วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการใช้ชีวิตพนักงานบริษัทของคนดีแล้ว ... ตั้งแต่วันพรุ่งนี้คนดีก็จะเริ่มต้นทางเดินชีวิตใหม่ ก้าวออกมาเดินตามทางของตัวเอง เลือกเอง กำหนดเอง
ตอนที่คนดียื่นเรื่องลาออกแรก ก็ตกอยู่ในโหมดซึมเศร้า เพราะไม่ได้เข้าไปคุยกับหัวหน้าก่อน ตัดสินใจปุ๊บก็ยื่นจดหมายลาออกปั๊บ ... หัวหน้าของคนดีซึ่งสนิทกันตั้งแต่ทำงานอยู่บริษัทก่อน และเป็นคนชวนมาทำงานที่นี่ เลยตกใจ เสียใจ พูดเชิงตัดพ้อนิดๆ ว่าทำไมถึงไม่คุยกันก่อน แต่ก่อนยังพูดคุยปรึกษากันได้ทุกเรื่อง ... คนดีเลยน้ำตาหยด เพราะรู้สึกผิด
หลังจากมาคิดทบทวน ก็ตัดสินใจว่ายังไงก็ออก ... แต่ยังมีซึมเศร้าบ้าง และกังวลกับอนาคตข้างหน้าที่ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง ... เราก็ต้องทำหน้าที่อุ้มชูฟื้นฟูพลัง
มาถึงวันนี้ วันสุดท้ายของเส้นทางชีวิตแบบเดิม อาการซึมเศร้าหายไป ความกังวลใจลดลง เพราะมีลูกค้าเสนองานเข้ามาให้ ... จากที่มีให้อุ่นใจอยู่ 1 โปรเจคท์ ก็มีโปรเจคท์ที่ 2 และ 3 เพิ่มตามมา
เรื่องงานก็น่าจะค่อยๆ ก้าวเดินไปได้อย่างช้าๆ ... แต่เรื่องของเราสองคน ก็คงต้องเริ่มต้นจัดระเบียบกันใหม่
จากที่เคยเจอกัน 6 วัน ต่อสัปดาห์ เจอกันเช้า-เย็น บางวันก็มีรอบกลางวันเพิ่ม ก็กลายเป็นรายสะดวก เจอกันเป็นครั้งคราว ... จากที่คนดีมาปลุกเราตอนเช้า แล้วเราปลุกคนดีตื่นกลับบ้านตอนค่ำ ก็คงไม่มีแล้ว
จากที่มีคนดีขับรถรับ-ส่งไปทำงาน-กลับบ้านเกือบทุกวัน ก็กลับเข้าสู่วงจรชีวิตแบบเดิมๆ คือ เดินไป-กลับเอง ... ไม่ได้กังวลเรื่องลำบาก เพราะเดินจนชินแล้ว แต่คงเหงาพิกล
ที่เคยเว้นที่ว่างเล็กๆ ให้กันและกัน อยู่บ้านใครบ้านมัน มีพื้นที่ส่วนตัวไปเจอเพื่อน เจอใครต่อใคร ... เริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้ ที่ว่างของเราสองคนก็คงขยายมากขึ้น
พอที่ว่างเพิ่มขึ้นแล้วก็หวั่นใจเหลือเกิน หวั่นใจกับตัวเองนี่แหละ ว่าจะงี่เง่า งอแง ได้ง่ายขึ้น ... เลยต้องทำข้อตกลงกับคนดีไว้ล่วงหน้า ต้องคุยต้องเคลียร์กันก่อน
เข้าใจว่าคนดีจะต้องไปทำงาน ติดต่องาน ดูแลงาน เวลาที่จะมาเจอกันคงน้อย ... เพราะฉะนั้น เวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน ขอให้เป็นเวลาที่มีค่า ... ไอ้ที่เจอกันแล้วยังต้องรับสายโทรศัพท์ต่อเนื่อง ปล่อยให้นั่งน้ำลายบูด ไม่เอาแล้ว รับไม่ได้ เพราะงานที่เริ่มต้นใหม่ คงยังไม่มีลูกค้าเป็นแพเหมือนเดิม คงไม่วุ่นวายนุงนังจนต้องรับสาย 4-5 สายต่อกัน
หวังว่าคนดีจะมีเวลาโทรหากันบ้าง เพราะไม่ได้เจอกันบ่อยๆ เหมือนเดิม น่าจะมีเรื่องคุยกัน มีเรื่องเล่าให้ฟังเพิ่มขึ้น ... ไม่ได้หวังว่าจะต้องโทรรายงานตัวทุกชั่วโมง ไม่ต้องคุยกันหลายๆ นาที ... แค่มีเวลาเล็กๆ น้อยๆ โทรมาบอกว่าคิดถึงกันบ้างก็พอ
ที่อยากได้ยินเสียงเพราะอยากรู้ว่ายังสบายดีอยู่ เวลาหายเงียบไปเลย แล้วห่วงเหลือเกิน ... ห่วงเพราะคนดีต้องตะลอนขับรถไปไหนต่อไหน คนที่อยู่นิ่งกับที่ก็ห่วงไปต่างๆ นาๆ ... ไม่อยากให้ความห่วง กลายเป็นเหตุให้ต้องงี่เงา แล้วงอแง
ตอนนี้ก็ได้แต่คอยเตือนตัวเองเอาไว้ ว่าต้องปรับตัวกันทั้งคู่ จะพูดอะไรก็ต้องคิดให้ดี จะงี่เง่า งอแง ก็ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง เตือนตัวเองให้มีเหตุผลเข้าไว้ ... ตอนนี้ก็ยังทำได้ เตือนตัวเองได้ พอถึงเวลาจริงๆ ไม่รู้จะหมู่หรือจ่า
เอาน่า เจอกันน้อยลงอาจจะทำให้เราเห็นคุณค่าของเวลาที่มีให้กันมากขึ้น รักกันมากขึ้นก็ได้ ... 6 ปีครึ่งที่เดินจูงมือกันมา คงไม่จูงกันไปเจออาถรรพ์รักร้าวเมื่อก้าวเข้าปีที่ 7 - The Seven Year Itch หรอกเนอะ
คนดีจ๋า ... ขอให้การเริ่มต้นทางเดินของชีวิตทางใหม่ของคุณ ก้าวไปอย่างราบรื่น และมั่นคงนะคะ ขอให้ก้าวไปถึงฝันที่คิดไว้ค่ะ ... แล้วอย่าลืมจับมือเค้า จูงมือเค้าเดินไปข้างๆ ด้วยนะคะ ถ้าปล่อยเค้าทิ้งกลางทาง เค้าคงร้องไห้ตาปูดแน่ๆ เลย
10 ความคิดเห็น:
อย่างนี้เค้าเรียกว่า
อดทน
เพื่ออนาคตค่ะ
^^
อ่า....คุงนกคงไม่ปล่อยให้เหงาหรอกมั้งคะ
จริงๆ ทำงานเอง น่าจะจัดสรรเวลาได้มากขึ้นนะ
อาจจะไม่ได้เป็นรูทีนแบบเดิม เช้า กลางวัน เย็น
แต่ก็อาจจะเป็นเช้าไปถึงสาย เที่ยงถึงเย็นอะไรแบบนั้นแทน รึเปล่าคะ ^^
^^___________^^
อาจต้องใช้เวลาเพื่อการปรับเปลี่ยนสักนิด
แต่ไม่น่าจะลำบากอะไรนะคะ
สู้ๆ เพื่ออนาคตเนอะ
อ่านแล้วคล้ายๆ ของน้ำจังเลยงะค่ะ น้ำก็ผ่านมาได้ด้วยความเข้าใจกัน เป็นทำมะดาที่ผู้หญิงหยางเรา ๆ ต้องการคนเข้าใจทุกเวลาและนาที แต่เหตุผล
กับความเข้าใจกัน มักจะไปด้วยกันเสมอมา
ม่ะเป็นไรหรอกน๊า ^^ อาจจะเหงาบ้าง แต่ก็ส่ง sms
หากันจิ ..
เค้าจะดูแลคุณนกเอง ไม่ต้องห่วงงงง
(รอเสียบมานานแล้ว เหอๆๆๆ)
อ่า แอบเศร้าตามนิดนุง
ถึงจะเปลี่ยนแปลง แต่ของให้ตานกไม่เปลี่ยนใจก็พอค่ะ
ส่วนคุณตั๊กก็ดูมีเหตุผลออกค่ะ ไม่น่าจามีปัญญา
กับระยะทาง ระยะเวลา หรือรูโหว่งอารายหร๊อกจ้า
ส่วนเรื่อง 7 ปีเนี่ย ดูจะไม่กระทบกับคู่นี้ได้เรยค่ะ
จริงจริง
+++ ^__________________________^ +++
ปกติอ่านไดอารี่ ของคุณจะได้รอยยิ้มเสมอ แต่วันนี้ แอบเศร้าตามเจ้าของไดอารี่เลยน่ะ เป็นกำลังใจ ให้ต่อสู้นะคะ ^^____^^
อ่านแล้วจะร้องไห้
อินจัด
เค้าขอให้ตะเองสองคนอดทนนะ สู้ๆนะคุณตั๊ก
เค้าเชื่อว่าคุณนกไม่เหลวไหลหรอกน่า
ตะเองก้ออย่างอแงนะ
ถ้าเลิกกันเค้าจะไปเอาที่เที่ยวที่ไหนมาดูหละ
กอดๆ
*คุณพิม
คนดีอดทนเรื่องงาน ส่วนตั๊กก็ต้องอดทน ระวังตัวไม่งี่เง่าค่ะ
*คุณกี้
ถ้าเป็นอย่างที่คุณกี้บอกก็ดีค่ะ อยากให้เป็นอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ ... นานๆ เจอกันก็ไม่เป็นไรนะคะ แต่เจอแล้วสนใจ ใส่ใจกันเต็มที่ก็พอค่ะ
*คุณแนท
ช่วงปรับตัวนี่หล่ะค่ะ ที่กลัวตัวเองจะงี่เง่า งอแง เฮ้อออ ... ต้องลุยผ่านไปให้ได้ค่ะ
*คุณน้ำ
เข้าใจสถานการณ์ของคนดีนะคะ แต่บางทีก็ขอเรียกร้องสิทธิของตัวนิดนึงค่ะ ... กลัวตอนเรียกร้องสิทธินี่หล่ะค่ะ ที่จะงี่เง่า ต้องคอยเตือนตัวเองให้ชี้แจงเหตุผล และใช้เหตุผลค่ะ
*คุณกุ๊ก
จะสละเกาะมาดูแลนกจริงๆ เหรอคะ ... เมินคุณผึ้งของคุณกี้แล้วเหรอคะ
*คุณพัช
เศร้าเลยเหรอคะ เอ ตัวหนังสือที่เขียนไปสื่ออารมณ์เยอะขนาดนั้นเลยเหรอคะ
อารมณ์ปกติก็มีเหตุผลนะคะ แต่กลัวเวลางี่เง่านี่หล่ะค่ะ เหตุผลอาจจะกระเด็นกระดอนหล่นหายไปบ้าง ... หวังว่านกจะไปเปลี่ยนใจค่ะ
*คุณrose
อุ๊ย เศร้าอีกคนแล้ว ... ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ จะพยายามสู้กับความงี่เง่าของตัวเองค่ะ
*คุณแหม่ม
ว๊าย ตัวหนังสือตั๊กเศร้ามากเลยเหรอคะ ... ตอนนี้ยังโอเคอยู่ค่ะ แต่ว่าเวลางี่เง่า มักจะงอแงตามมาติดๆ ค่ะ
นกไม่ค่อยเหลวไหลหรอกค่ะ กลัวแต่จะวุ่นวายกับงานจนไม่มีเวลา แล้วเผลอละเลยกันมากกว่า ... อยากเขียนเรื่องเที่ยวให้คุณแหม่มอ่านอีกหลายๆ ทริปค่ะ
อ่านแล้วเศร้าครับพี่ มันเหมือนต้องรับมิอกับความเปลี่ยนแปลงและควาไม่แน่นอนอะไรหลายอย่าง
แต่ผมเชื่อว่ามันปรับกันได้ เดี๋ยวพี่วะมีก็แวบไปแวบมาเหมือนเดิมล่ะเนอะครับ คนเรามนก็มีจุดเปลี่ยนกันทุกคน เพื่อะไรที๋โตขึ้นและดีขึ้นเนอะครับ
ยังไงผมเอาใจช่วยเสมอเด้อคุณพี่ ขอให้พี่สะมีไปได้สวย รวยๆเฮงๆๆๆนะครับผม ใหม่ๆก็เครียดแบบนี้ แต่เดี๋ยวก็ผ่านไปได้นะครับ
แสดงความคิดเห็น