อยคอ 6 เส้น รองเท้า 1 คู่ ขนตาปลอม 4 คู่ เสื้อโปโลขาว 3 ตัว เสื้อเชิ้ตขาว 3 ตัว กางเกงขาสั้น 1 ตัว กระเป๋า 1 ใบ


ย้ายจากแพลทตินั่ม กลับไปเดินเซ็นทรัลเวิลด์ ... แวะไปทำธุรกรรมทางการเงินที่แบงค์ แวะหม่ำแมคโดนัลด์รองท้อง แวะไปดูเสื้อในร้าน Forever 21 ร้านโปรด ... ก่อนจะชวนกันย้ายไปหาอะไรหม่ำมื้อเย็น


ก่อนจะออกก็โทรหาสาวฝนว่าทำอะไรอยู่ที่ไหน เพราะมี Missed call เข้ามา ... สาวฝนบอกว่ากำลังจะออกจากแพลทตินั่ม ไปรับเช็คช่วยชาติ เลยนัดให้น้องไปยืนรอ เพราะจะผ่านไปทางนั้นพอดี


นัดกันแล้ว แต่ไม่แน่ใจว่าน้องเข้าใจตรงกันรึเปล่า พอใกล้ถึงจุดนัดก็โทรหาอีกรอบ แต่ติดต่อไม่ได้ ... ตายละวา น้องรอตรงไหนก็ไม่รู้ ติดต่อก็ไม่ได้ โชคดีที่เจอที่ว่างจอดรถข้างทางได้ คนดีเลยจอดให้เราได้เดินหาน้อง


เดินไปก็กดสายไปหาด้วย แต่ติดต่อไม่ได้ ไม่แน่ใจว่าแบตหมด หรือ เครื่องแฮงค์ เพราะเครื่องน้องไม่ค่อยดี ... เดินไป กดไป แล้วก็ผลัดให้คนดีไปเดินหาบ้าง ราวๆ ครึ่งชั่วโมงแล้วก็ยังติดต่อไม่ได้ ... เลยกะว่าจะรออีกสักพักก็จะไปแล้ว บังเอิญที่น้องเดินงงๆ มาพอดี เลยได้ขึ้นรถมุ่งหน้าไปต่อ


พาน้องไปแวะรับเช็คที่กระทรวงแรงงาน แล้วจับขึ้นรถพาไปหม่ำมื้อเย็นต่อเลย ... เพราะน้องก็บ่นหิว และพอได้ยินชื่อร้านที่จะไปก็ตาลุกวาว


ซ้งเป็ดพะโล้ แถวเสนาฯ เป็นร้านที่รู้จักเพราะไปตีแบด ... พอได้ชิมแล้วก็ติดใจ กลายเป็นร้านโปรดของสมาชิกก๊วนแบด

จานโปรด จานเด็ดที่มาเมื่อไหร่ต้องสั่งทุกที คือ ซุปเปอร์ขาไก่ น่องไก่ ค่ะ ... น้ำซุปรสเด็ดถูกใจ ขาไก่ น่องไก่ ก็เนื้อนุ่ม


มาคราวนี้ลองสั่งเมนูใหม่ๆ ลองสั่งยำหมูแผ่น ตอนแรกก็คิดว่าคงเป็นหมูแผ่นบางๆ กรอบๆ ธรรมดา ... ที่ไหนได้ เป็นหมูแผ่นเนื้อหนาหน่อย รสชาติดีที่เดียว เคี้ยวเพลินเลยค่ะ


จัดการเรียบร้อยทุกจาน ... ก็แวะซื้อปาท่องโก๋สังขยา เจ้าอร่อยแถวนั้น ติดขึ้นรถ มาเป็นของหวานระหว่างทางด้วย ... อิ่มครบถ้วนทั้งคาวและหวาน ก็แวะส่งสาวฝนที่สถานีรถไฟใต้ดิน เพราะยังไม่ดึกมาก เลยไม่ส่งน้องที่บ้านเหมือนเมื่อวาน


ส่งน้องแล้วก็มุ่งหน้ากลับบ้าน ... ได้เวลาพักผ่อน เพราะพรุ่งนี้มีโปรแกรมต้องตื่นเช้าอีกแล้ว ภารกิจหาชุดปฏิบัติธรรมยังไม่ลุล่วงค่ะ

3.4.52

กินลมชมวิว ที่ ลมโชย @ The Roof

นัดรวมตัว กินลม ชมวิว ชิมอาหารอร่อย ครั้งนี้ เกิดขึ้นเพราะสาวกวาง อดีตสมาชิกสาวของออฟฟิศส่งคำเชิญมาค่ะ ... สาวกวางบอกว่าไปเจอร้านอาหารร้านนึง บรรยากาศดี อาหารใช้ได้ เลยชวนสมาชิกมาลองชิม และสังสรรค์


ชวนไปชิมแบบนี้ มีหรือจะพลาด ... ส่งข่าวต่อแล้วนัดกันทันทีค่ะ ขาดสมาชิกไปหลายคน เพราะติดงาน และติดธุระ แต่ไม่เป็นไร ถ้าอร่อยจริง คงมีนัดครั้งหน้า


สาวกวางบอกว่าร้านอยู่ใน ซ.ลาดพร้าว 48 ไปจากออฟฟิศเราจะสะดวกกว่า เพราะลัดเลาะไปตามซอยทางลัดได้ เลยนัดไปเจอกันที่ร้านตอนทุ่มนึง ... แต่เพราะเป็นวันศุกร์ เลยกลัวว่ารถจะติด และไม่แน่ใจว่าร้านอยู่ตรงไหน สมาชิกจากออฟฟิศเลยออกเดินทางราว 17.30 น. ยังไม่ทันจะ 18.00 น. ก็ถึงร้านแล้วค่ะ



ไปเป็นแขกกรุ๊ปแรกของร้าน เพราะพนักงานบางส่วนทำความสะอาดร้าน และจัดร้านอยู่เลยค่ะ ... แต่ทางร้านก็ใจดีให้เราๆ ได้ถ่ายรูปเล่นกันก่อน สนุกเลยค่ะ



ไปถึงกันเร็ว เลยได้นั่งชมวิวดวงอาทิตย์ลับฟ้า แต่ก็ต้องแลกกับอากาศที่ยังร้อนอยู่ ... นั่งคุยเล่นกันเพลินๆ แป๊บเดียวก็ค่ำ พอค่ำแล้วบรรยากาศก็เปลี่ยนไปนิดหน่อย มีไฟวิบวับ และลมเย็นๆ


กินลม ชมวิวแล้ว ก็ได้เวลาชิมอาหารค่ะ ... นักกินกันทั้งนั้น แถมกินกันดุซะด้วย จานไหนที่ว่าอร่อย จานไหนที่น่าสนใจ ก็สั่งมาลองชิม เพียบ


กุ้งกระเบื้อง - ลูกชิ้นปลากรายลวกจิ้ม - ไส้กรอก @ The Roof - ส้มตำทอด


ลาบเป็ดทอด - แกงส้มชะอมกุ้ง - ปลาช่อนโบราณ - ไข่ตุ๋นทรงเครื่องหม้อไฟ




เบค่อนผัดผักกาด - กุ้งผัดหน่อไม้ฝรั่ง - ยำก้านคะน้ากุ้งสด - หมึกผัดไข่เค็ม


แล้วยังมีที่ถ่ายรูปไว้ แต่ทั้งมัวและเบลอ อย่างรุนแรง คือ ข้อไก่ทอด ยำเห็ดฟางกุ้งสด ... ข้าว 1 โถ กับข้าว 14 อย่าง โดนสมาชิก 8 คน (7 สาว กับ 1 หนุ่ม) จัดการเรียบ


อิ่มแล้วก็นั่งคุย นั่งเม้าท์กันไปเพลินๆ รอวงแรกที่จะเล่น ... แต่เพราะเรามาเร็วมาก แต่วงเริ่มเล่นตอน 20.00 น. เลยนั่งฟังอยู่แค่พักเดียวก็แยกย้ายกันต่อ เพราะที่ร้านนี้ไม่มีทั้งผลไม้ และขนมหวาน ในนั่งหม่ำเพลินๆ ต่อ เลยแยกย้ายกันดีกว่า


สมาชิกแยกไป 2 คน แต่ 6 สาวที่เหลือ จัดระเบียบขึ้นรถคนดี แล้วมุ่งหน้าไปหาของหวานกันต่อค่ะ ... ของหวานที่ว่า คือ โรตี แถวลาดพร้าว-วังหินค่ะ




โรตีบางกรอบ 2 จาน โรตีหนานุ่ม 2 จาน และโรตีข้าวโพด 1 จาน ... โดน 6 สาวจัดการเรียบอีกเช่นเคย คราวนี้อิ่มจนจุกเป็นแถว อิ่มแล้วก็ได้เวลาแยกย้ายกันจริงๆ


คนดีก็เริ่มตะลอนส่งสาวๆ ... รายแรกสาวกวาง เพราะบ้านอยู่แถวนั้น ... ต่อด้วยสาวกบ ที่พหลฯ24 ... ตามมาด้วยสาวฝน ที่อ่อนนุช ... ปิดท้ายด้วยหมวยบี ที่พระราม 2


เราสองคนกลับถึงบ้านก็เที่ยงคืนพอดี ... ถึงบ้านปุ๊บรีบอาบน้ำ แล้วก็หลับสลบ เพราะวันรุ่งขึ้นยังมีนัดตะลอนทัวร์กับสาวๆ อีก

2.4.52

งานกาชาด


แต่ก่อนแต่ไร ไม่เคยนึกอยากไปงานกาชาด ... แต่พอคบกันคนดี กลายเป็นว่าชอบชวนกันไปเดินเล่น ถ้าไม่ยุ่งมากนัก ก็จะหาเวลาไปเดินเล่นสักวันนึง


ไปเดินเล่นจริงๆ ค่ะ บางคนอาจจะไปหาซื้อของลดราคา ไปทำบุญ ไปเล่นเกม ... แต่เราสองคนไปเดินเล่น ชมบรรยากาศ กิจกรรมหลักที่ทำประจำเวลาไปงานกาชาดคือ ซื้อโอวัลติน หรือ ไมโล ดื่มชื่นใจระหว่างเดินค่ะ


เวลามีใครถามว่าไปงานกาชาดทำไม ก็จะตอบว่า ไปดื่มโอวัลติน หรือ ไมโล คนถามก็จะงงว่าทำไมต้องไปถึงงานกาชาด ... ที่มาก็คือ โอวัลติน หรือ ไมโล ในงานกาชาด จะรสชาติเข้มข้น หวาน มัน เป็นรสเดียวกับโอวัลติน หรือ ไมโล ที่เคยเข้ามาแจกในโรงเรียนค่ะ ... ชงเองยังไง ก็ไม่กลมกล่อมเหมือนต้นตำรับสักที เลยต้องมาตามหาในงานกาชาดนี่หล่ะค่ะ


ปีนี้มีแนวร่วมไปเดินงานกาชาดเพิ่ม ได้แก่ หมวยบี กับ สาวฝน แล้วมีลุงบอยตามมาสมทบ ... พอเลิกงาน สมาชิก 4 คนก็รีบออกจากออฟฟิศ โชคดีที่ถนนโล่ง รถไม่ติดเท่าไหร่ เลยตรงดิ่งไปถึงงานได้อย่างรวดเร็ว


กำลังจะเดินเข้างานก็โชคดีอีก ตอนที่จะหยิบกระเป๋าตังค์ซื้อบัตร ก็มีผู้หญิงคนนึงเดินหน้านิ่งเข้ามาถามว่า ซื้อบัตรรึยัง ... ตอนแรกก็งง และระแวงว่าจะขายบัตรราคาสูงรึเปล่า ... แต่ก็ตอบไปว่ายังค่ะ พูดจบเข้าก็ยื่นบัตรใส่มือมา พร้อมบอกว่า "ให้" แล้วก็เดินไปเลย


ยื่นงง อ่านรายละเอียดบนบัตร แล้วก็เห็นว่าเป็นบัตรแจก เลยส่งให้สมาชิกคนละใบ ... ยังมีบัตรเหลืออยู่อีก ก็แจกให้คนอื่นต่อ แล้วก็เดินเข้างานอย่างลั้ลลา


เพราะ หิว อย่างแรกที่เรียกความสนใจได้ก็คือ อาหารค่ะ ... คนดี กับ สาวฝน กลายเป็นคู่หูกันทันที เดินดิ่งไปซื้อนั่นนี่อย่างละหน่อย มาเดินชิม ... หมี่ผัด มาม่าผัดขึ้เมา โป๊งเหน่ง ทอดมันปลาหมึก ลูกชิ้นปลาทอด ขนมครกไข่นกกระทา และที่ขาดไม่ได้ โอวัลตินภูเขาไฟ


เติมพลังนิดหน่อยแล้ว ก็มีแรงเดินค่ะ เดินเข้าร้านนั้น ร้านนี้ ดูของใช้ เสื้อผ้า ไปเรื่อย แต่ไม่มีใครซื้ออะไร ... เลยเปลี่ยนทำบุญลุ้นโชคแทน ปาเป้า ช้อนไข่ ยิงปืน สอยดาว ซื้อสลากกาชาด ของที่ได้ก็เล็กๆ น้อยๆ อย่าง สบู่ ยาสีฟัน น้ำผลไม้ แป้ง บะหมี่กึ่ง


แต่หมวยบีพกดวงมาด้วยค่ะ ... ตอนแวะร้านสุดท้าย ชวนกันเข้าไปสอยดาว สาวหมวยสอยได้รางวัลใหญ่นิดๆ ที่พนักงานในร้านตื่นเต้น สั่นระฆังเหง่งหง่าง ... รางวัลที่ได้เป็น หม้อหุงข้าวค่ะ มีการมอบรางวัล ถ่ายรูป และสัมภาษณ์นิดหน่อย ... สาวหมวยบ่น เขิน ตรงที่มีเรากับลุงบอย คอยตามเก็บภาพอยู่ตลอดนี่แหละค่ะ


นอกจากจะเป็นตากล้องให้สาวหมวยแล้ว ยังทำหน้าที่พี่เลี้ยงด้วยค่ะ ... เพราะหมวยบีเดินเกาะเสื้อ เดินตามต้อยๆ ตลอด ตั้งแต่ก้าวเท้าเข้างาน จนเดินออกจากงานค่ะ


ลุงบอยที่ตามมาสมทบทีหลัง ทักกันได้พักเดียว ฝนตกเลยต้องหาทีหลบ ... ก่อนจะเดินเล่นชมงานกันต่อ พอเดินกันจนหนำใจ ก็ชวนกันไปเติมพลังค่ะ เพราะลุงบอยที่เพิ่งตามมา หิวมาก



5 คน อัดกันขึ้นรถตุ๊กตุ๊ก นั่งกันแบบทุลักทุเล และน่าหวาดเสียว มุ่งหน้าไปร้านผัดไทยทิพย์สมัย ... สั่งผัดไทยกันคนละจาน ทั้งแบบธรรมดา และแบบห่อไข่ ... ได้ยินชื่อร้านนี้มานาน นี่เป็นครั้งแรกที่ได้มาชิม รสชาติใช้ได้ค่ะ ผัดไทยที่ปรุงมาหวานนิดหน่อย แต่พอบีบมะนาวเติมก็รสชาติใช้ได้ แถมให้มาจานใหญ่จานโต


อิ่มท้องเรียบร้อย ก็แยกย้ายกันกลับบ้านค่ะ ... งานกาชาดปีหน้า ค่อยมาเดินเล่นกันใหม่

1.4.52

April Fool's Day

April Fool's Day หรืออาจจะเรียกในชื่ออื่นว่า วันเมษาหน้าโง่ วันโกหกเดือนเมษายน วันเทศกาลคนโง่ ... เป็นเทศกาลในวันที่ 1 เมษายน วันนี้เป็นวันที่อนุญาตให้โกหกต่อกันได้โดยไม่ถือโกรธ ... เทศกาลนี้เริ่มขึ้นที่ประเทศฝรั่งเศส และเป็นที่นิยมกันไปทั่วโลก
( ข้อมูลจากวิกิพีเดีย http://th.wikipedia.org/ )


รู้จักเทศกาลนี้จากการ์ตูนค่ะ แต่จำไม่ได้แล้วว่าเรื่องอะไร และก็เคยได้ข่าวว่าในต่างประเทศอำกันแรงๆ เป็นจริงเป็นจัง เป็นเรื่องเป็นราวเลย ... เคยคิดจะไปอำใคร แต่ก็กลัวใครไม่รู้ แล้วพาลจะโกรธกัน แต่หลังๆ พอเทศกาลนี้เป็นที่คุ้นเคยมากขึ้น ก็เริ่มหาเรื่องอำเพื่อนค่ะ


ตอนโสดก็อำว่ามีแฟนแล้ว พอมีแฟนแล้วก็อำว่าเลิกกันบ้าง จะแต่งงานบ้าง แต่ก็ไปอำกับเพื่อนรุ่นพี่เจ้าประจำ อำทุกปี ... พอปีนี้กะจะโทรไปอำก็นึกมุกไม่ออก แต่ก็กดไปหาแต่เช้า เสียงที่ได้ยินทันทีที่รับสายคือ "วันนี้จะมาโกหกอะไรอีก" ... โอ้โห ปีนี้จำได้ด้วย ไม่มีมุกจะอำอ่ะ เลยทักทายถามไถ่สารทุกข์สุขธรรมดา


แล้วก็ขยับขึ้นไปหาสาวๆ ดีกว่า ไปคุยกับสาวๆ ว่ามีใครโดนอำ หรือ ไปอำใครบ้างรึยัง ... พอคุยกันแล้วก็เริ่มหาเหยื่อทันที มองไปมองมาเจอโต๊ะยังว่างอยู่ สมาชิกยังมาไม่ครบ นี่แหละ เหยื่อของพวกเรา แต่ยังนึกไม่ออกว่าจะอำอะไรกันดี ไม่ได้เตี๊ยมกันไว้เลย ไว้ค่อยนึกแล้วกัน


ว่าแล้วเราก็เดินลงกลับมาทำงาน มาเจอ สาวอิ่ม เหยื่อที่หมายตาไว้เดินเข้าออฟฟิศมาพอดี ... ปากไว้เท่ากับใจคิด บอกน้องไปว่า "อิ่ม รีบขึ้นไปเลย พี่กบมีข่าวร้ายจะบอก" น้องได้ยินก็ทำหน้าสงสัยว่าเรื่องอะไร เราบอกให้ไปถามเอาเอง แล้วก็เดินไปนั่งโต๊ะทำงาน ... และไม่ได้สนใจว่าสาวๆ ข้างบนจะอำต่อมั้ย หรือยังไง


ปรากฎว่า สาวอิ่ม เดินไปเจอ บีหมวยที่ชั้นลอย แล้วบีหมวยอำส่งต่อพอดีว่า "เฮ้ย อิ่ม พี่กบจะลาออก" พูดพร้อมกับตีหน้าตาย ทำเซ็ง เนียนเชียว แล้วไล่ให้อิ่มขึ้นไปคุยเอง ... พออิ่มเดินลับขึ้นไป บีหมวยก็รีบกดโทรภายในไปบอกกบไว้ก่อน


สาวกบ เพิ่งรับหน้าที่เป็นหัวหน้าสาวอิ่มไม่นาน และอยู่ในช่วงที่กำลังหัดงาน ฝึกงานให้อิ่ม ... พออิ่มไปเจอกบที่นั่งหน้าซีด หน้าซึม หน้านิ่งๆ อยู่ ก็รีบถามทันที กบก็รับไม้ต่อ ตีหน้านิ่งบอกว่า "อือ ไปทำงานก่อนเถอะ เดี๋ยวค่อยคุย" แล้วก็ทำหน้านิ่ง ทำเป็นยุ่งกับงานต่อ


พอเที่ยงสาวๆ ชวนกันไปเดินตลาดนัดเมืองไทย แยกกันเป็น 2 กลุ่ม รีบเดิน รีบซื้อ แล้วรีบกลับมาหม่ำข้าวด้วยกัน ... พอสมาชิกครบ แก๊งค์อำก็เริ่มงานกันต่อทันที บีหมวยเริ่มใส่ข้อมูลต่อ ถามว่าอิ่มไปทำอะไร กดดันอะไรพี่กบเค้ารึเปล่า บลา บลา บลา บลา ... พวกที่รับลูกทัน จับไต๋ได้ ก็รับลูกอำต่อ บางคนที่จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน ก็หน้าตาเลิ่กลั่ก งงไปด้วย


เราเองหลังจากเปิดประเดิมเป็นรายแรกไป ก็ไม่ได้อำอะไรเพิ่มอีก ได้แต่นั่งอมยิ้มก้มหน้าจัดการเล็กโฟยำไปเรื่อยๆ ... จนสุดท้ายโดนซัดทอด มีเสียงบอกอิ่มว่า เราจะขึ้นไปเป็นหัวหน้าดูแลอิ่มแทน เลยกลั้นยิ้ม แล้วเงยมองหน้าน้อง ก็เห็นทำตาปริบๆ เครียดๆ อยู่ ... เราเลยตัดสินใจเฉลย ถามว่า "รู้เปล่าวันนี้วันอะไร" เท่านั้นแหละ สาวอิ่มก็ยิ้มได้ทันที ก่อนจะทำหน้าง้ำ ตัดพ้อต่อว่าที่โดนรุมกลั่นแกล้ง


พวกเราเลยบอกว่า ไม่ได้ตั้งใจจะแกล้งหรอก แต่พอหันไปเห็นโต๊ะว่างอยู่ อิ่มมาสาย เลยกลายเป็นเหยื่อจำเป็น ... พออำสำเร็จไปรายนึงแล้ว สาวๆ บางคนยังนึกสนุกอยู่ เลยช่วยกันคิดว่าจะไปอำใครต่อดี แล้วจะอำยังไงดี ... คุยกันไป คุยกันมา แต่ไม่มีใครริเริ่มลงมืออีก สุดท้ายก็สลายตัว บางส่วนกลับขึ้นไปทำงาน บางส่วนก็ยังนั่งเม้าท์กันอยู่


สักพัก สาวอิ่มก็เดินลงบันไดมา แล้วอมยิ้ม หัวเราะคิกคัก หน้าตามีความสุข และสะใจสุดๆ ก่อนจะบอกว่า "อิ่มจัดการได้รายนึงแล้ว" พี่ๆ ที่นั่งอยู่เลยซักว่าไปอำใคร อำว่าไง ... สาวอิ่ม ไปบอก บีเล็ก ลูกน้องอีกคนของสาวกบ โดยใช้สคริปท์เดียวกับที่ตัวเองโดนอำเลย เพราะเมื่อเช้าบีเล็กออกไปประชุมกับลูกค้า เพิ่งกลับเข้าออฟฟิศตอนเที่ยง


ทำทีเป็นไปหาบีเล็กที่โต๊ะ แล้วบอกว่ารู้เรื่องพี่กบจะออกรึยัง พอเหยื่อได้ยินก็ตกใจตาโต สาวอิ่มก็ใส่ข้อมูลต่อทันที ... เห็นว่ามีเหยื่อตกหลุมแล้ว สาวๆ ที่กลับขึ้นไปทำงาน ก็ดิ่งมาประกบ ล้อมรอบโต๊ะเหยื่อรายใหม่ แล้วช่วยกันเติมข้อมูลทันที เท่านั้นเหยื่อรายใหม่ก็อึ้ง ตะลึงงัน ได้แต่รำพึงว่า "แย่แล้ว" ... สาวอิ่มเห็นเหยื่อตกหลุมเต็มตัว ก็รีบบอกว่า "ที่แย่ไปกว่านั้น ได้ข่าวว่าจะให้พี่ตั๊กมาเป็นหัวหน้าดูแลแทน" สาวบียิ่งอึ้ง นิ่ง และซีด ก่อนจะรำพึงว่า "ตายแล้ว"


พอเห็นเหยื่ออาการสาหัสแล้ว สาวอิ่มก็ชิ่งลงมารายงาน ... พวกเราที่นั่งอยู่ เห็นอิ่มขำคิกคักขนาดนั้น เลยถามว่า "เมื่อกี้ยังงอนตุ๊บป่องอยู่เลยที่โดนอำ แล้วพอไปอำคนอื่นได้ กลายเป็นหน้าระรื่นเชียวนะ" แล้วก็ให้สาวอิ่มโทรตามบีเล็กลงมาหา จะได้เฉลยกันซะก่อน ไม่งั้นเครียด ไม่เป็นอันทำงานพอดี


พอเฉลยกันเรียบร้อย ก็โล่งอก สบายใจ ทำงานกันได้ต่อ ... แยกย้ายกันไปทำงาน แต่บางส่วนที่ยังนึกสนุก ก็ไปหาเหยื่อที่เป็นเพื่อนแต่ละคน อำกันต่อ ... และสาวๆ ทุกคนก็กลายเป็นมีภูมิคุ้มกัน วันนี้ใครที่เจอเพื่อนเล่าเรื่องแปลกๆ ทักเรื่องแปลกๆ มา ก็ระวังตัวกันน่าดู


อำกันเอง ขำกันเอง แล้วก็ระแวงกันเอง เพราะมีเสียงสาวคนนึงพูดขึ้นว่า "ผู้หญิงออฟฟิศนี่น่ากลัวจริงๆ พอรวมตัวกันได้นี่ เหนียวแน่นหนึบ รุมเหยื่อไม่ปล่อยเลย" ... รักดอกจึงหยอกเล่นจ้า ถ้าไม่รักไม่หยอกหรอกนะจ๊ะ