ตั้งแต่เริ่มทำงาน การเดินทางก็สะดวกขึ้น เนื่องจากโชคดีออฟฟิศอยู่ไม่ไกลบ้าน เดินทางด้วย 2 เท้า ไปต่อพี่วินเข้าออฟฟิศ ... พอออฟฟิศย้ายจากในซอยมาอยู่ริมถนน ก็เดินยาวรวดเดียวถึงเลย
เดินจนเริ่มคบกับคนดี ... จนคนดีซื้อรถ ขับรถ ก็เปลี่ยนการเดินทางจาก 2 เท้า มาเป็นนั่งรถไป-กลับ สบายขึ้นเยอะ ... จะได้ขึ้นรถเมล์ - MRT - BTS ก็เวลาจอดรถทิ้งไว้ที่อื่น หรือ ไปหาลูกค้า หรือ ตะแล๊ดแต๊ดแต๋แอบหนีคนดีไปเที่ยวเอง
ทุกครั้งที่จะขึ้นรถเมล์ก็ตื่นเต้นทุกที เพราะไม่รู้ว่าค่ารถเมล์ปรับขึ้นไปเท่าไหร่แล้ว ... จนล่าสุดมีรถเมล์ฟรี เห็นข่าวแล้วก็ดีใจกับคนที่ได้ใช้บริการ ช่วยประหยัดไปเล็กๆ น้อยๆ ก็ยังดี
จนเมื่อวันที่ไปงานมีตติ้งของจีบัน ขากลับก็ลังเลอยู่ว่าจะกลับยังไงดี เพราะฝนตก อาจจะต้องนั่งแท๊กซี่ แต่เดินเล่นเตร็ดเตร่อยู่สักพักฝนก็ซา เลยขึ้นสะพานลอยไปนั่งรถเมล์ดีกว่า ... เดินมาถึงครึ่งทางก็ชี้บอกน้องที่เดินมาด้วยว่านั่นไง กลับสายนี้ได้ น้องก็บอกว่า "รถเมล์ฟรีด้วยพี่ รีบไปขึ้นเลย" จริงเหรอ ... หันไปเห็นป้ายบอกชัดเจน มั่นใจ ทีนี่รีบจ้ำเลยค่ะ สะพานลอยลื่นๆ ก็จ้ำแบบจิกเท้าสุดฤทธิ์
กึ่งเดินกึ่งวิ่งจนมาถึงพื้นก็ชะแง้ดูรถว่าจะออกรึยัง ... อ๊ะ ยังอยู่ หันไปโบกมือบ๊ายบายน้อง แล้ววิ่งไปขึ้นรถทันที รถโล่งมีที่นั่งให้เลือกเพียบ ... นั่งหอบแบบตื่นเต้นนิดๆ ดีใจที่ได้นั่งรถเมล์ฟรี เพราะไม่เคยคิดเล้ยยยยย ว่าจะมีโอกาสได้ใช้
ตื่นเต้นกับรถเมล์แล้ว วันต่อมาก็มีเรื่องให้ตื่นเต้นกับ MRT และ BTS กันต่อ ... เพราะมีนัดประชุมกับลูกค้าตอน 9.30 น. แถวสาทร สมาชิก 4 คน เจ้านาย เรา และน้องอีก 2 คน ต้องออกเดินทางจากบ้านไปเจอกันที่หน้าออฟฟิศลูกค้าเลย ... คิดไตร่ตรองดูแล้ว ต้องอาศัยรถไฟฟ้าทั้งใต้ดิน บนดิน นี่แหละ สะดวกที่สุด
มาถึงออฟฟิศแต่เช้า หม่ำมื้อเช้า แต่งหน้าพร้อม ก็คว้ากระเป๋าโน้ตบุ้ค กับสมุดโน้ต ออกเดินทาง ... ติดรถคนดีไปลงตรงสถานีรถไฟใต้ดิน ระหว่างเดินลงไปก็คิดคำนวณในหัวว่า ควรจะไปต่อ BTS ที่สถานีไหนดี เพราะเช้าๆ แบบนี้ รถไฟฟ้าคนเยอะแน่ๆ
จากสุทธิสาร จะไป สุขุมวิท หรือ สวนจตุจักร ดีน้า ระหว่างที่คิดก็เดินไปเข้าแถวขบวนที่ไปทางหัวลำโพงไว้ก่อน พอรถไฟมาถึงประตูเปิด เท้าก็ก้าวตามคนเข้าไปทันที ... ก้าวเข้าไปทั้งที่ยังคิดคำนวณอยู่นั่นหล่ะค่ะ เข้าไปเป็นคนสุดท้ายยืนแนบชิดติดประตูเลย เพราะคนแน่นนนนนนนนนนนนน มากกกกกกกกกกกกกกกกกกก
มือข้างนึงหิ้วกระเป๋าโน้ตบุ้ค มือข้างที่ว่างก็ยืดนิ้วไปจิ้มประตูเอาไว้ ขอแตะเป็นหลักยึดหน่อยนึง ... พอใกล้จะถึงสถานีถัดไป ก็มีเสียงประกาศเพิ่มเติมว่า ขอความกรุณาผู้โดยสารช่วยขยับเข้าไปที่ว่าง เพื่อให้ผู้โดยสารในสถานีหน้าได้เดินทางไปด้วย ... โอ้โห เหมือนอยู่บนรถเมล์เลย
พอคนในขบวนขยับออก ก็ขยับตัวแทรกเข้าไปตามช่องว่างที่พอจะแทรกตัวไปได้ ทีนี้ต้องยืนแบบไม่มีหลักยึดแล้ว ... กางขาพอให้ทรงตัวอยู่ได้ สองมือจับกระเป๋าโน้ตบุ้คมาอยู่ข้างหน้า แขนหนีบสมุดโน้ตไว้ ปักหลักได้แล้วก็เหลือบมองรอบๆ ตัว ... อืมมมมม ไม่ล้มแน่ๆ เพราะมีคนประกบซ้าย-ขวา หน้า-หลัง ครบ ยืนติดกันเป็นแพไข่กบแบบนี้ ถ้าล้มก็ล้มด้วยกันหล่ะ
รักษาสมดุล จัดระเบียบร่างกาย แล้วก็ขยับที่ไปเรื่อยๆ เวลาผ่านสถานีใหม่ ในหัวก็คิดไตร่ตรองต่อ ... ถ้าต่อ BTS ที่สถานีสุขุมวิท คนก็ต้องเยอะแน่ๆ แล้วต้องไปเปลี่ยนขบวนที่สถานีสยามอีก ... กำลังกลุ้มใจว่าต้องไปสถานีที่คนเยอะๆ ทั้งนั้น ตาก็เหลือบไปเห็นชื่อ สถานีสีลม ปัญญาก็เกิดทันที ... ไปต่อสถานีนี้ดีกว่า จะได้ไม่ต้องเปลี่ยนขบวนรถด้วย
พอถึงสถานีสุขุมวิท คนในขบวนเดินลงไปเยอะ มีพื้นที่ว่างให้ยืนสบายขึ้น ... พอถึงสถานีสีลมก็ทยอยลงอีกเยอะ แต่ที่เดินไปต่อรถ BTS มีไม่มากนัก ... พอเข้า BTS ได้ก็โล่งใจ โล่งตัว คนไม่เยอะอย่างที่กังวล กว่าจะถึงออฟฟิศลูกค้าได้ เหงื่อตกพอดี
ประชุมเสร็จกลับถึงออฟฟิศ ก็เล่าให้สมาชิกฟังด้วยความตื่นเต้นว่าได้ขึ้นรถไฟใต้ดินที่แน่นมากๆ ... เล่ายังไม่ทันจบดี นายก็บอกว่ามีนัดประชุมเช้ากับลูกค้าอีกราย 9.00 น. เจอกันที่โน่นเลย ... โอ๊ย ต้องขึ้นรถไฟใต้ดินแน่นๆ อีกแล้วเหรอ
เจอรถแน่นๆ แล้วรู้สึกว่าตัวเองโชคดีจริงๆ ที่ออฟฟิศกับบ้านอยู่ใกล้กัน ไม่ต้องเหนื่อยเดินทาง ... ถ้าต้องห้อยโหนแน่นๆ แบบนี้ทุกวันคงแย่
เดินจนเริ่มคบกับคนดี ... จนคนดีซื้อรถ ขับรถ ก็เปลี่ยนการเดินทางจาก 2 เท้า มาเป็นนั่งรถไป-กลับ สบายขึ้นเยอะ ... จะได้ขึ้นรถเมล์ - MRT - BTS ก็เวลาจอดรถทิ้งไว้ที่อื่น หรือ ไปหาลูกค้า หรือ ตะแล๊ดแต๊ดแต๋แอบหนีคนดีไปเที่ยวเอง
ทุกครั้งที่จะขึ้นรถเมล์ก็ตื่นเต้นทุกที เพราะไม่รู้ว่าค่ารถเมล์ปรับขึ้นไปเท่าไหร่แล้ว ... จนล่าสุดมีรถเมล์ฟรี เห็นข่าวแล้วก็ดีใจกับคนที่ได้ใช้บริการ ช่วยประหยัดไปเล็กๆ น้อยๆ ก็ยังดี
จนเมื่อวันที่ไปงานมีตติ้งของจีบัน ขากลับก็ลังเลอยู่ว่าจะกลับยังไงดี เพราะฝนตก อาจจะต้องนั่งแท๊กซี่ แต่เดินเล่นเตร็ดเตร่อยู่สักพักฝนก็ซา เลยขึ้นสะพานลอยไปนั่งรถเมล์ดีกว่า ... เดินมาถึงครึ่งทางก็ชี้บอกน้องที่เดินมาด้วยว่านั่นไง กลับสายนี้ได้ น้องก็บอกว่า "รถเมล์ฟรีด้วยพี่ รีบไปขึ้นเลย" จริงเหรอ ... หันไปเห็นป้ายบอกชัดเจน มั่นใจ ทีนี่รีบจ้ำเลยค่ะ สะพานลอยลื่นๆ ก็จ้ำแบบจิกเท้าสุดฤทธิ์
กึ่งเดินกึ่งวิ่งจนมาถึงพื้นก็ชะแง้ดูรถว่าจะออกรึยัง ... อ๊ะ ยังอยู่ หันไปโบกมือบ๊ายบายน้อง แล้ววิ่งไปขึ้นรถทันที รถโล่งมีที่นั่งให้เลือกเพียบ ... นั่งหอบแบบตื่นเต้นนิดๆ ดีใจที่ได้นั่งรถเมล์ฟรี เพราะไม่เคยคิดเล้ยยยยย ว่าจะมีโอกาสได้ใช้
ตื่นเต้นกับรถเมล์แล้ว วันต่อมาก็มีเรื่องให้ตื่นเต้นกับ MRT และ BTS กันต่อ ... เพราะมีนัดประชุมกับลูกค้าตอน 9.30 น. แถวสาทร สมาชิก 4 คน เจ้านาย เรา และน้องอีก 2 คน ต้องออกเดินทางจากบ้านไปเจอกันที่หน้าออฟฟิศลูกค้าเลย ... คิดไตร่ตรองดูแล้ว ต้องอาศัยรถไฟฟ้าทั้งใต้ดิน บนดิน นี่แหละ สะดวกที่สุด
มาถึงออฟฟิศแต่เช้า หม่ำมื้อเช้า แต่งหน้าพร้อม ก็คว้ากระเป๋าโน้ตบุ้ค กับสมุดโน้ต ออกเดินทาง ... ติดรถคนดีไปลงตรงสถานีรถไฟใต้ดิน ระหว่างเดินลงไปก็คิดคำนวณในหัวว่า ควรจะไปต่อ BTS ที่สถานีไหนดี เพราะเช้าๆ แบบนี้ รถไฟฟ้าคนเยอะแน่ๆ
จากสุทธิสาร จะไป สุขุมวิท หรือ สวนจตุจักร ดีน้า ระหว่างที่คิดก็เดินไปเข้าแถวขบวนที่ไปทางหัวลำโพงไว้ก่อน พอรถไฟมาถึงประตูเปิด เท้าก็ก้าวตามคนเข้าไปทันที ... ก้าวเข้าไปทั้งที่ยังคิดคำนวณอยู่นั่นหล่ะค่ะ เข้าไปเป็นคนสุดท้ายยืนแนบชิดติดประตูเลย เพราะคนแน่นนนนนนนนนนนนน มากกกกกกกกกกกกกกกกกกก
มือข้างนึงหิ้วกระเป๋าโน้ตบุ้ค มือข้างที่ว่างก็ยืดนิ้วไปจิ้มประตูเอาไว้ ขอแตะเป็นหลักยึดหน่อยนึง ... พอใกล้จะถึงสถานีถัดไป ก็มีเสียงประกาศเพิ่มเติมว่า ขอความกรุณาผู้โดยสารช่วยขยับเข้าไปที่ว่าง เพื่อให้ผู้โดยสารในสถานีหน้าได้เดินทางไปด้วย ... โอ้โห เหมือนอยู่บนรถเมล์เลย
พอคนในขบวนขยับออก ก็ขยับตัวแทรกเข้าไปตามช่องว่างที่พอจะแทรกตัวไปได้ ทีนี้ต้องยืนแบบไม่มีหลักยึดแล้ว ... กางขาพอให้ทรงตัวอยู่ได้ สองมือจับกระเป๋าโน้ตบุ้คมาอยู่ข้างหน้า แขนหนีบสมุดโน้ตไว้ ปักหลักได้แล้วก็เหลือบมองรอบๆ ตัว ... อืมมมมม ไม่ล้มแน่ๆ เพราะมีคนประกบซ้าย-ขวา หน้า-หลัง ครบ ยืนติดกันเป็นแพไข่กบแบบนี้ ถ้าล้มก็ล้มด้วยกันหล่ะ
รักษาสมดุล จัดระเบียบร่างกาย แล้วก็ขยับที่ไปเรื่อยๆ เวลาผ่านสถานีใหม่ ในหัวก็คิดไตร่ตรองต่อ ... ถ้าต่อ BTS ที่สถานีสุขุมวิท คนก็ต้องเยอะแน่ๆ แล้วต้องไปเปลี่ยนขบวนที่สถานีสยามอีก ... กำลังกลุ้มใจว่าต้องไปสถานีที่คนเยอะๆ ทั้งนั้น ตาก็เหลือบไปเห็นชื่อ สถานีสีลม ปัญญาก็เกิดทันที ... ไปต่อสถานีนี้ดีกว่า จะได้ไม่ต้องเปลี่ยนขบวนรถด้วย
พอถึงสถานีสุขุมวิท คนในขบวนเดินลงไปเยอะ มีพื้นที่ว่างให้ยืนสบายขึ้น ... พอถึงสถานีสีลมก็ทยอยลงอีกเยอะ แต่ที่เดินไปต่อรถ BTS มีไม่มากนัก ... พอเข้า BTS ได้ก็โล่งใจ โล่งตัว คนไม่เยอะอย่างที่กังวล กว่าจะถึงออฟฟิศลูกค้าได้ เหงื่อตกพอดี
ประชุมเสร็จกลับถึงออฟฟิศ ก็เล่าให้สมาชิกฟังด้วยความตื่นเต้นว่าได้ขึ้นรถไฟใต้ดินที่แน่นมากๆ ... เล่ายังไม่ทันจบดี นายก็บอกว่ามีนัดประชุมเช้ากับลูกค้าอีกราย 9.00 น. เจอกันที่โน่นเลย ... โอ๊ย ต้องขึ้นรถไฟใต้ดินแน่นๆ อีกแล้วเหรอ
เจอรถแน่นๆ แล้วรู้สึกว่าตัวเองโชคดีจริงๆ ที่ออฟฟิศกับบ้านอยู่ใกล้กัน ไม่ต้องเหนื่อยเดินทาง ... ถ้าต้องห้อยโหนแน่นๆ แบบนี้ทุกวันคงแย่
6 ความคิดเห็น:
เคยขึ้นเวลารถแน่นๆ เหมือนกันค่ะ
น่ากลัวสุดๆ เพราะตัวเตี้ย จะเกาะจะโหนอะไรก็ไม่ถึงซักอย่าง
ต้องพยายามเลี้ยงตัวดีๆ เพราะใส่รองเท้าส้นสูงอีก กลัวล้มอ่ะค่ะ ^^"
พี่ตั๊กค่ะ รบกวนถามเรื่องเเพ็คเก็จที่พักหน่อย
เพราะเคยอ่านไดหน้าก่อนๆของพี่ตั๊ก
จำได้ว่าพี่ตั๊กเคยเล่าเรื่องซื้อเเพ็คเกจที่พัก
นุ๋อยากทราบข้อมูลเกี่ยวกับการซื้อแพ็คเกจที่พักอ่ะคะ
รบกวนพี่ตั๊กช่วยแนะนำหน่อย
รถเมล์ฟรีสายที่ผ่านเถวบ้านคนแน่นมากๆค่ะ
ไม่กล้าขึ้นเพราะกลัวไปเบียดที่ยืนคนอื่นเค้า
"ก็นุ๋ตัวหย่ายนี่หน่า"
ไม่ได้นั่งรถเมล์นานแล้วเหมือนกันค่ะ นานๆ นั่งทีก้อน่าหนุกดีเนอะ อิจฉาคุณตั๊กจังได้นั่งรถฟรีด้วยอ่ะ
เวลาไปประชุม วะวายก้อต้องพึ่งรถไฟฟ้าเหมือนกันค่ะ ทั้งใต้ดิน ลอยฟ้า กว่าจะเจอลูกความ หน้างี้มันเยิ้ม หัวกระเซิงไปเลย ถ้ารถไม่ติดมาก ขอนั่งแท็กซี่ดีกว่าอ่ะ ไหนจะแบกของรุงรังอีกเนอะ
โอ๊ย บ่นเยอะไปโหน่ยนะคะ อิอิ ^^
ช่วงเวลาเช้าเย็น คนแน่นทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นรถเมล์ MRT หรือ BTS ...
ไม่เคยขึ้นรถไฟฟ้าตอนแน่นเลยจ้า
แต่เคยเห็นเหมือนกัน ...ท่าทางน่าหายใจไม่ออกจริงๆ
แล้วทีนี้รู้หรือยังล่ะว่า ปลากระป๋องรู้สึกยังไง
คิก คิก
สาวใหญ่ตกรถไฟฟ้า BTS หัวแตกเลือดอาบ
http://www.9board.com/viewtopic.php?f=8&t=1832
แสดงความคิดเห็น