จู่ๆ ก็มีพิเศษนอกสถานที่ค่ะ ... เรื่องของเรื่อง คือ คนดีต้องไปแก้ไขงานให้ลูกค้าที่พิษณุโลก เลยอยากจะหนีบเราไปเป็นเนวิเกเตอร์นำทางด้วย
จริงๆ คนดีก็ไปพิษณุโลกหลายรอบแล้ว พอจะคุ้นเคยทางอยู่บ้าง แต่ไปคนเดียวก็อ้างว้างไปสักนิด เลยอยากมีใครไปด้วยให้อุ่นใจ ... เราเองก็อยากจะไปด้วย แต่ติดคิวหมอนัด พาหมาโม่ไปตรวจตาอีกรอบ เอายังไงดีหล่ะ
คนดีเลยวางแผนสำรอง ชวนโซ้ยอี้ไปเป็นเพื่อน จะได้พาแวะไหว้พระด้วย ... ส่วนเราก็ทำการตกลงกับหม่ามี้ ให้รับหน้าที่พาหมาโม่ไป แล้วหนีบเจ้าน้องชายไปด้วย แต่ถ้าคิวเจ้าน้องชายไม่ว่าง เราก็คงต้องสละหน้าที่ตุ๊กตาหน้ารถ
สรุปว่าล็อคคิวเจ้าน้องชายได้ เราก็เลยไปได้อย่างสบายใจ ... คนดีเลยมีเพื่อนร่วมทาง 2 คน อุ่นใจสุดๆ
ออกเดินทางแบบเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน กว่าจะออกเดินทางก็แปดโมงกว่า แล้วแวะปั๊มเป็นระยะ ... รถไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอกค่ะ แต่แวะกินขนม แวะเข้าห้องน้ำ แวะให้โซ้ยอี้ได้ยืดแข้งยืดขาบ้าง ... กว่าจะถึงพิษณุโลกก็บ่ายโมงนิดๆ
มาถึงแล้วก็ต้องแวะไหว้พระพุทธชินราชกันตามธรรมเนียมค่ะ ... ไหว้พระเรียบร้อย ก็ช้อปปิ้งประดาของฝากทั้งหลาย ซื้อครบถ้วนตามรายการแล้วก็ได้เวลาเติมพลัง
สรุปว่าล็อคคิวเจ้าน้องชายได้ เราก็เลยไปได้อย่างสบายใจ ... คนดีเลยมีเพื่อนร่วมทาง 2 คน อุ่นใจสุดๆ
ออกเดินทางแบบเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน กว่าจะออกเดินทางก็แปดโมงกว่า แล้วแวะปั๊มเป็นระยะ ... รถไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอกค่ะ แต่แวะกินขนม แวะเข้าห้องน้ำ แวะให้โซ้ยอี้ได้ยืดแข้งยืดขาบ้าง ... กว่าจะถึงพิษณุโลกก็บ่ายโมงนิดๆ
มาถึงแล้วก็ต้องแวะไหว้พระพุทธชินราชกันตามธรรมเนียมค่ะ ... ไหว้พระเรียบร้อย ก็ช้อปปิ้งประดาของฝากทั้งหลาย ซื้อครบถ้วนตามรายการแล้วก็ได้เวลาเติมพลัง
เลือกร้านประจำร้านเดิม ก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ริมน่าน ... ผ่านมาแวะทางนี้ทีไร แวะกินร้านนี้ทุกที แล้วก็สั่งเมนูเดิมๆ
ตราบใดที่รสชาติยังถูกปากเหมือนเดิม หรือ ไม่ย้ายร้านหนีหายไปไหน ก็คงจะอุดหนุนกัน เป็นลูกค้าประจำกันไปเรื่อยๆ หล่ะค่ะ
อิ่มแล้วก็ได้เวลาทำงานค่ะ ตอนแรกตั้งใจว่าจะตรงเข้าไปที่ไซท์งานเลย จัดการงานจบ แล้วค่อยเข้าที่พัก ... แต่เราสองคนสงสารโซ้ยอี้ที่จะต้องไปนั่งแกร่วรอในไซท์งานที่ยังไม่เรียบร้อย เลยสรุปว่าจะส่งโซ้ยอี้ไปพักผ่อนก่อน แม้โซ้ยอี้ยืนยันว่าจะไปด้วยก็ตาม
ที่พักครั้งนี้สุ่มเสี่ยงหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ท ดูสภาพจากรูป และข้อมูลที่เจอก็ลองเสี่ยงดู ... เข้าที่พักแบบงมหาทางไป เพราะแผนที่ไม่ชัดเจน เกือบหลง เกือบเลยอยู่หลายตลบ จนต้องโทรถามทางกับทางโรงแรม
แล้วก็ไปถึง โรงแรมไอยรา แกรนด์ พาเลซ จนได้ ... เลี้ยวเข้าซอยไปมาดูลึกลับสักหน่อย แต่สภาพอาคาร สถานที่ สภาพห้อง เห็นแล้วสบายใจค่ะ
ใหม่ สะอาด ไม่พลุกพล่าน แต่ก็ไม่วังเวงจนเกินไป ... อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบถ้วน แอร์ ทีวี ตู้เย็น เครื่องทำน้ำอุ่น อุปกรณ์อาบน้ำ พร้อม ... สำรวจห้องเรียบร้อย ก็ปล่อยให้โซ้ยอี้ได้พัก ส่วนเราสองคนก็ลุยงานกันต่อ
สองคนมุ่งหน้าไปไซท์งานที่เต็มไปด้วยช่าง และผู้รับเหมา แล้วยังมีทีมพนักงานที่เข้าไปจัดสต็อกสินค้า เตรียมตัวขายอีก ... เราสองคนจัดเป็นผู้รับเหมาเหมือนกัน แลกบัตรเข้าไซท์งาน ไปติดต่อพีซีที่ดูแลลูกค้ารายนี้เพื่อเข้าไปแก้ไขงาน
ไปปีน ไปเจาะ ไปยิง ไปเชื่อม ไปติด วุ่นวายกับ 1 ป้ายสินค้า และ 2 ชั้นโชว์สินค้า อยู่ร่วมๆ 2 ชั่วโมง ... มึน เหนื่อย เมื่อย ร้อน และหิวววววว
จัดการงานเรียบร้อยก็รีบมารับโซ้ยอี้ทันทีค่ะ ... ผู้โดยสารขึ้นรถครบแล้ว ก็ออกตระเวนหาร้านอาหารกัน เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เลือกแบบสุ่มเสี่ยง เพราะไม่รู้จะกินอะไร ที่ไหนดี ลองหาข้อมูลจากร้านแนะนำทั้งหลายแล้ว ก็มีตัวเลือกเยอะเหลือเกิน
สุดท้ายสุ่มเลือกร้านอาหารที่เป็นแพอยู่ริมน้ำ ... เลือกได้แล้วก็กางแผนที่หาทางไปกันค่ะ แต่หลงวกไปวนมาอยู่หลายตลบกว่าจะถึงร้าน เพราะเส้นทางที่เลือกใช้นั้น มีปิดบางส่วนเป็นถนนคนเดินพอดี ก็เลยต้องหาเส้นทางอื่น กว่าจะหาทางใหม่ไปถึงได้ ก็หิวไส้กิ่ว
พอเลี้ยวเจอะ ร้านแพอาหาร ฟ้าไทย แล้วเห็นมีที่จอดรถว่าง ก็ปราดไปจอดเลยค่ะ ... แหมมมม ถนนคนเดินอยู่เยื้องกับร้านพอดิบพอดี ถ้าไม่ต้องวนอ้อมหาทางมา ก็คงถึงไปนานแล้ว
ถึงร้านตอนหิวๆ ก็ต้องพึ่งพนักงานช่วยแนะนำอาหารให้หล่ะค่ะ เพราะหิวจนตาลาย เลือกไม่ถูก ... แล้วก็โชคดีจริงๆ ที่เจอพนักงานมืออาชีพ แนะนำอาหารได้เป๊ะมากๆ จานไหนดี จานไหนเด็ด จัดมานำเสนอครบถ้วน ทั้ง ต้ม ผัด ทอด ถามส่วนประกอบ และความแตกต่างก็ให้คำอธิบายได้ชัดเจน ปลื้มมมม
รอไม่นานอาหารก็ทยอยมาเสิร์ฟค่ะ ยอดฟักแม้วน้ำมันหอย อร่อยอย่างที่ควรจะเป็นค่ะ ... ลูกชิ้นปลากรายลวก เนื้อนุ่มไปนิด ไม่เหนียวหนึบเคี้ยวมัน ... ลาบปลาเค้า รสชาติใช้ได้ค่ะ แต่มากินตอนมืดๆ แบบนี้ กินไป ก็ต้องระวังก้างไป ... แกงส้มผักรวมปลาช่อน เข้มข้น ถูกปาก แต่พอเจอะก้างเข้าไป ก็หยุดกินเนื้อปลา ซัดแต่ผักกับน้ำแกง ... และ น้ำพริกเกาะติด จานนี้ถูกปากถูกใจเป็นที่สุด เป็นจานเด่นโดนใจของโต๊ะเราเลย คนดีกวาดน้ำพริกซะเกลี้ยงไม่ให้เหลือติดถ้วยเลย
อิ่มท้องแล้วก็ได้เวลาพักผ่อน สอบถามเส้นทางกลับไปโรงแรมให้ชัดเจน จะได้ไม่ต้องหลงไปมาให้เสียเวลาอีก ... เรามีปัญหาการมองเส้นทางในความมืด แล้วสายตาสั้นอีก แว่นตาก็ไม่ได้ติดไป อ่านป้ายอะไรไม่ถนัดเลย
เลาะมาเข้าเส้นที่คุ้นตาแล้ว ก็กลับถึงโรงแรมเรียบร้อย ... เข้าห้องพักได้ ก็ทยอยอาบน้ำ แล้วก็สลบไปทีละรายค่ะ
เช้าวันรุ่งขึ้นตื่นมาเจอฝนพรำฉ่ำชื่นใจ เลยกว่าจะตื่น กว่าจะลงมากินข้าว ก็ยืดยาดอยู่พอสมควร ... กินกันไปคุยกันไป เพลินจนเกือบเที่ยง ก็รีบเช็คเอาท์มุ่งหน้ากลับค่ะ มีแผนไปแวะซื้อของฝากระหว่างทางกันต่อ
เป็นทริปที่เกิดแบบปุบปับ แต่เดินทางแบบเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน ... ไม่แน่ใจว่ามาทำงาน หรือ มาเที่ยวกันแน่