28.5.52

Birthday Party

28 พ.ค. มีกิจกรรมบันเทิงเกิดขึ้นในออฟฟิศอีกแล้วค่ะ ... เพราะตรงกับวันเกิดนาย นายบอกว่า "เลี้ยงกันสักหน่อย ลองถามสาวๆ ดูว่าจะไปที่ไหน คาราโอเกะก็ได้" ... ว้าว อนุมัติแล้ว ก็สนุกหล่ะค่ะ


ที่หมายเป็นคาราโอเกะแน่นอน ส่วนจะลงตัวที่ไหนส่งให้แผนกติดต่อสถานที่จัดการให้ ... ส่วนเราทำหน้าที่เตรียมของขวัญ ซึ่งเตรียมไว้เรียบร้อย ... ส่วนหมวยบี จัดการสั่งเค้ก


เพราะเป็นวันพฤหัส ห้องคาราโอเกะเลยว่าง ทางสะดวก สรุปได้ที่ คาราโอเกะซิตี้ ... ตอนแรกจะจองห้องตามจำนวนคน แต่เพราะเคยไปใช้แล้วรู้สึกว่าอึดอัดไปนิด เลยเปลี่ยนเป็นห้องขนาดใหญ่ขึ้น ... สาวๆ เลือก ห้อง Canberra 1


สถานที่พร้อม คนพร้อม รอเวลาเท่านั้น ... ราวๆ 16.15 ก็ทยอยให้สาวๆ เลิกงาน เพราะนายออกจากประชุมแล้วจะตรงไปที่ร้านเลย ... ราวๅ 16.30 น. นายก็ถึงร้านแล้ว ลูกน้องบางส่วนยังอยู่ออฟฟิศอยู่เลย


รถคันแรก กับสาวกลุ่มแรก พร้อมน้องฝึกงาน ตามหลังนายไปติดๆ ... ส่วนรถคันที่ 2 และ 3 ออกจากออฟฟิศตอน 17.00 น. พอดี เพราะมีเคลียร์งาน กลับจากงานข้างนอก และรอคนขับรถ ... แก๊งค์ลูกหมู 4 ชีวิต อยู่ในคันที่ 3 ไปถึงช้าสุด เพราะคนดีแวะรับของนิดนึง


พอถึงร้านปุ๊บ ก็ทำการมอบของขวัญให้นายเลย เพราะเราเป็นคนหอบมา ... มอบของเรียบร้อยก็ลุยกินค่ะ 4 คนที่มาถึงหลังสุด แต่ตามทันได้สบาย เพราะเป็นสายแข็งทั้งนั้น มีอะไรเหลือ มีอะไรเพิ่งมาเสิร์ฟ สายแข็งลุยตักกันหนุบหนับ เพราะหิวท้องกิ่ว


คนดีเอง ถึงจะไม่ได้เป็นพนักงานที่นี่ แต่ก็คุ้นเคยกับนายดี ตั้งแต่ก่อนจะย้ายออฟฟิศไปก็เห็นกันประจำ ทักกันบ่อยๆ ... ย้ายออฟฟิศออกไปที่ใหม่ คนดีก็ยังแวะมารับ ได้เจอนายอยู่ประจำ จนทุกวันนี้ออกมาทำเอง ก็แวะเวียนมาไม่ขาด ... ตอนแรกคนดีก็อิดออดเกรงใจไม่อยากมาก เพราะดูไม่เหมาะ แต่เรายืนยันว่ามาเถอะ เพราะเวลามีงานเลี้ยง คนดีไม่มา นายก็ถามถึงทุกที


สาวๆ เองก็ย้ำให้คนดีมาด้วย เพราะช่วยสร้างสีสัน ... พอถึงร้าน คนดีก็ยิ้มหวาน ฝากเนื้อฝากตัวกับนายขอเป็นสมาชิกด้วยคน แล้วก็ลงมือลุยจัดการอาหารตรงหน้า


สาวๆ ที่ท้องเริ่มอิ่มแล้ว ก็ทยอยร้องเพลงกันไป ส่วนสายแข็งที่เพิ่งมาถึง ขอเติมพลังกันก่อน ... พออิ่มกันถ้วนหน้า ความสนุก ความฮา ก็เริ่มขึ้นค่ะ


ช่วงต้นให้น้องฝึกงาน 4 คนได้ร้องกันไปก่อน เพราะบอกน้องว่าต้องร้องคนละเพลง ไม่งั้นตัดแต้ม ... แต่ถ้าร้องเยอะก็โดนตัดแต้มเหมือนกัน


แล้วเหล่าหัวหน้าทีม ก็รวมตัวกันแกล้งหมวยบี บอกว่า หัวหน้าทีมต้องร้องคนละเพลง ... ซึ่ง เรา สาวกบ สาวตู่ สบายอยู่แล้ว เพราะเป็นก๊วนคาราโอเกะด้วยกัน ... มีแต่หมวยบีนี่แหละ ที่ไม่ชอบร้องเพลง ไม่กล้าร้องเพลง เพราะไม่มั่นใจ เลยได้โอกาสฝึกร้องกันตอนนี้ไปเลย


ส่วนสาวๆ คนอื่นๆ ส่วนใหญ่สมัครใจร่วมร้องคลอตามไปด้วย กับช่วยเป็นแดนซ์เซอร์ ... กระโดดโลดเต้น กรี๊ดกร๊าด เฮฮา กันเต็มที่ เพราะห้องมีพื้นที่เหลือเฟือ เลยกระโดดกันอย่างสนุกสนาน


สักพัก สมาชิกเก่าที่ลาออกไปแล้วตามมาสมทบอีก 4-5 คน ความสนุกก็เพิ่มขึ้น ... ทั้งเม้าท์ ทั้งร้อง ทั้งเฮ กันมันหยด


จากช่วงเย็นที่ยังเหนียมอาย เครื่องยังไม่ร้อน พอเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ก็คึกคักขึ้น ... พอนายจับไมค์ร้องเพลงปุ๊บ สาวๆ พร้อมใจกันลุกขึ้นเป็นแดนซ์เซอร์ประกอบทันที ... แล้วหลังจากนั้น ก็ไม่มีใครยอมนั่งนิ่งๆ อีกเลย


เพลงไทยสากล ทั้งยุคเก่า ยุคกลาง ยุดปัจจุบัน โดนเลือกมาร้องมาเต้น ... เพลงสากล เพลงเพื่อชีวิต เพลงลูกทุ่ง เลือกมาร้องหมดค่ะ ... แม้แต่ Nobody ที่ร้องไม่ทัน ร้องไม่ถูก ก็ยังเลือกมาเต้น เฮฮาบ้าบอกันไป


จนได้เวลายกเค้กมาให้นาย ถึงได้สงบกันพักนึง แล้วก็ออกไปโดดดึ๋งดั๋งกันต่อ ... ไวน์ เบียร์ กามิกาเซ่ ที่ดื่มกันไป ไม่ได้ทำให้เมาหรอกค่ะ แต่เพราะมีลูกบ้าซ่อนลึกๆ อยู่ในตัวกันทุกคน ... ถึงกินน้ำเปล่าก็เฮได้ค่ะ


ราวๆ สามทุ่ม ก็มีสาวๆ ที่บ้านอยู่ไกลขอตัวกลับ ที่เหลือก็สนุกกันต่อ ... นายเองก็กลับไปราวๆ สี่ทุ่มกว่า เพราะรุ่งขึ้นมีบินไปอเมริกา ... กว่าจะทยอยกลับปิดงานกันไปได้ ก็ปาไปเที่ยงคืนครึ่ง


เป็นหนึ่งในปาร์ตี้วันเกิด ที่เฮฮา และสนุกจริงๆ ค่ะ ... ตอนทำงานก็เครียดหัวฟู ตอนพักผ่อนก็ปล่อยลูกบ้ากันเต็มที่ สนุกกันซะจน กลัวว่าร้านจะห้ามเข้าไปใช้บริการอีกค่ะ


**หมายเหตุ** ไม่มีภาพประกอบเป็นหลักฐานความมัน ฮา บ้าบอ ... เพราะกล้องที่ติดกระเป๋าไป ก็ปล่อยนอนนิ่งอยู่ในนั้น มัวแต่ไปโดด ไปเฮ กับสาวๆ ค่ะ

25.5.52

ป่วย - ไม่ป่วย

คนป่วย หายป่วย ... คนไม่ป่วย กลับป่วยซะอย่างนั้น


เมื่อสัปดาห์ก่อน ปวดเมื่อยแขน ข้อศอก มีอาการคัดจมูก น้ำมูกหยด และจามฮัดชิ้วติดกันเป็นชุดๆ ... คาดว่าคงจะเป็นผลมาจากวันที่ไปเที่ยวเกาะเกร็ด เพราะโดนฝน กลับถึงบ้านแล้วก็ไม่ได้อาบน้ำสระผมทันที ... เลยมีอาการเริ่มต้นของหวัดนิดหน่อย


อาการไม่มาก กินยาลดน้ำมูก 2-3 วัน ก็ดีขึ้น เหลือแค่จามอีกหน่อย ... แล้วเมื่อวานมีอาการ ปวดหัว เวียนหัว มึนหัว ทิ้งท้ายอีกนิด ... คนดีใจดีก็โผล่มาทำเซอร์ไพรส์ มาค้างด้วย มาแจกกอดอุ่นๆ ในคืนที่ฝนตกกระหน่ำพอดี


แต่กลายเป็นว่า พอคนดีมาถึง อาบน้ำเสร็จเรียบร้อย ก็ออกอาการน้ำมูกย้อย น้ำมูกหยด คัดจมูก ซะอย่างนั้น ... จากคนไม่ป่วย กลายมาเป็นคนเริ่มป่วยแทน ... เช้าวันนี้อาการก็เพิ่มขึ้น เพราะตัวรุมๆ และเสียงเปลี่ยน


ถึงจะเริ่มป่วย แต่คนดีก็ออกไปตะลุยทั่วเมือง ไปส่งของ ติดตั้งงานให้ลูกค้าตามจุดต่างๆ ... กลับเข้ามาที่ออฟฟิศเราอีกทีก็บ่ายแก่ๆ ถึงจะป่วย แต่ก็ยังใจดี หิ้วครัวซองต์แฮมชีส ของโอเรียนเต็ลช้อป ของโปรด กับ ขนมปังร้านอาม้า แถววัดแขก 2 กล่องใหญ่ สารพัดไส้มาให้ ... น่ารักที่ซู้ดดดดดด


มาถึงแล้วคนดีก็เรียบเคลียร์เอกสารต่ออีกเยอะ หน้ายุ่งเพราะงาน แต่ตาโรยเพราะอาการป่วยเริ่มออกมาขึ้น ... เข้าไปจับตัวดูก็รู้สึกว่าตัวรุมๆ เหมือนจะมีไข้สูงขึ้น เลยลองอ้อนคนดี ให้คืนนี้ค้างด้วยกันอีก ... เราหายดีแล้ว เดี๋ยวจะป้อนยา ดูแลอย่างดี ตอบแทนที่ใจดีมาแจกกอดเมื่อคืน


คนดีลังเลอยู่พักนึง เพราะไม่แน่ใจว่ามีเสื้อผ้าทิ้งไว้ที่บ้านเรารึเปล่า ... สุดท้ายก็ยอมตกลง เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า เอารถไปส่งให้ช่างดูอาการ กระตุก สะอึก และดับบ่อยๆ


คนป่วยที่หายป่วยแล้ว ดีใจที่สุด ที่จะได้ดูแล คนไม่ป่วยที่เริ่มป่วย ... รับรองว่า จะจัดยา และกอดอุ่นๆ เพิ่มพลังให้หายป่วยเร็วๆ เลยหล่ะค่ะ

24.5.52

เซอร์ไพรส์วันอาทิตย์

สายวันนี้ตื่นเพราะเสียงมือถือที่คนดีโทรเข้ามา ... ตื่นมาพร้อมกับอาการไม่ค่อยสบายตัวค่ะ เพราะมึนหัว หนักหัว เวียนหัว และปวดหัว เลยได้โอกาสอ้อนคนดีซะเลย


วันนี้เลยขลุกอยู่แต่ในห้อง กลิ้งอยู่บนที่นอนเป็นหลัก ... ภารกิจหลักประจำวันอาทิตย์อย่างซักผ้าก็งดไป เพราะทั้งไม่สบายตัว และฟ้าครึ้ม ฝนตกด้วย ... แต่ยังออกจากห้องมารีดผ้าตอนบ่ายแก่ๆ แล้วก็จัดการนู่นนี่อีกนิดหน่อย


รีบอาบน้ำ สระผม แต่หัวค่ำ แล้วนั่งโหลดรูป เลือกรูป และอัพบล็อก ... ใจก็คิดว่าวันนี้ คนดีโทรมาทักทายแค่ 2 รอบเอง แล้วก็หายจ้อยไปเลย กะว่าอัพบล็อกเสร็จจะโทรกลับไปหาสักหน่อย


ระหว่างอัพบล็อกเพลินๆ ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูห้อง ใจคิดว่า พ่อ ป้า หรือ เจ้าน้องชาย มาเคาะเรียกถามอะไร ... ลุกไปเปิดประตูแล้วก็ตกใจ เพราะคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า คือ คนดี ค่ะ


พอเราเปิดประตู คนดีก็ยิ้มแฉ่ง แล้วถามว่า "แถวนี้มีคนไม่สบายรึเปล่าคะ" ... โอ๊ย ดีใจที่สุดค่ะ เพราะอ้อนผ่านมือถือไปว่า ถ้ามีคนใจดีมาให้กอด อาการป่วยคงจะดีขึ้น ไม่คิดว่าคนดีจะโผล่มาเซอร์ไพรส์จริงๆ


ที่กะจะอัพบล็อก 2 เรื่อง เลยต้องเพิ่มเรื่องที่ 3 มาด้วยค่ะ ... เพราะมีคนใจดี น่ารัก มาแจกกอดรักษาอาการป่วยเล็กๆ ... คนป่วยนิดเดียว ดีใจสุดๆ และประทับใจมากๆ


แล้วฝนตกกระหน่ำลงมาพอดี ... คืนนี้เลยมีกอดอุ่น ให้นอนกอดหลับสบาย ดีใจจัง

23.5.52

แก๊งค์ลูกหมู @ ดอนหอยหลอด กับ อัมพวา

และแล้วก็ถึงเวลารวมพลของแก๊งค์ลูกหมูตะลอนชิมอีกแล้วค่ะ ... นัดนี้เกิดจาก สาวฝน น้องน้อยของแก๊งค์ที่บ่นถึงเมนูของ ร้านเรือนปลาทู ... เรากับคนดีก็ตกลงจัดให้น้องทันทีตามที่ขอ ได้โอกาสพาหมวยบีที่ยังไม่เคยชิมร้านนี้ไปลองซะด้วยเลย




นัดเจอกับสาวฝนแถวบ้านเรา เกือบ 9 โมง ... ที่ออกเช้าเพราะเรากับคนดีจะไปแวะดู Townhome แถวท่าข้าม ค่ะ ... ใกล้ๆ 10 โมง เพื่อนหมู ของคนดีก็ตามมาสมทบที่โครงการ มาเดินดูบ้านด้วยกัน ดูบ้านเรียบร้อยก็มุ่งหน้าไปดอนหอยหลอดทันทีค่ะ ... ส่วนหมวยบี กับ พี่หมี จะตามไปเจอที่ร้านค่ะ


4 คนบนรถคันแรก คุยกันไป เม้าท์กันไป แซวกันไป แต่ใจจดจ่ออยู่ที่จุดหมายเหมือนกัน เพราะหิวมากค่ะ ... 4 คน ไม่มีใครกินมื้อเช้ากันมาเลย เจอรถติด เพราะมีอุบัติเหตุ ทำเอากระวนกระวาย เพราะไส้จะกิ่วแล้ว


ถึงร้านราวๆ 11 โมงครึ่ง ลุยสั่งอาหารทันทีค่ะ ... ตอนนั่งมาบนรถ ตั้งใจว่าจะสั่งเมนูใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยลอง แต่พอเอาเข้าจริง ก็เมนูคุ้นเคย




น้ำพริกไข่ปู ข้าวผัดปู ปลาทูซาเตี๊ยะ ปลาสำลียำมะม่วง แกงส้มปูไข่หน่อไม้ดอง ไข่เจียวหอยนางรม หอยหลอดผัดฉ่า หมึกทอดกระเทียม ... 8 จาน โดน 6 คน จัดการเกลี้ยงค่ะ ชำระค่าเสียหายไป 12xx



ยังอร่อยถูกปากเหมือนเคยค่ะ ... สาวฝนปลื้มน้ำพริกไข่ปู เราปักใจกับแกงส้มปูไข่หน่อไม้ดอง หมวยบีเพลินกับหมึกทอดกระเทียม ส่วนคนดีปลื้มทุกจาน ... สำหรับสมาชิกใหม่ของแก๊งค์ เพื่อนหมูของคนดี กับ พี่หมีของหมวยบี ไม่ได้ออกปากชอบจานไหนเป็นพิเศษ แต่ก็ดูจะเพลิดเพลินดี



อิ่มแล้วก็แยกวงค่ะ ... หมวยบีควงพี่หมีเลยไปเที่ยวหัวหิน เพราะพักร้อนยาว ... เรา คนดี เพื่อนหมู และ สาวฝน มุ่งหน้าไปตลาดน้ำอัมพวากันต่อค่ะ



ถึงอัมพวาราวๆ บ่ายโมงครึ่ง เดินไปนั่งเล่น พักร้อน ที่สมานการค้า ... จิบชาเย็น กับ แดงมะนาว รับลมเอื่อยๆ ชมวิวอัมพวาที่เปลี่ยน และแปลกตามากขึ้นเรื่อยๆ ... หายร้อนก็เดินชมตลาด ชมร้านค้ากันต่อ มีร้านใหม่ๆ แปลกๆ เพิ่มจากเดิมเยอะมากๆ ค่ะ เห็นแล้วแอบใจหายเล็กๆ




เดินชมตลาดท่ามกลางอากาศร้อนๆ เลยแวะซื้อน้ำมะเน็ด ร้านกำปั่น มาจิบบรรเทาร้อนอีกหน่อย ... ซื้อของฝากติดมือกันอีกนิด รอเวลาร้านกาญจนาพานิชเปิดค่ะ




ที่รอร้านนี้เปิด เพราะตั้งใจจะมาหม่ำ ปังชาเย็น กับ ปังติน ของร้านนี้ค่ะ ... อากาศร้อนๆ ได้ขนมหวานชื่นใจช่วยบรรเทาร้อนได้ดีค่ะ


ทริปนี้สุขใจกันถ้วนหน้าค่ะ อิ่มอร่อยอย่างที่ตั้งใจ ... เน้นกินอิ่มท้อง แต่ไม่ได้ช้อปของฝากกันมากนัก เราไม่ได้โหมซื้อขนมเหมือนเคย แต่ได้แหวนติดมือเป็นของที่ระลึกจากอัมพวา 2 วง


ทั้งหัวหน้าแก๊งค์ และ ลูกแก๊งค์ ยิ้มแย้มเบิกบานกันถ้วนหน้าค่ะ ... ทริปหน้ายังไม่สรุปว่าแก๊งค์ลูกหมูจะออกตะลอนชิมที่ไหน แต่ที่แน่ๆ ต้องอร่อยค่ะ

22.5.52

ยกทีมบุก ร้านละเลียด

ตั้งแต่ได้รู้จักกับ ร้านละเลียด ก็ติดอกติดใจ วนเวียนไปใช้บริการ 3 ครั้ง ภายใน 6 วัน ... และยังมีแววว่าจะแวะเวียนชิมอีกเรื่อยๆ ค่ะ


ครั้งแรก เสาร์ 16 พ.ค. แวะชิมทำความรู้จัก หลังจากกลับจากเกาะเกร็ด ... ครั้งแรกที่รู้จักกัน ก็ปลื้มสุดๆ ติดอกติดใจ


ครั้งที่ 2 จันทร์ 18 พ.ค. แวะไปซื้อเค้กกลับบ้าน คนดีซื้อให้คุณพิไลฉลองวันเกิดย้อนหลัง ... เพราะมีโปรโมชั่น ซื้อเค้ก 6 ชิ้น แถมบราวนี่ คนดีเลยใจดี ให้เลือกเค้กอีก 2 ชิ้น ให้เราเอาไปให้สาวๆ ที่ออฟฟิศชิม


พอสาวๆ ได้ชิมก็กรี๊ดกร๊าด วี๊ดว้ายชอบใจ ... อิอิ สำเร็จตามแผน เพราะอยากจะชวนสาวๆ ไปชิมเค้กที่ร้านค่ะ ... เอาเหยื่อมาล่อให้ติดเบ็ดก่อน แล้วปลาก็ฮุบเหยื่อดังคาด ที่นี่ก็มีพวกไปชิมเค้กเพิ่มแล้ว


เลยเกิดนัดที่จะเข้าไปที่ร้านนี้ครั้งที่ 3 ศุกร์ 22 พ.ค. ... จากเดิมมีแก๊งค์ลูกหมู 4 ชีวิต สมาชิกเพิ่มขึ้นเป็น 8 ค่ะ แต่ครั้นจะตั้งใจไปกินเค้กอย่างเดียวก็ดูจะเกินไปนิด เลยต้องหาอาหารคาวรองท้องสักหน่อยนึงก่อนค่ะ


เลิกงานปุ๊บ ก็รีบยกพลออกจากออฟฟิศทันทีค่ะ ฝ่าการจราจรที่คับคั่งของเย็นวันศุกร์ที่ฝนกระหน่ำ ... ไปแวะจุดหมายแรกที่ร้าน อาเล็กราชวงศ์ ... อีหมี่กับคะน้าน้ำมันหอย บะหมี่อัศวินน้ำ ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ ข้าวราดหน้าปูไข่ดาว หอยนางรมทอดกรอบ กระเพาะปลาผัดแห้ง หอยจ้อ ... โดน 2 หนุ่ม กับ 6 สาว จัดการเรียบ


แล้วก็ยกทีมไปร้านหลักที่ตั้งใจ ... ค่อยๆ กระดุ๊บกระดิ๊บตามขบวนรถที่ติดยาวในซอยไปถึงร้าน ... พอถึงร้านปุ๊บก็เลือกเค้กสั่งกันสนุกสนานค่ะ สั่งเหมือนยังไม่ได้กินอะไรมาเลย


สั่งเค้กไป 7 ชิ้น 7 แบบ เลยได้โปรโมชั่น บราวนี่ 1 ชิ้นมาชิมด้วย ... พอเห็นเค้กเรียงกันเป็นแถวแบบนี้ ก็แอบหวั่นใจนิดหน่อย ว่าจะหมดมัั้ย แต่นับจำนวนแล้ว 8 ชิ้น กับ 8 คน พอดี ก็น่าจะไม่มีปัญหา



ไม่มีปัญหาว่ากินเค้กไม่หมดค่ะ แต่มีปัญหาแย่งชิงกันนิดหน่อย เพราะอร่อยถูกปากถูกใจกันถ้วนหน้า ... มีเสียงชมและปลื้มเค้กเยอะค่ะ ส่วนบราวนี่ได้คะแนนน้อยกว่านิดหน่อย


เตรียมตัวจะกลับก็แวะดูหน้าตู้เค้กอีกรอบ ... สาวๆ ก็ออกอาการชี้ชวนกันอีก ว่าอันนั้นก็น่าชิม อันนี้ก็น่าชิม ทำท่าเหมือนเมื่อกี้ยังไม่ได้ชิมอะไรไปเลย ... สุดท้ายสรุปว่า สงสัยจะต้องยกทีมมาชิมอีกรอบ เพราะยังมีเค้กอีกหลายแบบที่ยังไม่ได้ชิม


สรุปว่า ร้านละเลียด กลายเป็นร้านเค้กร้านโปรดในดวงใจของสาวๆ ในออฟฟิศหลายคนแล้วค่ะ ... จะได้แวะไปร้านนี้อีกเมื่อไหร่น้อ

21.5.52

ติด Bid


เพิ่งค้นพบตัวเองว่าติด Bid ค่ะ ... ไม่ได้ติดขนาดต้องหาเรื่อง Bid ทุกวัน แต่เวลาได้ Bid จะลุ้น ใจเต้น โครมคราม สนุกดีค่ะ


แต่ก่อนสนุกกับการหาของ ประมูลของ ในอีเบย์ โดยเฉพาะ Pin รูป Stitch นี่ แวะเวียนไปจิ้ม Bid ประจำค่ะ ... แล้วก็มีซื้ออย่างอื่นอีกนิดหน่อย แต่หลังๆ ไม่ได้แวะเวียนเข้าไป เพราะไม่นึกอยากได้อะไรค่ะ


2-3 เดือนที่ผ่านมานี้ เพิ่งค้นพบที่หมายใหม่ ที่ pasaya.com ค่ะ ... ชอบอกชอบใจกับผลิตภัณฑ์ชุดเครื่องนอนของที่นี่ค่ะ เพราะชอบผ้าปูที่นอนแบบสีพื้นเรียบๆ และมีลายในเนื้อผ้า แต่ว่าราคาชุดเครื่องนอนเจ้านี้สูงเหลือเกิน แต่ก็สมกับคุณภาพเนื้อผ้าที่ดี๊ดี เนื้อเนียน ละเอียด ... ไปเดินลูบๆ ในห้างหลายทีแล้ว แต่ยังตัดใจซื้อไม่ลงค่ะ ทนใช้ผ้าปูที่นอนสีพื้นเรียบๆ ยี่ห้อธรรมดาแล้วกัน


จนได้แวะเวียนเข้าไปดูเว็บ ไปสมัครสมาชิกทิ้งเอาไว้นานนนนนนนนน แวะเข้าไปดูเป็นครั้งคราว ก็เห็นว่ามีกิจกรรมพิเศษ WoW ... ให้สมาชิกได้ลุ้นซื้อสินค้าในราคาพิเศษ แรกๆ ที่ดูก็ไม่สนใจค่ะ อ่านรายละเอียด กับดูสินค้าที่มาให้เลือกแล้วไม่โดน ก็เลยลืมๆ ไป ... พอแวะเวียนมาดูเมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมา เพิ่งมาสนุกกับการลุ้นแบบนี้ เพราะสินค้าน่าสนใจค่ะ


เพราะเป็น WoW Auction weekly คือ นำสินค้าชุดเครื่องนอน ทั้งแบบเป็นเซ็ท หรือ ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ปลอกผ้านวม แยกชิ้น แล้วยังมีพรม กระเป๋า มาให้ประมูล ในราคาเริ่มต้น 1 บาท ... เปิดโอกาสให้เสนอราคาได้ 1 สัปดาห์ ไม่มีกำหนดว่าจะต้องสู้ราคาเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ เพิ่มได้ตามแต่ใจเราจะสู้ค่ะ ... ใครให้ราคาสูงสุดภายในเวลาที่กำหนด ก็ได้ของไป


หลังจากที่เข้าไปสำรวจ และลองสั่งซื้อแบบเป็นเซ็ทที่ลดราคามาลองใช้แล้วก็ปลื้มค่ะ ... เนื้อผ้าเนียนละเอียด นอนสบาย คนดีเองก็ชอบใจ บอกให้สั่งซื้อให้ด้วย ... ทีนี้ก็เขยิบเข้าไปดูในส่วนของ WoW Auction ค่ะ พอเห็นว่ามีชุดผ้าปูที่นอน+ปลอกหมอนเตียงเดี่ยวมาพอดี ก็โดดร่วมวงไป Bid ด้วยทันทีค่ะ


ที่นี่ต่างจากอีเบย์ตรงที่ ต้องคอยเข้ามาดูเรื่อยๆ มาเช็ค มาสู้ราคา ไม่เหมือนอีเบย์ที่ใส่ราคาสูงสูดที่เราสู้ไว้ แล้วระบบจะจัดการต่อให้เอง ... ศึกษาข้อมูล สำรวจราคาแล้ว ก็จ้องรอเวลาวันที่จะปิดค่ะ เพราะช่วงใกล้เวลาปิดจะมีคนมาช่วงชิงกันเยอะ ... ตั้งราคาสูงสุดไว้ในใจ แล้วก็เฝ้าหน้าจอว่าจะสู้ตอนไหน สู้เท่าไหร่ดี


สุดท้ายก็ช่วงชิงชุดผ้าปูที่นอน+ปลอกหมอน สำหรับเตียงเดี่ยว มาให้คนดีได้ ในราคา 770 จากราคาเต็ม 3390 คำนวณแล้วลดไปมากกว่า 70% ... อิอิ ดีใจ ได้ของคุณภาพดี ราคาสบายกระเป๋า


ติดใจซิคะ ตามเฝ้าดูว่ามีชุดเครื่องนอนเตียงเดี่ยวปล่อยมาอีกรึเปล่า ถ้ามีก็ร่วมวงทันที ... นอกจาก Bid ให้ตัวเอง และคนดีแล้ว ก็ยังอาสา Bid ให้พี่ๆ ในทีมด้วย คนนึงเตียงเดี่ยวเหมือนกัน อีกคนเตียงคิงไซส์ ... สู้ราคา เติมตัวเลข แล้วลุ้นกันสนุกสนาน


ช่วงนี้เลยแวะเวียน เข้าไปที่ เว็บบอร์ด ของ pasaya.com เป็นประจำ ... โดยเฉพาะวันจันทร์ - พุธ - ศุกร์ ที่จะปิด Bid และมีสินค้าใหม่ๆ ออกมาให้ลุ้น ... ถ้าใครกำลังมองหาชุดเครื่องนอน แนะนำให้ลองแวะเข้าไปดูค่ะ

20.5.52

หนังสือการ์ตูน ผู้หญิง - จริงเหรอ???


ถึงจะอายุขึ้นด้วยเลข 3 แล้ว ก็ยังอ่านหนังสือการ์ตูนอยู่ค่ะ แต่จะเลือกซื้อเฉพาะเล่มที่ติดตาม และสนใจจริงๆ เท่านั้น ... เพราะไม่อยากให้ห้องนอน ล้นไปด้วยหนังสือ เท่าที่มีอยู่ก็เยอะแล้ว

คนดีเห็นเราซื้อการ์ตูน และอ่านการ์ตูน เกิดคำถามว่า "นี่มันหนังสือการ์ตูนผู้หญิงจริงๆ เหรอ" ... พร้อมกับจ้องหน้าเราจริงจัง และถามว่า "จริงๆ ตัวเป็นผู้ชายแปลงเพศมาใช่มั้ย" ... เพราะหนังสือการ์ตูนที่ตามอ่าน ตามเก็บ คือ โคนัน ดร.เค และ ซิตี้ฮันเตอร์


แหม แค่อ่านหนังสือการ์ตูนที่ออกแนวหนุ่มๆ นิดหน่อยแค่นั้นเอง ถึงกับคิดว่าไม่สาวซะแล้วเหรอคะ ... หนังสือการ์ตูนผู้หญิง ประเภทการ์ตูนตาหวาน ก็เคยอ่าน ก็ยังซื้ออ่านบ้าง แต่เลือกเฉพาะนักวาดการ์ตูนคนโปรดเท่านั้น ... ส่วนการ์ตูนหนุ่มๆ ที่ตามซื้ออยู่เนี่ย มันมีที่มาค่ะ

เริ่มจาก โคนัน ... จำไม่ได้ว่ารู้จักกับ ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน ได้ยังไงค่ะ จำได้แค่ว่าซื้อมาแล้วแบ่งกันอ่านกับเจ้าน้องชาย ซื้ออ่านตั้งแต่ยังเรียน ม.ปลาย จนตอนนี้ทำงานมา 11 ปี โคนันก็ยังไม่จบสักที ... เพราะชอบเนื้อเรื่องประเภทสืบสวน สอบสวน ไขคดีแบบนี้ค่ะ เพราะฉะนั้นก็คงต้องซื้ออ่านกันต่อไปจนกว่าจะจบ



(picture from wikipedia)

ตอนนี้ก็ปาไป 60 เล่มแล้ว ไม่รู้จะจบที่เล่มเท่าไหร่ ... ซื้ออ่านตั้งแต่ราคาเล่มละ 25 บาท จนเดี๋ยวนี้อัพราคาไป 35-40 บาท กว่าการ์ตูนจะจบ ราคาจะถึง 50 บาทมั้ยน้อ
ต่อกันที่ ดร.เค คุณหมอผู้เก่งกาจ ... จำไม่ได้เหมือนกันค่ะว่ารู้จักกับคุณหมอคนนี้ได้ยังไง รู้แต่ว่า พอรู้จักกันแล้วติดใจเนื้อเรื่องที่เกี่ยวกับการรักษาโรคต่างๆ ของคุณหมอฝีมือเยี่ยมคนนี้


(picture from siambookcenter)

ชื่อเต็มๆ จริงๆ คือ Super Doctor K ... เป็นภาคแรก มี 44 เล่ม ตามซื้อ ตามอ่าน ตามเก็บจนครบ ... จนตอนนี้สำนักพิมพ์ทำ รีพริ้นท์ออกมาจำหน่ายอีกรอบแล้ว

(picture from siambookcenter)
จบแล้วใจหายนิดหน่อย แต่ก็แอบโล่งใจว่าจะสบายตัวแล้ว ไม่ต้องตามเฝ้าแผง ตามหาการ์ตูนกันอีก ... ที่ไหนได้ มีตอนต่อ Doctor K ออกมาอีก ... เอ้า ออกมาก็ตามซื้อ ตามอ่าน ตามเก็บกันต่อ เก็บจนครบ


(picture from siambookcenter)

วันดีคืนดี เดินวนเข้าไปในร้านการ์ตูน อ้าว ตายแล้ว เจอกับ K2 ... มีคลอดภาคต่อออกมาอีกแล้ว ออกมาก็ตามซื้อ ตามอ่าน ตามเก็บกันต่อ ... เจอร้านหนังสือการ์ตูนก็ต้องขอเข้าไปโฉบ เดินวนสักรอบ ว่ามีเล่มใหม่คลอดออกมารึยัง นี่ก็ค้างอยู่ที่เล่ม 8 นานแล้ว ไม่ออกต่อสักทีค่ะ

ส่วน ซิตี้ฮันเตอร์ พ่อหนุ่ม ซาเอบะ เรียว ... จำไม่ได้อีกเหมือนกันค่ะว่ารู้จักกันได้ยังไง จำไม่ได้ด้วยว่าไปอ่านของใคร แต่อ่านแล้ว ขำดี หนุ่มหล่อล่ำ ฝีมือการยิงปืนเก่งฉกาจ แต่เจ้าชู้ กะล่อน สุดๆ จำมุขที่โดน ซาโอริ น้องสาวของคู่หูเค้าใช้ค้อนปอนด์ใหญ่ยักษ์ทุบได้ไม่ลืม ... แล้วจู่ๆ ก็เห็น ซิตี้ฮันเตอร์ ที่ รีพริ้นท์ ออกมาวางขาย ได้แต่ลูบๆ คลำๆ เพราะเล่มละ 125 บาทค่ะ


(picture from wikipedia)

เลยลองเสิร์ชข้อมูลจากเน็ทดู ว่าน่าซื้อ น่าเก็บรึเปล่า แล้วจะทยอยออกมา หรือว่ามาๆ หายๆ ให้เสียดายตังค์มั้ย ... พอได้ข้อมูลจนมั่นใจ ก็ซื้อค่ะ ตอนนี้ตามเก็บถึงเล่ม 7 แล้ว เหมือนจะเห็นว่ามีเล่มใหม่ออกมาแล้ว แต่ยังไม่ได้ซื้อเลย อยากได้อ่ะ
ส่วนการ์ตูนตาหวาน รักกุ๊กกิ๊ก ก็พอมีนะคะ ... จากเดิมที่มีเยอะมากก็โละบริจาคไปเพียบ และพยายามจะไม่ซื้อเพิ่ม แต่จะซื้อเฉพาะนักวาดการ์ตูนคนโปรดเท่านั้นค่ะ ... ของเก่าที่มีอยู่ก็เหลือไม่มาก ของใหม่ก็ไม่ค่อยได้ซื้อเพิ่ม มีแต่การ์ตูนที่ดูแม้น แมน นี่หล่ะค่ะที่ซื้อถี่หน่อย คนดีถึงได้สงสัย

วันดีคืนดี จะเอารูปตู้หนังสือ และกรุหนังสือมาโชว์นะคะ ... ขอจัดระเบียบให้รกน้อยกว่านี้อีกนิด แล้วจะเอาตู้หนังสือมาเปิดเผยเนื้อตัวค่ะ

19.5.52

กิจกรรมใหม่ของแก๊งค์ลูกหมู


จากที่รวมตัวกันตะลอนชิม ตอนนี้แก๊งค์ลูกหมูมีกิจกรรมใหม่แล้วค่ะ ... คุยกันตั้งนานแล้วว่าจะทำ แต่ติดที่ดินฟ้าอากาศไม่อำนวย วันนี้ได้โอกาสแล้วค่ะ


พอดีกับที่สาวฝน น้องน้อยของแก๊งค์ ตกอยู่ในอาการ ซึม เศร้า เหงา เบื่อ เซ็ง ... พี่ๆ ในออฟฟิศเลยช่วยกันหาทางแก้ไขเพื่อให้น้องสดใส สบายใจขึ้น ... เสนอหลายทางเลือกค่ะ ทั้ง Food therapy, Shopping therapy, Cosmetic therapy, Karaoke therapy, Chocolate therapy และอีกสารพัดอย่าง ... น้องก็ส่ายหัว ทำหน้าตาเซื่องซึมเป็นแมวเซ็งเหมือนเดิม


เมื่อตอนบ่ายออกไปซื้อของใช้ของออฟฟิศ หมวยบีอาสาตามไปช่วยถือของด้วย ... พี่ๆ ที่เหลือเลยผลักให้สาวฝนตามมาอีกคน เผื่ออาการจะดีขึ้น แต่น้องก็ยังจ๋อย


สุดท้ายคนดี กับ หมวยบี ที่เตรียมชุดออกกำลังกายติดไว้ด้วย เลยชวนกันไปออกกำลังกายที่สวนรถไฟค่ะ ... เราซึ่งไม่ได้เตรียมเสื้อมา แต่บ้านอยู่ใกล้ ก็จะแวะเปลี่ยนเสื้อแป๊บนึง ... ส่วนสาวฝน ที่ไม่ได้เตรียมอะไรมาเลย ก็โดน พี่ๆ ล่อหลอกแกมบังคับให้ตามมาด้วยกัน ไม่ยอมปล่อยเหงาๆ ซึมๆ กลับบ้านไป


คนดีบอกน้องว่า "ไม่ต้องไปออกกำลังกายก็ได้ ไปเดิน 'ทอดอารมณ์' ก็พอ" ... เราเลยบอกน้องว่าไปเดินเล่น ปั่นจักรยานชมวิวก็ได้ ... ส่วนหมวยบี บอกว่า ออกกำลังกายให้ระดับเอ็นโดรฟีนเพิ่มขึ้น จะได้ลดการซึมเศร้า


เย็นวันนี้ แก๊งค์ลูกหมู เลยยกขบวนกันไปสวนรถไฟค่ะ ... หมวยบี กับ คนดี ตั้งใจไปเดินเร็ว และวิ่ง ... ส่วนเรากับสาวฝน ตั้งใจไปเดินช้า และปั่นจักรยานค่ะ


2 คน 2 คู่ แยกกันไปตามกิจกรรมที่สนใจ ... เราปั่นจักรยานชมวิวไปเรื่อยๆ สาวฝนก็ปั่นตามหลังมา ต้นไม้แน่นๆ หญ้าเขียวๆ ลมพัดเย็นๆ ช่วยให้สดชื่น และสบายใจขึ้นจริงๆ ค่ะ ... เพราะสาวฝนที่ซึม หน้ายุ่งมู่ทู่ ไม่ค่อยพูดค่อยจา มีรอยยิ้มปรากฎบนหน้า แล้วบอกว่า ชอบใจ อยากมาอีก


2-3 วันนี้ แก๊งค์ลูกหมูเลยขอเว้นวรรคนัดกันไปร้านอาหาร แล้วนัดกันที่สวนรถไฟแทนค่ะ ... สำหรับทริปไปดอนหอยหลอดยังอยู่เหมือนเดิม ไม่ยกเลิกนะคะ ติดตามได้เสาร์นี้ค่ะ

18.5.52

อิ่มจังตังค์อยู่ครบ@สโมสรทหารบก

วันนี้มีนัดดินเนอร์ค่ะ มีเจ้ามือเสนอตัวจะเลี้ยงข้าว ... เจ้ามือคนนั้นไม่ใช่คนดีค่ะ แต่เป็นผู้หญิงที่น่ารักและใจดีมากๆ อีกคน


เจ้ามือคือ คุณพิไล คุณป้าวัย 73 ที่ถือโอกาสเลี้ยงข้าวฉลองวันเกิดย้อนหลังค่ะ ... คุณพิไลนัด 2 หนุ่มในบ้าน คือ พ่อ กับ เจ้าน้องชายก่อน แล้วฝากสารผ่านมาถึงเราเมื่อวันศุกร์ว่า ... "จะเลี้ยงข้าวที่สโมสรทหารบก ให้เลือกว่าจะไป วันเสาร์ หรือ วันจันทร์ ที่เลือก 2 วันนี้ เพราะวันอาทิตย์นกไม่มา รอให้อยู่กันครบแล้วไปด้วยกัน" ตกลงนัดวันกันเรียบร้อย รอถึงเวลานัดเท่านั้น


พอคนดีมาถึงตอนบ่ายๆ เราเลยเสนอไอเดียว่าน่าจะวนรถไปร้านละเลียด ซื้อเค้ก 3-4 ชิ้นไปให้คุณพิไล ... คนดีเลยขอเป็นเจ้ามือ ถือโอกาสให้เป็นของขวัญ แล้วไปช่วยกันเลือกเค้ก 4 ชิ้น 4 แบบ 4 รส ... ได้เค้กเรียบร้อยก็วนรถกลับไปรับสมาชิกที่บ้าน


ไปถึงสโมสรทหารบกราวๆ ทุ่ม เข้าไปนั่งในส่วนของห้องอาหาร ... เปิดเมนูที่มีรายการอาหาร ทั้งไทย ญี่ปุ่น ฝรั่ง ไปกัน 5 คน สั่งอาหารกันคนละเรื่องเลยค่ะ


อาหาร 8 จาน ทยอยออกมาเสิร์ฟ รสชาติใช้ได้ค่ะ ... เปปเปอร์สเต็ก เนื้อนุ่มมากค่ะ - เนื้อนกกระจอกเทศผัดพริกไทยดำก็เยี่ยมค่ะ - ทอดมันกุ้งรูปร่างแปลกตา แต่อร่อย - ข้าวผัดปลาเค็ม ปลาเค็มชิ้นโต เลยทำให้เค็มเป็นหย่อมๆ ค่ะ - ยำตะไคร้ รสเข้มข้นดีค่ะ - บรอคโคลี่ผัดกุ้ง กลมกล่อม - ซาบะย่างซีอิ๊ว เนื้อปลาแข็งไปนิดค่ะ - ส่วนทีโบนสเต็ก ของเจ้าน้องชาย ไม่ได้ชิมค่ะ


ค่าเสียหายทั้งอาหารและเครื่องดื่ม น้ำเปล่า 2 โค้ก 2 เบียร์สิงห์ 1 รวมแล้วราคา 13xx จัดว่าราคาคบได้ ไม่สูงเกินไป ... ที่นี่มีบุฟเฟต์มื้อกลางวัน จันทร์-ศุกร์ ราคา 150 บาทเน็ทค่ะ คุณพิไลเห็นแล้วสนใจอยากจะมาลองชิมดูสักครั้ง


ลองคุณพิไลสนใจแบบนี้ ถ้าไม่ชวนก๊วนเพื่อนมาชิม ก็คงเป็นสมาชิกในบ้านนี่หล่ะค่ะที่จะยกขบวนมาชิมกันอีกรอบ ... จะมีลาภปาก อิ่มจัง ตังค์อยู่ครบอีกรอบรึเปล่าน้า

17.5.52

เฮนเบะ

รู้จัก "เฮนเบะ" รึเปล่าคะ เคยดู "เฮนเบะ" มั้ยคะ ... "เฮนเบะ" หน้าตาเป็นยังไง สงสัยใคร่รู้ ?????


เป็นคนติดร่มค่ะ ถ้าเห็นเมฆเยอะ ฟ้าครึ้ม จะคว้าร่มติดมือไปด้วย แล้วร่มที่ใช้ก็เป็นร่นตอนเดียวคันใหญ่ ออกจะเกะกะ พกพาลำบาก ... เวลาถือร่มทีไร คนดีชอบเรียกว่า เฮนเบะ ทุกที ... เราก็สงสัยว่า เฮนเบะคืออะไร หน้าตาเป็นยังไง


คนดีบอกว่า เฮนเบะ เป็นการ์ตูนที่เคยฉายสมัยยังเป็นละอ่อนน้อย แล้วถามว่าเราไม่เคยดูเหรอ ... ส่ายหัวดิก เพราะไม่คุ้นเลย คงจะไม่เคยดู ถ้าเคยดูก็น่าจะจำได้ลางๆ บ้าง แต่นี่นึกไม่ออกเลยว่าหน้าตาเป็นยังไง


คนดีเลยต้องอธิบายเสริมว่า เฮนเบะชอบถือร่มติดตัวไปไหนต่อไหนด้วย เพราะเป็นร่มวิเศษ ... เห็นเราชอบถือร่ม เลยเรียก เฮนเบะ ซะเลย หลังๆ นี่เรียกถี่ขึ้นเรื่อยๆ แทบทุกครั้งที่หยิบร่ม จะได้ยิน เฮนเบะ ลอยมา


2-3 วันก่อน จำไม่ได้แล้วว่าไปทำอะไร แต่เห็นฟ้าครึ้มๆ เลยถามคนดีว่าจะเอาร่มไปด้วยรึเปล่า ... คนดีตอบกลับมาว่า "แล้วแต่เฮนเบะเถอะ ชอบถือไม่ใช่เหรอ"... แหม แหม แหม ฝนตกแล้วจะมาอาศัยร่มเค้ารึเปล่า


ล่าสุดวันที่ แก๊งค์ลูกหมูตะลุยเกาะเกร็ด ตอนมาส่งบ้าน กำลังหอบสมบัติลงจากรถ มีร่ม 2 คัน แบบพับ กับแบบตอนเดียว ... ถามคนดีว่าจะเอาติดรถไว้สักคันมั้ย คนดีบอกว่า "ไม่เอา เฮนเบะเอาไปเถอะ" ... ชิ เรียกเฮนเบะจัง แถมยังมาบอกว่าดูไปดูมาหน้าเราก็ชักคล้ายเฮนเบะเหมือนกัน ชักอยากรู้แล้วว่าเหมือนกันตรงไหน เปิดคอมฯ ต่อเน็ท จิ้มกูเกิ้ลหาทันที


(Picture from : wikipedia)
พอเห็นรูปก็คุ้นตา แต่ดูยังไงก็ไม่น่าจะหน้าตาคล้ายกันได้นะ ถ้าจะเหมือนก็ตรงถือร่มแค่นั้นเอง ... คุณคะ เค้าเหมือนเฮนเบะตรงไหน

16.5.52

แก๊งค์ลูกหมู @ เกาะเกร็ด

แก๊งค์ลูกหมูเริ่มตะลอนชิมแล้วค่ะ แต่กลายเป็น เกาะเกร็ด ก่อน ดอนหอยหลอด ... เพราะหัวหน้าแก๊งค์อยู่ดีดีก็นึกอยากไปเกาะเกร็ด ส่ง sms มาชวนเราตอนกลางดึกของคืนวันอังคาร ... พอเราตกลง คนดีก็หันไปชวนสมาชิกแก๊งค์ต่อ


สมาชิกแก๊งค์ตกลงกันอย่างง่ายดาย เพราะยังไม่มีใครเคยไปเกาะเกร็ดเลยสักคน ... แต่ติดปัญหาเรื่องดินฟ้าอากาศ ว่าฝนจะตกรึเปล่า ... ตกลงกันว่า เช้าวันเสาร์จะโทรคุยกันอีกที


เช้าวันเสาร์ สุทธิสารแดดดี - พระราม 2 แดดดี - อ่อนนุช แดดดี แก๊งค์ลูกหมูเลยตะลอนชิมได้ ... นัดเจอกัน 8.30 น. ที่ร้าน A&W ปั๊ม ปตท.วิภาวดี ... แต่กว่าจะเจอกันได้ ก็เก้าโมงครึ่ง เพราะรถติดเหลือเกิน


เรา คนดี หมวยบี หม่ำไปเม้าท์ไป ระหว่างรอสาวฝนฝ่าการจราจรมาถึง ... พอสมาชิกพร้อมก็ออกเดินทาง ใช้เวลาไม่นานก็ถึง วัดสนามเหนือ จอดรถเรียบร้อยก็ลงเรือข้ามฟากไปท่าวัดปรมัยฯ



ถึงฝั่งปุ๊บ ก็เห็นป้ายเรือนำเที่ยวรอบต่อไปจะออกพอดี เลยซื้อตั๋วเรือ คนละ 60 บาท แล้วกลับหลังหันก้าวลงเรือทันที ... ดินฟ้าอากาศที่นี่ไม่น่าวางใจ เพราะเมฆครึ้ม แน่นเต็มฟ้า มีแววว่าฝนจะตก แต่แก๊งค์ลูกหมูก็ไม่ถอย


นั่งเรือชมบรรยากาศสองฝั่งแม่น้ำ รับลมเย็นๆ สบายดี ถึงจะมีฝนพรำนิดๆ ก็ไม่เป็นปัญหา ... เรือจอดแวะจุดแรกที่ ร้านบ้านคุณแอ๋ว


แวะดูวิธีทำขนมไทย แล้วก็เติมพลังกันนิดหน่อย ... เราสี่คน เลือกชิมข้าวแช่ ลอดช่อง และ ฝอยทอง ค่ะ สั่งมาแบ่งกันชิมคนละคำสองคำ ... ไม่เน้นกินเยอะจริงจัง เพราะเผื่อท้องไว้ตามเบี้ยบ้ายรายทางข้างหน้า


จุดที่สองที่แวะ คือ ร้านบ้านสมชาย ขายขนมหวานเหมือนกันค่ะ ... แต่ที่นี่จุดเด่นอยู่ตรงที่ ป้าย 10 บาททุกอย่าง มีอยู่ 2-3 โต๊ะ ที่ขนมบนโต๊ะ ห่อละ 10 บาทค่ะ เลือกซื้อเป็นของฝากได้สบายค่ะ



จากนั้น เรือจอดแวะ ที่ วัดแสงสิริธรรม เป็นจุดที่ 3 ให้ไหว้พระ ให้อาหารปลา ... แล้วก็วนกลับไปที่ท่าน้ำ รวมๆ แล้วใช้เวลาล่องเรือชมวิวราวๆ 2 ชั่วโมง ... ถึงท่าเรือพร้อมกับฝนที่เทกระหน่ำลงมา



ขึ้นจากท่าเรือก็ตรงเข้า วัดปรมัยยิกาวาส ไหว้พระเป็นสิริมงคล สักหน่อย ... แล้วก็ได้เวลาเดินสำรวจ ทัวร์ทั่วเกาะค่ะ ปลายทางอยู่ที่ วัดไผ่ล้อม


ก่อนจะออกเดินทัวร์ เจอ ร้านน้องแฝด ขายทอดมันหน่อกะลา กับ ดอกไม้ทอด ... ก็ต้องซื้อชิมค่ะ มาเกาะเกร็ด ไม่ได้กินทอดมันหน่อกะลา เดี๋ยวมาไม่ถึงค่ะ ... แล้วมีป้ายการันตีชื่อเสียงด้วย จะพลาดได้ไง



เติมพลังนิดหน่อย ก็เดินทัวร์ค่ะ ... เดินชมร้านนั้นร้านนี้ไป ฝนก็ตกๆ หยุดๆ ไปเฉอะแฉะนิดหน่อย แต่ก็เพลินดีค่ะ


จนเดินไปเจอ ร้านขนมจีนป้าอ้วน ร้านกว้างขวาง มีโต๊ะเก้าอี้ให้นั่งพัก เลยชวนกันแวะชิมร้านนี้อีกหน่อย ... คนดีที่ชอบอาหารเส้น ยิ้มกว้างถูกใจ



ขนมจีนน้ำพริก น้ำยากะทิ+น้ำยาป่า น้ำเงี้ยว 3 จาน สำหรับ 4 คน ... แบ่งกันชิม ส่งจานผลัดกันตักไปมา แป๊บเดียวก็เกลี้ยง สบายท้อง เดินทัวร์กันต่อ


เดินไป ฝนก็ตกหนักขึ้นเรื่อยๆ ถึงวัดไผ่ล้อม ฝนก็เทโครมลงมาทันที เลยไม่ได้แวะเข้าไปไหว้พระด้านใน ... เดินสำรวจทางหาร้านที่จะพอนั่งพัก หลบฝนได้ต่อ แล้วก็เจอค่ะ



ร้านขายขนมถ้วย เฉาก๊วยที่บรรยากาศเก๋ เลยแวะพัก แคะขนมถ้วยทั้งแบบถ้วยเล็กถ้วยใหญ่ชิมกันหนุบหนับ ... หวาน มัน อร่อยดีค่ะ จานละ 15 บาท ... ฝนยังไม่ซา เลยสั่งพันช์มาชิมอีกแก้ว เปรี้ยวๆ หวานๆ ชื่นใจ


ฝนยังกระหน่ำไม่เลิก พวกเราเลยชวนกันเดินกลับค่ะ ... เพราะสาวฝน ปวดท้องไม่สบายตัว มาเจอฝนเทซู่ซ่า เดินชมตลาดลำบาก เลยชวนกันกลับดีกว่า กะว่าถ้าถึงท่าน้ำวัดปรมัยแล้วฝนซา จะลองเดินสำรวจไปอีกทาง แต่ฝนก็ยังไม่มีที่ท่าจะหยุด เลยปิดทริปกลับบ้าน


หมวยบีบ่นอุบอิบนิดหน่อย เพราะยังไม่อิ่ม แล้วบ่นว่าถ้าเรามาอัพบล็อก คงเสียชื่อแก๊งค์ลูกหมูหมด เพราะชิมได้นิดเดียว ... แต่ครั้นจะเดินทัวร์ต่อก็สู้ฝนไม่ไหว


ข้ามฝั่งกลับมาขึ้นรถได้ สมาชิกก็ทยอยหลับ ปล่อยคนดีซึ่งรับหน้าที่ขับรถ ง่วงงุนแต่หลับไม่ได้ ... ใกล้ถึงบ้านเรา คนดีแวะให้ซื้อขนมตุนเสบียงไว้ อีกสองสาวก็ตื่นมาบ่นหิว เลยต้องหาร้านอาหารเป็นมื้อหนัก ส่งท้ายทริปเกาะเกร็ดสักหน่อย


จะเลือกร้านแถวบ้านเราก็เบื่อ เลยเลือกเข้าไปในซ.โชคชัยร่วมมิตร (วิภาวดีรังสิต 16) ... ตรงดิ่งไปที่ อาเล็กราชวงศ์


ข้าวราดหน้าปู ไข่ดาว บะหมี่อัศวินน้ำ อีหมี่ คะน้าน้ำมันหอย ... มื้อนี้คนดีเป็นเจ้ามือ อิ่ม แต่พุงยังไม่ตึง เราเลยเสนอว่าจะเข้าไปดูร้านเค้กที่พี่ในออฟฟิศคนนึงเพิ่งค้นพบรึเปล่า


สมาชิกตกลงอย่างง่ายดาย ขับตรงเข้าไปอีกนิด ระหว่าง ซ.16/37 กับ ซ.16/39 ก็จะเจอ ร้านละเลียด ค่ะ ... เปิดประตูเข้าไปก็กรี๊ดกร๊าดน่าดู เพราะร้านตกแต่งน่ารัก แล้วก็มีเค้กละลานตาน่าชิมไปหมด



เลือกมา 3 แบบค่ะ แต่จำชื่อไม่ได้ เพราะหมวยบีชี้ชวนดูชิ้นนั้นชิ้นโน้น จนตาลาย ... แต่ที่จำได้แม่นเปรี๊ยะ คือ อร่อยค่ะ อร่อยทั้ง 3 แบบเลย โดยเฉพาะเค้กชอคโกแลต ... จัดร้านนี้เข้าลิสท์ร้านโปรดไปเรียบร้อยค่ะ


หมวยบีถูกใจเค้กร้านนี้มากค่ะ และอาสาเป็นเจ้ามือ ก่อนจะบอกว่า สุดท้ายก็ปิดทริปนี้ได้อย่างสวยงาม ... เค้กอร่อยมาก ประทับใจที่สุด ไม่เสียชื่อแก๊งค์ลูกหมูแล้ว


อิ่มสบายท้องกันถ้วนหน้าก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ... เรากลับบ้านพร้อมกับอาการปวดหัว สาวฝนพาท้องที่ไม่ค่อยสบายเอาของฝากไปให้แฟน หมวยบีติดรถคนดีกลับบ้าน ส่วนคนดีตรงกลับบ้านเพราะมีนัดหม่ำข้าวเย็นกับครอบครัว


เสาร์หน้า แก๊งค์ลูกหมูมีนัดรวมตัว ตะลอนชิมที่ ดอนหอยหลอด-ตลาดน้ำอัมพวา ... จะหม่ำอะไรบ้าง หม่ำกระจาายรึเปล่า ติดตามเสาร์หน้านะคะ

15.5.52

: 86 เดือน :


วันที่ 15 อีกแล้ว อายุความรักของเราก็ขยับเพิ่มมาอีก 1 เดือน ... เดือนนี้มีเรื่องพิเศษ เล็กๆ น้อยๆ เป็นนัดดินเนอร์ค่ะ


อ๊ะ อ๊ะ อย่าเพิ่งคิดว่าเป็นดินเนอร์ใต้แสงเทียนสวีทหวานนะคะ ... ไม่ใช่ค่ะ เป็นอาหารที่ 2-3 วันก่อนเดินผ่านแล้วนึกอยากหม่ำขึ้นมาจริงๆ จังๆ นั่นก็คือ พิซซ่า ค่ะ แล้วต้องเป็น เดอะ พิซซ่า ด้วยนะคะ


คบคนดีมา 7 ปี กินพิซซ่าติดแบรนด์แบบนี้นับครั้งได้ เพราะคนดีไม่ชอบ ... วันก่อนเห็นแล้วอยากกิน หันไปบอกคนดีปุ๊บ คุณก็ทำหน้าเบ้กลับมา ... ดีที่สมองไว เลยบอกว่าขอเป็นมื้อพิเศษของวันพิเศษได้มั้ย คบกันมา 7 ปี กินไม่ถึง 7 ครั้ง ขอได้มั้ย หา หา หา ... ยืนยันแกมบังคับขนาดนี้ คนดีจะปฏิเสธได้อย่างไร


คนดีเลยเปลี่ยนมาต่อรองว่า ชวนพวกไปได้มั้ย ไปหลายๆ คน ช่วยกันกินคนละหนุบคนละหนับ จะได้สนุกสนานและไม่เลี่ยนมาก ... โอเค ได้ ไม่มีปัญหา ไม่ต้องสวีทก็ได้ แค่ได้กินของที่นึกอยากกินก็โอแล้ว


บ่ายๆ คนดีมาถึง ก็เริ่มล่อหลอกสมาชิกแก๊งค์ลูกหมูทันที โดยเป้าหมายอยู่ที่สาวฝน เพราะสาวรายนี้ชอบกินพิซซ่า ... แต่น้องไม่นึกอยากกินพิซซ่า แต่อยากกินอย่างอื่นแทน เลยเข้าทางคนดี ... สองคนพากันหาชื่อร้านอาหารมาเสนอ แต่เสียใจเป็นคนหนักแน่นมั่นคงค่ะ เลือกแล้วเลือกเลย


สุดท้ายก็ได้กินพิซซ่าสมใจ เดอะ พิซซ่า ที่โรบินสัน รัชดา ... ตอนแรกมีกัน 3 ชีวิต พอหมวยบี ตัดผมใหม่ แปลงโฉมเสร็จเรียบร้อย ก็ตามมาสมทบ ... ครบแก๊งค์ลูกหมู อีกแล้ว


กินกันไป ขำกันไป เม้าท์กันไป มื้อนี้เราเป็นเจ้ามือ เพราะเป็นคนอยากกิน ... พอคนดีกับ 2 สาว ได้ยินก็วี้ดวิ้วดีใจ ... อิ่มพุงตึง เดินย่อยกันสักหน่อย ก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน


ถึงจะไม่ได้สวีทหวานในบรรยากาศโรแมนติค แค่มีคนดีอยู่ข้างๆ ก็มีความสุขแล้ว ... 86 เดือนแล้ว ยังไม่เก่า ยังไม่ขมค่ะ



ข้อความถึงคนดี ... คนดีขา คุณยังทำให้ใจเค้ากระตุก ใจแกว่ง เต้นผิดจังหวะ ได้เป็นประจำเลยนะ รู้มั้ย ... ยิ้มกรุ้มกริ้มเมื่อวันก่อน ก็เพราะสาเหตุนี้แหละค่ะ




It Might Be You - Stephen Bishop

14.5.52

ฤดูฝน กับ คนเดินเท้า

เป็นคนที่ไม่ชอบฤดูฝนค่ะ เพราะถึงฝนจะฉุ่มช่ำเย็นใจ แต่มักจะมาพร้อมกับความเฉอะแฉะ ... ซึ่งเป็นปัญหาหลักสำหรับคนเดินเท้าเลยค่ะ


การเดินทางจากบ้านไปทำงาน อาศัยสองเท้าก้าวเดินไปเรื่อยๆ ราวๆ 10-15 นาทีก็ถึง ... แต่พอฝนตก ระยะทางเท่าเดิม กลับต้องใช้เวลาในการเดินทางมากกว่าเดิม และเดินลำบากกว่าเดิมเยอะค่ะ


เริ่มจากต้องเลือกกระโปรงหรือกางเกงสีเข้ม เนื่องจากเป็นคนที่มีความสามารถในการเดินดีดน้ำกระเด็นขึ้นตัวเองได้ ... ถ้าใส่กระโปรงหรือกางเกงสีอ่อน จะได้ลายจุด มอมๆ มอๆ กระจายอยู่ช่วงน่อง และ ต้นขา ... บางทีเดินดีดกระเด็นเผื่อไปถึงคนข้างๆ ด้วยค่ะ คนดีบ่นประจำ


หลายๆ คนบอกให้ใส่รองเท้าหุ้มส้น หรือ ส้นสูงซิ จะได้ไม่ดีด ... ก็ยังดีดอยู่ดีค่ะ เพียงแต่ร่องรอยอารยธรรมน้อยลงหน่อย ... เพราะฉะนั้นเลือกรองเท้าที่ดอกยางครบถ้วน เดินแล้วไม่ลื่นดีกว่า ... มีรอยจุดๆ ดีกว่าลื้นพรืดดดด แล้วเปื้อนดวงเบ้อเร่อ


ถัดมาก็ต้องเลือกร่ม อุปกรณ์สำคัญประจำฤดูฝนค่ะ ... ส่วนตัวชอบใช้ร่มแบบตอนเดียว คันยาวๆ เพราะกว้าง คงทน ถึงแม้จะเกะกะ พกพาลำบาก แต่คลุมตัวและสัมภาระมิดชิดดี ... ไม่ชอบร่ม 2 ตอน 3 ตอนที่พับได้ พกพาง่าย เพราะเคยเห็นคนถือแล้วเจอลมแรงๆ ร่มบานขึ้นฟ้า กลายเป็นกะละมังรับน้ำฝน แทนที่จะกันฝน


ถ้าเดินคนเดียวก็ ใช้ร่มตอนเดียวไซส์ปกติ ... แต่ถ้าเดินกับคนดี ก็ต้องหาร่มคันใหญ่ๆ เพราะตัวโตทั้งคู่ ใช้ร่มไซส์ปกติ ไหล่ซ้ายของเรา กับไหล่ขวาของคนดีจะเปียกฉ่ำ ... ต้องไซส์พิเศษแบบร่มกอลฟ์ ถึงจะคลุมมิด


ฝนตกธรรมดา กางร่ม เดินถนน พื้นแฉะๆ ก็ว่าเดินลำบากแล้ว ... ถ้าเจอพายุ ทั้งฝน ทั้งลม กระหน่ำเข้ามา ก็ลำบากขึ้นไปอีก ... แต่ที่สร้างปัญหา และเป็นอุปสรรคสำหรับคนเดินเท้าจริงๆ ก็คือ รถ กับ แอ่งน้ำ ค่ะ


ลำพังเดินกางร่มอยู่บนทางเท้าก็ลำบากจะแย่ เพราะต้องคอยหลบหลีกสิ่งกีดขวางทั้งหลาย ... ทั้งเสาค้ำผ้าใบ ป้ายโฆษณา ร่มร้านค้าข้างทาง เสาไฟฟ้า เสาป้ายซอย ตู้โทรศัพท์ ตู้ไปรษณีย์ และอื่นๆ อีกมากมาย ที่ปักหลักอยู่บนทางเท้า รวมถึงเพื่อนร่วมใช้ทางเท้าที่เดินสวนไปมาด้วย


พอเดินมาส่วนที่มีหลังคาหลบได้ ก็ใช่ว่าจะสบาย ... ยังต้องระวังน้ำที่ค้างอยู่ ตามท่อ ตามเสา ที่แข่งกันหยดติ๋งตั๋ง เหมือนเป็นด่านฝึกวิทยายุทธ์ให้เราต้องคอยหลบหลีก ... เพราะไม่รู้ว่า เป็นน้ำอะไรกันแน่ หยดใส่แล้วเสื้อจะเป็นด่างดวงมอซอรึเปล่า


พอเจอรถที่วิ่งบนถนนรีบบึ่งพุ่งกันไปข้างหน้า กรีดน้ำบนถนนเป็นฝอยฟุ้ง ก็หวั่นใจ ... แล้วถ้าเจอช่วงที่มีแอ่งน้ำเจิงนองหล่ะก็ ต้องเล็งจังหวะให้ดีเลยค่ะ เพราะรถบางคันวิ่งฉิวพุ่งลิ่วไปข้างหน้าโดยไม่เหลือบแลแอ่งน้ำใดๆ ... แต่ล้อรถกรีดน้ำกระจายเป็นวงโค้งสวยงาม เป็นคลื่นซัดสาดซ่าขึ้นมาบนทางเท้า ถ้ากะจังหวะไม่ดี เราอาจจะได้โต้คลื่นน้ำดำๆ โดยไม่ทันตั้งตัว


เมื่อผนวกรวมเข้าด้วยกันแล้ว ทั้งน้ำฝนที่หยดลงมา สิ่งกีดขวางต่างๆ ด่านน้ำหยดเป็นช่วงๆ และคลื่นน้ำดำ ... โอ้โห เดินประคองตัว หลบหลีก กันสนุกเลยค่ะ กลอกตามองทางเหมือนเดินเข้าค่ายกล ถ้าเดินถึงออฟฟิศได้โดยไม่เลอะ ไม่มอม ก็โล่งอก รอดมาได้อีกวัน


วันไหนที่ฝนตกตอนเช้าๆ อยากจะหาเสื้อกันฝนมาใส่จริงๆ เลยค่ะ กันเปียก กันมอม กันเลอะ ได้แน่นอน ... เฮ้อออออออออ ฤดูฝน กับ คนเดินเท้า เนี่ย ไม่ถูกกันอย่างแรง

13.5.52

อุปกรณ์ทำตาคม-คม

เหตุมาจาก หน้าม้า ที่พี่ช่างตัดผมเจ้าประจำ ตัดมาให้แบบ โค้งๆ เฉียงๆ เอียงปิดหางตาไปข้าง ... เลยต้องหาวิธีแต่งหน้าให้รับกับผมที่สะดุดตาใครต่อใคร


เล็งไปเล็งมา ก็คิดได้ว่า กรีดอายไลน์เนอร์ ชัดๆ คมๆ นี่แหละ เหมาะที่สุดแล้ว ... ผมม้าเกะกะตาแล้ว ถ้าลงสีอายแชโดว์ไปก็คงเห็นไม่ชัด แค่อายไลน์เนอร์อย่างเดียวก็พอ


เลยได้โอกาสงัดอายไลน์เนอร์ในกรุ ทั้งแบบเครยอน แบบลิควิด และแบบเจลไลน์เนอร์ ออกมาใช้บ่อยขึ้น ... กว่าผมหน้าม้าจะยาว ก็คงกรีดอายไลน์เนอร์ ตวัดหางได้แจ่มแหมวแจ๋วกว่าเดิม


ปกติจะถนัดใช้แบบเครยอน กับ ลิควิด ค่ะ ... มีแบบเจลไลน์เนอร์อยู่ 2 กระปุก แต่ไม่ค่อยได้หยิบมาใช้บ่อยเท่าไหร่ โอกาสนี้แหละ ที่จะได้ใช้ให้พร่องไป


เคยทำรีวิวเปรียบเทียบประสิทธิภาพของ เจ้า 2 กระปุกไว้ที่ jeban (ตามไปดูรีวิวเต็มๆ คลิกที่นี่ ค่ะ) ... เลยดึงภาพกับข้อมูลมาลงไว้ที่นี่ด้วยแล้วกัน ... เพราะเจ้า 2 กระปุกนี้ ผลัดกันเป็นพระเอกที่ช่วยทำให้ตาคม-คม ค่ะ


Clinique Brush-on Cream Liner ปะชันกับ M.A.C Fluidliner




Clinique - ขายมาพร้อมกับแปรงด้ามเล็ก กระทัดรัด จับลำบากนิดหน่อย ปลายแปรงตัดตรง วาดเส้นค่อนข้างยากเล็กน้อย ... เนื้อครีมเจลนุ่ม สีดำเข้ม


M.A.C - ได้มาพร้อมกับแปรง ในเซ็ท Enchating Vermillion : Fashion Eye Set ปลายเรียวแหลมเหมือนพู่กัน วาดเส้นง่าย ... เนื้อครีมเจลเนียนละเอียด สีดำเข้มเหมือนกัน แต่เป็นมันเงากว่า


ทำรีวิวไว้ตั้งแต่ พ.ย. ปีที่แล้ว ... ตอนนี้เนื้อครีมแหว่งไปพอๆ กันแล้วหล่ะค่ะ แต่ก็ยังมีเหลืออยู่เยอะ ใช้ได้อีกนานค่ะ




ลองปาดบนแขน ... สีดำเข้มเหมือนกัน แต่เนื้อสัมผัสของ M.A.C นุ่มลื่นกว่า ปาดง่าย ใช้เวลาแป๊บนึงจะแห้งตัว ... ส่วน Clinique เนื้อนุ่ม ปาดง่าย ไม่ต้องรอให้แห้ง


MA ของ M.A.C แนะนำให้ใช้อายแชโดว์สีเข้มๆ ทาทับไลน์เนอร์ จะทำให้ติดทนมากขึ้น ... เพราะไลน์เนอร์แบบนี้ โอกาสจะเลอะเลือนเป็นแพนด้ามีมากค่ะ ขึ้นอยู่กับปัจจัยประกอบอื่นๆ


เลยใช้อายแชโดว์สีเข้ม จากพาเลตต์ M.A.C Royal Asset - Warm Eye ลองป้ายเปรียบเทียบ ซะด้วยค่ะ




ป้ายแล้วก็ลองทดสอบต่อค่ะ ... 1. เอาแขนไปรองผ่านน้ำ สีไม่ลดเลือนแม้แต่น้อยค่ะ ... 2. ลองเอานิ้วลากผ่านทั้งที่ยังเปียกอยู่ ก็ยังติดทนเหมือนเดิม


แต่จากการใช้จริง ก็มีเลอะบ้าง เลือนบ้างนะคะ ไม่ถึงกับกลายเป็นแพนด้าตาดำปี๋ ... โดยรวมก็พอใจค่ะ


รีวิวเปรียบเทียบลองปาดที่แขน ... เลยปาดตาจริงๆ มาให้ดูว่า ตาคมขึ้นจริงรึเปล่าค่ะ ... ใครที่อยากเห็นก็เลื่อนลงไปดูได้เลยค่ะ




รูปบน เป็น ตาเปล่าเปลือย ที่ลงอายเบส และแป้งไว้เรียบร้อยแล้วนะคะ ... รูปล่าง ปาดไลน์เนอร์ให้เกือบเต็มชั้นตาค่ะ ลากหางยาวหน่อย แล้วใช้แบบเครยอนเขียนขอบตาล่างหัวจรดหาง เอาให้คม ชัด


ปกติจะกรีดบางกว่านี้นะคะ พอให้มีแนวขอบตาบนชัดขึ้นแค่นั้นค่ะ เพราะขนตาสั้นและบาง ... ส่วนขอบตาล่างก็เขียนเข้ามานิดหน่อย


เจาะเฉพาะตาแล้ว ไปดูแบบเต็มๆ หน้าบ้างค่ะ ... อุปกรณ์ที่ช่วยให้ตาคม มีเท่าที่เห็นในรูปค่ะ คราวนี้เลือกหยิบ M.A.C Fluidliner มาเป็นอุปกรณ์หลักค่ะ




เปรียบเทียบ Before จากรูปซ้าย หน้าไร้สีสัน แต่ลงแป้งเรียบร้อยแล้วค่ะ ... อีก 2 รูปถัดมา เป็น After ที่กรีดตาและลงสีสันครบทุกจุด


จริงๆ ไม่ได้กรีดตาคมกริบแบบนี้ทุกวันนะคะ ส่วนใหญ่จะกรีดเฉพาะตาบน ส่วนความหนาของไลน์เนอร์ ขึ้นอยู่กับกาลเทศะค่ะ ... ถือโอกาสส่งการบ้านให้กับหลายๆ คน ที่อยากเห็นตาคม-คม สำหรับผมใหม่ด้วยเลยนะคะ

เมืองแมนสรวง

เริ่มทยอยหยิบนิยายที่ตั้งวางไว้มาอ่านได้ทีละเล่มแล้วหล่ะค่ะ ... แล้วที่เลือกมาอ่านก็คือ เมืองแมนสรวง นิยายเล่มล่าสุดของ ดวงตะวัน


ซื้อเมื่อตอนมีงานสัปดาห์หนังสือค่ะ ตั้งใจไปซื้อตั้งแต่วันแรก ... แต่กว่าจะได้อ่านก็ผ่านมาเดือนกว่าๆ ผิดวิสัยที่สุด



จดหมายร้องทุกข์จากเด็กชายยากไร้นำเจ้าชายรัชทายาทแห่งเวียงอมรา เมืองแมนสรวง เดินทางมาถึงรีสอร์ตริมแม่น้ำอมรา ของหญิงสาวลูกครึ่งเวียงอมรา – ไทย ... ที่นั่นชายหนุ่มไม่เพียงได้พบ ปีบทอง แต่เขายังเผชิญกับเหตุการณ์พลิกผันตาลปัตร ทั้งการลอบสังหาร แผนการพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน และการชิงไหวชิงพริบทางธุรกิจ ... รวมทั้ง ได้มองเห็นและรับรู้ถึงความรู้สึกใน “หัวใจ” ตัวเองที่มีต่อ “ไอ้เพื่อนยาก” ที่ชื่อ...ปีบทอง

(ภาพและเรื่องย่อ จาก http://www.dtawanbooks.com/ )



นิยายความหนา 4 ร้อยกว่าหน้า พกไปอ่านระหว่างทำผมก็อ่านไปได้เกือบ 2 ร้อยหน้า ... กลับมาเปิดอ่านช่วงว่างๆ อีก 2-3 วันก็จบค่ะ


เล่มไม่หนามาก เนื้อเรื่องอ่านเพลินดีค่ะ ... เจ้าชายรัชทายาท กับ สาวเจ้าของรีสอร์ท มีเหตุให้ต้องมาเจอกันโดยบังเอิญ แล้วก็เกิดเหตุให้ต้องสืบเสาะค้นหาติดตาม ... อ่านไปได้เรื่อยๆ สบายๆ


นิยายเรื่องนี้ มีคู่นะคะ ชื่อ แก้วรัดเกล้า เป็นผลงานนิยายเรื่องที่ 2 ของคุณดวงตะวัน ... เคยอ่านเมื่อนานมาแล้ว พอจะจำเรื่องราวได้เลาๆ แต่ยังไม่ได้ซื้อเก็บไว้ ... พอสำนักพิมพ์ดวงตะวันมาพิมพ์ใหม่ แล้ววางขายคู่กับ เมืองแมนสรวง เลยรีบสอยมาทันทีค่ะ


ตอนแรกกะว่าจะหยิบ แก้วรัดเกล้า เรื่องราวของเจ้าน้องมาอ่านทวนก่อนค่ะ ... แต่พอจะจำเรื่องได้นิดๆ เลย คว้า เมืองแมนสรวง เจ้าพี่มาอ่านเลยดีกว่า แล้วค่อยไปอ่านเรื่องของเจ้าน้องตามหลังอีกที


อ่านจบแล้วจะนำเจ้าน้อง "แก้วรัดเกล้า" มาแนะนำตัวนะคะ

12.5.52

ปฏิกิริยากับหน้าม้า

หลังจากโดนพี่ช่างทำผมประจำตัว ตัดหน้าม้าแปลงโฉมใหม่ ... ก็สนุกกับการลุ้นปฏิกิริยาของคนรอบข้างที่จะได้เจอะเจอกันค่ะ


คนแรก ก็คือ คนดี ... เพราะออกมาทำผมเย็นวันอาทิตย์ มาคนเดียว ใช้วิธีส่งข่าวให้คนดีรู้เป็นระยะว่ากำลังทำอะไรอยู่ผ่าน sms จนสรุปสุดท้ายทำผมเสร็จเรียบร้อย ก็ถ่ายรูปส่ง mms ไปให้ดู ... แต่เพราะกดถ่ายแบบเขินๆ ในร้านเคเอฟซี รูปเลยออกมาหน้าตาอมตุ่ย ประหลาดพิกล

คนดีเห็นรูปแล้วตอบกลับมาว่า "555 ก็เก๋แปลกตาดี" ... พอกลับถึงบ้านโทรคุยกัน คนดีบอกว่า "ยังไม่คุ้นตา ดูแล้วเหมือนกระเทยพิกล" ... อ้าว ตกลงดี หรือไม่ดี เนี่ย


เพราะกลับถึงบ้านค่ำแล้ว สมาชิกในบ้านเลยยังไม่ได้เห็นโฉมใหม่ ... ต้องรอดูพรุ่งนี้แล้วกัน


เช้าวันจันทร์ เดินไปทำงานก็ลุ้นว่า สาวๆ ที่ออฟฟิศ กับ นายจะว่ายังไง ... สาวๆ ที่ทยอยกันมาทำงาน พอเห็นแล้วก็ชะงัก ทำตาโต ก่อนจะกิ๊วก๊าว กรี๊ดกร๊าด วี้ดว้าย ส่วนใหญ่จะชอบใจว่าแปลกตาดี ดูเด็กลง และดูเหมือนคลีโอพัตรา ... ฟังแล้วก็โล่งอก ว่าผ่าน


ทีนี้ก็รอลุ้นปฏิกิริยาของนายอีกที ... พอนายเดินเข้ามาเห็นเข้า ก็แจกยิ้มกว้าง ก่อนจะแซวว่าตัดผมกระชากวัยเหรอ ... โล่งอก ผ่านอีกราย


นอกจากนี้ก็เป็นปฏิกิริยาของคนอื่นๆ ที่ได้เจอะเจอในชีวิตประจำวัน ... สาวยาคูลท์ พนักงานแบงค์ แม่ค้าร้านอาหารตามสั่ง พี่พนักงานร้านเครื่องเขียน ... ส่วนใหญ่ก็ผ่านค่ะ


แล้วก็วนมาถึงคนดี อีกรอบค่ะ ... เพราะหลังจากเคลียร์งานกับลูกค้าแล้ว คนดีก็มาหา นัดเจอกันที่แบงค์ พอเจอหน้ากันคนดีก็จ้องอยู่นาน พร้อมกับอมยิ้มตุ่ยๆ ... ถามแล้วได้ความว่า แปลกตาดี ดูดีกว่ารูปที่ส่งมา


ทีนี้ก็เหลือแต่สมาชิกในบ้านแล้วค่ะ ... เริ่มจากหม่ามี้ ที่เข้าเวรดูแลคุณยายที่นครฯ ก็ส่ง mms ไปให้ แต่ไม่มีเสียงตอบกลับ เลยโทรไปถาม ได้ความว่าไม่ได้รับรูป ... เอ หลังๆ นี่เป็นอะไรน้อ ส่ง mms หาหม่ามี้แล้วไม่ได้รับเลย


ตามมาด้วย พ่อ ... เจอกันปุ๊บ พ่อก็อมยิ้มตุ่ย ก่อนจะสรุปว่า พิกล ... อืมมมมมมม กะแล้ว


ต่อมาก็ คุณพิไล ... เห็นหน้าปุ๊บ คุณพิไลตาโต ร้องโอ๊ะ แล้วถามทันที ใส่วิกรึเปล่าเนี่ย ... พอรู้ว่าเป็นผมจริงก็ขำคิกคักชอบใจใหญ่ ... เอ ตกลง ดีมั้ยเนี่ย


เหลือเจ้าน้องชายอีกคนที่ยังไม่ได้เจอกัน ... ไม่รู้ว่าจะทำยังไง สงสัยคงทำตาโต ยิ้มตุ่ย แล้วขำคิกคัก เหมือนเคย


สรุปปฏิกิริยาของคนรอบข้างส่วนใหญ่แล้วก็ โอเค ค่ะ ... แปลกหน้าแปลกตา แต่ว่ารับได้


ส่วนตัวเองตอนแรกก็ไม่คุ้น งงๆ เด๋อๆ พิกล ผ่านมา 2-3 วันก็เริ่มชินค่ะ ... แต่ปัญหาที่เจอก็คือ ต้องคอยระวังหน้าม้าให้อยู่เป็นทรง ... จะนอนก็ต้องนอนหงายตัวตรง เพราะกลัวผมหม้าชี้ ... ไปอยู่ในที่ร้อนๆ เหงื่อซึม ก็ต้องสอดมือยกผมขึ้นซับเหงื่อ ไม่งั้นผมม้าลีบ ... จะใส่หมวกคลุมอาบน้ำ จะคาดผมแต่งหน้า ก็กลัวผมกระดก


และที่สำคัญคือ เวลาสระผมเอง จะเซ็ทผมให้เป็นทรงสวยงามเหมือนตอนออกจากร้านได้รึเปล่า ... เพราะปกติสระผมเสร็จไม่ใช้ไดร์เป่า แต่ปล่อยให้แห้งเอง ผมเลยฟุ้งฟู ... แต่นี่ถ้าปล่อยให้แห้งเอง ผมม้าจะชี้มั้ยน้อ


เรื่องเดียวที่หาทางออกได้คือ การแต่งหน้าค่ะ ... หันมากรีดอายไลน์เนอร์เส้นหนาๆ หางคมๆ เป็นหลักค่ะ ... จากที่เคยสนุกสนานกับการลงอายแชโดว์สีต่างๆ ก็เหลือแค่ทาบางๆ นิดๆ แค่นั้น


นานๆ เปลี่ยนทรงผม แปลงโฉมสักที ก็สนุกดีเหมือนกันเนอะ

11.5.52

แก๊งค์ลูกหมู

ตอนยังเขียนไดที่เลสล่า เคยเขียนถึงกลุ่มก้อน ก๊วน แก๊งค์ ในออฟฟิศไว้นานแล้ว ... ก๊วนแบดที่ชวนกันตีแบด แล้วก็ชวนกันชิมอาหารในละแวก เสนา-วังหิน เริ่มแตกตัว ... เนื่องจากสมาชิกรายนึงลาออกจากงาน ย้ายบ้านใหม่ไปอยู่แถวเสนา-วังหินพอดี ได้แวะเวียนไปหากันบ้าง ... ที่สำคัญคือ คนดีเปลี่ยนงาน จัดสรรเวลาลำบาก ก๊วนแบดชวนชิมเลยสลายไป


ถึงก๊วนแบดกลุ่มเดิมจะสลาย แต่สมาชิกก็ยังเหลืออยู่ และความชอบกินของอร่อยยังอยู่เหมือนเดิมค่ะ ... สาวๆ ในออฟฟิศนี้ก็ชอบหม่ำของอร่อยเหมือนกันค่ะ เลยไม่ยากที่จะหาสมาชิกใหม่ มาเข้าขบวนร่วมด้วยช่วยกันชิม


จากเดิมที่มีสมาชิกก๊วนแบด 5 ราย ตอนนี้มีสมาชิกใหม่ และเกิดเป็นแก๊งค์ใหม่ นั่นคือ แก๊งค์ลูกหมู ... สมาชิกประจำประกอบด้วย เรา คนดี หมวยบี และ น้องฝน


หมวยบีนี่เป็นคู่หูบิวตี้ ทำงานที่นี่มาพอสมควรแล้วค่ะ นอกจากจะชอบเครื่องสำอางเหมือนกันแล้ว ยังชอบกินของอร่อยเหมือนกัน ... ถ้าหมวยบีจะไปเที่ยวต่างจังหวัด จะมาถามว่าเราเคยไปรึยัง มีร้านไหนอร่อยบ้าง แล้วก็ขอข้อมูลพร้อมเส้นทางไปตามรอย


น้องฝน เป็นน้องใหม่เพิ่งก้าวจากการเป็นนักศึกษาฝึกงาน มาเป็นพนักงานประจำ ทำงานมาครบปีไปหมาดๆ ... รายนี้แรกๆ ชวนไปไหนก็เกรงใจ ไม่ยอมไปด้วย จนต้องขู่แกมบังคับว่าไปเถอะ อร่อยแน่ๆ ไม่อร่อยไม่ชวนหรอก จนน้องยอมหลวมตัวไปชิมด้วย 2-3 ร้าน ... หลังจากนั้นน้องก็ติดใจ ชวนไปไหนไปด้วยง่ายๆ ไม่อิดออด เพราะรู้แล้วว่า ไม่อร่อย ไม่ชวนจริงๆ


นอกจากสมาชิกประจำแล้ว ก็มีสมาชิกชั่วคราวอีกหลายราย ... สาวกบ สาวตู่ ที่เคยร่วมก๊วนแบด ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบงานมากขึ้น เวลาน้อยลง เลยมาร่วมก๊วนร่วมแก๊งค์ได้เป็นครั้งคราว


แล้วยังมี สาวบ่ม สาวนุ่น 2 สาวที่ปกติจะรีบกลับบ้าน หลังๆ ก็จัดสรรเวลามาเข้าแก๊งค์เป็นครั้งคราวเหมือนกัน ... เพราะได้ยินเสียงพูดถึงร้านอาหารต่างๆ อยู่บ่อยๆ เลยต้องลองชิมพิสูจน์ด้วยตัวเอง


ส่วนคนดีได้รับตำแหน่ง หัวหน้าแก๊งค์ เพราะมีลีลาในการล่อหลอกให้สมาชิกงวยงง ตกปากรับคำไปหม่ำข้าวด้วยง่ายๆ ... ส่วนเราเป็นหน่วยข้อมูล หาพิกัดร้าน ศึกษาเส้นทาง และส่งรูปจากบล็อกไปยั่วน้ำลาย บางทีก็ต้องช่วยคนดีหว่านล้อม ปนขู่แกมบังคับเป็นครั้งคราว


มีอยู่ช่วงนึงที่ 4 ชีวิตหลักของแก๊งค์ลูกหมู ชวนกันชิม ชวนกันหม่ำแทบจะทุกเย็น ส้มตำ สุกี้ หมูกระทะ หรือ ร้านอื่นๆ ... แล้วหม่ำทั้งของคาว ของหวานด้วย ส้มตำร้านโปรดของพวกเรา คือ ลาบกาฬสินธุ์ ตรงสามแยกพิชัย กินอิ่มแล้วก็ชวนกันไป มนต์นมสด กินหนมปัง-นม ล้างปาก


ผู้หญิง 4 คน สั่งอาหารเต็มโต๊ะประจำ สั่งแล้วก็ต้องรับผิดชอบ ... ใครวางช้อนส้อม รวบอาวุธก่อน จะมีเสียงตัดพ้อต่อว่าจากสมาชิกที่เหลือว่าทอดทิ้งกัน ไม่ยอมร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ ... ตอนสั่งไม่รู้จักคิด สั่งแบบคนอดอยากหิวโหย


ตะลอนชิมกันจนพุงเต่ง ตัวเต่ง เบ่งบานไปตามๆ กัน ... 2 สาวเห็นท่าไม่ดี ถ้ายังเป็นสมาชิกแก๊งค์นี้อยู่ เลยทำท่าจะลาออกจากการเป็นสมาชิกแก๊งค์ ... แต่หัวหน้าแก๊งค์โหด บอกว่าแก๊งค์นี้เข้าแล้วออกไม่ได้ ต้องร่วมทุกข์ร่วมสุขจนกว่าจะตายจากกันนั่นแหละ ... โอ้ แย่แล้ว


ตอนที่เข้าไปสงบจิตที่วัด กลับออกมา คนดีก็ประกาศจะล้างมือในอ่างทองคำ ขอสละตำแหน่งหัวหน้าแก๊งค์ลูกหมู แล้วเปลี่ยนไปออกกำลังกายในสวนสาธารณะแทน ... พอคนดีประกาศยุบแก๊งค์ลูกหมู แล้วจะออกกำลังกายทีไร มีอันให้พายุเข้า ฝนตกกระหน่ำ จนไปออกกำลังกายในสวนสาธารณะไม่ได้สักที แล้วแก๊งค์ลูกหมูก็รวมตัวกันหม่ำต่อไป


ล่าสุด แก๊งค์ลูกหมูมีแผนจะรวมตัวกันตะลอนชิมนอกพื้นที่บ้าง ... ขยายวงออกจากเมืองหลวง ไปแถบปริมณฑล เป้าหมายแรกอยู่ที่ ดอนหอยหลอด - ตลาดน้ำอัมพวา ค่ะ แล้วจะนำผลงานของแก๊งค์ลูกหมูมาฝากนะคะ

10.5.52

หน้าม้า - แปลกตา

ช่วงนี้เกิดอาการเบื่อหน้าตัวเองค่ะ ครั้งล่าสุดที่ตัดผม ก็ธันวาปีที่แล้ว ... เป็นการตัดแบบเล็มออกพอให้เป็นทรง เพื่อจะเลี้ยงให้ยาว


ผมยาวขึ้น และเป็นสีดำธรรมชาติ ว่างเว้นจากการทำเคมีที่รบกวนผมมานานมากกก ... จนตอนนี้รู้สึกเบื่อผมสีดำเข้มของตัวเอง อยากทำสีสักหน่อย เลยโทรนัดเวลากับช่างประจำค่ะ


ตอนแรกกะว่าจะไปทำช่วงบ่ายๆ แต่คิวเต็ม ว่างตอน 16.30 หรือ 18.30 เลย ... เล็งจากกิจวัตรตัวเองแล้ว เลยขอเลือก 18.30 ค่ะ ตั้งใจจะไปทำทรีทเม้นท์ และทำสีด้วย แต่ไม่แน่ใจว่า พี่ช่างจะยอมทำสีให้รึเปล่า


ไปถึงร้านตามเวลานัดเป๊ะ เจอพี่เค้ากำลังว่างพอดี ทักทายแจ้งความต้องการเรียบร้อย ก็ไปนั่งรอสักพัก ... นั่งเปิดนิตยสารดูนั่นนี่แป๊บเดียวก็โดนตามไปสระผม


สระผมเรียบร้อย เป่าจนแห้ง พี่ช่างก็ถามว่าอยากจะทำสีอะไร ... แล้วแต่จะเลือกให้เลยค่ะ ... ได้ยินคำตอบแบบนี้ พี่เค้าก็ยิ้มทันที แล้วบอกเดี๋ยวพี่ดูให้ เอาเป็นสีธรรมชาติแล้วกัน ... ได้เลยค่ะ


พี่เค้าผสมสีให้ แล้วให้ผู้ช่วยมาลงครีมจนทั่ว ทิ้งไว้สักระยะ ก็ไปล้างสี ... กลับมาลงทรีทเม้นท์ตัวแรก อบทิ้งไว้พักนึง ตามด้วยทรีทเม้นท์ตัวที่สอง อบทิ้งไว้อีกพัก ... ล้างผม และเป่าให้แห้ง


ระหว่างที่ผู้ช่วยเป่าผมจวนจะแห้ง พี่ช่างก็เข้ามาเช็คผม หวีผม จับผมด้านหน้า แล้วบอกว่า ตัดผมข้างหน้าได้มั้ย ... ได้เลยค่ะ ... พอได้ยินคำตอบพี่เค้าก็ยิ้มได้อีกรอบ บอกว่าจะตัดผมด้านหน้า ส่วนด้านหลังจะปล่อยความยาวไว้เหมือนเดิม


พูดจบปุ๊บ ก็ฉีดน้ำเพิ่ม หวีผม แสกผม แล้วก็ตัดฉับ ... รู้ทันทีว่าได้ผมหน้าม้าอีกแล้ว ลืมตาขึ้นก็เจอผมหน้าม้าจริงๆ แต่ต่างจากผมม้าครั้งก่อนที่มาพร้อมกับผมบ็อบสั้น ... ครั้งนั้นเป็นผมม้าบางๆ แบบปัดข้างได้ แต่ครั้งนี้เป็นผมหม้าแบบค่อนข้างหน้า และโค้งๆ เฉียงหน่อยๆ


แปลกตามากๆ ไม่คุ้นกับหน้าตัวเองสุดๆ เพราะไม่ชินกับหน้ามาทึบๆ แบบนี้ ... ผมข้างหลังยาวเท่าเดิม โดนสไลด์ออกไปนิดเดียวจริงๆ เลยเป็นหน้าม้ากับผมยาวๆ ที่ดูแล้วเหมือนใส่วิกพิกล


ระหว่างที่พิจารณาผมตัวเอง และคิดว่าหลังจากนี้จะเซ็ทผมหน้าม้าตัวเองยังไงดี ผมจะกระดกมั้ย ... พี่ช่างก็รู้ใจ แนะวิธีไดร์ผมหน้าม้าให้ แล้วบอกว่าถ้าผมยาวกว่านี้ก็จะปัดๆ ได้ ... เอ้า ไว้ลองดู



ว่าแต่ว่า ตอนนี้จะทำยังไงให้ชินกับหน้าตัวเองที่แปลกตาไปแบบนี้ดีน้อ ... หน้าม้าโค้งๆ เฉียงๆ แยงตานิดหน่อยแบบนี้ จะแต่งหน้ายังไงดีเนี่ย


9.5.52

ทริปของคนอกหัก

วันหยุดต่อเนื่องสัปดาห์ก่อนเพิ่งไปปราณบุรี ... วันหยุดต่อเนื่องสัปดาห์นี้ ก็มีทริปเฉพาะกิจ ให้ตะลอนทัวร์อีกแล้วค่ะ ... คนอกหักขอมา


เพื่อนสนิทของคนดี เพิ่งอกหัก จากสาวที่คบกันมา 6 ปีกว่า ... เนื่องจากที่บ้านของน้องเค้าไม่ยอมรับ และน้องคงกดดัน + สับสน หลายเรื่อง เลยขอยุติความสัมพันธ์มาเป็นพี่น้องกันแทน ... แต่เป็นการยุติที่ทำให้คนดีกับเรา งง เพราะยังโทรคุยกันทุกวัน ยังเจอกันบ้าง


ตอนแรกคนดีกับก๊วนเพื่อนมหา'ลัย จะไปเที่ยวภูเก็ตกัน แต่เพราะวันหยุดไม่ตรงกัน รวมตัวกันไม่ได้ ทริปเลยล่ม ... แต่คนอกหักไม่ยอม บ่นอยากเที่ยว ไปไหนก็ได้ ช่วยจัดให้ที แล้วก็โทรมาตะแง้วๆ ขอร้องแกมบังคับให้เราจัดทริปให้ด่วน


ด่วนจริงๆ ค่ะ เพราะโทรบอกตอนต้นเดือน แล้วหาที่พักช่วงวันหยุดต่อเนื่องเนี่ย ลำบากเหลือเกิน ... โทรไปถามที่พัก ก็เต็ม ตอนแรกจะไปจันทบุรี สุดท้ายก็มาลงตัวที่หาดเจ้าสำราญ เพชรบุรีแทน ... เลือกที่นี่เพราะอยู่ไม่ไกล และ ชื่อเป็นมงคลดี


คนดีนัดรับเพื่อนที่ป้ายรถเมล์แถวบ้าน ตอน 8 โมง ... วนออกจากซอยบ้าน เติมน้ำมัน เติมแก๊สเรียบร้อย ก็สอยเพื่อนขึ้นรถได้เลย ... สมาชิกทริปนี้ 3 คน กับ 1 ตัว




ไม่รีบไม่ร้อนขับไปเรื่อยๆ ขับกันไปก็คุยกันไป สารพัดเรื่อง ... ราวๆ สิบโมงก็ถึงตัวเมืองเพชร เริ่มโปรแกรมเที่ยวค่ะ


เป็นวันหยุดต่อเนื่องที่ตรงกับวันพระใหญ่ วันวิสาขบูชา โปรแกรมของทริปนี้เลยเน้นเข้าวัดค่ะ ... คนดีกับเพื่อนถามว่าจะไหว้พระ 9 วัด รึเปล่า ... อ้าว ได้นะ ในตัวเมืองมีถึง 9 วัดแน่ๆ จะไปจริงรึเปล่า


เริ่มจาก วัดพุทธไสยาสน์ (วัดพระนอน) วัดที่แวะไหว้พระ ถวายสังฆทาน เป็นประจำที่มาเที่ยวหัวหิน ... มีพระนอนองค์ใหญ่ ซึ่งเป็นปางประจำสำหรับคนเกิดวันอังคาร ... ซึ่งเพื่อนคนดีเกิดวันอังคารพอดี ส่วนเรา พี่หมอดูบอกให้ไหว้พระปางนี้บ่อยๆ จะได้ใจเย็นๆ ไม่ร้อนปรี๊ดปร๊าด




ตามมาด้วย วัดมหาธาตุ ... จุดเด่นที่ดึงดูดให้เข้าไปที่นี่ก็คือ พระปรางค์ 5 ยอดสีขาว ที่เห็นเด่นชัดแต่ไกล เลยต้องขอเข้าไปดูใกล้ๆ ค่ะ ... พระปรางค์ ซ้วย สวย ค่ะ สีขาว สะอาดตา แกะสลักลวดลาย ง้าม งาม ... ถ้าแดดไม่แรง และไม่ได้ทิ้งหมาโม่ไว้ในรถ คงจะเดินชมความงามภายในวัดอีกพักใหญ่ค่ะ


แล้วก็ย้ายไป วัดใหญ่สุวรรณาราม ... เมื่อสัปดาห์ก่อนเห็นรูปวัดนี้ในร้านขายของที่ระลึก เลยสนใจ จัดเป็นหนึ่งในวัดที่จะแวะมาดูสักหน่อย ... แดดแร้ง แรง ค่ะ จอดรถเสร็จก็เดินวนหาอุโบสถ




ก่อนจะเจออุโบสถ ก็ผ่านศาลาการเปรียญไม้สัก ที่สร้างตั้งแต่สมัยอยุธยา งามจริงๆ ค่ะ ... เดินผ่านไปอีกนิดก็ถึงอุโบสถแล้วค่ะ พอเข้าไปข้างใน เย็น สบาย ไม่น่าเชื่อว่าข้างนอกแดดแจ๋ อากาศร้อนจัด ... เจอป้ายพร้อมรูปบอกว่าที่นี่เคยเป็นฉากนึงในภาพยนตร์เรื่อง สุริโยไท ... แต่ที่สะดุดตา ก็คือ ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่งดงามมากค่ะ ถึงแม้จะลบเลือนไปบ้าง แต่ก็ยังคงความงามอยู่ ถ้าได้เห็นตอนสมบูรณ์คงงามกว่านี้


ไหว้พระ 3 วัดพอค่ะ เพราะแดดเริ่มแรง อากาศเริ่มร้อนมากขึ้น สิบเอ็ดโมงกว่าแล้วด้วย หาร้านอาหารเติมพลังดีกว่า ... มีทางเลือก 2 ร้าน คือ ร้านเพ็ญพริกเผ็ด ตรงข้ามวัดใหญ่นี่เอง กับ ร้านก๋วยเตี๋ยวปลา วีไอพี


คนดีเลือก ก๋วยเตี๋ยวปลาค่ะ เพราะเคยมาชิมร้านเพ็ญพริกเผ็ดแล้ว แต่ไม่ปลื้ม บ่นว่าติดหวานไปหน่อย และคนขายดุค่ะ ... ไปถึงร้าน เลือกที่นั่งได้ปุ๊บ ลูกค้าก็ทยอยมาเต็มเลยค่ะ โชคดีจริงๆ




สั่งก๋วยเตี๋ยวคนละชามค่ะ แล้วสั่งหมูอบน้ำผึ้งย่างมาแบ่งกัน ... ก๋วยเตี๋ยวร้านนี้ กินกับน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวที่ให้มา อร๊อย อร่อยค่ะ น้ำจิ้มเต้าเจี้ยว เปรี้ยว หวาน เค็ม เข้ากันดี ... อิ่มสบายท้องแล้วก็ตรงเข้าที่พักค่ะ


ที่พักของทริปนี้ หาอยู่นานค่ะ ... ตอนแรกกะจะพัก 2 คืน แต่ส่วนใหญ่จะว่างแค่คืนเดียว หาไปหามาเจอว่าที่ เจ้าสำราญ บีช รีสอร์ท มีห้องพักสำหรับ 4 คน และต้อนรับน้องหมาด้วยค่ะ




ห้องพักส่วนใหญ่เป็นเรือนแถวที่เรียงติดกันเป็นแนวค่ะ ... ภายในห้องมีเตียงใหญ่ 2 เตียงสำหรับนอนได้ 2 คน แอร์ ตู้เย็น ทีวี พร้อมค่ะ ในห้องน้ำก็มีเครื่องทำน้ำอุ่น ... สภาพอาจจะดูเก่าๆ โทรมๆ แต่เทียบกับราคา และวิวที่เห็นตรงหน้า ก็ไม่เลวค่ะ


ผลัดกันพาหมาโม่ออกมาเดินเล่น ก่อนจะเข้าไปหลับสลบแข่งกัน ... ราวๆ สี่โมงเย็น คนตื่น หมาโม่ตื่น ก็ออกมาเดินเล่นอีกรอบ เดินเล่น นั่งคุยกัน ก่อนจะชวนกันหม่ำมื้อเย็นค่ะ


ในที่พักมีร้านอาหาร ครัวคุณย่า ซึ่งเห็นว่ามีลูกค้ามาใช้บริการพอสมควร เลยเลือกหม่ำกันที่นี่หล่ะค่ะ ... ข้าวผัดปู ปลากระพงทอดน้ำปลา ต้มยำทะเล ปูม้านึ่ง




ปลากระพงทอดน้ำปลา อร่อยมากค่ะ ต้มยำทะเลก็ใช้ได้ รสชาติดี ข้าวผัดปูก็ไม่เลว แต่ว่าติดใจข้าวผัดปูจากร้านเปิ้ลซีฟู้ดที่เพิ่งได้ชิมจากทริปล่าสุดมากกว่า ... ปูม้านึ่งมาช้ากว่าจานอื่นๆ แต่ไม่เป็นไรค่ะ ค่อยๆ แกะปู แทะปู เพลินๆ


แต่ระหว่างที่กำลังแกะปู แทะปู คุยกันเพลินๆ ก็เจอฝูงยุงโจมตีค่ะ ... เวลาเริ่มโพล้เพล้ ได้เวลายุงออกหากินค่ะ เพราะปกติเวลาประมาณนี้ จะโดนยุงกัดทุกที แต่ก็แป๊บเดียวเท่านั้น ... แต่ที่นี่ไม่เหมือนที่อื่นค่ะ ยุงที่นี่ดุมาก และมาเป็นฝูงจริงๆ ค่ะ มาถึงก็รุมกัด ตัวดำๆ ดูดเลือดแบบจริงจัง เป่าก็ไม่ไป สะบัดไล่ก็ไม่หลุดค่ะ


ลูกค้าโต๊ะอื่นก็โดนกันถ้วนหน้า เสียงตบยุงดัง เปาะแปะ ไปทั่ว ... แต่เราไม่ตบยุงค่ะ ได้แต่สะบัด และ ปัด ซึ่งก็ไม่สำเร็จ สุดท้ายเลยต้องหนีเข้าไปแทะปูกันต่อในห้องค่ะ


จัดการปูเรียบร้อย นั่งคุย นั่งเม้าท์ ดูทีวีกันอีกพักใหญ่ ก่อนจะอาบน้ำ และทยอยผล็อยหลับกันไปทีละคน


ตื่นเช้ามาก็พาหมาโม่ไปเดินเล่นค่ะ ที่นี่ไม่มีอาหารเช้าให้ เลยจัดการเค้กกล้วยหอม กับ บัตเตอร์เค้ก ที่ติดมาเป็นมื้อเช้าแทน ... แล้วก็นอนดูทีวี และวางแผนว่าจะไปเที่ยวไหนกันต่อดี


แต่คนดีเกิดนึกอยากไปเดินสวนจตุจักร แล้วจะได้พาเพื่อนไปหม่ำ ซุปเปอร์ขาไก่ เจ้าอร่อยแถววังหิน ... ขบวนเที่ยวเลยอาบน้ำ เก็บของ มุ่งหน้าไปเติมพลังที่ร้านก๋วยเตี๋ยวปลาวีไอพีอีกรอบ ... แล้วดิ่งเข้ากรุงเทพฯ


ถึงกรุงเทพฯ ราวๆ บ่ายสองโมง ... แวะส่งหมาโม่ที่บ้าน แล้วก็ไปลุยเดินสวนจตุจักรกันอย่างเมามัน ทั้งคนดี และเพื่อน สนุกสนานกับการช้อปปิ้งเป็นอย่างมาก ได้เสื้อติดมือมาหลายตัว ... ช้อปปิ้งกันเหงื่อตกไปหลายปี๊บ


เพื่อเรียกพลังคืนมา ก็ต้องเติมพลังค่ะ ... มุ่งหน้าไป ซ้งเป็ดพะโล้ หม่ำกันไป คุยกันไป ปรับทุกข์กันไป จนท้องอิ่มกันถ้วนหน้า ก็ถึงเวลาปิดทริปของคนอกหัก


มีแววว่า ทริปของคนอกหัก คงจะมีต่อเนื่องเป็นระยะ เพราะเพื่อนคนดีย้ำว่า มีทริปไปไหนให้ชวนด้วย ... ไปไหนไปด้วย ขอติดเป็นติ่งตามไปด้วย ... ทริปหน้าไปไหนดีหล่ะจ๊ะ

8.5.52

Gizmo : เที่ยวหาดเจ้าสำราญ


ยิปปี้ เย้ โย่ว ซาหวัดดีคร้าบ กิซโม่มาอีกแล้วครับ ... ผมได้ไปเที่ยวอีกแล้วครับ เลยได้โอกาสมายึดพื้นที่บล็อกของมี้อีกรอบ


มี้ไม่ได้บอกผมล่วงหน้า แล้วผมก็ไม่เห็นมี้เก็บของลงกระเป๋าสมบัติของผม เหมือนตอนไปเที่ยวครั้งก่อนครับ ... ได้ยินมี้ถามอยู่เหมือนกันว่า ไปเที่ยวรึเปล่า ผมก็คิดว่ามี้จะพาผมออกไปเดินเล่นที่ไหน ... ไม่คิดว่าจะได้ไปเที่ยวไกลๆ จริงๆ


อยู่ดีดี มี้กลับมาถึงบ้าน ก็มาหยิบกระเป๋าสมบัติของผม แล้วถามว่าไปเที่ยวรึเปล่า ถ้าไปให้ผมเข้ากระเป๋า ... โอ้ ได้ยินแบบนี้ ผมรีบวิ่งจู๊ดดดดดดด เข้าไปนอนเรียบร้อยเลยครับ ... แล้วมี้ก็ปิดกระเป๋าพาผมไปขึ้นรถปี๊ เย้ ได้ไปเที่ยวไกลๆ อีกแล้ว


เหมือนเดิมหล่ะครับ ผมก็ออกมาชะเง้อดูทางนิดหน่อย ... แล้วก็เห็นว่าเป็นทางคุ้นๆ นั่นแน่ จริงๆ ด้วย ไปบ้านปี๊อีกแล้ว ต้องมาลุ้นกันหล่ะครับ ถ้านอนกับญาติๆ ผมก็โดนมี้หลอกมาทิ้ง แต่ถ้าได้นอนห้องปี๊ แสดงว่าได้ไปเที่ยวจริงๆ


เย้ ผมได้นอนห้องปี๊ ผมได้ไปเที่ยวจริงๆ ด้วย ... ว่าแต่ มี้จะพาผมไปเที่ยวที่ไหนน้อ ?????????


มี้ตื่นแต่เช้า อาบน้ำแต่งตัว แล้วก็ขนกระเป๋าหลายใบไปขึ้นรถ ... ผมก็นอนเอกเขนกสบายในกระเป๋าที่วางอยู่บนตักมี้เหมือนเดิม ... แต่ เอ๊ะ วันนี้มีแขกไปด้วยครับ มีเพื่อนปี๊ขึ้นรถมาด้วย ผมไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว แค่ได้เที่ยวผมก็ดีใจแล้ว


ผมหลับๆ ตื่นๆ ไปเรื่อยๆ ก็ได้ยินเสียงมี้บอกว่าถึงแล้ว แต่มี้ไม่ให้ผมลงครับ มี้บอกว่าจะลงไปไหว้พระแป๊บเดียว ให้ผมรอในรถ ... เฮ้อออออ ผมมันหมาน้อยตัวนิดเดียว จะทำอะไรได้ นอกจากทำตามคำสั่งมี้


แต่มี้ก็ลงไปแป๊บเดียวจริงๆ นะครับ แล้วก็กลับขึ้นรถ ... แต่มี้ขึ้นๆ ลงๆ รถแบบนี้ตั้งหลายที มี้บอกว่าไหว้พระ ทำไมไหว้หลายที่จัง ... ผมไม่ได้ลงไปด้วยสักที่ ได้แต่นอนทำตาปริบๆ รอมี้อยู่ในกระเป๋าเท่านั้นแหละ จะเป็นลูกมี้ต้องอดทนครับ


มี้บอกว่าไหว้พระเสร็จแล้ว ได้เวลาหม่ำ ผมก็แอบดีใจว่าจะได้หม่ำด้วย ... สุดท้ายก็อดตามเคยครับ ได้แต่ไปนอนมองมี้ตาปริบๆ เหมือนเดิม ได้แต่ดมกลิ่นหอมๆ ซึ่งไม่รู้ว่ารสชาติเป็นยังไง ต้องถามมี้เอาเองครับ


พอมี้อิ่ม ก็ขึ้นรถกันต่อ สักพักรถหยุดมี้ก็บอกว่าถึงแล้ว ... ผมจะได้วิ่งเล่น แล้ว เย้ แต่เอ ผมว่าผมได้กลิ่นอะไรแปลกๆ น้า


มี้เก็บของเสร็จก็ถึงเวลาวิ่งเล่นสำรวจโลกของผมครับ ... ที่นี่สนามกว้างดีนะครับ แต่ไม่ค่อยมีหญ้าเขียวๆ มีต้นไม้ต้นโตๆ กับพื้นร่วนๆ หยุ่นๆ เท้าหน่อย ผมก็เดินสำรวจ แล้วก็ทำการจองที่ไว้ทั่วครับ ... แต่ยังเดินไม่จุใจ มี้ก็บอกว่าต้องพักก่อน แดดร้อน เดี๋ยวพอแดดร่มจะให้ผมออกมาเดินใหม่


แต่เข้าห้องได้แป๊บเดียว ปี้ กับ เพื่อนปี๊ ก็จูงผมออกมาเดินเล่นอีกคนละรอบครับ ... แหม มาหลายคนก็ดีเนอะ มีคนจูงผมเดินเล่นหลายรอบดี


เข้าห้องได้สักพัก เจออากาศเย็นๆ ผมก็ชักเคลิ้มครับ เลยหลับสักหน่อย ... แต่ผมก็คอยเงี่ยหูฟังตลอดว่ามี้จะลุกมาเมื่อไหร่ รับรองว่า มี้แอบหนีผมไปไม่ได้หรอกครับ


ไม่รู้ว่ามี้รู้ได้ยังไงว่าแดดร่มแล้ว แต่ถ้ามี้ลุกมาหยิบสายจูงหล่ะก็ แสดงว่าได้เวลาเดินเล่นแล้วครับ ... ผมเดินเล่นเพลินๆ ดมกลิ่นต้นไม้ ต้นหญ้า ตรงนั้นตรงนี้ไปเรื่อย แต่แล้ว ผมก็ได้กลิ่นแปลกๆ ชัดขึ้น และได้ยินเสียงโครมๆ ดังมากขึ้น


เอาอีกแล้ว มี้พาผมมาที่แบบนี้อีกแล้ว พื้นหยุ่นๆ เท้า กว้างๆ แล้วก็น้ำเสียงดังโครมๆ ... อ้าาาาา โม่ไม่ชอบ


มี้นะมี้ รู้ว่าผมไม่ชอบ ก็ยังจะพาผมลงไปเดินใกล้ๆ อีก มี้ไม่ได้ยินเหรอ ว่าเสียงน้ำดังโครมๆ น่ากลัวจะตาย ... ผมไม่ไปหรอก ลากไปเถอะ ผมไม่ยอมเดินไปดีดีหรอก




มี้คงเข้าใจเลยอุ้มผมเหมือนเดิม ... แต่เอ๊ะ เอ๊ะ เอ๊ะ ทำไมมี้เดินเข้าไปใกล้ๆ ... โอ๊ย ตายแล้ว มี้หย่อนผมลงทำไม ไม่อาววววววววววววววววววววววววววว ... โอ๊ะ มี้ใจร้าย ให้ผมเอาเท้าหย่อนลงน้ำทำไม เย็นๆ กลิ่นเค้มเค็ม ... อี้ โม่ไม่ชอบ


แล้วดูมี้นะครับ ผมยังไม่หายตื่นเต้นเลย มี้ก็พาผมมาเล่นอะไรน่าหวาดเสียวอีกแล้ว ... มี้บอกว่า มันคือ ม้ากระดก กับ ชิงช้า ... มี้รู้มั้ยครับ ว่ามันทำให้หัวใจดวงน้อยๆ ของหมาตัวจิ๋วๆ อย่างผม เต้นโครมครามแค่ไหน ... ก็มันสู้งสูงอ่ะ




หมดจากกิจกรรมชวนหัวใจวาย มี้ก็หม่ำข้าวอีกพักใหญ่ ... แล้วจู่ๆ มี้ก็โดดหยองแหยง บอกว่ายุงกัด ไหนๆ เดี๋ยวโม่ช่วยงับให้


แต่ไม่ทันได้ช่วยมี้หรอกครับ มี้ก็อุ้มผม และข้าวของกลับเข้าห้อง มี้บอกว่าหนียุงไปกินข้าวในห้องดีกว่า ... แล้วผมก็ได้หม่ำข้าวของผมด้วย


อิ่มแล้ว ผมก็ได้วิ่งเล่นในห้องนิดหน่อย ... ก่อนจะโดนสั่งเข้ากระเป๋านอน เชอะ มี้อ่ะ ผมยังไม่ง่วงสักหน่อย


พอเช้า มี้ก็พาผมออกไปเดินเล่นแต่เช้า ได้เดินยืดเส้นยืดสายสำรวจนั่นโน่นนี่อยู่พักใหญ่ๆ ... แล้วมี้ก็กลับเข้าห้อง มี้บอกว่าเราต้องรีบกลับอีกแล้ว เพราะปี๊มีธุระ ... เอาเถอะครับ ถึงผมจะเดินเล่นไม่จุใจ แต่ได้ไปไกลๆ จากพื้นหยุ่นๆ น้ำเสียงดังโครมๆ แบบนี้ ผมก็ยอมครับ


มี้บอกว่าไว้มี้จะพาผมเที่ยวอีก ... เอ้อ มี้ครับ เที่ยวครั้งหน้า ผมขอสนามหญ้าสีเขียวๆ กว้างๆ นะครับ แบบนี้ไม่เอาแล้วนะ โม่กลัว

6.5.52

เห้อ เห่อ M.A.C Dazzleglass

หมวยบีคู่หูบิวตี้ อัพบล็อกเห่อไอเท็มใหม่ในกรุไปแล้ว ... เลยต้องอัพบล็อกเห่อไอเท็มใหม่ของตัวเองด้วย ค่ะ


หลังๆ มีปัญหาเมมโมรี่ในสมองเต็ม จำไม่ค่อยได้ว่าช้อปอะไรไปเมื่อไหร่ ... เขียนบันทึกเอาไว้ จะได้เตือนความจำค่ะว่าควักกระเป๋าจ่ายตังค์ไปเมื่อไหร่ ก่อนจะซื้ออะไรใหม่จะได้เว้นระยะห่างสักหน่อย ... และยังช่วยจำว่า เปิดใช้เมื่อไหร่ เพราะเครื่องสำอางแต่ละชนิดมีอายุการใช้งานจำกัดหลังจากเปิดใช้


ไอเท็มล่าสุดที่สอยมา เป็นตัวที่รอ ร้อ รอ ค่ะ ว่าเมื่อไหร่จะมาขายน้อ ... แรกเริ่มเดิมทีก็ไม่ได้สนใจลิปของ M.A.C หรอกค่ะ บังเอิญได้ Lipglass มาทดลองใช้ ลองแล้วก็ติดใจ เลยนึกอยากลองลิปตัวอื่นบ้าง ... ติดอยู่ตรงที่ เกรงใจลิปที่มีอยู่ในกรุค่ะ เพราะไม่พร่องเลย จะซื้อใหม่เลยต้องคิดกันหลายตลบ


ยังตัดใจซื้อไม่ได้ เลยวนเวียนเข้าไปดูที่ http://www.maccosmetics.com/ อยู่เป็นประจำ เพราะ M.A.C มักจะมีคอลเล็คชั่นใหม่ๆ ออกมาเรื่อยๆ ... จนเจอคอลเล็คชั่น Double Dazzle ที่เด้งเข้าตาโครมเบ้อเร่อ เห็นแล้วตาลุกวาว กลอส วิ้งๆ วิบๆ วับๆ ชอบจัง


ปกติไม่ค่อยชอบลิปแบบเงาๆ วิ้งๆ วิบๆ เท่าไหร่นะคะ แต่ไม่รู้ทำไม เจ้าตัวนี้ถึงได้โดนใจนัก ... เห็นจากหน้าเว็บ กิเลสก็ยังไม่พลุ่งพล่าน เพราะไม่รู้ว่าสีจริง จะสวยงามน่าใช้รึเปล่า ... เลยได้แต่เฝ้า รอ ร้อ รอ ว่าเมื่อไหร่จะเข้ามาขายน้อ


จนวันนึงได้ sms จาก M.A.C แจ้งข่าวคอลเล็คชั่น A Rose Romance ... ตาลุกวาวทันที เพราะเป็นคอลเล็คชั่นที่ออกไล่ๆ กัน รีบคว้าโทรศัพท์โทรถามเคาเตอร์ว่า Double Dazzle มารึยัง พอรู้ว่ามาแล้วกิเลสก็พุ่งปรี๊ดเลยค่ะ อยากไปดู อยากไปลองสี


ตอนแรกก็กะว่าจะไปคนเดียว แต่เอ๊ะ ไปบอกข่าวหมวยบีสักหน่อยดีกว่า เพราะเคยบ่นถึงลิปตัวนี้ให้หมวยฟัง ... บอกหมวยว่า Dazzleglass ที่รอมาแล้ว จะไปเซ็นทรัล ไปดู ถ้าถูกใจจะซื้อ


หมวยบีตาวาว แต่อิดออดนิดหน่อย เพราะอยากจะเก็บมืองดช้อป ... ไป ไม่ไป ไม่ว่า แค่แวะมาบอกข่าวเท่านั้น ... แต่สุดท้ายหมวยก็ตกลงใจไปด้วย พร้อมเหตุผลที่ว่าจะมาช่วยเลือก


พอถึงเคาเตอร์ ก็สนุกสนานกับการลองสี หยิบสีนั้น สีนี้ มาปาดลองดูกันอย่างสนุกสนาน ... บีเอก็กำลังยุ่งกับลูกค้ารายอื่น เราสองคนเลยสบาย ป้ายๆ ปาดๆ กันอย่างเพลิดเพลิน ... ลองจนหนำใจแล้ว ก็ได้เวลาเสียทรัพย์



ได้ไอเท็มใหม่มาเข้ากรุ 2 ชิ้นค่ะ Dazzleglass สี Get Rich Quick กับ สี Goldyrocks ... Get Rich Quick นี่โดนใจทันทีที่ลองค่ะ แต่เจ้า Goldyrocks นี่ดูเหลืองทองอร่าม น่าจะใช้ลำบาก ... แต่พอลองปาดดู โอ้ววว งามไม่ใช่เล่น


สมองประมวลผลอย่างรวดเร็ว ... Get Rich Quick นี่น่าจะใช้ได้บ่อย ทาเดี่ยวก็ได้ ทาทับลิปอื่นก็โอ ... ส่วนเจ้า Goldyrocks นี่ เหมาะไว้ทาทับสีอื่น น่าจะเปลื่ยนให้ลิปที่มีอยู่ มีลูกเล่นมาขึ้น


เนื้อกลอส หนืด หนึบ หนับ มีความมันวาว และที่สำคัญคือ มีกลิตเตอร์ เล็ก ละเอียด วิ้งๆ วับๆ ... กลอสของ M.A.C มีเอกลักษณ์ที่กลิ่นวนิลา ค่ะ หอมหวานๆ


ทดลองดูสี จากแสงไฟในห้อง และแสงจากแฟลชที่สาดใส่เต็มๆ ... Get Rich Quick ถึงเนื้อจะเป็นกลอสใส แต่ก็มีสีสันชัดเจน ส่วน Goldyrocks นี่ ใสๆ เบาๆ พอโดนแฟลชเข้าไป ก็แทบจะกลืนหายไปเลย


พากลับมาอยู่ในกรุตั้งแต่วันที่ 29 เมษา ... เห้อ เห่อ ค่ะ สลับเอากลอสที่ติดกระเป๋าอันเก่าออก แล้วใส่เจ้าตัวใหม่เข้าไปแทน หยิบมาทาบ่อย เติมปากบ่อยกว่าปกติค่ะ


คนดีบอกว่าทาลิปตัวนี้แล้ว ปาก มัน วาว เหมือนทาน้ำมันหมูเลย ... ชิชะ ทำมาแซว เลยจับมาลองทาซะ จะได้ปากเงา วาว วิ้ง เหมือนกัน


คนดีขา ถ้าเผลองีบหลับที่บ้านเค้าหล่ะก็ ... ระวังโดนจับแต่งหน้า ทาปากวาว วิบวับ นะคะ ช่วงนี้กำลังเห่อ ... เตือนแล้วนะคะ


5.5.52

X-Men Origins: Wolverine



เรากับคนดี จัดเป็นแฟนหนัง X-Men ค่ะ ... ในบรรดาหนังซุปเปอร์ฮี่โร่ทั้งหลาย เหล่า Mutants มนุษย์กลายพันธุ์ใน X-men นี่หล่ะค่ะ ที่ถูกใจที่สุด ตามดูกันมาตั้งแต่ภาคแรก ไม่เคยพลาด ... แล้ว เอ็กซ์ เมน กำเนิดวูลฟ์เวอรีน นี่จะพลาดได้ยังไง


นัดกันไว้ว่าจะดูให้ได้ ไม่พลาดแน่ๆ จริงๆ อยากจะดูตั้งแต่หนังเข้า แต่ไม่ว่างค่ะ เลยนัดกันวันหยุด 5 พ.ค. นี่แหละ ... ที่สำคัญได้คนดีมาค้างด้วย จะได้ตื่นพร้อมกัน ออกจากบ้านเราไปสะดวกดี


ที่หมายอยู่ที่ เอสเอฟเวิลด์ เซ็นทรัลเวิลด์ค่ะ ... ถึงราวๆ สิบเอ็ดโมงหน่อยๆ รีบไปเช็ครอบหนังก่อนค่ะ ซื้อตั๋วเรียบร้อยก็มาฝากท้องไว้ที่ร้านซาโบเตน ... จัดการชุดข้าวหมูทอดกันเรียบร้อย คนดีแวะกดตังค์นิดหน่อย ก็ได้เวลาดูหนังพอดี




-เรื่องย่อ-


โลแกน พยายามจะค้นหาความลับในอดีตของเขา ... เนื้อเรื่องจะเป็นเหตุการณ์ก่อน X-Men ภาคแรก ซึ่งจะเล่าเรื่องราวการไล่ล่าล้างแค้นจอมวายร้ายที่เป็นตัวการในการสังหาร เคย์ล่า ซิลเวอร์ ฟ๊อกซ์ แฟนสาวของเขา ... โลแกนจะพาเราไปสู่ต้นกำเนิดและค้นหาความจริงที่เราไม่รู้มาก่อน โดยมุ่งไปข้างหน้าด้วยความกล้าหาญและเส้นทางใหม่


หนังสนุก ตื่นตาตื่นใจ ตามสไตล์ X-Men ค่ะ ... ดูเพลิน ไม่มีสะดุด ไม่มีสงสัย ไม่เบื่อค่ะ อะไรที่เกินจริงทั้งหลาย ก็ไม่รู้สึกว่าเว่อร์เกินไป เพราะมนุษย์กลายพันธุ์ ย่อมทำอะไรเหนือจริงได้อยู่แล้ว


ที่สำคัญที่ทำให้หนังดูเพลินมากๆ ก็พี่ฮิวจ์ แจ็คแมน นี่หล่ะค่ะ ... ผู้ชายอาไร้ หุ่นดีเหลือเกิน ปั๊มกล้ามแน่น อกเต็ม หลังตึง น่ามองที่สุด แล้วยังใส่กางเกงยีนส์ได้ส้วย สวย ... จะรำคาญใจอยู่หน่อยก็ทรงผมบางช่วงบางตอนนั่นหล่ะค่ะ แต่รวมๆ แล้วก็หยวนได้ เพราะมองเพลิน


ดูหนังจบก็ตะลอนดูของนั่นนี่อีกนิดหน่อยค่ะ ก่อนจะชวนกันกลับบ้าน ... หนังเรื่องต่อไป จะดูเรื่องอะไรดีน้อ

4.5.52

ทรายสีเพลิง

หน้าที่แล้วเขียนถึง เพียงใจที่ผูกพัน ของ กิ่งฉัตร ... ก็นึกขึ้นได้ว่าเพิ่งอ่าน ทรายสีเพลิง ของ ปิยะพร ศักดิ์เกษม จบไปก่อนหน้านี้นิดหน่อย ... งั้นก็ต้องเอามาลงบันทึกไว้


ทรายสีเพลิง เป็นนิยายที่คนดีซื้อให้ แบบไม่รู้ตัวว่าตัวเองซื้อค่ะ ... คือว่า ตอนไปเที่ยวจันทบุรี แล้วคนดีมีงานที่ต้องไปทำช่วงนั้นพอดี เราเลยบอกว่า งั้นขอหนังสือสัก 1-2 เล่ม เอาไว้อ่านระหว่างที่คนดีตะลอนออกไปทำงาน เพราะเราต้องนอนเซ็งอยู่ในที่พัก ออกไปลั้ลลาที่ไหนไม่ได้ ... คนดีก็ยอมอนุมัติ ให้เลือกได้เลย


ได้คำอนุมัติปุ๊บ ก็จัดการสอยนิยายปั๊บ ... กิ่งไผ่-ใบรัก กับ ทรายสีเพลิง ของปิยะพร ศักดิ์เกษม ทั้ง 2 เล่ม ... ไปเลือกเอง จ่ายตังค์เอง โดยใช้บัตรเครดิตของเราที่คนดียึดจัดการรูดปรื๊ดดดดด ไปซะ แล้วก็พกนิยายติดกระเป๋าไปด้วย ... จัดการ กิ่งไผ่-ใบรัก จบเรียบร้อยใน 1 วัน แต่กว่าจะเปิดทรายสีเพลิงอ่านได้ก็ทิ้งช่วงนานเชียว


ที่เลือกเรื่องนี้ เพราะ เคยเป็นละครเมื่อนานมาแล้ว ความจำเกี่ยวกับนักแสดงเริ่มเลือนลางไปแล้ว ว่าใครเป็นใคร นอกจาก คุณหมิว ลลิตา ที่ยังติดตาอยู่ ... พออ่านแล้วก็เห็นด้วยว่า คุณหมิว เหมาะที่จะเล่นเป็น "ทราย" จริงๆ




เรื่องย่อ
เพราะ ‘ความรัก’ แม่ของเธอเคยยินยอมให้ผู้คนเหยียบย่ำร่วมสิบปี ... และก็เพราะ ‘ความรัก’ พ่อเลี้ยงของเธอจึงอุทิศทุ่มเทอุ้มชูแม่และเธอ เธอจึงเรียนรู้ที่จะใช้ ‘ความรัก’ ของเธอ...เป็นเครื่องมือแสวงหาชัยชนะ

ทรายสีเพลิง เรื่องราวของหญิงสาวผู้ถูกเปลวเพลิงแห่งความกระหายในชัยชนะเผาไหม้จนต้องพบกับความสูญเสีย

(เรื่องย่อ และ ภาพปกหนังสือ จาก http://www.satapornbooks.com/ )


เป็นนิยายเล่มหนา ที่ค่อยๆ เก็บอ่านทีละนิด ทีละหน่อย พกติดมือไปเวลาไปทำผม ทำเล็บ ไปนวด ... เพราะไม่ได้อ่านต่อเนื่อง แต่อ่านเก็บทีละหน่อย เลยเป็นนิยายเล่มที่ใช้เวลาอ่านค่อนข้างนาน

เล่มนี้อ่านจบแล้วไม่ได้ปลื้มมากเป็นพิเศษ ... แต่ก็ได้แง่คิด อ่านแล้วเจอประโยคสะกิดใจอยู่หลายประโยค ให้เก็บมาคิดตาม ... โดยรวมก็ดีค่ะ ที่สำคัญคนดีซื้อให้นี่ดีมากค่ะ