เข้าวัดครั้งก่อนได้หนังสือธรรมะของพระอาจารย์มิตซูโอะ ติดมือกลับมาหลายเล่มค่ะ ... ก่อนจะเข้าวัดครั้งนี้ เห็นหนังสือเล่มใหม่ "คิดถูก ดับทุกข์ได้" วางจำหน่ายในร้านหนังสือ ก็หมายตาไว้กะว่าจะซื้อ ... แต่ตั้งใจจะมาซื้อในวัด เพระเงินค่าหนังสือจะเข้ามูลนิธิของพระอาจารย์ มั่นใจได้ว่าเงินได้ไปใช้ประโยชน์ต่อแน่ๆ
ภาพจาก http://www.se-ed.com/
พอเข้าวัด จัดการธุระเรียบร้อย ก็รีบเดินไปดูหนังสือทันทีค่ะ ... เจอวางจำหน่ายก็รีบหยิบซื้ออ่านทันที พกติดย่ามไว้นั่งอ่านระหว่างชั่วโมงพัก อ่านไปได้แค่ 1 ใน 3 ก็อิ่มใจ ชอบใจ ได้อะไรมาคิดพิจารณาเยอะเลยค่ะ
แค่เริ่มต้นข้อความจาก ตรงพับปกของหน้าปก เปิดอ่านหน้าแรกก็โดนใจเลยค่ะ
"อย่าคิดว่าเราทุกข์ ... ทุกข์ไม่ใช่เรา เราไม่ใช่ทุกข์ ทุกข์ไม่อยู่ในเรา เราไม่ใช่อยู่ในทุกข์ ... ทุกข์เขาเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เรามีหน้าที่เพียงกำหนดรู้ทุกข์ที่เกิดขึ้น กำหนดรู้ทุกข์ที่ตั้งอยู่ กำหนดรู้ทุกข์ที่ดับไป ... ทำอย่างนี้เราก็สามารถรับทุกข์ได้ ทุกข์แค่ไหนก็รับได้ ต้องอดทนนะ คนมีปัญญาทนทุกข์ได้"
คำนำของสำนักพิมพ์บอกว่า ... ทางสำนักพิมพ์ดีเอ็มจี ได้รับเมตตาจากพระอาจายร์มิตซูโอะ ให้นำหนังสือสามเล่ม ได้แก่ ทุกข์เพราะคิดผิด ผิดก่อน-ผิดมาก พลิกนิดเดียว มารวมเล่มจัดพิมพ์ใหม่ ... เพราะฉะนั้นเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้ก็แยกออกเป็น 3 ส่วนหลักค่ะ
อ่านไปได้ส่วนเดียวก็เจอข้อความเตือนใจ ให้เก็บมาคิดทบทวนตัวเองเยอะค่ะ
"อย่ายุ่งกับเรื่องของคนอื่น ภาวณามากๆ ดูตัวเองมากๆ หลวงพ่อชา (พระโพธิญาณเถร) บอกว่า "ธรรมดาเราดูแต่คนอื่น 90% ดูตัวเอง 10%" คือคอยดูแต่ความผิดของคนอื่น เพ่งโทษคนอื่น คิดแต่จะแก้ไขคนอื่น
กลับเสียใหม่นะ ดูคนอื่นเหลือไว้ 10% ดูเพื่อศึกษาว่า เมื่อเขาทำอย่างนั้น คนอื่นรู้สึกอย่างไร เพื่อเอามาสอนตัวเองนั่นแหละ ดูตัวเอง พิจารณาตัวเอง 90% จึงเรียกว่าปฏิบัติธรรมอยู่
ธรรมชาติของจิดใจมันเข้าข้างตัวเอง โบราณพูดว่า เรามักจะเห็นความผิดของคนอื่นเท่ากับภูเขา ความผิดของตนเองเท่ารูเข็ม มันเป็นความจริงอย่างนั้นด้วย เราจึงต้องระวังความรู้สึกนึกคิดของตัวเองให้มากๆ เห็นความผิดของคนอื่นให้หารด้วย 10 เห็นความผิดตัวเองให้คูณด้วย 10 จึงจะใกล้เคียงกับความจริงและยุติธรรม เพราะเหตุนี้ เราจะต้องพยายามมองแง่ดีของคนอื่นมากๆ และตำหนิติเตียนตัวเองมากๆ แต่ถึงอย่างไรๆ เราก็ยังเข้าข้างตัวเองนั่นแหละ
พยายามอย่าสนใจการกระทำ การปฏิบัติของคนอื่น ดูตัวเอง สนใจแก้ไขตัวเองนั่นแหละมากๆ เช่น เข้าครัวเห็นเด็กทำอะไรไม่ถูกใจ แล้วก็เกิดอารมณ์ร้อนใจ ยังไม่ต้องบอกให้เข้าแก้ไขอะไรหรอก รีบแก้ไข ระงับอารมณ์ร้อนใจของตัวเองเสียก่อน เห็นอะไร คิดอะไร รู้สึกอย่างไร ก็สักแต่ว่าใจเย็นๆ ไว้ก่อน ความเห็น ความคิด ความรู้สึกก็ไม่แน่...ไม่แน่ อาจจะถูกก็ได้ อาจจะผิดก็ได้ เราอาจจะเปลี่ยนความเห็นก็ได้
สักแต่ว่า...สักแต่ว่า...ใจเย็นๆ ไว้ก่อน ยังไม่ต้องพูด ดูใจเราก่อน สอนใจเราก่อน หัดปล่อยวางก่อน เมื่อจิตสงบแล้ว เมื่อจิตปกติแล้วจึงค่อยพูด จึงค่อยออกความเห็น พูดด้วยเหตุ ด้วยผล ประกอบด้วยจิตเมตตากรุณา
ขณะมีอารมณ์อย่าเพิ่งพูด ทำให้เสียความรู้สึกของผู้อื่น ทำให้เสียความรู้สึกของตัวเอง ไม่เกิดประโยชน์เท่าที่ควร มักจะเสียประโยชน์ซ้ำไป
เพราะฉะนั้น อยู่ที่ไหน อยู่ที่วัด อยู่ที่บ้าน ก็สงบๆ ๆ ไม่ต้องดูคนอื่นว่าเขาทำผิดๆ ๆ ดูแต่ตัวเรา ระวังความรู้สึก ระวังอารมณ์ของเราเองให้มากๆ พยายามแก้ไข พัฒนาตัวเรา ... นั่นแหละ
เห็นอะไรชอบ ไม่ชอบ ปล่อยไว้ก่อน เรื่องของคนอื่น พยายามอย่าให้เขามาที่จิตใจเรา ถ้าไม่ระวัง ก็จะยุ่งแต่เรื่องของคนอื่น ไปเรื่อยๆ หาเรื่องอยู่อย่างนั้น เอาเรื่องโน้นเรื่องนี้มาเป็นเรื่องของเราทั้งหมด มีแต่ยินดียินร้าย พอใจไม่พอใจทั้งวัน อารมณ์มาก จิตไม่ปกติ ไม่สบาย ทั้งวันๆ ก็หมดแรง
ระวังนะ พยายามตามดูจิตของเรา รักษาจิตของเราให้เป็นปกติให้มาก ใครจะเป็นอะไร ใครจะทำอะไร ดีหรือไม่ดี เรื่องของเขา แม้เขาจะทำกับเรา ว่าเรา ... ก็เรื่องของเขา อย่าเอามาเป็นอารมณ์ อย่าเอามาเป็นเรื่องของเรา
ดูใจเรานั่นแหละ พัฒนาตัวเองนั่นแหละ ทำใจเราให้ปกติ สบายๆ มากๆ หัด-ฝึก ปล่อยวาง นั่นเอง ไม่มีอะไรหรอก ไม่มีอะไรสำคัญกว่าการตามรักษาจิตของเรา คิดดี พูดดี ทำดี มีความสุข"
ข้อความบางส่วนจากหนังสือ หน้า 44-47 ค่ะ ... ถ้าใครสนใจส่วนที่เหลือไปหาอ่านเพิ่มเติมจากในหนังสือเองนะคะ
ที่ยกข้อความส่วนนี้มาเพราะว่า ตัวเองเป็นคนที่ทำอะไรตามกฎ กติกา เวลาเห็นใครทำอะไรแตกไปจากกฎ กติกา ก็มักจะหงุดหงิด ขุ่นเคืองใจ ... แม้กระทั่งการเข้าวัดปฏิบัติธรรมทั้ง 2 ครั้ง ก็เจอคนไม่ทำตามกฏ กติกา อยู่เรื่อยๆ
เลยต้องหมั่นเตือนตัวเอง พิจารณาตัวเอง อย่าเอามาเป็นอารณมณ์ อย่าเอามาเป็นเรื่องของเรา ... ควบคุมดูแลตัวเองไม่ให้ทำผิดพลาดอย่างเขา เตือนตัวเองให้ คิดดี ทำดี พูดดี ตัวเราก็ได้รับความสบายใจ สุขใจ หมั่นเตือนตัวเองบ่อยๆ ทุกข์จะได้น้อยๆ ค่ะ
3 ความคิดเห็น:
อ่านแล้วได้คิดเหมือนกันค่ะ
ขอบคุณที่เอามาแบ่งปันนะึคะ ^^
ขออนุโมทนา สาธุ ด้วยคนค่า
ขอให้เจ้าของบล็อกสวยวันสวยคืน...สุขภาพแข็งแรงพร้อมที่จะพาสมาชิกแก๊งค์ตะลอนชิมต่อไป ..อิอิ
phonic
ได้ข้อคิดดีจริง ๆ สาธุ
big_birdy
แสดงความคิดเห็น