30.3.54

SuckSeed ห่วยขั้นเทพ

เราสองคนไม่ได้เข้าโรงหนังเดือนกว่าๆ ... วันพุธนี้ว่างไม่มีโปรแกรมแวะที่ไหน เลยชวนกันไปใช้โปรวันพุธ ดูหนังราคาพิเศษกันดีกว่า ว่าแต่จะดูหนังเรื่องอะไรกันดี ไม่มีหนังที่หมายตาเอาไว้เลย


ดูไปดูมา SuckSeed ห่วยขั้นเทพ นี่แล้วกัน ... หนังในเครือ GTH ชื่อนี้การันตีได้พอสมควร


เรื่องย่อ


ไม่ว่ายุคสมัยไหน จะคาสเซ็ตต์ ซีดี หรือ MP3 เพลงก็ยังเป็นเพลง เพลงยังมีพลังบันดาลให้เราตะโกนแหกปาก กระโดดโลดเต้น หลั่งน้ำตา สะเทือนใจกับความทรงจำเก่าๆ ของเรากับใครบางคนที่มันบรรทุกมาด้วยเสมอ ไม่ว่าเพลงนั้นมันจะห่วยแค่ไหนก็ตาม


สำหรับ SuckSeed วงร็อคขาสั้นมัธยมปีที่ 6 ของโรงเรียนให้จังหวัดเชียงใหม่แห่งหนึ่ง สมาชิกของวงรวมตัวกันเล่นดนตรีเพียงเพราะมีใจตรงกันนั่นคืออยาก โชว์หญิง


Suck ในที่นี้แปลว่า ห่วยแตก ส่วน Seed คือ เมล็ดพันธุ์ รวมกันแล้ว พวกเขาคือเมล็ดพันธุ์แห่งความห่วยแตก ห่วยทั้งฝีมือเล่นดนตรีและฝีมือจีบสาว เป็ดและคุ้งสองสมาชิกผู้ก่อตั้งวงนั้น กอดคอกันเห่ยมาตั้งแต่ชั้นประถม ทั้งคู่เป็นเพื่อนซี้ที่มีบุคลิกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง


เป็ด นอกจากจะไม่ชอบฟังเพลงและยังเข้าใจเอาเองผิดๆ ว่า เพลงเร็วเรียกเพลงร็อค เพลงช้าเรียกเพลงรรัก ส่วนเพลงไทยนั้นก็มีแค่สองประเภทคือ เพลง Grammy และ RS


เป็ดหัดเล่นดนตรีเพียงเพราะแอบหลงรัก เอิญ เด็กหญิงน่ารักขั้นเทพที่มีชื่อพ้องกับเพลงร็อครุ่นลายครามของพี่ป้อมพี่โต๊ะอย่าง "บังเอิญติดดิน" เอิญสอนเป็ดว่าเวลาเราฟังเพลงก็จะเหมือนมีเพื่อนมาอยู่ข้างๆ เป็ดเลยอยากเป็นคนข้างๆ เอิญบ้าง ยิ่งรู้ว่าเอิญเป็นสาวหูเหล็ก เป็นสาวกเพลงร็อคที่คลั่งไคล้กีตาร์ฮีโร่เป็นชีวิตจิตใจ เป็ดจึงเกิดแรงฮึดที่จะผันตัวเองจากไอ้แหยขี้อายให้กลายเป็น ร็อคเกอร์


ส่วน คุ้ง มือกีตาร์ของวงนั้น มีบ้านเป็นโรงรับจำนำซึ่งเปรียบเสมือนดิสนีย์แลนด์ของเพื่อนๆ ของเก่าของคนอื่นจะกลายมาเป็นของเล่นชิ้นใหม่ของคุ้งเสมอ ตั้งแต่ประถมยันมัธยม คุ้งคือผุ้นำเทรนด์ ไม่ว่าจะเป็นเกมส์แฟมิคอม โรลเลอร์เบลด ตู้สติกเกอร์ เกมส์เต้น โฟโต้ฮันท์ คุ้งต้องได้ประเดิมเป็นคนแรก


คุ้งอาจจะมีชะตากรรมได้เป็นไอดอลของโรงเรียน ถ้าจะไม่มีกรรมมาบังให้คุ้งดันมีฝาแฝดชื่อ เค น้องชายที่ทั้งเรียนกว่า เก่งกว่า หล่อกว่า (ทั้งๆ ที่หน้าตาเหมือนกัน) ที่สำคัญ เคยังเป็นมือกีตาร์ของวงโรงเรียนที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นตัวแทนเข้าประกวด Hot Wave Music Award ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ความฮ็อตของเค จะทำให้คุ้งกลายเป็นแค่ "ฝาแฝดเค" ในสายตาของทุกคน





ในปีสุดท้ายของชีวิตมัธยมปลาย เมื่อวงของเค ลงสมัคร Hot Wave โดยมีเอิญเข้าร่วมในฐานะนักร้องนำ เป็ดและคุ้งจึงจับมือกันปฎิวัติตัวเอง ฟอร์มวง SuckSeed ขึ้นมา หาญกล้าท้าแข่งเพื่อพิสูจน์ให้คนที่พวกเขาทั้งรักทั้งอยากเอาชนะได้เห็นว่า พวกเขาไม่ใช่แค่ "ตัวห่วย" อย่างที่ใครๆ คิด


เพลงรักอาจไม่ใช่เพลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก แต่เพลงรักนี่แหละที่สามารถเสกให้เราลุกขึ้นมาทำบ้าทำบอได้มากมาย เพราะหากรักแล้วไม่ลงมือกระทำ แก่แล้วพาลจะเสียดายว่าไม่เคยฟังเพลง "ชั้นต้องทำอะไรสักอย่าง" ของ ป้าง นครินทร์


"ก่อน" พี่ป๊อดจะสิ้นศรัทธาในหัวใจ เป็ดและคุ้งจะขอลุยสักตั้ง ตราบเท่าที่เป็ดและคุ้งยังมีวง SuckSeed อยู่เคียงข้าง มีเพลงร็อคเป็นกำลังใจนำทาง ตราบเท่าที่พี่ตูน บอดี้สแลม ยังร้องหา "ความเชื่อ" พี่เสกยังไม่เหงาเพราะ "เราและนาย" มี แคลช คอย "ขอเช็ดน้ำตา" "ฤดูร้อน" ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปอย่างที่พาราด๊อกซ์ว่าไว้


ตราบเท่าที่เป็ดและคุ้งยังมีเพลงเป็นเพื่อน จะ Succeed หรือไม่ช่างหัวมัน บิ๊กแอส ลั่นบรรเลงไว้แล้วว่า ไม่ว่าจะผ่านไปกี่เดือนกี่ปี เพลงของพวกเราก็จะยังคง "ทุ้มอยู่ในใจ"


(ขอบคุณ ภาพและเรื่องย่อจาก http://www.suckseedthemovie.com/ และ คลิป trailer หนัง จาก GTH2004 )


ก่อนจะดูก็คิดว่าน่าจะเป็นหนังวัยรุ่น ที่ไม่ใช่ยุคเรา คงดูเพลินๆ ไปงั้นๆ ไม่ได้คิดว่าจะขำจะฮา ... แต่ผลปรากฎว่า ฮาเกินความคาดหมายค่ะ มีหลายช่วงหลายมุขที่ทำเอาขำก๊ากกกก และที่สำคัญคือ น้องเก้า น่ารัก น่าเอ็นดูมาก


นับว่าเป็นหนังที่คุ้มค่ามาก เพราะหัวเราะคุ้มค่าตั๋วจริงๆ

29.3.54

บิ๊กเบิ้มรักษาตัว

ราวๆ 6 เดือน ที่คนดีได้ บิ๊กเบิ้ม มาครอบครอง ... บิ๊กเบิ้มก็ทำงานได้เต็มที่ ขนคน ขนของ มาหลายต่อหลายทริป


แต่ขากลับจากทริปหัวหิน ช่วงถนนพระราม 2 เราสองคนก็ได้ยินเสียง "แป๊ะ" ... เสียงที่สร้างความหวั่นใจให้เราทั้งคู่ เพราะเดาได้ว่า ต้องมีหินดีดขึ้นมาแน่ๆ กวาดตามองหาร่องรอยความเสียหาย ไม่เจอะอะไร ... ถอนหายใจโล่งงงงงงง กันทั้งคู่


แต่พอเข้าถนนวิภาวดีรังสิต ใกล้จะถึงบ้านเรา ก็เห็นอะไรผิดปกติเข้าตา ... อร๊ายยยยยยยยย


เสียงแป๊ะที่ได้ยินนั้น ไม่ได้มาแค่เสียง แต่มีร่องรอยฝากไว้ให้ช้ำใจด้วย ... เข้าใจว่าคงโดนตรงขอบกระจกด้านบนพอดี แล้วพอวิ่งมาเรื่อยๆ รอยร้าวก็วิ่ง อย่างที่เห็น ... รอยที่ทำให้เราสองคนใจหายยยยยย จำจารึกไว้ในใจอย่างแม่นยำ ว่าแผลนี้เกิดขึ้นวันที่ 15 มีนาคม 2554


2 วันต่อมา 17 มีนาคม 2554 บิ๊กเบิ้มก็ได้แผลเพิ่มอีกจุด ... คนดีบอกว่าระหว่างที่กำลังจะลงจากอาคารจอดรถ เจอะรถกระบะกำลังจะขึ้น แต่เครื่องดับ ตรงช่วงทางลาดพอดี คนดีเลยขับอ้อมหลบ เพื่อจะลง ก็เหลือบเห็นว่ารถกระบะไหลมาชนบังโคลนหลังขวา ... บิ๊กเบิ้มได้รอยถลอกเป็นแนวมาให้คนดีแสลงใจ


สัปดาห์เดียว เจอไป 2 แผล ทำเอาเจ้าของอย่างคนดีใจเสีย แผลถลอกยังไม่เท่าไหร่ แต่รอยร้าวที่กระจกนี่ซิ ปล่อยไว้ไม่ดี ... แจ้งประกันเคลมทั้ง 2 แผลเรียบร้อย ก็นัดวันกับศูนย์เพื่อส่งบิ๊กเบิ้มรักษาตัว


ศูนย์ประเมินระยะซ่อมไว้ 1 สัปดาห์ ตัวเปลี่ยนกระจกและรอให้เซ็ทตัวไม่นาน แต่แผลถลอกต้องใช้เวลาสักหน่อย ... รอได้ค่า ขอให้บิ๊กเบิ้มกลับมาหล่อนิ้งทำงานได้ดีเหมือนเดิมเถอะ


รักษาตัวรอบนี้แล้ว ขอให้บิ๊กเบิ้มไม่เจ็บ ไม่ถลอก ไม่เจอเหตุใดๆ ให้เป็นแผลอีกเล้ยยยยยยยยย ... ขอให้ปลอดภัยทั้งคน ทั้งรถ เถอะ สาธุ

27.3.54

เที่ยวเมืองเก่า สุโขทัย #2

ย้อนดูเมื่อวาน ที่นี่ ค่ะ


ตั้งใจว่าจะตื่นสัก 7 โมง จะได้เตรียมตัวเก็บข้าวของ แล้วออกเที่ยวเมืองเก่าแต่เช้า ... แต่ผลคือ ตื่นสายกว่าที่วางแผนไว้ 8 โมงนิดๆ งัดร่างออกจากผ้าห่ม อาบน้ำแต่งตัว ลงมาหม่ำข้าวเช้า


มื้อเช้าที่นี่เป็นแบบบุฟเฟ่ต์ แม้จะไม่มีอาหารหลากหลายละลานตา แต่เท่าที่มีก็พอเพียงสำหรับหนึ่งอิ่มค่ะ ... ไข่ ไส้กรอก แฮม เบคอน เฟรนช์โทสท์ ขนมปัง ครัวซอง ข้าวสวย ข้าวผัด ข้าวต้ม ข้าวต้มเครื่อง กับข้าวอีก 2-3 อย่าง ... ชา กาแฟ น้ำผลไม้ นมสด น้ำเต้าหู้ ... ที่แปลกตา ก็ห่อใบตองเล็กๆ ที่มีข้าวเหนียวหมูชุดเล็กๆ อยู่ข้างใน


ท้องอิ่มแล้วก็มุ่งหน้าไป อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย กันเลยค่ะ ... พื้นที่ 70 ตารางกิโลเมตรของอุทยานฯ นับเป็นเมืองเก่า ที่ยูเนสโกประกาศให้เป็นมรดกโลก ... เต็มไปด้วยร่องรอยความเจริญของอารยธรรมสมัยสุโขทัย มีสถานที่สำคัญ ทั้งพระราชวัง ศาสนสถาน โบราณสถาน มีคูเมือง กำแพงเมือง ประตูเมืองล้อมรอบในรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า


การเที่ยวชมภายใน เลือกได้หลายแบบค่ะ ... จะเดินชมเอง เช่าจักรยานขี่ชมเอง เช่าเหมารถสามล้อให้ขับพาชม ขับรถชมเอง หรือ ใช้บริการรถรางของอุทยานฯ ก็ได้ค่ะ ... ไม่ว่าจะเลือกแบบไหน ก็ต้องแวะเสียค่าเข้าชมก่อน เจ้าหน้าที่จะถามว่า เรามากันกี่คน และเข้าชมวิธีไหน แล้วคำนวณค่าเข้าชม เพราะต้องรวมค่าธรรมเนียมยานพาหนะที่ใช้เข้าชมด้วย


ตอนแรกเราสองคนกะจะนั่งรถรางชม แต่สอบถามแล้วได้ความว่า รถรางจะพาวนรอบๆ อุทยานฯ ไม่ได้จอดให้ลงเดินดู ... เลยจะเปลี่ยนเป็นขี่จักรยาน หรือ เช่าสามล้อ แทน แต่พอดูอากาศแล้ว ฟ้าปิดเมฆแน่นครึ้ม ฝนพร้อมจะตกได้ตลอด เห็นแบบนี้เลยเลือกขับรถเข้าไปวนชมกันเองแทนค่ะ


การเที่ยวชมอุทยานฯ ควรจะศึกษาข้อมูลเตรียมตัวมาสักหน่อย จะได้รู้ว่าตรงไหน คืออะไร มีจุดเด่นยังไง ... เราสองคนเตรียมตัวมาน้อยมาก เลยอาศัยเปิดอ่านข้อมูลจากไกด์บุ๊คที่ติดมา หรือจะเลือกใช้บริการเช่าอุปกรณ์ Audio Tour ก็ได้ค่ะ แต่ละจุดจะมีตัวเลขกำกับอยู่ ถึงจุดไหนก็กดตัวเลขตามนั้นก็จะได้ฟังข้อมูลของจุดที่เรายืนอยู่


เราสองคนเลือกเดินชมเฉพาะจุดหลักๆ 5-6 จุดเท่านั้น เพราะตั้งใจว่าจะกลับมาอีก ... รอบนี้มาแค่สำรวจข้อมูล ทิศทาง และสถานที่เอาไว้ก่อน


เตรียมตัวกลับกรุงเทพฯ กันดีกว่า แต่ก่อนจะกลับต้องหาอะไรหม่ำอีกสักมื้อ ... มาสุโขทัยทั้งที อะไรจะเหมาะไปกว่า ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยหล่ะคะ ... 1 ในร้านที่ไกด์บุ๊คแนะนำ คือ ร้านเจ๊แฮ


ร้านอยู่ริมถนนจรดวิถีว่อง ทางผ่านของเราพอดี รถจอดหน้าร้านแน่น แววดีแล้ว ... มองหาที่นั่ง ไปพร้อมๆ กับสำรวจรายการอาหาร เห็นป้ายบอกว่า บะหมี่ทำเอง เลยสั่ง บะหมี่แห้งสุโขทัย มาลองชิมค่ะ บีบมะนาวที่ให้มาก็ลงมือได้เลย ไม่ต้องปรุงเพิ่ม อร่อยยยยย


เกาเหลาลูกชิ้นปลา มาแบ่งกัน คนดีที่โปรดปรานลูกชิ้นปลาดูจะถูกปากถูกใจ กินเพลิน ... ผัดไทย จานนี้เฮียเจ้าของร้านแนะนำว่าอร่อย เลยลอง แล้วก็ไม่ผิดหวัง ... ตบท้ายด้วย ชามะนาว ที่เฮียแนะนำว่าอร่อยอีกเหมือนกัน ขมนิดๆ เปรี้ยวหน่อยๆ สดชื่นดีค่ะ


เตรียมท้องอิ่มเรียบร้อย แวะซื้อของฝากอีกนิด ก็ตรงดิ่งเข้ากรุงเทพฯ กันค่ะ ... ขากลับไม่ได้แวะเที่ยวตรงไหนอีก เพราะเจอฝนกระหน่ำมาตลอดทาง ตั้งใจขับรถอย่างเดียวพอค่ะ


มื้อเย็นก็แวะฝากท้องกับอาหารง่ายๆ อย่าง ไส้กรอกอีสาน หมูปิ้ง (ที่ไม่อร่อยเท่าขามา) ในปั๊มแถวอยุธยา ... พักรถ พักขา รองท้องเรียบร้อย ก็ตรงกลับบ้านกันค่ะ


ปิดทริปเที่ยวและสำรวจเมืองเก่า ไว้โอกาสหน้าค่อยกลับไปตะลุยกันใหม่ ... ดีมั้ยคะคนดี

26.3.54

เที่ยวเมืองเก่า สุโขทัย #1

ทริปนี้เป็นทริปที่วางแผนไว้นาน แต่ทิ้งไว้นานเกิน จนกลายเป็นฉุกละหุกทริปไปซะอย่างนั้น ... เที่ยวแบบไม่ได้เตรียมตัวแน่นๆ ในเวลาจำกัดแบบนี้ เหนื่อยจริงๆ


ซื้อ voucher ของที่พักเอาไว้จากงานไทยเที่ยวไทย เมื่อมีนา ปีที่แล้ว ... วางแผนว่าจะไปเที่ยวภายในปีที่ผ่านมา แต่ก็ติดนั่น ติดนู่น ติดนี่ แล้วก็ผลัดทริปนี้มาเรื่อยๆ จน voucher จวนเจียนจะหมดอายุ เลยต้องรีบใช้ ... ตอนแรกกะจะไป 3 วัน 2 คืน จะได้มีเวลาเที่ยวสักหน่อย แต่เพราะติดนั่น ติดนู่น ติดนี่ อีกแล้ว เลยเหลือแค่ 2 วัน 1 คืน


เวลาเที่ยวก็น้อย เวลาเตรียมตัวก็ไม่มาก ไม่ได้หาข้อมูลอะไรไว้เลย ไม่ได้วางแผนเส้นทาง ไม่ได้หาข้อมูลเที่ยว ไม่ได้เช็คร้านอาหาร ... เพราะฉะนั้นคู่มือเที่ยวที่ดีที่สุดก็ต้องพึ่ง ไกด์บุ๊ค นายรอบรู้ ฉบับสุโขทัย ที่เพิ่งไปซื้อตอนพักเที่ยงวันศุกร์ ก่อนหน้าจะเที่ยววันสุดท้าย ... เตรียมตัวไม่พร้อมแบบนี้ ทริปนี้จะเป็นยังไงน้อ


ออกเดินทางจากบ้านคนดีราวๆ 8 โมงเช้า แวะซื้อข้าวเหนียวหมูฝอยเจ้าอร่อยใกล้บ้านคนดี เป็นมื้อเช้ารองท้อง ... จากนั้นก็ออกเดินทางแบบสุ่มเสี่ยง งมๆ งงๆ เพราะระบบของเนฯ อย่างเราไม่สมบูรณ์ มึนๆ งงๆ ง่วงๆ เอื่อยเฉื่อยผิดวิสัย


วนออกเส้นกาญจนา ผ่านไปทางบางใหญ่ กะจะมุ่งหน้าไปตัดเข้าสายเอเชีย ... แต่เห็นป้ายไปสุพรรณฯ มีข้อความพ่วงว่าตัดไปนครสวรรค์ แบบเลี่ยงการจราจร เลยชวนกันลองเสี่ยงไปทางนี้ ... ถนนโล่งๆ รถไม่หนาแน่น ขับรถไปคุยกับไปสารพัดเรื่องได้เรื่อยๆ


มาแบบเรื่อยเฉื่อย ไม่รีบร้อน แวะปั๊มแถวสุพรรณฯ เข้าห้องน้ำ เดินยืดเส้นยืดสายสักหน่อย ... พอดีเหลือบไปเห็นป้าย "ปั๊มนี้หมูปิ้งอร่อย" พร้อมโลโก้รายการทีวีหลายรายการติดอยู่ช่วยการันตี เห็นแบบนี้เลยต้องลองสักหน่อย


หมูปิ้งคนละ 2 ไม้ กับข้าวเหนียวใบเตย ... อร่อยสมกับที่อ้างค่ะ หมูนุ่มดี กินเล่นเพลินๆ อิ่มแล้วก็เดินทางกันต่อ


ตรงดิ่งมุ่งหน้าไปพิษณุโลก เพราะตั้งใจจะแวะไหว้พระพุทธชินราช ... จำทางไปวัดไม่แม่นนัก งมกันอีกรอบ ถึงวัดไหว้พระได้อย่างที่ตั้งใจ ซื้อของฝากเรียบร้อย ก็ได้เวลาเติมพลังมื้อเที่ยงตอนเริ่มบ่าย


เลือกร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ริมน่าน ที่คุ้นเคย แล้วก็สั่งเมนูเดิมๆ บะหมี่โบราณแห้ง 2 เล็กต้มยำสุโขทัย 1 เสริมด้วย ลูกชิ้นหมู เกี๊ยวทอด ... ตบท้ายด้วย ขนมถ้วย ที่อร่อยมากกกกกก


อิ่มแล้วก็เดินทางกันต่อค่ะ เหลือระยะทางอีกไม่ถึง 100 กม. ก็ถึงสุโขทัยแล้ว ... ตรงเข้าที่พักกันก่อน แล้วค่อยว่ากันต่อว่าจะไปไหน


สุโขทัย เทรชเชอร์ รีสอร์ท แอนด์ สปา คือที่พักที่เลือกสำหรับทริปนี้ค่ะ ... อยู่เลยตัวเมือง ไปทางอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย หาไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่าย เลยบิ๊กซีมาพอสมควรก็เตรียมตัวมองหาป้ายทางเข้าค่ะ


เลือกที่พักแบบสุ่ม เพราะ voucher ที่ซื้อมา สามารถเลือกห้องพักได้จาก 3 โรงแรม ... สุ่มเลือกที่นี่เพราะระยะทางที่น่าจะพอเหมาะ และจากที่พอจะหารีวิวที่เขียนถึงไว้ ก็น่าจะไม่เลวนัก ... พอมาถึงที่พักจริงๆ ก็ตะลึง อึ้ง ไม่น้อย


พื้นที่โรงแรมกว้างขวาง โปร่งโล่ง ตกแต่งแบบร่วมสมัย อาคารที่พักเป็นตึก 2 ชั้น ... เราได้ห้องพักที่อยู่ใกล้กับสระว่ายน้ำพอดี แหมมมมม เสียดายที่ไม่ได้ติดชุดว่ายน้ำมาด้วย ... พื้นที่ในห้องพักเหลือเฟือ ห้องน้ำใหญ่มาก จนดูโล่ง และวังเวง ... ขับรถมาไกล เหนื่อย เมื่อย เพลีย อะไรจะดีไปกว่านอนเอกเขนกดูทีวีบนเตียงนุ่มๆ ที่แอร์เย็นฉ่ำ


เอนหลังนอนสบายจนเริ่มเย็น เลยชวนกันไปสำรวจเมือง ไปสุ่มหาร้านอาหารอร่อยๆ กันดีกว่า ... เปิดไกด์บุ๊คดู มีข้อมูลแนะนำอยู่หลายร้าน ไม่แน่ใจว่าอยู่ตรงไหน และที่สำคัญไม่รู้ว่าอร่อยถูกปากเรารึเปล่า ... แต่มาถึงนี่แล้วก็ต้องลองค่ะ


คู่มือแนะนำหลายร้าน และมีอาหารหลายแบบให้เลือก ... เราสองคนใจตรงกัน ว่าน่าจะลองอาหารไทยธรรมดา ที่มีเมนูปลาเป็นพระเอกดีกว่า ... เลยลองเสี่ยงดวงไป ร้านเฟื่องฟ้า กัน ... ร้านอยู่ในซอยวัดคูหาสุวรรณ อยู่ติดริมแม่น้ำพอดี บรรยากาศใช้ได้ มีลูกค้านั่งอยู่ 2-3 โต๊ะ ... ขอคำแนะนำจากทางร้านว่ามีเมนูแนะนำอะไรบ้าง


ฉู่ฉี่ปลาเนื้ออ่อน เครื่องแกงกลมกล่อม รสดีเลยค่ะ ... ปลาเค้าทอดน้ำปลา เนื้อปลาหนาๆ อวบๆ ทอดกรอบ เหยาะพริกน้ำปลาเติมไปนิด ก็เยี่ยมเลย ... หมูเด้งทรงเครื่อง หมูเด้งสูตรผสมเครื่องเทศสูตรเฉพาะของทางร้าน ลวก กินคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ด อร่อย เด็ดค่ะ ... แกงส้มผักรวมกุ้งสด รสกลมกล่อมดี แต่รสอ่อนไปนิด ... สรุปว่าเป็นมื้อที่น่าประทับใจค่ะ บรรยากาศดี อาหารรสชาติดี ราคาสมเหตุสมผล


กินอิ่มก็ค่ำพอดี วนรถชมเมืองสักหน่อย ก่อนจะชวนกันกลับเข้าที่พัก เพราะไม่รู้จะไปไหนกันดีค่ะ ... ขอคำแนะนำจากร้านอาหารแล้ว พี่เค้าก็แนะนำว่า กลับไปนอนเล่นที่พักดีกว่า เด็กดีว่าง่ายอย่างเราสองคนก็ทำตามอย่างง่ายดายค่ะ


แล้ววันรุ่งขึ้นจะสุ่มเสี่ยงไปเที่ยวไหน ทำอะไรกันต่อ ตามไปดู ที่นี่ ค่ะ

25.3.54

Japanese Class #2

ปกติคลาสเรียนภาษาญี่ปุ่น จะเป็นช่วงค่ำวันเสาร์ ... แต่พอดีเสาร์นี้เราสองคนติดทริป เลยต้องขอเขยิบเลื่อนมาเป็นวันศุกร์


ทั้งสมาชิกร่วมเรียน และเซ็นเซ สะดวก ... เราเลยรีบซื้อหนังสือในงานสัปดาห์หนังสือ แล้วรีบกลับมาเรียนค่ะ


คลาสนี้ได้พยัญชนะ Hiragana เพิ่มมาอีก ... sa shi su se so ta chi tsu te to ... ออกเสียงไม่มีปัญหา แต่เขียนยังลำบากเหมือนเดิม


แล้วยังส่งผลไปถึงการจำศัพท์ด้วย ... เพราะพยัญชนะเพิ่มขึ้น ก็ได้คำศัพท์เพิ่มขึ้น แต่เมมโมรี่ในสมองยังบันทึกข้อมูลไม่สมบูรณ์สักที ว่าตัวเส้นๆ แบบนี้ ออกเสียงว่าอะไร ... 10 ตัวแรกที่ได้มา ยังสับสนอยู่ แล้วนี่ได้มาอีก 10 ตัว ระบบ Error กันเลยค่ะ


ในสมองมีแต่ตัวพยัญชนะเป็นเส้นๆ แต่จำไม่ได้ว่าตัวไหนคือตัวไหน แล้วพอจับคู่กัน กลายเป็นศัพท์ว่าอะไร ... เซ็นเซถามคำศัพท์ที่เรียนไปแล้ว คุ้นๆ แต่นึกไม่ออกว่าแปลว่าอะไร แล้วดันผวนคำไปมาซะอีก


เรียนมา 2 คลาส ยังไม่เห็นแววรุ่งเล้ยยยยย กว่าจะเรียนครบ 30 ชั่วโมง จะรอดมั้ยหล่ะเนี่ย

ของขวัญจากงานสัปดาห์หนังสือฯ ครั้งที่ 39

งานสัปดาห์หนังสือฯ เป็น 1 ในงานแฟร์ ที่เราตั้งตารอ และไม่เคยพลาด ... ต้องแวะเวียนไปหอบหิ้วหนังสือกลับมาเป็นประจำ ไปคนเดียวบ้าง ไปกับสาวๆ ที่ออฟฟิซบ้าง ไปกับคนดีบ้าง


แต่งานครั้งนี้ยังไงก็ต้องควงคนดีไปแน่นอนค่ะ ... เพราะว่าคนดีเป็นเจ้ามือซื้อหนังสือให้เป็นของขวัญปีใหม่ ของขวัญวันเกิด ของขวัญวันครบรอบ ย้อนหลังค่ะ


จริงๆ เราให้รายชื่อหนังสือที่กำลังตามเก็บให้คนดีไปแล้ว ... แต่คนดีหาซื้อไม่ได้ เราเลยบอกว่าไม่เป็นไร รอดูจากงานสัปดาห์หนังสือฯ ก็ได้


เลิกงานเสร็จก็รีบลงรถไฟใต้ดินไปทันที มีเป้าหมายชัดเจนอยู่แล้ว ก็ตรงดิ่งไปซื้อได้ทันที ... เป้าหมายมีแค่ 2 บูธเท่านั้น


ดวงใจเจ้าเอ๋ย ของ ดวงตะวัน จากสำนักพิมพ์ดวงตะวัน


รุ่งอรุณ ของ กิ่งฉัตร จากสำนักพิมพ์อรุณ


ค่าของหัวใจ ของ กิ่งฉัตร ... จริงๆ มีแล้ว แต่หายไปไหนไม่รู้ เลยซื้อเก็บไว้


น้ำเพชร ... ลำนำในลมหนาว ... ตะวันเบิกฟ้า ของ ปิยะพร ศักดิ์เกษม จากสำนักพิมพ์อรุณ เช่นกัน


นิยายของคุณปิยะพรนี่หล่ะค่ะ ที่เป็นเป้าหมายหลักที่ตามเก็บ เพราะเพิ่งเปิดอ่านจริงๆ แล้วติดใจภาษาการเขียน แต่หาหนังสือจากตามร้าน หรือ ตามเว็บ ยากเหลือเกิน ... ตั้งใจจะทยอยเก็บให้ครบ แต่ก็หาไม่ได้ เลยจดชื่อหนังสือไว้ ว่ามีเล่มไหนแล้ว และยังขาดเล่มไหนอยู่


พอดีกับที่คนดีหมดมุขไม่รู้จะซื้ออะไรให้เราดี เราเลยบอกว่า ซื้อหนังสือก็ได้นะ มีรายชื่อหนังสือที่อยากได้ แต่ยังหาไม่ได้อยู่ ... คนดีรับรายชื่อไปแล้ว ลองตามหาดู ก็หาไม่ได้เหมือนกัน มาสารภาพเสียงอ่อยๆ ว่าหาไม่ได้จริงๆ


เราบอกไม่เป็นไร รอดูในงานนี้ก็ได้ ... คนดีบอกว่างั้นติดของขวัญไว้ก่อน จะย้อนหลังให้ทีเดียว จัดให้เลย 10 เล่ม พอมั้ย


พอเหลือจะพอค่ะ ... แต่พอมาดูในงานจริงๆ ก็ยังมีไม่ครบอยู่ดี ไม่เป็นไร อดใจรองานหนังสือรอบปลายปีก็ได้ ได้แค่นี้ก็โอเคแล้วค่ะ


ขอบคุณนะคะ เจ้ามือใจดี ... ส่วนรายการหนังสือที่ยังค้างอยู่ จะเก็บไว้เป็นทางเลือกสำหรับของขวัญปีหน้ารึเปล่าคะ คนดีขา

23.3.54

ภารกิจ ติดตามนาย

ตามปกติจะมีตามนายออกไปงานข้างนอกอยู่เป็นระยะ แต่เดือนนี้นับว่ามากกว่าปกติ เพราะต้องตามนายออกไป 4 วันเต็มๆ


ส่วนใหญ่จะตามนายไปประชุมสักนัดเดียว ก็ใช้เวลาราวๆ 2-3 ชั่วโมง เต็มที่ก็ครึ่งวัน ... นานๆ จะมีประชุม 2 นัดต่อเนื่อง เต็มวัน ... แต่คราวนี้ได้อีเมล์แจ้งให้ตามนายไปงานฝึกอบรม 4 วันเต็มๆ


เป็นการฝึกอบรมที่มี 2 รุ่น รุ่นละ 2 วัน/สัปดาห์ 9.00-17.00 น. เหมือนเวลางานปกติ ... แต่ก็นับว่าเป็นการทำงานนอกสถานที่ที่พิเศษกว่าปกติ


รุ่นแรก เจอะฝนฟ้าคะนองกระจาย ของเช้าวันอบรมวันที่ 2 กว่าจะหารถลุยฝนไปถึงที่จัดอบรมได้ ก็ลุ้นน่าดูว่าจะสายมั้ย ... รุ่นสอง เจอะอากาศหนาวเย็นกว่าปกติ ทั้งอุณหภูมิข้างนอก และอุณหภูมิของแอร์ในห้องอบรม ทำเอาต้องประโคมเครื่องกันหนาวประหนึ่งว่าอยู่ยุโรป


แม้จะไม่ได้ทำอะไรมาก แค่เดินไปเดินมา คอยดูแลโน่นนี่และประสานงานต่างๆ ให้นาย ... แต่กลับถึงบ้านก็หมดแรง สลบเหมือดทุกที สงสัยจะทำพลังรั่วระหว่างเดินทาง

20.3.54

ยกพลถล่มปู บางแสน

จุดเริ่มต้นของการนัดรวมตัวถล่มปู บางแสน มาจากการบอกกันปากต่อปาก ... จากมากัน 2 คน ขยายมาเป็นยกพลมาเป็นหมู่คณะ


แรกเริ่มเดิมทีมาจาก ลูกค้าของคนดีที่พาคนดีมาดูงานแถวพัทยา แล้วชวนแวะกินยำ ร้านแม่เฉลิม แถวหาดบางแสน ... คนดีได้ชิมแล้วติดใจ ก็พาเรามาลองชิมดูบ้าง ... ชิมแล้วก็ติดใจ ถ้าผ่านมาเที่ยวพัทยาก็แวะ หรือ ว่างๆ ก็แวะมานั่งรับลมชมวิวกินของอร่อย



เริ่มต้นจากติดใจยำของร้านนี้ ยำไข่ปูเนื้อปู ยำปลาดุกฟู เป็น 2 จานหลักที่กินประจำ ... จากนั้นก็เลาะเล็มชิมอาหารร้านเจ๊จิ๋ม ร้านใกล้เคียงด้วย แรกๆ ก็เฉยๆ ไม่ได้ประทับใจสุดติ่ง แต่พอวันนึง คุณป้าเจ้าของร้านแนะนำ ปูนึ่ง ที่บอกว่าทุบมาให้แล้ว เลยสั่งมาชิมดูสักจาน ... เท่านั้นหล่ะค่ะ กระแทกใจจังเบ้อเร่อ ฝากตัวเป็นลูกค้าประจำทันที


(ภาพอาหารหยิบมาจากบล็อกเก่าๆ ที่เคยเขียนถึงนะคะ)


ครั้นจะเปรมปรีดิ์กันอยู่ 2 คน ก็ผิดวิสัย ... เมื่อเราเจอของอร่อยก็ต้องบอกต่อค่ะ บอกต่อเพื่อนกลุ่มนี้ กลุ่มโน้น กลุ่มนั้น เรียกว่าคนใกล้ตัวที่นึกอยากจะไปบางแสนเมื่อไหร่ ก็จะแนะนำร้านนี้ให้ทันที ... บอกต่อกันไปปากต่อปาก จนขยายวงคนติดใจออกไปหลายทอด


เมื่อมีคนติดใจต่อเนื่อง พอเอ่ยปากชวนว่า "ไปกินปูบางแสนกันมั้ย" เลยได้เสียงตอบรับอย่างรวดเร็ว และมากมาย ... เรียกได้ว่าเป็นนัดล้างเผ่าพันธุ์ปูบางแสนกันเลยทีเดียว


สมาชิกนัดนี้รวมกันได้ 13 คน กระจายกันเดินทางตามจุดนัดหมาย ... จุดหลัก ก็ต้องที่ออฟฟิศเรา บิ๊กเบิ้มพร้อมรับผู้โดยสารเต็มพิกัด 8 คน ครบทุกที่นั่ง เพราะบิ๊กเบิ้มรักทุกคนค่ะ


เราสองคนออกจากบ้านคนดี แวะรับหมวยบี ก่อนจะมารับผู้โดยสารอีก 5 คน ที่ออฟฟิศ ... พี่จุ๊บ คุณต้า พี่อ้อ เพื่อนฝน และหนึ่ง ... สมาชิกพร้อมก็มุ่งหน้าไปจุดนัดหมายที่ร้านกันเลย


คันที่ 2 คุณกิ๊ก แวะรับ น้องฝน เพราะบ้านอยู่ในโซนใกล้เคียงกัน ... คันที่ 3 ลุงบอย น้องเม็ด และ พี่ปอ ... ต่างคันต่างนัด ต่างคันต่างไป พร้อมใจเจอกันที่ร้าน


ถึงร้านไล่ๆ กัน ก็สั่งอาหารกันเต็มที่ สั่งกันจนแม่ค้าเวียนหัว ... มากินบ่อยจนแม่ค้าคุ้นหน้าคุ้นตา จำได้ พอเจอขบวนนี้ ยิ้มร่า ยิ้มรับ เลย เพราะกินกันกระจายยยยยยยยยย


กินไม่มากไม่มาย แค่ปูนึ่ง 6 กิโล กุ้งเผา 3 กิโล กับ ยำอีกสารพัด แบบนับจานกันไม่ถูก ... ค่าเสียหายรวมๆ แล้ว 5 พันกว่าบาท แม่ค้าคิดเงินไป ยิ้มไป แม้จะนึ่งปูแทบไม่ทัน แต่ก็ยังออกปากชวนให้แวะมากินบ่อยๆ ... ก็กินกันขนาดนี้ แค่กลุ่มเรากลุ่มเดียว ก็รับตังค์เหนาะๆ แล้วจะไม่ชวนมาอีกได้ไง


ส่วนบรรดาสมาชิก ที่จัดการรบกับ ปูนึ่ง กุ้งเผา หมึกย่าง หอยลวก และอีกมากมายหลายยำแล้ว ... สภาพก็อย่างที่เห็นหล่ะค่ะ


ตอนอาหารลงก็ตั้งหน้าตั้งตากิน ไม่พูดไม่จา ประหนึ่งโกรธกัน ... พออาหารพร่อง รอจานใหม่มาเสิร์ฟ ก็คุยกัน แซวกัน เล่นกันได้สักหน่อย พออาหารมาก็ซัดกันหนุบหนับต่อ ... รบกับปูไปหลายรอบ สุดท้ายก็พากันเอนหลังพึ่งพุง พักท้องกันเป็นแถว


อย่าคิดว่าอิ่มของคาวแล้วเราจะยอมแพ้ ... เรายังชวนกันไปหาขนมหวานกันต่อค่ะ แวะเดินซื้อของฝากแถวหนองมนสักหน่อย แล้วค่อยไป ร้านบ้านต้นเค้ก


ไม่มีภาพนะคะ เพราะถ้ามัวหยิบกล้องถ่ายรูป สมาชิกอาจจะเคือง เพราะมีเค้กหลายชนิดรอให้ชิมอยู่ ... บรรยากาศเกือบจะโดนใจค่ะ มันดูขาดๆ เกินๆ ไปนิด บอกไม่ถูก ... ส่วนเค้กที่ได้ชิม ติดใจ เครปเค้ก มากที่สุด ส่วนเค้กจานอื่นๆ ก็ อืมมมมม โอเค ... ไม่ได้ปลื้มมากขนาดต้องดั้นด้นมากินถึงนี่ ถ้าไม่ได้เป็นนัดแอบเดทกับใคร ก็คงไม่มาไกลขนาดนี้ ร้านเค้กอร่อยๆ ในกรุงเทพ ยังมีให้ตามชิมอีกเยอะ


ของคาว ของหวาน ครบถ้วน ก็ได้เวลาแยกย้ายสลายตัวค่ะ ... เปิดโอกาสให้ปูได้โตอีกสักระยะ แล้วค่อยนัดรวมตัวไปถล่มปูกันใหม่ แค่คิดถึงเนื้อปู ขาวๆ อวบๆ เนื้อหวานๆ ก็น้ำลายจะไหลแล้ววววว ... คิดถึงน้องปูจัง

19.3.54

Japanese Class #1

หลังจากรื้อฟื้นภาษาที่ 2 ด้วยการเรียนคลาสภาษาอังกฤษจวนจะจบครบ 30 ชั่วโมงแล้ว ... ก็อาจหาญเริ่มเรียนภาษาที่ 3 ภาษาญี่ปุ่นเพิ่มค่ะ


จริงๆ สนใจภาษาญี่ปุ่นมานานตั้งแต่สมัยมัธยม แต่ไม่ได้เริ่มต้นสักที แล้วไฉนมาเริ่มเรียนเอาตอนอายุ 30 กว่าๆ แบบนี้ ... ที่ได้เริ่มเรียนก็เพราะน้องชาย (ลูกพี่ลูกน้อง) ของคนดี เป็นอาจารย์สอนภาษาญี่ปุ่นค่ะ


เพิ่งมารู้ว่ามีจัดคลาสสอนตัวต่อตัว เลยนึกสนใจ ลองเปรยกับคนดี ... คนดีเลยไปถามข่าวคราวมาให้ น้องเลยจัดคิวมาสอนพี่ๆ ทันใจ


นักเรียน 4 คน ห้องเรียนอยู่ที่บ้านคนดีเวลา 20.00 น. เรียนกันทุกวันเสาร์ 1 คอร์ส 30 ชั่วโมง ... เตรียมตัวเตรียมใจพร้อมแล้วก็ลุยกันเลยค่ะ


Note Sensei เป็นอาจารย์ที่อายุน้อยกว่านักเรียน ... ตอนเรียนก็เรียกเซ็นเซ พอเลิกเรียน อาจารย์ก็กลับมาเป็นไอ้โน๊ต น้องโน๊ต ของเจ๊ ของเฮีย เหมือนเดิม


เริ่มคลาสแรก เซ็นเซแจกชีทให้นักเรียนได้รู้จักกับพยัญชนะ Hiragana ... เริ่มต้นทำความรู้จักกับ อะ อิ อุ เอะ โอะ คะ คิ คุ เคะ โคะ ... เรียนรู้ทั้งการออกเสียง พร้อมๆ กับการฝึกเขียนด้วย


ที่เคยหวาดกลัวกับตัวอักษรที่อ่านไม่ออก เดาไม่ได้ของภาษาญี่ปุ่นก็เจอเต็มๆ เพราะเป็นเส้นๆ ที่เดาไม่ถูกเลยว่าอ่านยังไง ... ยังดีที่มี romanji ตัวอักษรภาษาอังกฤษที่ใช้แทนการออกเสียงภาษาญี่ปุ่นมาให้เทียบด้วย เพราะไม่งั้นคงไม่มีทางจำได้ว่า ตัว hiragana ที่ฝึกเขียนนั้น ออกเสียงว่ายังไงกันแน่


เรียน พยัญชนะ ควบคู่การเขียนแล้ว เซ็นเซก็สอนคำศัพท์ควบคู่ไปด้วย โดยเอาตัวพยัญชนะที่เรียนเขียนไป มายกตัวอย่างให้จดเป็นศัพท์ไปท่อง เพื่อทำความคุ้นเคยกับภาษาญี่ปุ่น ... เปิดคลาสแรกเรียนไป 26 คำ ทำเอามึนกันเลย ตัวเขียนก็ยังจำไม่ได้ว่าตัวไหน เขียนยังไง แล้วไอ้ตัวที่เห็นนี้ออกเสียงยังไง ได้ศัพท์มาให้จำอีก เหอ เหอ งานนี้สนุกหล่ะ


คลาสแรก จำได้แค่ว่า ka แปลว่า ยุง ... ki แปลว่า ต้นไม้ ... แต่เมื่อมาเจอกันเป็น kaki กลับแปลว่า ลูกพลับ ... ทำไม้ ทำไม ไม่มีหลักช่วยจำง่ายๆ บ้างน้อ


ถ้าเป็นศัพท์ที่เกี่ยวกับอาหารการกินหล่ะก็ ถนัดเลย คุ้นเคยดี เพราะเปิดดูจากเมนูร้านอาหารบ่อยๆ ... แต่ศัพท์ที่เรียนมันไม่ได้มีแต่เรื่องอาหารหล่ะซิ ... รู้สึกเหมือนเป็นเด็กอนุบาลที่หัดทำความคุ้นเคย กับ ก.ไก่ ข.ไข่ และ ABC เลย


เอาหล่ะ เพิ่งเริ่มต้น อย่าเพิ่งหักโหม อย่าเพิ่งเครียด ... รอดูไปเรื่อยๆ มันต้องได้เรื่องขึ้นมาบ้างหล่ะน้า

การบ้านประจำปี 54

ตั้งแต่รู้จักพี่หมอดูเจ้าประจำ ก็จะแวะไปเจอะเจอปีละ 1-2 ครั้ง ... ไปให้พี่เค้าเช็ค และรับการบ้านสักหน่อย เป็นการกระตุ้นให้เข้าวัดเข้าวาทางอ้อม เพราะการบ้านที่ได้มาส่วนใหญ่ ก็ใส่บาตร เข้าวัด ทำบุญ สวดมนต์


ปีนี้นัดเจอต้นปี ก่อนสงกรานต์ เพราะปีนี้จัดอยู่ในหมวดปีชงกับเค้าด้วย ... รายการไหนๆ หมอดูเจ้าไหน บอกให้ไปไหว้พระ ไหว้เจ้า แก้ปีชงที่ไหน ก็ยังไม่ไป ... แม้แต่หม่ามี้มาบอกก็ยังนิ่งๆ เฉยๆ บอกหม่ามี้ว่าขอรอไปเจอะเจอกับพี่เค้าก่อน รอรับการบ้านจากพี่เค้าทีเดียว หม่ามี้ซึ่งก็สนิทสนมกับพี่เค้าดี เลยไม่ว่าอะไร


คนดีจัดการโทรนัดคิวให้ เพราะ บิ๊กเบิ้มมีปัญหา เจอก้อนหินดีดใส่กระจกร้าว วันที่กลับจากหัวหิน ... 2 วันถัดมาเจอกระบะไหลจากทางขึ้นลานจอดรถมาชนบังโคลนหลังถลอกอีก ... ทำเอาคนดีกังวลเลยต้องไปหาที่ปรึกษาสักหน่อย เราเลยได้โอกาสพ่วงไปเช็คด้วยเลย


การบ้านครั้งนี้มีแค่ ให้ "ชักประคำ" ทุกวันอังคาร ห้ามขาด ... ท่องบทสวดและชักประคำต่อหน้ารูปหล่อพระโพธิสัวต์อวโลกิเตศวร ที่พี่เค้ายกให้มาหนึ่งองค์


เป็นความบังเอิญที่การบ้านเมื่อ ปี 2552 พี่เค้าเคยให้หาประคำเก่าที่มีในบ้านมาใส่พานบูชาไว้ ... ได้การบ้านครั้งนี้มาก็กลับมาเช็คว่าประคำที่ใส่พานบูชาอยู่นั้นมี 108 เม็ดครบรึเปล่า แล้วก็หาพานกระเบื้องมาตั้งรูปหล่อ


การบ้านมีสั้นๆ ง่ายๆ แค่นี้ ... กลับมาเสิร์ชหาข้อมูล เช็คบทสวดที่ได้มาระหว่างชักประคำว่าจดมาถูกรึเปล่า เพราะมี 5 คำ จำง่ายขึ้นใจ แค่ต้องท่องให้สม่ำเสมอเท่านั้น


ไม่รู้ว่าจะส่งผลดีอะไรยังไง แต่ที่แน่ๆ คือ การชักประคำ และสวดมนต์ แบบนี้ เป็นทางหนึ่งในการทำสมาธิง่ายๆ ... การบ้านให้ทำทุกวันอังคารไม่ขาด แต่ตั้งใจว่าจะทำให้ได้ทุกวัน ทำสมาธิระยะสั้นๆ ในหนึ่งวันที่วุ่นๆ น่าจะดี

Onzen @ DHC Olive Beauty

หลังจากที่เคยไปทดลองแช่ ออนเซ็นครั้งแรก เป็นประสบการณ์แปลกๆ ที่จะว่าติดใจก็ไม่เชิง จะว่าไม่ชอบก็ไม่ใช่ ... เลยต้องหาโอกาสไปทดสองซ้ำอีกครั้ง


ครั้งนี้เลือก Onzen with DHC Olive Virgin Oil + Q10 Body Treatment ค่ะ ... มีประสบการณ์มาแล้ว ครั้งนี้เลยเตรียมตัวเตรียมใจมาพร้อมค่ะ


โทรนัดเวลาไว้เป็นคิวแรก 10.30 น. รีบดิ่งจากบ้านมาถึงก่อนเวลานัดราวๆ 15 นาที ... มาแบบไม่แต่งหน้า และมีมื้อเช้ารองท้องมานิดเดียว เตรียมพร้อมสำหรับลงแช่


ถึง DHC Olive Beauty แจ้งชื่อที่นัดไว้ พนักงานพาไปนั่งรอ แล้วนำน้ำเก็กฮวยเย็นๆ มาเสิร์ฟ หวานพอเหมาะ หอม ชื่นใจ ... แล้วก็นำกลิ่นผงแช่ออนเซ็น กับ กลิ่นอโรมามาให้เลือก คราวนี้เลือก ผงแช่กลิ่นกุหลาบ กับ อโรมากลิ่นซากุระ


พนักงานเตรียมห้องเรียบร้อย ก็มาพาเราไปที่ห้องทรีทเม้นท์ ที่นี่มีห้องทรีทเม้นท์ที่มีอ่างแช่ออนเซ็นอยู่แค่เพียงห้องเดียวเท่านั้นนะคะ ... ครั้งนี้ได้เจอกับ คุณหลัน เธอราปิสท์ คนเดิมที่เคยเจอกันตอนแช่ออนเซ็นครั้งที่แล้ว ... คุณหลันยังคงแนะนำขั้นตอนต่างๆ เหมือนเดิม แต่ไม่ต้องละเอียดเท่าเดิม เพื่อทบทวนความจำ


เริ่มจากล้างหน้าให้เกลี้ยงเกลา เพื่อเปิดผิวให้พร้อม ... เปลี่ยนเป็นชุดวันเกิด แล้วเปิดประตูกระจกฝ้าเข้าไปด้านในเลยค่ะ


อาบน้ำล้างตัวให้เรียบร้อย ด้วยน้ำอุ่นค่อนข้างร้อน แต่ไม่รู้ว่ามาเช้าไปรึเปล่า น้ำเลยไม่ร้อนจัดอย่างครั้งก่อน อาบได้สบายๆ ... อาบน้ำเสร็จแล้ว ก็ใช้กระบวยที่มีตักน้ำจากในอ่างมารดตัวเพื่อทำความคุ้นเคยกับอุณหภูมิน้ำก่อน ... รอบนี้ตักน้ำรดตัวเองอยู่หลายรอบ รดขา รดตัว รดไหล่ รดซ้ำๆ กะว่าให้ร่างกายชินแน่ๆ ก่อนจะหย่อนขาลงแช่


ไม่รู้ว่าตักน้ำรดตัวจนร่างกายทำใจได้ หรือ เราเริ่มคุ้นเคยกับออนเซ็นแล้ว หรือ อุณหภูมิน้ำไม่ร้อนเท่าครั้งก่อน เพราะหย่อนขานั่งแช่ริมอ่างไม่นาน ก็ทำใจหย่อนทั้งตัวลงไปแช่ในน้ำได้ ... แล้วก็นอนแช่น้ำได้สบายๆ ไม่ทุรนทุรายเท่าครั้งที่แล้ว


คุณหลันมาเคาะถามว่าเป็นยังไง ครั้งนี้ตอบว่า โอเค ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ ... แป๊บเดียว ผ่านไป 5 นาที ขึ้นมาล้างตัว ก่อนจะลงแช่อีกรอบ ... รอบนี้ก็แช่ไปเรื่อยๆ ไม่ต้องเฝ้ามองเข็มนาฬิกาเหมือนครั้งก่อน ... นอนแช่สบายๆ ทำตัวสบายๆ รับมือกับความดันน้ำที่ทำให้หายใจถี่ขึ้นได้ เหมือนนอนทำสมาธิในอ่างออนเซ็น


ครบเวลาก็ขึ้นจากอ่างแช่ มานั่งพักสักแป๊บ ก่อนจะใช้กระบวนตักน้ำเย็นในอ่างไม้รดขาตั้งแต่หัวเข่าลงไป ... แล้วก็พันผ้าเช็ดตัวออกมานั่งพักด้านนอก ดื่มน้ำที่วางเตรียมไว้ให้ ชดเชยน้ำที่เสียไประหว่างแช่ ... ปรับตัวได้สักพักก็เริ่มนวดตัวกันเลยค่ะ


ไฟห้องที่ถูกหรี่ลง กับ กลิ่นหอมๆ ของอโรมา ช่วยให้สงบผ่อนคลาย ... มาเจอกับจังหวะการนวดผ่อนคลาย ก็สบายซิคะ เคลิ้มหลับเป็นพักๆ ... เป็นการนวดที่นอกจากจะผ่อนคลายแล้วยังเป็นการบำรุงผิวไปด้วย


หมดเวลาแห่งความสงบ สบาย ล้างขาสักหน่อย เพราะเท้าลื่นเกิน แล้วก็แต่งเนื้อแต่งตัว ลงครีมบำรุงผิว แล้วออกมาแต่งหน้าเติมสีสันที่ห้องแต่งหน้าด้านนอก ... ทดลองเมคอัพของ DHC ไปพร้อมกับจิบชาเขียวร้อนๆ แล้วเขียนใบประเมินบริการครั้งนี้ ... ออกมาแวะซื้อผลิตภัณฑ์ที่สนใจ แล้วก็พาตัวนุ่มๆ ลื่นๆ ไปหาคนดีตามที่นัดกันไว้


ยังมี voucher กับ สิทธิของสมาชิก สำหรับ DHC Olive Virgin Oil + Q10 Body Treatment อยู่อีก 2 ครั้ง ... สงสัยจะได้ซื้อ Onzen เพิ่ม แล้วแวะมาใช้บริการอีกแน่ๆ ว่าแต่จะมาคนเดียว หรือ แบ่งสิทธิที่มีให้คนดีได้ลองใช้ด้วยดีน้า

15.3.54

พักร้อน นอนเล่น หัวหิน #4

ย้อนดูกิจกรรมพักร้อนวันที่สามได้ ที่นี่ ค่ะ


วันสุดท้ายของการหยุดพักร้อนซะแล้ว แหม เวลาเดินไปเร็วจริง ยังเพลินลมทะเล เสียงคลื่น และไอแดด อยู่เลยค่ะ ... วันนี้ตื่นเร็วกว่าเดิมนิดหน่อย แปดโมงนิดๆ ก็ฟื้นลืมตาลงมาหม่ำข้าวเช้า


มื้อนี้ สั่งไข่ดาวกันคนละฟอง ไส้กรอก เบคอน อีกนิดหน่อย ... ตักข้าวต้มหมูมาแบ่งกัน ส่วนเครื่องเคียงอื่นๆ ก็เลือกกันตามถนัดค่ะ ... ท้องไส้ไม่ปกติทั้งคู่ โครกคราก คร๊อกแคร๊ก พิกล เลยหม่ำแค่รองท้องสักหน่อย


อิ่มแล้วก็ไปเดินเล่นชมวิวริมทะเล รับแสงแดด ลมทะเล เป็นครั้งสุดท้าย ... อยากมีเวลานอนฟังเสียงคลื่นอีกสัก 2-3 วันจังเลย


กลับขึ้นห้องพักคนดีก็เปิดโน้ตบุ้คนั่งทำงานทันที ส่วนเราก็เก็บของ แพ็คกระเป๋า ... เพราะวันนี้พิเศษนิดๆ ไม่ธรรมดาหน่อยๆ เนื่องจากเป็นวันครบรอบของเราสองคน เลยต้องมีการส่งมอบของขวัญกันหน่อยค่ะ


จริงๆ ทยอยให้มาตั้งแต่เริ่มออกเดินทางแล้วหล่ะค่ะ แต่มาพีคเอาวันสุดท้าย ครบ 9 ปี เลยมี 9 ชิ้น ค่ะ ... เรียงตามลำดับการให้อย่างที่เห็นค่ะ


ชอคโกแลตรูปหัวใจ ที่หาเจอจาก 7-11 ... สายคล้องมือถือ กับ มันนี่คลิป จาก Cicada Market ... 3 ชิ้นลวงเริ่มต้น ที่บอกคนดีว่าไม่ได้เตรียมของไว้ให้ ขอให้ของเล็กๆ น้อยๆ ที่หาได้ดาบหน้าแบบนี้แล้วกัน


ส่วน 6 ชิ้นที่เหลือ ซื้อเตรียมไว้ก่อนแล้ว ยกเว้นซีดีรวมเพลงรัก ที่เพิ่งซื้อจากตลาดโต้รุ่งหัวหิน ... ลอตเตอรี่ ที่เลขท้าย 2 ตัว คือ 51 ให้ไว้ลุ้นโชค ... การ์ดใบเล็กๆ ที่เอาไว้ลวงว่าไม่มีเวลาหาการ์ด


ก่อนจะปล่อยของหลักที่เตรียมไว้แล้วจริงๆ ออกมา ... การ์ดใบใหญ่ ของจริง ... ของขวัญชิ้นหลัก และของขวัญชิ้นพ่วงค่ะ


ค่อยๆ หยิบออกจากที่ซุกในกระเป๋ามาให้ทีละชิ้น จนคนดีเริ่มงง ... คนดีเลยต้องรีบไปหยิบการ์ดพิเศษที่เตรียมไว้ให้เรา มาส่งให้บ้าง ... การ์ดพิเศษขนาด A4 ที่มีเนื้อเพลง "ไม่ธรรมดา" และมีรูปภาพประกอบเล็กน้อย เห็นแล้วยิ้มกว้างเลยค่ะ


ส่งมอบของกันเรียบร้อย ก็ได้เวลาเก็บกระเป๋าจริงจัง แล้วเช็คเอาท์ ... บ๊าย บาย เรสท์ ดีเทล ไว้เจอกันใหม่นะคะ


อำลาที่พัก แต่ยังไม่อำลาหัวหินค่ะ ต้องหม่ำมื้อเที่ยงส่งท้ายก่อน ... มุ่งหน้าไป บ้านถั่วเย็น อีกครั้ง เพราะยังมีคูปองส่วนลดที่ซื้อมาเหลืออยู่


มะนาวโซดา เปรี้ยวซ่าชื่นใจคนละแก้ว ... ข้าวราดแกงเขียวหวานไก่ผัดแห้ง อร่อยมากกกก รสชาติกลมกล่อม หอมเครื่องแกง ... ข้าวผัดไข่เค็ม เบสิคง่ายๆ แต่รสเบาไปนิด ... คอหมูย่าง เนื้อนุ่ม อร่อยค่ะ ... จัดเป็นมื้ออร่อยเพลิน คุ้มค่าคูปองที่ซื้อมาค่ะ


วันนี้ร้านกล้วยทอดกระทะทองที่อยู่ฝั่งตรงข้ามไม่มาขาย ไม่งั้นคงได้ซื้ออีกแน่ๆ แต่ไม่ซื้อกินเองแล้วหล่ะค่ะ ซื้อมาฝากสมาชิกที่บ้าน ... เพราะรถขายกล้วยทอดไม่มา เลยเห็นป้ายร้าน ชายไอศครีมหัวหิน เด่นชัดเต็มตา ไม่มีรถ ไม่มีคนบัง มันเลยสะดุดตาเหลือเกินค่ะ


สะดุดตาขนาดนี้ จะไม่ชิมได้ยังไงหล่ะค่ะ ก็ต้องลองสักหน่อย ... ตกลงกันว่า ซื้อแก้วเดียวแบ่งกัน ดูจากป้ายแล้วกะว่าจะเลือก กะทิข้น กับ ชาเย็น ... แต่พอถึงร้านแม่ค้าบอกว่ามีหลายรสให้เลือกชิม ตายหล่ะ ลังเล เพราะน่าลองทั้งนั้น


เลยเลือกมาทั้ง กะทิข้น ชาเขียว ชาเย็น เผือก ... ตักกะทิข้นเข้าปากคำแรก แสงพุ่ง ตาโตกันเลย เพราะหอมกะทิ เข้มข้น หวานมัน จริงๆ ค่ะ ... ชาเขียว ชาเย็น ก็รสเป๊ะ ... ส่วน เผือก ที่จัดเป็นไอติมรสโปรดที่เราทั้งคู่ได้ยินแล้วตาโต ก็เข้มข้น เผือกได้ใจจริงๆ ค่ะ


เนื้อไอติมเนียนนุ่ม รสเข้มข้น ประทับใจเราสองคนมากกกกกกกก ... จัดเป็นร้านไอติมร้านโปรดทันที ถ้าไปหัวหินแล้วนึกอยากกินไอติมตอนกลางวันก็ไปร้านนี้ได้เลย ไม่ต้องรอจนเย็นย่ำค่ำมืดถึงจะไปร้านเจ๊นิแล้ว ... ปลื้มมากขนาดไปแวะซื้อของฝากที่ร้านแม่เก็บแล้ว ต้องวนรถกลับมาซื้อไอติมอีกถ้วยเลยค่ะ


แล้วก็ถึงเวลาต้องอำลาหัวหินอย่างแท้จริง มุ่งหน้าตรงกลับกรุงเทพฯ ... ลาจากฟ้าใส แดดดี อากาศสดชื่น เข้าเมืองมาก็เจอฟ้าเมืองหลวงที่หม่นๆ มัวๆ ครึ้มๆ ตามด้วยฝนกระหน่ำ ... เจออากาศแบบนี้อยากจะกลับไปพักร้อนต่อจริงๆ เลย

: 108 เดือน :

108 เดือน ที่เราจับจูงมือและเดินข้างๆ กันมา ... อยู่เป็นคู่กันมา 9 ปีแล้วเหรอเนี่ย


ค่อยๆ นับอายุความรักเพิ่มทีละเดือน จากเลขหลักเดียว แอบลุ้นในใจน่าดูว่าจะขยับมาเป็นเลข 2 หลักได้มั้ย ... ระยะทางของเลข 2 หลักดูยาวเหลือเกิน จะเขยิบมาถึงเลข 3 หลักรึเปล่าน้อ แล้วเราก็ช่วยกันดูแลให้มาถึงจนได้ ... ไม่มีทางที่จะขยับให้ถึงเลข 4 หลักได้แน่นอน เพราะไม่ใครก็ใครคงหมดอายุไปซะก่อน


แค่นี้ เท่านี้ ก็ดีเหลือเกินแล้ว ... การได้มีคนดีอยู่ข้างๆ เป็นคนรัก เป็นเพื่อนสนิท เป็นคู่หู เป็นคู่คิด นับเป็นเรื่องดีที่สุดที่เกิดขึ้นในชีวิตนี้




9 ปี ที่เรามีกันและกัน ไม่ใช่ทุกวันที่สดชื่น หวานเจี๊ยบ ... บางวันก็เถียงกันบ้าง งอนกันบ้าง เคืองกันบ้าง เข้าใจไม่ตรงกันบ้าง ... ไม่เคยรู้สึกว่าต้องอดทน รู้สึกว่าควรจะทำความเข้าใจ บางเรื่อง บางมุม ที่เรามองต่างกัน คิดไม่ตรงกัน ก็ช่วยกันปรับหาจุดพอเหมาะที่เราทั้งคู่จะยืนอยู่ด้วยกันได้สบาย


ขอโทษนะคะ ถ้าเกเร งอแงไปบ้าง ... ขอบคุณนะคะ ที่คอยดูแล ห่วงใย ใส่ใจกัน แม้จะหลงบ้างลืมบ้าง แต่พอสะกิดให้คุณรู้ตัว เราก็เห็นคนดีคนเดิมยืนอยู่ข้างๆ เสมอ


รักคนดี ที่ "ไม่ธรรมดา" คนนี้ที่สุดเลย


14.3.54

พักร้อน นอนเล่น หัวหิน #3

ย้อนดูกิจกรรมพักร้อนวันที่สองได้ ที่นี่ ค่ะ


อรุณสวัสดิ์วันจันทร์ค่า ... เช้านี้ตื่นเร็วกว่าเมื่อวานนิดนึง ตื่นมาตอนเกือบเก้าโมง ทันหม่ำข้าวเช้าแน่ๆ ... ล้างหน้าแปรงฟันเรียบร้อยก็ลงไปหม่ำกันเลยค่ะ


เหมือนเดิมค่ะ พนักงานมารับออเดอร์จานหลัก จานไข่ที่โต๊ะ ส่วนอาหารอื่นๆ ก็เลือกเดินตักจากไลน์บุฟเฟ่ต์ได้ตามชอบใจ ... เราเลือก ไข่คน ใส่ แฮม เห็ด พริกหวาน คนดีที่ตื่นลืมตามาก็รับสายโทรศัพท์วุ่นวายกับงานทันทีเลยขอก๊อปปี้เมนูด้วย


อิ่มแล้วก็กลับขึ้นห้อง เพราะท่าน MD ต้องเคลียร์งานค่ะ ... คนดีเปิดโน้ตบุ้ค เคลียร์แบบ ทำแบบ แล้วก็โทรศัพท์คุยงาน ตามงาน สั่งงาน ไปด้วย ... ส่วนเรา อ่านหนังสือ เล่นเกมไปตามเรื่อง ... คนนึงทำงาน อีกคนพักผ่อน


หลังจากฟังคนดีคุยโทรศัพท์ ไม่ต่ำกว่า 20 สาย กับคนประมาณ 7-8 คน ... เราก็เริ่มอดรนทนไม่ได้ เพราะรู้สึกถูกทอดทิ้ง แล้วชักจะหิวแล้วด้วย เลยต้องประท้วงสักหน่อย ... เลยได้ออกไปหม่ำข้าวเที่ยงตอนบ่ายๆ ค่ะ


คนดีหมายตาร้านก๋วยเตี๋ยวหมูไว้ตั้งแต่เย็นเมื่อวาน ขับรถออกไปวนหา ... แต่ถนนตอนค่ำๆ กับ ถนนตอนกลางวัน ไม่เหมือนกันค่ะ คนดีเลยหาไม่เจอ งง ว่ามันอยู่ตรงไหนแน่ ... สุดท้ายเลยวนกลับไปร้านที่คุ้นเคย ก๋วยเตี๋ยวปลานายหอย


เล็กน้ำต้มยำ ของคนดี กับ บะหมี่แห้งต้มยำ ของเรา ... แล้วคนดีก็ขอสั่ง บะหมี่แห้งต้มยำมาเพิ่มอีกชาม มาแบ่งกัน อิ่มพอดี


อิ่มของคาวแล้ว ก็ต้องตามด้วยของหวานค่ะ ... ลอดช่องสิงคโปร์ลุงดำ เจ้าอร่อย เจ้าโปรด เจ้าประจำของเรา ถ้วยเล็กๆ ทานง่าย ชื่นใจ ... ได้ของหวานแล้วก็วนรถเตรียมกลับเข้าโรงแรมค่ะ


แต่ทางกลับผ่านร้าน กล้วยทอดกระทะทอง เจ้าดัง ... คนดีเห็นคิวโล่งๆ เลยให้เราลงไปซื้อมาสัก 20 บาท ... คุณขอมา เราก็จัดให้ ลงไปยืนรอคิวสักพัก ไม่เกิน 30 นาที ก็ได้ของมาเรียบร้อย แบบรวม 20 บาท ... จากการทดสอบพบว่า ทานร้อนๆ ตอนเพิ่งซื้อมาอร่อยกว่า พอปล่อยทิ้งไว้จนเย็นแล้ว จะนิ่มเกินนนน


กลับมาถึงโรงแรมเข้าห้องพัก คนดีก็เปิดโน้ตบุ้คเคลียร์งานต่อ ส่วนเราก็คว้าหนังสือไปนอนอ่านตรงเดย์เบด ... อ่านไป ก็มองนาฬิกาไป เพราะเรามีนัดตอน 4 โมงเย็น


นัดที่ว่า จัดเป็นไฮไลท์ของวันนี้เลยค่ะ ... สปา 60 นาที สำหรับเราสองคน ซึ่งรวมอยู่ในแพคเกจที่ซื้อมาด้วย เลือกได้ว่าจะนวดไทย หรือ นวดอโรมา ... เราเลือกนวดอโรมา คนดีจำต้องนวดตาม แต่บ่นอุบอิบสักหน่อย เพราะต้องเปิดเผยเนื้อตัวอีกแล้ว


ไปถึงสปาตามเวลานัด ได้เครื่องดื่มเย็นๆ ชื่นใจก่อน พักเดียวเท่านั้น พนักงานก็พาไปที่ห้องทรีทเม้นท์ ... ห้องใหญ่โตโอ่โถงเกิน มีอ่างจากุชชี่แช่ตัวอยู่ด้วย แต่เราไม่ได้ใช้หรอกค่ะ ... เปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมนวด แล้วก็ขึ้นเตียงกันเลยค่ะ


1 ชั่วโมงแห่งความสบายผ่านไปอย่างรวดเร็ว ออกมานั่งพักจิบชาอุ่นๆ แล้วก็กลับเข้าห้อง ... คนดีเปิดโน้ตบุ้คทำงานอีกรอบ ส่วนเราคว้าหนังสือออกไปนั่งอ่านรับลมเย็นๆ ตรงระเบียง


อ่านไปอ่านมาชักยั๊วะ ว่าเอ๊ะ ทำไมฉันจะต้องมาอุดอู้อยู่ในห้อง ทั้งที่อากาศข้างนอกดี๊ดี เลยเข้าไปดูว่าคนดีเคลียร์งานจะเสร็จรียัง ถ้ายังจะไปอ่านหนังสือริมทะเลแล้วนะ ... พอดีที่คนดีเคลียร์แบบจบ เลยได้ออกไปพร้อมกัน ไม่งั้นหล่ะก็ มีเฮแน่ๆ เพราะเจ๊ชักยั๊วะแล้ว


น้ำลงพอดี เจอหาดทรายกว้างๆ ลมทะเลพัดแรง แดดร่ม อารมณ์เลยดี ... เดินเล่น ถ่ายรูป ดูวิว สบายใจ


เดินกลับเข้าโรงแรม แวะหม่ำมื้อเย็นกันเลยดีกว่า ... เดินมาใช้บริการห้องอาหาร Rest Scene ริมสระน้ำ ที่เก่า ที่เดิม แต่เปลี่ยนเมนูใหม่ค่ะ


เครื่องดื่มยังเป็น ฟรุตพันช์ กับ มะนาวโซดา เหมือนเดิม ... มีขนมปังกับเครื่องจิ้มแบบเดิมมาให้ ... ส่วนอาหารหลักลองชิมเมนูใหม่ๆ ค่ะ แองเจิ้ลแฮร์ปลาสลิดผัดพริกแห้ง รสชาติใช้ได้ แต่ยังไม่เป๊ะค่ะ ... ปีกไก่ทอดเสิร์ฟพร้อมส้มตำและน้ำจิ้มแจ่ว ปีกไก่ทอดกรอบ ส้มตำรสดี น้ำจิ้มแจ่วเยี่ยม ... สลัดปูนิ่มทอดกรอบ น้ำสลัดรสไม่คุ้นเคย แปลกๆ แปร่งๆ แต่ก็ไม่เลวค่ะ


อิ่มกำลังพอเหมาะ พอดี ก็ชวนกันกลับขึ้นมาดูทีวีรายการโปรด ... เดินขึ้นมาถึงห้องแป๊บเดียวก็มีเสียงเคาะประตูห้อง เดินไปเปิดก็เจอพนักงานเอาเค้กวันเกิดมาส่งค่ะ


ตอนส่งเมล์คอนเฟิร์มกลับมา บอกมาด้วยว่าตั้งใจจะมาฉลองวันเกิดย้อนหลัง เลยถามข้อมูลว่ามีโปรโมชั่นดินเนอร์อะไรบ้าง ช่วยแนะนำด้วย ... ไม่คิดว่า จะได้เค้กวันเกิดย้อนหลังแบบนี้ แค่เห็นเค้กก็ประทับใจจะแย่ แล้วยังอร่อยด้วย ประทับใจสุดๆ


กินเค้กไป ดูรายการโปรดไป เพลินที่สุด ... แต่คนดีเสียใจนิดหน่อย เพราะขนมช่วงเทิร์นดาวน์วันนี้ เป็นขนมหูช้าง ไม่ใช่เผือกกวนอย่างที่หวังไว้ค่ะ


จบวันพักร้อนวันที่ 3 แบบอารมณ์ดี๊ดี ... ส่วนวันพรุ่งนี้วันสุดท้ายแล้ว ยังมีแผนหม่ำอยู่ค่ะ ส่วนจะหม่ำอะไร ตามไปดู ที่นี่ ค่ะ

13.3.54

พักร้อน นอนเล่น หัวหิน #2

ย้อนไปดูกิจกรรมพักร้อนวันแรกได้ ที่นี่ ค่ะ


เมื่อคืนเข้านอนตอนตีหนึ่งกว่า เพราะมัวแต่นั่งดู กรีนชาแนล ก็ที่บ้านไม่มี มาเปิดเจอที่นี่เลยดูกันคิกคัก ... นอนดึกเป็นปกติ แต่ลืมตั้งนาฬิกาปลุก ผลเลยส่งให้ตื่นสายค่ะ ตื่นเอาเกือบสิบโมง เป็นครั้งแรกที่มาเที่ยวแล้วพลาดมื้อเช้า เลยไม่ได้รู้ว่ามื้อเช้าของที่ Sala @ Hua Hin เป็นยังไง


ตื่นสายแล้วเลยรีบอาบน้ำแต่งตัว แล้วจัดแจงเก็บของเตรียมเช็คเอาท์ทันที ... พลาด breakfast ไปแล้ว เปลี่ยนมาเป็น brunch แทนก็ได้ค่ะ ... จุดหมายของมื้อนี้อยู่ที่ บ้านถั่วเย็น


2 วันก่อนเดินทาง เปิดเจอคูปองส่วนลดอาหารและเครื่องดื่มของร้านนี้ เลยซื้อคูปองมาลองอุดหนุนสักหน่อย ... ร้านหาไม่ยากค่ะ อยู่บนถ.แนบเคหาสน์ เยื้องกับร้านส้มตำถนนตก และร้านกล้วยทอดกระทะทอง


ถั่วรวมปั่น เป็นถั่วแดง ถั่วเขียว ถั่วดำ ปั่นกับนม รสชาติมันๆ แปลกดีค่ะ ... ชาไทยปั่นถั่วแดง ชาเย็นปั่นแล้วใส่ถั่วแดงไว้ด้านล่าง ก็หอมมันดีค่ะ ... ส้มตำคอหมูย่าง หมูย่างรสชาติดี แต่เส้นมะละกอช้ำไปนิด ไม่กรุบกรอบ ... ข้าวผัดต้มยำกุ้ง หวานนำไปนิดนึง แต่พอบีบมะนาว เติมพริกน้ำปลาอีกหน่อย ก็ใช้ได้ค่ะ ... ข้าวผัดปลาทู ผัดมากำลังดี ไม่มันเกิน รสกลมกล่อม อร่อยค่า


เพราะร้านตรงข้ามคือ กล้วยทอดกระทะทอง-กล้วยทอดจิ้มนม ที่ขึ้นชื่อ ... ลูกค้าที่สั่งกล้วยทอดแล้ว ก็มานั่งรอร้านนี้ ลูกค้าร้านนี้ก็แวะไปหยิบบัตรคิวสั่งกล้วยทอดไว้ เอื้อประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย ... เราเองนั่งกินข้าวจวนจะหมด เห็นคิวร้านกล้วยทอดโล่งๆ เลยข้ามไปหยิบบัตรคิว ลองชิมสักหน่อย


สั่งแบบรวม ทั้ง กล้วยทอด มันทอด ฟักทองทอด ... รสชาติก็ธรรมดาทั่วไปของกล้วยทอดนะคะ จะแปลกก็ตรงที่มีฟักทองนี่หล่ะค่ะ ... เนื้อแป้งที่คลุกกรอบดี เพราะทอดเสร็จใหม่ๆ กินร้อนๆ แต่ไม่รู้ว่าถ้าปล่อยไว้นานจะเป็นยังไง ... แล้วลองจิ้มนมดู ก็ไม่ประทับใจ มีแต่หวานเพิ่มขึ้นมาเท่านั้น ... ถ้ามาอีกรอบเจอคิวโล่งๆ คงซื้อ แต่ถ้าให้ยืนรอคิวเป็นชั่วโมง คงผ่านค่ะ เพราะไม่ได้อร่อยเทพ แสงพุ่งขนาดนั้น


อิ่มทั้งคาว-หวานครบแล้ว ก็ตรงเข้าที่พักของคืนนี้ดีกว่า ... Rest Detail Hotel Hua Hin ... 1 ในโรงแรมที่ประทับใจ


มาถึงก่อนเวลาเช็คอินพักใหญ่ แต่ไม่เป็นไรค่ะ รอได้ ... ส่งเอกสารทำเรื่องเช็คอินเรียบร้อย ก็มาเอกเขนกนั่งอ่านหนังสือตรงล็อบบี้ จิบชามะนาว หอมๆ เย็นๆ รอเวลาห้องพักเรียบร้อย ซึ่งก็รอไม่นานค่ะ


คราวนี้ได้ห้องพักแบบ Rest Spirit อุปกรณ์อำนวยความสะดวกก็ครบถ้วนเหมือนเดิม ... มาพักที่นี่เป็นหนที่ 3 แต่พักห้อง type นี้เป็นครั้งแรก ที่ต่างไปจาก 2 ครั้งก่อนก็ตรงที่ห้องนี้ไม่มีอ่างอาบน้ำ แต่มีห้องเชาเวอร์ที่มีฝักบัวนวดตัว และเป็นห้องเชาวเวอร์ที่เซ็กซี่ไม่เบา


เอนหลังพักผ่อน ดูทีวี เล่นคอมฯ อ่านหนังสือ ฟังเพลง ไปเรื่อยๆ พอห้าโมงเย็นก็ได้เวลาออกไปหาอะไรหม่ำกันดีกว่าค่ะ


มื้อเย็นวันนี้ ตกลงกันว่า เลือกอาหารเบาๆ แล้วเดินลุยตลาดกันเหมือนเดิม ... แต่ในตลาดมีร้านที่นั่งทานได้สบายๆ น้อยเหลือเกิน เลยเดินออกกำลังกันสักหน่อย ไป ร้านข้าวต้มเจ๊แมว ดีกว่าค่ะ


ข้าวต้มปลาคนละถ้วย กับน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวก็อร่อยแล้ว ... เพิ่มยำผักกาดดองมาทานแกล้มเพลินๆ อิ่ม อร่อย แบบเบาๆ สบายท้อง


มีของคาวแล้ว ก็ต้องมีของหวานค่ะ ... เลือก โรตีอินเตอร์ เจ้าเดิม โรตีโอวันติลของเรา กับ โรตีนูเทลล่า+เนยถั่วของคนดี ... แล้วไปซื้อ น้ำบ๊วยมะนาวปั่นใส่เยลลี่ กับ ยาคูลท์+ปีโป้ปั่น มาเพิ่มอีกนิดก็อิ่มเพลินนนนนนน


อิ่มๆ แบบนี้ ไปเดินเล่น เดินย่อยสักหน่อยท่าจะดี งั้นเลยเข้าไป Cicada Market กันดีกว่า ... กะว่าจะมาเดินเล่นเพลินๆ แต่กลายเป็นเดินช้อปปิ้งกันอย่างเพลิดเพลิน ได้ของใช้ ของฝาก ของขวัญ ติดมือกันมาคนละหลายชิ้น


เดินครบรอบแบบเร็วๆ เหงื่อเริ่มซึม และจวนจะกลายเป็นเหงื่อท่วม เลยชวนกันกลับห้องพักดีกว่า ... กลับมาถึงก็เจอห้องที่พนักงานมาเทิร์นดาวน์ให้เรียบร้อยแล้ว


จัดเรียงหมอน เปิดเตียง ปิดม่าน เตรียมสลิปเปอร์ไว้ให้ และที่สำคัญคือ มีขนมยามค่ำมาวางไว้ให้ ... วันนี้เป็นลูกชุบค่ะ แต่เราสองคนแอบติดใจเผือกกวนมากกว่า


คนดีเห็นลูกชุบเลยออกอาการงอแงเล็กน้อย เพราะเห็นว่ามีห้องนึง เอาจานเผือกกวนมาวางไว้หน้าห้อง เข้าใจว่าน่าจะเป็นของเมื่อวาน ... คนดีงอแงอยากได้เผือกกวนบ้าง เลยบอกว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้จะลองถามให้


ติดตามว่าค่ำวันพรุ่งนี้คนดีจะได้กินเผือกกวนสมใจรึเปล่า ได้ ที่นี่ ค่ะ

12.3.54

พักร้อน นอนเล่น หัวหิน #1

ทริปหัวหินมาอีกแล้วค่ะ ... หัวหินเหมือนเป็นที่ชาร์จแบต มาพักผ่อน นอนเล่น กินของอร่อย มาทีไรโปรแกรมกินเพียบ วางแผนว่าจะไปหม่ำร้านไหนบ้าง โปรแกรมตะลอนเที่ยวไม่ค่อยมีสักเท่าไหร่


ทริปนี้ก็เช่นกันค่ะ ใช้สิทธิลาพักร้อน มานอนเล่น และตระเวนกินของอร่อย ... ให้คนดีได้พักผ่อนคลายเครียดจากเรื่องงานและที่บ้าน ส่วนเราก็ชาร์จแบตตุนพลังไว้ ... เลยเป็นทริปแบบเอ้อระเหยลอยชาย ไม่เร่ง ไม่รีบ


เพราะออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ตอนสิบโมงครึ่งได้ ขับมาเรื่อยๆ จุดหมายแรกคือ ชะอำ เพราะจะแวะหม่ำ ... ราวๆ เที่ยงครึ่งก็ถึง ครัวเม็ดทราย ซึ่งเป็นเป้าหมายหลัก


ติดใจจาก ทริปเราสองสามคน เลยต้องหาโอกาสแวะมาชิมซ้ำ ... กุ้งผัดพริกเกลือ ปูม้านึ่ง และส้มตำทะเล ในรูปอาจจะดูน้อย แต่จานมาอลังการมากสำหรับเราสองคน


ครั้งนี้ผิดหวังเล็กน้อย อารมณ์เหมือนจับได้ว่าแฟนนอกใจ เพราะรสชาติอาหารแปลกไป ดูจะติดหวานมากกว่าเดิม โดยเฉพาะกุ้งผัดพริกเกลือ กับ น้ำจิ้มซีฟู้ด ที่ดูจะเป็นสูตรเดียวกัน สงสัยจะเปลี่ยนแม่ครัวใหม่ เพราะเมื่อเทียบรูปน้ำจิ้มซีฟู้ดจากครั้งก่อน ไม่เหมือนกัน ... ต้องขอมะนาวมาบีบเติมความเปรี้ยวจัดจ้านขึ้นสักหน่อย ยังดีที่ปูสด เลยกินเนื้อปูนึ่งเปล่าๆ ได้เพลินๆ โดยไม่ต้องพึ่งน้ำจิ้ม


เลาะเล็มปู 1 โล กันอย่างเพลิดเพลิน ราวๆ บ่ายสามโมง ถึงได้ย้ายร่างเข้าที่พัก Sala @ Hua Hin Service Apartment & Hotel ... ที่พักที่หาได้ก่อนเดินทาง 3 วัน


ที่พักใหม่ เพิ่งเปิดไม่นาน สะอาดสะอ้าน สะดวกสบาย ติดถนนใหญ่ แต่ไม่ติดทะเล ก็ยังพอมองเห็นวิวทะเลอยู่บ้าง ... เราจองห้องพัก Superior ผ่านทางเว็บของโรงแรม ได้รับสิทธิ upgrade ให้เป็นห้องแบบ Deluxe


พื้นที่ห้องกว้างขวาง โล่ง โปร่ง สบายตา อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบ ... แอร์ ทีวีพร้อมเคเบิลท้องถิ่น ตู้เย็น พร้อมมินิบาร์เล็กๆ ตู้เซฟ ไดร์เป่าผม ห้องน้ำมีสายฉีดชำระ ภายในห้องมีทั้งชุดรับแขก และโต๊ะทานข้าวเล็กๆ ... ระบบความปลอดภัยน่าจะวางใจได้ระดับนึง เพราะตอนกดลิฟท์ต้องใช้คีย์การ์ดแตะด้วย แล้วลิฟท์จะเปิดเฉพาะชั้นนั้น


เข้าห้องพัก เอกเขนกเอนหลัง รับแอร์เย็นฉ่ำ ... พักเดียวเราสองคนก็พากันหลับผล็อย ... มาตื่นเอาตอนเกือบหกโมง ล้างหน้าล้างตา เก็บของ เตรียมออกไปหม่ำกันดีกว่า


มื้อเย็นวันนี้ เลือกฝากท้องแบบเบาๆ ง่ายๆ กับบรรดาร้านรวงในตลาดหัวหิน ... ผัดไทย ข้าวโพดปิ้ง ไอติเจ๊นิ โรตีอินเตอร์ แล้วซื้อน้ำปั่นแก้วนึง กับ มะม่วง + กะปิโหว่ ติดมือกลับมาด้วย


กลับมาเอกเขนกดูทีวี เล่นเกม แล้วก็อัพบล็อกนี่หล่ะค่ะ ... ส่วนวันพรุ่งนี้จะเป็นยังไง กินอะไร ไปไหน ติดตามได้ ที่นี่ ค่ะ

10.3.54

My Birthday 2011

เบญจเพศอีกรอบแล้ว ... อร๊ายยยยย เวลาผ่านไปเร็วจริง อายุเพิ่มอีกแล้ว 35 แล้วเหรอเนี่ย


ตั้งใจจะตื่นมาใส่บาตร แต่ตื่นสายเลยไม่ได้ใส่บาตรให้เป็นมงคลแก่ตัว ... ตื่นมาแบบมึนๆ งงๆ ลงไปเข้าห้องน้ำ เดินกลับขึ้นมาก็เห็นสิ่งแปลกปลอมใกล้ๆ ประตูห้อง เดินเข้าไปดูใกล้ๆ ... อ๋อออออออ


ของขวัญประเดิมของวันนี้ จากเจ้าน้องชาย ... มาแบบเรียบๆ ง่ายๆ แต่เห็นแล้วยิ้มกว้าง พวงกุญแจ stitch


มาทำงานตามปกติ เดินเข้าออฟฟิศก็มีเสียง Happy Birthday จากสาวๆ ลอยมาทักทาย ... เปิดคอมฯ ทำงาน ก็มาเจอข้อความอวยพรผ่าน facebook จากพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ส่งมาให้เป็นระยะ ... ทุกๆ คำอวยพรที่ส่งมา ทำให้วันนี้เป็นวันดีดี ที่มียิ้มได้เรื่อยๆ ตลอดทั้งวัน


บ่ายแก่ๆ ก็ได้ยิ้มกว้างงงงงง ... นั่งทำงานอยู่เพลินๆ ไฟเหนือโต๊ะทำงานดับ คิดว่าไฟตก แต่พอดวงอื่นทยอยดับก็รู้ทันที มีเค้กมาแน่ๆ ... เงยหน้าขึ้นมาก็เจอคนดีเดินถือเค้กเข้ามาให้


เค้กหลากหลายรสชาติจาก ร้านละเลียด ที่คนดีเลือกมาให้เราและสาวๆ ... ใช่ค่ะ คนดีไม่ได้เลือกเค้กมาให้เราคนเดียว แต่ที่หยิบมาหลากหลายรสขนาดนี้ ก็เพราะรู้ว่าสาวๆ ที่ออฟฟิศโปรดปรานเค้กร้านนี้ จะได้ทานเค้กหลากหลายรสกันถ้วนหน้า


ชิมเค้กกันคนละหลายคำแล้ว ก็แยกย้ายกลับไปทำงานกันต่อ แต่ทำไม่นานนักก็ได้เวลาเลิกงานพอดี ... เก็บเค้กที่เหลือเข้าตู้เย็น เก็บข้าวของแยกย้ายกันกลับบ้าน


พอเปิดประตูรถเตรียมขึ้นประจำที่นั่ง ก็เจอกับเค้ก กับ การ์ด วางอยู่บนเบาะ ... คนดีบอกว่า กลัวเราจะได้ทานเค้กไม่เต็มที่ เลยจัดชุดพิเศษมาให้อีกส่วนนึง ... ขอบคุณนะคะ คนดี น่ารักที่สุดเลย


ล้อหมุนมุ่งหน้าไปร้านอาหารที่เล็งไว้ รอบนี้คนดีน่ารักมาก เพราะโทรจองโต๊ะไว้เรียบร้อย ... ขอบคุณนะคะ ขอบคุณที่เจียดเวลาที่วุ่นวายจากงานมาจัดการเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ให้ ... เล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ ถูกใจ โดนใจ ชอบใจที่สุดเลยค่ะ


ร้านอาหารที่เลือกไว้ คือ Vanilla Cafe ในส่วนพื้นที่ของ Vanilla Garden ค่ะ ... ได้ยินชื่อมานาน แต่ยังไม่เคยมาลองชิม คราวนี้ได้โอกาสสักที


ภายในพื้นที่ของ Vanilla Garden แบ่งออกเป็น 3 ส่วนค่ะ คือ Sauce ร้านหนังสือตกแต่งสไตล์ลอฟท์ Royal Vanilla ร้านอาหารจีนในบรรยากาศคล้ายโรงเตี๊ยม และ Vanilla Cafe ร้านอาหารอิตาเลียน-ญี่ปุ่น ในบ้านเก่า ตกแต่งสไตล์เรโทร-ญี่ปุ่น ที่เราเลือกชิมครั้งนี้ค่ะ


แม้จะนั่งในส่วนของ Vanilla Garden แต่ก็สั่งอาหารจาก Royal Vanilla มาได้นะคะ ... นั่งแล้วก็เปิดเมนู สั่งอาหารกันเลยดีกว่าค่ะ


แค่รายการเครื่องดื่มก็ทำเอาเราตื่นตาตื่นใจแล้วค่ะ ... เพราะมีเครื่องดื่มในหมวด โซดา และ ฟรอสท์ ให้เลือกหลากหลาย ถูกใจที่ซู้ดดด ... ละลานตาเลือกไม่ถูก สุดท้ายก็เลือก เชอรี่เลมอนเนดโซดา เปรี้ยวนิดๆ หอมเชอรี่ และซ่าหน่อยๆ ถูกใจจัง


ส่วนอาหารเลือก ข้าวผัดขาหมูกรอบ กับ เต้าหู้ทอดเกลือ จาก Royal Vanilla ... ข้าวผัดผัดมากำลังดี หอมกลิ่นขาหมูกรอบ เติมเต้าหู้ทอดเกลือลงไป ก็เข้ากันได้พอเหมาะ


ที่เหลืออีก 3 จาน เป็นของฝั่ง Vanilla Cafe ค่ะ ... แองเจิ้ลแฮร์ทูน่าฟู สปาเกตตี้เส้นเล็กๆ ผัดกับสมุนไพรฝรั่ง โรยหน้ามาาด้วยทูน่าฟู อร่อยค่ะ ... เทมปุระคริสปี้โรล ข้าวห่อเทมปุระกุ้ง โรยหน้าด้วยแป้งเทมปุระ กับ ไข่กุ้ง ราดซอสญี่ปุ่่นหวานๆ หอมๆ เป็นข้าวห่อคำโตมาก และอร่อยมากกกค่ะ ... ครีมโคโรเกะปู ของโปรดที่เจอต้องสั่งมาชิม ของที่นี่ก็อร่อยมาก เนื้อโคโรเกะเนียนนุ่ม หม่ำเพลิน


เป็นมื้อที่ประทับใจทั้งสถานที่ด้านนอก บรรยากาศในร้าน และรสชาติของอาหารค่ะ ... แอบเก็บไว้เป็น 1 ในร้านโปรด เพราะยังมีอีกหลายเมนูที่น่าสนใจ และควรจะลองชิม ... ยังมีของหวานที่น่าสนใจอยู่ด้วยค่ะ แต่อิ่มเกิน จนชิมไม่ไหว ต้องเก็บไว้โอกาสหน้า


ขอบคุณเจ้ามือใจดี คนดีที่น่ารัก ... ที่พามาร้านที่เราสนใจ แล้วยังจัดการจองโต๊ะไว้ล่วงหน้าด้วย แค่มีคุณอยู่ข้างๆ ก็เป็นของขวัญที่ดีที่สุดแล้ว ขอบคุณมากนะคะ

9.3.54

คนดีใช้สิทธิวาเลนไทน์

เมื่อวาเลนไทน์ที่ผ่านมา จัด voucher : body treatment ลงซองการ์ด แล้วไปซุกไว้ให้คนดี ... วันนี้ถึงเวลาคนดีได้รับสิทธินั้นแล้วค่ะ


จริงๆ เราตั้งใจจะมาทำ Body treatment ที่ DHC Olive beauty เพราะ voucher ที่ใช้จะหมดอายุวันพรุ่งนี้ ... คนดีเลยได้โอกาสติดสอยห้อยตามมาใช้สิทธิที่ได้เป็นของขวัญไปพร้อมกันเลย


เลิกงาน ก็รีบตาลีตาเหลือกออกจากออฟฟิศ ตรงไปพารากอน ... แม้จะหิวโหยก็ต้องอดใจไว้ เดี๋ยวไม่ทันเวลานัด แล้วกินข้าวก่อนนวดกระชั้นชิดแบบนี้ก็ไม่ดีด้วย


ถึงก่อนเวลานัดนิดหน่อย พนักงานพาไปนั่งรอ เสิร์ฟเก็กฮวยเย็นๆ หวาน หอม ชื่นใจ มาให้ดื่มดับกระหาย ... แล้วเอากลิ่นอโรมาที่จะใช้จุดในห้องมาให้เลือก เลือกได้เรียบร้อย รออีกสักพัก เธอราปิสท์ของเราสองคนก็ออกมาแนะนำตัว แล้วพาเราแยกเข้าห้องทรีทเม้นท์ไปคนละห้อง


คนดีเข้าไปทำ Exfloiating body treatment ... ที่จัดตัวนี้ให้เพราะคนดีบ่นอยากขัดตัวไล่รอยกระดำกระด่าง แต่คนดีก็บ่นอุบ เพราะต้องโป๊ ต้องเปิดเผยเนื้อตัวให้เธอราปิสท์ขัดๆ นวดๆ


เริ่มจากอาบน้ำล้างตัว แล้วมาให้เธอราปิสท์ขัดตัวให้ ล้างตัวอีกรอบ แล้วนวดปิดท้าย ... เสร็จกระบวนการก็ออกมาพักดื่มชา เขียนใบคอมเม้นท์


ส่วนเราเลือกทำ Body treatment สูตร Olive virgin oil ... อาบน้ำล้างตัว แล้วเธอราปิสท์ก็นวดผ่อนคลาย และบำรุงผิวไปพร้อมๆ กัน สบายยยยยยยยยยย


ทรีทเม้นท์ของเราใช้เวลาน้อยกว่า เสร็จก่อน ออกมานั่งจิบชา เขียนใบคอมเม้นท์รอ ... สักพักคนดีก็ตามออกมาสมทบ หน้าตาดูงุนงงเล็กน้อย ถามแล้วได้ความว่า ก็สบายตัวดี แม้จะเขินนิดหน่อย


จริงๆ ก็นวดให้คนดีบ้าง แต่นวดได้แค่นิดๆ หน่อยๆ เป็นครั้งคราว มาให้มืออาชีพนวดให้แบบนี้ สบายตัวดีกว่าเยอะ ... คนดีจ๋า ไว้มานวดกันอีกมั้ย

8.3.54

English Class #12

เว้นช่วงการเรียนภาษาอังกฤษไปเกือบเดือน เพราะคุณครูติดภารกิจ ... ประดานักเรียนเลยเอ้อระเหยลอยชายกันสบาย


กลับมาเรียนคลาสนี้กัน 4 คน ... ขาดไป 3 ติดภารกิจงานคนนึง ติดภารกิจที่บ้านคนนึง ส่วนอีกคนขอหยุดเรียนก่อนจบคลาสเพราะงานยุ่งนุงนังเกินจะปลีกตัวได้


นับเป็นคลาสเรียนที่เกือบจะไม่ได้เรียนอีกรอบ เพราะออฟฟิศอยู่ระหว่างตกแต่งปรับปรุงใหม่ เกิดมีปัญหาน้ำไหลไม่ปกติ ห้องน้ำเกือบจะใช้ไม่ได้ ... เป็นการเรียนที่ต้องอดทนอดกลั้นกันน่าดู


คลาสนี้ยังคงอยู่ที่ Prefix+Suffix, Sentence Structure, Writing+Grammar และ Vocabulary ... ครูหยิบยกเอาข่าวจากหนังสือพิมพ์มาให้แกะโครงสร้างประโยค หา Noun, Verb, Adverb, Adjective


แกะไปแกะมา ก็ย้อนกลับไปรื้อฟื้นความรู้เดิม เรื่อง Subject + Pedicate กลับมาด้วย ... เพราะเจอประโยคซ้อนประโยค ทำเอาฉงนงงงวยกันบ้าง


ดูเหมือนยาก แต่ก็ไม่ยากซะทีเดียว เพราะพอลองทำแล้ว ก็เข้าใจมากขึ้น ... ถ้าฝึกบ่อยๆ คงจะคุ้นกว่านี้ ครูเลยให้การบ้านเขียนประโยคกลับมาส่งด้วย


พอครูบอกว่าให้การบ้านปุ๊บ เราก็บอกทันทีว่าสัปดาห์หน้าไม่มานะคะ ... ไม่ได้กลัวการบ้านหรอกค่ะ แต่ติดอยู่ในช่วงลาพักร้อนพอดี อาจจะขาดเรียนไป ... แต่สมาชิกร่วมคลาสบอกว่า เว้นวรรคงดเรียนไปเลยเถอะ เพราะกลัวสมาชิกหดหายไปอีก เหลือน้อยคน เรียนแล้วเหงา


ตั้งใจลาพักร้อนไปพักผ่อน แต่ดูเหมือนลาพักร้อน ไปทำการบ้านมาส่งครูยังไงก็ไม่รู้ ... See you next class ค่ะ

6.3.54

เพลิดเพลินหุ่นขี้ผึ้งมาดามทุสโซ

ผลพวงจากการไปเดินเก็บโบรชัวร์งานไทยเที่ยวไทย เลยได้เจอบูธขายบัตรชมหุ่นขี้ผึ้งมาดามทุสโซค่ะ ... สนใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว มาเจอราคาโปรพิเศษ ซื้อ 2 แถม 1 เลยตาโต


ก่อนซื้อก็ขอถามข้อมูลสักนิดว่าใช้ได้ถึงเมื่อไหร่ ... คำตอบคือ ใช้ได้ภายใน 30 เม.ย. นี้ ... โอ๊ะ ระยะเวลาสั้นจัง เอาไงดี ไม่แน่ใจคิวเสาร์-อาทิตย์ว่าจะว่างมั้ย หรือ จะไปวันธรรมดาดี ... อย่ากระนั้นเลย ซื้อปุ๊บ ใช้ปั๊บเลยดีกว่า วันอาทิตย์นี่แหละ


เรา คนดี บีหมวย นัดเจอกันเช้าวันอาทิตย์ แวะรับบีหมวยที่จุดนัดพบระหว่างทางแล้วมุ่งหน้าตรงไป สยามพารากอนด้วยกันเลย ... แต่พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งมาดาทุสโซ อยู่ที่ชั้น 6 สยามดิสคัฟเวอรี่นะคะ ... แต่ไปจอดรถที่สยามพารากอน เพราะจะได้สะดวกสำหรับการหม่ำข้าวค่ะ


จอดรถเรียบร้อยก็รีบเดินเลาะไปหน้าสยามดิสฯ แล้วกดลิฟท์ขึ้นไป ชั้น 6 ... ตรงดิ่งไปเลย ไม่ต้องเสียเวลาเดินวนในตัวอาคาร ... เรามีบัตรมาพร้อมแล้ว ก็ยื่นให้พนักงานด้านหน้า แล้วก็เดินเข้าไปชมได้เลยค่ะ


ไม่ได้ศึกษาข้อมูลล่วงหน้าว่าด้านในมีหุ่นขี้ผึ้งของใครอยู่บ้าง ... พอเดินเข้าไปโซนแรก ก็ตื่นตาตื่นใจเลยค่ะ


หุ่นขี้ผึ้ง พระบรมราชชนก กับ สมเด็จย่า ... พร้อมกับป้ายบอกเล่าพระราชประวัติช่วงต่างๆ (รูปบนซ้าย) ที่เห็นรูปภาพเรียงเป็นแถวนั่นหล่ะค่ะ พอพลิกด้านหลังก็จะเป็นข้อความบอกเล่าเรื่องราวในภาพ เป็นการให้ข้อมูลแบบสนุก และเพลิดเพลิน ... แล้วยังมีจอทัชสกรีน บอกเล่าลำดับของราชวงศ์จักรีด้วย ... แค่เริ่มต้นก็ตื่นตาตื่นใจแล้ว


ช้อบ ชอบ วิธีการนำเสนอแบบที่มีลูกเล่นแบบนี้ ดูน่าสนใจ ไม่จำเจ และเพลินดี ... อย่างมุมนี้ก็เป็นป้ายสามเหลี่ยม ภาพพระที่นั่งอนันตสมาคม แต่พอพลิกไป ก็จะเป็นภาพพระบรมมหาราชวัง ... อยากจะยืนพลิกเล่นให้ครบนะคะ แต่เกรงใจครอบครัวที่เดินตามหลังมา เห็นมีเด็กๆ ด้วย น้องๆ ก็คงอยากลองเล่นเหมือนกัน


เลยผละจากโซนนี้ เดินเข้าไปโซนต่อไปค่ะ ... ก้าวเท้าเข้าไปปุ๊บ รู้สึกตัวลีบเล็ก และสงบเสงี่ยมขึ้นมาทันทีค่ะ เพราะเป็นห้อง "ประวัติศาสตร์และบุคคลสำคัญ"


เจอ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช มหาตมา คานธี ท่านพุทธทาสภิกขุ ... หุ่นขี้ผึ้งแต่ละท่าน เหมือนจริง และดูน่าเกรงขาม เห็นแล้วเกรงใจ สงบเสงี่ยมไม่กล้าซนเลย ... จะมีป้ายบอกชื่อหุ่นขี้ผึ้ง พร้อมคำอธิบายเพิ่มเติม แต่บางท่าน ก็จะมีข้อมูลเพิ่มซ่อนอยู่ในลูกเล่นของการนำเสนอนะคะ


มีทั้งแบบกล่องคำถาม ให้เปิดหาคำตอบด้านใน ... ป้ายรูปให้พลิกอ่านข้อมูลด้านหลัง ... รูปของเจ้าหญิงไดอาน่า พลิกด้านหลังก็เป็นคำอธิบายภาพ ... ส่วนที่เห็นเป็นโต๊ะ แล้วมีแผนที่ ก็บอกประวัติของผู้นำประเทศต่างๆ ที่พอกดปุ่มก็จะมีไฟขึ้นตรงแผนที่เพื่อบอกว่าประเทศนั้นอยู่ตรงไหน


ซึ่งใกล้ๆ โต๊ะตัวนี้ ก็มีหุ่นขี้ผึ้งของผู้นำประเทศต่างๆ อยู่ ... แล้วมีโพเดียมสำหรับแถลงข่าวด้วยค่ะ เข้าไปยืนแอ็คถ่ายรูปได้ ในขณะเดียวกันก็จะมีภาพลิงค์ไปขึ้นบนจอด้วย เสมือนว่ากำลังให้สัมภาษณ์ออกทีวีอยู่ค่ะ


หุ่นขี้ผึ้งของห้องนี้ ชวนให้เคารพ และสงบเสงี่ยมเจียมตัวมากค่ะ ดูซิคะ ทั้ง ควีนอลิซาเบธ เจ้าหญิงไดอาน่า องค์ดาไลลามะ เมื้อนนนนนนน เหมือนค่ะ ... ที่พอจะให้ร่าเริง คึกคัก และกล้าซนได้ ก็ต้อง ท่านประธานาธิบดี บารัค โอบามา กับ เฟิร์สท เลดี้ มิเชล โอบามา นี่หล่ะค่ะ ที่ยืนต้อนรับผู้เข้าชม ให้ได้ทดลองนั่งโต๊ะประธานาธิบดี


เดินเก็บไม้เก็บมือจนเริ่มจะอึดอัด งั้นย้ายไปโซนต่อไปดีกว่า "ศิลปะและวิทยาศาสตร์" แสดงหุ่นขี้ผึ้งทั้งไทยและต่างประเทศค่ะ


สุนทรภู่ พิคัสโซ บีโธเฟน พญ. คุณหญิงพรทิพย์ ศ.ศิลป์ พีระศรี และอีกหลายท่าน ... ห้องนี้หุ่นขี้ผึ้งก็เมื้อน เหมือนนะคะ แต่ความน่าเกรงขามลดลงค่ะ แล้วยังมีพร็อพให้หยิบจับมาเล่นด้วยนะคะ


โซนถัดมา "นักกีฬาคนโปรด" ยิ่งเพิ่มความสนุกสนานในการถ่ายรูปค่ะ ... เดวิด เบคแฮม ไทเกอร์วูดส์ โรนัลดินโญ มูฮัมหมัด อาลี นักกีฬาไทยก็มีนะคะ เขาทราย และ น้องไก่ ปวีณา ... แต่ละคน แต่ละจุด มีพร็อบให้เราเล่นกันได้สนุกสนานเยอะเลยหล่ะค่ะ


ไปสนุกกันต่อที่โซน "ศิลปินเพลงป๊อบ" ... เดินเข้าไปก็เจอ ทาทา น้าแอ๊ดคาราบาว บียอนเซ่ ไมเคิล แจ๊คสัน มาดอนน่า บริทนีย์ พุ่มพวง ดวงจันทร์ ยอดรัก สลักใจ ก็รวมอยู่ในห้องนี้ด้วยนะคะ เดินถ่ายรูปกันสนุกเลยค่ะ ... แล้วยังมีห้องคาราโอเกะให้ได้โชว์เสียงตัวเองด้วยนะคะ


เดินต่อมาที่ "ศิลปินจอแก้ว" รวมเหล่าดาราทั้งไทยและเทศ มิตร-เพชรา-สมบัติ เคน-แอน บรูซ ลี โอปราห์ ... ที่ฮอตฮิตของโซนนี้ ก็ต้องยกให้ เคน หล่ะค่ะ สาวๆ ไม่พลาดถ่ายรูปด้วยสักราย บีหมวยยังต้องขอซบอกกันหน่อยเลยค่า


ถึงโซนสุดท้ายแล้วค่ะ "ปาร์ตี้คนดังบนพรมแดง" รวมเหล่าดาราฮอลลีวู้ดมากหน้าหลายตา ... ที่ทำให้เรา กรี๊ดกร๊าดวี๊ดว้ายออกอาการมากสุด ก็ต้อง จอห์นนี่ เดปป์ กับ จอร์จ คลูนีย์ ค่ะ หล่อมากกกก เหมือนมากกกกก


ส่วนคนดีก็ออกอาการเมื่อเจอดาราสาวๆ นิโคล คิดแมน กับ แองเจลินา โจลี่ นี่ขวัญใจเลย จูเลีย โรเบิร์ท ก็สวย คนดีของเหมา ถ่ายรูปคู่ด้วยทุกคน


จบจากโซนนี้ ก็เดินขึ้นบันไดวนไปสักนิด ไปอ่านประวัติของมาดามทุสโซ กับ ข้อมูลเบื้องหลังของหุ่นขี้ผึ้งแต่ละคน ว่ากว่าจะได้หุ่นขี้ผึ้งสักตัวเนี่ย ต้องวัดตัว ต้องหล่อแบบ ต้องปั้น ต้องเก็บงาน กันขนาดไหน ... มิน่าเล่า ถึงได้เหมือนจริงกันขนาดนี้


ใช้เวลาเดินเล่นอยู่ในพิพิธภัณฑ์ราวๆ ชั่วโมงครึ่ง เพลินสุดๆ ค่ะ ... คุ้มค่ากับราคาที่เสียไปจริงๆ ถ้างานครั้งหน้ามีโปรแบบนี้มาอีก ก็น่าสนใจ เพราะจะมีการสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนหุ่นขี้ผึ้งมาโชว์อยู่เรื่อยๆ ค่ะ